เปิดตัวมาใหม่อีกแล้วนะคะ กับโครงการใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำเลสะพานใหม่กับโครงการ SO Origin Phahol 69 Station จาก Origin Property ที่มีจุดเด่นแตกต่างจากโครงการอื่นๆ คือมาพร้อมกับ “การบริการแบบโรงแรม” ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัย อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับ BTS สถานีสายหยุดเพียงแค่ 50 เมตร ในราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท ซึ่งเราคิดว่ามีจุดเด่นที่น่าสนใจ ดังนี้ค่ะ
- ทำเล : โครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ ถนนพหลโยธิน ใกล้กับถนนเทพรักษ์ (ตัดใหม่) เชื่อมต่อกับถนนกาญจนาภิเษก เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย มีห้าง Big C สะพานใหม่ และโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล ในระยะที่เดินไปได้ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS สายหยุด ให้นั่งเข้าเมืองไปทำงานได้สะดวกเลย
- Hotel Service : อำนวยความสะดวกสบายสำหรับการอยู่อาศัยได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น Concierge Service, บริการทำความสะอาด และ Origin Healthcare บริการนวด สปา เพื่อสุขภาพ มีแพทย์ พยาบาลให้คำปรึกษา
- พื้นที่ส่วนกลาง : มี Facility หลากหลายเหมาะกับการใช้งานของคนยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นห้อง Studio สำหรับ Live ขายของหรือทำคอนเทนต์ ห้อง Co-Passion สำหรับนั่งทำงานที่บ้าน, Lounge, Fitness และ Sky Facility ทั้งสวนและสระว่ายน้ำมองเห็นวิวได้รอบด้าน
- การออกแบบ : เน้นความโปร่งสบาย มีช่องแสงขนาดใหญ่ มีการออกแบบผนังห้องนอนเป็นกระจก ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาทั่วทั้งห้อง ในขณะที่ฟังก์ชันแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน ได้ห้องครัวปิด มีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์คำนึงถึงการใช้งานจริง เช่น ตู้เก็บของ ชั้นวางรองเท้าด้านหน้าห้อง เป็นต้น
ข้อมูลโครงการ
SO Origin Phahol 69 Station (โซ ออริจิ้น พหลฯ 69 สเตชั่น) ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2564
ชื่อโครงการ | SO Origin Phahol 69 Station (โซ ออริจิ้น พหลฯ 69 สเตชั่น) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร |
ที่ดิน | 3-0-00 ไร่ |
ประเภทคอนโด | Mid-Rise 14 ชั้น ห้องพักอาศัย 520 ยูนิต, ร้านค้า 1 ยูนิต |
จำนวนยูนิต | 520 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 48 ยูนิต |
ที่จอดรถ | มากกว่า 200 คัน คิดเป็น 41.6 % เป็นที่จอดแบบปกติ ชั้น 1 – 3 |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2567 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | n/a |
ราคาเริ่มต้น | 2.99 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 120,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | n/a |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | อยู่ระหว่างการประเมิน |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.origin.co.th/condo/so-origin-phahol-69-station |
Call Center | 02 030 0000 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.890077095681036, 100.60497203572028
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ SO Origin Phahol 69 Station ตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธินฝั่งขาออก ไม่ไกลจากวงเวียนหลักสี่ค่ะ อีกทั้งยังติดกับรถไฟฟ้า BTS สถานีสายหยุด ส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่เชื่อมมาจาก BTS หมอชิต ดังนั้นการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองจึงค่อนข้างสะดวกเลยค่ะ
ในย่านนี้แต่เดิมจัดว่าเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยเก่าแก่ดังเดิม สภาพแวดล้อมสองฝั่งของถนนส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ที่ชั้นล่างมักเปิดเป็นร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ อีกทั้งยังอยู่ใกล้เขตทหาร สถานที่ราชการและสนามบินดอนเมือง จึงก่อให้เกิดชุมชนมีคนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เดิมบริเวณนี้เป็นทำเลของบ้านพักอาศัยแนวราบ ต่อมาจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทำเลนี้มีการยกระดับความเจริญ คือการมาของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่กำลังทำการก่อสร้างอยู่ ทำให้ที่ดินติดรถไฟฟ้าสถานีต่างๆ เริ่มทยอยเปลี่ยนเป็นคอนโดกันเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีการตัดถนนใหม่เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจราจรอีกด้วยค่ะ
สำหรับ การเดินทางด้วยรถยนต์ จากโครงการ SO Origin Phahol 69 Station สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลาย ถ้าใช้ถนนพหลโยธินจะสามารถวิ่งไปยังรัชโยธิน ลาดพร้าวได้ หรือจะใช้วิ่งไปรังสิตก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่จะมีการจราจรที่ติดขัดบ้างตามเวลาเร่งด่วนซึ่งทำให้ต้องเผื่อเวลาสำหรับการเดินทางพอสมควร และจากโครงการยังสามารถเดินทางไปยังถนนรามอินทรา ถนนแจ้งวัฒนะซึ่งสามารถใช้ไปยังปากเกร็ดหรือมีนบุรีได้ โดยแจ้งวัฒนะถือเป็นพื้นที่สำหรับการขยายเมืองซึ่งตอนนี้ได้มีสำนักงานและห้างสรรพสินค้าหลากหลาย เช่น ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัล รวมถึงอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญที่เป็นวงเวียนและสะพานข้ามแยกถนนพหลโยธิน เป็นต้น
อีกหนึ่งความสะดวกในการเดินทางคือ การตัดถนนเทพรักษ์เพื่อแก้ปัญหารถติดจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า ทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น ซึ่งถนนเส้นนี้จะเชื่อมตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิต ผ่านถนนพหลโยธิน ไปจนถึงถนนกาญจนาภิเษกเป็นการเชื่อมการเดินทางของกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกให้เข้ามาที่ศูนย์กลางได้ง่ายขึ้น
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ นั้นสามารถเดินทางได้สะดวกเนื่องจากมีรถประจำทางผ่านถนนเส้นนี้อยู่หลายสาย และเป็นถนนหลักสามารถเรียกใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์หรือ Taxi ได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย สถานี สายหยุด ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 50 เมตรเท่านั้นค่ะ ถือว่าช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น ใครที่ทำงานในเมืองไม่ว่าจะเป็น จตุจักร อโศก สุขุมวิท เพลินจิต ก็สามารถนั่งต่อเดียวถึงได้เลยค่ะ
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ โดยรอบโครงการถือว่ามีพอสมควรเลยค่ะ ภายในระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตร มีทั้งมหาวิทยาลัยหลายแห่ง , โรงเรียน ,โรงพยาบาล , วัด , เขตพื้นที่ราชการ รวมถึงยังใกล้กับสนามบินดอนเมืองอีกด้วย ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตอยู่อาศัยคงต้องคำนึงถึงแหล่งของกิน ซึ่งบริเวณรอบๆ โครงการมีห้างสรรพสินค้า และ Hypermarket อยู่หลายที่ เช่น ห้างเซ็นทรัล รามอินทรา , Foodland , Tesco Lotus ฝั่งตรงข้ามกับโครงการยังเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล และ Big C สะพานใหม่ ที่อยู่ในระยะเดินได้ประมาณ 350 เมตร จับจ่ายซื้อของได้ทุกวัน อีกทั้งเวลาเจ็บป่วย ไม่สบายก็สามารถไปพบแพทย์ได้ทันท่วงทีค่ะ
นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้กับตลาดใหญ่ๆอย่างตลาดยิ่งเจริญ ตลาดออเงิน เป็นต้นทำให้หาของกินได้ง่ายพอสมควร อย่างตลาดยิ่งเจริญเป็นตลาดใหญ่ในย่านนี้มีครบเลยทั้งของแห้ง ของสด ของใช้ และ ร้านอาหาร มีลานจอดรถที่สามารถไปจอดได้สะดวก
สองฝั่งถนนพหลโยธินใกล้กับโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านค้าร้านอาหาร ง่ายต่อการจับจ่ายใช้สอย ซอยทั้งสองฝั่งข้างทางเป็นชุมชนพักอาศัย มีบริษัทเล็กๆ ห้องพัก อพาร์ตเมนท์ บ้างประปราย โดยรวมแล้วค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์และคึกคักตลอดทั้งวันเลย
การเดินทางไปยังโครงการ SO Origin Phahol 69 Station ถ้ามาจากถนนรามอินทรา เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนพหลโยธิน บริเวณวงเวียนหลักสี่ ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 2.3 กิโลเมตร ผ่านสถานีสายหยุดจะเจอกับโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ติดกับซอยพหลโยธิน 69/2 ค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมโครงการ SO Origin Phahol 69 Station ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้น ติดถนนพหลโยธิน ด้านในซอยเป็นชุมชนพักอาศัยสูงตั้งแต่ 2 – 4 ชั้น เนื่องจากทำเลสะพานใหม่จะมีลักษณะเฉพาะตัวอยู่คือในบางพื้นที่จะสร้างสูงได้ไม่เกิน 45 เมตร เนื่องจากอยู่ในเขตปลอดภัยทางอากาศเพราะใกล้กับสนามบินดอนเมือง จะมีอาคารสูงที่สุดก็ไม่เกิน 15 ชั้นเท่านั้น ทำให้รอบๆ โครงการไม่มีอาคารสูงขึ้นมาบังวิวมากนักมองเห็นวิวค่อนข้างโล่งค่ะ
สรุปอาคารข้างเคียงโครงการดังนี้ค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับ ซอยพหลโยธิน 69/2 และ อาคารแถวสูงประมาณ 4 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนพหลโยธิน ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล
- ทิศใต้ ติดกับ อาคารแถวสูงประมาณ 4 ชั้น
- ทิศตะวันตก ติดกับ ที่ดินเปล่า
บรรยากาศด้านหน้าสถานีสายหยุด อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 50 เมตร สามารถเดินได้ง่ายไม่เมื่อยเลยค่ะ
บรรยากาศด้านหน้าโครงการทางทิศเหนือ มองเห็นห้าง Big C สะพานใหม่ สามารถเดินไปได้ในระยะทางประมาณ 350 เมตร มีสะพานลอยข้ามได้ปลอดภัยค่ะ
บรรยากาศภายในซอยพหลโยธิน 69/2 เป็นซอยชุมชนพักอาศัยที่ค่อนข้างเงียบสงบ
ฝั่งตรงข้ามกับโครงการทางทิศตะวันออก เป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล
ด้านหน้าโครงการทางทิศใต้ เป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านค้าเกือบตลอดทั้งเส้นเลยค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- Big C Supermarket 350 เมตร
- ตลาดยิ่งเจริญ 950 เมตร
- Tesco Lotus 1.6 กิโลเมตร
- Central รามอินทรา 2.7 กิโลเมตร
- Major รัชโยธิน 8.3 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว 10.8 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล 400 เมตร
- โรงพยาบาลวิภาวดี 8.9 กิโลเมตร
โรงเรียน
- ม.ศรีปทุม 4.5 กิโลเมตร
- โรงเรียนสารวิทยา 5.1 กิโลเมตร
- สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ 7.3 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 10.7 กิโลเมตร
สถานที่ราชการ/สถานที่อื่นๆ
- สำนักงานเขตบางเขน 2.6 กิโลเมตร
- วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร 3.3 กิโลเมตร
- กรมทหารราบที่ 11 3.3 กิโลเมตร
- ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 6.3 กิโลเมตร
- สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ 7.3 กิโลเมตร
- สนามบินดอนเมือง 12 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
โครงการ SO Origin Phahol 69 Station เป็นคอนโดมิเนียม สูง 14 ชั้น จำนวน 520 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิตค่ะ มีแนวความคิดในการออกแบบ “CADENCE” หมายถึงการเคลื่อนไหว ไหลลื่น โดยเราจะเห็นการตีความและนำเส้นสายโค้งมาใช้งานงานสถาปัตยกรรมทั้งภายนอก บริเวณชั้นบน และชั้นล่าง รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบโดยการใช้เส้นโค้ง หมุน วนเป็นส่วนใหญ่
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย
ภายในอาคารยังมีการออกแบบด้วยเส้นโค้ง และตกแต่งให้มีความเรียบ แต่หรูหรา ใช้เส้นสีเข้มตัดกับผนังโทนสีอ่อน โดยบรรยากาศภายใน Lobby ของโครงการจะจำลองมาให้ชมในสำนักงานขายเลยค่ะ
SO Origin Phahol 69 Station
ภายในอาคารจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือชั้น 1 – 3 เป็นชั้นจอดรถทั้งหมด โดยจะสามารถจอดได้ประมาณ 41% ของจำนวนยูนิต หรือประมาณ 217 คัน ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยนะคะเมื่อเทียบกับโครงการใกล้รถไฟฟ้าในระดับนี้ ส่วนชั้นพักอาศัยนั้นจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 4 – 14
มีพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ให้มาหลากหลาย และคำนึงถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นห้อง Studio, พื้นที่นั่งทำงานหลายจุด โดย Facility จะกระจายอยู่ตามชั้นหลักๆ ถึง 4 ชั้นด้วยกันค่ะ ทำให้สามารถไปใช้งานในแต่ละจุดได้ไม่หนาแน่น โดยจะอยู่ที่ชั้น 1, 4, 14 และ Highlight ที่ชั้น Rooftop ของโครงการมีสระว่ายน้ำและสวนที่มองเห็นวิวได้รอบด้าน
มาดูผังของโครงการ SO Origin Phahol 69 Station กันบ้างค่ะ โครงการมีทางเข้า-ออกติดกับถนนพหลโยธิน โดยจะมีทางเข้า-ออกจุดเดียว วนรถสวนกันได้รอบอาคาร โดยจะมีที่จอดรถอยู่ด้านหลังอาคาร ด้านหน้าเป็นพื้นที่ Lobby และพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งาน ข้อดีคือสำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า สามารถเดินเข้า Lobby แอร์เย็นๆ ตั้งแต่ด้านหน้าได้เลยค่ะ หรือใครที่นั่งรถมาลงที่ Drop off ก็สามารถเดินเข้าโถงลิฟต์บริเวณกลางอาคาร (สีส้ม) ได้สะดวกเช่นกัน
โดยโครงการนี้จะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัวอยู่ที่จุดเดียวกลางอาคาร และมีลิฟต์ Service ขนส่งของให้ 1 ตัว มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการประมาณ 173 : 1 ถือว่าค่อนข้างเยอะสักหน่อยแต่ถ้าเป็นลิฟต์ที่เร็ว ก็จะทำให้ลูกบ้านไม่ต้องรอลิฟต์นานค่ะ
ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางชั้น 1 เมื่อเข้าอาคารมาแล้วจะเจอกับ Lobby ก่อนค่ะ โดยจะมี Lobby เป็นโถงต้อนรับทั้งด้านหน้า และตรงกลางอาคารหน้าโถงลิฟต์เลย แต่พิเศษขึ้นมาที่บริเวณด้านหน้ามี Origin Health Care Club บริการด้านสุขภาพให้กับลูกบ้าน
ถัดเข้ามาด้านในจะเจอกับพื้นที่ Co-Passion (เลข 3) เป็นพื้นที่นั่งทำงานที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และห้อง Studio (เลข 5) แยกเป็นสัดส่วน ที่เหลือบริเวณสีเทาเข้มจะเป็นพื้นที่ห้องงานระบบต่างๆ ภายในอาคารนั่นเองค่ะ
* บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางจะเป็นอย่างไรเรานำภาพตัวอย่างคร่าวๆ มาให้ชมกันก่อนนะคะ โดยยังไม่ Final ถ้ามีการอัปเดตจากทางโครงการเมื่อไหร่เราจะนำมาให้ชมกันค่ะ
บรรยากาศภายในโถง Lobby สำหรับนั่งพักคอย โดยจะมีการตกแต่งเหมือนกับสำนักงานขายเลยค่ะ มีการใช้เส้นโค้งสีดำ และผนังโทนสีอ่อนให้ความรู้สึกเรียบหรู โดยด้านข้างจะเป็นผนังกระจกบานใหญ่ตลอดทั้งแนวดูโปร่งสบาย มองเห็นรถที่ขับมารับภายในโครงการ และสวนด้านนอกได้
ส่วน Co-Passion จะอยู่ทางด้านในเข้ามาหน่อยเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เหมาะกับการนั่งทำงาน หรือนัดพูดคุยธุระต่างๆ ได้ โดยจะมีการตกแต่งเพิ่มความมีชีวิตชีวาด้วยรูปภาพดอกไม้ ในขณะเดียวกันก็ยังมีผนังกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวต้นไม้ทางด้านนอกได้ค่ะ
ห้อง Studio เป็นห้องส่วนตัวแยกออกมาสำหรับคนที่ต้องการถ่ายงาน ทำคอนเทนต์ หรือ Live สดขายของก็ได้หมดเลยค่ะ รองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่มีการใช้งานผ่านโซเชียลมากขึ้น โดยภายในห้องจะมีอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็น เช่น ฉาก ไฟ มาให้เรียบร้อยแล้ว
บรรยากาศบริเวณ Mail Box ของโครงการนะคะ โดยจะมีที่นั่งอยู่ตรงกลางสามารถเปิดอ่านจดหมายหรือแกะพัสดุได้เลยก่อนขึ้นไปที่ห้องค่ะ ซึ่งภายใน Mail Box ก็จะมีการตกแต่งที่เรียบหรูเช่นเดียวกับใน Lobby เลย
ส่วนใครที่ต้องการพื้นที่ทำงานจริงจัง หรือนัดพูดคุยธุระสำคัญ ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ทางโครงการมีห้อง Meeting Room รองรับไว้ให้ด้วยค่ะ โดยห้องนี้จะมีการตกแต่งโดยใช้กระจกเป็นหลัก เพิ่มความหรูหราและเป็นทางการมากขึ้น
ผังชั้น 4 เป็นชั้นพักอาศัยเริ่มแรกเลยนะคะ ผังอาคารเป็นรูปตัว Z โดยจะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณกลางอาคาร และห้องพักอาศัยอยู่ที่ปีกทั้ง 2 ฝั่ง ข้อดีก็คือเป็นการลดความหนาแน่นของห้องลง อย่างชั้นนี้มี 45 ยูนิต การแบ่งฝั่งก็ทำให้เหมือนเราอยู่ในอาคารที่มีเพียง 21 ยูนิตทางทิศตะวันตก หรือ 24 ยูนิตทางทิศตะวันออก เท่านั้นค่ะ
มีการกั้นประตูแบ่งระหว่างโถงทางเดินห้องพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางชัดเจน ใครที่อยู่ชั้นอื่นๆ ก็สามารถออกจากลิฟต์มาใช้งานได้ แต่ไม่สามารถเข้าไปยังโถงทางเดินห้องพักอาศัยทั้ง 2 ฝั่งได้ค่ะ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกบ้านด้วย
ห้องพักอาศัยจะเน้นเป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมดหันหน้าไปทางทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งทั้ง 2 ฝั่งจะไม่มีอาคารสูงมาบังวิวเลยค่ะ และมีห้องขนาดใหญ่พิเศษ 1 Bedroom Plus อยู่มุมอาคารเพียง 3 ยูนิตเท่านั้น
เรามาดูพื้นที่ส่วนกลางบริเวณโถงลิฟต์ชั้น 4 กันบ้างนะคะ ที่ชั้นนี้จะเน้นเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน และกิจกรรมสันทนาการ โดยจะแบ่งเป็น Lounge ด้านข้างเป็นห้อง Private Lounge และอีกฝั่งเป็น Relaxing Space โดยจะมองเห็นวิวสวนได้ทั้งคู่เลยค่ะ
บริเวณ Lounge เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนและพักคอยอีกแห่งหนึ่งค่ะ สำหรับนั่งรอเพื่อนก่อนลงไปยังที่จอดรถด้วยกัน หรือใครที่อยู่บนห้องเบื่อๆ อยากมานั่งอ่านหนังสือชิลๆ ในห้องแอร์เย็นๆ ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศมาใช้พื้นที่ Lounge ได้ค่ะ
นอกจากนั้นสำหรับคนที่ไม่ชอบเห็นคนเดินผ่านไป – มา ต้องการความเงียบสงบสำหรับนั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือดูหนังฟังเพลง ก็เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเจอกับพื้นที่ Private Lounge ที่จะมีทั้งชุดโซฟา และโต๊ะนั่งทำงานมาให้ มองเห็นวิวสวนด้านนอกบริเวณชั้น 4 ด้วยค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่ Relaxing Space หรือห้องสันทนาการที่มีเครื่องเล่นต่างๆ โต๊ะพูล พื้นที่นั่งสังสรรค์มาให้ใช้งานกับเพื่อนๆได้ ซึ่งบริเวณนี้จะมีการออกแบบให้เหมือนเป็นเรือนกระจกมองเห็นวิวสวนด้านนอกได้เช่นกัน
นอกจากพื้นที่ Indoor แล้วยังสามารถออกมานั่งเล่นรับอากาศธรรมชาติ แบบ Outdoor ได้ที่ Sunset Scenery / Knight Lounge อยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งสามารถมองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกได้ โดยไม่มีอาคารสูงมาบังวิวค่ะ
ชั้น 5 – 12 เป็นชั้น Typical Floor Plan มีห้องพักอาศัย 48 ยูนิตต่อชั้น อาจจะดูเหมือนเยอะนะคะ แต่ว่าโครงการแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งทำให้เหลือฝั่งละ 27 ยูนิตทางทิศตะวันออก และ 21 ยูนิตทางทิศตะวันตกค่ะ เป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมด 44 ยูนิต และห้อง 1 Bedroom Plus 4 ยูนิตบริเวณมุมอาคาร (สีน้ำตาลแดงอ่อน) โดยห้องพักอาศัยจะเป็นโถงทางเดินแบบ Double Corridor ได้ความสว่างจากช่องแสงบริเวณโถงลิฟต์ค่ะ
ชั้น 14 เป็นชั้นพักอาศัยชั้นสูงสุด และเป็นห้องพักอาศัยแบบพิเศษด้วยค่ะ เป็นห้อง Duo Space (Loft) แต่ขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ การแบ่งพื้นที่ก็คล้ายกับชั้น 4 เลยค่ะ โดยจะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณโถงลิฟต์กลางอาคาร กั้นพื้นที่โถงทางเดินด้วยประตู Key Card Access ให้ลูกบ้านชั้นนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเลย
เรามาดูพื้นที่ส่วนกลางกันค่ะ ชั้น 14 จะเป็นห้อง Fitness & Gym ลูกบ้านทุกชั้นสามารถขึ้นมาใช้งานได้นะคะ โดยภายในจะมีผนังกระจกสามารถมองเห็นวิวเมืองฝั่งทิศใต้ได้เต็มที่ พร้อมกับมีห้องน้ำให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ที่ชั้นนี้เลย เผื่อใครที่ไม่ชอบเหนียวตัวไปอาบที่ห้องของตัวเองค่ะ
บรรยากาศภายในห้อง Fitness จะมีการตกแต่งด้วยไฟโทนสีฉูดฉาดให้มีความรู้สึก Active ช่วยเสริมพลังให้กับการออกกำลังกายมากขึ้น โดยจะมีทั้งเครื่องเล่นแบบ Weight Training และ Cardio Training เลย
ชั้น Rooftop เป็นชั้นรวม Sky Facility แบ่งออกเป็น 2 โซนคือโซนสระว่ายน้ำ บรรยากาศจะเหมือนสวนน้ำ มีความร่มรื่นจากสวนและมีเสียงน้ำไหลจากสระว่ายน้ำ มองเห็นวิวได้รอบด้าน ส่วนอีกโซนหนึ่งเป็นโซนพักผ่อนในสวนค่ะ มีทั้ง Sunset Bar มองเห็นวิวพระอาทิตย์ตก และลานดูดาวตอนกลางคืน
Slope Open Lawn
บรรยากาศบริเวณสวนด้านบนชั้นดาดฟ้าจะเห็นว่ามีการออกแบบด้วยเส้นโค้ง ดูเคลื่อนไหวตามแนวคิดหลักของโครงการ และเนื่องจากอยู่ที่ดาดฟ้าของชั้น 14 จึงเป็นพื้นที่ที่ลมพัดผ่านเยอะทีเดียวค่ะ ใครที่ชอบบรรยากาศสวน มองเห็นวิวกว้างๆ น่าจะชอบเลย
Galaxy Pool With Circle Jacuzzi
ส่วนสระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือไม่ทำร้ายผิว จะมีการออกแบบ Free Form โค้ง วน เป็น Infinity Edge Pool มองเห็นวิวได้ 180 องศา บริเวณนี้จะมีการนำเอาน้ำพุ Jacuzzi มาเพิ่มเป็น gimmick เล็กๆ ให้สามารถนั่งนวดตัวได้และยังช่วยเพิ่มเสียงน้ำไหล ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยค่ะ ถือว่าออกแบบมาได้น่าใช้งานทีเดียว
ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวเครื่องบินขึ้น – ลงที่สนามบินดอนเมืองได้กับ Sunset Bar มองเห็นวิวทางทิศตะวันตก ใครเบื่อๆ ก็สามารถขึ้นมารับประทานข้าวเย็นบนชั้นดาดฟ้าสบายๆ ได้นะคะ
ส่วนสุดท้ายเป็นโซนดูดาว Upper Moon Bar ซึ่งทางโครงการมีกล้องดูดาวมาให้ด้วยค่ะ ใครชอบดูดาววันไหนฟ้าเปิดก็ขึ้นมาใช้งานตรงนี้ได้เลย
วิวชั้น Rooftop ทางทิศตะวันออก ฝั่งถนนพหลโยธินมองเห็นเส้นทางรถไฟฟ้า
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1
- Lobby Lounge
- Shop
- Co-Passion
- Meeting Room
- Studio
- Smart Lock Grab & Co
- Mail Box
- Private Lounge
- Lounge
- Relaxing Space
- Sunset Scenery / Knight Lounge
- Night Lounge with Sunken Seat & Bar
- Fitness & Gym
- Sanctuary Pool With 180′ Aero View
- Aqua Therapy Seat
- Infinity Edge Pool
- Aero Arch Gate
- Aqua Therapy Bed
- Outdoor Shower
- Windy Pool Terrace
- Galaxy Pool With Circle Jacuzzi
- Floating Pool Deck With South & Bar
แบบห้อง
โครงการ SO Origin Phahol 69 Station มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 6 Type เป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมดค่ะ โดยจะแตกต่างกันที่การจัดวางผัง และขนาดของพื้นที่ค่ะ โดยจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.99 ล้านบาท
- 1 Bedroom (1) ขนาดพื้นที่ 25.30 – 28.90 ตร.ม.
- 1 Bedroom (Smart Closet) ขนาดพื้นที่ 25.30 – 25.50 ตร.ม.
- 1 Bedroom (2) ขนาดพื้นที่ 30.30 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 34.90 ตร.ม.
- 1 Bedroom Duo Space (1) ขนาดพื้นที่ 28.60 – 28.90 ตร.ม. (Sold out)
- 1 Bedroom Duo Space (2) ขนาดพื้นที่ 30.30 – 30.60 ตร.ม. (Sold out)
จุดเด่น ของโครงการ SO Origin Phahol 69 Station ที่แตกต่างจากโครงอื่นๆ ในทำเลนี้ก็คือมีการบริการแบบ “Hotel Service” โดยผู้อยู่อาศัยสามารถใช้บริการเพิ่มเติม อำนวยความสะดวกสบายสำหรับการอยู่อาศัยได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย ดังนี้
- Concierge Service บริการช่วยเหลือ เรียกรถ รับ-ส่งของ ฯลฯ
- Cleaning Service บริการทำความสะอาด 1 ครั้ง/เดือน ฟรีตลอด 1 ปี
- Origin Healthcare บริการนวด สปา เพื่อสุขภาพ ปรึกษาแพทย์ พยาบาล ฟรี 6 เดือน
และภายในห้องพักอาศัยจะมีรูปแบบการขายแบบ Fully Fitted มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in ให้ เพียงแค่ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ลายตัวเพิ่มเติมเล็กน้อยก็สามารถเข้าอยู่ได้เลยค่ะ ข้อดีของห้อง Fully Fitted คือเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ตามสไตล์ที่เราชอบ ตกแต่งห้องเองได้ค่ะ
- ชั้นวางรองเท้า/ตู้เก็บของ
- ชั้นวาง TV
- ชุดครัว
- ตู้เสื้อผ้า
- โต๊ะเครื่องแป้ง
- ฐานเตียง
- เครื่องปรับอากาศ
เรามาดูห้องตัวอย่างห้องแรกกันค่ะ ห้องนี้เป็นการดีไซน์แบบใหม่ (New Plan) ของ Origin เป็นการนำเอาข้อดีของแปลนแบบครัวปิด และแปลนแบบ Smart Closet เข้ามาผสมกัน ทำให้ฟังก์ชันภายในห้องลงตัวมากขึ้น เหมาะกับคนที่ชอบห้องที่แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน
ห้อง 1 Bedroom (New Plan) ขนาด 30.30 ตารางเมตร เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนห้องนั่งเล่นก่อนค่ะ มีพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารด้านข้างได้สบายๆ 2 ที่นั่ง เชื่อมต่อกับห้องครัวปิดติดกับระเบียง และห้องนอนด้านใน ข้อดีคือครัวสามารถทำอาหารได้จริงจัง เปิดประตูระบายอากาศได้สบายๆ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ฝั่งเดียวกับห้องนอนเพื่อให้เข้าใช้งานได้ง่าย ภายในแบ่งส่วนเปียก – แห้งชัดเจน มีฉากกั้นกระจกมาให้เรียบร้อยค่ะ
ส่วนภายในห้องนอนมีพื้นที่ Walk-in Closet แบ่งเป็นสัดส่วน เตียงจะอยู่ติดกับหน้าต่างมองเห็นวิวและรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ จุดเด่นของห้องนี้อยู่ที่ผนังห้องนอน ที่ดีไซน์ออกมาเป็นช่องแสง ทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น และทำให้แสงธรรมชาติเข้าไปทั่วถึงในพื้นที่นั่งเล่นด้วยค่ะ
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วน Common Area ก่อนค่ะ ในห้อง Type New Plan ถึงแม่ว่าจะมีการกั้นห้องนอนเป็นสัดส่วนแยกกับห้องนั่งเล่น แต่ห้องนี้เขามีจุดเด่นคือช่องแสงขนาดใหญ่ที่ทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่งผ่านห้องนอนเข้ามายังห้องนั่งเล่นได้ทั่วถึงเลยค่ะ บรรยากาศภายในห้องจึงดูโปร่งกว้างไม่แพ้ห้องแบบอื่นเลย
ห้องพักอาศัยมาตรฐานจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน พื้นปูด้วย SPC ไวนิลลายไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น นิ่มสบายเท้า เชื่อมต่อกันไปจนถึงห้องนอนและห้องครัวเลยค่ะ
บรรยากาศบริเวณห้องนั่งเล่น
ด้านหน้าห้องเหมาะสำหรับจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น รับแขกนะคะ โดยห้องนี้จะได้พื้นที่ Common Area กว้างถึง 2.60 x 4.00 เมตร สามารถวางโซฟา 2-3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลาง และ Built-in ชั้นวาง TV ได้สบายๆ มีพื้นที่เดินไป-มาสะดวก สำหรับคอซีรีส์ ชอบดูหนังที่อยู่ห้อง ก็สามารถเลือก TV ขนาดใหญ่ 55 นิ้วขึ้นไปได้เลยค่ะ
ทางโครงการเขา Built-in ชั้นวาง TV และที่เก็บของด้านหน้ามาให้เรียบร้อยแล้ว เป็นบานตู้ลายไม้เข้ากันกับสีพื้นห้อง มีระยะดู TV ประมาณ 2.50 เมตร
ตู้เก็บของและรองเท้า
คอนโดห้องเล็กหลายแห่งมักจะมีปัญหาไม่มีที่เก็บรองเท้านะคะ แต่โครงการนี้เขาให้ตู้เก็บของสามารถเก็บรองเท้าได้ประมาณ 10 คู่เลย พร้อมช่องเก็บของที่มีการออกแบบมาให้เหมาะกับวางของใช้ทั่วไปที่ต้องหยิบบ่อยๆ ก่อนออกจากห้อง ไม่ว่าจะเป็นกุญแจรถ กระเป๋าสตางค์ Key Card หรือช่องเก็บร่ม เขาก็ดีไซน์มาให้โดยคำนึงถึงการใช้งานได้จริงค่ะ
ชั้นวาง TV
นอกจากนั้นภายในห้องมาตรฐานจะได้ Built-in ชั้นวาง TV มาให้ มีช่องเก็บของด้านล่างมาให้เป็นบานเปิด 2 ฝั่งและมีชั้นวางมาให้ 2 ชั้นหน้าตาแบบเดียวกับในห้องตัวอย่างเลย
ถัดไปอีกหน่อยจะเหลือพื้นที่ข้างๆโซฟาสามารถจัดเป็นมุมทำงาน หรือมุมอเนกประสงค์เพิ่มเติมได้ตามความชอบเลยค่ะ มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้จากทั้งห้องครัว และห้องนอนทำให้ค่อนข้างสว่างทีเดียวค่ะ สามารถนั่งทำงานได้สบายๆ
มุมรับประทานอาหาร
ในห้องตัวอย่างเขาจะจัดพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ทำงานนะคะ โดยจะมีพื้นที่ประมาณ 1.20 เมตร วางโต๊ะนั่งได้สบายๆ หรือใครที่ไม่ได้ทำงานที่บ้านอยู่แล้วก็ทำเป็นมุมรับประทานอาหารวางโต๊ะกินข้าวสัก 2 ที่นั่งได้พอดีๆ ซึ่งในคอนโดมิเนียมบางที่ไม่ได้มีพื้นที่รับประทานอาหารมาให้แยก จะต้องไปนั่งรวมที่เดียวกับโซฟาเลยค่ะ การเหลือพื้นที่ด้านข้างแบบนี้ทำให้เราสามารถจัดห้องได้ยืดหยุ่นมากขึ้น
ใกล้ๆกันเลยก็คือห้องครัวนั่นเองค่ะ ทำอาหารเสร็จแล้วก็เดินออกมาวางที่โต๊ะได้เลย โดยครัวจะได้เป็นครัวปิด มีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนกั้นมาให้ สามารถเปิดได้กว้างกว่าแบบ 2 ตอน และทำอาหารที่มีกลิ่นได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารรับประทานเอง และไม่ชอบห้องที่มีกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายไปทั่ว การที่มีครัวปิดและติดกับระเบียงทำให้หายห่วงเรื่องกลิ่นอับไปได้เลย
พื้นที่ครัวจะไม่ได้กว้างมากนักนะคะ แต่ก็เหมาะกับสมกับห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 – 30 ตารางเมตร สามารถยืนทำอาหารได้พร้อมกัน 1 – 2 คน
เคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบตัว I เหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอย โดยห้องมาตรฐานที่ได้จะเหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ มี Top เคาน์เตอร์สีขาว และ Backsplash ด้านหลังทำความสะอาดง่าย
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ >> ทำความรู้จักกับวัสดุภายในครัว
Top ครัวติดตั้งอ่างล้างจาน เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้ามาให้
ภายในครัวจะได้ชุดอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันชนิดดูดอากาศออกมาให้ จากแบรนด์ Hafele ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องครัวที่เป็นมาตรฐาน เห็นได้ตามคอนโดมิเนียมหลายแห่งค่ะ
ตู้เก็บของด้านล่างเคาน์เตอร์
ตู้เก็บของด้านล่างเคาน์เตอร์ครัวมีการออกแบบเป็นลิ้นชักใช้หยิบใช้ช้อน ส้อม แก้วน้ำหรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวก พร้อมช่องสำหรับวางไมโครเวฟ ช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารด้านบนเคาน์เตอร์ ได้ค่ะ ส่วนช่องใหญ่ใต้อ่างล้างจานสามารถวางถังขยะ หรือเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเพิ่มเติมได้ค่ะ
ตู้เก็บของด้านบนเคาน์เตอร์
ตู้เก็บของด้านบนเหมาะกับเก็บ จาน ชาม เครื่องครัวต่างๆ ซึ่งจะมีหน้าบานปิดมาให้ทั้งหมดเลยค่ะ ช่วยกันแมลงต่างๆ เข้าไปรบกวน และเป็นบาน Soft Close เวลาปิดจะไม่กระแทกเสียงดังค่ะ
ห้องครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียงนะคะ เวลาทำอาหารเราสามารถเปิดประตูช่วยระบายอากาศได้เลย ซึ่งมีประสิทธิภาพกำจัดกลิ่นได้รวดเร็วกว่าเครื่องดูดควันเสียอีกค่ะ พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.90 x 1.30 เมตร ใครที่ต้องการวางเครื่องซักผ้า ทางโครงการเขาเดินงานระบบไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
พื้นระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ล้างทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนด้านบนเป็นพื้นที่แขวน Condensing Units นั่นเองค่ะ แม้จะไม่เน้นพื้นที่ระเบียงมากนักแต่ก็ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่
ถัดมายังส่วนห้องน้ำและห้องนอนกันบ้างค่ะ จากห้องนั่งเล่นเราสามารถมองเข้าไปเห็นห้องนอนได้ ด้วยผนังกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น แต่ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวไม่อยากให้ห้องนอนมองเห็นได้ ก็แนะนำติดผ้าม่าน หรือมูลี่เพิ่มเติมนะคะ
ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำมีพื้นที่ประมาณ 0.80 เมตร สามารถ Built-in เป็นตู้เก็บของสำหรับคนที่มี Accessories เยอะๆ หรือทำเป็นมุมแต่งหน้า โชว์ของสะสมก็ได้นะคะ
ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาว เทา ดูสวยงามหรูหรา แบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อยเลยค่ะ
พื้นห้องน้ำจะลดระดับจากพื้นห้องเล็กน้อยทำให้เวลาล้างห้องน้ำไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะไหลออกมาเปียกด้านนอก
กระจกเงาบานใหญ่
ภายในห้องน้ำจะได้กระจกบานใหญ่ทำให้ห้องน้ำดูกว้างมากขึ้น ติดตั้งอ่างล้างหน้าลอยตัว สีขาวมาให้ พร้อมโถสุขภัณฑ์ และสายชำระ จาก Cotto VRH ค่ะ
พื้นที่อาบน้ำ
พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกบานใหญ่ มาให้ ดูสวยงาม ช่วยให้น้ำไม่กระเด็นออกมาเปียกส่วนแห้งเวลาอาบน้ำ สามารถเปิดได้กว้าง มีพื้นที่ยืนอาบประมาณ 0.85 x 1.00 เมตร ยืนอาบหมุนตัวได้สบายๆ เลยค่ะ ได้ฝักบัวสายอ่อน จาก Cotto VRH และเดินงานระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อยแล้ว
มาถึงส่วนห้องนอน เข้ามาแล้วจะเจอกับโซน Walk-in Closet ก่อนค่ะ อาบน้ำเสร็จเดินมาแต่งตัวได้สะดวกก่อนไปถึงโซนเตียงนอน โดยทางโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เลย
ตู้เสื้อผ้าที่ได้ในห้องมาตรฐานหน้าตาเหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ เป็นตู้เสื้อผ้าแบบไม่มีบานปิดเพื่อความสะดวกในการใช้งานเหมาะสมกับพื้นที่ แบ่งเป็นพื้นที่แขวนเสื้อผ้า เก็บกระเป๋า รองเท้า และเก็บผ้านวมต่างๆ ด้านบนได้
บรรยากาศภายในห้องนอนจะค่อนข้างโปร่งสบายนะคะ เนื่องจากมีผนังกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ห้องดูไม่แคบ ภายในห้องนอนมีพื้นที่ประมาณ 2.60 x 3.30 เมตร ไม่รวมส่วน Walk-in Closet ค่ะ
เตียงนอน 5 ฟุต
ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่เกือบเต็มผนังเลยทีเดียว ทำให้มองเห็นวิวได้กว้าง และได้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องเยอะ ทางโครงการมีฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้เรียบร้อยเป็นฐานเตียงที่ออกแบบมาให้สามารถเก็บของด้านล่าง เช่น ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ เพิ่มเติมได้อีกด้วยค่ะ จะเหลือพื้นที่ด้านข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะเล็กๆ หรือโคมไฟได้ทั้ง 2 ฝั่งค่ะ ปลายเตียงมีระบบสามารถติดตั้ง TV ที่ผนังได้ แต่ไม่แนะนำให้วางชั้นวาง TV นะคะ เพราะจะทำให้ไม่เหลือพื้นที่เดินปลายเตียงค่ะ
มุมโต๊ะเครื่องแป้ง
มุมด้านในของห้องนี้จะได้โต๊ะเครื่องแป้งมาให้ด้วยค่ะ เป็นโต๊ะกระจกเงามีช่องเก็บของด้านข้างและลิ้นชัก 2 จุด ใครที่ไม่ได้ใช้แต่งหน้าก็สามารถปรับเป็นมุมทำงานเล็กๆ ส่วนตัวภายในห้องนอนได้นะคะ
ห้องถัดมาเป็นห้องมาตรฐาน 1 Bedroom ขนาด 25.30 – 28.90 ตารางเมตร ขนาดจะย่อมลงมาเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ชอบห้องที่ขนาดพอเหมาะ ชอบห้องนอนที่สามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับส่วนห้องนั่งเล่นกลายเป็นห้องใหญ่ได้ ซึ่งห้องนี้ก็จะได้ครัวปิด ทำอาหารได้จริงจังเช่นกัน
ภายในห้องเข้ามาแล้วจะเจอกับส่วนนั่งเล่นอยู่ด้านหน้า เชื่อมต่อกับห้องนอนที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้ภายในห้องดูโปร่งกว้างเชื่อมถึงกัน แต่สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว แนะนำให้ติดม่านกั้นเพิ่มเติมได้นะคะ แสงจากช่องหน้าต่างทางด้านข้างสามารถส่งเข้ามาภายในห้องนั่งเล่นได้เต็มที่ ส่วนครัวและห้องน้ำจะแยกไปอยู่ด้านข้างเป็นส่วน Service ห้องน้ำมีการแบ่งส่วนเปียก- ส่วนแห้งชัดเจน ส่วนครัวเป็นครัวปิดทำอาหารได้จริง และเปิดระบายอากาศที่ระเบียงได้เต็มที่ค่ะ
ภายในห้องนี้จะมีความแตกต่างจากห้องที่ผ่านมาค่ะ โดยจะได้พื้นที่เชื่อมต่อถึงกันตั้งแต่หน้าห้องไปจนถึงหน้าต่างเลย ซึ่งจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกที่รับแสงธรรมชาติเข้ามาทั่วถึงทั้งห้อง เหมาะกับคนที่ชอบห้องโปร่ง เชื่อมถึงกันค่ะ ภายในพื้นปูด้วย SPC ไวนิลลายไม้ เช่นเดียวกันค่ะ
บรรยากาศบริเวณห้องนั่งเล่น
พื้นที่ของ Common Area ห้องนี้อยู่ที่ประมาณ 2.50 x 3.20 เมตร สามารถวางโซฟา 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางได้เช่นกันค่ะ แต่อาจจะเลือกโต๊ะตัวเล็กลงสักหน่อยเพื่อให้มีระยะเดินได้สบายๆ ห้องนี้มีระยะดู TV ประมาณ 2.30 เมตร สามารถวาง TV ได้ตั้งแต่ 40 นิ้วขึ้นไปเลยค่ะ
ตู้เก็บของและชั้นวาง TV
ส่วนเฟอร์นิเจอร์ Built-in ด้านหน้าจะได้มาเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ มีชั้นวาง TV พร้อมช่องเก็บของด้านข้างมีบานปิดดูเรียบร้อย และชั้นวางของสำหรับเครื่องเล่น DVD หรือเกมต่างๆ ได้
ด้านข้างเป็นตู้เก็บของซึ่งเขาดีไซน์ให้มีช่องวางของสำหรับหยิบใช้ได้สะดวกบริเวณตรงกลาง ด้านล่างเป็นช่องเก็บรองเท้า, ร่ม และด้านบนเป็น Board ควบคุมไฟฟ้าของห้องพักอาศัยค่ะ
ถึงแม้ว่าห้องนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 25 ตารางเมตร แต่ก็มีพื้นที่ Common Area ที่ค่อนข้างกว้างนะคะ ด้านข้างสามารถวางโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะรับประทานอาหารได้เช่นกัน โดยห้องตัวอย่างนำโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง มาวางไว้ให้ดู เหลือพื้นที่นั่งได้สบายๆเลยค่ะ
ห้องนอนของ Type นี้จะเป็นประตูบานเลื่อนกระจก เพื่อเน้นความโปร่งสบายภายในห้อง โดยจะเป็นบานเลื่อน 3 ตอนเพื่อให้เปิดได้กว้างค่ะ
เข้ามาดูภายในห้องนอนกันค่ะ ห้องนี้มีพื้นที่ประมาณ 2.65 x 3.00 เมตร ได้ช่องแสงกว้างเกือบเต็มผนังทำให้มองเห็นวิวได้กว้าง และเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้ทั่วถึงทั้งห้อง ปลายเตียงมีระยะเดินได้ ใครชอบดู TV สามารถติด TV เพิ่มเติมในห้องนอนได้นะคะ แต่แนะนำเป็นแบบติดผนังจะทำให้ห้องดูโล่งมากกว่าวางชั้นวาง TV ค่ะ
พื้นที่วางเตียงสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้พอดีๆ แบบในห้องตัวอย่างเลย โดยทางโครงการมีฐานเตียงมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
ตู้เสื้อผ้า
ส่วนตู้เสื้อผ้าของห้องนี้จะมีความแตกต่างจากห้องที่แล้วตรงที่เป็นตู้บานเปิด 2 ฝั่ง มีกระจกเงาให้ 1 ฝั่งนะคะ ภายในมีลิ้นชักเก็บของ และชั้นวางผ้าขนหนูเพิ่มเติมได้ ซึ่งตู้แบบมีหน้าบานจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบให้ฝุ่นจากเสื้อผ้าฟุ้งกระจายอยู่ในห้อง และต้องการเก็บผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อยค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีพื้นที่ระหว่างห้องน้ำและห้องครัวเช่นกันค่ะ กว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ตรงนี้ใครที่มีของเยอะๆสามารถ Built-in ตู้เก็บของเพิ่มเติมได้ หรือจะทำเป็นมุมทำงานเล็กๆ ก็ได้นะคะ
ภายในห้องน้ำจะเหมือนกับห้องที่ผ่านมาทุกอย่างเลยค่ะ ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาว เทา ดูสวยงาม
บรรยากาศภายในห้องน้ำ
พื้นห้องน้ำจะลดระดับจากพื้นห้องเล็กน้อย มีอ่างล้างหน้าแบบลอยตัว สีขาว สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ จาก Cotto VRH พร้อมฉากกั้นกระจกแบ่งส่วนเปียก – แห้งชัดเจน พื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 0.85 x 1.00 เมตร ยืนอาบได้สบายๆ มีฝักบัวสายอ่อน และเดินงานระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นให้เรียบร้อยค่ะ
ห้องครัว
ถัดมาเป็นส่วนครัวกันบ้างค่ะ ห้องนี้จะได้เป็นครัวปิดเช่นกันนะคะ รองรับการทำอาหารจริงจังได้เลย โดยจะมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน กั้นระหว่างพื้นที่ครัวและภายในห้อง ไม่ให้กลิ่นจากการทำอาหารเข้ามาฟุ้งกระจายได้ค่ะ
ภายในครัวมีพื้นที่เดินประมาณ 60 เซนติเมตรนะคะ สามารถยืนทำอาหารได้ 1 – 2 คน มีเคาน์เตอร์ชุดครัวรูปตัว I เข้ากับพื้นที่มาให้ โดยเว้นช่องสำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วค่ะ
Top ครัวติดตั้งอ่างล้างจาน เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้ามาให้
ภายในครัวจะได้ชุดอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันชนิดดูดอากาศออกมาให้ จากแบรนด์ Hafele พร้อม Backsplash ด้านหลังทำความสะอาดง่าย
ตู้เก็บของชุดครัว
ชุดครัวที่ได้จะมีขนาดพอๆ กับห้องที่แล้วเลยค่ะ โดยตู้เก็บของด้านล่างเคาน์เตอร์ครัวมีการออกแบบเป็นลิ้นชัก และช่องสำหรับวางไมโครเวฟได้ ด้านข้างเป็นช่องเก็บของขนาดใหญ่ใต้อ่างล้างจาน
ส่วนด้านบนเป็นช่องเก็บของบานปิด เก็บจาน ชาม แก้วน้ำต่างๆได้ไม่ต้องกลัวกระแทกเพราะเป็นหน้าบานแบบ Soft Close ค่ะ
สุดท้ายบริเวณพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.85 x 1.30 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าเพิ่มเติมได้นะคะ ทางโครงการเขาเดินงานระบบไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนด้านบนเป็นพื้นที่แขวน Condensing Units เพื่อประหยัดพื้นที่ บริเวณพื้นระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ล้างทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
SO Origin Phahol 69 Station (โซ ออริจิ้น พหลฯ 69 สเตชั่น) ราคา ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2564
- 1 Bedroom (1) ขนาดพื้นที่ 25.30 – 28.90 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
- 1 Bedroom (Smart Closet) ขนาดพื้นที่ 25.30 – 25.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
- 1 Bedroom (2) ขนาดพื้นที่ 30.30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 34.90 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.29 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 40,000 บาท
- ดาวน์ 12% ผ่อนดาวน์ 33 งวด
- ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
โครงการ SO Origin Phahol 69 Station ตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน การเดินทางเข้าเมืองและออกเมืองสะดวก มีระบบขนส่งสาธารณะที่ครบครัน อยู่ในทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์มีร้านค้า ห้างสรรพสินค้าใหญ่อยู่ไม่ไกล อย่างเซ็นทรัล หรือจะ Hypermarket อย่าง Tesco Lotus, Big C สะพานใหม่ ตลาดยิ่งเจริญ เป็นต้น โดยรอบสามารถหาของกินได้ง่ายในระยะเดิน และมีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างสถานศึกษา โรงเรียน และโรงพยาบาลอยู่รอบๆโครงการ เช่น โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัลที่อยู่ตรงข้ามกับโครงการ มีสถานที่ทำงานอย่างสถานที่ราชการ อย่างเช่น โรงเรียนทหาร หอประชุม สโมสร ศูนย์ราชการ เป็นต้น
การเดินทางโดยใช้รถ :
สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลาย ถ้าใช้ถนนพหลโยธินจะสามารถวิ่งไปยังรัชโยธิน ลาดพร้าวได้ หรือจะใช้วิ่งไปรังสิตก็ได้ แต่จะมีการจราจรที่ติดขัดบ้างตามเวลา จากโครงการยังสามารถเดินทางไปยังถนนรามอินทรา ถนนแจ้งวัฒนะซึ่งสามารถใช้ไปยังปากเกร็ดหรือมีนบุรีได้ อีกหนึ่งความสะดวกในการเดินทางคือ ถนนเทพรักษ์เชื่อมตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิต ผ่านถนนพหลโยธินไปจนถึงถนนกาญจนาภิเษก ให้ที่จอดรถมาประมาณ 41% ถือว่าโอเคในโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้าค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
จุดเด่นของโครงการนี้อยู่ที่ทำเลใกล้รถไฟฟ้านั่นเองค่ะ โดยสามารถเดินไปยัง BTS สถานีสายหยุดได้ในระยะทางประมาณ 50 เมตรเท่านั้นเอง ใครที่ทำงานในเมืองใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวอยู่แล้วจะสะดวกมากเลยค่ะ นอกจากนั้นยังมีรถประจำทาง หรือเรียกวินมอเตอร์ไซค์, Taxi ได้ง่ายอีกด้วย
วัสดุ :
วัสดุภายในห้องถือว่าให้มาแบบมาตรฐานนะคะ มีการขายแบบ Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางรองเท้า/ตู้เก็บของ, ชั้นวาง TV, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง, ฐานเตียง และ เครื่องปรับอากาศ ที่ออกแบบตามการใช้งานจริง และชุดครัว จาก Hafele สุขภัณฑ์จาก Cotto VRH พร้อมฉากกั้นกระจกค่ะ ส่วนวัสดุพื้นปูด้วย SPC ไวนิลลายไม้ ห้องน้ำและระเบียงปูกระเบื้องทำความสะอาดง่าย ทนน้ำ และได้ช่องแสงขนาดใหญ่
การออกแบบ :
การออกแบบโครงการมีการกระจาย Facility ภายในอาคารออกเป็น 4 ชั้น ทำให้การใช้งานแต่ละจุดไม่หนาแน่น เข้าถึงได้ง่าย และได้วิวดีค่ะ มีการออกแบบที่จอดรถแบบ Conventional ทั้งหมด จอดรถได้สะดวกไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงแพงเหมือนกับ Auto Parking มีโถงทางเดินแบบ Double Corridor โถงลิฟต์ตรงกลางทำให้ทั้ง 2 ฝั่งของอาคารเดินได้ไม่ไกลมาก และมีการแยกโซนระหว่างพื้นที่ส่วนกลางและโซนพักอาศัยชัดเจน ได้ความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
การออกแบบห้องพักอาศัยแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน เน้นความโปร่งกว้าง มีแสงธรรมชาติเข้าถึงทั่วทั้งห้อง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังใช้งานฟังก์ชันได้ลงตัวค่ะ ภายในห้องมีพื้นที่นั่งรับประทานอาหาร มีห้องครัวปิดทำอาหารจริงจังได้ และยังติดกับระเบียงเปิดระบายอากาศได้เลย มีพื้นที่ Built-in ตู้เก็บของเพิ่มเติมบริเวณหน้าห้องน้ำ ส่วนห้อง Type New Plan จะได้ผนังห้องนอนเป็นกระจกบานใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่งมากยิ่งขึ้น พร้อม Walk-in Closet เป็นสัดส่วน ถือว่าออกแบบมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ
สาธารณูปโภค :
สาธารณูปโภคก็ถือว่าเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของโครงการนี้เลยค่ะ อาจเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีจำนวนยูนิตกว่า 500 ยูนิต แต่ทางโครงการก็จัดเต็มกับพื้นที่ส่วนกลาง ให้มีถึง 4 ชั้นด้วยกันค่ะ โดยชั้น 1 จะเป็นพื้นที่สำหรับพักคอย นั่งทำงาน ประชุม รับ-ส่งของ Delivery ต่างๆ ชั้น 4 จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือทำงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนชั้น 14 จะเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย Fitness & Gym และ Sky Facility ขนาดใหญ่ที่ชั้นดาดฟ้า เช่น สระว่ายน้ำ สวน ลานดูดาว เป็นต้น
และที่สำคัญคือโครงการนี้มาพร้อมบริการแบบโรงแรม อำนวยความสะดวกสบายสำหรับการอยู่อาศัยได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น Concierge Service, บริการทำความสะอาด 1 ครั้ง/เดือน ฟรีตลอด 1 ปี และ Origin Healthcare บริการนวด สปา เพื่อสุขภาพ ปรึกษาแพทย์ พยาบาล ฟรี 6 เดือน แต่ก็แลกกับค่าส่วนกลางที่สูงขึ้นมาสักนิดอยู่ที่ 65 บาท/ตร.ม./เดือนค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 110,000 – 120,000 บาท/ตร.ม., 25 ธันวาคม 2564
- ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ความอุดมสมบูรณ์ครบครันในระยะเดิน
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ติดถนนพหลโยธิน เดินทางได้หลายเส้นทาง แต่อาจจะรถติดบ้างตามเวลาเร่งด่วน
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายหยุด 50 เมตร สามารถเข้าเมืองได้ง่าย
- วัสดุ 7.5/10 – Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ออกแบบได้ดี
- แบบ 8/10 – ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางน่าใช้งาน ห้องพักอาศัยโปร่งสบาย ฟังก์ชันลงตัว
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ความหลากหลาย กระจายหลายชั้นภายในโครงการ มี Sky Facility
- UPPER CLASS
- 8.01 / 10.00
SO Origin Phahol 69 Station เหมาะกับใคร
โครงการ SO Origin Phahol 69 Station เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำเลสะพานใหม่ ที่เดินไปห้างสรรพสินค้าได้ เดินไปสถานีรถไฟฟ้าได้สบายๆ มีสาธารณูปโภคครบครัน ต้องการคอนโดมิเนียมที่มีบริการแบบโรงแรม ชอบ Concierge Service ชอบใช้บริการแม่บ้านทำความสะอาด ชอบโครงการใหญ่ Facility หลากหลายให้ใช้งาน ชอบห้องที่บรรยากาศภายในห้องโปร่งสบาย มีฟังก์ชันการใช้งานเป็นสัดส่วน มีงบประมาณ 2.99 – 4.50 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,000 – 27,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc