รีวิวโครงการ
The Sneak EP.242 : The Welton Rama 3 | บ้านเดี่ยว 85 ล้าน แต่งพร้อมอยู่
15 พฤศจิกายน 2024
รีวิวฉบับที่ 2080 … นานๆจะมีโครงการแนวราบเกิดขึ้นในย่านพระราม 3 นะครับ โดย The Welton rama 3 จาก Pattra Home เป็นโปรดักส์บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมหรู มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 352 – 578 ตารางเมตร เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ จอดรถได้ 2 – 5 คัน ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว และมีการออกแบบฟังก์ชันน่าสนใจ เก็บรายละเอียดต่างๆได้ดี จะเป็นอย่างไรไปชมกันครับ
ข้อมูลโครงการ
22 May 2020
- The Welton rama 3 (เดอะ เวลตั้น พระราม 3)
- ชื่อผู้ประกอบการ : Pattra Home
- SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ถนน นนทรี เขต ยานนาวา
- เนื้อที่โครงการ 10-0-63.5 ไร่ 53 ยูนิต แบ่งเป็น
– บ้านเดี่ยว จำนวน 16 ยูนิต
– ทาวน์โฮม จำนวน 37 ยูนิต - Prestige I บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 73.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 577 – 578 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 58.5 ล้านบาท - Prestige II บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 73.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 577 – 578 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 58.5 ล้านบาท - Pride ทาวน์โฮม 4 ชั้น หน้ากว้าง 8.6 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 39.57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 478 – 500 ตร.ม
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 31.5 ล้านบาท - Proud ทาวน์โฮม 4 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 44.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 490 – 502 ตร.ม
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 33.32 ล้านบาท - Passion ทาวน์โฮม 4 ชั้น หน้ากว้าง 6.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 27.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 352 – 361 ตร.ม
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น19.8 ล้านบาท22.8 ล้านบาท (update25/08/2021) - ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ
350,000 บาท400,000 บาท (update25/08/2021) - โครงการเริ่มก่อสร้าง : ตุลาคม 2561
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : n/a
- เปิดขาย : 1 มีนาคม 2563
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.681428, 100.544514
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการครับ
โครงการ The Welton rama 3 ตั้งอยู่บนถนน นนทรี ซึ่งเข้าจากถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ใกล้กับจุดขึ้นวงแหวนฯที่เชื่อมต่อกับสะพานภูมิพล 1 และ 2 เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางฝั่งปู่เจ้า-สมุทรปราการได้ฟรีๆเลยครับ หรือจะเชื่อมต่อไปถนนกาญจนาภิเษก เข้าเมืองไปทางศรีนครินทร์-บางนา ก็ได้เช่นกัน และทางด่วนเข้าเมืองอีกจุดหนึ่งที่ใช้งานสะดวกไม่แพ้กันคือ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ตรงด่านนางลิ้นจี่) ถือเป็นทำเลที่เดินทางด้วยรถยนต์สะดวกมากๆ สามารถเข้าเมืองไปทำงานที่สีลม-สาทรได้ง่ายครับ
เรื่องความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ที่ใกล้สุดคือ Central พระราม 3 ที่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ใกล้ๆกันก็มีทั้ง The Up และ Tesco Lotus ให้ไปทานอาหารและซื้อของสดกลับบ้านกันได้อีกด้วยนะ ส่วนถัดมาแถวๆสาธุประดิษฐ์ก็จะมีโรงเรียนสารสาสน์ตั้งอยู่ ใครมีลูกหลานก็ส่งมาเรียนแถวนี้ได้ไม่ลำบากเลย และในอนาคตก็จะมี Terminal 21 เกิดขึ้นบนถนนพระราม 3 นี้อีกด้วยครับ ไม่ต้องเข้าเมืองไปไกลถึงอโศก หรือจะขับเลยไปแถวเจริญกรุงก็มีเอเชียทีคให้เที่ยวได้อีกต่างหาก
ผมขอยกตัวอย่าง The Up ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ใกล้ๆ Central เป็นแหล่งรวมร้านอาหารเยอะเลย โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น แถมเมื่อก่อนก็มีคาร์เฟ่น้องแมวที่สาวๆชอบไปมาก แต่ตอนนี้เค้าปิดไปแล้ว และเปลี่ยนเป็นร้านเสื้อผ้าแทน แต่ที่ผมยังชอบไปที่นี่แล้วต้องซื้อบ่อยๆก็คือ ซาลาเปาของร้านวราภรณ์ ที่ทั้งอร่อยและให้ไส้แน่นมากๆครับ
หรือร้านกาแฟบรรยากาศดีๆของย่านนี้ก็มี ที่ผมชอบคือ The Hookrajong Cafe ตั้งอยู่บนถนนยานนาวา ที่ใกล้ๆกับโครงการมากๆ ซึ่งไหนๆก็มาแล้วถือโอกาสแวะเช็คอิน + นั่งเขียนรีวิวนี้ซะเลยครับ ^^
มาพูดถึงที่ตั้งโครงการกันต่อนะ โดยถนน นนทรี ทางทิศใต้ด้านล่างของถนนวงแหวนฯ จะมีลักษณะเป็นซอนตัน ได้มีความเป็นส่วนตัว (แต่ถ้าเป็นถนน นนทรี ที่อยู่ทิศเหนือ(หรือฝั่งตรงข้าม) จะมีลักษณะที่ยาวกว่า และเชื่อมต่อถนนหลักต่างๆ ใช้เป็นนทางลัดเลี่ยงรถติดได้)
ซึ่งโครงการ The Welton rama 3 จะตั้งอยู่ตรงสุดซอยเลยครับ เข้ามาประมาณ 450 m. รวมถึงถนนวงแหวนฯ ช่วงนี้ก็จะมีจุดกลับรถได้สะดวก หากใครลงสะพานมาก็กลับรถวนมาโครงการได้ทันที (ตรง 3 แยกไฟแดง) หรือถ้าจะเข้าเมืองก็ไปกลับรถใต้สะพานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไกลมากครับ
ซึ่งเมื่อกลับรถแล้วก็จะตรงไปตามถนนพระราม 3 เพื่อเข้าเมือง ไปขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานคร (ด่านนางลิ้นจี่) ไปดินแดง, แจ้งวัฒนะ, พระราม 9 ได้ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 4.5 km. และอาจต้องเผื่อเวลาสัก 15 – 30 นาที ในช่วงวันที่รถติดๆหน่อยนะครับ
ส่วนการเดินทางในวันนี้ผมขับมาจากเจริญกรุง ก็ขับมาบนถนนพระราม 3 เรื่อยๆ (หรือใครที่มาจากทางพระราม 4 – นางลิ้นจี่ ก็ขับตรงมาเรื่อยๆได้เช่นกัน) จนมาถึงแยกทางขึ้นวงแหวนอุตสาหกรรม เลี้ยวเข้ามาที่ถนนวงแหวนฯ แล้วให้ขับชิดซ้ายเอาไว้ เพื่อเลี้ยวเข้าสู่ถนน นนทรี ซึ่งลักษณะจะเป็นซอยไม่ใหญ่มาก ขับเข้ามาประมาณ 450 m. ก็จะเจอที่ตั้งโครงการอยู่สุดซอยทางขวามือครับ
เริ่มต้นบนถนนพระราม 3 ให้ขับรถตามป้ายบอกทางไปสะพานภูมิพล 1 และ 2 ครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบจะเป็นชุมชนแนวราบ มีที่ว่าง และตั้งอยู่ติดกับคลองสาธารณะอีกด้วยครับ สามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับคลองภูมิ และชุมชนแนวราบสูง 1 – 2 ชั้น
- ทิศใต้ : ติดกับโครงการบ้านกลางกรุง เป็นทาวน์โฮมสูง 3 – 4 ชั้น และที่ว่าง
- ทิศตะวันออก : ทางเข้าด้านหน้าโครงการ ติดกับถนนซอยนนทรี ฝั่งตรงข้ามเป็นชุมชนแนวราบสูง 1 – 2 ชั้น และอพาร์ทเม้นท์
- ทิศตะวันตก : ติดกับอาคารสำนักงาน (ที่เกี่ยวกับด้านอาหาร)
เรามาเดินดูทำเลรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ เริ่มจากด้านซ้ายของโครงการจะเป็นจุดสิ้นสุดของซอยนี้ ซึ่งมีป้ายชื่อโครงการตั้งอยู่ ส่วนซอยเล็กๆทางด้านในจะสามารถเดินหรือขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านได้นะครับ ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังพระราม 3 ซอย 59 ได้นั่นเอง
ซึ่งภายในจะเป็นชุมชนและโรงงานครับ รวมถึงยังสามารถไปทะลุออกถนนใหญ่พระราม 3 ได้อีกด้วย (ในระยะทางประมาณ 250 m.) ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับตึกธนาคารกรุงศรีพอดี และยังมีสะพานลอยให้ข้ามถนนได้อีกด้วยนะ
ฝั่งตรงข้ามกับโครงการเป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น และจะเป็นชุมชนแนวราบดั้งเดิมของย่านนี้ที่สูง 1 – 2 ชั้น
ด้านขวาของโครงการจะเป็นทางที่ออกไปยังถนนใหญ่ครับ โดยระหว่างทางจะเป็นอย่างไรบ้างเราเดินไปดูกันดีกว่า
บริเวณนี้จะเป็นสะพานข้ามคลองภูมิ และจะเป็นที่ตั้งของวินมอไซค์ด้วยครับ ลุงวินบอกว่าบ้านแกอยู่ด้านหลังเชิงสะพานนี่เอง ถ้าเห็นรถแต่ไม่เห็นแกนั่งอยู่ก็ตะโกนเรียกได้เลย เผื่ออยากได้ม้าเร็วไปซื้อของหรือส่งเอกสารต่างๆครับ (ลุงอารมณ์ดีสายฮา ^^)
ส่วนด้านขวาของสะพานจะเป็นด้านหลังของโครงการ ซึ่งอยู่ติดกับคลองภูมิแบบนี้ครับ
นอกจากนี้บริเวณสะพานเราจะเห็นว่า “บ้านหรือร้านค้า” เหล่านี้ มีการตกแต่งด้วยไม้ทาสีขาวเป็นธีมเดียวกันหมด ซึ่งผมทราบจากชาวบ้านมาว่า เจ้าของโครงการ The Welton อาสาช่วยปรับปรุงภูมิทัศน์ และบรรยากาศทางเข้าให้ดีมากขึ้น ซึ่งช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับทั้งลูกบ้านและชาวบ้านเลยครับ ราคาอาหารก็ไม่แพงนะ ออกมาซื้อได้ถือว่าสะดวกอยู่ครับ
เดินตรงต่อมาเราจะเห็นว่ามีรถสองแถวใหญ่จอดเรียงรายอยู่ข้างทาง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของซอยนี้ครับ เพราะอู่เค้าจะอยู่ทางขวามือนี่เอง (แต่ที่จอดไม่พอเลยต้องมาจอดด้านนอกด้วย) ดังนั้นทางสัญจรช่วงนี้ก็จะแคบลง เวลาขับรถสวนทางกันต้องระมัดระวังกันหน่อยนะครับ
เดินถัดมาช่วงกลางๆซอยเราจะเจอโครงการเพื่อนบ้านที่กำลังทำเฟส 2 อยู่ ชื่อว่า Cote Maison Rama เป็นทาวน์โฮม 4 ชั้น (แต่คนละระดับ Segment กับเรา) ซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารสำนักงานของศุภาลัยพอดี
และพอถึงช่วงสะพานข้ามคลองอีกช่วงหนึ่ง ก็จะมีร้านอาหารตามสั่งอยู่อีกจุดหนึ่งด้วยครับ เพราะบริเวณนี้จะมีอพาร์ทเม้นท์ตั้งอยู่
เมื่อมาถึงปากซอยหรือถนนใหญ่ (ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม) ขวามือจะมีสะพานลอยให้ใช้ข้ามฝั่งได้ด้วยนะ งั้นเราขึ้นไปดูภาพรวมของถนนเส้นนี้จากด้านบนกันดีกว่าครับ
ทิศทางนี้คือทางที่มุ่งหน้าขึ้นสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมใช้ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยสะพานภูมิพล 1 และ 2 ไปลงปู่เจ้าได้โดยไม่เสียเงินเลย หรือจะเชื่อมต่อไปยังถนนกาญจนาภิเษกเพื่อเข้าเมืองไปศรีนครินทร์-บางนาก็ได้ครับ (และซอยทางซ้ายมือก็คือ ซอยที่เราเดินออกมาเมื่อครู่นี้นั่นเอง)
ส่วนอีกด้านก็จะเป็นทิศทางที่มุ่งหน้าไปยัง 3 แยกไฟแดงของถนนพระราม 3 ซึ่งจะกลับรถวนมายังโครงการก็ได้ จะเลี้ยวซ้ายไป Central หรือขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครก็สะดวก
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Int Intersect (Foodland)~ 900 m.
- โรงเรียนสารสาสน์พัฒนา ~ 2.6 km.
- โรงเรียนสารสาสน์พิทยา ~ 2.7 km.
- Central พระราม 3 ~ 3 km.
- โรงเรียนนานาชาติสาทรใหม่ ~ 3.4 km.
- The Up ~ 3.5 km.
- โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา ~ 3.7 km.
- โรงเรียนเซนต์ยอแซฟ ยานนาวา ~ 3.7 km.
- Tesco Lotus พระราม 3 ~ 4 km.
- โรงเรียนเจ้าพระยาวิทยาคม ~ 4.1 km.
- Makro สาทร ~4.8 km.
- โฮมโปร พระราม 3 ~ 6 km.
- โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ~ 5.6 km.
- โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ~ 7 km.
- โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ~ 7.2 km.
- โรงพยาบาลเลิดสิน ~ 7.5 km.
- โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ~ 7.6 km.
รายละเอียดโครงการ
ในส่วนของ Master Plan โครงการจะมีลักษณะหลายเหลี่ยม ซึ่งทางเข้าจะมีแค่ทางเดียวที่เข้ามาจากทางถนน นนทรี ที่อยู่บริเวณสุดซอย ทำให้ดูแลรักษาความปลอดภัยได้ง่าย เมื่อผ่านป้อม รปภ. เข้ามาก็จะพบกับโซนทาวน์โฮมก่อน และอาคาร Clubhouse จะตั้งอยู่บริเวณกลางโครงการ ซึ่งคนภายนอกโครงการไม่สามารถมองเห็นได้ จึงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังทำให้บ้านแต่ละหลังมาใช้งานได้สะดวกอีกด้วย
ก่อนจะเข้าสู่โซนบ้านเดี่ยวด้านในจะมี Gate ที่ 2 อีกชั้นหนึ่งคั่นอยู่ ทำให้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งถนนบริเวณนี้เองทางขวามือจะมีบ้านเดี่ยวของบุลคลอื่นอยู่หลังหนึ่งครับ จึงทำให้ถนนภายในโครงการตั้งแต่บริเวณหน้าบ้านหลังนี้ไปจนถึงหน้าโครงการ จะถูกจดเป็น “ถนนภาระจำยอม” ที่บ้านหลังนี้สามารถใช้เพื่อเข้า-ออกได้ด้วยนั่นเอง (แต่เขาไม่สามารถใช้ส่วนกลางของโครงการร่วมกับลูกบ้านได้นะ) และของจริงจะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมกันครับ
(ปล.ปัจจุบัน ณ วันที่เข้าไปถ่ายรีวิว ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ยังคงก่อสร้างไม่แล้วเสร็จดี แต่หากใครอยากชมภาพสวยๆเต็มๆ เดี๋ยวผมจะมาอัพเดทให้ตอนโครงการแล้วเสร็จ 100% อีกทีนะครับ)
ทางเข้าบริเวณด้านหน้าจะมีป้อม รปภ. พร้อมไม้กั้นกระดกระบบ RFID หรือแบบ Easy Pass ที่สามารถขับรถผ่านด้วยระบบสัญญาณ Bluetooth ได้เลย แต่ถ้าเป็นแขกมาติดต่อก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อนนะ และในตอนกลางคืนก็จะมีประตูเหล็กรางเลื่อนปิดอีกชั้นหนึ่งเพื่อความปลอดภัยด้วยครับ
ถนนภายในโครงการกว้าง 9 m. ทำให้รถสามารถขับสวนทางกันได้สบายๆ หรือหากมีรถจอดชั่วคราวอยู่ริมทางฝั่งหนึ่ง รถอีกฝั่งก็ยังสามารถขับออกจากบ้าน หรือยังขับสวนทางกันได้อยู่นะครับ และถัดเข้ามาด้านในก็จะเจอกับอาคาร Clubhouse อยู่ทางซ้ายมือแบบนี้
Clubhouse เป็นอาคาร 2 ชั้นสไตล์ European Classic และมีทางเข้าเป็นบันไดที่ประดับด้วยต้นไม้สวยงาม
เรามาดูพื้นที่กลางแจ้งกันก่อนครับ ขวามือจะมีชุดโต๊ะนั่งเล่นข้างสระว่ายน้ำตั้งอยู่
ส่วนสระว่ายน้ำก็จะมีขนาด 4.8 x 22 m. โดยแบ่งเป็นสระเด็กทางขวามือ ขนาด 4.8 x 3 m. ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่ผู้ปกครองนั่งอยู่ด้วย จะได้ดูแลได้ง่ายๆ แต่สิ่งที่ผมชอบคือการทำรั้วต้นไม้ล้อมรอบสระแบบนี้ จะทำให้คนที่กำลังว่ายน้ำอยู่ได้ความเป็นส่วนตัว จากรถที่อาจสัญจรผ่านไป-มานั่นเองครับ ส่วนทาวน์โฮมที่หันมาทางนี้ก็จะได้วิวสระว่ายน้ำจากหน้าต่างชั้นบนอีกด้วย
อีกด้านหนึ่งของสระจะมี Jacuzzi ให้มานั่งพักผ่อนนวดตัวกันได้ครับ
ส่วนจุดล้างตัวและห้องน้ำจะอยู่ทางด้านข้างของสระ ใช้งานค่อนข้างง่ายไม่ต้องเดินไกล เวลาอาบน้ำล้างตัวเปียกๆก็ไม่ต้องเดินเข้าอาคารให้พื้นเลอะนั่นเองครับ
ภายในห้องน้ำจะมีฟังก์ชันครบ ทั้งตู้ล็อคเกอร์ โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำ
คราวนี้เรามาชมพื้นที่ในอาคารกันบ้างครับ โดยเริ่มจากห้องชั้น 1 ด้านล่างก่อนนะ
ภายในเป็นเหมือนพื้นที่ Lobby เอาไว้มานั่งเล่นพักผ่อน และยังใช้รับรองแขกได้อีกด้วย เผื่อใครไม่อยากพาแขกเข้าบ้านให้เสียความเป็นส่วนตัว ก็สามารถมาใช้พื้นที่ตรงนี้ได้
ซึ่งนอกจากจะมีชุดโต๊ะเก้าอี้และโซฟาให้นั่งได้หลายจุดแล้ว ยังมีหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ ให้สามารถมองชมวิวสวนและสระว่ายน้ำที่อยู่ภายนอกได้อีกด้วย โดยปัจจุบันโครงการใช้เป็นสำนักงานขายอยู่ครับ
ออกมาภายนอกและเลี้ยวซ้ายมาจะมีห้องน้ำหญิง และมีบันไดทางขึ้นชั้น 2 โดยพื้นที่ด้านบนจะมีอีก 2 ห้องคือ ห้องฟิตเนส และสำนักงานนิติบุคคล ซึ่งปัจจุบันหน้างานยังไม่เรียบร้อยดี เลยยังไม่มีอุปกรณ์มาลงนะครับ
แต่ผมมีภาพวิวหน้าต่างจากห้องฟิตเนสมาฝากนะ ซึ่งหากมีอุปกรณ์ลู่วิ่งหรือเครื่องปั่นจักรยานมาลง เราก็สามารถออกกำลังไปพร้อมกับชมวิวสระว่ายน้ำด้านล่างแบบนี้ไปได้ด้วยนั่นเองครับ
ปิดท้ายส่วนของ Clubhouse อีกมุมหนึ่งของสระว่ายน้ำ ที่มองย้อนกลับไปยังตัวอาคารครับ ส่วนตัวผมชอบหัวพี่สิงห์พ่นน้ำมากๆเลย ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและความหรูหราได้ดี
ส่วนภาพนี้จะเป็นบริเวณก่อนที่จะเข้าสู่โซนบ้านเดี่ยว ซึ่งในอนาคตจะมี Gate ชั้นที่ 2 มาลงเพิ่มครับ ทำให้โซนบ้านเดี่ยวจะได้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Double Gate และถนนโครงการทั้งหมดนับจากตรงจุดนี้ไป จะปูด้วยพื้น Concrete stamp ทั้งหมดเลยครับ (ต่างจากโซนทาวน์โฮมก่อนหน้านี้ที่จะเป็น Concrete ธรรมดาสลับกับ Concrete stamp) ส่วนสายไฟก็จะลงใต้ดินทั้งหมดอีกด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Clubhouse
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4.8 x 22 m. แบ่งสระเด็ก ขนาด 4.8 x 3 m.
- Jacuzzi ขนาด 3 x 6 m.
- ห้องออกกำลังกาย
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 28 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 m.
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก ระบบ RFID และเลื่อนไฟฟ้า 2 ตอน
- ประตูชั้นที่ 2 (Double Gate) สำหรับโซนบ้านเดี่ยว
- สัญญาณกันขโมย ระบบ CCTV 4 จุดภายในบ้านเดี่ยวทุกหลัง
- สายไฟลงใต้ดินทั้งโครงการ
- ถนนหลักโซนทาวน์โฮมกว้าง 9 m. และโซนบ้านเดี่ยวกว้าง 6 m. พร้อมทางเท้าอีกข้างละ 1.5 m.
แบบบ้าน
แบบบ้านของโครงการนี้มีมากถึง 5 แบบ แบ่งเป็นทาวน์โฮม 3 แบบ และบ้านเดี่ยว 2 แบบ โดยรีวิวฉบับนี้ผมจะพาทุกคนไปเจาะลึกโปรดักส์บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สุดกัน ซึ่งค่อนข้างมีรายละเอียดน่าสนใจมากๆ พร้อมกับจะพาไปชมตัวอย่างทาวน์โฮมอีก 1 หลังด้วย จะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันครับ
- Prestige I บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 73.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 577 – 578 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 58.5 ล้านบาท
เป็นแบบบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการ ออกแบบในสไตล์ European Classic ซึ่งมีลวดลายหรือขอบคิ้วบัวต่างๆ ที่ลดทอนลงบ้างเพื่อความร่วมสมัย แต่ยังคงรายละเอียดต่างๆเอาไว้ค่อนข้างเยอะ ดูภูมิฐานและหรูหราไปในตัว ถือว่ามีความสวยงามดีทีเดียวครับ
จุดเด่นอย่างแรกที่ผมอยากพูดถึงคือ “โครงสร้างบ้าน” ไม่ว่าจะเป็นโซนทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวจะก่อสร้างด้วยอิฐมอญแดง ซึ่งมีความแข็งแรงและต่อเติมได้ง่ายกว่าผนังชนิดอื่นที่นิยมโดยทั่วไปในสมัยนี้ เนื่องจากขนาดก้อนอิฐที่เล็กกว่า จึงทำให้การก่อสร้างจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรเลยทีเดียว
อีกทั้งผนังส่วนใหญ่ของบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม จะเป็นผนังแบบ 2 ชั้น (Double Wall) ซึ่งจะมีช่องว่างระหว่างผนังอยู่ประมาณ 3 – 5 cm. จึงทำให้ช่วยป้องกันเสียงและความร้อนได้ดี แน่นอนว่ามูลค่าก่อสร้างก็ต้องเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าด้วยเช่นกัน แต่ถือว่าให้ของดีและหาได้ยากมากครับ
แปลนชั้น 1 จะเป็นรูปแบบบ้านหน้ากว้างสี่เหลี่ยมผืนผ้า ถูกสร้างมาแบบเต็มพื้นที่ดินบ้าน เพื่อเน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน (อาจไม่เหมาะกับคนชอบปลูกต้นไม้หรือทำสวนนัก) สิ่งที่ผมชอบคือการแยกพื้นที่ส่วน Maid ออกจากส่วนพักอาศัยของเจ้าของบ้านอย่างชัดเจน หากต้องการความเป็นส่วนตัวตอนกลางคืน หรือตอนไปต่างประเทศนานๆ ก็สามารถปิดล็อคประตูในบ้าน เพื่อให้ Maid ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ของเขาได้เลย ที่จอดรถก็มีมากถึง 5 คัน เหมาะสมกับทำเลและกลุ่มเป้าหมายดีครับ
ภายในบ้านมี Common area ค่อนข้างใหญ่ เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่รับแขกและห้องทานอาหาร แต่ห้องครัวจะต้องกั้นพื้นที่เพิ่มเอง (หากต้องการครัวไทยทำอาหารจริงจัง) หรือจะต่อเติมพื้นที่หลังบ้านเพิ่มก็ได้ ส่วนพื้นที่ทางสัญจรอื่นๆเช่น โถงบันไดและลิฟต์โดยสาร จะอยู่บริเวณกลางบ้านแล้วแยกตัวออกมา ซึ่งจะไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนหรือพื้นที่ใช้งานอื่นๆเลยครับ
มาเริ่มดูของจริงจากประตูหน้าบ้านกันครับ ซึ่งเราจะได้เป็นประตูเหล็กรางเลื่อนขนาดใหญ่ พร้อมติดตั้งระบบประตูไฟฟ้าอัตโนมัติมาให้พร้อมใช้งาน (สำหรับโซนบ้านเดี่ยว) ถือว่าสะดวก ไม่ต้องลงรถมาเปิดเอง
และข้างๆกันก็จะมีช่องทิ้งขยะที่สามารถทิ้งได้จากในบ้าน และพนักงานเก็บขยะเค้าก็จะเปิดประตูเก็บได้จากด้านนอกสะดวกเลย (ซึ่งประตูใหญ่แบบนี้เราสามารถใช้ถังขยะทรงใหญ่ๆสูงๆได้ด้วยครับ)
พื้นที่จอดรถด้านหน้าจะกว้าง 7.5 m. สามารถจอดรถ 3 คันได้สบายๆครับ ส่วนพื้นที่ด้านในจะกว้าง 5.2 m. ก็ยังจอดได้อีก 2 คัน รวมแล้ว 5 คัน เหมาะกับครอบครัวที่มีรถหลายคันครับ
อีกทั้งรถทุกคันก็ยังจอดอยู่ใต้ชายคาบ้านอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวเรื่องแดดหรือฝนเลย ส่วนพื้นที่จอดรถจะปูด้วย Concrete stamp พร้อมกับลงเสาเข็มให้ลึกเท่ากับตัวบ้านมาจนถึงประตูรั้วบ้านเลยครับ หมดกังวลเรื่องพื้นทรุดไปได้เลย
ด้านในของพื้นที่จอดรถจะมีผนังที่ก่อขึ้นเป็นตู้ ไว้เก็บอุปกรณ์ซ่อมรถหรืองานสวนต่างๆได้ (มีบานประตูปิดให้เรียบร้อยแบบนี้เลย) แต่ประโยชน์อีกอย่างที่ผมชอบมากๆคือ เป็นกำแพงช่วยบังสายตาจากหน้าบ้าน ไม่ให้มองเห็นบริเวณหลังบ้านที่อาจไม่เรียบร้อย หรือต้องการความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ
โดยพื้นที่หลังบ้านของจริงจะเทพื้นคอนกรีต ปูกระเบื้อง และลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้านเอาไว้ให้ เผื่อใครอยากต่อเติมครัวด้านนอกแบบบ้านตัวอย่างนี้ก็ได้ครับ (ครัวนี้แต่งมาให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้น ไม่ได้ทำให้นะ)
หันหลังกลับมาอีกด้านจะเป็นพื้นที่ซักล้าง ซึ่งทางโครงการก่อผนังและหลังคาเอาไว้ให้เรียบร้อย สามารถวางเครื่องซักผ้าหรือเครื่องอบผ้าตรงนี้ได้เลย (ไม่กลัวแดดกลัวฝน) แต่ประโยชน์จริงๆที่ผมชอบคือ เค้านำแท็งค์น้ำและปั๊มน้ำทั้งหมดไปไว้ด้านบน
ซึ่งปกติมักจะวางอยู่บนพื้นหลังบ้านใช่มั๊ยครับ แต่การทำแบบนี้จะให้ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยด้านล่างไปได้เยอะเลย (ซึ่งเวลาช่างจะซ่อมเค้าก็แค่ใช้บันไดปีนได้ไม่ยาก) ส่วนด้านหลังผนังนี้จะเป็นส่วนของ Maid ทั้งหมด
ในส่วนของ Maid ทางซ้ายมือนี้จะเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่แม่บ้านเค้าสามารถนำเตาแก๊สหรือซิงค์ล้างจานมาวางได้ ทำให้เค้ามีพื้นที่ใช้งานเป็นของตัวเอง แยกจากเจ้าของบ้านออกมาชัดเจน ซึ่งถัดไปก็จะเป็นห้องน้ำ ห้องนอน และห้องเก็บของตามลำดับครับ
ในห้องน้ำมีฟังก์ชันแยกเป็นสัดส่วน และไม่ได้มีขนาดเล็กด้วยครับ (เหมือนห้องน้ำของบ้านปกติเลย) ที่ผมชอบคือห้องนอน Maid ซึ่งใหญ่พอที่จะวางเตียงและตู้เสื้อผ้าได้ 2 ชุด พักอาศัยอยู่ได้ 2 คนสบายๆ (แบบไม่ต้องใช้เตียง 2 ชั้น) และข้างๆกันก็จะเป็นห้องเก็บของครับ
กลับมาที่โรงจอดรถกันอีกครั้ง ซึ่งทางเข้าบ้านนั้นจะมีอยู่ 2 จุดครับ จุดแรกคือเข้าจากประตูบานเล็กที่โรงจอดรถนี้ ซึ่งเจ้าของบ้านคงจะได้ใช้บ่อยๆแน่ ถือว่าสะดวกทีเดียว ส่วนอีกจุดหนึ่งคือเข้าจากประตูใหญ่หน้าบ้านครับ
ประตูใหญ่ที่ว่าสามารถเข้าจากประตูคนเดินเล็กๆ ที่แยกออกมาจากประตูใหญ่ที่โรงจอดรถเพื่อความสะดวกและความปลอดภัย ซึ่งเหมาะมากที่จะเอาไว้ใช้รับแขกหรือเพื่อนบ้านครับ
ซุ้มประตูมีลักษณะโค้งและสูงใหญ่มาก ส่วนประตูทางเข้าจะเป็นไม้สักแท้ที่เปิดได้ทั้ง 2 บาน (กว้างรวมกัน 2 m.) สามารถใช้ขนของหรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆเข้าบ้านจากทางนี้ได้ หรือใครจะเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยด้วยการติดตั้ง Digital Door Lock ด้วยตัวเองในภายหลังก็ได้ครับ
ส่วนความปลอดภัยอื่นๆสำหรับบ้านเดี่ยว จะมีกล้อง CCTV มาให้ 4 จุดด้วยกัน และถ้าใครยังต้องการความปลอดภัยอื่นๆเพิ่มเติม เช่น Magnetic และ Shock Sensor อาจจะต้องติดตั้งเพิ่มเองนะครับ
และขวามือจะเป็นทางที่เชื่อมต่อไปยังสวนข้างบ้านได้ครับ ซึ่งของจริงสวนอาจไม่ได้กว้างแบบบ้านตัวอย่างหลังนี้นะ (พอดีแปลงนี้เป็นแปลงพิเศษ) แต่ก็มีพื้นที่พอให้ปลูกต้นไม้ทำสวนสวยๆได้ครับ
เข้ามาภายในบ้านกันครับ ก่อนอื่นเราจะเจอพื้นที่ส่วนต้อนรับขนาดใหญ่ มีพื้นที่ให้วางโต๊ะประดับหรือเครื่องเรือนสวยๆโชว์ได้ และจะยังมองไม่เห็นส่วนอื่นภายในบ้าน จึงค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวอยู่พอสมควร
หันมาทางขวามือจะเป็นชุดโซฟาไว้รับแขกครับ กว้างมากพอจะวางได้หลายที่นั่งเลย
เงยหน้าขึ้นไปก็จะเห็นว่าพื้นที่ชั้น 1 นี้เป็นฝ้าเพดานสูง Double Volume สูง 6.8 m. ทำให้มีความโปร่งโล่ง และสามารถแขวน Chandelier สวยๆขนาดใหญ่ได้อีกด้วย ซึ่งหากต้องการจะติดตั้งแอร์ ก็ควรต้องให้ช่างเข้ามาคำนวณขนาด BTU และตำแหน่งที่เหมาะสมให้ดีอีกทีครับ
รวมถึงแสงไฟก็จะต้องสว่างเพียงพอที่จะใช้งานตอนกลางคืนได้ด้วยนะ เพราะหากมีแต่ไฟ Downlight แบบฝังฝ้าอย่างเดียว ก็อาจส่องมาไม่ถึงพื้นที่ด้านล่าง จำเป็นต้องใช้โคมไฟตั้งพื้นหรือไฟติดผนังช่วยเพิ่มเติมครับ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่โต๊ะทานอาหาร เผื่อใครอยากจะชวนแขกทานอาหารด้วยกันที่บ้านต่อ ก็สามารถเดินเชื่อมต่อมาได้ใกล้ๆเลย สามารถใช้โต๊ะขนาด 8 – 10 คนได้สบายๆครับ (ฝ้าเพดานสูง 3 m.)
นอกจากนี้ยังเหมาะที่จะใช้เป็นพื้นที่จัดปาร์ตี้ได้อีกด้วย เพราะนอกจากโต๊ะทานอาหารจะเชื่อมต่อกับพื้นที่รับแขกแล้ว ยังเชื่อมต่อกับพื้นที่สวนข้างบ้านด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่อีกด้วยครับ
ส่วนอีกด้านจะเป็น Pantry หรือพื้นที่เตรียมอาหาร ซึ่งผมค่อนข้างชอบตรงที่ พื้นที่ส่วนนี้จะหลบอยู่หลังผนังที่กั้นบังสายตาจากประตูหน้าบ้าน ซึ่งเรามองไม่เห็นในตอนแรกที่เข้าบ้านมา ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว
ซึ่งหากเราไม่ต่อเติมครัวไทยหลังบ้านแบบบ้านตัวอย่างนี้ เราก็สามารถเปลี่ยนฟังก์ชันครัวฝรั่งให้กลายเป็นครัวไทยจริงจังได้นะ เพราะมีระยะให้สามารถกั้นผนังเพิ่มได้สบายๆ แต่หากไม่กั้นก็จะทำให้ได้ความโปร่งโล่งเชื่อมต่อกันแบบนี้ครับ (ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆให้ Built in เพิ่มเติมเอง และจะมีท่องานระบบต่างๆเอาไว้ให้พร้อม)
นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำอยู่ที่ชั้นล่างอีกด้วยครับ ซึ่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ทีเดียว กว้างถึง 2 x 2.9 m.
สิ่งที่น่าสังเกตอย่างแรกคือ พื้นจะไม่มีการลดระดับ แต่จะใช้เป็นรางน้ำเพื่อกันน้ำไหลออกมาด้านนอกแทน นั่นหมายความว่าหากมีแขกที่เป็นผู้สูงอายุมา หรือมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ที่บ้านนี้อยู่แล้ว ก็สามารถใช้งานได้สบายๆเลย
และภายในก็จะได้สุขภัณฑ์ทุกอย่างตามนี้ เป็นของ TOTO และ American Stabdard ยกเว้นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าที่ของจริงจะเป็นหินแกรนิตสีดำ และตู้ด้านล่างอาจจะไม่ใช่ทรงแบบนี้นะครับ ส่วนพื้นก็จะใช้เป็นกระเบื้องแบบด้านกันลื่นอีกด้วย
ส่วนประตูทางออกหลังบ้านจะมีขนาดใหญ่ และสามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 3 บาน ทำให้เปิดออกได้กว้างมากๆ ส่วนด้านหลังก็จะเป็นพื้นคอนกรีต ปูกระเบื้อง พร้อมลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้านอย่างที่บอกไปตอนแรก เผื่อไว้ต่อเติมครัวไทยหลังบ้านแบบบ้านตัวอย่างนี้ได้ครับ
กลับมาที่ด้านหน้าบ้านอีกครั้ง ซึ่งทางซ้ายของประตูทางเข้าจะเป็นพื้นที่สัญจรหลักของบ้านหลังนี้ ทั้งประตูทางเข้าจากโรงจอดรถ โถงบันได และลิฟต์
ด้านขวาของบันไดจะเป็นประตูทางเข้าจากโรงจอดรถก่อนหน้านี้ครับ ซึ่งจะเป็นประตูบานเลื่อนแบบนี้เลย รวมถึงใต้บันไดก็จะมีห้องเก็บของอีก 2 ห้องด้วย ส่วนปลายบันไดก็จะเป็นลิฟต์ของ Hitachi ขนาด 200 kg. หรือสามารถรองรับคนได้ประมาณ 3 คน และภายในมีขนาดกว้างประมาณ 1 x 1 m.
บันไดเป็นโครงสร้าง คสล. และปิดผิวด้วยไม้สักแท้ กว้าง 1 m. ลูกตั้ง 16 cm. ลูกนอน 28 cm. ค่อนข้างเดินได้สะดวกมากๆครับ ส่วนราวบันไดก็เป็นเหล็กลวดลายสวยงาม พร้อมราวจับไม้สักเข้าชุดกับพื้นบันไดครับ
แปลนชั้น 2 จะเป็นพื้นที่สำหรับเจ้าของบ้านครับ ซึ่งทางซ้ายมือคือ Master Bedroom ขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่มากกว่าครึ่งของชั้น 2 ทั้งหมด ภายในมีทั้งระเบียง Walk in closet และห้องน้ำที่ใหญ่มากๆ ส่วนห้องตรงกลางข้างๆลิฟต์จะเป็นห้องนอนของผู้สูงอายุ หรือจะใช้เป็นห้องนอนแขกก็ได้
ถือเป็นชั้นที่ค่อนข้างสะดวกสำหรับเจ้าของบ้านหรือผู้สูงอายุ เพราะไม่ต้องขึ้น-ลงหลายชั้นมากนัก แต่ยังคงได้ความเป็นส่วนตัวจากพื้นที่รับแขกชั้นล่าง และลูกหลานที่ขึ้น-ลงบันไดก็สามารถแวะมาหาได้ตลอดเวลาด้วย สุดท้ายคือ Family area ซึ่งจะใช้เป็นห้องนั่งเล่นพบปะพูดคุยของครอบครัวแบบส่วนตัวครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยดีกว่า
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 บริเวณโถงบันไดจะเจอกับลิฟต์เหมือนชั้นแรก แต่ฝ้าเพดานตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไปจะสูง 2.8 m. ปูพื้นด้วยไม้ปาร์เก้ไม้สักทั้งหมด และจากตรงทางแยกนี้เราจะไปดูห้องทางขวากันก่อนนะครับ
ห้องแรกทางซ้ายมือเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุครับ หรือจะใช้เป็นห้องนอนแขกก็ได้นะ ภายในค่อนข้างกว้างขวางดีทีเดียว
ส่วนปลายเตียงจะมีพื้นที่ให้วางตู้เสื้อผ้าได้ และมีห้องน้ำในตัวครับ
ซึ่งฟังก์ชันที่ทำให้เหมาะกับเป็นห้องผู้สูงอายุก็คือ ห้องน้ำ ที่มีขนาดใหญ่นี่เองครับ
เนื่องจากพื้นของห้องน้ำจะไม่มีการลดระดับ สามารถเข็นวีลแชร์เข้ามาได้ครับ พื้นเป็นกระเบื้องแบบด้านกันลื่น และตรงพื้นที่อาบน้ำก็มีพื้นที่ให้นั่งอาบได้ด้วย อาจเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นด้วยการเพิ่มราวจับตามจุดต่างๆ หรือเพิ่มอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ก็ครับ
ส่วนข้างๆห้องนอนผู้สูงอายุจะเป็น Family area ซึ่งค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวกว่าพื้นที่ชั้นล่าง และเหมาะที่จะเป็นพื้นที่ของคนในครอบครัว ที่ลูกๆหลานๆสามารถมาหาคุณปู่คุณย่า พร้อมกับนั่งเล่นกับท่านที่ชั้นนี้ได้อีกด้วย
และอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นราวระเบียง ซึ่งเชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างก่อนหน้านี้ครับ
ซึ่งหากมองลงไปก็จะเห็นได้ว่ามีแขกไปใครมาที่บ้านชั้นล่างบ้างนั่นเอง
ต่อมาเราจะไปดูอีกด้านของบันไดกันบ้างครับ ซึ่งจะเป็นห้อง Master Bedroom นั่นหมายความว่าลูกๆที่เป็นเจ้าของบ้าน ก็สามารถอยู่ดูแลพ่อแม่ของตนได้อย่างใกล้ชิดเลยครับ อีกทั้งยังไม่ต้องขึ้น-ลงบันไดหลายชั้นให้เหนื่อยอีกด้วยนะ
เมื่อเข้ามาภายในห้องพื้นที่ส่วนแรกเราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ก่อน ซึ่งบ้านของจริงก็จะมีผนังกั้นส่วนให้แบบนี้เลยเช่นกันครับ แต่เราอาจต้อง Built in ตู้เพิ่มเติมเอง เหมาะจะทำเป็น Pantry ครัวเล็กๆในห้องนอนได้เลย
ซึ่งค่อนข้างสะดวกมาก เพราะบางครั้งเราแค่อยากดื่มเครื่องดื่มเล็กๆน้อยๆ ก็จะได้ไม่ต้องลงไปถึงชั้นล่างบ่อยๆ อีกทั้งยังอยู่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่ เหมาะที่จะออกมานั่งจิบชา-กาแฟช่วงเช้ามากๆเลย
ถัดเข้ามาในห้องจะเป็นส่วนของพื้นที่เตียงนอนครับ มีขนาดกว้างใหญ่มากๆ ซึ่งพิเศษหน่อยสำหรับห้อง Master Bedroom จะได้เป็นพื้นปาร์เก้ไม้สักลายก้างปลาแบบนี้ด้วย สวยงามดีทีเดียว (ทีเด็ดอีกอย่างคือ มีช่องเก็บของที่ซ่อนอยู่ในเสาและผนังด้วยครับ)
ส่วนระเบียงตรงนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่จะมีพื้นที่แคบๆที่เชื่อมต่อกับระเบียงขนาดใหญ่ก่อนหน้านี้อีกด้วย
จุดที่น่าสนใจของระเบียงสำหรับผมคือ “ท่อน้ำ” ซึ่งโครงการเลือกที่จะใช้ท่อน้ำที่ผนังด้านข้างเพิ่มเข้ามา แทนที่จะใช้วิธีระบายน้ำออกจากระเบียงโดยตรงเหมือนโครงการทั่วไป ซึ่งนอกจากจะดูไม่เรียบร้อยแล้ว ยังทำให้ Facade บ้านดูโทรมเร็วอีกด้วย
ประโยชน์คือ กรณีที่เราไม่อยู่บ้านนานๆ แล้วท่อน้ำบนพื้นมีใบไม้หรือสิ่งสกปรกมาปิดท่อไว้ ทำให้น้ำไม่ไหล ท่อด้านข้างก็จะทำหน้าที่ช่วยระบายอีกช่องทางหนึ่ง ทำให้น้ำไม่เจิ่งนองที่ระเบียงนั่นเองครับ
กลับเข้ามาด้านอีกครั้ง อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็น Walk in closet ซึ่งเราจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆเลย ต้องมา Built in ตู้เองนะ (ของจริงที่ยังไม่มีตู้จะกว้างมากๆ ขนาดเท่าห้องนอนเล็กๆทั้งห้องของบ้านทั่วไปเลยครับ)
ส่วนห้องน้ำก็มีขนาดใหญ่มากทีเดียวครับ จัดการใช้งานแบบ His&Her ให้อ่างล้างหน้ามา 2 ตำแหน่ง สามี-ภรรยาสามารถใช้งานพร้อมๆกันได้เลย
สุขภัณฑ์ทั้งหมดจะมีทั้งของ TOTO และ American Standard ส่วนก๊อกน้ำและฝักบัวจะเป็นของ Grohe มีจุดให้เลือกอาบน้ำ 2 แบบ คือ แบบยืนอาบที่มี Rain Shower กับที่นั่งรองรับ ส่วนอีกด้านจะมีอ่างอาบน้ำขนาด 1.6 x 0.7 m. ลึก 45 cm. ที่สามารถนอนแช่ได้ทั้งตัว
ถัดมาเราจะขึ้นบันไดที่ยังชั้น 3 กันต่อครับ ซึ่งโถงบันไดชั้นนี้จะค่อนข้างสว่าง เพราะได้แสงจากช่องหน้าต่างที่อยู่ด้านบนด้วยนั่นเอง
แปลนชั้น 3 จะมีห้องนอนถึง 3 ห้อง และแต่ละห้องก็จะมีทั้ง Walk in closet และห้องน้ำในตัวเป็นของตัวเองด้วยครับ นอกจากนี้ยังมีห้องอเนกประสงค์อีก 3 ห้อง โดยห้องหนึ่งสามารถปรับเป็นห้องพระได้ อีกห้องก็ใช้เป็นห้องทำงานหรือห้องใช้งานอื่นๆ สุดท้ายคือห้องเล็กสุดทางซ้ายมือที่เหมาะจะเป็นห้องเก็บของครับ โดยรวมแล้วเป็นชั้นพักอาศัยของลูกๆ ซึ่งหนุ่มๆสาวๆก็สามารถเดินขึ้น-ลงบันไดได้ไม่ลำบากอยู่แล้วครับ และยังมีห้องที่ทุกคนในครอบครัวก็สามารถมาใช้งานร่วมกันได้อีกด้วย จะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันครับ
มาเริ่มกันที่ด้านขวาของบันไดกันก่อนครับ จะประกอบด้วย 3 ห้องคือ มีห้องพระ 1 ห้อง และห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง
ในส่วนของห้องพระจะมีขนาด 4 x 2.6 m. และเราจะได้ผนังด้านขวาเป็นกระจกแบบนี้เลยอีกด้วยครับ ซึ่งผมคิดว่าเป็นตำแหน่งที่ดีนะ (อยู่ตรงกลางบ้านและชั้นบนสุดด้วย)
นอกจากนี้ยังมีช่องเก็บของที่ซ่อนอยู่ในเสาเหมือนกับห้อง Master Bedroom อีกด้วยครับ ซึ่งทางโครงการก็จะมีหน้าบานปิดให้เรียบร้อย ถือว่าเป็นการใช้พื้นที่ได้เป็นประโยชน์มากๆ
ติดกันจะเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่รองลงมาจากห้อง Master Bedroom มีพื้นที่อยู่ติดทั้งด้านหน้าบ้าน ข้างบ้าน และด้านหลังบ้านเลยครับ
ส่วนระเบียงจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก พอให้ออกมายืนสูดอากาศ หรือจะออกมานั่งก็ได้ เพราะเค้าจะก่อปูนขึ้นมาไว้ให้แบบนี้เลยครับ
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่ Walk in closet ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆต้อง Built in ตู้ทั้ง 2 ฝั่งเองแบบนี้ แน่นอนว่าเหลือเฟือต่อการใช้งานสำหรับ 1 คนแน่นอนครับ
และติดกันก็จะเป็นห้องน้ำ ซึ่งพอทำธุระในห้องน้ำเสร็จก็สามารถออกไปแต่งตัวได้ทันที
ภายในมีสุขภัณฑ์ต่างๆครบพร้อมใช้งานเช่นเคยครับ จุดที่ผมชอบคือมีหน้าต่างให้ 2 จุด ซึ่งช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีเลยทีเดียว
ถัดมาจะเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ติดกันอีกห้องหนึ่งครับ ภายในก็มีขนาดที่ใหญ่พอสมควร
ปลายเตียงมีพื้นที่ให้ติดทีวีได้ แล้วยังมีทางไป Walk in closet และห้องน้ำอีกด้วย
ห้องน้ำแบ่งแยกฟังก์ชันเป็นสัดส่วนครับ และกั้นด้วยฉากกระจกมาให้แบบนี้เลย
ขนาดพื้นที่ใช้งานสะดวกได้มาตรฐาน แต่จุดที่ผมชอบคือนอกจากจะมีที่นั่งให้นั่งอาบน้ำได้สบายๆแล้ว ยังมีการเซาะร่องที่ผนังให้สามารถวางของใช้อาบน้ำเพิ่มเติมได้อีกด้วย
ต่อไปเราจะมาดูทางด้านซ้ายของโถงบันไดที่เหลือกันบ้างครับ
โดยโถงทางเดินช่วงนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทางโครงการจึงจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นอเนกประสงค์มาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งก็น่าใช้งานมากๆครับ เพราะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างด้วย เหมาะที่จะมานั่งเล่นอ่านหนังสือมากๆ
เข้ามาดูห้องนอนสุดท้ายทางขวามือกันครับ ซึ่งฟังก์ชันและขนาดของห้องนี้จะเท่ากับของนอนก่อนหน้านี้เลย
ปลายเตียงก็มี Walk in closet และห้องน้ำเหมือนกัน เพียงแต่ว่าห้องน้ำห้องนี้อาจมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย และมีหน้าต่าง 2 ด้าน ทำให้ระบายอากาศได้ดีกว่าครับ
ส่วนอีก 2 ห้องที่เหลือจะเป็นห้องเก็บของและห้องอเนกประสงค์นะ
ห้องเก็บของที่อยู่ทางขวาจะมีขนาด 1.9 x 2.7 m. สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆ ที่อาจไม่ค่อยได้ใช้งานบ่อยๆได้ เช่น กระเป๋าเดินทางใบโตๆ เป็นต้น
ส่วนห้องอเนกประสงค์จะมีขนาด 4.7 x 3.1 m. ซึ่งทางโครงการจัดออกมาเป็นห้องทำงานครับ หรือเราจะดัดแปลงเป็นห้องอย่างอื่นก็ได้ เช่น ห้องดูหนังฟังเพลง ห้องเล่นเกมส์ หรือห้องออกกำลังกาย เป็นต้น และที่ชอบอีกอย่างคือ ช่องหน้าต่างของห้องนี้มีขนาดใหญ่ดีทีเดียว
ซึ่งหากมองจากภายนอกในตอนแรก หลายคนอาจคิดว่า…พื้นที่ในส่วนนี้เป็นแค่ Facade ประดับสวยงามเท่านั้น แต่จริงๆแล้วมีพื้นที่อีกชั้นหนึ่งที่ซ่อนอยู่ แล้วทำเป็น Facade หลังคาครอบเอาไว้อีกที (เหมือนห้องใต้หลังคาในเมืองนอกเลย)
และจุดที่ผมชอบอีกอย่างคือ ตามขอบบัวต่างๆจะมีการทำรางน้ำล้อมรอบตัวบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลลงไปด้านล่าง ทำให้ Facade บ้านเกิดความสกปรกและโทรมเร็วนั่นเองครับ ถือว่าออกแบบและเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างดีทีเดียว
นอกจากนี้ทางโครงการยังมีบ้านเปล่าให้ดูอีกด้วยครับ หากใครสนใจก็สามารถเข้าไปชมกันได้นะ ส่วนด้านล่างนี้จะเป็นภาพมุมสวยๆที่ผมถ่ายรูปมาฝากกัน สามารถกดดูใน Gallery ได้เลยครับ
- Prestige II บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 73.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 577 – 578 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 58.5 ล้านบาท
สำหรับบ้านเดี่ยว Type นี้จะไม่มีบ้านตัวอย่างให้ชมนะครับ แต่ฟังก์ชันหลักๆจะคล้ายกับแบบบ้านตัวอย่างที่เราเพิ่งชมกันไปก่อนหน้านี้เลยนะ เพียงแต่ในส่วนของชั้น 3 ก็จะมีห้องนอนลดลงไป 1 ห้อง กลายเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่เท่ากัน 2 ห้องแทนครับ (เกือบจะเท่ากับห้อง Master Bedroom เลยล่ะ) บ้านหลังนี้จึงเหมาะกับครอบครัวที่มีลูก 2 คน และอยากให้แต่ละคนได้ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่เหมือนกันนั่นเองครับ
และนอกจากนี้ทางโครงการยังมีทาวน์โฮมให้ชมอีก 1 แบบด้วยครับ จะเป็นอย่างไรบ้างวันนี้ผมจะพาไปชมบ้านตัวอย่างแบบคร่าวๆกันครับ
- Pride ทาวน์โฮม 4 ชั้น หน้ากว้าง 8.6 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 39.57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 478 – 500 ตร.ม
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 31.5 ล้านบาท
หน้าตา Facade ภายนอกจะออกแบบมาในสไตล์ European Classic เช่นเดียวกับแบบบ้านเดี่ยวครับ ซึ่งจุดที่ผมชอบคือระเบียงที่เยอะมาก และเมื่อปลูกต้นไม้ประดับที่ระเบียงหลายๆจุดแล้ว ก็ทำให้ตัวบ้านมีสีสันและดูสวยงามขึ้นเยอะเลยทีเดียวครับ และผมก็เชื่อว่าถ้าทาวน์โฮมทุกหลังของโครงการมีการปลูกต้นไม้ประดับแบบนี้ ก็จะทำให้บรรยากาศโครงการดูสวยงามขึ้นอย่างมากแน่นอน
แปลนของทาวน์โฮมทั้ง 4 ชั้นค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะชั้นที่ 4 ซึ่งถูกจัดให้เป็นพื้นที่ของ Maid นับว่าค่อนข้างแปลกกว่าโครงการอื่น ประกอบด้วยห้องนอน Maid ขนาดใหญ่ กับห้องเก็บของที่ใหญ่ไม่แพ้กัน ซึ่งจะทำห้องนอนเพิ่มแยกอีกห้องก็ยังได้ มีห้องน้ำให้ใช้ร่วมกัน พร้อมห้องครัว และห้องซักล้าง อีกทั้งยังมีระเบียงขนาดใหญ่ให้ใช้ตากผ้าได้โดยไม่รบกวนพื้นที่ชั้นล่าง นั่นจึงทำให้ชั้น 1 สามารถจัดสวนสวยๆรับแขกได้เต็มที่เลยครับ
แลกกับการที่แม่บ้านอาจต้องขนของพวกอาหาร หรือเสื้อผ้าขึ้น-ลงถึง 4 ชั้น จึงอาจจำเป็นต้องติดตั้งลิฟต์เพื่อเพิ่มความสะดวก ซึ่งโชคดีที่โครงการทำช่องลิฟต์เตรียมเอาไว้ให้พร้อมแล้วล่ะครับ (แต่ไม่ได้ทำลิฟต์ไว้ให้นะ) ซึ่งภาพบางส่วนจากบ้านตัวอย่างจะเป็นอย่างไร เราไปชมกันครับ (…และถ้ามีโอกาสเราจะทำเป็นรีวิวเจาะลึกของตัวทาวน์โฮมให้ดูอีกครั้งนะ ^^)
โถงต้อนรับด้านหน้า
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
22 May 2020
- Prestige I บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 73.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 577 – 578 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 58.5 ล้านบาท - Prestige II บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 73.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 577 – 578 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 58.5 ล้านบาท - Pride ทาวน์โฮม 4 ชั้น หน้ากว้าง 8.6 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 39.57 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 478 – 500 ตร.ม
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 31.5 ล้านบาท - Proud ทาวน์โฮม 4 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 44.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 490 – 502 ตร.ม
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
– ราคาเริ่มต้น 33.32 ล้านบาท - Passion ทาวน์โฮม 4 ชั้น หน้ากว้าง 6.5 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 27.3 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 352 – 361 ตร.ม
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ + 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำแม่บ้าน
–ราคาเริ่มต้น 19.8 ล้านบาท(ราคาเริ่มต้น 20.8 ล้านบาท …Update ณ วันที่ 29/07/2020) - จองและทำสัญญา
- ทาวน์โฮม จอง 200,000 บาท ทำสัญญา 1 ล้านบาท
- บ้านเดี่ยว จอง 500,000 บาท ทำสัญญา 2 ล้านบาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ..นานๆทีถึงจะมีโครงการแนวราบเกิดขึ้นในย่านนี้นะครับ เพราะที่ดินโซนพระราม 3 ปัจจุบันก็หายากเหลือเกิน (เท่าที่ทราบก็มีเพียง 3 – 4 โครงการเท่านั้นในรอบ 5 ปีนี้ เฉลี่ยก็ปีละ 1 โครงการ) ซึ่งการเดินทางด้วยรถยนต์นับว่าสะดวกมากครับ เพราะสามารถเข้าเมืองไปสีลม-สาทรด้วยทางด่วนได้ง่าย และยังใกล้วงแหวนอุตสาหกรรมที่ข้ามฝั่งไปปู่เจ้า-สมุทรปราการ หรือเชื่อมต่อไปถนนกาญจนาภิเษกก็สะดวก
โดยความอุดมสมบูรณ์หลักจะอยู่บริเวณ Central พระราม 3 แล้วยังมีคอมมูนิตี้มอลล์ และซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเทสโก้โลตัส รวมถึงอนาคตจะมี Terminal 21 เข้ามาเพิ่มความคึกคักอีกครับ ส่วนทำเลโครงการในถนนนนทรี จะมีลักษณะเป็นซอยตัน อาจไม่ได้ติดถนนใหญ่แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัว แลกกับสภาพแวดล้อมทางเข้าที่เป็นชุมชนดั้งเดิม และมีวินรถสองแถวจอดเรียงรายอยู่ในซอยเยอะ แต่ด้วยความเป็นชุมชนเนี่ยแหละ จึงทำให้มีร้านอาหารตามสั่งในซอยด้วย ถือว่าหาของกินแบบง่ายๆได้ไม่ยากครับ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
ในส่วนของทาวน์โฮมจะค่อนข้างเป็นมาตรฐานของระดับราคานี้ครับ แต่พอเป็นส่วนของบ้านเดี่ยวจะมี Gate ประตูชั้นที่ 2 เพิ่มเข้ามา กลายเป็น Double Gate ที่มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น แต่หากเป็นระบบภายในบ้านที่ให้กล้อง CCTV มาเพียง 4 จุด ผมยังมองว่าน้อยไปนะสำหรับโปรดักส์ระดับราคานี้ อาจต้องเพิ่ม Magnetic และ Shock Sensor ด้วยตัวเองภายหลังครับ
การออกแบบโครงการ :
โครงการนี้ประกอบด้วย 2 โปรดักส์คือ บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ซึ่งแบ่งแยกโซนกันค่อนข้างชัดเจน ด้วย Gate ประตูชั้นที่ 2 ของโซนบ้านเดี่ยว โดยที่ทั้ง 2 โซนยังสามารถมาใช้งานส่วนกลางร่วมกันได้อยู่ (ซึ่งทาวน์โฮมด้านหน้าจะมาใช้สะดวกกว่าหน่อย) และที่ชอบอีกอย่างคือ เป็นโครงการขนาดเล็ก มียูนิตเพียง 56 หลังเท่านั้น ถือว่าเป็นส่วนตัวพอสมควร ส่วนถนนโครงการที่กว้าง 9 m. ผมก็มองว่าเพียงพอที่จะใช้กลับรถหรือขับสวนทางกันได้สบายๆเลยครับ
การออกแบบบ้านและพื้นที่ใช้สอย :
ไม่ว่าจะเป็นโปรดักส์ทาวน์โฮมหรือบ้านเดี่ยว จะมีจุดเด่นที่เหมือนกันอยู่ 3 จุดใหญ่ๆคือ 1.) มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ 2.) จอดรถได้หลายคัน 3.) ให้ความสำคัญกับโซนของ Maid มากๆ ส่วนเรื่องหน้าตาการออกแบบสไตล์ European Classic ผมมองว่าแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะครับ สามารถไปชมของจริงด้วยตัวเอง หรือตัดสินใจจากภาพจริงที่ผมถ่ายให้ดูก็ได้ว่าคุณชอบสไตล์นี้รึป่าว ซึ่งส่วนตัวผมว่าเค้าก็เก็บรายละเอียดได้เยอะดีพอสมควร
มาวิเคราะห์เจาะลึกตัวบ้านเดี่ยวกันครับ เป็นบ้านขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 577 ตร.ม. ถูกสร้างมาเต็มพื้นที่ดิน อาจไม่เหมาะกับคนชอบปลูกต้นไม้ทำสวน แต่ให้ที่จอดรถมากถึง 5 คัน เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ที่อาจมีรถส่วนตัวใช้งานคนละคัน เป็นบ้านที่มีพื้นที่เก็บของเยอะมาก ใช้งานพื้นที่ได้ค่อนข้างคุ้ม และยังสามารถอยู่อาศัยร่วมกันได้หลาย Generation อีกด้วย
ฟังก์ชันหลายส่วนถูกออกแบบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่ไม่มีพื้นลดระดับ บันไดที่กว้างและไม่ชันเดินได้สบาย แล้วยังมีลิฟต์โดยสารมารองรับอีกด้วย ทำให้คุณปู่คุณย่าอยู่ร่วมกับลูกๆหลานๆได้เป็นอย่างดี ส่วนห้องนอนจะมีห้องน้ำและ Walk in closet ในตัวทุกห้อง ถือว่าเป็นส่วนตัวดีมากๆ ยิ่งห้อง Master Bedroom มีส่วนเตรียมอาหารอเนกประสงค์เป็นของตัวเองอีก นับว่าสะดวกดีทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีห้องอเนกประสงค์อื่นๆ ให้ใช้เป็นห้องพระกับห้องทำงานได้ และส่วนของ Maid ก็มีพื้นที่แยกออกไปเป็นสัดส่วน ไม่รบกวนพื้นที่ส่วนของเจ้าของบ้าน และมีห้องนอนขนาดใหญ่ที่วาง 2 เตียงได้ ซึ่งหาโครงการแบบนี้ได้ยาก เหมาะกับบ้านที่มีแม่บ้านหรือพี่เลี้ยง 2 คนมากๆครับ ซึ่งฟังก์ชันแบบนี้แหละที่ทำให้เค้าอยากทำงานอยู่ร่วมกับบ้านหลังนี้ไปนานๆ
วัสดุ :
ถือเป็นจุดเด่นมากๆของโครงการนี้ครับ โดยเฉพาะผนังที่นอกจากจะเป็นอิฐมอญแดงที่หาได้ยากในสมัยนี้แล้ว ยังทำเป็นผนัง 2 ชั้นแบบ Double Wall ที่ช่วยกันเสียงและความร้อนได้ค่อนข้างดี นอกจากนี้ยังลงเสาเข็มที่โรงจอดรถกับลานซักล้างลึกเท่ากับตัวบ้าน ให้ยาวออกมาจนถึงรั้วบ้านเลยครับ ป้องกันการทรุดได้ดีทีเดียว ที่ชอบอีกอย่างคือพื้นชั้น 2 ที่เป็นพื้นปาร์เก้ไม้สักที่สวยดีมากๆ ยิ่งเป็นในห้อง Master Bedroom ที่เรียงแบบลายก้างปลาผมว่ายิ่งสวยนะ แต่นอกนั้นผมมองว่าเป็นวัสดุมาตรฐานของบ้านระดับราคานี้ครับ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
โครงการนี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และสร้างยูนิตเกือบเต็มพื้นที่ จึงทำให้อาจไม่ค่อยได้เห็นต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น หรือความเขียวขจีในโครงการมากนัก สายไฟเดินลงใต้ดินทั้งหมด ไม่บดบังทัศนียภาพและหน้าบ้านภายในโครงการ และด้วยระดับราคานี้ส่วนตัวผมมองว่า ทางเข้าหรือบรรยากาศถนนในโครงการ สามารถทำให้สวยงามเหมาะสมกับราคาโปรดักส์ได้มากกว่านี้อีกนะ
สาธารณูปโภค :
อาคาร Clubhouse มีฟังก์ชันหลักๆครบ ทั้งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องน้ำ และพื้นที่ Lobby ซึ่งถึงแม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เพราะเป็นโครงการขนาดเล็ก แต่โดยส่วนตัวผมมองว่า Clubhouse นี้มีไว้หลักๆเพื่อรับรองแขกภายนอก ที่อาจแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน และเจ้าของบ้านยังต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่ ก็สามารถใช้สถานที่แห่งนี้ต้อนรับแขก แทนการพาเข้าบ้านได้นั่นเองครับ (ส่วนตัวผมอยากเสริมให้มีที่จอดรถเป็นกิจจะลักษณะด้วยก็จะดีนะ)
Judgement
สำหรับรีวิวโครงการ The Welton rama 3 ฉบับนี้ จะเป็นในส่วนโปรดักส์ของบ้านเดี่ยวเท่านั้น ซึ่งเป็นโครงการระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่ขายราคาตั้งแต่ 58.5 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ปัจจัยในการเลือกซื้อนอกจากจะต้องดูเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่สำคัญ เช่น ความชอบส่วนบุคคล อารมณ์ และความรู้สึกส่วนตัวของผู้ซื้อ ที่ต้องนำมาใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ดังนั้นทางทีมงานจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่าแก่โครงการลักษณะนี้นะครับ
BOTTOM LINE
โครงการ The Welton rama 3 เหมาะกับคนที่มองหาบ้านแนวราบทำเลพระราม 3 เข้าเมืองไปสีลม-สาทร หรือสมุทรปราการไม่ยาก เป็นโครงการไม่ใหญ่มาก มีความเป็นส่วนตัว เน้นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ เป็นครอบครัวใหญ่ อยู่ได้หลาย Generation จอดรถได้ 5 คัน และมีห้องแม่บ้านที่อยู่ได้ 2 คนสบายๆ มีงบประมาณ 58.5 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 410,000 บาทขึ้นไป
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving