รีวิวฉบับที่ 1294 … ” THE ESSE at SINGHA COMPLEX “ คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Class ตัวใหม่ จาก Singha Estate บนแปลงที่ดินเดิมของสถานฑูตญี่ปุ่นในย่านอโศก คอนโดนี้มีความแตกต่างจากโครงการอื่นๆ คืออยู่ใน “Singha Complex” ซึ่งเป็นโครงการแบบ Mix-Use ที่ภายในครบถ้วนด้วย Office Building Grade A และ Retails นอกจากนี้ภายในโครงการ Singha Complex ยังเจาะทางเชื่อมกับสถานี MRT เพิ่มเติม ทำให้โครงการอยู่ใกล้ทางขึ้นลงสถานี MRT เพชรบุรีเพียง 40 ม. ซึ่งเป็นสถานี Interchange ไป Airport Rail Link ได้สะดวก ในคอนเซปต์ Craftmanship จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ 😀
Fact @ 28 February 2017
- THE ESSE at SINGHA COMPLEX (ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์)
- Singha Estate
- ULTIMATE CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ห้วยขวาง
- คอนโด High Rise 39 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 319 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 87% (รวมจอดซ้อนคัน)
- ที่ดินประมาณ 2-0-98.2 ไร่
- เริ่มเปิดตัว : Mar 2017
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Oct 2019
- 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 34.75 – 47.75 ตร.ม.
- 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 70.00 – 77.00 ตร.ม.
- Penthouse 215.50 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 3.0 เมตร และ (สูง 6.6 เมตร – เฉพาะ Penthouse)
- ราคาห้องเริ่มต้น 8.6 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 275,000 บาท บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : Approved
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1221
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.748230, 100.563880
แผนที่จากทางโครงการ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ที่ดินผืนเดิมของสถานฑูตญี่ปุ่นจำนวน 9 ไร่ ซึ่งทางตระกูลภิรมย์ภักดีประมูลชนะมาในราคา 1.6 พันล้านบาท (หรือประมาณ 450,000-470,000 บาท/ตร.วา) รวมกับที่ดินที่ซื้อมาจาก Japan International Cooperation Agency หรือ JICA อีก 2 ไร่ รวมเป็นพื้นที่ 11 ไร่ ซึ่งถูกพัฒนาเป็น “SINGHA COMPLEX” โครงการ Mix-Use ที่รวมรายละเอียดของการใช้ชีวิตไว้ในที่เดียว ทั้ง Office Building Grade A, Retails และ Luxury Condominium ที่แบ่งพื้นที่ขนาด 2 ไร่ออกมาพัฒนาเป็น The ESSE ที่กำลังจะพาไปชมนี้ค่ะ – ขอบคุณราคาที่ดินจากมติชน
ภาพรวมโครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี ติดแยกอโศก-เพชรบุรี ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างย่าน CBD ที่สำคัญอย่างรัชดา-พระราม 9 และ อโศก จึงสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย จุดเด่นทำเลโครงการนี้คือความอุดมสมบูรณ์ที่ครบครัน ส่วนหนึ่งเนื่องจากว่า The ESSE อยู่ในโครงการ Mix-Use ” SINGHA COMPLEX ” จึงมีความสะดวกสบายในการช็อปปิ้ง เพราะในโครงการจะมี Urban Lifestyle 4 ชั้น ที่เป็นลักษณะของ Retails เกรดดี ที่รองรับทั้งผู้อยู่อาศัยในคอนโดและผู้ที่ทำงานในออฟฟิศอยู่แล้ว
ถามถึงความอุดมสมบูรณ์ที่รายรอบโครงการก็มีครบถ้วนไม่แพ้กัน โดยหลักๆจะอิงถนนหลัก 3 เส้นทาง คือถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ถนนอโศกมนตรี และถนนรัชดา-พระราม 9 โดยถนนเพชรบุรีตัดใหม่นั้นจะมีทั้งคอนโด โรงเรียน และอาคารสำนักงานอยู่บ้างแต่ไม่คึกคักเท่าถนนอโศกมนตรีที่มีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่ง จึงมีแหล่งช็อปปิ้งครบตั้งแต่ตลาดนัดไปจนถึงศูนย์การค้า พอมาถึงช่วงแยกอโศกที่ตัดกับถนนสุขุมวิทก็จะมีศูนย์การค้า Terminal 21 และจากเส้นสุขุมวิทนี้ก็สามารถเลือกไปยังศูนย์การค้าชื่อดังๆ บนถนนสุขุมวิทอย่าง Central Embassy, Central ชิดลม, Central World, เกษร พลาซ่า, Siam Paragon ได้ตามใจชอบ
อีกโซนที่สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้ถึงในสถานีเดียวคือ ย่านรัชดา-พระราม 9 ที่มีศูนย์การค้าและแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ค่อนข้างคึกคัก ตั้งแต่แยกเทียมร่วมมิตร ไปจนถึงแยกพระราม 9 อย่าง Central พระราม 9, ห้างฟอร์จูนทาวน์, Esplanade รัชดา ที่มีตลาดรถไฟอยู่ด้านหลัง, Big C รัชดาภิเษก และศูนย์การค้าที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วอย่าง The Street ที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ส่วนสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใกล้เคียงหลายแห่ง อย่างเช่น รพ.บำรุงราษฎร์ และ รพ.กรุงเทพ เป็นต้น
นอกจากการเดินทางและความอุดมสมบูรณ์ที่มีครบถ้วนแล้ว ทำเลของโครงการที่อยู่ติดย่าน อโศก ยังมีบทบาทในการเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ประกอบด้วยออฟฟิศจำนวนมาก ไล่มาตั้งแต่ถนนรัชดาภิเษกจนถึงอโศกมนตรี จะมีอาคารสำนักงานใหญ่ๆหลายแห่ง เช่นอาคารสำนักงานของเอกชนอย่าง True Tower, AIA Capital มีอาคารของกลุ่ม G Land อย่างUnilever, G Land Tower และ Super Tower ที่เมื่อสร้างเสร็จจะกลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศแทนมหานคร ส่วนย่านอโศกก็มีอาคารสำนักงานหลากหลาย เช่น อาคาร GMM Grammy, ชิโนไทย ทาวน์เวอร์, 253 Asoke และอื่นๆอีกมากมาย และย่านนี้ยังมีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒที่เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ และมีโรงแรม 4-5 ดาวใหญ่ๆมากมายที่รองรับชาวต่างชาติทั้งที่มาทำงานและท่องเที่ยว
ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ย่านอโศก-รัชดา-พระราม 9 กำลังเป็นที่จับตามองให้เป็น New CBD แห่งใหม่ก็เพราะราคาที่ดินในย่าน CBD เดิมอย่างสุขุมวิท สีลม เพลินจิต สาทร มีการปรับตัวขึ้น และแปลงที่ดินในย่านดังกล่าวก็หายากขึ้นด้วย จนทำให้ราคาขายที่ดินพุ่งสูงขึ้นมาก พูดง่ายๆว่าราคาที่ดินโซน CBD อันดับหนึ่งอย่างสีลมขายกันตารางวานึงแตะหลักล้าน รองลงมาคือราชดำริ มีราคาประเมิน 900,000 บาท ในขณะที่ราคาที่ดินแถวอโศก-รัชดา-พระราม 9 มีราคาประเมินถูกกว่ากันครึ่งหนึ่ง บนทำเลที่มีศักยภาพไม่ด้อยกว่ากันเท่าใดนัก โดยที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 75% ถ้าแปลงอยู่ติดสถานีเพิ่มขึ้นประมาณ 100-150% ซึ่งราคาประเมินนี้จะใช้ไปถึงปี 2562 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Supply ในย่านนี้เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ – ขอขอบคุณข้อมูลราคาที่ดินจาก กรมธนารักษ์
การเดินทางโดยรถยนต์ – จากโครงการมีเส้นทางให้เลือกใช้หลากหลาย ไปได้ทั้งทางถนนรัชดาฯ ที่วิ่งเชื่อมไปลาดพร้าวได้, ทางถนนอโศกมนตรีที่วิ่งไปเชื่อมกับถนนสุขุมวิท, ทางถนนเพชรบุรีที่วิ่งไปประตูน้ำ หรือยูเทิร์นกลับแล้ววิ่งตามถนนเพชรบุรีตัดใหม่เชื่อมไปยังทองหล่อ เอกมัยได้สะดวก
ถ้าจะต้องใช้ทางด่วนก็ง่ายเลยค่ะ จากทางเข้า – ออกหลักบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ก็เลี้ยวขวาวิ่งไปจุดทางขึ้นทางด่วนศรีรัช(ไปทางจตุรทิศ,แจ้งวัฒนะ) แค่ประมาณ 300 เมตร เท่านั้นเอง หรือถ้ามาจากทางแยกรัชดา-พระราม9 ก็มีจุดขึ้นอีกจุดนึงไป(พระราม 9,มอเตอร์เวย์) แต่ถึงแม้ระยะจะใกล้แต่ขอบอกก่อนเลยคะว่า แถวนี้ช่วงเย็นรถติดมากกกกกกก เป็นพิเศษหน่อยนะ ก็ดูอาคารสำนักงานแถวนี้สิ (>_<)
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ – เนื่องจากทางโครงการเจาะทางเชื่อมสถานี MRT เพิ่มเติม ทำให้ตัวโครงการอยู่ติดกับสถานี MRT เพชรบุรีเลย ซึ่งสถานีนี้ยังเป็นสถานี Interchange กับ ARL มักกะสัน สามารถเดินไปถึงสถานี Airport Link ในระยะประมาณ 130 เมตรประมาณ และจาก MRT เพชรบุรีนั่งไปแค่ 1 สถานีก็ถึงสถานีสุขุมวิทซึ่งเป็นสถานี Interchange กับ BTS อโศก จึงถือว่าทำเลนี้เป็น Hub ที่เชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลายทั้งใต้ดิน บนดิน และลอยฟ้า (ไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ ?)
สำหรับการเดินทางวันนี้จะเริ่มต้นจากสถานี Airport Rail Link มักกะสัน เดินเชื่อมผ่านสถานี MRT เพชรบุรี มายังโครงการ และพาเดินผ่านเข้าไปในเส้นอโศกมนตรีเพื่อพาชมบรรยากาศที่คึกคักของย่านธุรกิจรอบๆโครงการค่ะ
เริ่มเดินทางจากสถานี ARL มักกะสัน เนื่องจากเป็นสถานี Interchange กับ MRT เพชรบุรี ชาวต่างชาติที่เดินทางมาลงสุวรรณภูมิแล้วต้องการเข้าเมืองก็มักจะมาหิ้วกระเป๋าเดินทางมาลงที่สถานีนี้ ทำเลตรงนี้จึงสามารถเดินทางไปสุวรรณภูมิได้ง่ายและยังอยู่อาศัยในเมืองได้สะดวก
จากสถานี ARL มักกะสันจะมีทางเชื่อมยาวๆ ข้ามถนนอโศก – ดินแดง ไปลงตรงหน้าจุดขึ้น – ลงสถานี MRT เพชรบุรีเลยค่ะ
บรรยากาศของถนนอโศก – ดินแดงขามุ่งหน้าเข้าถนนอโศกมนตรีในตอนเช้าประมาณ 9 โมง มีความคึกคักมากเนื่องจากทุกคนกำลังเดินทางมาทำงานกัน รถค่อนข้างเยอะมากทีเดียว อย่างที่บอกไว้ว่าเดินทางย่านนี้ต้องเผื่อเวลาหน่อยนะคะ 🙂
เดี๋ยวเราจะเดินตามทางเชื่อมไปลงฝั่งตรงข้ามที่เห็นเป็นซุ้มทางลงนะคะ
เดินตามออกของสถานี ARL มักกะสัน หากเลี้ยวขวาอีกทีจะเป็นทางเข้า – ออกสถานี MRT เพชรบุรี ซึ่งทางไปโครงการเราจะเดินเลียบทางเท้าริมถนนอโศก – ดินแดงไปนะคะ
จากทางออกของสถานีเดินตรงๆ ข้ามแยกเพชรบุรี – อโศกไปก็จะถึงสำนักงานขาย ” The ESSE ” แล้ว จากแยกนี้หากเลี้ยวซ้ายจะเข้าสู่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ฝั่งมุ่งหน้าไปทางพร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จทางเข้า-ออกหลักของโครงการก็จะอยู่ติดกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่นี่แหละค่ะ ถ้าขับรถมาทางนี้ก็ต้องเลี้ยวซ้ายแล้วไปกลับรถแถวแยกพร้อมพงษ์ (สุขุมวิท 39) อีกที ทางเข้าจะอยู่ทางฝั่งซ้ายก่อนถึงแยกเพชรบุรี – อโศกค่ะ
แปลงที่ดินคือแปลงหัวมุมที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามที่ถูกล้อมรั้วไว้ ภายในกำลังก่อสร้างกันอยู่ สำหรับวันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายโดยเป็นสำนักงานขายชั่วคราวที่อยู่ติดกับถนนอโศกมนตรี ก็เดินข้ามทางม้าลายไปกันเลย
แอบชะแว๊บดูแปลงที่ดินโครงการซะหน่อย คือแปลงที่ถูกล้อมรั้วอยู่ค่ะ เป็นแปลงที่ดินยาวตามถนนเพชรบุรีตัดใหม่ไป ทางเข้าออกโครงการในอนาคตก็จะเข้าจากทางฝั่งนี้แหละค่ะ
จากเดิมสถานี MRT เพชรบุรี จะมีทางขึ้น-ลงอยู่ 3 ฝั่ง ในอนาคตจะมีทางขึ้น-ลง สถานี MRT โผล่ขึ้นมาอีกขาหนึ่งที่บริเวณหัวมุมถนนในพื้นที่โครงการ SINGHA COMPLEX ด้านหน้านี้ ซึ่งทางโครงการเก็บต้นไม้ใหญ่ที่หัวมุมถนนไว้ ก็จะให้ร่มเงาแก่ผู้ที่เดินผ่านไปมาและผู้ที่มาใช้บริการ MRT ค่ะ
ข้ามถนนแล้วเดินตรงมานิดเดียวก็จะถึงสำนักงานขาย THE ESSE at SINGHA COMPLEX กันแล้ว แต่ก่อนจะเข้าไปชม Sales Office จะพาเดินข้ามสะพานเข้าไปชมบรรยากาศนย่านอโศกกันอีกสักหน่อยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นคอนโด Q House 41 ชั้นที่อยู่ตรงข้ามกันเลย
การเข้าสู่ใจกลางย่านอโศกก็ง่ายๆ แค่ผ่านสะพานข้ามคลองนี้ไปเองค่ะ
สะพานข้ามคลองนี้ชื่อสะพานมิตรสัมพันธ์ 2 จากบนสะพานก็จะเห็นภาพรวมของย่านธุรกิจอโศกที่จะประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายอาคาร
ลงมาจากสะพานฝั่งซ้ายเป็นร้านอาหารบ้านสวนอโศก ซึ่งร้านอาหารนี้จะอยู่ตรงข้ามกับคอนโด The ESSE เลย แค่อยู่คนฝั่งคลองค่ะ
บรรยากาศภายในร้านแบ่งเป็นบ้าน 1-2 ชั้นหลายหลัง เป็นแปลงที่ดินขนาดใหญ่พอสมควรในย่านนี้ที่ยังไม่ได้ถูกนำไปขึ้นเป็นอาคารสูง
เดินเข้ามาในย่านอโศกถนนแบบ 4 เลนไปกลับ จะเห็นการจราจรที่หนาแน่นอยู่ตลอด มีรถเข้า – ออกตึกสูงที่เรียงรายกันตลอดเส้นทาง
ผ่านเข้ามาถึงอีกนิดหนึ่งก็จะผ่านบริเวณหน้ามหาวิทยาลัย มศว. ซึ่งช่วงนี้ของถนนอโศกจะค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษ เพราะจะมีตลาดอยู่ในช่วงนี้หลายแห่งรองรับทั้งนักศึกษาและพนักงานออฟฟิศ จากนี้ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกอโศกก็จะเป็นอาคารสำนักงานเรียงรายยาวไปในบรรยากาศแบบนี้ค่ะ
พอเข้าใจทำเลของโครงการกันแล้ว ก็พากลับมาที่ Sales Office จะพาเข้าไปชมรายละเอียดของโครงการกันต่อ ซึ่ง Sales Office นี้ทางโครงการสร้างเอาไว้บนที่ดินจริงที่จะขึ้นโครงการในอนาคตเลยนะคะ
บรรยากาศภายในโปร่งโล่งด้วย Double Space ซึ่งทางโครงการการตกแต่งบรรยากาศภายใน Sale Office ไว้ให้เหมือนกับ Lobby ของโครงการในอนาคต ด้วยการใช้วัสดุเดียวกันทั้งวัสดุของตัวพื้น ผนัง โคมไฟที่ใช้ประดับภายในอาคาร
วัสดุภายใช้เป็นหินอ่อน Cardellino White จากอิตาลี และใช้ผนังกระจกเต็มบานเพื่อให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาภายในอาคาร
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆ ไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
มาดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการกันบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงาน คอนโด โดยแต่ละทิศของโครงการจะมีอาณาเขตที่ติดต่อกันดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ The Retail At Singha Complex สูง 4 ชั้น โดยห้องพักทางฝั่งนี้จะได้ City View ฝั่งรัชดา-พระราม 9 ซึ่งเห็นอาคารสูงในระยะไกล
- ทิศใต้ ติดกับคลองแสนแสบตรงข้ามคลองเป็นร้านอาหารบ้านสวนอโศก สูง 1-2 ชั้น ก็ต้องดูต่อไปว่าในอนาคตแปลงที่ดินแปลงนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยห้องที่อยู่ทางฝั่งนี้จะได้วิว มศว ที่มีสนามกีฬาเป็นพื้นที่สีเขียวตรงกลาง และได้ City View ฝั่งสุขุมวิทที่เห็นอาคารสูงในระยะไกล
- ทิศตะวันตก ติดกับถนนอโศกมนครีฝั่งตรงข้ามเป็นคอนโด Q Asoke สูง 41 ชั้น ห้องทางฝั่งนี้จึงได้ City View ที่มีอาคารสูงบล๊อกวิวในระยะใกล้แต่ Q Asoke ก็มาช่วยบังแดดทางทิศตะวันตกให้ด้วย
- ทิศตะวันออก ติดกับ The Office At Singha Complex สูง 42 ชั้น แม้ว่าจะมาบล๊อกวิวในระยะใกล้ แต่ก็มีข้อดีที่อาคารนี้เป็นออฟฟิศจึงมีการใช้งานในเวลากลางวันเป็นหลัก ต่างกับคอนโดที่มักจะพักอาศัยในเวลาเย็นๆ ซึ่งก็ตรงกับเวลาที่ออฟฟิศเลิกงานแล้ว จึงช่วยลดปัญหาการมองเห็นจากตึกที่อยู่ติดกันได้ค่ะ
**ความสูงของแต่ละอาคารไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนชั้นนะคะ เพราะแต่ละอาคารมีความสูงฝ้าเพดานไม่เท่ากัน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Transportation :
- Phetchburi MRT 4o m.
- Makkasan ARL 450 m.
- Asoke BTS 1.4 km.
- Express Way 500 m.
- Klong San Saep Express Boat 60 m.
- Srinakharinwirot (Prasarnmit) University 650 m.
- Wattana Wittaya Academy 1.1 km.
- Makkasan Mega Project 400 m.
- Central Plaza Grand Rama 9 1.1 km.
- Terminal 21 1.5 km.
- The EM District 2.5 km.
- Rutnin Eye Hospital 300 m.
- Asoke Skin Hospital 350 m.
- Bumrungrad International Hospital 1.7 km.
- Bangkok Hospital 2.9 km.
ก่อนจะพาไปชมรายละเอียดโครงการ จะพาไปดูภาพรวมของ “Singha Complex” กันก่อน โครงการนี้เป็นบิ๊กโปรเจคจากทาง Singha Estate เกิดจากการควบรวมธุรกิจของบริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “RASA” (ชื่อเดิม) เข้ากับกิจการทั้งหมดของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเบียร์รายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือหุ้นโดยของถือหุ้นหลักของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โครงการ Mix-Used นี้ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน, พื้นที่ค้าปลีกและคอนโดมิเนียมพักอาศัย โดยช่วงเดือนมีนาคมนี้กำลังจะเปิดตัวโครงการในส่วนของ Luxury Residential ตัวใหม่อย่าง THE ESSE at SINGHA COMPLEX (ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์) ที่มีมูลค่าโปรเจคถึง 4,500 ล้านบาท
โมเดลจำลองภาพรวมโครงการ Singha Complex ซึ่งประกอบด้วย 3 อาคาร ได้แก่
1. The Office At Singha Complex เป็นอาคารสำนักงานเกรด A
2. The Retail At Singha Complex เป็น Urban Lifestyle Mall ที่รองรับทั้งผู้ที่ทำงานในออฟฟิศและผู้ที่อยู่อาศัยในคอนโดฯ
3. The ESSE At Singha Complex เป็นคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury
โดยโครงการทั้ง 3 มีทางเข้า – ออกหลักทางเดียวกัน จากทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อยู่บริเวณใกล้แยกเพชรบุรี – อโศก จึงมีเส้นทางให้เลือกใช้ที่หลากหลาย
นอกจากจะอยู่ใกล้แยกเพชรบุรี – อโศกที่มำให้การเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกสบายแล้ว ในอนาคตทางโครงการยังเจาะทางขึ้นลง MRT เพชรบุรีเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งคือฝั่งเดียวกับโครงการเลย ทำให้จากคอนโด The ESSE มีระยะห่าง MRT ประมาณ 40 ม. ค่ะ
The ESSE เป็นคอนโดฯ High Rise 1 อาคาร สูง 39 ชั้น ที่อยู่ภายในโปรเจคของ Singha Complex ที่ดินในส่วน Residential จะอยู่ด้านในติดกับคลองแสนแสบ ฝั่งหนึ่งติดถนนอโศกมนตรี การเข้าออกโครงการใช้ทางเข้าออกเดียวกับอาคาร Office และ Retails จากทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่
ตัวอาคารแยกออกเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ ส่วนที่เป็น Podium จะเป็นพื้นที่ Lobby และชั้นจอดรถ ตั้งแต่ชั้น 1-7 ส่วนชั้น 8 จะเป็นชั้นบนสุดของ Podium ที่เริ่มมีห้องพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Sanctury Terrain Garden ขึ้นมายังส่วนที่เป็นตัว Tower จะเป็นห้องพักขึ้นมาจนถึงชั้น 35 ส่วนชั้น 36 และ 37 เป็น Facilities ส่วนกลางของโครงการที่ทำออกมาในรูปแบบ Fourplex มีชั้น 36, ชั้น 36 M, ชั้น 37 และชั้น 37 M ด้านหลังอาคารจะติดกับ The Office At Singha Complex ซึ่งเป็นออฟฟิศสูง 42 ชั้น มีระยะห่างจากคอนโดประมาณ 30 ม.
จากทางเข้าโครงการจะมีป้อมรปภ. อยู่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าออกโครงการ ด้านข้างมีฟุตบาททางเดินสำหรับเข้า- ออก เพื่อแยกทางเดินของลูกบ้านออกจากทางเข้า-ออกรถให้ชัดเจน ทำให้การเดินเข้าออกโครงการมีความปลอดภัยดี รถยนต์จะผ่านเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access เมื่อเข้ามาในโครงการแล้ว รถยนต์จะมีเส้นทางที่ตรงไปด้านในสำหรับเข้าไปจอดรถในอาคาร
ส่วนทางเดินรถรอบอาคารเป็นเส้นทางสำหรับเข้าสู่ที่จอดรถ Super Car ที่ชั้น Ground Floor
พื้นที่สีเขียวส่วนกลางในชั้นนี้จะอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการเพื่อเป็นพื้นที่เปลี่ยนผ่าน (Transition) ระหว่างพื้นที่อยู่อาศัยภายในโครงการกับถนนอโศกมนตรี สำหรับพื้นที่สีเขียวของโครงการถูกออกแบบโดย T.R.O.P. บริษัท Landsape ของไทยที่มีชื่อเสียง โดยแบ่งพื้นที่สวนด้านหน้าออกเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ Green Amphitheatre ในลักษณะของสวนแบบขั้นบันได ที่นำไปสู่ Hidden Pavilion เป็นพื้นที่สีเขียวที่ถูกลดระดับลงจากพื้นด้านหน้าโครงการ ทำให้เกิดความเป็้นส่วนตัวในเวลาที่มาใช้งาน
ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ ผ่านทางเข้า – ออกเข้ามาจะตรงกับทางเข้า Lobby อาคาร ที่ถูกออกแบบให้เป็น Double Space โดยใช้ผนังเป็นกระจก เปิดมุมมองเข้าหาสวนส่วนกลางด้านหน้าโครงการ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby มีรายละเอียดการตกแต่งและการเลือกใช้วัสดุเหมือนกับที่ Sales Office ของโครงการ
ต่อไปจะพาขึ้นมาดู Facilities บนอาคารพักอาศัยกันบ้าง เริ่มจากสวนส่วนกลางอีกตำแหน่งหนึ่งที่ชั้น 8 ซึ่งชั้นนี้เป็นชั้นแรกที่เริ่มมีห้องพักอาศัยแล้ว การออกแบบจึงใช้ Slope เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวของทั้งห้องพักอาศัยติดมุมสวน และผู้ที่มาใช้งานสวนในชั้นนี้ เรียกว่า Sanctuary Terrain Garden ภายในมีส่วนที่เป็นต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและพื้นที่เปิดโล่งที่สำหรับชมวิว เปิดมุมมองทั้ง 3 ด้าน แต่ด้วยตำแหน่งของสวนที่อยู่ทางทิศตะวันตกของอาคาร จึงเหมาะกับการมาใช้งานในเวลาเย็นๆที่แดดร่มหน่อยนะคะ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสวนส่วนกลางที่ชั้น 8
นอกจากพื้นที่สีเขียวที่เข้าใช้งานได้แล้ว ยังเพิ่มลูกเล่นให้กับอาคารด้วย Green Pocket เพื่อเปิดให้เป็นช่องแสงเข้าสู่โถงทางเดินในอาคาร Green Pocket นี้นอกจากจะช่วยให้ทางเดินภายในอาคารได้รับแสงธรรมชาติแล้วยังทำให้ภาพรวมของอาคารดูไม่ทึบตันอีกด้วย
ต่อไปขึ้นมาดู Facilities หลักของโครงการที่ถูกจัดไว้ถึง 4 ชั้น ได้แก่ชั้น 36, ชั้น 36 M (ชั้นลอย), ชั้น 37 และชั้น 37M (ชั้นลอย) มีฟังก์ชันครบตามที่คอนโดหรูในย่านนี้มี ได้แก่ สระว่ายน้ำ, Fitness, Onsen, Steam, The Library and the co-working area, Sky Lounge, Meeting Room, The Residencial Lounge นอกจากนี้ยังมีฟังก์ของส่วนกลางที่ไม่เหมือนใครอย่าง Private Spa and Salon และ Private Exercise Room ที่เพิ่มเติมเข้ามาให้แก่ผู้อยู่อาศัยด้วย
ภาพรวม Facilities ส่วนกลางที่จัดไว้ชั้นบนของอาคาร (ชั้น 36-37) ซึ่งนอกจากจะได้ใช้งานพื้นที่ส่วนกลางแล้ว ยังได้รับวิวเมืองโดยรอบในมุมสูงอีกด้วย
ภาพจำลองบรรยากาศในส่วนของ Residencial Lounge บนชั้น 36 พื้นที่ส่วนกลางที่ลูกบ้านสามารถขอใช้งานจัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้ โดยจะมี Counter Bar และโต๊ะทานอาหารไว้ให้บริการ ซึ่งห้องนี้จะเชื่อมไปยังระเบียงบนชั้น 36 เพื่อออกไปยืนชมวิว และเชื่อมไปยังพื้นที่อเนกประสงค์เผื่อต้องการขยายพื้นที่รับแขกก็สามารถตั้งโต๊ะแบบค็อกเทลที่ห้องอเนกประสงค์เพิ่มเติมได้
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Social Lounge เป็น Double Space โล่งได้วิวเมืองฝั่งรัชดาฯ – พระราม 9
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Library และ Co-Working Area
ทัศนียภาพจำลองบริเวณสระว่ายน้ำของโครงการบนชั้น 37 เป็นสระว่ายน้ำแบบ Sky Edge Swimming Pool จึงเปิดวิวโดยรอบอาคารทั้ง 3 ด้าน ทำให้ได้วิวเมืองในมุมต่างๆ แต่ด้วยตำแหน่งของสระว่ายน้ำที่อยู่ทางทิศตะวันตกของอาคารจึงเหมาะที่จะใช้งานในเวลาเย็นๆ เช่นเดียวกับสวนส่วนกลางที่ชั้น 8 นะคะ
ภาพจำลองบรรยากาศใน Fitness ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนแรกเป็นโซนเครื่องออกกำลังกายอย่างทั่วไปอย่างเช่น ลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน โซนนี้จะได้ฝ้าเพดาน 3 ม.แบบปกติ ส่วนอีกโซนหนึ่งเป็นกิจกรรมที่ Active ใช้พื้นที่เยอะหน่อยอย่างการต่อยมวย ปีนผาจำลอง ซึ่งบริเวณนี้จะได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Dobble Space ทำให้ดูโปร่งโล่งขึ้นอีกค่ะ
ส่วนชั้น Rooftop เป็นลักษณะของ Sky Terrace แบบ Open Air ซึ่งชั้นนี้นอกจากจะเป็นพื้นที่ชมวิวของโครงการอีกชั้นหนึ่งแล้ว ยังเป็นช่วยกันความร้อนให้แก่ชั้นพักอาศัยได้ด้วย
ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น Rooftop ของโครงการ
ผังโครงการ Singha Complex 11 ไร่ ตำแหน่งของที่ดินอยู่ติดแยกเพชรบุรี – อโศก จึงติดถนน 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อีกฝั่งหนึ่งติดกับถนนอโศกมนตรี ซึ่งทางเข้าออกของที่ดินจะเข้าทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ฝั่งเดียว ภายในที่แบ่งที่ดินออกเป็น 3 ส่วนได้แก่ส่วนที่อยู่ติดกับทางเข้า- ออกเลย คือ The Office สูง 42 ชั้น ถัดมาทางขวาคือ The Retail สูง 4 ชั้น สำหรับคอนโดฯ The ESSE สูง 39 จะอยู่ถัดเข้ามาด้านติดกับถนนอโศกและคลองแสนแสบ ทำให้การเข้าออกโครงการจะต้องผ่าน Office และ Retail เข้ามาอีกทีหนึ่ง ซึ่งโครงการก็ได้ทำแนวรั้วและประตูเข้าโครงการอีกชั้นหนึ่งอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าภาพรวมทั้งหมดจะมีผู้คนมา
เข้ามาที่ผังชั้น 1 ของโครงการ The ESSE at Singha Complex แบ่งพื้นที่ออกมาจากพื้นที่ทั้งหมด 2-0-98.2 ไร่ มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวโดยถนนภายในที่ติดกับ The Retail โครงการเป็นแปลงหัวมุมขนาดใหญ่จึงเป็นโครงการที่จะสังเกตเห็นได้ง่าย ส่วนตัวอาคารจะหลบเข้ามาด้านในนิดนึง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวลดความพลุกพล่านจากบริเวณริมถนน จากหน้าโครงการจะมีป้อมยามคอยรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.ค่ะ
ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยจะไม่มีห้องพักอาศัยเป็นพื้นที่ของลานจอดรถ เส้นทางเดินรถในโครงการเมื่อขับเข้ามาด้านในจะมีทางแยกสำหรับเข้าสู่ที่จอดรถ Super Car บนชั้น 1 และทางขึ้นที่จอดรถบนชั้น 2 เมื่อเข้ามาในอาคารจะเข้าสู่ Grand Lobby ซึ่งแขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอได้ในบริเวณนี้ แต่ไม่สามารถขึ้นชั้นพักอาศัยได้ เพราะ ทางขึ้นห้องพักจะขึ้นผ่าน Lift Lobby โดยใช้ Key Card แสกนผ่านเข้าไปเท่านั้น พื้นที่ส่วนกลางชั้นนี้มีครบตามคอนโดปกติทั่วไป แต่มีอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ Private Storage Space ซึ่งเป็นพื้นที่เก็บของที่ลูกบ้านแต่ละห้องสามารถมาฝากไว้ได้ เป็นประโยชน์มากหากเป็นของหนักๆ และลูกบ้านใช้ประจำ อย่างเช่น ถุงกอล์ฟ ก็สามารถฝากไว้ชั้นล่างได้ ไม่ต้องแบกขึ้นลงค่ะ
ขึ้นมายังชั้น 3-7 จะเป็นพื้นที่จอดรถแบบเต็มชั้น การออกแบบให้ที่จอดรถอยู่ใต้อาคารที่อยู่อาศัยทำให้การใช้งานเชื่อมต่อระหว่างกับที่อยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบาย
ขึ้นมาชั้น 8 จะเริ่มเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยและพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่สีขียวส่วนกลาง ซึ่งห้องพักในชั้นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิวมุมสูง แต่ก็มีข้อดีที่มีพื้นที่สีเขียวส่วนกลางอยู่บนชั้นเดียวกัน ห้องพักบางส่วนจะได้เป็นห้องวิวสวน โดยมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 11 ยูนิต สำหรับห้องในชั้นล่างๆ แบบนี้ทางโครงการเน้นไปที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาดเล็กสุด 35 ตร.ม. ให้มีจำนวนห้องมากที่สุด โดยห้องพักของโครงการจะมีห้องที่หันหน้าออกทั้ง 4 ทิศทาง
โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวอยู่ตรงกลางอาคาร ในโถงจะมีลิฟท์จะมีลิฟท์ 4 ตัว เป็นแบบล็อกชั้น มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการ 80 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ดีกับการใช้งาน สำหรับโถงลิฟต์ในชั้นนี้จะมีประตูเชื่อมเข้าสู่พื้นที่สีเขียวเลย เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของห้องอาศัยในชั้นนี้ ทางเดินจัดเป็น Double corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง การจัดวางห้องในอาคารใช้วิธีการจัดวางเรียงไปตามรูปทรงอาคาร จัดวางตำแหน่งประตูห้องให้เยื้องหลบกัน เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวที่สุดในแต่ละยูนิต
ต่อไปเป็นเรื่องของวิว วิวของห้องพักส่วนใหญ่ในชั้น 8 จะเปิดโล่งในทิศเหนือใต้ ได้วิวเมืองแต่ก็คงไม่ได้วิวมุมกว้างอย่างชั้นที่สูงๆ ขึ้นไปกว่านี้ ส่วนทิศตะวันออกและตะวันตกจะโดนบล๊อกวิวด้วยตึกสูงทั้ง 2 ฝั่ง โดยทางฝั่งทิศตะวันออกจะหันไปทาง The Office At Singha Complex ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน สูง 42 ชั้น แต่ก็มีข้อดีที่อาคารนี้เป็นออฟฟิศจึงมีการใช้งานในเวลากลางวันเป็นหลัก ต่างกับคอนโดที่มักจะพักอาศัยในเวลาเย็นๆ ซึ่งก็ตรงกับเวลาที่ออฟฟิศเลิกงานแล้ว จึงช่วยลดปัญหาการมองเห็นจากตึกที่อยู่ติดกันได้ สำหรับทิศตะวันตกจะถูกบล๊อกวิวด้วย Q Asoke สูง 41 ชั้น แต่จะไม่ได้ประชิดกับโครงการซะทีเดียว เพราะถูกคั่นด้วยถนนอโศกมนตรีอีกที จึงมีช่องว่างระหว่างอาคารที่ช่วยลดควมอึกอัดลงได้ค่ะ
ต่อไปที่ชั้น 9-25 จะเริ่มเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น ผังในส่วนห้องพักจะเหมือนกับชั้น 8 เลย ต่างกันที่ในชั้นนี้ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางแล้วจึงแบ่งห้องพักได้เพิ่มขึ้นเป็น 12 ห้อง และก็มีลูกเล่นในการออกแบบคือมีการเปิดช่องแสงเข้ามาในโถงทางเดินของอาคารในรูปแบบของ Green Pocket ที่เคยพาไปชมในโมเดลนะคะ ส่วนเรื่องของวิวจะเหมือนกับชั้น 8 เลย ต่างกันที่ถ้าเป็นชั้นสูงขึ้นมาก็จะได้วิวเมืองที่กว้างขึ้นค่ะ
ผังในชั้น 26-35 จะคล้ายๆกับชั้น 9 เช่นกัน ต่างกันที่จำนวนของห้องพักที่ลดลง เพราะทางโครงการเลือกวางห้องพักแบบ 2 Bedroom เพิ่มขึ้น ในชั้นนี้จึงเหลือห้องพักอาศัย 10 ห้อง เรื่องวิวจะได้ City View เหมือนกับชั้น 9 เช่นกันแต่จะได้มุมมองที่สูงขึ้นค่ะ
ต่อไปเป็นผังชั้น 36 และชั้น 36 M ที่จัดเป็น Facilities ทั้งชั้น ได้แก่ Library & Co-Working Area, Sky Social Lounge, Meeting Room, Residential Lounge และ Private Theater ส่วนชั้น 36 M จะเป็น Private Spa & Salon ซึ่งทางลูกบ้านสามารถจองห้องไว้ แล้วใช้บริการ Concierge Services ของทางคอนโด หรือใช้บริการช่างส่วนตัวจากภายนอกโครงการก็ได้
ขึ้นมาชั้น 36 จัดเป็นชั้น Facilities ของโครงการเต็มชั้นอีกเช่นกัน ได้แก่ Sky Edge Swimming Pool ที่ออกแบบให้มี Pool Terrace สำหรับนั่งเล่นริมสระ และแยก Kid’s Pool ออกมาต่างหากอีกสระหนึ่ง, On The Cloud Fitness และ ห้องน้ำแยกชายหญิง ที่จัด Steam และ Onsen ไว้ให้บริการด้วย
ขึ้นมาที่ชั้น 38-39 จะเป็นชั้น Penthouse ซึ่งแต่ละห้องจะได้วิวคนละฝั่งเมือง แต่ก็ถือว่าได้วิวที่เปิดโล่งทั้งคู่
สำหรับชั้นบนสุดของอาคารจะเป็น Rooftop ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงโดยลิฟท์ 1 ตัว ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้จัดเป็นลักษณะของ Sky Terrace แบบ Open Air ใช้เป็นจุดนั่งชมวิว นั่งพักผ่อน หรือจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่ชั้นนี้ก็ได้ นอกจากจะใช้เป็น Facilities ที่ชั้นบนสุดแล้ว Rooftop ยังมีข้อดีที่ช่วยป้องกันความร้อนจากบนหลังคาให้แก่ห้อง Penthouse ชั้น 39 ได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ
ภาพวิวมุมสูงจากโครงการในเวลากลางวัน เป็น City View จะเปิดโล่งในทิศเหนือที่ได้วิวมักกะสัน – พระราม 9 และทิศใต้ที่มองเข้าทางอโศกจะเห็นสนามหญ้าในมหาวิทยาลัย มศว.
ภาพวิวมุมสูงจากโครงการในเวลากลางคืน
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Amenities
- Garden with Green Amphitheatre & Hidden Pavilion
- Parking spaces and super car designated parking
- Mailbox & Private storage space for sports equipments or luggages
- Sanctuary Terrain Garden
- The Library and co-working area and meeting room
- The Sky Social Lounge
- The Residence Lounge, space for private parties
- Private Theatre
- On the Cloud Fitness with rock climbing wall and boxing ring
- Private exercise room
- Sky Edge Swimming Pool with separate kid’s pool and a pool terrace ระบบเกลือ ขนาด 22 x 5 เมตร
- Onsen, Japanese hot spring and bathing facility
- Steam Room
- Private spa and salon
- Sky Terrace
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟ 80 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 87% (รวมซ้อนคัน)
- ระบบ CCTV / Access Card
- 24-hour security by guard service
- Wifi internet at lobby and facilities floor
- 5-Star Concierge Services
ห้องตัวอย่างที่จะพาไปชมในวันนี้มี 2 ห้องนะคะ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 34.75 ตร.ม. และแบบ 2 Bedroom ขนาด 77 ตร.ม. ไปชมกันเลยค่ะ
ห้อง 1 Bedroom Type 1A-2 เป็นการวางแปลนของห้องขนาดเล็กที่ลงตัว ความพิเศษของ Layout แบบนี้คือประตูกั้นห้องที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่มีข้อดีคือเวลามีแขกมาก็สามารถดึกประตูบานเลื่อนออกมากั้นพื้นที่ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นได้ ส่วนเวลาที่อยู่คนเดียวสามารถเปิดประตูเลื่อนออก แล้วนอนดูทีวีจากบนเตียงได้เลย เป็นการใช้ประโยชน์พื้นที่ใช้สอยของห้องได้เต็มที่
ห้องนี้จะได้ครัวแบบครัวเปิด ตำแหน่งอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องเลย เหมาะกับเตรียมอาหารอาหารเบาๆ ไม่เน้นผัด หรืออาหารที่มีกลิ่นแรงๆ การวางตำแหน่งครัวอยู่ด้านหน้าดีตรงที่ถ้ายกของมาหนักๆก็เอามาวางพักไว้ตรงนี้ได้ หรือเก็บของสดเข้าตู้เย็นได้เลย ติดกันโต๊ะอาหารได้ 2 ที่นั่ง ถัดจากครัวจะเป็นห้องนั่งเล่นวางโซฟาได้ 2 ที่นั่ง ห้องนี้จะติดกับห้องนอน ภายในห้องนอนมีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง และห้องน้ำอยู่ในตัวเลยค่ะ
ประตูทางเข้าห้องเป็นประตูกันไฟ 1 ซม. ปิดผิววีเนียร์ ฝ้าเพดานในห้องสูง 3 ม. ซึ่งตัวประตูก็ให้มาเป็นบานใหญ่สูงเกือบเท่าฝ้าเพดานห้องเลยค่ะ หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ เป็นรุ่นที่ใช้ได้ทั้งรหัสและ Finger Print ของยี่ห้อ Yale หรือเทียบเท่า พร้อมมือจับแบบก้านโยก
เข้ามาในห้องจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นส่วนแรก ถัดเข้าไปฝั่งซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับหน้าต่าง ด้านหลังโซฟาเป็นห้องนอน มีประตูเลื่อนกั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัวอีกชั้นหนึ่ง โครงการขายแบบ Fully Furnished นะคะ ให้ทุกอย่างตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลย ยกเว้นพวกของตกแต่ง อย่างเช่น จาน ชาม โคมไฟ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าจะให้ตามในห้องตัวอย่างเช่นกัน ยกเว้นเครื่องซักผ้า กับทีวี ที่จะต้องเลือกซื้อเพิ่มเองนะคะ
ต่อไปจะเริ่มอธิบายรายละเอียดของพื้นที่ใช้สอยและวัสดุของแต่ละส่วนภายในห้องพักอาศัยนะคะ ส่วนแรกพื้นที่บริเวณทางเข้าห้องและพื้นที่ครัวค่ะ
โครงการ Built-in ตู้เก็บรองเท้ามาให้ติดกับประตูห้องเลย ภายในแบ่งเป็นชั้นๆ เก็บได้หลายคู่ทีเดียว ช่องบนแบ่งเป็นตู้เก็บของใช้ หน้าบานเป็นบานกระจกแบบ Coated Glass Panel with Aluminium Edge ทำให้ได้ความเงาของกระจกด้านหน้าที่ช่วยเพิ่มความหรูหรา แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งของด้านใน
ลักษณะของมือจับตู้ ถูกออกแบบให้เซาะร่องลงไปกับตัวหน้าบานด้วยวัสดุอลูมิเนียมเช่นเดียวกับบริเวณขอบ
อีกฝั่งหนึ่งของประตูเป็นตู้ใส่เครื่องซักผ้าซึ่งได้วัสดุแบบเดียวกับตู้ใส่รองเท้าเลยนะคะ ภายในติดตั้งช่องระบายอากาศ และมีชั้นวางของไว้ให้วางตะกร้าหรือน้ำยาซักผ้าต่างๆ
ถัดมาจะเป็นส่วนของพื้นที่ครัว ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดจึงไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นแรงซักเท่าไร ภายใน Built-in Counter ครัวและติดตั้งตู้เย็นแบบ 2 ประตูของ Kuppersbusch ที่ถูก Built-in กับตัวตู้ไว้เรียบร้อย หน้าบานตู้เป็นดีไซน์เดียวกับตู้เก็บรองเท้าแลเครื่องซักผ้า
ส่วน Counter ครัวเป็นทรงตัว L พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ 1 ห้องนอน Top Counter และ Backsplash ได้วัสดุเป็น Composite Quartz ที่เป็นลายต่อเนื่องกันเหมือนในห้องตัวอย่าง เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนพื้นครัวจะแตกต่างจากพื้นส่วนอื่นๆ คือเป็น Composite Marble จึงทำความสะอาดง่าย เหมาะกับการใช้งานค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชักเก็บของ ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft close
ถัดมาคือซิงค์ล้างจานและตู้เก็บของใต้ซิงค์ล้างจาน เป็นรุ่นที่มีซ่อนถังขยะไว้ด้านในตู้ของ Franke หรือเทียบเท่า
ซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำสแตนเลสของ Franke นะคะ เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มาค่อนข้างกว้างจึงเหลือพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารได้เยอะ โครงการจะซ่อนไฟไว้บริเวณใต้ตู้ลอย ซึ่งทำให้พื้นที่บนเคาน์เตอร์สว่างขึ้น ในส่วนนี้จะได้เตาไฟฟ้าและไมโครเวฟของ Kuppersbusch ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ
Induction Hob (แบบ 2 Induction Points) with Stainless Steel Cooker Hood by Kuppersbusch หรือเทียบเท่า
ส่วนตู้ลอยด้านบนสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 4 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนะคะ
ติดกับ Counter ครัวเป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่ง ที่ใช้วัสดุเป็น Composite Quartz ต่อเนื่องมาจาก Top Counter ครัวนะคะ บนโต๊ะทานข้าวในห้องตัวอย่างวาง Ipad ไว้ซึ่งภายใน Set ระบบ Home Automation ของ Zigbee Alliance ที่เป็นตัวควบคุมระบบแสงสว่าง และม่านภายในห้อง
โครงการจะให้มาพร้อมเก้าอี้ 2 ตัวแบบนี้เลย
ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ในห้องนั่งเล่นจะได้เฟอร์นิเจอร์ทั้ง ชุดโซฟา โต๊ะกลาง พื้นเป็น Engineering Wood ยาวต่อเนื่องไปถึงในห้องนอนเลยค่ะ
นอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่ได้แล้ว ทางโครงการยังตกแต่งผนังด้านหลังทีวีด้วยวัสดุหินอ่อน White Volakas ที่นำเข้าจาก Greece (สีของหินอ่อนจะขึ้นอยู่กับ Type ห้องนะคะ) พร้อมชั้นวางของ 2 ชั้น ก็จะได้ตามห้องตัวอย่างเช่นกันค่ะ
ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2.2 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 46 นิ้ว พื้นที่ทางเดินนี้เมื่อวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านเข้าไปยังระเบียงได้
ประตูระเบียงตัวบานเป็นเฟรมอลูมิเนียม ทำสี Powder Coated ผิว Sahara ส่วนกระจกจะเป็นลามิเนตแบบตัดแสงค่ะ
ตัววงกบประตูมีตัวล็อกแบบฝังกับประตู 1 ตำแหน่ง กันเสียงและฝุ่นจากภายนอกด้วยเส้นกำมะหยี่ และเนื่องจากตัวบานประตูที่ค่อนข้างใหญ่มีความสูงเกือบถึงฝ้า ทำให้ขอบวงกบมีขนาดใหญ่เพื่อให้เกิดความแข็งแรง ปลอดภัยค่ะ
พื้นระเบียงถูกลดระดับลงไปจากพื้นภายในห้องพักอาศัยเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำจากระเบียงไหลเข้ามาในห้องพักค่ะ
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.75 x 1.75 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก หรือตั้งต้นไม้กระถางได้นิดหน่อย
ราวกันตกถูกออกแบบไว้เป็นกระจกลามิเนตทำให้เวลามองออกมาจากภายในห้องจะสามารถเห็นวิวด้านนอกได้โดยไม่มีราวระเบียงมาบัง
ด้านข้างระเบียงจะแยกพื้นที่ตั้งของคอมเพลสเซอร์แอร์ 2 ตัวไว้ต่างหาก และมีระแนงกั้นทำให้ดูเรียบร้อย
ต่อไปมาดูห้องนอนกันค่ะจะอยู่ด้านหลังห้องนั่งเล่น แยกส่วนกันด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน เวลามีแขกมาห้องก็สามารถเลื่อนปิด และเวลาอยู่ห้องคนเดียวก็สามารถเปิดบานเลื่อน นอนดูทีวีจากบนเตียงได้เลยค่ะ
ด้านในห้องนอนจะได้เฟอร์นิเจอร์ ได้แก่ เตียงขนาด 6 ฟุตวางไว้ตรงกลาง และได้โต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนผนังด้านหลังเตียงเป็นเพียงการตกแต่งนะคะ ห้องจริงจะได้เป็น Wallpaper แทน
เวลาเปิดประตูกั้นห้องก็สามารถนอนดูทีวีได้จากบนเตียงเลย
ในห้องนอนมีหน้าต่างบานใหญ่ ที่แม้ไม่ได้เป็นบานเดียวเต็มบานแต่ก็ช่วยรับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้เพียงพอ ซึ่งทางโครงการจะติดตั้งม่านไว้ให้ด้วยนะคะ ซึ่งก็จะได้ม่านทึบ (Dim-Out Curtain) เหมือนในห้องตัวอย่าง แต่จะไม่ได้ม่านโปร่งค่ะ
พื้นที่ข้างเตียง 2 ฝั่ง มีพื้นที่เหลือให้ขึ้นเตียงได้สะดวก ส่วนพื้นที่ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือประมาณ 30 ซม. ซึ่งทางโครงการออกแบบรางประตูไว้เป็นรางด้านบนทำให้ไม่มีรางเกะกะทางเดินจึงสามารถเดินได้สะดวก แต่หากปิดฉากกั้นจะเดินผ่านปลายเตียงลำบากหน่อยนะคะ
เครื่องปรับอากาศภายในห้องได้แบบ Concealed Split Type A/C ของ Daikin หรือเทียบเท่า ซึ่งทำให้ห้องดูเรียบร้อยดี แต่การซ่อมแซมอาจจะทำได้ยากกว่าการติดแอร์แบบแขวนธรรมดา ภายในห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนของ Walk-in Closet และห้องน้ำค่ะ
ภายในมีตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้จะเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน ด้านข้างตู้มีโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมสตูล ห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้เฟอร์นิเจอร์แบบนี้เลยนะคะ
ตู้เสื้อผ้าแบบประตูบานเลื่อนกระจก 2 บาน ภายในมีราวแขวนผ้า ลิ้นชักเก็บของ หน้าบานของตู้เป็นกระจกสีชาทำให้ตัวตู้ดูไม่ทึบตัน ภายในติดไฟไว้ให้เรียบร้อย
ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะเครื่องแป้งเป็นประตูห้องน้ำ เป็นบานประตูโครงไม้ปิดผิววีเนียร์ ส่วนมือจับประตูเป็นแบบฝังในบานประตูค่ะ
พื้นห้องน้ำลดระดับลงมาจากพื้นห้องนอนอีกนิดหนึ่ง เพื่อกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆ จบขอบด้วยหินอ่อนและตัดด้วยเส้นอลูมิเนียมอีกทีหนึ่ง ซึ่งมีความทนทานต่อการใช้งานในห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้อง porcelain สีและลายเดียวทั้งหมด แต่จะมีผนังฝั่งหนึ่งใน Shower Area ที่ถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อน
วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้า มาพร้อมกับตู้ลอยติดผนังสำหรับเก็บของ ซึ่งเป็นแบบเปิดได้ฝั่งเดียวนะคะ หน้าบานตู้ได้เป็นกระจกและมีซ่อนไฟไว้ใต้ตู้เรียบร้อย ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ
อ่างล้างหน้าของ TOTO หรือเทียบเท่า มีขนาดใหญ่พอสมควรและเหลือพื้นที่ขอบๆ สำหรับวางของได้นิดหน่อย
ก๊อกน้ำได้ของ Grohe หรือเทียบเท่า เดินระบบแยกน้ำอุ่น น้ำเย็นไว้ให้
ด้านล่างอ่างล้างมือมีตู้บานเปิดปิดสำหรับวางของ อย่างผ้าเช็ดมือผืนเล็กๆได้นิดน่อย แต่ก็อย่าลืมเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างมือค่ะ
โถสุขภัณฑ์แบบ One-Piece Wall Hung water Closet with an electronic toilet seat by TOTO หรือเทียบเท่า ส่วนระบบกดน้ำได้ของ Geberit หรือเทียบเท่า
ต่อไปมาดูพื้นที่ส่วนเปียกกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำแบบ Framless Tempered Glass ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด และ Seal ด้วยขอบยางช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้งค่ะ ฉากกั้นมีมือจับให้สามารถจับเปิดได้สะดวก
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.27 x 0.87 ม. รางระบายน้ำถูกออกแบบไว้ให้ดูกลมกลืนกับพื้นห้อง
พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกลดระดับลงมาจากพื้นที่ส่วนแห้งอีกทีหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆภายในห้องน้ำ
ฝักบัวที่โครงการให้จะได้มาเป็นแบบ Mixing Valve and hand/rain shower by Grohe หรือเทียบเท่าค่ะ
อีกห้องหนึ่งที่พาไปชมเป็นแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำขนาด 77 ตร.ม. พื้นที่ภายในห้องถูกจัดแบ่งมาได้เป็นสัดส่วน และในแต่ละฟังก์ชันก็มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นด้วย ห้องนี้เหมาะกับครอบครัวที่อยู่กัน 2-3 คน มีพื้นที่ครัวที่กว้างขึ้น ใช้งานได้จริง แต่ก็ยังไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นแรง เพราะยังคงเป็นครัวแบบเปิด โต๊ะทานข้าวในห้องนี้ได้เป็นขนาด 4 ที่นั่ง ซึ่งอยู่ติดกันกับห้องนั่งเล่น ส่วนห้องน้ำจะมี 2 ห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องน้ำส่วนกลาง ซึ่งผู้ที่อยู่ใน Bedroom 1 ก็ต้องมาใช้ห้องน้ำส่วนกลางตรงนี้ ส่วนห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว เป็นห้องน้ำใหญ่ที่มีอุปกรณ์ครบทั้ง อ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้าแบบ His and Her ค่ะ
จากประตูห้องมองเข้ามาด้านใน ฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่ครัว ส่วนทางขวาจะเป็นพื้นที่ตั้งโต๊ะทานอาหาร ซึ่งติดกันกับพื้นที่นั่งเล่น รับแขก สำหรับห้องนอนและห้องน้ำจะต้องเดินตามโถงทางเดินเข้าไปด้านในตัวห้องนะคะ
พื้นที่ด้านหลังประตูทางโครงการ Built-in เป็นตู้เก็บรองเท้าไว้ให้ วัสดุของตู้จะเหมือนกับในห้องแรกที่พาไปชมเลยนะคะ
ติดกันเป็น Pantry ครัวแบบเปิด ซึ่งพื้นที่ใช้สอยในส่วนนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ได้ Counter แบบ Island เพิ่มขึ้นมาด้วย
ทางโครงการ Built-in ตู้ใส่เครื่องซักผ้าและตู้เย็นของ Kuppersbusch มาให้เหมือนห้องตัวอย่างห้องแรก แต่ห้อง Type นี้จะได้ตู้เย็นที่ใหญ่ขึ้นเป็นแบบ 4 ประตูค่ะ
Counter Island มีฟังก์ชันเป็นลิ้นชักเก็บของ 3 ชั้น ตัวเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close จึงสะดวกในการใช้งานค่ะ
ส่วน Counter ครัวแบบ L จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างห้องแรกเช่นกัน มีแตกต่างนิดหน่อยที่ขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้า และขนาดของซิงค์ล้างจานค่ะ
Induction Hob ของห้อง Type นี้ได้แบบ 4 Induction Points with Stainless Steel Cooker Hood by Kuppersbusch หรือเทียบเท่า และได้เพิ่มเติมในส่วนของเตาอบจาก Kuppersbusch เช่นกัน
ซิงค์ล้างจากและก๊อกน้ำจาก Franke มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น โดยแบ่งเป็น 2 ช่อง ทำให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น รองรับจำนวนสมาชิกในบ้านที่เพิ่มขึ้น
อีกฝั่งหนึ่งตรงข้าม Pantry ครัวเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ซึ่งก็จะได้โต๊ะตามแบบที่เห็นเลยนะคะ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่พักผ่อนหลักๆ ของห้องที่สมาชิกในบ้านจะมานั่งเล่นดูทีวี ทานข้าว ทำอาหารกันในบริเวณนี้ เวลานั่งทานอาหารก็สามารถมองเห็นและพูดคุยกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่นั่งดูทีวี หรือยืนทำอาหารอยู่ในครัวได้
พื้นที่โดยรอบโต๊ะทานอาหาร มีพื้นที่เหลือให้ดึงเก้าอี้ออกมาใช้งานได้อย่างสบายๆ
ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่น ก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ตามห้องตัวอย่างอีกเช่นกัน ส่วนการตกแต่งผนังด้านหลังทีวีสำหรับ Type นี้จะได้เป็นวัสดุหินอ่อน Nero Maquina ที่นำเข้าจาก Spain
ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2.4 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 50 นิ้ว พื้นที่ทางเดินนี้เมื่อวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านเข้าไปยังระเบียงได้
วัสดุและขนาดของประตูระเบียงจะได้เหมือนกับห้องตัวอย่างห้องแรกนะคะ
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.6 x 0.78 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก หรือตั้งต้นไม้กระถางได้
กลับเข้ามาภายในห้องจะพาไปชมห้องต่างๆ ตามโถงทางเดินนะคะ เริ่มจากฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันระหว่างแขกและผู้อยู่อาศัยในห้อง Bedroom 1
ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย วัสดุของประตูจะเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ พื้นที่ด้านในมีขนาดพอๆกัน และมีวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกัน
ต่างกันอยู่นิดนึงตรงที่โถสุขภัณฑ์ของห้องน้ำส่วนกลางจะได้เป็นแบบ One-piece Wall hung water Closet by TOTO แต่ไม่ได้ติดตั้ง Electronic Toilet Seat ไห้นะคะ
ส่วนภายในพื้นที่อาบน้ำจะได้ฉากกั้นอาบน้ำแบบ Framless Tempered Glass พร้อมวัสดุอุปกรณ์ครบถ้วนเหมือนในห้องตัวอย่างห้องแรกเลย
Shower Area ในห้องนี้มีขนาด 1.55 x 0.86 ม.
ต่อไปมาดู Bedroom 1 กันต่อ ภายในห้องนอนนี้จะได้เตียงขนาด 5 ฟุต และ Wall Decoration เหมือนกับห้องตัวอย่างเลย ส่วนช่องแสงในห้องจะได้หน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้อย่างเพียงพอและด้วยขนาดบานที่ใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย สำหรับตัวหน้าต่างเป็นบาน fix ผสมกับบานกระทุ้งค่ะ
พื้นที่รอบเตียงทั้ง 3 ด้านจะเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบ แต่พื้นที่ปลายเตียงไม่เหลือพอให้วางชั้นวางทีวีนะคะ ซึ่งทางโครงการก็ได้ติดตั้ง Wall Decoration มาให้อยู่แล้ว ก็สามารถติดทีวีบน Wall Decoration เหมือนในห้องตัวอย่างได้เลย
โต๊ะหัวเตียงที่ได้สำหรับห้องนี้ค่ะ
พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ที่ผนังฝั่งติดกับประตูค่ะ
แบบตู้และวัสดุจะเหมือนๆ กับห้องตัวอย่างห้องแรกเลย ต่างกันที่ลิ้นชักเก็บของของตู้นี้จะลดลง เปลี่ยนเป็นพื้นที่โล่งสำหรับแขวน Dress ยาวแทนค่ะ
มาดูที่ห้อง Master Bedroom กันต่อ ห้องนี้ได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างมาก ภายในจัดฟังก์ชันมาได้ครบทั้งห้องน้ำในตัว และแบ่งพื้นที่แต่งตัวไว้อย่างเป็นสัดส่วน
ติดกับประตูห้องนอนเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าแบบตัว L ที่ทางโครงการจะ Built-in ไว้ให้เหมือนในห้องตัวอย่างนะคะ
สำหรับห้องน้ำได้เป็นแบบ Sexy Bath ภายในจัดฟังก์ชันไว้ครบถ้วน
เข้ามาภายในห้องน้ำจะเป็นทางเดินตรงกลางที่เชื่อมพื้นที่ต่างๆในห้องน้ำ ด้านหน้าสุดของห้องทางขวามือเป็นอ่างล้างมือแบบ His & Hers ส่วนฝั่งซ้ายเป็น Bathtub ถัดเข้าไปด้านในฝั่งซ้ายจะเป็น Shower Area ส่วนฝั่งขวาจะเป็นตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ วัสดุของพื้นห้องน้ำจะเหมือนกับในห้องตัวอย่างห้องแรกเลยค่ะ
บริเวณ Wash Basin by TOTO ซึ่งได้เป็นแบบ His & Hers ด้านหลังมีตู้เก็บของที่ได้หน้าบานเป็นบานกระจกค่ะ
โถสุขภัณฑ์แบบ One-Piece Wall Hung water Closet with an electronic toilet seat by TOTO หรือเทียบเท่า เช่นเดียวกับในห้องตัวอย่างห้องแรก
Shower Area มีขนาด 1.2 x 0.68 จบขอบด้วยหินอ่อน
Bathtub by Living Center with mixing valve and hand shower by Grohe หรือเทียบเท่า
ตำแหน่งของ Bathtub จะอยู่ติดกับกระจก Sexy Bath เลย ซึ่งกระจกนี้จะเป็นกระจกสี Tint Grey ที่มีความพิเศษคือติด Smart Film ไว้ เวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในห้องน้ำก็สามารถปิดฟิล์มได้ หรือถ้าเปิดฟิล์มก็สามารถดูทีวีจากในห้องน้ำได้เลยค่ะ
ต่อไปมาดูส่วนของเตียงนอนบ้าง ห้องจริงที่ได้จะได้เตียงนอนขนาด 6 ฟุตพร้อมหัวเตียงแบบในห้องตัวอย่างเลย
ผนังด้านในของห้องเป็นหน้าต่างบานใหญ่ในลักษณะของ Bay Window ช่วยเปิดมุมมองของวิวด้านนอก และด้วยขนาดบานหน้าต่างที่ใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เช่นกัน
พื้นที่รอบเตียงทั้ง 3 ด้านจะเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบ ส่วนโต๊ะหัวเตียงในห้องนี้ก็จะได้ตามแบบในห้องตัวอย่างนะคะ
สำหรับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆในห้องนี้ที่ได้นอกจากเตียงนอนและโต๊ะหัวเตียง ก็จะมี Sideboard และโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมเก้าอี้นั่งที่อยู่ติดริมหน้าต่างค่ะ
ไฟในห้องจะได้เป็นแบบดาวน์ไลท์ทั้งหมด
หน้าตาของปลั๊กและสวิตซ์ไฟที่ได้ โดยสวิตซ์ไฟได้ของ Schneider ส่วนปลั๊กไฟได้ของ Bticino
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 28 February 2017
- 1 Bedroom ชั้น 9 เนื้อที่ 34.75 ตร.ม. ราคา 8.6 ล้านบาท หรือ 247,482 บาท/ตร.ม. (ห้อง Promotion)
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
- Concealed split type A/C, Daikin or equivalent
- Digital Door Lock Yale or equivalent
- Dim-out curtains (Promotion Item)
- Built-in shoes cabinet and shelf (Promotion Item)
- Built-in Kitchen & Sink
- Under counter sink with faucet by Frank or equivalent (Promotion Item)
- Induction Hob & Hood by Kuppersbusch or equivalent (Promotion Item)
- Microwave-Oven by Kuppersbusch or equivalent (Promotion Item)
- Built-in refrigerator by Kuppersbusch or equivalent (Promotion Item)
- Wallpaper
- Built-in wardrobe
- Marble stone feature wall in shower area
- Wash basin by TOTO with mixing faucet by Grohe or equivalent
- One-piece wall hung water closet with an electric toilet seat by TOTO or equivalent
- Bathtub by Living Center with mixing valve and hand shower by Grohe or equivalent with smart film sexy bath
- Shower area with mixing valve and hand/rain shower by Grohe or equivalent
- water heater
- Frameless tempered glass shower screen
- Home automation for lighting, A/C and curtains
- จอง 1 ห้องนอน 100,000 บาท 2 ห้องนอน 200,000 บาท
- ทำสัญญา 3%
- ดาวน์ 17% ผ่อนดาวน์ 30 งวด สำหรับห้อง 1-2 ห้องนอน
- ค่ากองทุน 900 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 90 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
หลังจากที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากโครงการระดับ Super Luxury อย่าง The ESSE Asoke ที่มีทำเลอยู่ไม่ไกลกันกัน Developer เจ้าใหม่แต่เชี่ยวชาญในวงการธุรกิจอย่าง Singha Estate ก็ได้ทำ Mega Project โครงการ Mix-Use อย่าง Singha Complex ซึ่งหนึ่งในโครงการนี้ก็มี The ESSE At SIngha Complex คอนโดระดับ Super Luxury ที่จัดเต็มทั้ง Facilities ภายในโครงการ และได้รับความสะดวกสบายจากการมี The Retails และ The Office อยู่ภายใน Singha Complex และแน่นอนว่าเปิดตัวมาด้วยราคาที่แรงกว่าเดิมค่ะ
ทำเล – ภาพรวมโครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรี ติดแยกอโศก-เพชรบุรี ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างย่าน CBD ที่สำคัญอย่างรัชดา-พระราม 9 และ อโศก จึงสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย จุดเด่นทำเลโครงการนี้คือความอุดมสมบูรณ์ที่ครบครัน ส่วนหนึ่งเนื่องจากอยู่ในโครงการ Mix-Use ” SINGHA COMPLEX” จึงมีความสะดวกสบายในการช็อปปิ้ง เพราะในโครงการจะมี Urban Lifestyle 4 ชั้น ที่เป็นลักษณะของ Retails เกรดดี ที่รองรับทั้งผู้อยู่อาศัยในคอนโดและผู้ที่ทำงานในออฟฟิศอยู่แล้ว สำหรับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการก็มีครบถ้วนไม่แพ้กัน ที่ใกล้ที่สุดคือบนถนนอโศกมนตรีที่มีแหล่งช็อปปิ้งครบตั้งแต่ตลาดนัดไปจนถึงศูนย์การค้า อย่าง Terminal 21 และจากเส้นสุขุมวิทนี้ก็สามารถเลือกไปยังศูนย์การค้าชื่อดังๆ บนถนนสุขุมวิทอย่าง Central Embassy, Central ชิดลม, Central World, เกษร พลาซ่า, Siam Paragon ได้ตามใจชอบ
การเดินทางโดยใช้รถ – ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการเป็นแปลงมุมอยู่ติดแยกเพชรบุรี – อโศก จึงมีความแตกต่างจากคอนโดส่วนใหญ่ในย่านอโศก คือทางเข้าออกของโครงการจะไม่ได้เข้าจากทางถนนอโศกแต่จะเข้าจากทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งเป็นข้อดีของตัวทำเลที่ไม่ต้องทนฝ่ารถติดกันบนถนนอโศก และยังมีทางเลือกที่จะไปขึ้นทางด่วนได้สะดวกด้วย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – เนื่องจากทางโครงการ Singha Complex เจาะทางเชื่อมสถานี MRT เพิ่มเติม ทำให้ตัวโครงการอยู่ห่างกับสถานี MRT เพชรบุรีเพียง 40 ม. ซึ่งสถานีนี้ยังเป็นสถานี Interchange กับ ARL มักกะสัน สามารถเดินไปถึงสถานี Airport Link ในระยะประมาณ 130 เมตรประมาณ และจาก MRT เพชรบุรีนั่งไปแค่ 1 สถานีก็ถึงสถานีสุขุมวิทซึ่งเป็นสถานี Interchange กับ BTS อโศก จึงถือว่าทำเลนี้เป็น Hub ที่เชื่อมต่อการเดินทางได้หลากหลายทั้งใต้ดิน บนดิน และลอยฟ้า (ไปต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ ?)
วัสดุ – ของโครงการเน้นใช้วัสดุเกรดดีจากบริษัทที่มีชื่อเสียง ขายแบบ Fully furnished คือได้เหมือนตามห้องตัวอย่างเลย แต่จะไม่ได้พวกของประดับตกแต่ง ในรูปแบบที่สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย จะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องซื้อเพิ่มนิดหน่อยคือ เครื่องซักผ้า และทีวี พื้นส่วนครัวจะปูด้วย Composite Marble ส่วนพื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็น Engineering Wood พื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้อง Porcelain ตกแต่งใน Shower Area ด้วยหินอ่อน ระเบียงก็จะปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. มี Digital doorlock จาก Yale ตู้รองเท้าบริเวณประตูทางเข้ารวมถึงตู้เก็บเครื่องซักผ้า ชุดครัวเป็นแบบ Built-in ทั้งเคาท์เตอร์ล่างและบน รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนจาก Kuppersbusch เช่น ตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาอบ และเตาไฟฟ้า ก๊อกน้ำจาก Franke ห้องน้ำก็จะได้สุขภัณฑ์จาก TOTO (บางส่วนเป็น Electronic Toilet Seat) และ ก๊อกน้ำและ Hand/Rain Shower จาก Grohe แอร์เป็นแบบ Split Type ฝังฝ้าปิดด้วยตะแกรงเรียบร้อยทุกห้องทุกจุด
การออกแบบ – อาคารโดยรวมก็ใช้แบบเต็มพื้นที่แปลงขนาด 2 ไร่ โดยมีการ Setback ตึกจากถนนอโศกมนตรีเข้าไปหน่อยเพื่อเพิ่มความสูงอาคาร ทางโครงการออกแบบห้องให้มีขนาดใหญ่พอสมควรอย่าง 1 ห้องนอนเริ่มต้นที่ 34.75 ตารางเมตร ทำให้จำนวนยูนิตต่อชั้นไม่เยอะมาก เยอะที่สุดคือ 12 ยูนิต โดยทั้งโครงการมีเพียง 319 ยูนิต แต่ด้วยการที่อยู่ใจกลางเมืองทำให้การวางตำแหน่งห้องต้องวางให้เต็มพื้นที่ ทำให้ห้องพักบางทิศทางจะโดนบล๊อกวิวด้วยอาคารสูง แต่ก็ยังมีห้องพักในทิศเหนือและทิศใต้ที่วิวยังคงเปิดโล่งอยู่ค่ะ
การจัดวางโถงทางเดินในชั้นอยู่อาศัยจัดเป็นแบบ Double Corridor เน้นความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยด้วยการวางตำแหน่งของประตูที่ไม่ชนกัน ห้องส่วนใหญ่ของโครงการเป็นแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งห้องเล็กสุดที่มีขนาด 34.75 ตร.ม. ก็จัดแปลนมาเป็นห้องหน้ากว้าง แบ่งฟังก์ชันต่างๆได้ลงตัว ส่วนห้อง 2 ห้องนอน เป็นห้องแนวลึกก็จะเพิ่มห้องนอนเล็กและห้องน้ำแขกเข้ามา ซึ่งก็เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กอยู่กัน 2-3 คนได้สบาย แต่ที่เหมือนกันในทุกๆห้องคือระเบียงมีขนาดค่อนข้างเล็ก อาจจะเป็นเพราะโครงการเป็นคอนโดใจกลางเมืองที่ไม่ได้เอาไว้นั่งพักผ่อนด้านนอกเท่าไรนัก
สาธารณูปโภคส่วนกลาง – จัดเต็มที่ตามระดับราคาของคอนโด โดยมีทั้ง Facilities ส่วนกลางที่เราจะเห็นได้ตามคอนโดระดับ Super Luxury ทั่วไปอย่าง สวนส่วนกลาง, สระว่ายน้ำ, Fitness, Sky Lounge, Co-Working Space, The Residential Lounge ที่ผู้อยู่อาศัยสามารถขอจองจัดปาร์ตี้ส่วนตัวได้ โดยจัด Facilities ส่วนใหญ่ไว้บนชั้น 36-37 ทำให้เปิดรับวิวมุมสูงได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่เพิ่มเติมขึ้นมาได้แก่ Private Spa & Salon, Private Exercise ซึ่งเพิ่มเข้ามาให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น เพิ่มเติมจากในห้องพักอาศัยโดยสามารถของจองใช้บริการได้ อย่างเช่นถ้าต้องการใช้ห้อง Paivate Salon ก็สามารถเรียกช่างทำผมส่วนตัวเข้ามาให้บริการในโครงการได้ หรือจะใช้ 5-Star Concierge Services ของทางโครงการเข้ามาให้บริการได้ด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายอยู่นิดหนึ่งที่เปอร์เซ็นต์ที่จอดรถให้มาไม่ถึง 100 % ค่ะ
Judgement
ราคาของคอนโดระดับ ULTIMATE CLASS ความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ซึ่งผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดในระดับนี้คงต้องมีความพึงพอใจและความชอบจนมองข้ามราคาไปอย่างแน่นอน ดังนั้นความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ จึงมิอาจให้คะแนนได้ค่ะ
BOTTOM LINE
The ESSE At Singha Complex เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดหรูติดรถไฟฟ้า MRT มีตัวเลือกในการใช้ Airport Link และเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวบ้าง ยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้ได้อยู่โครงการที่มี Concierge Service มี Retails และ Office อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ชอบการตกแต่งของโครงการเพราะจัดมาให้ครบแบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ต้องการ Facilities ส่วนกลางที่ครบและจองพื้นที่ส่วนกลางใช้แบบ Private ได้ มีงบประมาณเริ่มต้น 8.6 – ประมาณ 21 ล้าน (ไม่นับ Penthousee) หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 60,000-147,000 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )