รีวิวฉบับที่ 2015 …  สวัสดีค่ะทุกคน รีวิวฉบับนี้เราพามาดูคอนโดพร้อมอยู่กันในย่านรัชดา-วิภาวดี-ลาดพร้าวกัน ที่บอกหลายย่านแบบนี้ก็เพราะว่าทำเลโครงการ Maestro 19 รัชดา 19 – วิภา อยู่ในซอยโชคชัยร่วมมิตร ที่เชื่อมได้ถึง 3 ถนนใหญ่เลยค่ะ รวมไปถึงใครที่เลี้ยงน้องหมาน้องแมวก็ต้องไม่พลาดนะ เพราะโครงการนี้อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ด้วยค่ะ ในราคาเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท 

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 13 December 2019

  • Maestro 19 Ratchada 19 – Vipha (มาเอสโตร 19 รัชดา 19 – วิภา)
  • บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยรัชดาภิเษก 19 (โชคชัยร่วมมิตร) แขวงดินแเดง เขตดินแดง
  • ที่ดินประมาณ 5-1-3.4 ไร่
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 560 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 20 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 279 คัน คิดเป็น 50% (ถ้ารวมจอดซ้อนคันเพิ่มอีก 45 คัน คิดเป็นทั้งหมด 58%)
  • เริ่มก่อสร้าง : กันยายน 2017
  • สร้างเสร็จพร้อมอยู่ : กันยายน 2019
  • ห้องพักอาศัย

  • 1 Bedroom ขนาด 29.66 – 40.03 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท (ธันวาคม 2562)
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 43.75-43.97 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท (ธันวาคม 2562)
  • 2 Bedroom 60.83 – 61.41 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.1 ล้านบาท

  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท (ธันวาคม 2562)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 109,000 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 98,000 – 120,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 02-116-1111
  • ทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.796988, 100.569631
    หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

    โครงการ MAESTRO 19 รัชดา19-วิภา ตั้งอยู่ในซอยรัชดาภิเษก19 หรือ ซอยวิภาวดี 16 ที่ส่วนใหญ่คนแถวนี้จะเรียกว่า ซอยโชคชัยร่วมมิตร โดยมีระยะห่างจากปากซอยฝั่งถนนรัชดาภิเษกประมาณ 650 ม.

    ส่วนความอุดมสมบูรณ์ ในซอยนี้ถือว่าดีใช้ได้เลยทีเดียว ช่วงต้นซอยรัชดาภิเษก19 จะมี 7-11 ขนาดใหญ่และร้านอาหารตามสั่งรองรับคนที่เดินกลับบ้านและเด็กๆโรงเรียนปัญจทรัพย์ ถัดเข้าไปตั้งแต่ช่วงกลางซอยเป็นต้นไปจนถึงหน้าปากซอยวิภาวดีรังสิต16 จะคึกคักเป็นพิเศษมีครบทั้งร้านค้า ร้านอาหารอร่อยๆขึ้นชื่อหลายร้าน ร้านนั่งชิล ร้านขายขนมก็เยอะทั้งขนมไทยและร้านขนมเค้กน่ารักๆ นอกจากร้านอาหารแล้วยังมีร้านหมอฟัน , ร้านถ่ายรูป ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 , Tesco Lotus Express และอื่นๆที่ตอบรับต่อการอยู่อาศัย สามารถนั่งรถกะป้อหรือขับรถมาจอดหาอะไรทานได้สะดวก สำหรับสถานที่สำคัญโดยรอบ แหล่งช้อปปิ้งก็จะมี เซ็นทรัล ลาดพร้าว , เซ็นทรัลพระราม 9 , UNION MALL , ตลาดนัดสวนจตุจักร , สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก , เอสพลานาด , ตลาดนัดรถไฟ , ตลาด อ.ต.ก , ตลาดการบินไทย เป็นต้น ใกล้แหล่งงานทั้งในย่านรัชดาฯ-พระราม 9 อย่าง ตลาดหลักทรัพย์ (SET) , AIA , UNILEVER , TRUE , เมืองไทยภัทร , GLAND และบนถนนวิภาวดีรังสิตอย่าง การบินไทย , ไทยรัฐ , อาคารซันทาวเวอร์ , อาคารเล้าเป้งง้วน 1 เป็นต้น นอกจากนั้นยังใกล้กับสวนจตุจักร , สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) สวนสาธารณะ ขนาดใหญ่ของคนย่านนี้ไปใช้พักผ่อน ออกกำลังกายได้

    จุดเด่นของซอยนี้เลยคือเป็นซอยที่สามารถลัดออกถนนหลักได้ถึง 3 เส้น ทั้งถนนรัชดาภิเษก ถนนวิภาวดีรังสิต และ ถนนลาดพร้าว เพราะฉะนั้นในแง่ของ การเดินทางโดยใช้รถ จึงถือว่าค่อนข้างสะดวก คนแถวนี้นิยมใช้หนีรถติดได้ ไม่ต้องไปผ่านบริเวณแยกรัชดาฯ -ลาดพร้าว นอกจากนั้นทำเลนี้ยังสามารถเดินทางไปฝั่งรัชดาภิเษก-พระราม9 ที่เป็นแหล่งรวมของอาคารสำนักงาน หรือจะเชื่อมต่อไปอโศก สุขุมวิทก็สะดวกค่ะ สำหรับทางด่วนจากโครงการเราสามารถออกมาทางฝั่งถนนวิภาวดีรังสิตแล้วตรงไปขึ้นทางด่วนดินแดงที่ทางขึ้นจะอยู่บริเวณใกล้ๆกับม.หอการค้าได้ค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถใช้ MRT สถานีรัชดาภิเษกเพื่อเชื่อมต่อไปยังสถานีอื่นๆได้ โดยทางโครงการจะมีบริการรถตุ๊กตุ๊กที่ไปส่งจากโครงการถึงรถไฟฟ้าเพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้าน และเนื่องจากเป็นซอยลัดจึงมีรถผ่านตลอดเวลาหาเรียกแท็กซี่ได้ง่าย ส่วนรถรับส่งสาธารณะอื่นๆในซอยนี้จะมีรถกะป้อด้วย วิ่งรับส่งตลอดทั้งวันระหว่างหน้าปากซอยทางฝั่งรัชดาภิเษก19 และ วิภาวดีรังสิต16 ค่าโดยสาร 8 บาทตลอดสาย ช่วงกลางคืนหลังสามทุ่มปรับเป็น 10 บาท โดยสามารถเหมาไปยังที่ต่างๆได้ค่ะ ก็สะดวกและประหยัดดี

    การเดินทางในวันนี้เราจะเดินดูบรรยากาศในซอยโชคชัยร่วมมิตรกันนะคะ โดยเริ่มต้นที่ MRT รัชดาภิเษก ทางออก 2 จากนั้นเลี้ยวเข้าซอยโชคชัยร่วมมิตร หรือรัชดาภิเษก 19 เดินตรงถึงโครงการระยะทางประมาณ 650 ม. ค่ะ บรรยากาศเป็นอย่างไรไปดูกันเลย

    Image 1/11
    เริ่มต้นที่ MRT รัชดาภิเษก ทางออก 2

    เริ่มต้นที่ MRT รัชดาภิเษก ทางออก 2

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ MAESTRO 19 รัชดา19-วิภา ส่วนใหญ่เป็นตึกแถวที่ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้า อาคารพาณิชย์ อพาร์ทเม้นท์ และในซอยเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยแนวราบ มีคอนโดมิเนียมบ้างส่วนใหญ่สร้างมานานแล้ว แต่ละด้านของที่ดินจะติดกับ

    • ทิศเหนือ – ติดกับถนนซอยวิภาวดีรังสิต16 ฝั่งตรงข้ามจะตรงกับซอยวิภาวดีรังสิต16/23 และ 16/25 ที่หน้าปากซอยเป็นอาคารพาณิชย์และตึกแถว
    • ทิศตะวันออก – ติดกับอาคารพาณิชย์ อพาร์ทเม้นท์ และ ชุมชนแนวราบ
    • ทิศใต้ – ติดกับชุมชนแนวราบ ถัดไปเป็นคลองบางซื่อ
    • ทิศตะวันตก – ติดกับแนวทาวน์เฮ้าส์และสนามฟุตบอลในร่ม

     

    รายละเอียดโครงการ

    เรามาดูบรรยากาศภายในโครงการกันเลยนะคะ เริ่มต้นจากด้านหน้าโครงการที่เราจะเห็นว่ารูปแบบการออกแบบนั้นมาใน Theme ที่ทางโครงการบอกเลยคือ Industrial Elegant คือถ้าพูดให้เห็นภาพมากขึ้นในมุมมองเราคือเป็นสไตล์ Modern ดูสมัยใหม่ แต่ก็ยังมี Detail ต่างๆ ที่ให้ความหรูหราอยู่นะคะ จะเห็นได้ชัดมากขึ้นตรงบริเวณ Club House ค่ะ

    ส่วนอีกจุดน่าสนใจนึงของโครงการ โดยเฉพาะคนที่เลี้ยงน้องๆ หมาแมวทั้งหลาย เพราะโครงการนี้อนุญาตให้เราสามารถเลี้ยงน้องหมาแมวในโครงการได้นะคะ แต่จะมีกฎการใช้งานอยู่เพื่อให้การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของเราไม่รบกวนเพื่อนบ้านในโครงการ เช่น จำกัดการเลี้ยงเฉพาะหมาและแมวเท่านั้น ต้องเป็นไซส์ที่ไม่เกิน 15 กิโลกรัม และมีพื้นที่บางส่วนที่เดินเล่นได้ บางส่วนที่เข้าไม่ได้ และบางส่วนที่ต้องใส่รถเข็นเท่านั้นค่ะ

    ก่อนเข้าไปดูรายละเอียดอื่นๆ อยากให้ทุกคนเห็นภาพรวมโครงการกันก่อนนะคะ ด้วยที่ดินโครงการประมาณ 5 ไร่ครึ่งนี้ จะแบ่งอาคารพักอาศัยเป็น 4 อาคาร ซึ่งทั้ง 4 อาคารนี้โอบล้อม Facilities ตรงกลาง (ประกอบด้วย Club House และสวน) ทำให้ลูกบ้านทั้ง 4 อาคาร เข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้สะดวกทั่วถึงกัน รวมไปถึงห้องพักที่หันเข้าด้านในก็ได้วิวจากส่วนกลางนี้ด้วยค่ะ

    และอีกจุดนึงอยู่ติดรอบรั้วอาคาร C มีพื้นที่สวนหย่อมให้อีก แต่สวนนี้มีความพิเศษขึ้นมาหน่อยคือ เป็นสวนที่ทำไว้ให้สำหรับน้องหมา, แมวมาเดินเล่นได้ โดยจะมีกฎการใช้งานและจุดทิ้งขยะด้านหน้า

    สำหรับชั้น 1 ของทุกอาคารและรอบๆ อาคารทำเป็นที่จอดรถทั้งหมดนะคะ รวมไปถึงมีชั้นใต้ดินด้วย รวมแล้วที่จอดรถแบบรวมซ้อนคันจะอยู่ที่ 58% ซึ่งก็ถือว่าเป็น % ที่โอเคเลยค่ะ

    จากหน้าโครงการตรงทางเข้า-ออกแยกฝั่งกันชัดเจน และกั้นด้วยไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ โดยระบบที่ใช้จะเป็น Keycard Access ระยะไกล ลักษณะการใช้เหมือนเราขึ้นทางด่วนด้วย Easy Pass ค่ะ

    และด้านข้างก่อนเข้าไปด้านในจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ก็คือฝั่งขวามือของรูปเป็นพื้นที่สวนหย่อม และฝั่งซ้ายเป็นถนนที่เชื่อมไปยังส่วนถนนด้านหลังของโครงการ

    บรรยากาศสวนหย่อมด้านหน้าทำออกมาได้สวยเลยนะคะ ภายในมีพื้นที่ให้นั่งเล่นได้ทั้งแบบม้านั่งและมุมศาลาพักผ่อน รวมไปถึงจุดจอดจักรยานด้วยค่ะ

    และอีกฝั่งเราเดินมาก็เจอกับ Shuttle ตุ๊กตุ๊กของโครงการเลย ซึ่งใครที่ไม่ได้ขับรถและจะไป MRT ทางโครงการก็มีบริการรถรับ-ส่งให้ โดยจะมี 2 คันในโครงการ คอยรับ-ส่งลูกบ้านไป MRT รัชดาภิเษก รอบที่ออกทุกๆ 30 นาที เริ่มตั้งแต่ 7.00 – 18.30 น.

    เราเดินตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอ 2 อาคารด้านหน้าคืออาคาร A และ D นะคะ ทั้ง 2 อาคารมีที่จอดรถใต้อาคาร ซึ่งอาคาร C และ B ที่อยู่โซนด้านหลังก็เช่นเดียวกันนะคะ

    เราตรงมาหน่อยก็จะเจอ Club House ตรงกลางเลยค่ะ ซึ่งมุมนี้ Club House ดูโดดเด่นมากเลยนะ และเข้าใจได้ส่วนนึงที่ทำเป็นแบบนี้แล้วเราว่าดี เพราะอาคารพักอาศัยทุกอาคารคนภายนอก อย่างแขกลูกบ้านเข้าไม่ได้นะคะ ต้องใช้ Keycard สแกนตั้งแต่ทางเข้าอาคารเลย ดังนั้นเวลานัดคนภายนอกก็จะมาใช้ Lobby Club House คุยกัน ทำให้การใช้งานของ Club House เป็นพื้นที่รับแขกไปในตัวด้วย การที่ทำให้ดูโอ่อ่า โดดเด่นก็เป็นเสมือนการต้อนรับที่ดูดีไปในตัว

    อีกมุมนึงของ Club House นะคะ ฉบับหลบแดดเล็กน้อย จะเห็นว่าตรงสวน 2 ฝั่งนอกจากสนามหญ้าแล้วยังมีต้นไม้ใหญ่ไว้บังแดดให้ด้วย

    รวมไปถึงมีมุมนั่งเล่นให้ด้วยนะคะ

    นอกจากมุมนั่งเล่นเมื่อกี้แล้ว แต่ละจุดรอบข้างส่วน Club House ก็มีจัดมุมเก้าอี้นั่งเล่นให้อีกหลายจุดด้วยกันนะ มุมพวกนี้กลางแจ้งก็จริงแต่ด้วยความที่มีอาคารโอบล้อมอยู่ด้านข้างก็จะไม่ได้โดนแดดโดยตรง ส่วนใหญ่ก็จะค่อนข้างร่ม ยกเว้นช่วงเที่ยงที่แดดลงตรงๆ เลย

    เราเข้ามาภายใน Lobby ใน Club House กันต่อนะคะ มุมนี้เข้ามาเราจะยังเจอกับ Model โครงการอยู่ แต่ถ้าปิดการขายโครงการแล้ว มุมนี้ก็จะไม่มี Model แล้วได้ความโปร่งโล่งมากขึ้น

    ด้านข้างจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น

    อีกมุมนึงเป็นโต๊ะสูง เผื่อใครจะมานั่งทำงานก็ได้เช่นกันนะคะ จริงๆ มี Co-Working Space ด้านบนด้วย ซึ่งไม่ว่าชั้นไหนของ Club House ทางโครงการจะมี Wifi Service ให้

    ถัดมาด้านในฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำแยกชาย/หญิง ตรงกลางคือบันไดเวียนขึ้นไปชั้น 2 และ 3 ของอาคาร

    ส่วนด้านข้างในชั้น 1 จะมีอีกห้องซึ่งเป็นห้องสำหรับนิติบุคคลนี่แหละค่ะ แต่ด้านหน้ามีวางตู้ที่เรียกว่า Smart Locker หลักการใช้งานคือเรามาฝากของหรือมารับของได้จากตรงนี้เลย

    ขึ้นมาชั้น 2 จริงๆ ไม่ได้มีแค่บันไดเวียนนะคะ ทางโครงการมีลิฟต์ไว้บริการให้ด้วย เผื่อเด็กๆ หรือผู้สูงอายุไม่สะดวกขึ้นบันไดค่ะ

    ขึ้นมาชั้น 2 บรรยากาศตรงบันไดเวียนมุมนี้ค่อนข้างสวยเลยนะคะ เพราะชั้นบนจะเป็นหลังคา Skylight ทำให้มุมนี้โปร่งโล่งดี

    สำหรับชั้น 2 นี้มีห้อง Co-Working Space ซึ่งภายในจัดให้มีหลายๆ มุมทำงานนะคะ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะสำหรับนั่งประชุมงานได้ มีมุมโซฟาเผื่อมานั่งอ่านหนังสือชิลๆ และมุมนั่งทำงานคนเดียว หันเข้าผนัง จะได้มุมส่วนตัวอีกแบบนึงค่ะ

    และอีกฝั่งนึงของชั้น 2 เช่นกันจะมีห้องน้ำหญิง/ชายแยกกัน ตรงกลางเป็นทางออกไปยังส่วนสระว่ายน้ำกลางแจ้งค่ะ

    ภายในห้องน้ำแยกชาย/หญิง จะประกอบด้วยห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และสำหรับห้องน้ำหญิงจะได้ห้อง Steam เพิ่มขึ้นมาด้วยนะคะ ส่วนห้องน้ำชายจะได้ห้อง Sauna เพิ่มค่ะ

    หน้าตาห้อง Steam ขนาดห้องจุได้ประมาณ 3-4 คนค่ะ

    ออกมายังส่วนสระว่ายน้ำ มุมนี้จะเป็นมุม Semi-Outdoor ก่อนออกไปยังส่วนสระว่ายน้ำนะคะ

    ด้านข้างมีมุมนั่งเล่นไว้ให้มานั่งเล่นพักผ่อนริมสระได้

    สำหรับสระว่ายน้ำนี้จะมีความสูงอยู่ประมาณชั้น 2-3 ของอาคารพักอาศัย ซึ่งถ้าใครอยากได้วิวสระว่ายน้ำชัดๆ เลย ก็ควรจะเลือกห้องฝั่งด้านในของอาคาร A หรือ D ในชั้น 3-5 กำลังดีค่ะ

    ส่วนขนาดของสระว่ายน้ำอยู่ที่ 6 x 25 ม. ระบบเกลือ ซึ่งก็เป็นขนาดกำลังดีเลย สำหรับว่ายน้ำออกกำลังกายได้

    ด้านข้างสระมีการทำที่นั่งแบบ Sunken Seat ให้มานั่งเล่นใกล้ริมสระได้เลย

    และขึ้นมาชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของ Club House แล้วนะคะ ตรงกลางที่เราบอกไปก่อนหน้าว่าด้านบนเป็น Skylight นั่นเอง บรรยากาศโถงเลยโปร่งดีมาก

    สำหรับห้องออกกำลังกายนั้นทางโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ ฝั่งแรกหันไปทางด้านหลังโครงการ มีขนาดค่อนข้างกว้างเลย แบ่งการใช้งานออกเป็น 2 มุมคือมุม Cardio และ Weight Training

    อีกฝั่งนึงออกแบบให้เป็นห้องกระจกมองวิวได้จาก 3 ฝั่ง และด้านในวางลู่วิ่งทั้งหมด 3 เครื่อง

    สำหรับฝั่งนี้จะมีระเบียงปูด้วยหญ้าเทียมสีเขียวขนาดใหญ่ไว้สำหรับช่วงเช้า-เย็น เราสามารถออกมาออกกำลังกายกลางแจ้งได้นะคะ เช่น เล่นโยคะ หรือไทเก็ก ต่างๆ

    จากส่วน Club House ออกมายังบริเวณชั้น 1 รอบๆ อาคารทั้งหมดจะเป็นที่จอดรถนะคะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นที่จอดรถกลางแจ้งค่ะ แต่ใครกังวลเรื่องรถจะตากแดดนานต่างๆ เราคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไหร่ เพราะได้อาคารที่คอยบังแดดให้อยู่รอบ 4 ฝั่งเลย

    นอกจากนี้ก็มีที่จอดรถใต้ดินอีก 1 ชั้นด้วยนะคะ

    บรรยากาศบริเวณชั้นจอดรถใต้ดินจะเป็นแบบในรูปด้านบนเลย ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ลูกบ้านอาคาร B กับ C เท่านั้นนะคะ ที่ลงมาจอดตรงนี้ได้ จริงๆ แล้วไม่ว่าจะอยู่อาคารไหนก็สามารถจอดได้ทุกอาคารค่ะ ไม่มี Fix ที่จอดรถ

    สำหรับใครที่จอดรถชั้นใต้ดินก็จะมีลิฟต์โดยสารคอยบริการส่งขึ้นไปชั้น 1 ด้วยนะคะ เพื่อความสะดวกมากขึ้น

    และนอกจากนี้ยังมีมุมสวนสำหรับน้องหมา น้องแมวให้มาวิ่งเล่นกันได้ พื้นที่สวนนี้จริงๆ ไม่ได้ใหญ่มากนะคะ แต่ก็เป็นพื้นที่เป็นสัดส่วนให้สัตว์มาเดินเลี้ยงผ่อนคลายได้เลย เพราะทางโครงการจะมีการกั้นรั้วไว้ให้ ดังนั้นลูกบ้านไม่จำเป็นต้องพาจูงเดินอย่างเดียว สามารถปล่อยให้เดินเล่นเองได้ (เฉพาะบริเวณนี้นะคะ) แต่ก็ต้องดูแลเรื่องการขับถ่ายของน้องๆ เองนะคะ ซึ่งสามารถเก็บมาทิ้งที่ถังขยะหน้าสวนได้เลยค่ะ

    ส่วนริมรั้วรอบโครงการก็มีการจัดพื้นที่สวนทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่มไว้ให้ตลอดริมรั้ว

    เรามาดูชั้นพักอาศัยกันต่อนะคะ แต่ละอาคารจะมีการจัดวางเหมือนกันทั้งหมด เพียงแต่จะกลับด้านกันไปเท่านั้นเอง โดยห้องขนาดใหญ่จะอยู่ฝั่งมุมอาคาร และเน้นหันเข้า Club House เพราะเป็นฝั่งที่วิวดีที่สุดนะคะ

    สำหรับแต่ละอาคารจะมียูนิตต่อชั้น 20 ยูนิต ถือว่าไม่เยอะมาก ส่วนลิฟต์โดยได้อาคารละ 2 ตัว ความหนาแน่นลิฟต์ก็จะอยู่ที่ประมาณ 70:1 ถือว่าโอเคเลยไม่หนาแน่นมากค่ะ

    เดี๋ยวเรามาดูบรรยากาศในอาคารจริงกันนะคะ ซึ่งเราจะขอพาไปดูอาคารเดียวเพราะว่าแต่ละอาคารตกแต่งบรรยากาศเหมือนๆ กันเลยค่ะ

    สำหรับตั้งแต่ด้านหน้าอาคารเลยเราจะต้องสแกนบัตรเข้าเท่านั้น ดังนั้นก็จะได้เรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้นนะ เพราะคนภายนอกไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ หรือจะเข้าก็จะต้องให้ลูกบ้านเป็นคนเปิดให้ค่ะ

    เข้ามาด้านในตรงนี้เราจะเจอกับส่วน Mail Box ด้านในเลย มีพื้นที่รองรับด้านหน้าเล็กน้อย

    บริเวณ Mail Box จะอยู่ด้านหลังฉากเมื่อกี้นะคะ วางเรียงกันไปแต่ละห้องเลย

    ส่วนด้านในสุดเป็นห้อง Laundry ขนาดกะทัดรัดไม่ใหญ่มากมี 2 เครื่องคือเครื่องซักผ้าและอบผ้า ซึ่งจะมีให้แยกแต่ละอาคารเลยค่ะ ใครที่คิดว่าจะไม่ซื้อเครื่องซักผ้าส่วนตัว เพื่อประหยัดพื้นที่ไปวางอย่างอื่นแทนตรงระเบียงก็ลงมาซักผ้าข้างล่างได้

    ถัดไปเป็นส่วนลิฟต์โดยสารที่แต่ละอาคารมี 2 ตัวนะคะ และรูปแบบลิฟต์เป็นลิฟต์ล็อกชั้นต้องสแกนบัตรขึ้นเท่านั้นเช่นกัน และจะสามารถสแกนได้เฉพาะชั้นพักอาศัยตัวเองและชั้น 8 เพื่อขึ้นไปชั้นดาดฟ้าที่มี Facilities ให้ใช้งาน

    บรรยากาศบริเวณโถงลิฟต์ในชั้นพักอาศัยจะเป็นโทนสีขาวสะอาดตา เรียบง่ายนะคะ แต่ได้แสงธรรมชาติเข้าสู่โถงทางเดินโอเค

    ส่วนโถงทางเดินทางโครงการมีการติดไฟให้เป็นระยะ ซึ่งเป็นระบบ Motion Sensor ด้วย ก็โอเคเลย เพราะถ้าไม่มีคนใช้งานจะได้ประหยัดไฟฟ้าได้ด้วยค่ะ

    และสำหรับชั้นดาดฟ้าของทุกอาคาร จะมีมุมสวนหย่อมและ BBQ Area ให้ ซึ่งมุมนี้เฉพาะลูกบ้านของแต่ละอาคารเท่านั้นนะคะ ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ เช่น ลูกบ้านอาคาร A ก็จะใช้ได้เฉพาะสวนของอาคาร A ค่ะ

    และใครที่อยากปาร์ตี้ส่วนตัว สามารถจองพื้นที่นี้กับทางนิติบุคคลได้นะคะ โดยจะมีเวลาให้ไม่เกินคิวละ 4 ชม. ห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นมากับห้ามดื่ม Alcohol ค่ะ

    ชั้น 8 นี้จะเป็นชั้นที่มีทั้งห้องพักอาศัยและทางขึ้นไปชั้นดาดฟ้านะคะ ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของห้องพักในชั้น 8 ว่าจะมีลูกบ้านชั้นอื่นๆ เดินผ่านหน้าห้องรบกวนไหม เพราะทางโครงการได้กั้นประตูอีกชั้นไว้ให้สำหรับลูกบ้านชั้น 8 โดยเฉพาะเลยค่ะ

    การจะขึ้นไปใช้ชั้นดาดฟ้าจะต้องเดินผ่านบันไดหนีไฟนะคะ เพราะว่าลิฟต์ขึ้นไม่ถึงในชั้นดาดฟ้า ซึ่งบันไดหนีไฟที่นี่ทำออกมาได้ดีเลย กว้าง และมีแสงสว่างเข้าถึงด้วย  ทำให้เวลาใช้งานเพื่อหนีไฟจริง เราว่าใช้งานได้ดีค่ะ

    ชั้นดาดฟ้าทางโครงการจะจัดให้เป็นมุมสวน และอีกครึ่งนึงเป็นลานกลางแจ้งที่มีโต๊ะเก้าอี้ไว้ให้นั่งกินข้าว สังสรรค์ได้ พร้อมกับมุม BBQ Area ค่ะ

    และสุดท้ายคือวิวจากมุมสวนชั้นดาดฟ้าที่โดยรอบได้บรรยากาศโปร่งโล่งประมาณนี้เลยค่ะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Club House

    • Lobby
    • Co-Working Space
    • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 6 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร
    • ห้องออกกำลังกาย 2 จุด ใส่เครื่องออกกำลังกายรวมทั้งหมดประมาณ 11 เครื่อง
    • ห้องน้ำแยกชาย/หญิง พร้อม Steam + Sauna
    • สวนหย่อม + Yoga Area

  • สวนชั้นดาดฟ้าแยกทุกอาคาร + BBQ Area
  • สวนหย่อมสำหรับสัตว์เลี้ยง
  • WIFI บริเวณ Club House
  • Shuttle Service ส่ง MRT รัชดาภิเษก (รถตุ๊กตุ๊ก 2 คัน รอบละ 30 นาที ตั้งแต่เวลา 7.00 – 18.30 น.)
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 70 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 279 คัน คิดเป็น 50% (ถ้ารวมจอดซ้อนคันเพิ่มอีก 45 คัน คิดเป็นทั้งหมด 58%)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card
  • แบบห้อง

    สำหรับห้องที่เราจะไปดูกันเริ่มต้นคือห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.66 ตร.ม. สังเกตว่าห้องไซส์นี้จะมีให้เลือก 2 แบบนะคะ และมีราคาเท่ากันด้วย แต่การจัดแปลนจะมีความน่าสนใจต่างกันชัดเจนเลย โดยเราจะเปรียบเทียบให้ดูเผื่อเป็นไกด์ไลน์ให้เพื่อนๆ ตัดสินใจเลือกแบบห้องได้ง่ายขึ้นค่ะ

    1 Bedroom 29.66 ตร.ม. (AA5-1) : ลักษณะการจัดผังจะเน้นให้พื้นที่ Common Area ได้บรรยากาศติดหน้าต่างทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เตียงนอน พื้นที่นั่งเล่น และยังมีมุมอเนกประสงค์ติดหน้าต่าง เผื่อใครจะจัดเป็นพื้นที่ทำงานได้ ดังนั้นบรรยากาศภายในห้องนี้จะโปร่งโล่งมากกว่าเมื่อเทียบกับอีกแบบนึงนะคะ หรือก็จะเหมาะกับคนที่ชอบจัดฟังก์ชันภายในห้องเอง ลักษณะการจัดจะอิสระเหมือนห้อง Studio เลยค่ะ

    1 Bedroom 29.66 ตร.ม. (AA5-2E) : แบบห้องนี้เน้นความเป็นสัดส่วนชัดเจนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นครัวปิดที่ภายในมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารในตัวเลย ได้ห้องนอนปิด จึงทำให้ห้องนี้ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า และเหมาะกับคนที่ชอบฟังก์ชันชัดเจน มีความเป็นระเบียบ

    เริ่มต้นที่ห้อง 1 Bedroom 29.66 ตร.ม. (AA5-2E)

    จากหน้าประตูทางเข้าห้องได้เป็นประตูไซส์มาตรฐาน ปิดผิวด้วยลามิเนต และมี Digital Door Lock จาก Hafele ให้เป็นมาตรฐานในทุกยูนิตนะคะ ซึ่ง Digital Door Lock รุ่นนี้จะสามารถเปิดได้ทั้งจาก Keycard, Password และกุญแจค่ะ

    เข้ามาภายในเราจะเจอกับส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อน ส่วนถัดไปด้านในเป็นห้องครัวและห้องนอนค่ะ โดยหลักๆ แล้วบรรยากาศบริเวณพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในจะได้แสงธรรมชาติที่มาจากห้องครัวนะคะ เพราะตรงครัวกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ดังนั้นแสงก็จะส่องเข้ามาถึงอยู่ค่ะ

    ส่วนพื้นห้องทั้งหมด ยกเว้นห้องน้ำใช้เป็นพื้นลามิเนต และความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.45 ม. ค่ะ

    มุมพื้นที่นั่งเล่นนี้จะได้เข้ามุมเป็นสัดส่วนนะคะ ขนาดสามารถวางโซฟาแบบ Love Seat หรือ 2 ที่นั่ง เราว่ากำลังดีกับพื้นที่ค่ะ ส่วนระยะความกว้างเมื่อวางทีวีแล้วก็จะอยู่ที่ราวๆ 1.5 ม.

    อีกฝั่งนึงด้านข้างประตูทางเข้าห้อง ทางโครงการจะ Built-in ชั้นวางรองเท้าให้ และถัดไปก็จะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำค่ะ

    สำหรับชั้นวางรองเท้า Built-in นี้ขนาดโอเคนะคะ ไม่เล็กไป จุรองเท้าได้หลายคู่อยู่ ด้านบนก็วางของจุกจิก หรือวางของตกแต่งได้อีก

    ส่วนห้องน้ำนี้เราจะได้สุขภัณฑ์ทั้งหมด รวมไปถึงงาน Finishing พวกผนังพื้น เหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยนะคะ โดยผังของห้องนี้แบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนดี เริ่มจากโซนแห้งก็จะเป็นส่วนอ่างล้างมือ จาก Lavenz ส่วนโถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวจาก HAFELE

    ส่วนเปียกกั้นด้วยฉากกั้นกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งมีการตกแต่งหน้าบานให้ด้วยวงกบสีดำดูเท่ห์มากขึ้น ขนาดภายในพื้นที่อาบน้ำโอเคเลยนะคะ อาบน้ำได้สบายๆ ไม่เล็กไป ส่วนฝักบัวที่ได้เป็นแบบ Hand Shower จาก HAFELE เช่นกัน ซึ่งสเป็คที่ให้มาเราคิดว่าโอเคเลย ไซส์ฝักบัวไม่เล็กไป สายฝักบัวก็เป็นแบบเรียบจะทำความสะอาดก็ง่ายดี และสุดท้ายคือด้านข้างมีทำช่องไว้ให้วางแชมพู สบู่ ต่างๆ ได้ด้วย

    ถัดมาส่วนครัวกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกสูงเกือบถึงฝ้าเพดานนะคะ โดยประตูบานเลื่อนกระจกนี้จะเป็นแบบ 2 ตอน ซึ่งถ้าดูจากการวางเฟอร์นิเจอร์แล้ว อย่างห้องตัวอย่างจะมีวางชั้นวางทีวีมุมนี้ด้วยก็ทำให้เปิดใช้งานได้ฝั่งเดียวนะคะ ซึ่งก็โอเค เพราะแค่บานเดียวก็กว้างพอสมควรเดินได้ไม่ยาก

    ภายในครัวสำหรับแปลนนี้เราว่ากว้างพอสมควรเลย ทำให้จัดได้ทั้งส่วนเคาน์เตอร์ครัว และโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งกำลังพอดีๆ

    ถ้าลองดูมุมกดแล้ว จะเห็นว่ามีพื้นที่สำหรับให้เดิน หรือยืนทำกับข้าวได้อยู่นะคะ ไม่แน่นไป ส่วนพื้นครัวปูด้วยลามิเนตเช่นกัน ดังนั้นอาจจะต้องระมัดระวังในการใช้งานหน่อย เพราะลามิเนตไม่ได้ทนเรื่องความชื้น น้ำ ต่างๆ เท่ากับกระเบื้องนะคะ

    มาดูพื้นที่กินข้าวเราสามารถวางโต๊ะและเก้าอี้ 2 ตัวได้เลย มีฝั่งนึงที่ติดกับผนังแบบห้องตัวอย่างก็ได้ หรือจะเป็นโต๊ะที่เราวางเก้าอี้หันเข้าผนังก็ได้เช่นกัน แล้วแต่ใครชอบจัดวางแบบไหนค่ะ

    เคาน์เตอร์ครัวได้ทั้งชุดตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ โดยส่วนท็อปเคาน์เตอร์จะเป็นหิน Quartz ซึ่งก็ถือว่าดีเลย นอกจากทนความชื้น การใช้งานต่างๆ แล้วก็ได้เรื่องความสวยงามด้วย รวมไปถึง Back splash ด้านหลังก็กรุกระเบื้องเซรามิกมาให้นะคะ

    Sink ล้างจานที่ได้เป็นหลุมเดี่ยวจาก HAFELE

    ด้านข้างได้ Hob & Hood จาก HAFELE เช่นกัน เตามี 2 หัวเตาและ Hood แบบ Exhausted หรือต่อท่อออกด้านนอก

    ติดกับครัวเป็นส่วนของระเบียง ซึ่งเราว่าได้ตำแหน่งดีเลยสำหรับเป็นระเบียงซักล้าง ทำความสะอาด หรือจะตากผ้าต่างๆ เพราะมุมนี้เราสามารถใช้งานเชื่อมกับครัวได้ ไม่ว่าจะเป็นการล้างกะทะขนาดใหญ่หน่อยก็ออกไปล้างตรงระเบียงได้ หรือบางทีเราอยากระบายอากาศจากครัวก็สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้ด้วยค่ะ

    ขนาดของระเบียงหักลบกับเครื่องซักผ้าแล้วก็จะมีพื้นที่อยู่ระดับนึงให้สามารถใช้งานได้อยู่นะคะ

    ส่วนลักษณะระเบียงจะเป็นแบบในร่มนะคะ มีกันสาดให้โอเคเลยและราวกันตกเป็นแบบราวเหล็กพ่นสีดำมาตรฐาน ส่วนตำแหน่งของ CDU แอร์ ทางโครงการจะหันข้างไว้ตามรูปด้านบนนะคะ ถ้าไม่อยากให้ลมร้อนเบาบริเวณระเบียงก็ติดกริลล์เบี่ยงทิศทางลมได้ค่ะ

    ปิดท้ายด้วยภายในห้องนอน สำหรับแปลนนี้ที่บอกไปข้างต้นคือ ได้ห้องนอนเป็นสัดส่วนเลยค่ะ ขนาดของห้องสามารถรองรับเตียงไซส์ 5 ฟุตกำลังดี มีทางเดินรอบเตียงได้

    อีกด้านของเตียงเป็นพื้นที่ส่วนตู้เสื้อผ้านะคะ

    ซึ่งสำหรับเราคิดว่าตู้เสื้อผ้าของห้องนี้ขนาดค่อนข้างกะทัดรัดนะ ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ค่ะ แต่จะมีดีไซน์ไว้ให้ใช้งานได้หลากหลายดี เช่น มีกระจกเงาให้และชั้นวางสำหรับวางเครื่องสำอางค์ต่างๆ ให้

    อีกห้องนึงที่ราคาเท่ากันและไซส์เท่ากันเลยคือ 1 Bedroom ขนาด 29.66 ตร.ม. แต่มีแปลนต่างกันไปเลยนะคะ เราอยากให้ดูบรรยากาศภาพจริง เผื่อใครจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้นค่ะ ว่าชอบแบบไหน เหมาะกับแบบไหนมากกว่า

    เข้าห้องมาแล้วเราจะเจอกับห้องครัวก่อนเลยนะคะ ลักษณะจะเป็นครัวปิด ฝั่งซ้ายมือของรูปเป็นตำแหน่งของเคาน์เตอร์ครัว และฝั่งตรงข้ามทางโครงการจะ Built-in ตู้เก็บของไว้ให้

    ซึ่งแบบแปลนนี้จะได้ขนาดตู้ Built-in ใหญ่เลยค่ะ เก็บของได้เยอะ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า และชั้นเก็บของด้านข้าง รวมไปถึงด้านบนด้วย

    ส่วนเคาน์เตอร์ครัวสเป็คจะเหมือนกับห้องที่แล้วเลยนะคะ แต่ไซส์ของเคาน์เตอร์เล็กลงมาหน่อยค่ะ

    ก่อนที่จะเข้าสู่บริเวณ Common Area เราอยากให้ดูตรงส่วนนี้ค่ะ คือส่วนประตูบานเลื่อน 2 ฝั่ง ฝั่งนึงจากครัว และอีกฝั่งจากห้องน้ำ ซึ่งตรงกลางถ้าเปิดมาก็คือตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ด้านในนั่นเอง โดยห้องนี้จะได้ตู้เสื้อผ้าที่ขนาดใหญ่กว่าห้องที่แล้วนะคะ

    เรามาดูห้องน้ำกันต่อ ห้องน้ำเปิดเข้ามาก็จะเป็นส่วนแห้งเลย ประกอบด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ซึ่งพอจัดวางตำแหน่งแบบนี้แล้ว เราว่าบรรยากาศโล่งกว่าห้องที่แล้วอยู่หน่อยนะคะ แม้ขนาดจริงๆ จะไม่ต่างกันมาก ส่วนสเป็คแบรนด์สุขภัณฑ์ทั้งหมดได้เหมือนกับห้องที่แล้วเลยค่ะ

    บริเวณส่วนเปียกก็แยกโซนให้ด้วยฉากกั้นกระจก 3 ตอนเช่นเดิม ภายในมีฝักบัวสายอ่อน จาก HAFELE พร้อมช่องด้านข้างสำหรับวางแชมพู สบู่ต่างๆ ได้

    สำหรับจุดเด่นของห้องนี้จะอยู่ที่ Common Area ที่เป็นพื้นที่เชื่อมกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเตียงนอน พื้นที่นั่งเล่น เมื่อเป็นพื้นที่รวมกันทั้งหมด ไม่มีผนังกั้น จึงทำให้บรรยากาศส่วนนี้โปร่งโล่ง และมีอิสระในการจัดพื้นที่ของตัวเองเหมือนกับห้อง Studio เลยค่ะ

    สำหรับตำแหน่งพื้นที่นั่งเล่น เราว่าโอเคนะคะ ขนาดไม่เล็กไป วางโซฟาตัวใหญ่พร้อมโต๊ะกลางได้อยู่ และมีผนังอีกฝั่งให้เรา Built-in ชั้นวางต่างๆ เต็มที่ได้ แต่ถ้าจะให้วางเป็นโต๊ะกินข้าวแบบกิจจะลักษณะเลยเราว่าขนาดพื้นที่ยังน้อยไปหน่อยนะคะ วางเป็นโต๊ะกลางขนาดกลางๆ จะเหมาะสมกว่า

    ถัดมาคือพื้นที่เตียงนอนไซส์ที่เหมาะสมกับห้องก็คือ 5 ฟุต หรือ Queen Size นะ เพื่อจะได้มีพื้นที่รอบเตียงให้เดินได้สบาย

    มุมของแปลนห้องนี้ข้างเตียง เราค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ เพราะเราสามารถจัดฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติมได้ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน มุมงานอดิเรก หรือจะเป็นมุมเลี้ยงน้องหมาน้องแมวก็ได้เลยค่ะ

    ปิดท้ายด้วยระเบียงของห้อง เราว่าขนาดใกล้เคียงกับแปลนที่แล้วนะคะ แต่ตำแหน่งนี้จะติดกับพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งเราว่าเหมาะกับการใช้เป็นพื้นที่ยืนเล่น สูดอากาศ หรือจะเป็นโซนซักล้างไปเลยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใครชอบมายืนระเบียงสูดอากาศนั้นแนะนำให้เราติดกริลล์เบี่ยงลมร้อนเลยค่ะ

    ห้องสุดท้ายที่จะพามาดูคือ 1 Bedroom ขนาด 39.89 ตร.ม. ขนาดนี้จะใหญ่ขึ้นมาอีกพอสมควรเลยจากห้อง 29.66 ตร.ม. เผื่อใครมีงบขึ้นมาอีกหน่อยหรืออยู่กัน 2 คน นะคะ จุดเด่นของห้องนี้คือได้ห้องนอนขนาดใหญ่ รวมไปถึงมีห้องน้ำในห้องนอนด้วย ซึ่งห้องนี้จะเปิดได้จากทั้ง 2 ฝั่งคือ Common Area และ ห้องนอน

    และมุมครัวที่จริงๆ แล้วจะกั้นเป็นครัวปิดก็ได้ หรือเปิดโล่งก็จะได้มุมที่โปร่งโล่งมากขึ้น

    และนี่คือบรรยากาศจริงของห้องนี้นะคะ เปิดประตูมาเราเจอกับส่วน Common Area ที่เชื่อมครัวและพื้นที่นั่งเล่นด้วยกัน เลยดูแล้วค่อนข้างโปร่งโล่งทีเดียวค่ะ

    เคาน์เตอร์ครัวของห้องนี้ก็จะใหญ่กว่าครัวของ 2 ห้องที่แล้วนะคะ ลักษณะจะเป็นครัวรูปตัว L ทำให้เรามีพื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้น

    ส่วนมุมพื้นที่นั่งเล่นนี้อยู่ติดกับระเบียงเลย ได้แสงธรรมชาติจากส่วนนี้พอสมควรนะคะ ส่วนขนาดของพื้นที่ตรงนี้สามารถวางโซฟาแบบ 3 ที่นั่งได้เลยค่ะ

    ส่วนระเบียงของห้องนี้ก็มีขนาดใหญ่ตามพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดเลยนะคะ รวมไปถึงตำแหน่งของเครื่องซักผ้าก็ไม่จำเป็นต้องมาวางตรงนี้ด้วย เพราะห้องนี้ตรงเคาน์เตอร์ครัวมีช่องสำหรับให้ใส่เครื่องซักผ้าแล้ว ดังนั้นพื้นที่ระเบียงนี้จึงสามารถใช้ได้เต็มที่เลยค่ะ

    ถัดมาอีกฝั่งเป็นห้องน้ำและทางเข้าห้องนอนนะคะ เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำกันก่อน

    ห้องน้ำของแปลนนี้สามารถเข้าออกได้ 2 ทางคือจาก Common Area และห้องนอน ซึ่งทำให้การใช้งานสะดวกทั้ง 2 ฝั่ง รวมไปถึงได้ความเป็นส่วนตัวด้วย เช่น กรณีเพื่อนมาเยี่ยมห้องก็ไม่จำเป็นต้องเข้าห้องน้ำโดยเดินผ่านห้องนอน

    ขนาดห้องน้ำค่อนข้างกว้างนะคะ และแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ให้เป็นสัดส่วนค่ะ

    สุดท้ายคือห้องนอน ขนาดห้องนอนนี้ค่อนข้างใหญ่เลย เทียบแล้วก็เกือบครึ่งนึงของขนาดห้องทั้งหมด ทำให้สามารถจัดวางฟังก์ชันในห้องนอนได้มากกว่าแต่เตียงนอนกับตู้เสื้อผ้านะคะ และเตียงเองก็เลือกไซส์ 6 ฟุตได้เลย มีพื้นที่ด้านข้างให้จัดเป็นโต๊ะทำงาน/ โต๊ะเครื่องสำอางค์เพิ่มเติมได้

    อีกมุมนึงของบริเวณพื้นที่เตียงนอน สังเกตว่าจะได้กระจกบานค่อนข้างใหญ่เลย รับแสงได้ดีนะคะ แต่เรื่องวิวจะไม่ได้เห็นวิวระยะไกลเท่าไหร่นัก อย่างอาคารที่เราไปคืออาคาร A ก็จะติดกับอาคารเพื่อนบ้านเลย ดังนั้นตำแหน่งของห้องนี้ก็จะไม่ค่อยเน้นเรื่องวิวภายนอกมากนักนะคะ

    หันมาอีกด้าน สำหรับห้องนี้มีพื้นที่สามารถทำ Walk-in Closet ได้เลยนะคะ และได้ตู้เสื้อผ้า Built-in 2 ฝั่งเลยค่ะ และสุดทางที่เราเห็นเป็นประตูนั้น ก็คือประตูห้องน้ำค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 16 December 2019

    • 1 Bedroom ห้องที่ 8AA5-3E ชั้น 8 ขนาด 29.66 ตร.ม. ราคาปกติ 3.49 ล้านบาท ราคาพิเศษ 2.99 ล้านบาท หรือ 100,809 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom ห้องที่ 5AA4-2 ชั้น 5 ขนาด 35.90 ตร.ม. ราคาปกติ 4.2 ล้านบาท ราคาพิเศษ 3.8 ล้านบาท หรือ 105,850 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom ห้องที่ 7CA3-2 ชั้น 7 ขนาด 39.99 ตร.ม. ราคาปกติ 4.612 ล้านบาท ราคาพิเศษ 4.212 ล้านบาท หรือ 105,326 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom ห้องที่ 3CB1-1 ชั้น 3 ขนาด 61.03 ตร.ม. ราคาปกติ 7.28 ล้านบาท ราคาพิเศษ 6.78 ล้านบาท หรือ 111,093 บาท/ตร.ม.

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted (สุขภัณฑ์ห้องน้ำ, ชุดครัว, ตู้เสื้อผ้า Built-in, เครื่องปรับอากาศ)
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร
    • Kitchen & Sink / ท๊อปหินสังเคราะห์
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อ HAFELE
    • จอง

    • Studio และ 1 Bedroom 20,000 บาท
    • 2 Bedroom 30,000 บาท

  • ทำสัญญา
    • Studio และ 1 Bedroom 100,000 บาท
    • 2 Bedroom 200,000 บาท

  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเล : MAESTRO 19 รัชดา 19 – วิภา ตั้งอยู่ในซอยรัชดาภิเษก 19 หรือ ซอยวิภาวดี 16 ที่เรียกกันว่า โชคชัยร่วมมิตร ซอยนี้จุดเด่นคือเป็นซอยสำคัญที่เชื่อมเข้าถนนใหญ่ได้ 3 สาย ทั้ง รัชดาภิเษก วิภาวดีรังสิต และลาดพร้าว ดังนั้นเรื่องของการเดินทางจึงสะดวก มีตัวเลือกในการเดินทางเยอะ และอีกอย่างคือบรรยากาศในซอยนี้คึกคัก อุดมสมบูรณ์มาก ตลอดทางเราจะเห็นร้านค้า ร้านอาหาร Minimart Hyper Market เราสามารถหาของกินในราคาสบายกระเป๋าได้ง่ายเลย

    การเดินทางโดยใช้รถ : ใครใช้รถในการเดินทางไปทางรัชดาภิเษก วิภาวดี หรือลาดพร้าวก็จะเหมาะกับทำเลนี้เพราะเชื่อมไปได้ทั้งหมดนะคะ ถือเป็นอีกจุดเด่นนึงของทำเลโครงการในซอยนี้ ส่วนที่จอดรถให้มาโอเคเลยไม่น้อยไปอยู่ที่ 58% รวมซ้อนคัน

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ส่วนใครไม่ใช้รถก็โอเคนะคะ ไม่ได้เดินทางลำบากเลย เพราะอยู่ไม่ไกลจาก MRT รัชดาภิเษก ระยะราวๆ 650 ม. อาจจะเลยระยะเดินหน่อย และทางเดินไปโครงการเราว่าเดินยากไปหน่อยเพราะไม่มีฟุตบาทด้านข้าง แต่ในซอยนี้เราต่อรถกะป้อง่ายมาก และมีให้ขึ้นเยอะด้วยไม่ต้องรอนาน ค่ารถอยู่ที่ 8-10 บาท/เที่ยว เท่านั้นเองค่ะ รวมไปถึงทางโครงการเองก็มี Shuttle ตุ๊กตุ๊ก คอยให้บริการด้วย มีทั้งหมด 2 คัน วิ่งทุกๆ 30 นาที

    วัสดุ : สำหรับวัสดุโครงการนี้เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ย 109,000 บาท/ตร.ม. เราว่าให้มาระดับมาตรฐานกลางๆ มีจุดเด่นอยู่คือส่วน เคาน์เตอร์ครัวที่ได้ท็อปหิน Quartz ได้ Hob & Hood แบบต่อท่อออกด้านนอก และสุขภัณฑ์เกรดโอเคเลย ส่วนที่ทั่วไปก็จะเป็นฝ้าเพดานความสูงมาตรฐาน 2.45 ม. และพื้นลามิเนต ที่เราคิดว่าส่วนครัวน่าจะได้เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ใช้งานได้ดีกว่า

    แต่ถ้าพูดถึงวัสดุบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง เรามองว่าโครงการทำออกมาได้ดีเลย บรรยากาศน่าใช้งาน และใช้วัสดุตกแต่งดูหรูหรามีสไตล์ดี

    การออกแบบ : งานดีไซน์โครงการนี้ตาม Concept แนว Modern แต่ยังดูมีความหรูหราอยู่ ซึ่งหากเทียบกับเงินก้อนที่เราซื้อห้อง+งานออกแบบแล้วประมาณ 3 – 4 ล้านบาท เราว่ารูปแบบโครงการทำออกมาได้ดี สมราคา สิ่งที่น่าสนใจคือการที่โครงการแบ่งอาคารออกเป็น 4 อาคาร ทำให้แต่ละอาคารไม่หนาแน่นมาก มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และการนำ Club House ไว้ตรงกลางทำให้การเข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางง่ายสำหรับลูกบ้านในทุกอาคารค่ะ

    ในส่วนห้องพักอาศัย พูดถึงห้องไซส์ 29.66 ตร.ม. มีให้เลือก 2 แบบ ราคาเดียวกัน 2 แบบนี้ตอบโจทย์คนละสไตล์ชัดเจน แบบแรกคือคนชอบความเป็นสัดส่วน ได้ห้องนอนส่วนตัว และตำแหน่งครัวโอเคเลย เหมาะกับการทำอาหาร ส่วนแบบที่ 2 คือตอบโจทย์คนที่ชอบพื้นที่โปร่งโล่ง ได้บรรยากาศในห้องกว้างขวาง และอิสระในการจัดสรรพื้นที่ห้องเองได้

    ส่วนห้องอื่นๆ การจัดวางจะใกล้เคียงกันคือเน้นความเป็นสัดส่วน ห้องใหญ่จะเป็นครัวเปิดเพื่อให้โถงกลาง (Common Area) เปิดโล่งมากขึ้น

    สาธารณูปโภค : จุดเด่นของสาธารณูปโภคเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อย่างแรกคือ เหมาะกับคนเลี้ยงสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วโครงการคอนโดมิเนียมไม่ได้อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์นะคะ แต่ที่นี่อนุญาตให้เลี้ยงได้ และมีการจัดการ มีกฎระเบียบ บวกกับพื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงเราโดยเฉพาะ และกลับกันสำหรับคนที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ก็อยากให้คำนึงในส่วนนี้ด้วยว่าซีเรียสไหม บางทีอาจจะมีเสียงน้องหมารบกวนบ้าง

    ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ เราว่าที่นี่ทำได้ดี บรรยากาศสวยและขนาดพื้นที่แต่ละจุดก็ให้มาไม่เล็กไป เช่น สระว่ายน้ำขนาด 6 x 25 ม. เป็นต้นค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 109,000 บาท/ตร.ม., 16 December 2019

    • ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยรัชดาฯ19/วิภาวดีฯ16 (โชคชัยร่วมมิตร) เป็นซอยลัด อุดมสมบูรณ์ ใกล้ MRT รัชดาภิเษก
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวกสามารถใช้ซอยลัด เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง เชื่อมต่อเข้าเมืองได้
    • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – สามารถเดินไปขึ้น MRT ได้ในระยะ 650 เมตร เรียกรถแท็กซี่ กะป้อได้สะดวก มี shuttle bus รับ-ส่ง
    • วัสดุ 7.5/10 – เกรดวัสดุโดยรวมโอเคสำหรับในห้องพักอาศัย และส่วนพื้นที่ส่วนกลางถือว่าทำออกมาได้ดีนะคะ
    • แบบ 8.5/10 – จัดผังห้องออกมาได้ดี ตอบโจทย์คนหลายกลุ่ม
    • สาธารณูปโภค 8/10 – น่าใช้งาน ครบครัน

    • HIGH CLASS
    • 7.73 / 10.00

    BOTTOM LINE

    MAESTRO 19 รัชดา 19 – วิภา เหมาะกับคนที่มองหาทำเลในย่านรัชดา-ลาดพร้าว-วิภาวดี โอเคกับการอยู่ในซอย แต่เป็นซอยหลักที่เด่นในเรื่องอุดมสมบูรณ์ระยะเดินหาของกินง่าย ราคาสบายกระเป๋า เป็นคนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง หรือเป็นคนที่ชอบสัตว์เลี้ยง ชอบสไตล์โครงการแนว Modern และสุดท้ายคือมีงบประมาณตั้งแต่ 2 ล้านปลายๆ ก็สามารถได้ห้องไซส์อยู่ 1-2 คนสบายๆ ค่ะ


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving