รีวิวฉบับที่ 1492 …วันนี้จะพาไปชมตึกเสร็จกับ Plum Condo Central Station – เฟส 1 เป็นอีกหนึ่งโครงการของพฤกษาที่เปิดขายในปี 2557 และสามารถปิดการขายได้หลังจาก Pre-Sale เพียงไม่กี่วัน โดยทำออกมาเป็นคอนโด High Rise 38 ชั้น ติด Central Westgate ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์และสถานีรถไฟฟ้า นอกจากทำเลที่เป็นจุดขายของโครงการแล้วยังมีไฮท์ไลท์อีกอย่างคือส่วนกลางของโครงการที่จัดเต็มมาก แบบที่เรียกได้ว่าให้เยอะและดูน่าใช้งานมากที่สุดในทำเลนี้ ในราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ

Fact @ 08 December 2017

  • Plum condo central station Phase 1 (พลัมคอนโด เซ็นทรัล สเตชั่น เฟส 1)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางใหญ่
  • คอนโดมิเนียมสูง 38 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 1,208 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 39 ยูนิต
  • ที่จอดรถ 30% ของจำนวนยูนิต
  • ที่ดินประมาณ 4-0-96 ไร่
  • สร้างเสร็จพร้อมอยู่
  • 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 23.5-26.25 ตร.ม.
  • 2 ห้องชุดรวมกัน พื้นที่ใช้สอย 48-50 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • ราคาห้อง 1.39 – 4 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ ประมาณ 70,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.874810, 100.413337

Map

แผนที่จากทางโครงการ Plum Condo Central Station – เฟส 1 จุดเด่นที่สุดของโครงการคือทำเลที่อยู่ติดกับ Central Westgate และสังเกตว่าบริเวณที่ตั้งของโครงการจะอยู่ในแหล่งสถานที่สำคัญที่เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ของย่าน เช่น ศูนย์การค้า, Community Mall, โรงพยาบาล และ ตลาด เป็นต้น และก็ยังมีแนวของรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่านหน้าโครงการด้วย โดยมีสถานที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีสามแยกบางใหญ่ ในระยะประมาณ 500 เมตร ค่ะ

ดูจากทำเลโครงการนั้นอยู่จุดที่เป็นชานเมืองก็จริงแต่ก็อยู่ในจุดที่เป็นแหล่งรวมความเจริญในย่าน เป็นบริเวณที่มีความคึกคักของแหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่มากระจุกตัวกัน ทำให้ทำเลของโครงการเป็นสิ่งที่โดดเด่น เพราะจากโครงการเราสามารถเดินเข้าเซ็นทรัลได้สบายๆ เพราะรั้วอยู่ติดกันเลย ถ้าต้องการไป Community Mall อื่นๆ หรือโรงพยาบาลที่ใกล้สุดก็นั่งพี่วินไปได้ในราคาไม่เกิน 15 บาท และในอนาคตกำลังมีการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายตะวันตก บางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี เชื่อมต่อท่าเรือทวาย ทะเลอันดามัน เพื่อรองรับการเดินทางขนส่งของตลาด AEC อีกด้วย แต่ว่าตัวโครงการนั้นไม่ได้อยู่ติดกับถนนรัตนาธิเบศร์เลย จะอยู่หลัง Plum Condo Central Station – เฟส 2 จึงต้องเข้าจากถนนใหญ่ไปอีกประมาณ 200 ม.

การเดินทางด้วยรถส่วนบุคคลถือว่าสะดวกนะ อยู่ในจุดแยกตัดได้ทั้งเข้าเมืองและออกเมือง ไปไหนได้ง่ายถ้าไม่นับการจราจรติดขัด ดูจากแผนที่ระยะไกลเราจะเห็นว่าตัวโครงการนี่สามารถออกไปยังจุดต่างๆได้หลายเส้นทาง เช่น ถนนกาญจนาภิเษกซึ่งไปได้ทั้งวงแหวนตะวันตก(ไปบางแค, บรมราชชนนี, พุทธมณฑล) หรือขึ้นเหนือไปจังหวัดสุพรรณบุรี ปทุมธานี ได้ ถ้าออกไปทางถนนรัตนาธิเบศร์ก็เข้าเมืองไปโซนงามวงศ์วาน, เกษตรนวมินทร์ ได้สะดวก นอกจากนั้นก็มีเส้นซอยย่อย ที่ใช้เป็นทางลัดทะลุไปราชพฤกษ์ ไปบางกรวยได้ คือ ถนนบางกรวย-ไทรน้อย เป็นที่ตั้งของชุมชนอยู่อาศัยที่มีแหล่งความอุดมสมบูรณ์ครบครัน ทั้งเรื่องอาหารการกิน โรงเรียน โรงพยาบาล วัด สถานที่ราชการ ปั๊มน้ำมัน มินิมาร์ท  เรียกว่าครบเลยเวลาขากลับเราอาจเลี่ยงรถติดบนทางหลักมาใช้เส้นทางนี้ได้ ส่วน Community Mall เก๋ๆ ต้องไปที่เส้น ราชพฤกษ์ซึ่งมี The Walk, The Crystal, The Circle เป็นต้น

จากโมเดลจะเห็นว่าโครงการอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานี คือสถานีสามแยกบางใหญ่ เป็นสถานีที่ใกล้โครงการที่สุด มีระยะห่างประมาณ 500 เมตร แม้จะอยู่ในระยะเดินแต่แนะนำให้เรียกพี่วินดีกว่าเพราะระหว่างตัวสถานีกับโครงการจะค่อนข้างเปลี่ยว และพี่วินก็สนน.ราคาที่ 10 บาทเท่านั้น และส่วนสถานีตลาดบางใหญ่จะมีระยะห่างจากโครงการที่ 800 ม. แต่ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของสถานีจะอยู่รายล้อมด้วยแหล่งความคึกคัก ทำให้บรรยากาศดูน่าเดิน และยังสามารถเดินลัดเข้าเซ็นทรัลมาออกที่ข้างโครงการได้ด้วย หรือถ้าจะเรียกพี่วินมาโครงการก็สนน. ราคาที่ 15 บาทค่ะ

จากภาพรวมของรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง เป็นสายที่เชื่อมกรุงเทพฯและปริมณฑล จึงสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ไม่ยาก จากต้นสถานีคลองบางไผ่ถึงปลายสถานีที่เตาปูน โดย interchange เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน(MRT) สถานีบางซื่อ โดยรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้จะวิ่งตามเส้นทางถนนกรุงเทพนนท์ ผ่านแยกวงศ์สว่าง เข้าถนนติวานนท์ เลี้ยวเข้าถนนรัตนาธิเบศร์ สุดทางที่ถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น

การเดินทางในวันนี้จะเริ่มบริเวณแยกที่ตัดกันระหว่างถนนกาญจนาภิเษกกับถนนรัตาธิเบศร์ โดยวิ่งบนเส้นวงแหวนตะวันตก มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ผ่านบริเวณที่มีความคึกคักของย่านบางใหญ่ เพื่อไปกลับรถข้ามมายังฝั่งเซ็นทรัล แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัตนธิเบศร์ เพื่อเข้าไปยังโครงการ เส้นทางนี้มีระยะทางทั้งหมดประมาณ 5.7 กม. ค่ะ

เริ่มจากบริเวณสามแยกบางใหญ่จะเห็นห้าง Central Plaza Westgate ขนาดใหญ่ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายจะมี BB Market หรือบางใหญ่ไนท์พลาซ่า ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งของถูกของคนแถวนี้ด้วย มีขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้า ทั้งมือหนึ่งและมือสอง มีร้านอาหารให้เลือกหลายเจ้าเลย เปิดตอนเย็นวันพฤหัส ถึงอาทิตย์ครับ ถัดไปติดกันจะเป็น Index Livingmall และตลาดกลางบางใหญ่ โดยตลาดกลางบางใหญ่นี้มีทำเลอยู่ในหมู่บ้านบางใหญ่ซิตี้ ขายทั้งผักผลไม้ ขนมปังต่างๆ แบบขายปลีก-ส่ง ร้านขายของชำ ส่วนตลาดสด เนื้อสัตว์ต่างๆ จะอยู่ด้านหลัง ที่จอดรถก็มีให้เยอะด้วยค่ะ

วิ่งต่อมาจะเจอกับรถไฟฟ้าสถานีตลาดบางใหญ่ ฝั่งซ้ายพอพ้น Big King มาก็จะเจอกับ Big C Extra สะพานลอยตรงนี้ข้ามไปใกล้กับทางเข้าห้างเดอะสแควร์ค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆ ก็สังเกตหาป้ายกลับรถ จุดสังเกตคือจะอยู่บริเวณสถานีสุดท้าย สถานีคลองบางไผ่ ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานีซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า และยังมีอาคารจอดแล้วจร เป็นอาคารจอดรถสูง 3 ชั้น สามารถรองรับประมาณผู้ใช้บริการได้ 1,800 คัน ตั้งอยู่ใต้อาคารศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งสามารถใช้เป็นสะพานลอยคนข้ามถนนด้วย

ถ้าจะกลับรถให้อยู่เลนขวานะคะ ถ้าเลนซ้ายจะเป็นทางเข้าอาคารจอดรถแล้วจรของสถานีคลองบางไผ่

กลับรถมาแล้วก็วิ่งตรงยาวๆ จะผ่านปั๊มปตท. ทางซ้ายมือ

ตรงมาเรื่อยๆ จะเริ่มมีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นทางขึ้นลง MRT สถานีตลาดบางใหญ่

จากตัวสถานีก็จะมีทางเดินเชื่อมเข้า Central Westgate ได้เลยนะคะ

ตรงผ่านหน้า Central มาก็ชิดซ้ายตามป้ายแครายไปค่ะ

ชิดซ้ายมาเรื่อยๆ จะเห็น Transportation Hub ทางฝั่งซ้าย เป็นจุดขึ้นรถตู้ที่อยู่ใน Central มีระยะห่างจากโครงการ 750 ม. ค่ะ

ถัดมาก็จะเห็นทางเข้า Central Westgate ก็เตรียมชะลอรถไว้เลย เพราะทางเข้าถัดไปก็จะเป็นทางเข้าโครงการ Plum Condo Central Station – เฟส 1 แล้วค่ะ

บริเวณด้านหน้าทางเข้าจะมีป้ายชื่อโครงการติดไว้ชัดเจน

เลี้ยวเข้ามาจะเป็นทางเดินรถตรงยาวๆ เข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นถนนที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Plum เฟส 1 และ 2 รวมถึงโครงการในอนาคตของพฤกษาที่จะมาขึ้นบนแปลงด้านในสุดด้วยค่ะ

ด้านข้างโครงการอยู่ติดกับ Central Westgate แบบรั้วติดกันเลยนะคะ แต่ Plum – เฟส 1 จะเป็นอาคารด้านในที่ต้องเดินเข้าจากหน้าถนนใหญ่ไปประมาณ 200 ม. จึงมีระยะห่างจากรวมจากหน้าโครงการถึงประตูห้างฯ เลยอยู่ที่ 350 ม. ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

อย่างที่บอกว่าทำเลโครงการอยู่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ และติดศูนย์การค้า ทำให้บริเวณโดยรอบโครงการ Plum Condo Central Station – เฟส 1 ทางฝั่งทิศตะวันตกจะติดกับห้างฯ ตลอดแนว ส่วนทิศอื่นๆ จะติดกับหมู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ได้วิวที่เปิดโล่ง ยกเว้นแต่ทางทิศใต้ที่จะติดกับคอนโดพลัม เฟส 2 แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะห้องในคอนโดส่วนใหญ่จะไม่ได้หันออกทางทิศใต้ จะหันทางทิศตะวันออก-ตะวันตก เป็นหลัก โดยสามารถสรุปได้ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ หมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ สูง 2-3 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับถนนทางเข้าโครงการและหมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ สูง 2-3 ชั้น
  • ทิศใต้ ติดกับ Plum Condo Central Station – เฟส 2 สูง 38 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับ Central Westgate

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Mrt สามแยกบางใหญ่ ~ 500 ม.
  • Mrt ตลาดบางใหญ่ ~ 800 ม.
  • Central Westgate ~ 350 ม.
  • HomePro ~ 1.1 กม.
  • บีบี มาร์เก็ต ~ 1.2 กม.
  • Index living mall ~ 1.2 กม.
  • ตลาดกลางบางใหญ่ ~ 1.4 กม.
  • Big C ~ 1.4 กม.
  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ~ 1 กม.
  • BigC extra ~ 1.5 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

ภาพรวมภายนอกอาคาร Plum condo central station – เฟส 1 การออกแบบเน้นเส้นสายในแนวตั้ง ใช้โทนสีเทาเป็นหลักตัดด้วยสีส้ม สูง 38 ชั้น 1 อาคาร เห็นหน้าต่างห้องเยอะแบบนี้ เพราะโครงการแบ่งเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่นักจำนวน 1,208 ยูนิต ทำให้มีราคาที่หยิบจับง่าย อย่างไรก็ตามโครงการมีจุดเด่นที่ทำเลโครงการอยู่ติดกับ Central Westgate จึงสามารถเดินไปได้แบบสบายๆ และยังจัด Facility มาแบบเต็มที่ไว้ที่ชั้น L, M, 4, 5, 6, 37 และ 38 นะคะ โดย Main Facilities ก็อยู่ที่ชั้น 37-38 ทำให้ลูกบ้านทุกชั้นสามารถขึ้นมานั่งชมวิวบนชั้นที่สูงสุดในโครงการได้

มาดู Master Plan ของโครงการ กันก่อน จากบริเวณหน้าโครงการจะมีทางเดินรถแยกเป็น 2 ฝั่ง ทางตรงเข้ามาเป็นทางหลักที่จะมาผ่านบริเวณ Drop-Off และเป็นทางขึ้นที่จอดรถชั้น M,4 และ 5 แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปจะเป็นทางเข้าที่จอดรถชั้น G ดูจากสัดส่วนที่จอดรถอยู่ที่ 30 % ของโครงการ จึงคาดว่าทางโครงการหวังจะจับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่เน้นใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก แต่ด้วยระยะห่างจากรถไฟฟ้าที่ไม่สามารถเกินระยะเดิน (ประมาณ 500 ม.) ถือว่ายังให้ที่จอดรถมาน้อยไปหน่อยนะคะ

พื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้จัดมาเพื่อเป็นส่วนต้อนรับก็จะมีพื้นที่ของ Guest Living ให้แขกของลูกบ้านมานั่งรอ ได้ในบริเวณนี้ ซึ่งจะไม่สามารถเข้าไปในส่วน Resident Living ได้ เพราะต้องใช้ Key Card ในการเข้า-ออกเท่านั้น เป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับลูกบ้านค่ะ ส่วนกลางที่เป็น Highlight ในชั้นนี้คือสวนส่วนกลางที่โครงการจัดไว้ให้มีขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ เป็นพื้นที่สีเขียวให้ลูกบ้านมานั่งเล่น เดินออกกำลังกายกันได้อย่างเต็มที่

บรรยากาศด้านหน้าของโครงการด้านที่ติดกับถนนทางเข้าโครงการ ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักทางเดียวของโครงการ เส้นทางเดินรถเข้า 1 เลน ออก 1 เลน ทางเข้าโครงการจะมีไม้กระดกเปิดปิดด้วยระบบ Key Card นอกจากนี้ก็จะมี ร.ป.ภ รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงและกล้อง CCTV บริเวณป้อมยามทางเข้า – ออกโครงการ

บริเวณด้านหน้าโครงการจะมีทางเดินรถแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ถ้าตรงไปตามทางเข้าหลักจะเป็นทางวนไปบริเวณ Drop-Off และไปยังที่จอดรถบนอาคาร ส่วนทางเดินทางขวาเป็นทางเข้าที่จอดรถชั้น G

บริเวณทางเข้า-ออกนี้ จะมีการติดตั้งไม้กระดกกั้น ถ้าลูกบ้านจะผ่านเข้าออกก็ต้องใช้ Keycard แสกนตั้งแต่ตรงจุดนี้นะคะ  และพี่รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ทางเดินรถบริเวณหน้าโครงการจะเป็น Stamped Crete ดูเรียบร้อยสวยงาม บรรยากาศบริเวณทางเข้าดูร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่และไม้พุ่มที่ทางโครงการจัดไว้เป็นสวนด้านหน้าโครงการ ด้านข้างทางฝั่งขวาเป็นทางเข้าที่จอดรถบนอาคาร

บรรยากาศภายในที่จอดรถในอาคารค่อนข้างโปร่งโล่ง เนื่องจากมีช่องรับแสงและระบายอากาศจำนวนมาก ซึ่งช่องรับแสงเหล่านี้ทำให้ประหยัดค่าไฟของส่วนกลางอีกด้วยค่ะ

ขึ้นมาบนชั้นที่จอดรถชั้น M เป็นชั้นแรกที่สามารถเดินเข้าอาคารได้

ส่วนช่องจอดรถของโครงการมีขนาดมาตรฐาน ไม่แคบเกินไป

สำหรับใครที่มาส่งลูกบ้านก็จะมี Drop -Off ให้วนรถรับส่งได้สะดวก

 

พื้นที่ด้านหน้าอาคารจะเป็นส่วนของ Guest Living ให้แขกของลูกบ้านมานั่งคอย นั่งเล่นบริเวณนี้ได้

ถัดจากส่วนของ Guest Living เข้าไปด้านในจะเป็นสวนส่วนกลางขนาดใหญ่

มุมพักผ่อนในสวนจัดฟังก์ชันให้สามารถมาเดิน วิ่งออกกำลัง หรือมาขี่จักรยานในสวนกันได้ แต่ก็เหมาะจะมาใช้งานช่วงเย็นๆ ที่แดดร่มหน่อย

มีมุมนั่งเล่นภายในสวนหลายรูปแบบทั้งที่เป็นชุดโซฟาเบดขนาดใหญ่ ให้สามารถนั่งชมวิวเพลินๆ กันได้ด้วย

บรรยากาศภายในสวนมีมุมให้นั่งเล่นอยู่หลายมุมทีเดียว และมีความร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่และไม้พุ่ม

นอกจากนี้ก็จะมี Pavillion ช่วยบังแดดบังฝน แต่ก็ยังเหมาะจะขึ้นมาใช้ช่วงเย็นที่แดดร่มแล้วนะคะ

มุมภายในสวนที่มองกลับไปบริเวณ Guest Living เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปชมบรรยากาศภายในอาคารกันต่อนะคะ

พื้นที่ Lobby ของอาคารในส่วนแรกจัดเป็น The Living 2 ชั้น โดยชั้นล่างเรียกว่า Resident Living เป็น Looby ส่วนตัวสำหรับลูกบ้านเพราะส่วนนี้จะต้องใช้ Key Card ในการผ่านเข้าออก ส่วนชั้นบนเป็น Social Living ที่สามารถขึ้นได้จากทางบันไดด้านหน้าและจากทางอาคารชั้น 2 ได้ จึงเป็นพื้นที่ต้อนรับและใช้เป็นโซนพบปะ สังสรรค์กับแขกได้

สำหรับประตูทางเข้า Lobby จะต้องใช้ Key Card ตั้งแต่ตรงนี้ ซึ่งเป็นประตูกระจกเปิดให้เห็นบรรยากาศภายใน และยังทำให้แสงธรรมชาติผ่านเข้าไปได้ จึงทำให้บรรยากาศภายในดูโปร่ง ไม่อึดอัดด้วยค่ะ

ภายใน Resident Living จะมีชุดโซฟาไว้รับรองอยู่หลายชุดเลย บรรยากาศภายในดูอบอุ่นด้วยวัสดุที่ออกไปทางโทนสีน้ำตาล

บรรยากาศมุมหนึ่งของพื้นที่นั่งเล่นภายใน Resident living

ฝั่งซ้ายของ Lobby เป็นห้องจดหมาย ซึ่งทางโครงการทำเป็นห้องปิดไว้เรียบร้อย ส่วนด้านในเป็นบริเวณ Lift Lobby ค่ะ

บรรยากาศในส่วนห้อง Mail Box จะเป็นช่องเล็กๆใส่จดหมาย

ส่วน Lift Lobby มีลิฟท์ทั้งหมด 4 ตัว มีตำแหน่งที่จัดไว้ตรงกลางมีข้อดีที่ทำให้ห้องพักทั้ง 2 ฝั่งของอาคารมีระยะไม่ห่างจากโถงลิฟท์มากนัก บริเวณหน้าลิฟท์จะมีป้ายบอกชั้นติดไว้เรียบร้อยค่ะ

ด้านบนหน้าลิฟท์จะมีหน้าปัด Digital แสดงชั้นที่ลิฟท์หยุดอยู่บริเวณกลางอาคาร ภายในลิฟต์สว่างพอสมควรทีเดียววัสดุโดยรอบเป็นสแตนเลสกรุกระจก ทำให้บรรยากาศภายในลิฟท์ดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด

หน้าตาของปุ่มกดภายในลิฟต์ โดยลิฟต์ของที่โครงการนี้จะเป็นแบบไม่ได้ล็อกชั้น ก็จะเป็นจุดอ่อนเรื่องความปลอดภัยที่ลูกบ้านสามารถเข้าออกที่ชั้นอื่นๆ ที่ไม่ได้พักอาศัยได้ด้วยเช่นกัน

ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น M บรรยากาศบริเวณโถงลิฟต์ก็จะเหมือนๆ กับที่ชั้น L แต่ชั้นนี้จะมีประตูเชื่อมกับที่จอดรถ ทำให้สามารถเข้าอาคารได้เลย แต่ต้องใช้ Key Card แตะเพื่อผ่านเข้าออกนะคะ

พื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้ก็จะแบ่งออกเป็นห้องซักผ้า ห้องน้ำ และพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ที่ใช้เป็นพื้นที่ต้อนรับอย่าง Social Living

ภายใน Social Living เป็นโซนต้อนรับแบบ Semi Outdoor มีชุดโซฟาตามมุมต่างๆ ให้นั่งเล่นรับลมธรรมชาติ แต่ยังอยู่ในชายคา ก้จะมีความเป็นส่วนตัวขึ้นมามากกว่าโซน Guest Living ที่อยู่หน้าทางเข้าอาคาร

อีกมุมหนึ่งภายใน Social Living ได้แสงธรรมชาติจากภายนอกทำให้บรรยากาศดูโปร่ง ไม่อึดอัด

ขึ้นมาที่ส่วนกลางชั้น 4-5 ซึ่งโครงการตั้งชื่อไว้ว่า The Club ออกแบบไว้ให้เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ และจัดฟังก์ชันต่างๆ ไว้เยอะทีเดียว อย่างบริเวณทางเดินนี้ทางฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องประชุมที่ลูกบ้านสามารถมาจองใช้งานได้ ด้านขวามีห้องน้ำส่วนกลางให้ใช้งานได้สะดวก ด้านในเป็น Reading Club ขนาดใหญ่ทีเดียว

บรรยากาศภายใน Reading Club จัดเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ที่สามารถเข้ามานั่งเล่น อ่านหนังสือ ทำงาน ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย บริเวณนี้จะดูโปร่งโล่งด้วยผนังกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าที่ล้อมรอบห้อง นอกจากจะทำให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาได้สะดวกแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับชมวิวภายนอก ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด แต่วิวในห้องนี้จะไม่สูงนัก ถ้าอยากได้วิวมุมสูงต้องขึ้นไปชมที่ส่วนกลางชั้น 37-38 นะคะ

ทางโครงการจัดมุมนั่งเล่นไว้หลายรูปแบบดี เผื่อใครต้องใช้โต๊ะทำงาน หรือวันไหนอยากนั่งโซฟาอ่านหนังสือชิวๆ ก็เลือกใช้กันได้

The Club มีพื้นที่ทั้งหมด 2 ชั้น โดย The Club ชั้น 2 จะถูกจัดไว้เป็น Play Club ซึ่งจะมีบันไดทางขึ้นจาก Reading Club นะคะ

บรรยากาศภายใน Play Club จัดพื้นที่ไว้ให้มีโต๊ะพูล, เกมส์, มุมนั่งเล่น

ด้านในมี Mini Theater เผื่ออยากเปลี่ยนบรรยากาศจากในห้องพัก ก็ออกมานั่งดูทีวีสบายๆ ตรงนี้ได้

นอกจากนี้ก็ยังมีโต๊ะปิงปองไว้ให้ออกกำลังกายกันด้วย

ขึ้นมาที่ชั้น 6 เป็นชั้นแรกที่เริ่มมีห้องพักอาศัย แต่ก็ยังมีบางส่วนของชั้นที่เป็น Facility ส่วนกลางอยู่นะคะ ผังของโครงการนี้มีข้อดีของการจัดตำแหน่งของโถงลิฟต์ที่อยู่ติดกับสวนส่วนกลาง ทำให้สามารถเดินออกจากลิฟต์แล้วเข้าสู่สวนได้โดยที่ไม่ต้องเดินผ่านห้องพักของลูกบ้าน ทำให้ห้องพักอาศัยในชั้นนี้ไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวไปมากนัก

สำหรับห้องพักอาศัยในชั้นนี้มีหลายแบบให้เลือกทั้งแบบห้อง 1-2 Bedroom และมีห้องพักแบบ Garden View ด้วย ดูจากแปลนห้องพักส่วนใหญ่จะหันออกทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก โดยทิศทางลมของประเทศไทยส่วนใหญ่จะมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ ส่วนในหน้าหนาวลมจะมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ห้องทางทิศตะวันตกที่ถึงแม้ว่าจะโดนแดดตอนบ่ายแต่ก็แลกมากับลมที่จะเข้ามาแรงกว่าห้องทางฝั่งทิศตะวันออก แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ห้องตอนกลางวันด้วยแนะนำเป็นห้องทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือจะลงตัวกว่า เพราะจะได้ไม่ร้อนในตอนบ่ายค่ะ ในเรื่องวิว..ความสูงของห้องพักในชั้นนี้จะเลยความสูงของหมู่บ้านแล้วทางทิศตะวันออกมาแล้ว แต่ทางทิศตะวันตกจะได้วิวที่ยังไม่โล่งมากนัก เพราะโดนบล๊อกด้วยเซ็นทรัลและอิเกียอยู่ค่ะ

จากบริเวณโถงลิฟต์ชั้น 6 จะอยู่ติดกับทางเดินเข้าสู่สวนกลางที่เป็นรูปแบบของ Sky Garden

ตำแหน่งของสวนจะอยู่ทางทิศตะวันตกของอาคาร ทำให้การใช้งานของสวนนี้เหมาะจะใช้ในช่วงเช้าที่มีแดดไม่จัดนัก เพราะตัวอาคารจะบังแดดทางทิศตะวันออกในตอนเช้าๆ ให้จนถึงช่วงเที่ยง ซึ่งหลังจากเวลานี้บริเวณสวนจะร้อนหน่อย ต้องรอแดดร่มลมตกในตอนเย็นถึงจะน่าใช้งานอีกครั้งค่ะ นอกจากสวนฝั่งนี้จะเป็นพื้นที่สวนส่วนกลางให้มานั่งเล่นได้แล้ว ยังเป็นวิวให้กับห้องพักทางฝั่งนี้ ให้พอได้บรรยากาศของต้นไม้สีเขียวๆ ด้วยเช่นกัน

โครงการออกแบบสวนมาโดยเล่นระดับให้อยู่ตำ่ลงไปกว่าห้องพัก ซึ่งการออกแบบแบบนี้เป็นข้อดีที่ทำให้ห้องพักที่อยู่ติดกับสวนไม่เสียความเป็นส่วนตัวไป จึงจัดว่าเป็นห้องที่ได้ Value เพิ่มขึ้นจริงๆ ค่ะ

บรรยากาศภายในสวนถูกจัดให้มีมุมนั่งเล่นอยู่หลายมุม มีบางส่วนที่เป็น Pavilion มีหลังคากันแดด กันฝนได้บ้าง

อีกมุมหนึ่งภายในสวนที่จัดเป็นม้านั่งยาว สวนส่วนกลางในชั้นนี้ไม่ได้สูงมากนักทำให้วิวเมืองที่ได้จะไม่กว้างนัก แต่อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่าโครงการจัดพื้นที่ส่วนกลางมาเต็มมาก จะมีสวนบนชั้น 37 อีกชั้นหนึ่งที่เปิดวิวโล่งๆ แบบเต็มที่

สำหรับบรรยากาศทางเดินในส่วนของห้องอาศัยก็ดูโล่งพอสมควร ด้วยช่องแสงจากปลายทางเดินที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาในอาคาร

ขึ้นมาที่ชั้น 7 – 36 จะเริ่มเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น มีจำนวนห้องพักชั้นละ 39 ห้อง การจัดวางผังห้องพักจะคล้ายๆ กับชั้น 6 คือมีให้เลือกทั้งแบบห้อง 1-2 Bedroom เช่นกัน สำหรับวิวก็จะคล้ายกับที่ชั้น 6 คือห้องทางทิศตะวันออกจะโล่งอยู่แล้ว ส่วนห้องทางทิศตะวันตกก็แนะนำเป็นห้องที่สูงขึ้นมาประมาณชั้น 10 ก็จะเริ่มได้วิวโล่งๆ พ้นอาคารของเซ็นทรัลและอิเกียแล้วเช่นกัน

ชั้น 37-38 จัดได้ว่าเป็น Highlight อีกอย่างหนึ่งของโครงการนี้ เอาใจคนที่อยากได้คอนโดที่มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ชั้นบน ให้มาใช้งานและชมวิวไปด้วยได้ บนชั้น 37 จัด Facilities ไว้หลายฟังก์ชันได้แก่ Sky Lounge, ห้องโยคะ, ห้องต่อยมวย, ห้องฟิตเนส, Sky Garden ขนาดใหญ่ทั้ง 2 ฝั่งของอาคาร และจะมีบันไดเชื่อมขึ้นไปยังชั้น 38 ได้ ซึ่งจัดเป็นชั้นสระว่ายน้ำแบบ Sky Pool เปิดวิวโล่งๆ ให้ว่ายน้ำไปชมวิวไปได้แบบชิวๆ

จาก Lift Lobby บนชั้น 37 จะมีทางออก 2 ทาง เพื่อเชื่อมเข้าสู่ส่วนกลางในแต่ละฝั่ง

มาดูส่วนของ Fitness กันก่อน จะอยู่ติดกับ Lift Lobby เลยค่ะ

เปิดเข้ามาภายในจะเจอกับเครื่องออกกำลังกาย ที่จัดวางให้หันหน้าออกไปทางผนังกระจกเพื่อให้ชมวิวได้สะดวก

มีเครื่องออกกำลังกายต่างๆ มาให้เลือกใช้งานกันหลายเครื่อง นับเครื่องออกกำลังกายทั้งหมดประมาณ 8 เครื่อง ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตของลูกบ้านก็ถือว่ายังให้มาไม่เยอะนะคะ

ส่วนทางออกอีกฝั่งของ Lift Lobby จะเป็นทางออกมายังโถงทางเดินที่เชื่อม Facilities ส่วนกลางหลายส่วนได้แก่ ห้องโยคะ ห้องต่อยมวย ห้องน้ำ และที่สุดปลายทางเดินจะเป็น Sky Garden ค่ะ

บรรยากาศภายในห้องโยคะจะมีอุปกรณ์ไว้ให้สำหรับมาออกกำลังกายได้ ใครมีก๊วนเพื่อนที่เล่นโยคะด้วยกัน ก็เรียกมารวมตัวที่ห้องนี้ได้สะดวกเพราะรองรับได้หลายคนทีเดียว

ส่วนห้องต่อยมวยจะมีอุปกรณืไว้ให้ซ้อมมวยได้เช่นกัน ถือว่าโครงการนี้ให้ Facilities มาเยอะดีนะเพราะอย่างห้องซ้อมมวยแบบนี้ เราก็ไม่ค่อยได้เห็นจากคอนโดส่วนใหญ่สักเท่าไหร่

ในส่วนของห้องน้ำจะพาเข้ามาดูในส่วนของห้องน้ำหญิง ภายในมีบรรยากาศที่ดูดี ผนังและพื้นปูด้วยกระเบื้องทั้งหมด ดูเรียบร้อย น่าใช้งาน

ภายในห้องสุขามีความกว้างใช้งานได้สะดวก และมีห้องอาบน้ำเอาไว้สำหรับล้างตัวเวลาว่ายน้ำเสร็จ หรือต่อยมวย เล่นโยคะ แล้วเหงื่อออกก็สมารถอาบน้ำที่ชั้นนี้ได้เลย

นอกจากนี้ก็จะมีห้อง Sauna ให้ใช้อีกด้วย

ออกมาที่ Sky Garden บนชั้นนี้ อย่างที่อธิบายไปว่าชั้นนี้จะมี Sky Garden 2 ฝั่ง มุมนี้จะเป็นบรรยากาศทางฝั่งทิศใต้ ก็จะมีมุมที่เห็น Plum Condo เฟส 2 ที่อยู่ด้านหน้า ส่วนตัวจะชอบสวนทางฝั่งทิศเหนือมากกว่า เดี๋ยวจะค่อยๆ พาไปดูนะคะ

บรรยากาศของ Sky Garden จะเน้นเป็นไม้พุ่มและมีมุมนั่งเล่น เพื่อเปิดให้ชมวิวได้โล่งๆ แต่ก็จะเหมาะให้มาใช้งานได้ในช่วงเย็นๆ ที่แดดร่มแล้วนะคะ

มาดูพื้นที่อีกส่วนหนึ่งบนชั้นนี้เป็นพื้นที่ของ Sky Lounge ที่จัดเป็นแบบ Semi Outdoor โซนนี้จะมีมุมนั่งเล่นแบบต่างๆ ส่วนที่เป็น Highlight คือเป็นพื้นที่นั่งเล่นในร่มที่เปิดให้เห็นวิวแบบโล่งๆ แถมลมยังพัดผ่านเย็นสบายอีกด้วย

ชุดโซฟาขนาดใหญ่ให้นั่งเล่นกันได้แบบสบายๆ

มีโต๊ะสูงให้นั่งทานข้าว หรือนั่งทำงานกันได้ด้วย

สำหรับสายปาร์ตี้ก็จัดให้มีพื้นที่ครัวพร้อมเคาน์เตอร์ทานข้าว ให้ลูกบ้านสามารถมาใช้จัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้ เผื่อใครที่ห้องอยู่ในชั้นไม่สูงนักก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศขึ้นมาทานอาหารไป ชมวิวไป บนชั้นสูงๆ กันบ้าง

ติดกับพื้นที่ Sky Lounge จะมีทางเดินเชื่อมไป Sky Garden อีกฝั่ง ส่วนทางซ้ายเป็นบันไดสำหรับขึ้นไปสระว่ายน้ำชั้น 38 ได้

บรรยากาศภายในสวนฝั่งนี้เน้นเป็นทางเดินในสวนเป็นหลัก มีการเล่นระดับทางเดินสลับกับพื้นที่ของสนามหญ้า ดูแล้วน่าจะเหมาะกับเด็กๆ ที่จะใช้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายอย่างสนุกสนาน

ด้านในสุดจะมี Pavilion ที่ช่วยกันแดดได้นิดหน่อย

ภายใน Pavilion จะมีมุมให้นั่งพักผ่อน

จากในสวนมองกลับไปที่อาคารจะเห็นพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นสูงสุด ที่เป็นตำแหน่งของ Sky Pool ค่ะ

ขึ้นบันไดมาที่ชั้น 38 (หรือใครจะขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 38 เลยก็ได้นะ) จะมีพื้นที่นั่งชมวิวริมสระอีกตำแหน่งหนึ่ง โครงการนี้ถึงแม้ว่ายูนิตจะเยอะ แต่พื้นที่ส่วนกลางก็จัดมาเยอะทีเดียวนะคะ

ถ้าใครชอบนั่งเก้าอี้ที่มีเบาะรองนุ่มๆ ก็เลือกมานั่งมุมนี้ได้ แต่จะลดระดับพื้นลงมาจากสระว่ายน้ำหน่อยค่ะ

มาดูในส่วนของสระว่ายน้ำกันต่อ เป็นแบบ Infinite-Edge Pool ยาวประมาณ 30 ม. ให้ใช้ว่ายออกกำลังกายหนักๆ ได้

จากตำแหน่งของสระว่ายน้ำจะเปิดให้ชมวิวเมืองโดยรอบจากภายในสระได้เลย ซึ่งเป็นมุมที่เห็นวิวโล่งๆ ไม่มีอาคารบังวิวเลยนะคะ

ภายในสระว่ายน้ำจะแบ่งพื้นที่ของสระเด็กไว้เรียบร้อย มีความลึกที่ 50 ซม. ค่ะ

สำหรับใครที่ไม่ได้อยากว่ายน้ำหนักๆ ก็สามารถมานอนชิว ชมวิว บริเวณริมสระได้ ถ้านอนบนเตียงก็น่าจะได้วิวน้ำและท้องฟ้าดูชิวๆ ดีนะ

ต่อไปมาดูวิวโดยรอบกันบ้าง เนื่องจากโครงการเป็นตึกสูงในย่านชานเมืองจึงไม่ค่อยมีตึกสูงบังวิวเลยนะคะ รูปนี้เป็นวิวทางทิศตะวันออก จะเป็นวิวที่มองเข้าเมืองไปตามแนวรถไฟฟ้า

ส่วนวิวทางด้านทิศใต้ จะถูกบังวิวด้วย Plum Condo เฟส 2 ซึ่งดูจากผังห้องพักจะเห็นว่าตึกนี้ไม่ได้มีผลต่อวิวของห้องพักมากนัก เพราะห้องพักส่วนใหญ่หันในแนวตะวันออก-ตะวันตก ค่ะ

วิวด้านทิศตะวันตก เป็นด้านที่หันไปทางเซ็นทรัล Westgate คิดว่าถ้าเลือกห้องที่สูงหน่อยประมาณชั้น 10 ก็น่าจะพ้นหลังคาเซ็นทรัลมาได้ และจะเปิดวิวโล่งๆ แบบนี้ค่ะ

วิวด้านทิศเหนือ ก็ค่อนข้างโล่ง ไว้วิวทางหมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ และมองออกไปนอกเมืองค่ะ

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำ ขนาดยาว 30 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
  • Yoga Room
  • Sauna & Steam
  • Boxing Room
  • Social Living
  • Guest Living
  • Sky Lounge
  • Sky Garden
  • Jogging track / Bicycle lane
  • ห้องอ่านหนังสือ
  • Multi club พื้นที่เอนกประสงค์
  • Game room
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 302 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 30% ของจำนวนยูนิต
  • Access Card
  • CCTV/รปภ. 24 ชั่วโมง

 


Product Walkthrough

ดูจากภาพรวมของโครงการและ Facility แล้ว ถือว่าโครงการนี้เป็นคอนโดที่ทางพฤกษาตั้งใจทำออกมาให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้พื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม ไม่ได้ซื้อโครงการแค่เพื่อพักอาศัยในห้องเท่านั้น แต่เพื่อให้ราคาห้องยังหยิบจับง่าย ทางโครงการจึงแบ่งเป็นห้องอาศัยให้มีขนาดไม่ใหญ่นัก เริ่มต้นที่ 23.5 ตร.ม. โดยห้องส่วนใหญ่ของโครงการจะมีขนาดอยู่ที่ 24-26.25 ตร.ม.

วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบ คือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.5 ตร.ม. และ 26.25 ตร.ม. โดยโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่จัดไว้ จึงแค่ให้ดูเป็นตัวอย่างการจัดวางเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ให้ทั้งหมด ส่วนเฟอร์นิเจอร์และวัสดุอุปกรณ์ที่จะได้เหมือนแบบในห้องตัวอย่างคือ Pantry ครัว, ตู้เสื้อผ้า, วัสดุภายในห้องน้ำและ Wallpaper ค่ะ

ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.5 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง (ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมากับประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ จึงเป็นห้องที่เหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำครัวเยอะ ส่วนใหญ่ก็ใช้พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลัก จึงอยากให้แสงเข้าห้องมายังพื้นที่นั่งเล่นมากกว่า อย่างไรก็ตามแบบห้องจะเหมาะหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่นะคะ

ในส่วนของห้องน้ำนั้นจะค่อนข้างแตกต่างกว่าโครงการทั่วไปเนื่องจากเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป (สร้างและประกอบที่โรงงาน ค่อยมาติดตั้งหน้างาน) ข้อดีของห้องน้ำประเภทนี้คือคุณภาพค่อนข้างดีเพราะประกอบจากโรงงานมีการ QC ไม่เหมือนห้องน้ำทั่วไปที่ต้องแล้วแต่โชคว่าช่างที่ทำให้ห้องเรานั้นทำเก่งรึเปล่า การซ่อมแซมง่าย ไม่รั่วซึม ทำความสะอาดง่าย แต่ข้อเสียก็มีนะคะ คือเรื่องราคาที่สูงกว่าห้องน้ำธรรมดา และขนาดที่ไม่มีให้เลือกได้มากนัก พื้นห้องน้ำจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นห้อง ออกแบบมากะทัดรัด เพื่อประหยัดเนื้อที่ใช้สอยส่วนอื่นๆ ซึ่งยากที่จะต่อเติมหรือขยับขยายแน่นอน สำหรับใครที่สนใจในการศึกษาห้องน้ำสำเร็จรูปเพิ่มเติม (คลิกที่นี่)

เริ่มจากประตูหน้าห้องได้เป็นบานไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต พร้อมมือจับแบบก้านโยก

ระดับของพื้นห้องจะถูกยกขึ้นมาสูงกว่าพื้นโถงทางเดินอีกหน่อย ในกรณีที่หากห้องข้างเคียงเกิดท่อแตกหรือน้ำรั่วแล้วน้ำไหลออกมาตามทางเดิน การยกระดับพื้นแบบนี้จะช่วยป้องกันน้ำเข้าห้องได้

เข้ามาในห้องส่วนแรกจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางฝั่งซ้าย ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปเป็นโซนพักผ่อนทั้งนอนและนั่งเล่นที่รวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน พื้นห้องปูด้วยลามิเนต ส่วนความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.55 ก็เป็นไปตามมาตรฐานของโครงการระดับนี้

ด้านหลังประตูมี Door Stop กันประตูกระแทกติดไว้ให้เรียบร้อย พื้นที่บริเวณหน้าห้องจะเป็นที่ยืนทำครัวและเป็นทางเดินเข้าออกห้องด้วย ดูจากระยะประมาณ 1.2 ม. เวลายืนทำครัวก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านได้สะดวก

มาดูรายละเอียดส่วนของเคาน์เตอร์ครัวกันก่อน ขนาดเคาน์เตอร์พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดและเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นไว้ให้ สำหรับชุดครัวจะได้ตามในห้องตัวอย่างแต่จะไม่ได้แถมเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้นะคะ

เคาน์เตอร์ครัว Built-in มาให้โดยวัสดุของตัวตู้และ Top เคาน์เตอร์เป็นโครงไม้กรุเมลามีน ด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดใต้อ่างล้างจาน ตู้นี้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ

มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 2 ช่อง ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่ง เผื่อใครที่ไม่ค่อยได้ใช้เตาทำอาหาร ก็จะเหลือพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารตรงนี้ ถ้าเจ้าของห้องต้องการจะติดเตาเพิ่มก็สามารถซื้อมาติดได้ แต่จะไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารเหลือ ทำให้เวลาทำอาหารหนักๆ อย่างที่ต้องใช้เขียงหั่นนู่นนี่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ส่วน Backsplash ด้านหลังจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ไม่ได้ติดกระเบื้องไว้ให้ทำให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ยาก ถ้าทำอาหารหนักๆ แนะนำให้ติดเพิ่มค่ะ

ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานยี่ห้อ Hafele  มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

ด้านบนเคาน์เตอร์มีชั้นวางของให้ 2 ชั้น สามารถวัตถุดิบทำอาหารและพวกเครื่องปรุงได้สะดวก

ฝั่งตรงข้ามชุดครัวเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ

ในส่วนของห้องน้ำค่อนข้างพิเศษจากโครงการอื่นคือ เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป จากที่ได้อธิบายข้อดีข้อเสียไว้ก่อนหน้าแล้ว สังเกตลักษณะของห้องน้ำสำเร็จรูปได้ง่ายๆ คือ เนื่องจากพื้นห้องน้ำสำเร็จรูปที่ต้องซ้อนทับลงบนพื้นห้องอีกที ทำให้พื้นห้องน้ำสูงกว่าพื้นห้องขึ้นไปอีก

ภายในแบ่งพื้นส่วนเปียกออกจากส่วนแห้งด้วยขอบธรณีกั้น เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน

ในส่วนของสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่กว้างเกือบเต็มผนัง ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่งขึ้น

อ่างล้างหน้าของ American Standard มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน และมีพื้นที่หน้ากระจกให้วางของได้อีกหน่อย

โถสุขภัณฑ์ที่ให้มาเป็นแบบ 2 ชิ้นของ American Standard มาพร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ

สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะถูกแบ่งพื้นที่ด้วยธรณีกั้น แต่เวลาอาบน้ำก็มักจะมีน้ำกระเด็นออกมาได้ จึงแนะนำให้ติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มอีกหน่อยจะช่วยให้พื้นที่เป็นสัดส่วนขึ้น ภายในมีการติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำไว้เรียบร้อย

หน้าตาของฝักบัวที่ได้และที่วางสบู่ของ American Standard มีขนาดจับได้ถนัดมือดี

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.1 x 0.9 cm. ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคที่ช่วยกันลื่นได้ดี

สำหรับพื้นที่โซนครัวและห้องน้ำด้านหน้าจะมีประตูบานเลื่อนกั้นพื้นที่แยกกับโซน Living Area ด้านใน ทำให้ได้ครัวเป็นแบบครัวปิด และช่วยประหยัดไฟเวลาที่เปิดแอร์ในโซน Living ด้วยนะคะ

ขอบประตูบานเลื่อนจะถูกฝังลงไปกับพื้นห้องทำให้ไม่สะดุดเวลาเดินเข้า – ออก

ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตูแบบทั่วไป ซึ่งทางโครงการเก็บรายละเอียดมาดีด้วยการติดเส้นกำมะหยี่เพื่อช่วยกันเสียง กันแอร์ออกได้ค่ะ

ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง ซึ่งห้อง Type นี้ก็เหมาะกับการอยู่คนเดียวและไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะไม่มีการแยกโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่นออกจากกันอย่างชัดเจน จึงไม่มีพื้นที่ที่ให้ความเป็นส่วนตัวเลยนะ แต่พื้นที่ตรงนี้มีข้อดีที่จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากทางกระจกด้านในเต็มๆ ซึ่งจะเป็นส่วนที่โปร่งโล่ง น่าอยู่ ที่สุดในห้อง

อย่างที่บอกไปว่าโครงการขายแบบ Fully Fitted ทำให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้องนี่เราจะต้องหามาเพิ่มเอง ในห้องนี้จะได้เฉพาะตู้เสื้อผ้าเหมือนในห้องตัวอย่าง และได้ผนังฉาบเรียบและติด Wallpaper ให้ทั้งห้อง แต่จะยกเว้นในส่วนครัวนะคะ

พื้นที่ภายในห้องถ้าจัดแบบห้องตัวอย่างก็จะสามารถวางโซนนั่งเล่นแบบ 2 ที่นั่งและเตียงขนาด 5 ฟุต ได้

ห้องตัวอย่างจัดตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอนให้ตรงกับตู้เสื้อผ้า ซึ่งทางโครงการไม่ได้ Built-in เตียงมาให้ เราจึงสามารถเลือกได้ว่าจะวางตรงกับทีวี หรือจะวางตามนี้ก็ได้

ตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้จะเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน หน้าบานฝั่งหนึ่งติดกระจกมาให้ ส่วนภายในจะแบ่งชั้นไว้ทำให้แขวนเสื้อผ้าได้เยอะขึ้น ห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ

ลักษณะของมือจับตู้ ถูกออกแบบให้ติดมาเป็นชิ้นเดียวกับตู้เลย ทำให้ไม่ต้องกลัวมือจับหลุดนะคะ

ห้องตัวอย่างจัดโซนนั่งเล่นด้วยโซฟาตัวยาวแบบ 2 ที่นั่งและชั้นดูทีวีไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งเฟอร์ฯ ในส่วนนี้เราสามารถเลือกในแบบที่ชอบได้เองเลยนะคะ

ระยะดูทีวีในห้องนั่งเล่นอยู่ที่ประมาณราวๆ 3.3 เมตร เป็นระยะที่กว้างทีเดียวจึงสามารถวางทีวีได้ใหญ่กว่า 60 นิ้วก็ยังได้นะคะ

ถัดมาด้านในสุดของห้องที่ชุดโต๊ะทางอาหารแบบ 2 ที่นั่ง โครงการจัดวางชิดหน้าต่างไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง พื้นที่ตรงนี้ถ้าใครอยากทำเป็นมุมโต๊ะเขียนหนังสือก็ดูลงตัวดีนะ

ถ้าวางโต๊ะทานอาหารก็มีพื้นที่ให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวก

ถัดมายังพื้นที่ใช้สอยส่วนสุดท้ายในห้องคือส่วนของระเบียง ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ตัวเฟรมวงกบเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานเป็นกระจกตัดแสง จึงรับแสงธรรมชาติได้และยังช่วยกันความร้อนเข้ามาในห้อง

พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีขนาด 2.1 x 0.9 ม. พอวางเครื่องซักผ้าแล้วก็จะเหลือพื้นที่แค่พอให้วางราวตากผ้าขนาดเล็กได้หน่อยค่ะ

ผนังด้านข้างแขวน Condensing air การทำแบบแขวนแบบนี้ช่วยประหยัดพื้นที่ระเบียงได้ แต่ตำแหน่งการวางจะเป่าลมร้อนออกเข้ามาที่พื้นที่ระเบียง แนะนำให้ติดแผงเปลี่ยนทิศทางลมเพิ่ม เพื่อปัดลมร้อนให้ออกด้านนอกระเบียง จะช่วยลดความร้อนบริเวณระเบียงได้

 

ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 26.25 ตร.ม. จัดมาให้แบบ Fully Fitted รูปร่างของห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส พื้นที่ที่ให้มาสามารถจัดห้องได้แบบพอดีกับการใช้งานไม่หนาแน่นจนเกินไป แบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ โซนนั่งเล่น โซนครัว ห้องนอน ห้องน้ำและระเบียง ซึ่งห้องนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องแบบแรกหน่อยแต่ว่าได้ความเป็นสัดส่วนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะห้องนอนจะได้พื้นที่ที่แยกจากห้องนั่งเล่นอย่างชัดเจน ส่วนครัวจะได้เป็นครัวเปิดแทนแต่ก็มีข้อดีที่ตำแหน่งของครัวอยู่ติดกับระเบียง ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศออกไปด้านนอกได้

เมื่อเปิดเข้ามาจะเจอกับ Common Area เป็นพื้นที่ใหญ่ที่รวมโซนนั่งเล่นและครัวไว้ด้วยกัน มองตรงไปด้านในสุดของตัวห้องจะเป็นระเบียง ทางซ้ายมือเป็นห้องนอน พื้นในส่วนนี้ทั้งหมดจะเป็นพื้นลามิเนตลายไม้ทั้งหมด ในส่วนของผนังห้องจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบและติด Wallpaper ให้ทั้งห้อง ระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.55 เมตร เท่ากับห้องแบบแรกนะคะ

โซนนั่งเล่นในห้องตัวอย่างจัดไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วน โดยวางชุดโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่งได้ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องตัวอย่างจะจัดมาให้ดูเป็นไอเดียในการแต่งห้อง ส่วนห้องจริงที่ได้จะได้เป็นห้องเปล่านะคะ เราสามารถเลือกแบบและขนาดเฟอร์นิเจอร์ตามความเหมาะสมกับการใช้งานเองได้ ส่วนระยะห่างจากโซฟาถึงตำแหน่งติดตั้งทีวี อยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร ในระยะประมาณนี้สามารถเลือกทีวีขนาด 50″- 55″ ได้ค่ะ

ในส่วนของพื้นที่ครัวจะไม่มีประตูกั้นพื้นที่การใช้งาน ลักษณะเป็นครัวเปิด แต่ด้วยตำแหน่งของครัวที่อยู่ติดกับประตูระเบียง ทำให้เราสามารถเปิดประตูเพื่อระบายอากาศได้ หรือจะติดประตูบานเลื่อนกั้นระหว่างโซนครัวและโซนนั่งเล่นเพิ่มภายหลังเพื่อกั้นแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ก็ช่วยให้เราสามารถประกอบอาหารจริงจังที่มีกลิ่นควันได้ เป็นการป้องกันไม่ให้กลิ่นและควันเข้ามารบกวนห้องนั่งเล่นด้านใน

พื้นที่ฝั่งตรงข้ามชุดครัว จัดไว้สำหรับตั้งโต๊ะรับประทานอาหาร แต่โครงการไม่ได้ให้ชุดโต๊ะทานข้าวนะคะ เราอาจปรับเปลี่ยนการใช้งานวางชั้นวางของหรืออื่นๆก็ได้

ถ้าวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบชิดกับผนังตามห้องตัวอย่าง ก็เหลือพื้นที่ให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวก

ภายในห้องครัวติดตั้งเป็นชุดครัวแบบ Built-in ให้เหมือนกับในห้องแบบแรกเลย

ประตูทางออกระเบียงเป็นบานเลื่อน 2 ตอน เป็นประตูบานอลูมิเนียมอบสีดำพร้อมกระจกตัดแสงสีเขียว เฟรมประตูจะอยู่บนขอบธรณีอีกที เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนหรือน้ำบริเวณระเบียงซึมเข้ามาด้านในตัวห้อง

พื้นที่ส่วนระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค โดยระเบียงมีขนาดประมาณ 2.3 x 0.9 เมตร จะใหญ่กว่าห้องแบบแรกอยู่หน่อย แต่ก็พอแค่สำหรับใช้เป็นส่วนซักล้าง วางราวตากผ้าและตั้งเครื่องซักผ้า ก็จะเต็มพื้นที่แล้วค่ะ

 

อีกฝั่งของตัวห้องจัดเป็นห้องนอนมีประตูบานเปิดทางเข้าแบ่งพื้นที่การใช้งานให้เป็นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน

ภายในห้องนอน พื้นที่ที่จัดให้มาถือว่าใช้งานแบบสบายๆไม่อึดอัด สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้ตั้งตู้เสื้อผ้าวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ ภายในห้องนอนมีหน้าต่างทำให้สามารถเปิดระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติได้ ถ้าใครอยากติดทีวีในห้องนอนเพิ่มแนะนำเป็นแบบแขวนจะช่วยประหยัดพื้นที่การใช้งานได้ดีค่ะ

ตำแหน่งของหน้าต่างที่อยู่ติดกับเตียงนอน ทำให้สามารถชมวิวจากบนเตียงได้เลยนะคะ

ด้านข้างเตียงมีพื้นที่ให้สามารถวางโต๊ะหัวเตียงหรือจะวางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งตามแบบในห้องตัวอย่างก็ได้

อีกฝั่งของตัวห้องจะจัดพื้นที่แต่งตัว โดยทางโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เหมือนกับตู้ในห้องแบบแรก ติดกับตู้เสื้อผ้าเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำของโครงการนี้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ก็จะได้มาเหมือนๆ กับห้องแบบแรกเลย

ภายในห้องน้ำจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นและผนังเป็นกระเบื้องทั้งหมด ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา และให้สุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องน้ำครบถ้วน

ส่วนพื้นที่อาบน้ำก็มีขนาดพอๆ กับห้องแบบแรกเช่นกัน ส่วนเพดานห้องน้ำจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี พร้อมติดพัดลมดูดอากาศให้

สวิชต์เปิด – ปิดและปลั๊กไฟจะได้ของ Bticino ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 08 December 2017

  • Studio ชั้น 17 ห้อง A1703 เนื้อที่ 23.5 ตร.ม. ราคา 1.64 ล้านบาท หรือ 69,787 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 08 ห้อง A0802 เนื้อที่ 26.25 ตร.ม. ราคา 1.7 ล้านบาท หรือ 64,762 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 17 ห้อง A1725 เนื้อที่ 24 ตร.ม. ราคา 1.64 ล้านบาท หรือ 68,333 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom ชั้น 07 ห้อง A0728 เนื้อที่ 48 ตร.ม. ราคา 3.3 ล้านบาท หรือ 68,750 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง+ทำสัญญา 5,000-20,000 บาท
  • ค่ากองทุน 400 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

Plum Condo Central Station – เฟส 1 นี้ถือเป็นคู่แข่งของโครงการ Casa บางใหญ่ ที่ตั้งอยู่ติดสถานีสามแยกบางใหญ่ ที่มีราคาต่อตารางเมตรห่างกันไม่มากนัก ถ้าวิเคราะห์เรื่องทำเลของทั้งคู่ต่างมีจุดเด่นต่างกันคือ ตัว Casa บางใหญ่ จะเน้นไปทางผู้ที่ใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก จึงต้องการคอนโดที่อยู่ติดรถไฟฟ้าจริงๆ สามารถเข้าถึงสถานีได้สะดวก ต่างกับ Plum โครงการนี้ที่อยู่ติดกับ Central Westgate แบบรั้วติดกัน สามารถเดินเข้าห้างได้สบายๆ เหมาะกับคนที่ยอมอยู่ห่างรถไฟฟ้าหน่อย เพื่อที่จะได้อยู่คอนโดใกล้ความอุดมสมบูรณ์ ในแบบที่เดินเท้าเข้าถึงได้ และถ้าเทียบดูแล้ว Plum จะมีเรื่อง Facilities ส่วนกลางที่เหนือกว่า จัดมาเต็มที่ น่าใช้งาน และ Facilities หลักๆ รวมถึงสระว่ายน้ำยังอยู่ที่ชั้นบนสุดด้วย

ทำเล – Plum Condo Central Station – เฟส 1 เป็นย่านที่ถูกจัดในผังเมืองให้เป็นย่านสำหรับการอยู่อาศัย ทำให้พื้นที่รอบๆ โครงการที่เต็มไปด้วยบ้านพักอาศัย หอพัก อพาร์ทเมนท์ และคอนโดที่กำลังเปิดตัวและก่อสร้างไปให้เห็นแล้วในช่วงโซนตลาดบางใหญ่ แต่ไม่ได้หนาแน่นมาก ยังคงมีพื้นที่ว่างเปล่า มีที่ดินเปล่าสีเขียวให้เห็นปนอยู่บ้าง ความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินในระยะเดินได้ จุดที่ใกล้ที่สุดก็คงจะเป็น Central Westgate ที่อยู่ติดกับโครงการ มีระยะเดินถึงหน้าประตูห้างฯ เลยก็ประมาณ 350 เมตร จัดเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน วันไหนอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ขยับระยะออกมาหน่อยประมาณไม่เกิน 1 กิโลเมตร ก็จะมี Big C, Big C Extra, BB Market Park, ตลาดบางใหญ่ เป็นต้น สังเกตดูความเจริญส่วนใหญ่จะเกาะอยู่ตามแนวเส้นกาญจนาภิเษกเป็นหลัก จึงต้องออกแรงเดินกันสักหน่อย หรือเรียกพี่วินแทนก็ได้ค่ะ แต่อนาคตเราก็คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ สังเกตจากที่มีโครงการทั้งแนวราบ และแนวสูง คาดได้ว่านักลงทุนอีกหลายเจ้าคงมีโครงการในมือกันแล้ว แค่รอเวลา และจังหวะที่เหมาะสมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ให้เราได้เห็นกัน

การเดินทางโดยใช้รถ – ทำได้สะดวก เพราะออกมาหน้าโครงการก็เป็นถนนใหญ่รัตนาธิเบศร์แล้ว โซนของโครงการอยู่ในจุดแยกตัดได้ทั้งเข้าเมืองและออกเมือง ไปไหนได้ง่ายถ้าไม่นับการจราจรติดขัดและเวลาไปไหนมาไหนอาจต้องคอยกลับรถสักหน่อย อ้อ..โครงการมีเส้นทางลัดทางหมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ที่สามารถลัดไปออกข้าง Big C ได้ เส้นทางนี้มีประโยชน์ให้เราสามารถขับรถไป Central หรือใครที่ต้องการจะวิ่งเข้าถนนวงแหวน ก็เลือกใช้ทางลัดนี้ได้ ไม่ต้องไปกลับรถ ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการจัดไว้ 30% คิดว่าน้อยไปหน่อยเพราะคนที่อยู่ย่านชานเมืองโดยส่วนใหญ่ก่อนจะมีรถไฟฟ้า ก็จะมีรถยนต์ส่วนบุคคลกันค่อนข้างเยอะนะ คิดว่าอีกหน่อยถ้าคนย้ายเข้ามาอยู่สัก 80% ของโครงการมีรถยนต์กัน 2 ใน 3 ของทั้งหมด อาจจะมีปัญหาเรื่องที่จอดรถกันนะคะ.. ต้องให้นิติช่วยจัดสรรเรื่องที่จอดรถดีดี แต่เมื่อเทียบกับความสะดวกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นก็พอหักลบให้ได้อยู่ และถ้าเปรียบเทียบกับคอนโดในทำเลนี้ก็จะให้มาประมาณ 30% นี่แหละค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – จากหน้าโครงการออกไปถนนหลักด้านหน้าอย่างถนนรัตนาธิเบศร์ ระยะประมาณ 200 เมตร ก็สามารถโบก Taxi ขึ้นได้ ส่วนพี่วินจะมีวินอยู่หน้าหมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ ต้องเดินต่อไปอีกนิดหน่อย ไม่ไกล แต่ก็คาดว่าในอนาคตเมื่อคอนโด Plum เปิดให้เข้าอยู่ทั้ง 2 ตึกก็จะมีลูกบ้าน 2,000 กว่ายูนิต ก็อาจจะทำให้มีวินมอเตอร์ไซค์เพิ่มหน้าโครงการก็เป็นไปได้นะคะ ส่วนตอนนี้ถ้าเรียกพี่วินไปสถานีรถไฟฟ้าก็อยู่ที่ 10-15 บาท เท่านั้น รถตู้จะมีท่ารถให้ขึ้นอยู่ห่างจากโครงการประมาณ  750 ม. โดยจะอยู่ภายในบริเวณของ Central Westgate หรือถ้าไปขึ้นที่ตลาดบางใหญ่ก็มีหลายสาย เช่น วิ่งไป The Mall งามวงศ์วาน, พาต้า, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, จตุจักร เป็นต้น

การออกแบบ – โครงการถือว่าทำออกมาค่อนข้างหนาแน่นกับยูนิตต่อชั้นที่ 39 ยูนิต(ที่ชั้น 7-36) และอัตราส่วนลิฟต์ 302 : 1 แต่ก็มีการจัดวางลิฟต์ไว้ตรงกลางอาคารเพื่อร่นระยะทางในการเดินใช้งานถึงแม้จะไม่ได้กั้นประตูสแกนบัตร ส่วนการออกแบบห้องพักอาศัยนั้นก็จะมีรูปแบบแปลนคล้ายกับโครงการ Plum คอนโดอื่นๆ โดยมีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 23.5-50 ตร.ม. ภายในห้องจัดวางฟังก์ชันได้ลงตัวดี และใช้พื้นที่ใช้สอยได้ค่อนข้างคุ้มค่า

วัสดุ – ที่ได้อยู่ในระดับมาตรฐานของแบรนด์ Plum ขายแบบ Fully Fiited เริ่มจาก ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 ม. พื้นลามิเนตหนา 8 มม. พื้นภายนอกและห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิก 30×30 ซม. ชุดครัวพร้อม Sink จาก Hafele ท็อปไม้ลามิเนต และห้องน้ำสำเร็จรูปใช้ยี่ห้อ American Standard ทั้งหมด และติดวอลเปเปอร์สีขาวมาตรฐานให้ ถือว่ามาตรฐานแบรนด์พลัม มีพิเศษหน่อยที่ Plum ตัวนี้จะมี Built-In ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนมาให้ด้วย แต่ก็เพราะคอนโดในย่านนี้ให้ตู้เสื้อผ้ากันเป็นมาตรฐานนะคะ

สาธารณูปโภค – สุดท้ายในเรื่องของสาธารณูปโภคถือว่าเป็นจุดเด่นของโครงการอีกเรื่องหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นคอนโดที่ให้พื้นที่ส่วนกลางมาเยอะและน่าใช้งานที่สุดในทำเลนี้ เพราะโครงการจัดพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ อย่าง Sky Lounge, Sky Garden, ห้องออกกำลังกายและสระว่ายน้ำไว้บนชั้น 37-38 แบบเต็มชั้น ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในโครงการ ทำให้ลูกบ้านสามารถชมวิวพร้อมๆ กับการใช้งาน Facilities ส่วนกลางไปได้ นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นบนสุด ยังมีส่วนกลางที่ชั้น L,M,4,5 และ 6 ที่จัดฟังก์ชันไว้หลากหลาย ทั้งเพื่อการต้อนรับและการพักผ่อน อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ ออกกำลังกาย ก็ได้จัดไว้อย่างครบถ้วน รวมถึงมีสวนส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ที่ชั้น L อีกด้วย ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว – Service Lift 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 302 : 1 ถือว่าสูงมากๆ ที่จอดรถคิดเป็น 30% ให้มาน้อยไปหน่อยแต่ก็อย่างที่อธิบายไปว่ามันมีความสะดวกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะอยู่ ก็พอหักลบให้ได้ และถ้าเปรียบเทียบกับคอนโดในทำเลนี้ก็จะให้มาประมาณ 30% นี่แหละค่ะ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 70,000 บาท/ตร.ม., 08 December 2017

  • ทำเล 7.75/10 – ทำเลติด Central Westgate อยู่ในจุดที่ถือว่าเจริญสุดในโซนตลาดบางใหญ่ ใกล้แหล่งห้าง อาหารการกิน ธนาคาร โรงพยาบาล
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ห่างถนนใหญ่รัตนาธิเบศร์ 200 เมตร ไปไหนสะดวก แต่รถติด และมีที่จอดรถน้อยไปหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – อยู่ระหว่าง MRT 2 สถานี ในระยะ 500 และ 800 ม. ต้องนั่งรถไปขึ้นอีกต่อหนึ่ง ส่วนรถ Taxiและวินมอเตอร์ไซค์ก็มีให้เรียกได้แต่ต้องเดินออกมาจากโครงการก่อน 200 ม. ส่วนรถตู้อยู่ใน Central ระยะ 750 ม.
  • วัสดุ 7.25/10 – ตามมาตรฐานของคอนโดระดับนี้ จะดีกว่าคู่แข่งหน่อยตรงที่ให้ห้องน้ำสำเร็จรูป
  • แบบ 7.5/10 – แบบโครงการมีความหนาแน่นมาก แต่ในส่วนกลางและตัวห้องทำได้ลงตัว น่าอยู่อาศัย
  • สาธารณูปโภค 9/10 – จัดเต็มมากและมีความน่าใช้งานด้วย

  • ECONOMY CLASS
  • 7.66 / 10.00

BOTTOM LINE

Plum Condo Central Station – เฟส 1 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดพร้อมเข้าอยู่ย่านบางใหญ่ ที่ต้องการอยู่ใกล้ Centralในแบบที่สามารถเดินไปได้ และเดินหรือนั่งวินไปยังแหล่งความอุดมสมบูรณ์ได้ง่าย อยู่ใกล้รถไฟฟ้าแต่ไม่ติด ยอมต่อรถไปได้เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ ชอบโครงการที่มี Facilities ส่วนกลางแบบจัดเต็ม และอยู่บนชั้นสูงที่สามารถขึ้นไปชมวิวได้ เพื่อนบ้านเยอะหน่อย ไม่เป็นไร แลกกับราคาที่จับต้องง่าย มีงบประมาณระดับ 1.39-4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 10,000 – 28,000 บาท/เดือน