รีวิวฉบับที่ 881 สวัสดีค่ะ โครงการที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้คือ “Arden ลาดพร้าว 71″ ซึ่งเป็นหนึ่งใน Urban Town home ภายใต้แบรนด์ ” Arden ” แบรนด์ใหม่แกะกล่องจากอนันดา ที่เปิดตัวพร้อมกัน 3 ทำเล คือ พระราม 3 , พัฒนาการ และ ลาดพร้าว 71 การออกแบบของที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก สวน Eden อันร่มรื่น ผสมกับงานศิลปะ ตัวบ้านมี 3.5 ชั้น บนที่ดินเริ่มต้น 20 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท ตามมาชมพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ
Fact @ 21 July 2015
- Arden Ladprao 71 (อาร์เด้น ลาดพร้าว 71)
- บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางกะปิ
- เนื้อที่โครงการ 6-3-71 ไร่ จำนวน 67 ยูนิต
- ทาวน์โฮม 3.5 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ และชั้นลอยยกระดับ
- แบบบ้าน M : THE MIST พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม.
- ที่ดินแปลงมาตรฐานเริ่มต้น 20 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท
- Update 26 June 2017 ราคาเริ่มต้น 7 ล้านบาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง ต้นปี 2558
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปลายปี 2558
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-316-2222
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.822389 , 100.604611
จากแผนที่โครงการ ที่ตั้งของโครงการ Arden ลาดพร้าว 71 ถึงแม้ว่าชื่อจะบอกว่า ลาดพร้าว 71 แต่จริงๆแล้วตัวโครงการอยู่ลึกเข้ามาในซอยสตรีวิทยา 2 อยู่ระหว่างซอย สตรีวิทยา 2 แยก 6 และ แยก 8 จากที่ตั้งโครงการสามารถใช้เดินทางออกไปยังถนนสำคัญๆได้หลายสาย ได้แก่ ถนนลาดพร้าว , ถนน รัชดาภิเษก , ถนนประเสริฐมนูกิจ และ ถนน ประดิษฐ์มนูธรรม โดยถนน ลาดพร้าวในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว – พัฒนาการ) วิ่งผ่าน โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือ สถานีลาดพร้าว 65 โดยบริเวณ MRT สถานีลาดพร้าวในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง บริเวณถนนลาดพร้าวช่วงต้นจะมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่คือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว และ แฟชั่นมอลล์ อย่าง Union mall ตั้งอยู่ ส่วนถนน รัชดาภิเษกก็เป็นถนนอีกเส้นที่มีความเจริญ เป็นแหล่งรวมของ ศูนย์การค้า และ อาคารสำนักงาน สุดท้ายคือ ถนนประเสริฐมนูกิจ และ ถนน ประดิษฐ์มนูธรรม ก็เป็นถนนที่เป็นแหล่งรวมของ ร้านอาหาร Community mall โดยบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือเลียบด่วน เอกมัย-รามอินทรา ก็กำลังจะมี Central Festival East Ville ตั้งอยู่ริมถนนติดกับเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์ตร้า สาขารามอินทรา โดยจะเป็น ศูนย์การค้าแบบ Outdoor บนพื้นที่ 51 ไร่ พื้นที่โครงการกว่า 135,000 ตร.ม.
พื้นที่โดยรอบโครงการโดยเฉพาะในซอยนาคนิวาส และ ซอยโชคชัย 4 มีสภาพเป็นชุมชนที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูง เพื่อนบ้านส่วนมากจะเป็น ตึกแถว อาคารพาณิชย์ ร้านค้า และ ร้านอาหาร มีโครงการบ้าน และ ทาวน์โฮมอยู่จำนวนมาก พักหลังๆ เริ่มเห็นมีสร้าง คอนโดมิเนียมกันบ้างแล้ว ในอนาคตคาดว่าจะมีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นบริเวณนี้เยอะขึ้น ถ้าจะหาของกินของใช้ก็ถือว่าสะดวกใช้ได้เพราะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร และ ตลาดกระจายอยู่ทั่วทั้งซอย
การเดินทางโดยใช้รถถือว่าค่อนข้างสะดวก ถึงแม้ว่าจะเข้าซอยมาค่อนข้างลึก แต่ก็สามารถ ใช้เส้นทางเข้า – ออกได้หลายทาง ภายในซอยมีซอยลัดเชื่อมไปออกถนนสายสำคัญได้หลายสาย และ ใกล้ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ การจราจรบริเวณถนนลาดพร้าวในช่วงเวลาเร่งด่วนค่อนข้างติดขัด เพราะถนนลาดพร้าวมีลักษณะเป็นเส้นยาว ไม่ค่อยมีทางแยก และมีไฟแดงอยู่ทุกแยก การเข้าถึงโครงการ สามารถเข้าถึงโครงการได้หลายเส้นทาง ได้แก่
1. จากถนนลาดพร้าว เข้า ซอย ลาดพร้าว 71 และ ถนนนาคนิวาสตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายตรงแยกแว่นท็อปเจริญเข้าซอยสตรีวิทยา 2
2. จากถนนลาดพร้าว เข้า ซอยโชคชัย 4 ตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวขวาตรงแยกที่มี SCB Bank สาขาโชคชัย 4 เข้า ซอยสตรีวิทยา 2
3. จาก ถนน ประเสริฐมนูกิจ เข้า ถนนสุคนธสวัสดิ์ เลี้ยวเช้าซอย สตรีวิทยา 2
4. จากถนนรัชดาภิเษก เข้าซอย รัชดาภิเษก 32 ตรงข้ามสะพานมาเรื่อยๆจะมาถึงถนน สตรีวิทยา 2
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่อาจจะลำบากซักหน่อย แต่ภายในซอยก็เป็นซอยที่คึกคัก เป็นแหล่งชุมชน มีรถวิ่งผ่านตลอดจึงไม่ค่อยเปลี่ยวมาก มีวินมอเตอร์ไซค์ และรถสองแถว วิ่งให้บริการตลอดทั้งซอย รถเมล์ มีสาย 156 เข้าทาง ซอย ลาดพร้าว 71 ผ่าน ถ.สังคมสงเคราะห์เหนือ ถ.นาคนิวาส ลงตรง แยกแว่นท๊อปเจริญ ( แยกโรงไม้) แล้วลงนั่งรถมอร์เตอร์ไซด์ หรือ Taxi ไปเข้าโครงการ
การเดินทางในวันนี้จะขอพาไปดูซัก 2 เส้นทาง เริ่มจากเส้นทางที่ 1 คือ เข้าจากซอยลาดพร้าว 71 ซอยที่ชื่อเดียวกับโครงการเลย ^^ ซอยนี้เข้าไปจะต้องเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสังคมสงเคราะห์ จากนั้นเลี้ยวขวาอีกทีเข้าถนนาคนิวาส ตรงไปยาวๆ แล้วเลี้ยวเข้าซอยสตรีวิทยา 2 ไปเข้าโครงการ เส้นทางนี้บริเวณหน้าปากซอยช่วงเวลาเร่งด่วนจะค่อนข้างติดขัด โดยเฉพาะเวลาเย็น สภาพภายในซอยนาคนิวาสเป็นซอยที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เป็นชุมชน มีร้านอาหาร และ ตลาด ตลอดทั้งซอย
เริ่มจากถนนลาดพร้าว ขับมาเรื่อยๆ ผ่านตลาดโชคชัย 4
ตรงผ่านมาจะเจอซอย โชคชัย 4 ซอยนี้ก็สามารถ ใช้เข้าถึงโครงการได้ แต่เราจะพาตรงไปเข้าทางซอย ลาดพร้าว 71 ก่อน
ซอย โชคชัย 4 เป็นซอยที่ใช้เชื่อมไปออกได้หลายเส้นทาง ซอย สตรีวิทยา 2 ก็เป็นหนึ่งในนั้น ในซอยนี้มีโรงพยาบาล เปาโลเมโมเรียล โชคชัย 4 อยู่ลึกเข้าไปประมาณ 900 เมตร เราจะขับผ่านซอยนี้ไปก่อน
ตรงมาเรื่อยๆ ถ้าผ่านแยกจุดตัดถนนลาดพร้าวและถนนประดิษฐ์มนูธรรม จะมุ่งหน้าไปทางบางกะปิ แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเข้าถนน ประดิษฐ์มนูธรรม หรือ เลียบด่วน เอกมัย – รามอินทรานั่นเอง
เราเลี้ยวเข้าซอย ลาดพร้าว 71
หน้าปากซอยช่วงเย็นๆ การจราจรค่อนข้างจะติดขัด สังเกตคุณพี่ตำรวจเริ่มมากั้นทาง อำนวยความสะดวกให้แล้ว
หน้าปากซอย มีพี่วินให้บริการ
อัตราค่าบริการของพี่วิน โครงการเราอยู่ซอยสตรีวิทยา 2 ค่าโดยสารก็ประมาณ 50 บาท
ตรงเข้ามาในซอยลาดพร้าว 71 เป็นซอยใหญ่ ช่วงต้นซอยจะมีรถมาจอดทั้งสองข้างทางแบบนี้เลย บ้างก็มาแวะทานข้าวบ้าง มาเนียนๆจอดบ้าง ถ้าเลี้ยวขวาจะไปออกถนน ประดิษฐ์มนูธรรม หรือ ถนนเลียบทางด่วน เอกมัย – รามอินทรา หรือ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเข้าถนน นาคนิวาส
ถ้าเลี้ยวขวาไปออกถนนประดิษฐ์มนูธรรม ตรงไปซักระยะจะเจอกับ Tesco Lotus สาขารามอินทรา อยู่ห่างจากปากซอยถนนสังคมสงเคราะห์ประมาณ 700 เมตร ข้างๆ Tesco Lotus นี้ ในอนาคตจะมี Central Festival East Ville คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2558
Update 26 June 2017 ตอนนี้ Central Festival East Ville สร้างเสร็จแล้วทำออกมาสวยและน่าเดินดีค่ะ ด้านในมีร้านอาหารน่ากินหลายร้านเลย
ถัดจาก Lotus มาจะเจอ Crystal Park ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งมอลล์ แหล่งรวมร้านอาหาร สามารถใช้ซอยนาคนิวาส 16 ทะลุออกมาได้
กลับมาที่ซอยลาดพร้าว 71 เราจะเลี้ยวซ้ายไปทางถนน นาคนิวาส
พอเลี้ยวเข้ามาจะเป็นถนนสังคมสงเคราะห์ เราจะไปถนนนาคนิวาส ต้องเลี้ยวขวาตรงแยกนี้ ถ้าตรงไปก็จะไปออกถนนโชคชัย 4
เข้ามาที่ถนนนาคนิวาส เป็นถนนกว้าง 4 เลน ซอยทางฝั่งซ้ายจะเป็นซอยเลขคี่ บางซอยใช้เป็นซอยลัด ไปออกซอยโชคชัย 4 ได้ ซอยทางฝั่งขวาเป็นซอยเลขคู่ สภาพแวดล้อมมีลักษณะเป็นแหล่งชุมชน ทั้ง 2 ฝั่งของถนนเต็มไปด้วย ร้านอาหาร ร้านค้า และ ร้านสะดวกซื้อ
ตรงเข้ามาบริเวณ นาคนิวาสซอย 6 ใกล้ๆกับสำนักงานเขตลาดพร้าว จะเจอตลาด อยู่ตลาดหนึ่ง เรียกว่า ตลาดเขต(เพราะอยู่ใกล้สำนักงานเขต) หรือ เรียกว่าตลาดนัดผู้ใหญ่อ้วน ตามชื่อคนดูแลตลาดนี้ค่ะ เปิดช่วงเวลาเย็นๆ มีของกิน และ ของใช้เล็กๆ น้อยๆ ขายเยอะอยู่
ถัดมาอีกบริเวณ ซอยนาคนิวาส 33 จะมีอีกตลาดหนึ่ง คือ ตลาดนกแก้ว เพราะแต่ก่อนบริเวณนั้นชื่อซอยนกแก้วน้อย เป็นนามสกุลของ landlord แถวนั้นในอดีต
ขายทั้งของกินของใช้ ทั้งของสด ของแห้ง เผื่อคุณแม่บ้านขับรถมาซื้อของไปทำอาหารที่บ้าน ด้านหลังมีลานจอดรถแต่จะจอดลำบากซักหน่อย เพราะมีรถมาจอดค่อนข้างเยอะ
ก่อนถึงโครงการมีอีกตลาดคือ ตลาด แยกโรงไม้ ที่ใช้ชื่อนี้เพราะตั้งอยู่ใกล้กับแยกโรงไม้ ทุกตลาดในซอยนี้ตอนเย็นๆ คนแน่นทุกตลาด บริเวณหน้าตลาดมีวินเตอร์ไซค์ให้บริการอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าออกมาแล้วจะหารถกลับยาก
พอถึงแยกโรงไม้ เลี้ยวซ้ายก็จะเข้าถนน สตรีวิทยา 2 จุดสังเกตคือหน้าปากซอยจะมีร้านแว่น ท็อปเจริญอยู่ ฝั่งตรงข้ามซอยจะมี Tesco Lotus Express
ตรงเข้ามาเรื่อยๆ โครงการอยู่ ระหว่างซอย สตรีวิทยา 2 แยก 6 และ แยก 8 ตรงข้ามกับร้าน จูโจว เป็ดพะโล้ ร้อยปี
ทางเข้าโครงการมีน้องกวางยืนรออยู่ หรือจะสังเกตจาก Sky tube สีส้มๆ ก็ได้
ขอพาไปดูอีกเส้นทางหนึ่งนะคะ เส้นทางที่ 2 เริ่มต้นที่ถนนลาดพร้าวเหมือนกัน แต่คราวนี้เลี้ยวเข้า ถนนโชคชัย 4 แล้วตรงเข้าซอยไปตามทาง สังเกตแยกที่มีธนาคาร ไทยพาณิชย์ สาขาโชคชัย 4 ให้เลี้ยวขวาเข้า ถนนสตรีวิทยา 2 ขับตรงเข้าซอยไปเรื่อยๆ โครงการจะอยู่ซ้ายมือ ระหว่างซอย สตรีวิทยา 2 แยก 6 และ แยก 8 ตรงข้ามกับร้าน จูโจว เป็ดพะโล้
จากถนน ลาดพร้าวเลี้ยวเข้าถนนโชคชัย 4
ขับเข้าไปตามทางเรื่อยๆ ซอยนี้มีรถเข้าออกเยอะพอสมควรเพราะเป็นซอยที่ลัดออกได้หลายเส้นทาง ร้านอาหารก็เยอะตามไปด้วย เข้ามาก็จะเจอกับ ร้านข้าวต้มศาลพระภูมิ ขายข้าวต้มและอาหารตามสั่ง
ภายในซอยโชคชัย 4 ทั้งสองข้างทางเป็นตึกแถว 3 – 4 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านอาหาร ร้านค้า และ ร้านสะดวกซื้อ ตลอดทั้งซอย เวลาแวะมาทานข้าวก็อาศัยจอดข้างทางเอาค่ะ
ตรงมาบริเวณฝั่งตรงข้าม โชคชัย 4 ซอย 9 ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นถนนสังคมสงเคราะห์ใช้ลัดไปออกถนน นาคนิวาสได้
ตรงมาอีกซักระยะ ก็จะเจอโรงพยาบาล เปาโล โชคชัย 4
ขับตรงเข้ามา สังเกตแยกที่มี ธนาคาร ไทยพาณิชย์ ให้เลี้ยวขวาจะเข้าถนน สตรีวิทยา 2 หรือ โชคชัย 4 ซอย 72
จากแยกตรงเข้าซอยมาเรื่อยๆ ก็จะถึงโครงการ
เส้นทางที่ 3 สามารถเข้าถึงโครงการโดยมาจาก ถนน ประเสริฐมนูกิจ เลี้ยวเข้า ถนน สุคนธสวัสดิ์ ตรงมา เลี้ยวเข้าซอยสตรีวิทยา 2 จุดสังเกตคือหน้าซอยจะมีค่ายมวยคงสิทธา
เส้นทางที่ 4 สามารถเข้าโครงการได้โดยใช้ถนน รัชดาภิเษก เลี้ยวเข้าซอย รัชดาภิเษก 32 ตรงข้ามสะพานมาเรื่อยๆจะมาถึงถนน สตรีวิทยา 2 ตรงไปจนถึงโครงการ
สภาพแวดล้อมโดยรอบของโครงการ ทางด้านทิศเหนือ ติดกับคลองเสือน้อย เป็นคลองเล็กๆ ไม่มีกลิ่น และ ที่พักอาศัย ทางทิศ ตะวันออก ติดกับบ้านพักอาศัย 2 – 3 ชั้น และตึกแถว 3 – 4 ชั้น ทิศใต้ ติดกับ ถนนซอยสตรีวิทยา 2 และตึกแถว 4 ชั้น ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นร้าน จูโจว เป็ดพะโล้ และ ร้านอาหารอื่นๆ ทิศตะวันตกติดกับบ้านพักอาศัย ส่วนท้ายโครงการมีโกดังเก็บของ 1 ชั้น เนื่องจากโครงการยังไม่เปิดเฟสที่ 2 จึงยังไม่เห็นว่าสภาพแวดล้อมท้ายโครงการเป็นอย่างไร ถ้าโครงการเสร็จแล้วจะมาอัพเดทให้ได้ดูกันอีกทีนะคะ การวางผังโครงการเกือบทั้งหมดวางตัวบ้านในแนวทิศเหนือ ใต้ ทำให้ตัวบ้านไม่ร้อนและสามารถรับลมได้ทุกหลัง บ้านมี Type เดียวต่างกันที่ขนาดที่ดิน พื้นที่ส่วนกลางของโครงการคือ Club House ลานกิจกรรม และ สนามเด็กเล่น วางอยู่ตรงกลางโครงการ บริเวณที่ดินที่ยื่นออกไป ทำให้บ้านทุกหลังสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนกลางได้สะดวก บ้านที่อยู่ท้ายโครงการไม่ต้องเดินไกล
หน้าโครงการ ติดกับ ถนน ซอย สตรีวิทยา 2 เป็น ถนน 2 เลน มีรถวิ่งผ่านตลอดทั้งวัน
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นตึกแถว 4 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านอาหาร จูโจว เป็ดพะโล้ และ ร้านค้าอื่นๆ
ทางฝั่งทิศตะวันออกของโครงการ บริเวณที่ติดถนนเป็นตึกแถวสูง 3 – 4 ชั้น
ทางทิศตะวันตกของโครงการ ก็เป็นบ้านพักอาศัย แล ะตึกแถว 4 ชั้น
มองออกไปทางฝั่ง ถนน สตรีวิทยา 2 วิวที่เห็นจะเป็นตึกแถว ซะเป็นส่วนใหญ่
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงเรียน สตรีวิทยา 2 ~ 1.8 กิโลเมตร
- Nawamin City Avenue ~ 2 กิโลเมตร
- The Walk ~ 3.5 กิโลเมตร
- Crystal Park ~ 3.8 กิโลเมตร
- Central Festival (โครงการอนาคต) ~ 3.8 กิโลเมตร
- Tesco Lotus รามอินทรา ~ 3.8 กิโลเมตร
- ตลาดโชคชัย 4 ~ 4 กิโลเมตร
- Home Pro สาขารามอินทรา – เอกมัย ~ 4 กิโลเมตร
- ทางด่วน รามอินทรา – อาจณรงค์ ~ 4.2 กิโลเมตร
- Chic Republic ~ 4.4 กิโลเมตร
- Union mall ~ 6.5 กิโลเมตร
- Central Ladprao ~ 7 กิโลเมตร
ก่อนที่จะพาเข้าไปชมโครงการ ขออธิบายถึงแนวความคิดในการออกแบบให้ฟังคร่าวๆก่อนนะคะ โครงการนี้เกิดขึ้นมาจากความอยากพัฒนาบ้านให้กับคนเมือง โดยเมื่อเข้ามาในโครงการแล้วผู้อยู่อาศัยจะต้องรู้สึกว่าได้พักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวาย จึงเป็นที่มาของแบรนด์ Arden ที่มาพร้อมกับสโลแกน ” Live Imagination” โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก สวน Eden อันร่มรื่น ผสมกับความสุนทรีทางศิลปะ โครงการจึงเน้นการออกแบบให้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และ เน้นการปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ความร่มรื่น
ซุ้มทางเข้าทำออกมาได้ค่อนข้างโดดเด่น เข้ากับ Concept โครงการ มีการใช้ต้นสนฉัตร ต้นใหญ่ เป็นจุดนำสายตาทั้งสองฝั่ง แนวคิดคือ ซุ้มประตูนี้จะเป็นเหมือนอุโมงค์ที่เมื่อผ่านเข้าไปแล้วจะข้ามผ่านความเร่งรีบและวุ่นวายของชีวิตในเมือง เข้าสู่ความสงบ และ ร่มรื่น
หน้าโครงการมีน้องกวาง มายืนต้อนรับอยู่ด้วยนะ ทางฝั่งซ้ายมีการปลูกต้นไม้ตลอดแนวรั้ว
ด้านข้างขวา มีการจัดสวนแนวตั้งเล็กๆ บริเวณป้ายทางเข้าโครงการ เช่นกัน
ซุ้มประตูเป็นซุ้มขนาดใหญ่ ออกแบบให้เป็นเหมือนอุโมงค์ วัสดุทำจากไม้ ใช้โทนสีแบบ Monochromatic คือโทนสีที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและสบายตา
ด้านข้างเป็นป้อมยามออกแบบให้ดูกลมกลืนกับซุ้มประตูไปเลย ประตูทางเข้าโครงการเป็นประตูบานเลื่อนอัตโนมัติระบบ Bluetooth โดยลูกบ้านติด Smart Card เอาไว้ในรถ พอรถวิ่งผ่านตัวรับสัญญาณประตูจะเปิดอัตโนมัติ
ด้านหน้ามีตัวรับสัญญาณระบบ Bluetooth ของ Smart Card ตั้งอยู่ เป็นระบบสั่งการระยะไกล เมื่อรถวิ่งผ่านประตูจะเปิดอัตโนมัติ
วัสดุพื้นถนนโครงการเป็นคอนกรีตแสตมป์ แบบพิมพ์ลาย สลับกับพื้นปูน
จากซุ้มประตูมา มีทางเดินเล็กๆ สำหรับลูกบ้านที่ไม่ได้ขับรถเข้ามา ทางฝั่งขวาปลูกต้นไม้แนวตลอดแนวรั้ว ทางฝั่งซ้ายปลูกต้นไม้พุ่มเตี้ยสลับกับต้นสน
ตลอดแนวถนนทางเข้าโครงการ มีการปลูกต้นสน ต้นใหญ่ ขนาบอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ถนนทางเข้ากว้าง 12 เมตร โครงการจะเน้นปลูกต้นไม้ใหญ่ประเภทยืนต้น เพื่อที่จะได้เติบโตและให้ความร่มรื่นกับโครงการในระยะยาว
ผ่านซุ้มประตู เข้ามาก็จะเจอกับ ส่วนที่เป็นบ้านโครงการ การวางผังแบ่งตัวบ้านออกเป็น 2 ฝั่ง มีถนนตรงกลางวิ่งเข้าไปจนถึงท้ายโครงการ สังเกตตั้งแต่เข้ามาเราจะไม่เห็นสายไฟ หรือ สายโทรศัพท์ ให้รกสายตาเลย เพราะทางโครงการฝังทั้งหมดลงใต้ดิน เพื่อทัศนียภาพที่ปลอดโปร่ง
ถัดจากถนนทางเข้ามาจะเป็นส่วนของตัวบ้าน มีลักษณะเป็นทาวน์โฮมแบ่งออกเป็นแถวๆ แถวละ 5 ยูนิต ในภาพจะเป็นบ้านตัวอย่างและสำนักงานขาย โดยแบบบ้านของโครงการนี้มี Type เดียว คือ บ้านหน้ากว้าง 5 เมตร พื้นที่ใช้สอย 185 ตารางเมตร จะต่างกันตรงพื้นที่ดิน และ Facade ของตัวบ้าน โดยบ้านที่อยู่แปลงมุมจะได้ Facade Design แยกออกมาเดี่ยวๆ แต่แปลงกลางจะตกแต่ง Facade ต่อเนื่องกัน
ด้านหน้าสำนักงานขาย ตอนนี้จัดพื้นที่เป็น Glass House เก๋ๆ เอาไว้ต้อนรับลูกค้า ซึ่งถ้าโครงการเสร็จจะทุบทิ้ง แล้วปรับพื้นที่เป็นที่จอดรถของบ้านแต่ละยูนิต และ พื้นที่ถนนโครงการ
มือจับประตูของ Glass House ออกแบบมาให้เข้ากับ Concept โครงการ
บรรยากาศภายใน ตกแต่งด้วยต้นไม้กระถาง และ ต้นหนวดฤาษีที่ห้อยลงจากฝ้าเพดาน มีโต๊ะยาวๆ 1 ตัว อยู่กลางห้อง หลังห้องมีชั้นวางของตกแต่ง ที่เข้ากับ Concept โครงการ
อีกมุมหนึ่งค่ะ
ตกแต่งแต่ละมุมได้ละเอียด และ น่ารักดี อย่างผนังนี้ดูๆไปแล้วรูปที่ติดอยู่แต่ละรูปคือ Inspiration ของโครงการ
พื้นที่ส่วน Glass House และสวนหน้าสำนักงานขาย ถ้าโครงการแล้วเสร็จจะรื้อทิ้งและปรับพื้นที่เป็นถนน และที่จอดรถของตัวบ้าน
พื้นที่สวนหย่อมหน้าสำนักงานขาย ในอนาคตจะปรับพื้นที่เป็นลานจอดรถ ส่วนบริเวณ Glass House เป็นถนนโครงการ
ด้านข้าง Glass House ตอนนี้จัดเป็นเนินดิน ปลูกหญ้าคลุม รั้วโครงการเป็นรั้วสีเทาสูง 3 เมตร ต่อด้วยรั้วระแนงไม้สีขาว สูง 2 เมตร ด้านหน้ามีปลูกต้นไม้ตลอดแนวรั้ว
อีกฝั่งหนึ่งเป็นบ้านมาตรฐาน ออกแบบตัวบ้านโดยใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมจบมุมทรงแหลม (Taper Facade)
โครงการวางผัง จัดตัวบ้านแยกออกเป็น 2 ฝั่ง โดยมีถนนอยู่ตรงกลาง ยาวตลอดแนวไปจนถึงท้ายโครงการ เนื่องจากโครงการอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง จึงมีรถมาจอดเต็มทั้งข้างทาง ถ้าโครงการเสร็จแล้วก็จะไม่มีมาจอดแบบนี้ค่ะ ถนนโครงการตรงส่วนนี้กว้าง 9.00 เมตร ทางเท้าด้านข้าง (รวมพื้นที่สวน) กว้างข้างละ 1.50 เมตร
เดินเข้ามาบริเวณกลางโครงการ จะเจอกับ Family Hub สำหรับนั่งพักผ่อน ผนังทางด้านขวาเป็นม่านน้ำตก วัสดุของผนังเป็นหินสีดำเซาะร่อง ด้านล่างมีวางด้วยหินกรวดตกแต่ง ทางฝั่งซ้ายเป็นสวนหย่อมและสนามเด็กเล่น
สนามเด็กเล่น มีบ่อทราย และ พื้นยก Step เป็นลูกเล่นให้เด็กๆ วิ่งเล่นปีนป่าย
พื้นยก Step เป็นเป็นรูปทรงโค้งสลับกัน มีปลูกหญ้าสลับกับไม้พุ่มเตี้ย
Club House มี 2 ชั้นโดยมีพื้นที่นั่งเล่น ฟิตเนส และ สำนักงานนิติบุคคลอยู่ภายใน Facade ของอาคารออกแบบ เป็นรูปแบบเดียวกับซุ้มโครงการและตัวบ้านคือเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจบมุมทรงแหลม ปิดผิวด้วยวัสดุไม้
ประตูของ Club House สามารถเปิดได้ทุกด้านเพื่อรับลม และ ชมวิว
ชั้นล่าง ตอนนี้จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น มีโต๊ะเกมส์บอล วางอยู่กลางห้อง
ประตูเปิดได้ทุกด้านเพื่อชมวิว และ ช่วยให้ลม Flowเข้ามาในอาคารส่วนพื้นที่ชั้นบนยังไม่เสร็จดี ถ้าเสร็จแล้วจะเก็บภาพมา อัพเดทให้ชมอีกทีค่ะ
สุดท้ายก่อนพาไปดูห้องตัวอย่าง กลับมาดูต่อที่สำนักงานขายกันอีกนิดค่ะ
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย จัดได้ สวยทีเดียว
ด้านบนชั้นลอยวางเป็นชุดที่นั่ง ได้ 2 – 3 ชุด
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Family House (Club House)
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- Jogging track
- Bicycle Len
- สนามเด็กเล่น
- สวนหย่อม
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร
- Smart Card ระบบ Bluetooth
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการ ระบบอัตโนมัติ
- ถนนหลักกว้าง 12 ม.และ ถนนภายในกว้าง 9 ม.
เนื่องจากโครงการ Arden Ladprao 71 นั้นมีแบบบ้านเพียง Type เดียว แต่ต่างกันที่ขนาดที่ดิน ดังนั้นบ้านตัวอย่างที่จะพาไปชมในวันนี้ จะมีแค่หลังเดียว เป็นบ้านหน้ากว้าง 5 เมตร 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พื้นที่ 185 ตารางเมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 20 ตารางวา โดยรายการของแถมที่โครงการให้ คือ Wallpaper ทั้งหลัง , แอร์ 3 ตัว , ชุดครัว , เตาไฟฟ้า , เครื่องดูดควัน , สุขภัณฑ์ , ฉากกั้นอาบน้ำทุกห้อง , เครื่องทำน้ำร้อนเฉพาะชั้นบน
จากแปลนบ้าน บ้านเป็นบ้านหน้ากว้าง 5 เมตร รั้วหน้าบ้านเป็นแบบบานพับ จอดรถได้ 2 คัน หน้าบ้านมีห้องเก็บของเล็กๆอยู่ ขึ้นมาที่ชั้นหนึ่ง เป็นส่วนของโถง และ ห้องทานข้าว มีพื้นที่กว้างพอสมควร สามารถจัดพื้นที่เป็นโซนนั่งเล่นอ่านหนังสือเล็กๆ ได้ ถัดมาเป็น ครัว โดยครัวเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะไม่ลอยออกไปนอกห้อง และ สามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกไปที่หลังบ้านได้ มีห้องน้ำหนึ่งห้องอยู่บริเวณครัว หลังบ้านมีพื้นที่ ประมาณ 5.00 x 2.40 เมตร แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับจัดสวนและซักล้าง ขึ้นมาที่ชั้นลอยจะเป็นพื้นที่ สำหรับนั่งเล่น รับแขก วางโซฟาได้ 3 ที่นั่ง และจัดพื้นที่เป็นโต๊ะทำงานเล็กๆได้
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะแบ่งเป็น ห้องนอน 2 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัว ในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียก โดยห้องนอนสามารถเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ อย่างเช่นบ้านตัวอย่างหลังนี้จัดพื้นที่เป็นห้องทำงาน ชั้น 3 มีจุดเด่นคือ ห้อง Master Bedroom ที่เป็นห้องแบบ Penthouse ทั้ง Floor โดยมี Semi out door ด้านนอกเพื่อให้นั่งเล่นหรือชิว out ได้ และมีห้องน้ำในตัวให้อีก 1 ห้องพร้อมกับพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าแบบ Walk In Closet
ภายนอกบ้านตัวอย่างที่ทางโครงการจัดไว้ ด้านหน้าจัดเป็นสวน บ้านโครงการนี้ใช้ระบบก่อสร้างแบบ Precast
บ้านจริงเหมือนกับบ้านตัวอย่างต่างกันตรงที่ชั้นล่าง มีพื้นที่จอดรถได้ประมาณ 2 คัน ด้านหน้ากั้นด้วยประตูเหล็กทำสีดำบานพับ ภายนอกตัวอาคาร ออกแบบโดยใช้รูปทรงสี่เหลี่ยม จบมุมทรงแหลม (Taper Facade) ทำให้เกิดเป็นรูปทรงเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน เพื่อให้กลมกลืนกับธรรมชาติ หน้าต่างบ้านเป็นหน้าต่างบานใหญ่สามารถเปิดรับแสงได้เต็มที่
ประตูรั้วหน้าบ้าน เวลาเปิดจะพับเข้า 2 ด้านแบบนี้ พื้นที่หน้าบ้านค่อนข้างกว้างจอดรถได้ 2 คัน
ประตูบานพับแบบนี้มีข้อดีคือสามารถเปิดพื้นที่หน้าบ้านได้กว้าง เวลารถถอยไม่ต้องกลัวไปสอยโดนรั้ว แต่เวลาแดดแรงๆเอามือไปจับเหล็กก็จะค่อนข้างร้อนซักหน่อย และในกรณีที่ใช้ไปนานๆแล้วรางเลื่อนเกิดฝืดหรือตกราง ก็อาจจะต้องออกแรงดันกันพอสมควร
หน้าบ้านมี ไฟไว้ส่องเวลากลางคืน และ กริ่ง มาให้
สำหรับบ้านแปลงมุมจะได้พื้นที่ดิน ข้างบ้านมาแบบนี้ เราสามารถจัดสวนเพิ่มเติมได้
มาดูกันที่บ้านตัวอย่างค่ะ
ก่อนเข้าบ้าน จะมีห้องเก็บของเล็กๆมาให้ เผื่อเอาไว้สำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆหรือเอาไว้ซ่อนอะไรก่อนเข้าบ้าน ^^
ประตูห้องเก็บเป็นประตูบานเลื่อน ปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ถึงแม้ว่าจะอยู่เข้ามาลึกพอสมควร เกินระยะฝนสาด แต่เวลาฝนตกหนัก ๆก็อาจมีละอองฝนเข้ามาโดนประตูบานไม้ได้
ประตูห้องเก็บของเปิดออกมาได้แบบนี้ ชั้นวางรองเท้านี้เป็นของโครงการไม่ได้ให้มานะคะ ถ้าใครอยากหาที่เก็บรองเท้าก่อนเข้าบ้านก็อาจจะหามาวาง หรือใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องเก็บของนี่แหละ Built – in ชั้นวางรองเท้าเล็กๆด้านในได้
ด้านในห้องเก็บของ มีพื้นที่ประมาณ 0.80 x 4.00 เมตร เก็บของได้พอสมควรเลย
ระหว่างพื้นชานพักหน้าบ้านและพื้นห้องเก็บของ มีธรณีก่อขึ้นมาสูงประมาณ 10 เซนติเมตร สำหรับกันน้ำ กันฝน เข้ามาในห้อง พื้นห้องเก็บของเป็นพื้นปูนขัด
มือจับและตัวล็อคของ ประตูห้องเก็บของ
ขึ้นไปดูต่อในบ้าน ทางเข้าบ้านมีการยกระดับ สาเหตุที่ต้องยกระดับเพราะซ่อนงานระบบเอาไว้ด้านล่างบ้าน และ เพื่อบดบังแสงสว่างจากรถยนต์ที่จอดหน้าบ้าน หรือเพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมา
พื้นชานพักและบันได ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทา ผิวด้าน ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูบานเปิด กรุลามิเนตลายไม้ ด้านข้างเป็นบานประตูกระจกสามารถเปิดได้ มีประโยชน์ตรงที่เวลาแขกไปใครมาเราจะได้มองเห็น และ เวลาเปิดทั้งสองบานก็จะสะดวกเวลาขนของชิ้นใหญ่ๆ
มือจับประตูบ้าน เป็นมือจับแบบก้านโยก
จากพื้นบันได ขึ้นมาที่พื้นชั้น 1 มีการยกระดับขึ้นมาอีก ประมาณ 10 เซนติเมตร พื้นชั้น 1 วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรสีขาว ผิวเงา ทำความสะอาดง่าย
ประตูทางเข้าเป็นบานเปิด กรุไม้ลามิเนต ด้านข้างเป็นบานกระจก กรอบไม้สีเดียวกับบานประตู
หน้าตาสวิทช์ ของ Panasonic
เข้ามาก็จะเจอกับโถงโล่งๆก่อนทางด้านซ้าย จัดเป็นตู้โชว์ ทางขวาเป็นชุดโต๊ะอาหาร
ชั้นล่างจัดพื้นที่เป็นห้องรับประทานอาหาร ต่อเนื่องกับส่วนครัว พื้นที่ในส่วนนี้ค่อนข้างกว้าง ฝ้าเพดานสูงประมาณ 4 เมตร มีหน้าต่างบานใหญ่รับแสงเข้ามาทำให้ภายในบ้านดูโปร่ง โล่ง
เปรียบเทียบกับบ้านมาตรฐาน Type ที่ Mirror กัน จะได้ห้องโล่งๆแบบนี้แต่วัสดุเหมือนบ้านตัวอย่างทุกประการ
มุมมองออกไปที่หลังบ้าน ทางด้านขวาเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอะลูมิเนียมทำสีดำ
เทียบกับบ้านมาตรฐาน มีแถม Wallpaper กับ ม่านให้ด้วยนะ
ประตูครัว เป็นบานเลื่อนกระจก กรอบอะลูมิเนียมสีดำสูงประมาณ 2 เมตร เลื่อนได้ทั้ง 2 ฝั่ง
มือจับและตัวล็อคของบานประตูครัวเป็นแบบนี้
ระหว่างพื้นห้องทานข้าว และ พื้นห้องครัวเป็นระดับเดียวกัน ใช้วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรเหมือนกัน ซึ่งข้อดีของการใช้กระเบื้อง ผิวเงา คือ ทำความสะอาดง่าย แต่เวลาโดนน้ำจะลื่นหน่อย
ครัวเป็นครัวปิด มีระยะระหว่างเคาน์เตอร์กับผนังประมาณ 1.7o เมตร พอมีระยะเหลือสบายๆเวลายืนทำกับข้าว ชุดเคาน์เตอร์ครัวให้มาแบบจัดเต็มดี ฝ้าเพดานของห้องครัวสูงถึง 3.5 เมตรจึงมีพื้นที่สำหรับ ทำตู้แขวนด้านบนเพิ่ม
เทียบกับบ้านมาตรฐาน ให้เคาน์เตอร์ครัวมาครบชุด วัสดุทุกอย่างเหมือนบ้านตัวอย่าง แต่ไม่มีตู้แขวนด้านบนสุด และ กระจกที่เป็นแนวกันเปื้อนมาให้
ตู้ลอยด้านบน ระยะค่อนข้างสูง คนตัวเล็กๆ เอื้อมไม่ถึงค่ะ T T
เคาน์เตอร์ครัว วัสดุเป็นโครงไม้กรุลามิเนตลายไม้ บริเวณด้านล่างอ่างล้างจานเปิดออกมามีถังขยะซ่อนอยู่ ซึ่งมีข้อดีคือทำให้ไม่ต้องตั้งถังขยะไว้นอกห้องให้ดูรกสายตา อีกด้านหนึ่งของเคาน์เตอร์ มีช่องเอาไว้ใส่เครื่องซักผ้า และ ไมโครเวฟ Top เคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตสีดำ ค่อนข้างทน และ ทำความสะอาดง่าย
หน้าตาอ่างล้างจาน ของ MEX
มีหน้าต่างบานเลื่อน ด้านบนอ่างล้างจาน เอาไว้เปิดระบายอากาศ เวลาทำอาหารหนักๆ
ตู้แขวนด้านบน เปิดออกมาเก็บของได้เยอะพอสมควร มีตู้ควบคุมไฟซ่อนอยู่ภายในตู้เป็นระเบียบเรียบร้อย
เตาไฟฟ้าให้มาแบบ 2 หัว และ เครื่องดูดควันเป็นระบบ Exhaust (ต่อท่อดูดควันออกนอกตัวบ้าน) ของ MEX แนวกันเปื้อนที่เป็นกระจกสีเขียวๆ ทางโครงการไม่ได้ให้นะ
บ้านตัวอย่าง ด้านบนช่องว่างระหว่างเคาน์เตอร์ครัวด้านบน และ ฝ้าเพดาน ทำเป็นตู้เก็บของเพิ่มเติม แต่ความสูงระดับนี้เหมาะกับเอาไว้เก็บของที่ไม่ต้องใช้งานบ่อยๆ เวลาจะใช้งานต้องปีนบันไดขึ้นไป
ฝั่งตรงข้ามห้องครัวเป็นห้องน้ำ ในบ้านตัวอย่างไม่มีบานประตูมาให้ดู
เลยไปถ่ายรูปเทียบกับบ้านมาตรฐานมาเทียบให้ดู บานประตูห้องน้ำเป็นบานประตูสำเร็จรูปสีเทา
มือจับเป็นแบบก้านโยก
ระหว่างพื้นห้องครัวกับพื้นห้องน้ำ ลดระดับลงไปประมาณ 5 เซนติเมตร เก็บรอยต่อด้วยธรณีหินแกรนิตปาดมุม 45 องศา
ห้องน้ำห้องนี้ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ วัสดุพื้นและผนังเป็น กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร บริเวณเหนืออ่างล้างหน้า ทำเป็นชั้นยาวๆ เอาไว้วางกระจก ของจริงไม่มีให้นะคะ
เทียบห้องน้ำ บ้านจริง กระจกให้เฉพาะด้านบนอ่างล้างหน้า ไม่มีชั้นยาวๆสีดำมาให้
อ่างล้างหน้า ของ Cotto ด้านข้างมีพื้นที่เอาวางของได้พอสมควร
หน้าตาโถสุขภัณฑ์ของ Cotto
บานประตู ทสงออกไปสวนหลังบ้านเป็นประตูบานเลื่อน กรอบอะลูมิเนียมสีดำ ด้านบนเป็นช่องแสง ชุดบานประดูห้องนี้ค่อนข้างสูงทำให้มีแสงสว่างเข้ามาในโครงการมาก ทำให้ภายในตัวบ้านดูโปร่ง และ โล่ง
บันไดลง ไปที่สวนหลังบ้าน วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ราวบันไดเป็นเหล็กทำสีดำ
มุมมองจากหลังบ้าน มองไปที่บันได
เทียบกับบ้านมาตรฐาน
ด้านบนประตู จัดเป็นพื้นที่สำหรับแขวน Condensing unit แอร์ แขวนเรียงกันเป็นระเบียบดี แต่เวลาซ่อมบำรุงอาจจะลำบากซักหน่อย
ฝั่งที่เป็นลานซักล้างของบ้านตัวอย่าง
เทียบกับบ้านมาตรฐาน ไม่มีปูหญ้าเทียมให้ ด้านข้างมีพื้นที่วางแท้งค์น้ำ
ใต้บันได มีประตูบานเล็กๆสำหรับเอาไว้ Service งานระบบด้านล่างบ้าน
บ้านมาตรฐานก็มีบานประตู Service มาให้ รูปแบบเดียวกับบ้านตัวอย่าง แต่หน้าบานไม่ได้ทาสีมาให้
บ้านทั้งสองหลัง มีระยะห่างกันประมาณ 4.80 เมตร
ระหว่างบ้านแต่ละหลัง ด้านข้างกั้นด้วยรั้วปูนสีขาวสูงประมาณ 2.00 เมตร ส่วนรั้วหลังบ้านใช้รั้วเดียวกับบ้านฝั่งตรงข้าม
ออกมาจากระเบียง มองไปที่ชั้นลอย ด้านล่างบันได สามารถใช้พื้นที่ทำเป็นชั้นโชว์ของได้
เทียบกับบ้านมาตรฐาน
เราจะขึ้นไปดูที่ชั้นลอยกัน หน้าตาบันไดของบ้านตัวอย่างกับบ้านมาตรฐานจะเหมือนกัน บันไดทางขึ้นชั้นลอย เป็นบันไดสำเร็จรูป ลูกนอนด้านบนวางทับด้วยไม้ยางพารา ลูกตั้งติด Wallpaper มีบัวบันไดมาให้
ขึ้นมาที่ชั้นลอย พื้นชั้นลอยเป็นพื้นไม้ลามิเนต 8 mm. สีเดียวกับบันได
ชั้นลอยมีการเล่นระดับเพื่อความเป็นส่วนตัว จัดเป็นห้องนั่งเล่น ดูทีวี พื้นที่ส่วนนี้ฝ้าเพดานสูงประมาณ 3.20 เมตร
วางโซฟาได้ 3 ที่นั่ง ระยะดูทีวีประมาณ 1.80 เมตร ด้านข้างโต๊ะวางทีวี สามารถจัดเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆได้ จริงๆแล้ว Space ชั้น 1 และชั้นลอยสามารถจัด Function การใช้งานได้หลากหลาย ถ้าเป็นคนที่ชอบใช้เวลาในห้องทำงาน ก็อาจจะจัดพื้นที่ชั้น 1 เป็นห้องรับแขกและห้องทานข้าวต่อเนื่องกันไปเลย และ ชั้นลอยจัดเป็นพื้นที่สำหรับทำงานก็ได้ค่ะ
ด้านข้างเป็นบันไดขึ้นไปชั้น 2 ด้านบนติดแอร์ให้ 1 ตัว
บันไดที่ให้บ้านตัวอย่างเหมือนกับบ้านมาตราฐาน
ขึ้นบันไดจากชั้นลอยไปจะเจอกับชานพัก
วัสดุบันได ลูกนอนด้านบนวางทับด้วยไม้ยางพารา ลูกตั้งติด Wallpaper ชานพักมีขนาด 1.20 x 1.20 เมตร
ถัดจากชานพักมีบันไดขึ้นไปที่ชั้น 2 วัสดุของ พื้นชั้น 2 เป็นพื้นไม้ลามิเนต
มุมมองย้อนกลับลงมา
ขึ้นมาถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นห้องทำงาน เดี๋ยวเราเข้าไปดูที่ห้องนี้กันก่อนนะคะ
บริเวณโถงบันไดก่อนเข้าห้องทำงาน พื้นเป็นพื้นไม้ลามิเนตต่อเนื่องกันทั้งชั้น ผนังทางด้านซ้ายบ้านตัวอย่างติดเป็นกระจกซึ่งเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการตกแต่งผนังในพื้นที่ที่ไม่กว้างมากหรือโถงบันไดให้ห้องดูกว้างขึ้น
ห้องนี้ในบ้านตัวอย่างจัดพื้นที่ใช้สอย เป็นห้องทำงาน หรือเราสามารถจัดเป็นห้องนอนก็ได้นะ
เทียบกับบ้านมาตรฐาน เป็นห้องโล่งๆแบบนี้ มีแถม Wallpaper กับแอร์มาให้
ทุกๆห้องนอนของโครงการนี้ จะมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง ซึ่งช่วยลดปัญหาในการแย่งห้องน้ำกันเข้าในช่วงเวลาเร่งรีบ
ห้องน้ำชั้นบนเเบ่งเป็น ส่วนแห้ง และ ส่วนเปียกชัดเจน ในบ้านตัวอย่างไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ แต่บ้านมาตรฐานมีให้ วัสดุพื้นและผนังเป็นประเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่อาบน้ำเป็นกระเบื้องชนิดพิเศษตามภาพ กระจกในบ้านจริงติดให้เฉพาะบริเวณด้านบนอ่างล้างหน้า
อ่างล้างหน้า เป็นแบบวางบนเคาน์เตอร์ Top เป็นไม้เมลามีนลายไม้แบบกันน้ำได้ เคาน์เตอร์ด้านล่างมีช่องเปิดออกมาเก็บของได้
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้าง 0.90 เมตร ยาว 0.95 เมตร มียกธรณีหินแกรนิตสูงประมาณ 5 เซนติเมตร วัสดุพื้นเป็นกระเบื้องกันลื่นตามภาพ
หน้าตาฝักบัวของ Cotto
อีกห้องหนึ่งเป็นห้องนอน
ภายในห้องนอน มีขนาด 2.80 x 5.00 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
ระยะข้างเตียงทั้งฝั่งซ้าย และ ฝั่งขวา มีระยะเหลือพอสมควรสามารถวาง โต๊ะข้างเตียง หรือโคมไฟตั้งพื้นได้
ระยะปลายเตียงมีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ
บ้านมาตรฐานเป็นห้องโล่งๆ มีหน้าต่างมาให้ 2 ชุด
ระเบียง มีขนาดยาวประมาณ 2.30 เมตร กว้างประมาณ 0.80 เมตร ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ราวกันตกเป็นเหล็กทำสีเทา สูงประมาณ 1 เมตร
พื้นระเบียงลดระดับลงมาจากพื้นห้อง ประมาณ 5 เซนติเมตร พอกันน้ำฝนได้ ด้านล่างราวกันตก มีขอบปูนยกสูงขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร
ฝั่งตรงข้ามเตียง มีพื้นที่เหลือพอสมควร บ้านตัวอย่างหลังนี้จัดพื้นที่เป็น ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk in Closet ด้านหน้าเป็นฉากกั้นบังสายตา ติดทีวีแบบแขวน
เทียบกับห้องมาตรฐาน เป็นห้องโล่งไม่ได้มีตู้เสื้อผ้าให้
ภายในห้องน้ำตกแต่งคล้ายกับห้องน้ำห้องอื่นๆ คือ วัสดุพื้นและผนังเป็นประเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่อาบน้ำเป็นกระเบื้องชนิดพิเศษตามภาพ กระจกในบ้านมาตรฐาน ติดให้เฉพาะด้านบนอ่างล้างหน้า
หน้าตาอ่างล้างหน้าเป็นแบบวางบนเคาน์เตอร์
หน้าตาสุขภัณฑ์ของ Cotto
ฝักบัวของ Cotto ในบ้านมาตรฐานไม่มีติดเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ แต่มีเตรียมงานระบบไว้ให้
พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้ขนาด กว้าง 1.00 เมตร ยาว 1.30 เมตร ปูกระเบื้องตามภาพ
มุมมองกลับไปที่ห้องนอน
ออกมาจากห้องนอนประตูทางฝั่งซ้ายเป็นทางขึ้นโถงบันได
โถงบันไดขึ้นไปที่ ชั้น 3 บริเวณนี้จะค่อนข้างมืด ถ้าติดไฟเพิ่มจะช่วยให้ สว่างขึ้นและไม่เป็นมุมอับ สาเหตุที่ต้องมีประตูกั้นอีกชั้นหนึ่งเพราะกันแอร์ออกและเพิ่มความเป็นส่วนตัว เนื่องจากชั้นบนเป็นห้องนอนแบบ Penthouse ทั้ง Floor
พื้นบันได วัสดุลูกนอนด้านบนวางทับด้วยไม้ยางพารา ลูกตั้งติด Wallpaper เหมือนกับบันไดชั้นล่าง
บันไดทางขึ้นไปชั้น 3 ขั้นบันไดปาดมุมเฉียงๆแบบนี้ เวลารีบๆเดินก็อาจทำให้สะดุดได้นะ
ก่อนทางขึ้นชั้น 3 บันไดมีปาดมุมเฉียงๆ อีกจุดหนึ่ง
มุมมองย้อนกลับลงไป
ขึ้นมาจะเจอกับห้องน้ำเลย ทางฝั่งขวาเป็นพื้นที่ห้องแต่งตัว ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่ห้องนอน
ชั้นบน จัดพื้นที่เป็นห้องนอนแบบ Penthouse ทั้ง Floor ทางฝั่งข้างห้องน้ำสามารถจัดพื้นที่เป็น ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk In Closet ได้
เทียบกับบ้าน มาตรฐาน
ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk In Closet ตู้เสื้อผ้าแบบนี้จะทำให้เราจัดเสื้อผ้าเป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา บางร้านมีขายแบบที่สามารถปรับ Function การใช้งานตามใจเราได้ แต่ถ้าไม่ชอบโชว์เสื้อผ้าก็อาจหาตู้ที่มีบานปิดก็ได้
ฝั่งตรงข้ามทำเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ได้อีก 1 จุด
ถัดจากตู้เสื้อผ้า เป็นห้องน้ำ และ ห้องนอน พื้นที่ต่อเนื่องกันหมด
ระหว่างพื้นห้องนอนและห้องน้ำ มีธรณี หินแกรนิตสีดำ ยกสูงขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร
ห้องน้ำแยกส่วนเปียกและส่วนแห้ง พื้นและผนัง วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร พื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.10 เมตร ยาว 1.30 เมตร ฝ้าเพดานเป็นฝ้าฉาบเรียบไม่ได้ทำเป็นไฟหลืบให้แบบนี้นะ
อ่างล้างหน้า และ สุขภัณฑ์ของ COTTO
ถัดมาเป็นส่วนของห้องนอน ทางด้านซ้ายจัดพื้นที่เป็นชั้นวางทีวี และ โต๊ะทำงาน ทางด้านขวาวางเตียงและ ชุดเก้าอี้นั่งอ่านหนังสือ พื้นชั้นบนเป็นพื้นไม้ลามิเนต ยาวต่อเนื่องตลอดทั้ง Floor
เทียบกับบ้านมาตรฐาน
ระยะปลายเตียงเหลือพอสมควร
ทางด้านขวา มีระยะเหลือเยอะอยู่สามารถวางชุดที่นั่ง อ่านหนังสือได้
ทางด้านซ้ายมีระยะเหลือพอสมควร วางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ
ทางโครงการมีให้เครื่องปรับอากาศ ยี่ห้อ Samsung มาให้
ปลายเตียงมีประตูบานเลื่อนออกไปที่พื้นที่ระเบียงแบบ Semi Outdoor
จากพื้นห้อง ลงมาที่ พื้นระเบียง ลดระดับลงมาประมาณ 5 เซนติเมตร
พื้นที่ระเบียง กว้าง ประมาณ 1.30 เมตร ยาว ประมาณ 2.90 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว วัสดุพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
สามารถหาชุดโซฟา หรือ เก้าอี้ มาวาง นั่งชมวิวแบบนี้ได้นะ
ทางฝั่งที่ติดกับบันไดมีช่องหน้าต่างรับแสงธรรมชาติลงไปที่บันได ทำให้โถงบันไดสว่าง
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
สุดท้ายขอปิดท้ายด้วยรูป Invitation Card ของทาง Ananda ที่ส่งมาให้แบบเป็นสวนสวยแบบนี้เลย เรียกว่าเข้ากับ Concept ของตัวโครงการเลย
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 21 July 2015
- TH แปลงกลาง แปลงเลขที่ 014 พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 20 ตร.วา ราคา 7.50 ล้านบาทหรือ 375,000 บาท/ตร.วา
- TH แปลงมุม แปลงเลขที่ 021 พื้นที่ใช้สอย 185 ตร.ม. ที่ดิน 29.3 ตร.วา ราคา 9.045 ล้านบาทหรือ 308,700 บาท/ตร.วา
- เงินจอง 50,000 บาท
- เงินทำสัญญา 150,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 200,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 110 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
Arden ลาดพร้าว 71 ตั้งอยู่บนถนน สตรีวิทยา 2 ระหว่างซอย สตรีวิทยา 2 แยก 6 และ แยก 8 ถึงแม้ว่าโครงการจะอยู่ค่อนข้างลึกห่างจากปากซอยลาดพร้าว 71 มาพอสมควร แต่จากที่ตั้งโครงการก็สามารถใช้เชื่อมออกไปยังถนนสำคัญๆได้หลายสาย ได้แก่ ถนนลาดพร้าว , ถนน รัชดาภิเษก , ถนนประเสริฐมนูกิจ และ ถนน ประดิษฐ์มนูธรรม โดยถนนรัชดาภิเษกนั้นก็ถือว่าเป็นแหล่งธุรกิจแห่งใหม่ ที่มีศูนย์การค้า และ อาคารสำนักงานเกิดขึ้นมากมาย , ถนนลาดพร้าวในอนาคตก็จะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว – พัฒนาการ) หรือ ถ้าอยากจะหาสถานที่ ทานข้าว Shopping หรือ Hang out ก็สามารถออกไปเส้น ถนนประเสริฐมนูกิจ หรือ ประดิษฐ์มนูธรรมได้ ทั้ง 2 เส้นนี้มี Community mall อยู่เยอะพอสมควรเช่น CDC , Chic Republic , The Walk , The Festival Walk , Nawamin City Avenue , Crystal Park โดยบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ใกล้กับ Tesco Lotus สาขารามอินทรา ในอนาคตจะมี Central Festival East Ville คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2558
สภาพแวดล้อมภายในซอย บรรยากาศค่อนข้างสงบ เป็นส่วนตัว เพื่อนบ้านโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็น ตึกแถว และ บ้านพักอาศัย มีช่วงหลังๆเริ่มเห็นโครงการ คอนโดมิเนียมเกิดขึ้นบ้างแล้ว คาดว่าพื้นที่บริเวณนี้ในอนาคตอาจจะมีความเจริญ และ อุดมสมบูรณ์มากขึ้นอีก เนื่องจากการมาของรถไฟฟ้า และ เซ็นทรัล โดยรอบพื้นที่เป็นแหล่งชุมชน มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ และ ตลาด กระจายอยู่ทั่วทั้งซอย โดยเฉพาะซอย โชคชัย 4 และ นาคนิวาส ที่เป็นซอยใหญ่ สามารถหาของกินได้ง่าย ส่วนในซอย สตรีวิทยา 2 บรรยากาศจะค่อนข้างเงียบกว่าหน่อย แต่ก็มีรถเข้าออกตลอด เพราะเป็นซอยที่เชื่อมระหว่างโชคชัย 4 กับ นาคนิวาส วิวโดยรอบโครงการ โดยส่วนมากจะเป็น ตึกแถว และ บ้านพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีอาคารสูงบดบัง
การเดินทางโดยใช้รถ ค่อนข้างสะดวก ถึงแม้ว่าจะอยู่ในซอยลึกและ การจราจรจะค่อนข้างจะติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วนโดยเฉพาะเวลาเย็น แต่เดินทางสะดวกสามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งจาก ซอยลาดพร้าว 71 เลี้ยวเข้าถนน นาคนิวาส แล้วเลี้ยวเข้าโครงการ , ซอยโชคชัย 4 ตรงเข้าไปเลี้ยวเข้าซอย สตรีวิทยา 2 , ถนน ประเสริฐมนูกิจ เลี้ยวเข้า ถนนสุคนธสวัสดิ์ มาเข้า ถนน สตรีวิทยา 2 และ ถนนรัชดาภิเษก ตรงเข้าซอยสตรีวิทยา2 สำหรับคนบ้านไกลที่ทำงานต้องใช้ทางด่วนก็มีทางด่วนใกล้ๆ คือทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ห่างจากโครงการประมาณ 4.2 กิโลเมตร ภายในซอยก็มีซอยลัดที่เชื่อมถนนสำคัญได้หลายสาย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ รถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดขณะนี้คือ MRT ลาดพร้าวห่างจากโครงการประมาณ 5.5 กิโลเมตร ซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองผ่านบนถนน ลาดพร้าว 71 โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี ลาดพร้าว 65 แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในการก่อสร้าง ยังคงต้องรอกันต่อไป แต่สามารถใช้รถโดยสารประเภทอื่นไปพลางๆก่อนได้เช่น วินมอเตอร์ไซค์ หรือ รถสองแถว ที่มีกระจายอยู่ทั่วทั้งซอย หรือ เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 156 ผ่านทาง Big C ลาดพร้าว ซ.ลาดพร้าว 71 ถ.สังคมสงเคราะห์เหนือ ถ.นาคนิวาส แยกแว่นท็อปเจริญ ( แยกโรงไม้) แล้วลงนั่งรถมอร์เตอร์ไซด์/Taxi เข้าซอยไปตัดเข้า ถนนสตรีวิทยา 2 ระหว่างแยก 6 และ แยก 8 ( โชคชัย 4 ซอย 72) มาถึงโครงการ
วัสดุ ให้ตามมาตรฐานทั่วๆไปค่อนข้างไปทางดี คือ พื้นไม้ลามิเนต กระเบื้องแกรนิตโต้ บันไดไม้ยางพารา มีพิเศษคือชุดครัวที่ให้มาค่อนข้างเต็ม มีเตาไฟฟ้า และ เครื่องดูดควันมาให้ มีแถม Wallpaper กับ ผ้าม่านให้ด้วย การเก็บงานก่อสร้าง และการเลือกใช้เกรดของวัสดุค่อนข้างไปทางดี
การออกแบบ โครงการนี้เป็นโครงการที่ออกแบบได้ดี มีการวางแนวคิดโดยรวมของโครงการ และ สามารถคุม Theme ของการออกแบบให้สอดคล้องกับตัวบ้าน และ การจัด Space ภายในบ้านได้ดี รวมถึงการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางด้วย โดยแนวความคิดของโครงการนี้เกิดขึ้นมาจากการอยากพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับคนเมือง โดยใช้ Concept สวน Eden อันร่มรื่น เน้นการปลูกต้นไม้ประเภทยืนต้น เพื่อที่จะได้เติบโตและให้ความร่มรื่นกับโครงการในระยะยาว การออกแบบตัวบ้าน เน้นรูปทรงสี่เหลี่ยม จบมุมทรงแหลม ทำให้เกิดเป็นรูปทรงเรียบง่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะลักษณะ มีการใช้โทนสีเทาและสีไม้ตัดกัน นอกจากนั้น การออกแบบยัง มีความใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น มีการวางงานวิศวกรรม เสาไฟ และ โทรศัพท์ โครงการทั้งหมดลงใต้ดินเพื่อทัศนียภาพที่ปลอดโปร่ง , การจัดพื้นที่ส่วนกลางอยู่กลางโครงการเพื่อที่ลูกบ้านจะได้ใช้พื้นที่ร่วมกัน , การจัดพื้นที่ชั้นลอยเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว , การจัดพื้นที่ชั้นบนเป็น Penthouse เพื่อให้ใช้พื้นที่ได้เต็มที่
สาธารณูปโภค มีให้ตามมาตรฐานค่อนข้างไปทางดี มีระบบรักษาความปลอดภัย Smart Card ระบบ Bluetooth และ CCTV รอบโครงการ รวมถึง รปภ. รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง สิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ Family Hub สำหรับพักผ่อนและเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ , ฟิตเนส , Jogging track & Bicycle Len และสนามเด็กเล่น ค่าส่วนกลางถึงแม้ว่าจะเก็บค่อนข้างสูง แต่เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมโครงการให้ออกมาอยู่ในสภาพดี อาจจะต้องยอมแลกตรงส่วนนี้ เนื่องจากการจัดพื้นที่ภายในและสภาพแวดล้อมของโครงการค่อนข้างต่างจากโครงการอื่นๆ โดยเฉพาะพันธ์ุไม้และต้นไม้ที่นำมาปลูกเพื่อเพิ่มความร่มรื่นให้กับโครงการ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 5 – 10 ล้านบาท, 21 July 2015
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5 /10 – เข้าซอยลึกพอสมควร แต่สามารถลัดเลาะออกได้หลายเส้นทาง ใกล้ทางด่วน เดินทางเข้าเมืองสะดวก พื้นที่โดยรอบมีความเจริญสูง
- ความปลอดภัย 7.5/10 – ประตูเลื่อนอัตโนมัติระบบ Bluetooth , CCTV และ รปภ.หน้าหมู่บ้าน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.75 /10 – ออกแบบได้สวย มีเอกลักษณ์ ตรง Concept
- วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐานของระดับนี้ค่อนข้างไปทางดี
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 – มีพื้นที่สีเขียวมาก เน้นการปลูกต้นไม้ใหญ่ และ การจัดสวนให้ โครงการร่มรื่น
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – Club House , ฟิตเนส , สนามเด็กเล่น , Jogging track และ Bicycle Len
- 7.80 / 10.00
BOTTOM LINE
Arden ลาดพร้าว 71 เหมาะกับคนที่ชอบการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ต้องการความสงบ ร่มรื่น และเป็นส่วนตัว ทำงานอยู่ในย่าน ลาดพร้าว หรือใกล้เคียง ใกล้ทางด่วน อยากได้ทำเลที่เป็นแหล่งชุมชน หาของกินของใช้ง่าย เดินทางเข้าเมืองสะดวก อยากได้ที่มีแบรนด์ มีงบประมาณในการซื้อ 7 -10 ล้านบาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/