ทำเลอยู่ติดกัน แต่ราคาต่างกันถึง 10 ล้านบาท อย่างโครงการ “วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา” ที่ตั้งอยู่ใกล้มอเตอร์เวย์ก็เป็นอีก 1 ทำเลตัวอย่างเลย

โครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนถนนพัฒนาชนบท 4 ใกล้ทางด่วนมอเตอร์เวย์และถนนวงแหวนกาญจนาฯ เดินทางไปรามคำแหง, พระราม 9 และสนามบินสุวรรณภูมิได้ง่าย ในขณะที่ราคาบ้านในย่านนี้เริ่มต้น 8–20 ล้านบาท (สำหรับโครงการนี้อยู่ที่ 11–18 ล้านบาท* ) เมื่อเทียบกับโซนกรุงเทพกรีฑาที่อยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่นาที แต่มีราคาบ้านเริ่มต้น 30 ล้านบาทไปจนถึง 100 ล้านบาทเลยค่ะ ถือว่าทำเลห่างกันนิดเดียว แต่ราคาต่างกันมากเลยนะ นี่แหละคือจุดเด่นของทำเลโครงการนี้ อีกจุดที่น่าสนใจคือ แผนพัฒนาถนนพัฒนาชนบท 4 ที่จะเชื่อมต่อไปยังถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์–ร่มเกล้า) ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและทำให้ทำเลนี้คึกคักมากขึ้นในอนาคตด้วย

ถ้าถูกใจทั้งทำเลและราคาแล้ว มาดูรายละเอียดของตัวโครงการที่โดดเด่นไม่แพ้กัน เพราะ โครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา ออกแบบเน้นความเป็นส่วนตัวสูง มีเพียง 91 ยูนิต โดยแต่ละซอยมีเพื่อนบ้านแค่ 2–6 หลัง และส่วนใหญ่เป็นบ้านแปลงมุม จึงได้บรรยากาศสงบ ไม่พลุกพล่าน เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว พร้อมพื้นที่ส่วนกลางครบครันและสวนสีเขียวขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่

ส่วนของตัวบ้าน มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 251–389 ตร.ม. ทุกหลังมาพร้อม Courtyard ส่วนตัว ถูกใจคนที่ชอบสวนภายในบ้านหรืออยากได้บรรยากาศแบบรีสอร์ต นอกจากนั้นแต่ละแบบบ้านก็มีจุดเด่นเฉพาะตัว โดยเฉพาะแบบบ้านที่มีพื้นที่ 300+ ตร.ม. หรือจอดรถได้ถึง 4 คัน ก็ถือเป็น Rare Item ในทำเลนี้ด้วย รายละเอียดของแต่ละแบบบ้านเป็นยังไง ตามอ่านกันต่อได้เลย

ข้อมูลโครงการ

รีวิว Villa 168 New Krungthepkreetha (วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา) ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2568

 ชื่อโครงการ   Villa 168 New Krungthepkreetha (วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท พรสันติ จำกัด (ในเครือ L.P.N. Development Group)
 SEGMENT CLASS   UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนพัฒนาชนบท 4 ถนนพัฒนาชนบท แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520
 ที่ดิน ประมาณ 28 ไร่
 จำนวนยูนิต 91 ยูนิต
 ประเภทบ้าน
  • SUNSHINE (ซันไชน์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น  58.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 251 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท*
  • MEMORY (เมมโมรี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 66.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 319 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท*
  • LEGACY (เลกกะซี) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 80.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 387 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 18 ล้านบาท*

 ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ       115,700 บาท
 เริ่มก่อสร้าง   มิถุนายน 2567
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   สิงหาคม 2568 (คาดเสร็จบางส่วน)
 เว็บไซต์โครงการ  คลิกที่นี่
 โทร   02-689-6888

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.75315046096663, 100.73134484418026
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Highlight

  • บ้านใกล้ทางด่วน ทั้งถนนมอเตอร์เวย์และถนนวงแหวนกาญจนาฯ ทำให้เดินทางเข้า-ออกเมืองง่าย
  • ทำเลที่มีโครงการบ้านหรูมากขึ้น มีแนวโน้มที่จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
  • ตั้งอยู่บนถนนพัฒนาชนบท 4 มีแผนการตัดถนนเพื่อเชื่อมต่อไปยังถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ทำให้เดินทางสะดวกและมีความคึกคัก
  • ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 7.2 กม.

แผนที่จากโครงการค่ะ

วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่ตรงไหน?

โครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนถนนพัฒนาชนบท 4 ที่เป็นซอยย่อยของถนนเลียบมอเตอร์เวย์หรือถนนพัฒนาชนบทค่ะ ซึ่งทาง กทม. มีการประกาศจะพัฒนาถนนพัฒนาชนบท 4 ในอนาคต เพื่อเชื่อมต่อไปยังถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ทำให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้น แต่ปัจจุบันยังไม่เริ่มก่อสร้าง คาดเริ่มก่อสร้างในปี 2569 นี้ค่ะ ดังนั้นอาจต้องตรวจสอบกับทางราชการอีกครั้งนะคะ

โดยถนนเส้นหลักที่ใช้ในการเดินทางบนทำเลนี้มี 3 เส้นทาง ดังนี้

  • ถนนมอเตอร์เวย์ : มีจุดขึ้น-ลงอยู่ใกล้โครงการเพียง 3.4 กม. สามารถเชื่อมต่อใจกลางเมือง ผ่านทางพิเศษศรีรัช เพื่อเดินทางไปยังโซนพระราม 9 และรามคำแหงได้สะดวก อีกทั้งยังสามารถเดินทางออกนอกเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิและจังหวัดชลบุรีได้ง่าย นอกจากนี้ถนนมอเตอร์เวย์ยังเชื่อมต่อกับวงแหวนกาญจนาภิเษกฯ ใช้เดินทางไปยังโซนรามอินทรา และบางนาได้ง่าย หรือจะไปห้างใหญ่ๆอย่าง Mega Bangna หรือ Fashion Island ก็ได้ใน 30 นาที
  • ถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) : เป็นถนนที่ตัดเชื่อมถนนศรีนครินทร์ และถนนหลังราม วิ่งเข้ารามคำแหงและพระราม 9 ได้สะดวก โดยตัดยาวผ่านกรุงเทพกรีฑาที่มี Community Mall และร้านอาหาร รวมถึงโครงการบ้านหรูหลายแห่ง มาจนถึงถนนร่มเกล้า และเชื่อมต่อไปยังถนนเจ้าคุณทหาร เพื่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังได้ค่ะ
  • ถนนร่มเกล้า : เป็นถนนที่เชื่อมต่อจากมีนบุรีทางทิศเหนือ ลงมายังถนนอ่อนนุช – ลาดกระบัง และสามารถวิ่งเข้าสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวก เหมาะกับคนที่เดินทางบ่อยๆ หรืออาจจะชอบปั่นจักรยาน ทำเลนี้ก็เดินทางไปสนามเจริญสุขมงคลจิตได้ง่ายมากๆ

นอกจากนั้นทำเลของโครงการนี้ยังเป็นทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีลาดกระบัง ในระยะ 4.5 กิโลเมตร สามารถใช้เดินทางเข้าเมืองไปย่านพญาไทและเชื่อมต่อ BTS สายสีเขียวอ่อนได้สะดวกเลย หรือจะเชื่อมต่อ MRTสายสีน้ำเงิน สถานีเพชรบุรี ที่ Airport Rail Link สถานีมักกะสัน เพื่อเดินทางไปโซนรัชดาหรือลาดพร้าวก็สะดวกค่ะ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการ หากพูดถึงบนเส้นพัฒนาชนบท 4 ก็อาจจะยังไม่คึกคักมากนักเมื่อเทียบกับถนนพัฒนาชนบท 3 และถนนร่มเกล้า แต่ปัจจุบันบริเวณหน้าปากซอยที่มีมีระยะห่างจากโครงการ 2.4 กิโลเมตร ก็จะมีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven, Lotus go Fresh, CJ Supermarket และตลาดพารวย หรือจะขยับออกมาหน่อยบนถนนพัฒนาชนบท 3 ก็จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ร้านอาหาร และตลาดนัดหลายแห่งเลยค่ะ

นอกจากนั้นในอนาคต หลังจากมีการตัดถนนพัฒนาชนบท 4 ไปเชื่อมต่อกับถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้าแล้ว ก็คาดว่าจะมีการพัฒนามากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ เพราะอย่างเส้นพัฒนาชนบท 3 เอง เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ก็มี 7-11 แค่ที่เดียว แต่ปัจจุบันก็มีมากถึง 4 แห่งเลย บรรยากาศภายซอยก็ดูคึกคักมากขึ้นด้วย

แต่ถ้าใครอยากเดินห้างใหญ่ๆก็จะมีอยู่บนถนนลาดกระบัง อย่าง The Paseo Mall และ Robinson Lifestyle ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 7.1-7.4 กิโลเมตร หรือจะไปเส้นถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง) ปัจจุบันก็จะมี Community Mall และร้านอาหารต่างๆ อยู่พอสมควรเลยค่ะ

บ้านเดี่ยว ลาดกระบัง ราคาเท่าไหร่?

ทุกคนจะเห็นว่าบ้านเดี่ยวทำเลใกล้ถนนมอเตอร์เวย์ในย่านลาดกระบังนี้มีอยู่หลายโครงการเลย เนื่องจากถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า หรือที่หลายๆคนเรียกว่าถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ได้กลายเป็นเส้นทางสัญจรหลักของคนบนทำเลนี้ไปแล้ว ทำให้เดินทางสะดวกและมีความเจริญ ดึงดูดร้านค้า ร้านอาหารหรือ Community Mall เข้ามา ทำให้คนในละแวกนี้หาของกินได้ง่ายมากขึ้นด้วย

หากพูดถึงจุดเด่นของทำเลโครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา ก็คือ บ้านใกล้ทางด่วน อย่างถนนมอเตอร์เวย์และถนนวงแหวนกาญจนาฯ สามารถเดินทางไปยังย่านรามคำแหง-พระราม 9 ได้สะดวก อีกทั้งยังใกล้สนามบินสุวรรณภูมิและรถไฟฟ้า Airport Rail Link นอกจากนั้นยังเป็นทำเลที่ราคาบ้านยังไม่สูงมากนัก เพราะบ้านเดี่ยว ลาดกระบังนี้มีราคาเริ่มต้นประมาณ 8-20 ล้านบาท เมื่อเทียบเท่ากับย่านกรุงเทพกรีฑา (ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ที่เป็นย่านบ้านเดี่ยวหรูระดับ 30 ล้านบาทขึ้นไปจนถึง 100 ล้านบาท ทั้งที่เป็นทำเลที่ห่างกันเพียงไม่กี่นาทีเองนะ ทำให้ไม่แปลกเลยที่เราเห็นโครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา หรือโครงการบ้านจัดสรรอื่นๆมาเปิดใหม่อยู่บนทำเลนี้เยอะ ทำให้ทำเลนี้ในอนาคตก็คงมีราคาที่ดินสูงขึ้นและมีความคึกคักมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบและที่ดินเปล่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม แต่เนื่องจากถนนพัฒนาชนบท 4 ในปัจจุบันยังเป็นซอยตัน ทำให้บรรยากาศภายในซอยไม่ได้พลุกพล่านมากนัก แต่ก็มีโครงการบ้านจัดสรรใหม่ๆมาเปิดอยู่เหมือนกัน ทำให้เริ่มมีความคึกคักมากขึ้น รวมถึงในอนาคตมีแผนเชื่อมต่อถนนพัฒนาชนบท 4 กับถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า คาดก่อสร้างปี 2569 หากเปิดให้ใช้งานแล้ว ก็อาจจะมีร้านค้า ร้านอาหารภายในซอยมากขึ้นค่ะ

  • ทิศเหนือ ติดกับ ที่ดินเปล่า
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนพัฒนาชนบท 4 และที่ดินเปล่า
  • ทิศใต้ ติดกับ โครงการบ้านจัดสรรแนวราบสูง 2 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับ คลองหนึ่ง

Image 1/3
ภาพบรรยากาศด้านหน้าโครงการ เมื่อมองไปฝั่งขวา

ภาพบรรยากาศด้านหน้าโครงการ เมื่อมองไปฝั่งขวา

ภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง ~ 7.5 กม.
  • มาร์เก็ตเพลส กรุงเทพกรีฑา ~ 14.4 กม.
  • เดอะ ไนน์ พระราม 9 ~ 16.9 กม.
  • เซ็นทรัล พระราม 9 ~ 23.8 กม.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลสิรินธร ~ 12.1 กม.
  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รามคำแหง ~ 15.4 กม.
  • โรงพยาบาลรามคำแหง 2 ~ 16 กม.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 17 กม.

สถานศึกษา

  • โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า อินเตอร์ ~ 350 ม.
  • โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า ~ 6 กม.
  • โรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า ~ 7.2 กม.
  • โรงเรียนนานาชาติไบรตัน ~ 14.8 กม.
  • โรงเรียนนานาชาติเวลลิงตัน ~ 15.7 กม.

อื่นๆ

  • ทางด่วนมอเตอร์เวย์ ~ 3.4 กม.
  • Airport Link (สถานีลาดกระบัง) ~ 4.5 กม.
  • สนามบินสุวรรณภูมิ ~ 7.2 กม.

รายละเอียดโครงการ

Highlight

  • ความเป็นส่วนตัวสูง เพราะมีจำนวนยูนิต 91 ยูนิต รวมถึงมีเพื่อนบ้านในแต่ละซอยเพียง 2-6 หลัง ทำให้ได้ความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน
  • โซนบ้าน 2 โซน แบบติดถนนหลักหรือเน้นความเงียบสงบ โดยบ้านที่ติดถนนหลักเข้า-ออกโครงการได้ง่าย ส่วนโซนที่เน้นความเงียบสงบ จะมีเพื่อนบ้านในซอยเดียวกัน 2-6 หลัง
  • พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ 3 จุด ลูกบ้านเข้าถึงง่าย แบ่งเป็น Clubhouse และสวนแนวยาวอยู่ด้านหน้าโครงการ, Main Park พื้นที่สวนสีเขียวตรงกลางโครงการ และสวนสีเขียวด้านหลังโครงการ
  • สวนสีเขียวขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ กระจายเป็น 5 จุด ทั้งด้านหน้า, ตรงกลางและด้านหลังโครงการ รวมถึงมีสวนหย่อม 2 จุดตรงโซนบ้านด้วย ทำให้ได้บรรยากาศร่มรื่นและใกล้ชิดธรรมชาติ

วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ทั้งหมด 91 ยูนิตบนที่ดินขนาดประมาณ 28 ไร่ โดยออกแบบในสไตล์ Modern Tropical เน้นโทนสีขาว เทาและน้ำตาล รวมถึงการใช้ระแนงบังสายตาและผนังช่องลมเป็น Element ในการออกแบบที่เราจะเห็นรายละเอียดพวกนี้ตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ, Clubhouse ไปจนถึงตัวบ้านเลยนั่นเอง

สำหรับ Clubhouse อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการติดกับซุ้มประตูทางเข้า-ออก เพื่อแยกพื้นที่ส่วนกลางออกจากโซนบ้านพักอาศัย ทำให้โซนบ้านได้บรรยากาศที่สงบ รวมถึงมีเพื่อนบ้านในแต่ละซอยเพียง 2-6 หลังด้วย จึงได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนพื้นที่สวนสีเขียวมีขนาดใหญ่ถึง 2 ไร่ แบ่งเป็น 5 จุดกระจายอยู่รอบโครงการ ได้แก่ สวนแนวยาวด้านหน้าโครงการ, Main park ตรงกลางโครงการและสวนด้านหลังโครงการ ทำให้ลูกบ้านเข้าถึง ใช้งานได้ง่าย อีกทั้งมีสวนหย่อมตรงโซนบ้านอีก2 จุด สร้างบรรยากาศร่มรื่น น่าอยู่อาศัยภายในโครงการด้วยนั่นเอง งั้นเราจะพาไปดู Master Plan โครงการกันต่อเลยนะคะ

  • เน้นความเป็นส่วนตัวสูง มีเพื่อนบ้านในแต่ละซอยเพียง 2-6 หลัง จึงเป็นบ้านแปลงมุมเกือบทุกหลัง ทำให้ไม่ค่อยมีรถหรือคนพลุกพล่านและเปิดรับวิวได้กว้าง แถมออกแบบช่วงต้นๆของถนนหลักติดกับรั้วโครงการที่ติดกับหมู่บ้านด้านข้าง เป็น Buffer Zone ป้องกันเสียงและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้าน
  • พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ 3 จุด แบ่งเป็น Clubhouse และสวนแนวยาวอยู่ด้านหน้าโครงการ เป็นมุมต้อนรับที่สวยงามและแยกจากโซนบ้าน เพิ่มความสงบและส่วนตัว, Main Park พื้นที่สวนสีเขียวตรงกลางโครงการ สร้างบรรยากาศน่าอยู่อาศัย และสวนสีเขียวด้านหลังโครงการ ทำให้ลูกบ้านเข้าถึงส่วนกลางได้ง่าย
  • พื้นที่สีเขียวใหญ่ 2 ไร่ รวม 5 จุด ได้แก่ สวนด้านหน้าโครงการ, Main Park ตรงกลางโครงการ, สวนหย่อมตรงโซนบ้าน 2 จุดและสวนด้านหลังโครงการ ช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่นและใกล้ชิดธรรมชาติ
  • การจัดตำแหน่งบ้าน แบบบ้านเดียวกันจะอยู่โซนเดียวกัน รวมถึงทุกแบบบ้านจะมีบ้านแปลงมุมและบ้านติดถนนหลักให้เลือกด้วย ยกเว้นแบบบ้านหลังกลางที่จะเป็นบ้านติดถนนหลักทั้งหมด จึงเข้า-ออกได้ง่าย
  • ทิศของบ้าน ส่วนใหญ่หันขนานไปตามทิศตะวันออกได้แดดอ่อนๆในตอนเช้า และทิศตะวันตก ก็จะโดนแดดเยอะ แต่ได้ลมดี ดังนั้นเราสามารถติดตั้งม่านสะท้อนแดดเพิ่มได้ ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านค่ะ รวมถึงมีบ้านที่หันไปทางทิศเหนือด้วย ก็จะได้ร่มเงาช่วงบ่ายค่ะ

Image 1/3
ซุ้มประตูโครงการ

ซุ้มประตูโครงการ

เรามาเริ่มกันที่ซุ้มประตูทางเข้า-ออกโครงการกันเลยนะคะ โดยออกแบบมีขนาดใหญ่ พร้อมหลังคาช่วยบังแดด-ฝนได้และจัดสวนสีเขียวอยู่ด้านข้างดูสวยงาม รวมถึงมีป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจนจากถนนเลย นอกจากนั้นยังออกแบบพื้นที่ด้านหน้าร่นจากถนนหลัก ทำให้ลูกบ้านจอดรถต่อแถวเพื่อเข้า-ออกโครงการได้โดยไม่ไปติดขัดการจราจรบริเวณถนนด้านหน้าโครงการด้วยค่ะ

สำหรับประตูทางเข้า-ออกโครงการเป็นรั้วเหล็กรางเลื่อนควบคู่กับรั้วกั้นไม้กระดก แบ่งใช้งานเป็น 2 ฝั่ง ด้านละ 1 ช่องทาง มีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง พร้อมระบบการเข้า-ออกแบบจดจำป้ายทะเบียนรถ, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง, ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ, รั้วทึบรอบโครงการสูง 2.75 เมตร (เฉพาะรั้วโครงการฝั่งที่ติดหมู่บ้านข้างๆ มีต่อรั้วเหล็กกรุด้วยแผงระแนง รวมสูง 3.00 เมตร)

เมื่อเข้ามาภายในโครงการจะเป็นถนนหลักเชื่อมยาวไปยังโซนด้านในโครงการ ส่วนด้านข้างซุ้มประตูจะเห็นอาคาร Clubhouse ที่ออกแบบเชื่อมกันเลยนะคะ

อาคาร Clubhouse ออกแบบอยู่ติดกับตัวซุ้มประตูโครงการ มีข้อดีคือเป็นมุมต้อนรับแขกที่สวยงาม, ทางนิติบุคคลดูแลรักษา Clubhouse ให้สวยงามได้ง่ายและแยกพื้นที่ส่วนกลางที่อาจเกิดเสียงดังหรือพลุกพล่านออกมาจากโซนบ้านพักอาศัย ทำให้โซนบ้านจะมีความสงบและเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้นนั่นเอง แต่เวลาลูกบ้านที่อยู่ด้านในโครงการอยากมาใช้งานส่วนกลางใน Clubhouse นี้จะมีระยะเดินที่มากกว่าหน่อย จึงสามารถปั่นจักรยานหรือขับรถมาจอดตรง Clubhouse แทนได้ค่ะ

ภายใน Clubhouse นี้จะประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor, Co-Living zone, สระว่ายน้ำ และ Fitness ถึงแม้จะไม่ได้มีส่วนกลางหลากหลายมากนัก ด้วยขนาดโครงการที่ไม่ได้ใหญ่มาก มีเพียง 91 ยูนิต แต่ก็ถือว่าให้ส่วนกลางมาครบครันต่อการใช้งานค่ะ

Image 1/2
บันได

บันได

ทางขึ้น-ลงของอาคาร Clubhouse จะมีทั้งบันไดและทางลาด ซึ่งเป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design ที่ดี เพราะรองรับการใช้งานของคนทุกวัยได้ เราจึงเข็นวีลแชร์ของคุณปู่ คุณย่า หรือรถเข็นเด็กมาใช้งานส่วนกลางได้พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวนั่นเอง

Image 1/2
พื้นที่นั่งเล่น Semi Outdoor

พื้นที่นั่งเล่น Semi Outdoor

ทางโครงการออกแบบพื้นที่ชั้น 1 ของ Clubhouse เป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor โดยจัดเป็นชุดโต๊ะ-โซฟาอยู่ 2 จุดด้วยกัน อีกทั้งออกแบบมีชายคาขนาดใหญ่และฝ้าเพดานสูง ทำให้เวลานั่งพักผ่อนอยู่บริเวณนี้ก็ได้รับลมเย็นๆตลอดเลยนะ อย่างเราไปนั่งพักตอนช่วงเที่ยงๆบ่ายๆ ก็ยังรู้สึกเย็นสบายดีเลยค่ะ ส่วนด้านข้างจะเป็น Co-Living zone และห้องนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นห้องแอร์แล้วค่ะ

Image 1/3
Co-Living zone

Co-Living zone

Co-Living zone เหมาะใช้เป็นพื้นที่นั่งทำงาน อ่านหนังสือหรือใช้เป็นห้องประชุมก็ได้เหมือนกัน โดยทางโครงการจะจัดเป็นชุดโต๊ะยาว พร้อมทีวี รวมถึงมี Built-in พื้นที่นั่งเล่นแนวยาวอยู่ด้านในห้องด้วย ส่วนด้านข้างห้องจะมีชั้นวางของและอีกฝั่งของห้องจะเป็นกระจกเปิดรับแสงและวิวด้านนอกค่ะ

ต่อมาเมื่อขึ้นมาชั้น 2 ของ Clubhouse จะเป็น Fitness นั่นเอง ทำให้เราสามารถออกกำลังกายในโครงการได้เลย ไม่ต้องเสียเงินไปสมัคร Member ด้านนอกนะคะ

Image 1/4
Fitness

Fitness

ภายใน Fitness จะประกอบด้วยเครื่องเดินอากาศ 1 เครื่อง, ลู่วิ่ง 2 เครื่อง, จักรยาน 1 เครื่อง, เครื่องยกน้ำหนัก Multi station 1 เครื่อง ทำให้สามารถออกกำลังกายทั้ง Weight Trainning และ Cardio ภายในโครงการได้เลย ส่วนด้านข้างจะมีหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ ไว้ส่องเช็กท่าทางออกกำลังกายได้และมีหน้าต่างบานกระจกขนาดใหญ่เปิดรับวิวทั้ง 3 ฝั่งเลยนะคะ ทำให้เวลาออกกำลังกายไปก็ชมวิวได้เพลินๆดี นอกจากนั้นยังมีพื้นที่สำหรับเล่นโยคะได้ด้วย

จากชั้น 2 นี้จะมองลงไปเห็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ตรงชั้น 1 ด้วย

หลังจากเราพาไปดูภายใน Clubhouse กันแล้ว เราขอพามาดูโซนสระว่ายน้ำกันต่อเลยนะ โดยเวลาเราเดินขึ้นบันไดเข้ามายัง Clubhouse แล้ว พื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor จะอยู่ฝั่งซ้าย ส่วนโซนสระว่ายน้ำจะอยู่ฝั่งด้านขวาค่ะ

Image 1/3
สระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำของโครงการจะเป็นสระระบบเกลือ ขนาด 6.15×13.20 เมตร ออกแบบเป็นสระกลางแจ้ง ทำให้เหมาะมาว่ายน้ำในช่วงเช้าๆหรือตอนเย็นๆ ค่ำๆ รวมถึงมีออกแบบแบ่งสระเด็ก ขนาด 2.65×6.30 เมตร มาให้ด้วย ทำให้เด็กๆมาเล่นสนุกกันได้ภายในโครงการเลย

Image 1/2
พื้นที่นั่งริมสระ

พื้นที่นั่งริมสระ

ทางโครงการออกแบบมีพื้นที่นั่งริมสระว่ายน้ำมาให้ด้วยนะ โดยจะวางเป็น Pool Bed 4 ตัว ให้มานั่งพักผ่อน หรือคุณพ่อ คุณแม่มานั่งเฝ้าดูแลเด็กๆเล่นน้ำแบบใกล้ชิดได้นั่นเอง

Image 1/2
พื้นที่อาบน้ำล้างตัว

พื้นที่อาบน้ำล้างตัว

พื้นที่อาบน้ำล้างตัวจะอยู่ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำเลย มีมาให้ 1 จุด สำหรับอาบน้ำล้างตัวก่อน-หลังว่ายน้ำ เพื่อล้างสิ่งสกปรกที่ติดตามร่างกาย ช่วยให้สระสะอาด เศษสิ่งสกปรกไม่ระคายเคืองผิวหนังคนอื่นเวลาว่ายน้ำด้วยค่ะ

โซนห้องน้ำจะอยู่ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำและอยู่บริเวณด้านหลังของ Clubhouse โดยออกแบบแบ่งฝั่งชาย-หญิงมาให้ชัดเจน

Image 1/4
โซนห้องน้ำ

โซนห้องน้ำ

ทางโครงการออกแบบห้องน้ำส่วนกลางและแบ่งฝั่งชาย-หญิงอย่างละ 1 ห้องนะคะ สำหรับห้องน้ำชายจะออกแบบตามหลัก Universal Design จึงเป็นห้องน้ำที่ใช้ได้ทุกเพศทุกวัย พร้อมติดตั้งประตูบานเลื่อน ราวจับและอุปกรณ์ช่วยพยุงเวลาลุก-นั่งมาให้เลย ส่วนห้องน้ำหญิงก็ติดตั้งอุปกรณ์มาให้ครบครันค่ะ

หลังจากเราพาดู Clubhouse กันไปแล้ว จะเจอกับสวนแนวยาวและถนนหลักกว้าง 12 เมตร เป็นเส้นยาวไปจนถึงด้านในสุดของโครงการ และมีถนนรองกว้าง 9 เมตร เชื่อมต่อไปยังซอยบ้านต่างๆค่ะ

เราชอบที่ทางโครงการออกแบบพื้นที่สวนแนวยาวและถนนหลักขนานกับรั้วโครงการที่ติดกับหมู่บ้านด้านข้างนะคะ เพราะถือเป็น Buffer Zone ป้องกันเสียงดังและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้โซนบ้านบริเวณด้านหน้าโครงการนั่นเอง

อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าทางโครงการออกแบบสวนแนวยาวอยู่บริเวณด้านหน้า เชื่อมจาก Clubhouse และขนานไปกับถนนหลักเลย มีความยาวประมาณ 190 เมตร โดยหน้าที่หลักๆที่นอกจากจะเป็น Buffer Zone และมีฟังก์ชันในสวนให้มาเดินเล่น พักผ่อนแล้ว ยังเพิ่มบรรยากาศร่มรื่นเวลาขับรถเข้า-ออกโครงการด้วยนั่นเอง

นอกจากนั้นด้านข้างของสวนแนวยาวนี้จะเป็นพื้นที่จอดรถสำหรับ Visitor ด้วยนะคะ เพราะอย่างที่เรารู้ดีกันอยู่แล้วว่านิติบุคคลของทาง L.P.N. ค่อนข้างแข็งแรง มีการจัดการเรื่องการจอดรถหน้าบ้านอย่างเคร่งครัด ทำให้ทางโครงการจะมีการซักถามและแจ้งเรื่องการจอดรถภายในโครงการอย่างชัดเจนตั้งแต่ตอนซื้อบ้านเลยนะคะ

Image 1/7
สวนแนวยาว

สวนแนวยาว

สวนแนวยาวด้านหน้าโครงการนี้จะมีพื้นที่ประมาณ 3 งาน ความยาวประมาณ 190 เมตร โดยมีการปลูกต้นไม้ทั้งเล็ก-ใหญ่อยู่ตลอดแนว รวมถึงมีมุมนั่งพักผ่อนในสวนด้วยค่ะ อย่างเราได้เก็บภาพบรรยากาศสวนนี้ในช่วงเที่ยงๆเลยนะ แต่ต้นไม้ก็ช่วยบังแสงแดดได้เยอะและมีร่มเงาให้กับพื้นที่นั่งเล่นด้วย ทำให้รู้สึกไม่ร้อนเลยค่ะ

หลังจากเราเดินภายในสวนแนวยาวมาเรื่อยๆก็จะมาอยู่ตรงกลางโครงการพอดี ซึ่งมี Main Park เป็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่ตรงกลางโครงการนั่นเอง จึงช่วยสร้างบรรยากาศสดชื่นได้ดีค่ะ เพราะแค่เราดูจากด้านนอก Main Park เห็นต้นไม้ขนาดใหญ่เต็มไปหมดก็รู้สึกถึงความร่มรื่นแล้วนะ

Image 1/13
Main Park

Main Park

ทางโครงการออกแบบ Main Park ตรงกลางโครงการ พื้นที่ประมาณ 3 งาน ทำให้ลูกบ้านใช้งานและเข้าถึงได้ง่าย โดยภายใน Main Park นี้จะประกอบไปด้วย Outdoor Fitness พื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง พร้อมเครื่องเล่น, Seating Area เหมือนบ้านต้นไม้ตรงกลางสวน, พื้นที่นั่งเล่นในสวนออกแบบกระจายอยู่ทั่วทั้งสวน, Playground พื้นที่สนามเด็กเล่นให้เด็กๆมาเล่นสนุกกัน รวมถึงยังใช้เป็นพื้นที่เดินออกกำลังกายได้ นอกจากนั้นภายในสวนนี้ก็จะมีสนามหญ้ากว้างๆให้มานั่งปิกนิกกันได้ พร้อมต้นไม้เล็ก-ใหญ่ เป็นร่มเงาให้ลูกบ้านมานั่งเล่นหรือใช้งานได้นานขึ้น รวมถึงไม้พุ่มและดอกไม้ เพิ่มมิติ สีสันและความมีชีวิตชีวาภายในสวนด้วยนั่นเอง

ทางโครงการยังออกแบบเน้นพื้นที่สีเขียวภายในโครงการขนาดใหญ่รวมกว่า 5 ไร่ กระจายเป็น 5 จุดด้วย เพราะนอกจากจะมีสวนแนวยาวด้านหน้าโครงการและ Main Park ตรงกลางโครงการแล้ว ยังมีสวนหย่อมตรงโซนบ้าน 2 จุด พื้นที่ประมาณ 69 ตร.วาและ 52 ตร.วา รวมถึงสวนสีเขียวอยู่บริเวณด้านหลังโครงการ พื้นที่ประมาณ 73.00 ตร.วาด้วยค่ะ โดยพื้นที่สวนเหล่านี้จะปลูกต้นไม้นานาพันธุ์ทั้งเล็ก-ใหญ่ รวมถึงลูกบ้านที่อยู่โซนด้านในสุดก็ไปใช้งานได้ง่ายดี แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง หากสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็คาดว่าน่าจะสร้างบรรยากาศร่มรื่นและใกล้ชิดธรรมชาติภายในโครงการได้ดีเลยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse บริเวณด้านหน้าโครงการ ประกอบไปด้วย
  • Co-Living zone
  • พื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 6.15×13.20 เมตร แบ่งสระเด็ก ขนาด 2.65×6.30 เมตร
  • Fitness ประกอบด้วยเครื่องเดินอากาศ 1 เครื่อง, ลู่วิ่ง 2 เครื่อง, จักรยาน 1 เครื่อง, เครื่องยกน้ำหนัก Multi station 1 เครื่อง และพื้นที่เล่นโยคะ
  • สวนสีเขียวในโครงการ 5 จุด รวมประมาณ 2 ไร่เศษ แบ่งเป็นสวนแนวยาวด้านหน้าโครงการ พื้นที่ประมาณ 3 งาน ความยาวประมาณ 190 เมตร, Main park ตรงกลางโครงการ พื้นที่ประมาณ 3 งาน,สวนหย่อมโซน Legacy พื้นที่ประมาณ 69 ตร.วา, สวนหย่อมโซน Sunshine พื้นที่ประมาณ 52 ตร.วา, สวนด้านหลังโครงการ พื้นที่ประมาณ 73 ตร.วา
  • Outdoor Fitness
  • Seating Area
  • พื้นที่นั่งเล่นในสวน
  • Playground
  • พื้นที่เดินออกกำลังกาย
  • ประตูรั้วโครงการ : รั้วเหล็กรางเลื่อน ควบคู่กับรั้วไม้กระดก
  • ระบบในการเข้า-ออก : จดจำป้ายทะเบียนรถ
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วทึบรอบโครงการสูง 2.75 เมตร (เฉพาะรั้วโครงการฝั่งที่ติดหมู่บ้านข้างๆ มีต่อรั้วเหล็กกรุด้วยแผงระแนง รวมสูง 3.00 เมตร)
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ระบบไฟในโครงการ : 3 เฟส (มีเสาไฟและสายไฟ / สายไฟร้อยท่อลงดินเข้าบ้าน)

แบบบ้าน

Highlight

  • เน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยช่องหน้าต่างด้านหน้าบ้านน้อย พร้อมระแนงพรางสายตาที่ออกแบบให้สัมพันธ์กับทิศทางของแดดในบ้านแต่ละหลัง รวมถึงมีการใช้ผนังช่องลม ช่วยบังสายตาแต่ไม่บังลมด้วย
  • Courtyard ภายในบ้านทุกหลัง เป็นวิวต้นไม้สีเขียวให้พื้นที่ภายในบ้าน
  • แต่ละแบบบ้านจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันชัดเจนดี ทำให้เลือกซื้อได้ง่าย อย่างแบบบ้านเริ่มต้นมี 3 ห้องนอน 2 ที่จอดรถ, แบบบ้านหลังกลาง มี 4 ห้องนอน ได้ห้องนอนชั้นล่างเหมาะใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ และแบบบ้านใหญ่สุด มีพื้นที่ใช้สอยเกือบ 400 ตร.ม. มีห้องนอนชั้นล่างพร้อมห้องน้ำในตัว
  • เน้นความโปร่งโล่งภายในบ้าน นอกจากการออกแบบพื้นที่ Open Plan และหน้าต่างแบบ Full Height แล้ว แบบบ้านหลังกลาง-ใหญ่มีพื้นที่ Double Volume ฝ้าเพดานสูง 6.20 เมตรด้วย
  • Rare Item บนทำเล บ้านเดี่ยวพื้นที่ 300 ตร.ม. ขึ้นไปหรือมีพื้นที่จอดรถ 4 คัน ถือเป็นของหายาก เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านบนทำเลเดียวกัน

โครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในสไตล์ Modern Tropical เน้นโทนสีขาว เทาและน้ำตาล พร้อมออกแบบตัวหน้าบ้านมีช่องเปิดน้อยและใช้ระแนงที่ออกแบบให้สัมพันธ์กับทิศทางของแดดในบ้านแต่ละหลัง นอกจากบังแดดแล้วยังช่วยพรางสายตาจากด้านนอก อีกทั้งมีการใช้ผนังช่องลม ช่วยบังสายตาแต่ไม่บังลม เพื่อได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ แต่ Highlight หลักของโครงการนี้ก็คือ Courtyard ในบ้านทุกหลัง ทำให้ได้บรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติและน่าอยู่อาศัยมากขึ้น ส่วนแบบบ้านของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน ดังนี้

  • SUNSHINE (ซันไชน์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น  58.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 251 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
  • MEMORY (เมมโมรี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 66.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 319 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
  • LEGACY (เลกกะซี) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 80.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 387 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน

สำหรับเรามองว่าแต่ละแบบบ้านมีจำนวนฟังก์ชันและเอกลักษณ์ในการออกแบบที่แตกต่างกันชัดเจน ทำให้สามารถเลือกซื้อได้ง่าย อย่างแบบบ้าน SUNSHINE (ซันไชน์) เป็นบ้านตอนลึก มี 3 ห้องนอน 2 ที่จอดรถ ไม่มีห้องนอนชั้นล่าง เหมาะกับครอบครัวเริ่มต้นหรือคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง ไม่มีผู้สูงอายุอยู่ด้วย, แบบบ้าน MEMORY (เมมโมรี่) มีห้องนอน 4 ห้อง ได้ห้องนอนชั้นล่างเพิ่มขึ้นมาเหมาะใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ รวมถึงเป็นบ้านหน้ากว้าง ดูสวยงาม โอ่อ่าดี และแบบบ้าน LEGACY (เลกกะซี) มีพื้นที่ใช้สอยเยอะเกือบ 400 ตร.ม. ได้พื้นที่แต่ละฟังก์ชันขนาดใหญ่ อีกทั้งเหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอยู่ด้วย เพราะห้องนอนชั้นล่างมีห้องน้ำในตัว ใช้งานง่ายนั่นเอง

โครงสร้างและวัสดุภายในบ้าน

  • โครงสร้างแบบ Conventional ผนังก่ออิฐฉาบปูน สามารถทุบและต่อเติมได้ง่าย
  • หลังคาแบบ Lean to โครงเหล็กทาสีกันสนิมหรือโครงสำเร็จรูป มุงหลังคาเหล็กพร้อมฉนวน PU
  • โครงสร้างที่จอดรถแบบ Slab on Beam วัสดุพื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลาย
  • โครงสร้างที่ลานซักล้างแบบ Slab on Ground วัสดุพื้นเป็นคอนกรีตฉาบเรียบ
  • วัสดุประตูบ้าน
    – ประตูรั้วหน้าบ้าน : ประตูเหล็กรางเลื่อนทำสีดำ พร้อมเตรียมระบบไฟฟ้าสำหรับติดตั้งประตูอัตโนมัติมาให้ด้วย
    – ประตูทางเข้าบ้าน : วงกบและบานประตูเหล็ก เคลือบผิวลายผ้า (Powder coat)
    – ประตูภายในบ้าน : ชุดประตูห้องทั่วไป : วงกบWPC, บานประตู HDF / ชุดประตูห้องน้ำ : วงกบWPC, บานประตู UPVC
  • วัสดุกรอบบ้านหน้าต่าง : อลูมิเนียม สีเทาเข้ม ผิว SAHARA
  • วัสดุปูพื้น
    – ชั้น 1-2 / ห้องนอนชั้นล่าง : พื้น SPC หนา 4 มม. พร้อมบัวเชิงผนัง
    – ห้องครัว / ห้องน้ำ : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร
    – ห้องเก็บของ / ห้องแม่บ้าน / ห้องน้ำแม่บ้าน : กระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร
    – Terrace : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 20×100 เซนติเมตร
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้น 1 และ 2 : 2.70 เมตร (เฉพาะบริเวณห้องน้ำสูง 2.40 เมตร) / Double Volume สูง 6.20 เมตร (เฉพาะแบบบ้าน MEMORY และ LEGACY)
  • บันได : โครงสร้างเหล็ก ปิดผิวด้วยพื้นไม้สังเคราะห์ พร้อมราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็ก ทาสีขาว พร้อมมือจับไม้สังเคราะห์
  • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก American Standard (เฉพาะ Master Bathroom ติดตั้งตู้เก็บของด้านล่างเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ / โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet / Rain Shower / ฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้ด้วย)
  • เดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำ
  • ผนังภายในฉาบเรียบทาสีขาว
  • ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 30(100)
  • ไฟดาวน์ไลท์
  • จัดสวนรอบบ้านตามมาตรฐานโครงการ ได้แก่ สนามหญ้า, ไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าบ้าน 1 ต้น

นวัตกรรมภายในบ้าน

  • Digital Door Lock จาก JARTON
  • Junction Box รองรับการติดตั้ง EV Charger
  • สัญญาณกันขโมย Magnetic Sensors บริเวณประตู-หน้าต่างชั้น 1
  • IP Camera จำนวน 2 ตัว บริเวณพื้นที่จอดรถและ Living Area
  • Active Air Flow ระบบพัดลมดูดอากาศภายในบ้าน ติดตั้งบริเวณโถงชั้น 2
  • Solar Cell 3 KWp. 3 เฟส

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ


SUNSHINE (ซันไชน์)

เราจะพามาดูบ้านตัวอย่างหลังแรกกันเลย ได้แก่ SUNSHINE (ซันไชน์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น  58.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 251 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ โดยเป็นแบบบ้านเริ่มต้นและมีจำนวนยูนิตมากที่สุดในโครงการ ถึงแม้จะเป็นแบบบ้านเริ่มต้น แต่ก็ออกแบบมี Courtyard มาให้ตั้งแต่แบบบ้านนี้เลยนะ แถมมีระแนงกันแดดที่คำนึงถึงทิศทางแดดมาให้ด้วย ซึ่งเราจะเห็น Element การออกแบบนี้ในทุกแบบบ้านเลยนั่นเอง

สำหรับแบบบ้าน SUNSHINE (ซันไชน์) จะมีจุดแตกต่างกับแบบบ้านอื่นๆ คือ เป็นบ้านรูปตัว L และบ้านตอนลึก 20 เมตร จึงมีความกว้างหน้าบ้านแคบกว่าแบบบ้านอื่น จึงจอดรถได้ 2 คัน แต่พอเป็นบ้านตอนลึก มีช่องเปิดหน้าบ้านน้อย ก็ทำให้ได้พื้นที่ภายในบ้านที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่านั่นเอง

ชั้น 1

  • ที่จอดรถ 2 คันในร่ม ด้านหลังที่จอดรถมี Junction Box รองรับ EV Charger, ห้องเก็บของและทางเดินเชื่อมไป Courtyard
  • โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีชายคา พร้อมพื้นที่เฉลียง ตั้งชั้นวางรองเท้า-ที่เก็บร่มได้
  • Foyer พื้นที่ต้อนรับ ทำเป็นพื้นที่เก็บรองเท้า-ที่นั่งใส่รองเท้าได้
  • พื้นที่ชั้น 1 เป็น Open Plan เชื่อม Foyer, Living Area, Dining Area และพื้นที่ครัวเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่
  • Courtyard ขนาดใหญ่ ใช้งานได้เป็นส่วนตัวและเป็นวิวสีเขียวให้กับฟังก์ชันในบ้าน
  • ห้องครัวแบบเปิด สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ มีประตูเปิดออกไปยังลานซักล้าง
  • Powder Room รองรับการใช้งานของแขกและบริเวณชั้น 1
  • ลานซักล้าง เป็นพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า
  • ห้องเก็บของใต้บันได สามารถเก็บของได้เยอะดี

ชั้น 2

  • พื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางชั้น 2 ใช้เป็นมุมนั่งเล่น, ทำงาน, อ่านหนังสือได้
  • Master Bedroom กั้นแบ่งพื้นที่ Walk-in Closet ได้สบายๆ มีพื้นที่ภายในห้องเยอะ
  • ห้องนอนรอง 1 และ 2 ขนาดพอๆกัน วางเตียง 5-6 ฟุตได้ มีพื้นที่ด้านข้างวางตู้เสื้อผ้าและมีห้องน้ำในตัว ใช้งานง่าย
  • ห้องนอนรอง 1 ออกแบบแยกอยู่ห้องเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
  • Master Bedroom และห้องนอนรอง 1 มองลงไปเห็นวิวสีเขียวตรง Courtyard ได้

บริเวณด้านหน้าบ้านของทุกแบบบ้านจะมีประตูรั้วหน้าบ้านเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนทำสีดำ พร้อมเตรียมระบบไฟฟ้าสำหรับติดตั้งประตูอัตโนมัติมาให้ด้วยค่ะ รวมถึงติดตั้งโคมไฟ กริ่งและถังขยะที่เปิดทิ้งได้จากด้านในที่ออกแบบช่วยพรางตาให้หน้าบ้านดูเรียบร้อย

Image 1/2
Facade

Facade

บริเวณด้านหน้าและด้านข้างบ้านจะมีออกแบบระแนงที่นอกจากจะป้องกันแสงแดดส่องเข้าบ้านโดยตรงแล้ว ยังช่วยพรางสายตาจากด้านนอก เพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในบ้านด้วย ซึ่งเราจะเห็นระแนงนี้เป็น Element ในการออกแบบตัวบ้านทุกหลังเลยนะ

สำหรับระแนงนี้มีการออกแบบที่น่าสนใจมากกว่านั้น เพราะทางโครงการได้ออกแบบระแนงบังแดดนี้ให้สัมพันธ์กับทิศทางของแดดในบ้านแต่ละหลัง นอกจากจะเลือกใช้เป็นระแนงแนวตั้ง เพราะบ้านส่วนใหญ่ในโครงการจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ตำแหน่งของแสงแดดยังส่องเข้ามาไม่สูงมากนักแล้ว ยังมีการคำนวณองศาของระแนงกันแดดด้วย ทำให้บ้านแต่ละหลังจะมีองศาของระแนงกันแดดที่แตกต่างกันนั่นเอง ถือเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ทำให้เราเห็นถึงความใส่ใจของทางโครงการที่คำนึงถึงการอยู่อาศัยของลูกบ้านแต่ละหลังเลยนะ

Image 1/2
พื้นที่จอดรถ

พื้นที่จอดรถ

พื้นที่จอดรถสามารถจอดได้ 2 คัน มีขนาดประมาณ 5.00×7.30 เมตร โดยมีโครงสร้างเป็น Slab on Beam ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นทรุดตัว ส่วนวัสดุปูพื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลาย มีความแข็งแรง ทนทานและดูสวยงาม

Image 1/4
บริเวณด้านหลังพื้นที่จอดรถ

บริเวณด้านหลังพื้นที่จอดรถ

บริเวณด้านหลังของพื้นที่จอดรถจะมีห้องเก็บของ สำหรับเก็บอุปกรณ์รถยนต์หรือทำสวนได้ ทำให้หยิบใช้งานได้ง่ายดี รวมถึงมีติดตั้ง Junction Box รองรับ EV Charger และ CCTV ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวบ้านด้วยนะ นอกจากนั้นยังมีช่องทางเดินเชื่อมไปยัง Courtyard ด้านหลังบ้านด้วย (ทางบ้านตัวอย่างทำเป็นสวน แต่ในภาพของบ้านมาตรฐานจะเห็นช่องทางเดินนะคะ) รวมถึงมีการใช้ผนังช่องลม เพื่อช่วยพรางสายตาแต่ไม่บังลม เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยนั่นเอง

Image 1/2
โถงทางเข้าบ้าน

โถงทางเข้าบ้าน

ประตูทางเข้าบ้านจะมีอยู่ทางเดียวเลยนะ โดยออกแบบเป็นโถงทางเข้าที่มีชายคากันแดด-ฝนเชื่อมต่อมาจากพื้นที่จอดรถค่ะ

Image 1/3
ทางเดินเชื่อมไปยังลานซักล้างด้านหลังบ้าน

ทางเดินเชื่อมไปยังลานซักล้างด้านหลังบ้าน

บริเวณด้านข้างของโถงทางเข้าบ้าน จะมีทางเดินยาวเชื่อมไปยังลานซักล้างที่อยู่ด้านหลังบ้านด้วยนะคะ โดยจะมีความกว้างอยู่ประมาณ 0.90-2.00 เมตร ทำให้เวลามีช่างมาซ่อมแซมต่างๆก็สามารถใช้ทางเดินนี้ไปยังด้านหลังบ้านได้เลย

Image 1/3
ประตูทางเข้าบ้าน

ประตูทางเข้าบ้าน

ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นบานประตูเหล็ก เคลือบผิวลายผ้า (Powder coat) พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จาก JARTON และมีช่องแสงด้านข้าง ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้าไปภายในบ้าน รวมถึงเราสามารถมองออกไปยังด้านหน้าบ้านได้ เวลาที่มีแขกมาเยี่ยมค่ะ นอกจากนั้นยังออกแบบชานพักขนาดใหญ่ ทำให้มีพื้นที่ตั้งชั้นวางรองเท้า ที่เก็บร่มได้เหมือนบ้านตัวอย่างเลย

Image 1/4
พื้นที่ Open Plan

พื้นที่ Open Plan

ทางโครงการออกแบบพื้นที่ภายในบ้านชั้น 1 เป็น Open Plan เชื่อม Foyer, Living Area, Dining Area และพื้นที่ครัวเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 5.30×13.45 เมตร ซึ่งมีข้อดี คือ พื้นที่ใหญ่และใช้งานได้ต่อเนื่องกัน, บรรยากาศโปร่งโล่งและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่นนั่นเอง โดยบ้านมาตรฐานจะไม่ได้มีการกั้นกำแพงมาให้เลย จะได้เป็นพื้นที่โล่งๆตามภาพด้านบนค่ะ

สำหรับวัสดุปูพื้นชั้น 1 จะเป็น SPC หนา 4 มม. พร้อมบัวเชิงผนัง แตกต่างกับโครงการส่วนใหญ่ที่ใช้เป็นกระเบื้อง ทำให้ได้บรรยากาศที่อบอุ่นมากยิ่งขึ้น ทุกคนคงจะสงสัยกันว่าแล้วทำไมเราถึงไม่ค่อยเจอโครงการบ้านที่ปูพื้น SPC อยู่ที่ชั้น 1 เลยทั้งๆที่ได้ผิวสัมผัสที่ดี บรรยากาศภายในบ้านน่าอยู่อาศัยมากกว่า นั่นก็เป็นเพราะว่ามีเรื่องความชื้นจากพื้นบ้านใต้แผ่น SPC ด้วยนั่นเอง ซึ่งทำให้พื้น SPC นี้อาจจะบวม โก่งหรือเกิดเชื้อราได้ค่ะ ดังนั้นจึงต้องคำนึงเรื่องความชื้นนี้ก่อนจะปูพื้น SPC ที่ชั้น 1 ซึ่งทางโครงการก็ได้ยกพื้นบ้านสูงจากระดับพื้นดินขึ้นมาประมาณนึงเลยนะ ก็ช่วยป้องกันเรื่องความชื้นได้ระดับนึงเลยค่ะ

ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.70 เมตร (เฉพาะบริเวณห้องน้ำสูง 2.40 เมตร) พร้อมติดตั้งไฟแบบดาวน์ไลท์และผนังภายในบ้านแบบฉาบเรียบทาสีขาว นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในบ้าน ได้แก่ สัญญาณกันขโมย Magnetic Sensors บริเวณประตู-หน้าต่างชั้น 1, IP Camera จำนวน 2 ตัว บริเวณพื้นที่จอดรถและ Living Area, Active Air Flow ระบบพัดลมดูดอากาศภายในบ้าน ติดตั้งบริเวณโถงชั้น 2 และ Solar Cell 3 KWp. 3 เฟส มาให้ทุกหลังด้วยนะ (สำหรับ Home Automation, Smart Switch, Magnetic Sensor และจัดสวนจะเป็นรายการโปรโมชันของแถมนะคะ สอบถามรายละเอียดกับโครงการอีกครั้งค่ะ)

Image 1/3
Foyer

Foyer

เมื่อเราเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับ Foyer พื้นที่ต้อนรับขนาดประมาณ 2.60×4.40 เมตร และด้านข้างจะเป็นบันได ทำให้เวลามีแขกมาเยี่ยมที่บ้าน สมาชิกในบ้านก็สามารถเดินเข้าบ้านมาแล้วขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้น 2 ได้เลย โดยไม่รบกวนแขกตรงบริเวณพื้นที่นั่งเล่นนั่นเอง

ส่วนบริเวณด้านข้างประตูทางเข้าจะมีพื้นที่ทำ Built-in ตู้เก็บของและชั้นวางของ รวมถึงพื้นที่นั่งใส่รองเท้าเหมือนที่บ้านตัวอย่างตกแต่งให้ดูก็ดีเหมือนกันนะคะ ทำให้เก็บของได้เป็นระเบียบและใช้งานได้ง่ายด้วย

Image 1/3
Common Area

Common Area

ถัดจาก Foyer จะเป็น Living Area, Dining Area และเชื่อมไปยังพื้นที่ครัวที่อยู่ด้านหลังบ้านเลย โดยจะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งมากๆ ประกอบกับประตูแบบ Full Height สูง 2.70 เมตร เปิดรับแสงธรรมชาติและวิว Courtyard ก็ยิ่งทำให้ได้บรรยากาศที่โปร่งสบายมากยิ่งขึ้น

Image 1/4
Living Area

Living Area

Living Area มีขนาด 3.75×5.30 เมตร ซึ่งเราสามารถตกแต่งเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลยค่ะทั้งตั้งชั้นวางทีวี พร้อมวางโซฟารูปตัว L และโต๊ะกลาง จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3.45 เมตร ตั้งทีวี 50 นิ้วขึ้นไปได้ แถมมีพื้นที่ทางเดินกว้างประมาณ 2 เมตรเลยนะ จึงเดินผ่านไป-มาได้สบาย ส่วนด้านข้างก็ Built-in ชั้นวางของเพื่อแบ่งโซน Foyer-บันไดและ Living Area เหมือนบ้านตัวอย่างที่ทำให้ดูเป็นไอเดียได้ นอกจากนั้นจาก Living Area นี้ก็มองออกไปได้วิวสวนสีเขียวตรง Courtyard ด้วยค่ะ

ทางโครงการมีติดตั้ง IP Camera มาช่วยดูแลความปลอดภัยภายในบ้านด้วย โดยจะติดตั้งตรงพื้นที่จอดรถและ Living Area รวม 2 จุดนั่นเอง

Image 1/2
Dining Area

Dining Area

ถัดจาก Living Area จะเป็น Dining Area มีขนาดประมาณ 3.90×4.10 เมตร ทำให้เวลานั่งรับประทานอาหาร ก็สามารถดูทีวีไปพร้อมๆกันได้เลย อีกทั้งยังอยู่ใกล้ๆกับพื้นที่ครัวด้วย ทำให้สามารถจัดเสิร์ฟอาหารได้สะดวกดี โดยเราสามารถจัดเป็นโต๊ะ 6 ที่นั่งได้สบายๆ มีพื้นที่เดินรอบโต๊ะกว้างเลยค่ะ

ทางโครงการออกแบบประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนแบบ Full Height สูง 2.70 เมตร อยู่บริเวณด้านข้างของ Dining Area ด้วย ทำให้นอกจากช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านดูสว่างแล้ว เวลานั่งอยู่ตรง Living Area หรือ Dining Area ก็มองออกไปได้วิวสวนสีเขียวตรง Courtyard นั่นเอง ทำให้ได้บรรยากาศที่สดชื่นดีเลยค่ะ

Image 1/2
Dining Area เชื่อมพื้นที่ครัว

Dining Area เชื่อมพื้นที่ครัว

ต่อมาเราจะพาไปดูพื้นที่ครัวและห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุดของบ้านกันนะคะ ซึ่งทางโครงการจะออกแบบพื้นที่ครัวแบบเปิด ไม่ได้กั้นปิดเป็นห้องมาให้ (เหมือนภาพด้านบนที่เป็นบ้านมาตรฐาน) เพื่อให้ได้พื้นที่ภายในบ้านตรงชั้น 1 ที่ไหลต่อเนื่องกันทั้งหมด หากพูดในแง่การทำอาหารก็จะเหมาะกับการทำอาหารที่ไม่ได้มีกลิ่นหรือควันมากนักนั่นเอง

แต่ใครที่ใช้งานครัวเป็นประจำ ทำอาหารจริงจังหรือไม่ชอบให้กลิ่นและควันจากการทำอาหารลอยเข้าไปติดเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ก็สามารถกั้นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนที่บ้านตัวอย่างได้ทำให้ดูเป็นไอเดียได้เลยค่ะ ก็ช่วยป้องกันกลิ่นอาหารต่างๆ อีกทั้งพอเลือกเป็นประตูกระจกก็ทำให้ยังได้ความโปร่งโล่งอยู่นะคะ

Image 1/4
พื้นที่ครัว

พื้นที่ครัว

พื้นที่ครัวมีขนาด 2.90×3.20 เมตร ออกแบบเป็นครัวเปิด ไม่ได้กั้นเป็นห้องมาให้ แต่เราก็สามารถกั้นเป็นครัวปิดเองได้ โดยตามบ้านมาตรฐานจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ให้เราไปตกแต่งและ Built-in เคาน์เตอร์ครัว-ตู้เก็บของต่างๆได้ตามการใช้งานเลยค่ะ นอกจากนั้นอีกฝั่งของห้องจะมีพื้นที่ให้ตั้งตู้เย็นและเครื่องซักผ้าด้วย สำหรับพื้นของห้องครัวนี้จะเป็นพื้น SPC หนา 4 มม. พร้อมบัวเชิงผนัง ต่อเนื่องมาจาก Common Area เลย ถึงแม้คุณสมบัติของพื้น SPC จะทนทานต่อความชื้นในระดับนึง แต่เราก็ยังคงต้องระวังเรื่องพื้นเปียก ความมันหรือเลอะสิ่งสกปรกจากการทำอาหารด้วยนะคะ

Image 1/3
Powder Room

Powder Room

ด้านข้างของพื้นที่ครัวจะเป็น Powder Room เป็นห้องน้ำที่ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ จะมีเฉพาะอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์นั่นเอง สำหรับรองรับแขกและการใช้งานบริเวณชั้น 1 โดยมีขนาดประมาณ 1.60×1.90 เมตร ปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก American Standard

Image 1/2
ลานซักล้าง

ลานซักล้าง

จากพื้นที่ครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนเปิดออกไปยังลานซักล้างด้านหลังบ้านมีขนาดประมาณ 2.10×6.30 เมตร มีโครงสร้างลานซักล้างแบบ Slab on Ground วัสดุพื้นเป็นคอนกรีตฉาบเรียบ ใช้เป็นพื้นที่ซักผ้า-ตากผ้าได้สบายๆ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ด้านข้างบ้านเป็นทางเดินเชื่อมไปยังด้านหน้าบ้านที่เราพาไปดูกันมาก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ

หลังจากเราพาไปดูพื้นที่ชั้น 1 เรียบร้อยแล้ว เราจะพามาดู Highlight ของโครงการนี้กันเลย นั่นก็คือ Courtyard ภายในบ้านนั่นเอง มีขนาดประมาณ 5.20×12.80 เมตร ทำให้ได้บรรยากาศของบ้านที่ดูโปร่งสบาย ไม่อึดอัดหรือทึบจนเกินไป รวมถึงเป็นวิวให้กับฟังก์ชันภายในบ้านทั้งชั้น 1-2 ด้วยนั่นเอง

Image 1/6
Courtyard บ้านตัวอย่าง

Courtyard บ้านตัวอย่าง

เราได้เก็บภาพบรรยากาศของ Courtyard ภายในบ้านตัวอย่างและบ้านมาตรฐานมาให้ดูกันนะคะ โดยลูกบ้านจะได้ Courtyard เหมือนบ้านมาตรฐานนะคะ ส่วนบ้านตัวอย่างมีการต่อเติมพื้นและปรับเปลี่ยนวัสดุตรง Terrace จากกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 20×100 เซนติเมตรเป็นพื้นทรายล้าง รวมถึงลงต้นไม้ใหญ่เพิ่มเพื่อเป็นร่มเงาให้กับบริเวณนี้ด้วยนั่นเอง เราจึงนำไอเดียการตกแต่งของบ้านตัวอย่างไปตกแต่งตามกันได้นะคะ

Image 1/4
Courtyard

Courtyard

ทางโครงการจะออกแบบ Terrace เป็นตัว L ตามตัวบ้านเลย มีขนาดประมาณ 1.40×5.20 เมตรและ 1.40×8.00 เมตร ซึ่งมีพื้นที่ทำเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor ได้ รวมถึงจะตั้งเป็นศาลานั่งพักผ่อน หรือต่อเติมเป็นห้องเพิ่มขึ้นมาก็ได้เหมือนกันนะ จะใช้เป็นห้องนอนชั้นล่าง ห้องทำงานหรือห้องออกกำลังกายก็ดีเลยค่ะ

ก่อนที่เราจะขึ้นบันไปไปดูชั้น 2 กัน ทางโครงการได้ออกแบบห้องเก็บของอยู่บริเวณใต้บันไดด้วยนะ โดยปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร เราสามารถใช้เก็บของได้เยอะประมาณนึงเลย ช่วยให้ภายในบ้านดูเรียบร้อยและเป็นระเบียบ สะอาดตาดีค่ะ

Image 1/2
บันได

บันได

โครงสร้างบันไดเป็นเหล็ก ปิดผิวด้วยพื้นไม้สังเคราะห์ ส่วนความกว้างบันไดประมาณ 0.90 เมตร พร้อมราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็ก ทาสีขาว พร้อมมือจับไม้สังเคราะห์ มีลูกนอนกว้างประมาณ 25 ซม. ลูกตั้งสูง 18 ซม. เดินขึ้น-ลงได้สบาย ส่วนบริเวณโถงบันไดก็มีหน้าต่างเปิดรับแสงธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศภายในโถงบันไดไม่ดูมืดทึบค่ะ

Image 1/2
พื้นที่อเนกประสงค์

พื้นที่อเนกประสงค์

เมื่อขึ้นมาชั้น 2 จะเลือกใช้เป็นพื้น SPC หนา 4 มม. พร้อมบัวเชิงผนังเหมือนชั้น 1 เลยนะคะส่วนความสูงของพื้นชั้น 2 ถึงฝ้าเพดานจะเท่ากับชั้น 1 เหมือนกันอยู่ที่ 2.70 เมตร

สำหรับการออกแบบพื้นที่ชั้น 2 จะมีพื้นที่อเนกประสงค์และห้องนอนรอง 1 อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน จึงทำให้ห้องนอนรอง 1 นี้แยกอยู่ห้องเดียวไม่ติดกับห้องนอนอื่น ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ส่วน Master Bedroom และห้องนอนรอง 2 จะอยู่ถัดไปโซนด้านหลังบ้าน ถึงแม้ Master Bedroom จะอยู่ฝั่งด้านหลังบ้าน แต่เป็นห้องที่เปิดรับวิว Courtyard ด้านล่างได้กว้างค่ะ

เมื่อขึ้นบันไดมาจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์เลย โดยมีขนาดประมาณ 1.95×3.00 เมตร เหมาะเป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆ ตั้งโต๊ะ-โซฟาเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย หรือจะปรับเป็นพื้นที่นั่งทำงาน, มุมอ่านหนังสือหรือพื้นที่ของน้องๆสัตว์เลี้ยงได้ด้วยค่ะ

ทางโครงการยังติดตั้ง Active Air Flow ระบบพัดลมดูดอากาศภายในบ้าน บริเวณโถงทางเดินชั้น 2 ด้วยนะคะ ก็ช่วยดูดอากาศเก่าออกไป ทำให้อากาศในบ้านเกิดการหมุนเวียนและช่วยลดความร้อนภายในบ้านด้วยนั่นเอง

สำหรับพื้นที่อเนกประสงค์จะอยู่ติดกับพื้นที่อเนกประสงค์และมีโถงทางเดินกว้างประมาณ 1.50 เมตร เพื่อเชื่อมไปยัง Master Bedroom และห้องนอนรอง 2 ค่ะ โดยบริเวณโถงทางเดินนี้จะมีช่องหน้าต่างกระจกแบบ Full Height เพื่อดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในชั้น 2 รวมถึงยังมองลงไปเห็นวิวสีเขียวตรง Courtyard ด้วยค่ะ

Image 1/6
Master Bedroom

Master Bedroom

เราขอพามาดู Master Bedroom กันเลย โดยมีขนาด 4.40×6.70 เมตร  ออกแบบเป็นพื้นที่ Open Plan เชื่อมพื้นที่เตียงนอนและพื้นที่แต่งตัว ทำให้ได้พื้นที่เปิดโล่ง โปร่งสบาย รวมถึงจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่นตามการใช้งาน

สำหรับบริเวณพื้นที่เตียงนอนจะมีขนาด 3.90×4.40 เมตร วางเตียง 6 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง รวมถึงตั้งชั้นวางทีวีตรงปลายเตียงได้สบายๆ มีพื้นที่รอบเตียงกว้าง รวมถึงมีหน้าต่างให้มองลงไปเห็น Courtyard ด้านล่างด้วยนะคะ

Image 1/2
ด้านข้างเตียงนอนของบ้านตัวอย่าง

ด้านข้างเตียงนอนของบ้านตัวอย่าง

บริเวณพื้นที่แต่งตัวจะอยู่ด้านข้างของพื้นที่เตียงนอนเลย โดยเราสามารถกั้นปิดเป็น Walk-in Closet เหมือนที่บ้านตัวอย่างทำให้ดูเป็นไอเดียได้เลยนะ ก็ทำให้ป้องกันความชื้นจากห้องน้ำและฝุ่นจากเสื้อผ้าไม่ลอยเข้าไปบริเวณเตียงนอนค่ะ

Image 1/5
Walk-in Closet

Walk-in Closet

พื้นที่แต่งตัวแบบ Walk-in Closet มีขนาดประมาณ 2.25×2.80 เมตร สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะแต่งหน้าเป็นตัว L เหมือนบ้านตัวอย่างได้ รวมถึงตรงกระจกส่องบริเวณโต๊ะแต่งหน้าก็ทำเป็นแบบเลื่อนเก็บไปด้านข้างของตู้เสื้อผ้าได้เหมือนกัน ทำให้เราไม่เสียช่องหน้าต่างไปและยังมีกระจกไว้ส่องได้ด้วย ซึ่งพื้นที่แต่งตัวนี้จะอยู่ติดกับ Master Bathroom เลยนะ ก็ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดีค่ะ

Image 1/6
Master Bathroom

Master Bathroom

Master Bathroom มีขนาด 1.85×2.70 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร ภายในห้องน้ำออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจน โดยเลือกใช้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดจาก American Standard

ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีความกว้างประมาณ 1.00 เมตร ติดตั้งฝักบัวแบบ Hand-Rain Shower มาให้ พร้อมติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำ ป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นและเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อยเลย

สำหรับ Master Bathroom ของทุกแบบบ้านจะมีสเปคแตกต่างจากห้องน้ำห้องอื่นๆนะคะ เพราะจะได้เคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่มีขนาดใหญ่หรือติดตั้งตู้เก็บของด้านล่าง, โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet, Rain Shower และฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้ด้วยนั่นเอง

Image 1/5
ห้องนอนรอง 2

ห้องนอนรอง 2

ถัดจาก Master Bathroom จะเป็นห้องนอนรอง 2 ที่อยู่ติดกันเลย โดยมีขนาดประมาณ 3.80×3.90 เมตร สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ ตั้งชั้นวางทีวีตรงปลายเตียงก็สะดวก มีพื้นที่รอบเตียงกว้าง เดินผ่านไป-มาได้ ส่วนด้านข้างเตียงนอนก็มีพื้นที่ตั้งตู้เสื้อผ้าและโต๊ะอ่านหนังสือด้วยค่ะ

สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องเดียวที่ไม่ได้วิว Courtyard ตรงชั้น 1 รวมถึงมีช่องหน้าต่างขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็สามารถเปิดรับแสงเข้ามาภายในห้องได้ จึงเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวภายในห้องค่ะ

Image 1/4
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2 มีขนาด 1.40×2.70 เมตร ปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร มีการแบ่งโซนแห้ง-เปียกเป็นสัดส่วนและเลือกใช้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดจาก American Standard มีพื้นที่อาบน้ำกว้าง 0.90 เมตร พร้อมเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ด้วย แต่ทางโครงการไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ เราจึงสามารถหาซื้อเพิ่มเองได้ค่ะ

ต่อมาเราจะพาไปดูห้องนอนรอง 1 ที่อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน ติดกับพื้นที่อเนกประสงค์และออกแบบแยกอยู่ห้องเดียวกันนะคะ

Image 1/2
ห้องนอนรอง 1 ของบ้านตัวอย่าง

ห้องนอนรอง 1 ของบ้านตัวอย่าง

สำหรับห้องนอนรอง 1 ตามบ้านมาตรฐานจะออกแบบเป็นกำแพงทึบตามภาพด้านบนเลย แต่ด้วยโครงสร้างบ้านที่เป็นแบบ Conventional ผนังก่ออิฐฉาบปูน สามารถทุบและต่อเติมได้ง่าย ทางบ้านตัวอย่างจึงทุบกำแพงออกและปรับเป็นผนังกระจกแบบนี้ เพื่อเป็นไอเดียให้ทุกคนนำไปทำตามกันได้ค่ะ เราชอบเลยนะ เพราะได้ความโปร่งโล่งดีเหมือนกัน

Image 1/3
ห้องนอนรอง 1

ห้องนอนรอง 1

ห้องนอนรอง 1 มีขนาด 4.25×4.50 เมตร โดยสามารถวางเตียง 6 ฟุตพร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนปลายเตียงก็มีพื้นที่วางชั้นทีวีและด้านหน้าห้องน้ำก็ตั้งเป็นตู้เสื้อผ้าได้เลย นอกจากนั้นยังมีหน้าต่างแบบ Full Height เปิดรับแสงและวิวด้านหน้าบ้านด้วย

แต่ทางบ้านตัวอย่างก็ได้ตกแต่งใหม่เป็นห้องทำงานให้เป็นไอเดียนำไปปรับใช้กันได้ สำหรับครอบครัวที่มีสามชิกในบ้านไม่เยอะ ทั้งวางโต๊ะนั่งทำงานตรงกลางและ Built-in ชั้นวางของ รวมถึงมีมุมนั่งทำงานอีกจุดภายในห้องใช้เป็นมุมนั่งอ่านหนังสือได้เหมือนกัน ซึ่งจากมุมนี้ก็จะมองลงไปเห็น Courtyard ข้างล่างด้วยค่ะ

Image 1/4
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1 มีขนาดประมาณ 2.05×2.10 เมตร ปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร ออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจน พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก American Standard ทั้งหมด ส่วนพื้นที่อาบน้ำขนาด 0.95×1.00 เมตร และเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ด้วย แต่ไม่มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะ เราแนะนำให้หาซื้อและติดตั้งเพิ่มเติม เพราะเวลาอาบน้ำก็ป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นค่ะ


MEMORY (เมมโมรี่)

หลังจากเราพาไปดูแบบบ้านเริ่มต้น SUNSHINE (ซันไชน์) กันแล้ว ต่อมาเรามาดูแบบบ้านหลังกลาง MEMORY (เมมโมรี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 66.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 319 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน กันนะคะ

โดย Highlight ของแบบบ้านนี้คือเป็นบ้านหน้ากว้างประมาณ 21.30 เมตรเลยนะ ทำให้ได้ช่องแสงฝั่งหน้าบ้านเยอะ เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวได้กว้าง อีกทั้งยังดูสวยงาม โอ่อ่าดี ประกอบกับพื้นที่ Courtyard ที่อยู่บริเวณด้านหน้าบ้านก็ทำให้ได้บรรยากาศของบ้านที่น่าอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้นค่ะ นอกจากนั้นจะมีฟังก์ชันเพิ่มขึ้นมาอย่างพื้นที่จอดรถได้ 3 คัน, พื้นที่นั่งเล่นแบบ Double Volume, มีห้องนอนชั้นล่างและห้องแม่บ้านด้วยค่ะ งั้นเราไปดูบรรยากาศบ้านตัวอย่างกันเลย

ชั้น 1

  • ที่จอดรถ 3 คันในร่ม ด้านหลังที่จอดรถมี Junction Box รองรับ EV Charger และห้องเก็บของ
  • Courtyard ขนาดใหญ่ด้านหน้าบ้าน เหมาะทำเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor และปลูกต้นไม้สูงขึ้นไปเป็นวิวสีเขียวให้ชั้น 2 ได้
  • Foyer พื้นที่ต้อนรับเพื่อแบ่งไปยังโซนต่างๆภายในบ้าน
  • ออกแบบ Open Plan เชื่อม Living Area, Dining Area และมุม Pantry
  • Living Area ออกแบบเป็นพื้นที่ Double Volume สูง 6.20 เมตร ได้ความโปร่งโล่ง มีประตูเปิดออกไปยังลานซักล้าง
  • Dining Area, มุม Pantry และห้องครัวอยู่ใกล้กัน ใช้งานได้ง่าย
  • ห้องครัวแบบปิด ทำอาหารจริงจังได้ มีประตูเปิดออกไปยังลานซักล้าง
  • ลานซักล้าง เป็นพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า แบ่งพื้นที่บางส่วนทำเป็นมุมนั่งเล่นหลังบ้านได้
  • ห้องน้ำชั้นล่าง มีพื้นที่อาบน้ำ รองรับการใช้งานของห้องนอนชั้นล่างได้
  • ห้องนอนชั้นล่าง ใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ หรือจะปรับเป็นห้องทำงานก็ได้เหมือนกัน
  • ห้องเก็บของใต้บันได สามารถเก็บของขนาดใหญ่ได้สบายๆ

ชั้น 2

  • พื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางชั้น 2 ปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้เลย
  • Master Bedroom แยกอยู่ห้องเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูง
  • Master Bedroom สามารถกั้นแบ่งพื้นที่ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ได้
  • ห้องนอนรอง 1 และ 2 ขนาดพอๆกัน วางเตียง 5-6 ฟุตได้ มีพื้นที่ด้านข้างวางตู้เสื้อผ้าและมีห้องน้ำในตัว ใช้งานสะดวก

Image 1/2
พื้นที่จอดรถ

พื้นที่จอดรถ

ทางโครงการติดตั้งประตูรั้วหน้าบ้านเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนทำสีดำ เตรียมระบบไฟฟ้าสำหรับติดตั้งประตูอัตโนมัติมาให้ รวมถึงติดตั้งโคมไฟ กริ่งและถังขยะที่เปิดทิ้งได้จากด้านในที่ออกแบบช่วยพรางตาให้หน้าบ้านดูเรียบร้อยมาให้เลย

สำหรับพื้นที่จอดรถมีขนาดประมาณ 6.35×7.40 เมตร สามารถจอดได้ 3 คัน ส่วนโครงสร้างเป็น Slab on Beam และปูพื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลาย ดูสวยงาม นอกจากนั้นยังมีห้องเก็บของ เหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์รถยนต์หรือทำสวน รวมถึงติดตั้ง Junction Box รองรับ EV Charger รองรับรถยนต์ไฟฟ้าและ CCTV ตรงบริเวณพื้นที่จอดรถ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในบ้านด้วย

Image 1/4
Courtyard

Courtyard

ก่อนที่จะเข้าไปยังทางเข้าบ้านกัน ทางโครงการออกแบบเป็นพื้นที่ Courtyard พร้อม Terrace ขนาดใหญ่ตรงบริเวณด้านหน้าบ้านค่ะ โดยมีขนาดประมาณ 4.45×7.95 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 20×100 เซนติเมตร มีเว้นช่องให้ปลูกต้นไม้ใหญ่เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย แถมตำแหน่งของแบบบ้านนี้ทั้งหมดจะหันไปทางทิศเหนือที่ไม่โดนแดดโดยตรงด้วยค่ะ เราจึงจัดเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor มานั่งพักผ่อนได้ตลอดทั้งวันเลยนะ

จาก Terrace ด้านหน้าบ้านนี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อน 2 จุด เพื่อเปิดเชื่อมไปยัง Living Area และ Dining Area ได้ค่ะ รวมถึงมีพื้นที่ด้านข้างบ้านจะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังลานซักล้างและห้องแม่บ้านที่อยู่ด้านหลังบ้านด้วยนะคะ

พอทางโครงการออกแบบ Courtyard อยู่บริเวณด้านหน้าบ้านและเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง ก็ทำให้สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ที่มียอดต้นไม้สูงถึงชั้น 2 ได้เลย ทำให้นอกจากจะเป็นวิวสีเขียวให้กับตัวบ้านและฟังก์ชันภายในชั้น 1 แล้ว เวลาเราอยู่ตรงชั้น 2 ของบ้านก็จะได้วิวต้นไม้นี้ด้วยนั่นเอง

ด้านข้างของพื้นที่ Courtyard จะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังประตูทางเข้าบ้านนั่นเอง

Image 1/2
ประตูเข้าบ้าน

ประตูเข้าบ้าน

ทางโครงการเลือกใช้ประตูทางเข้าบ้านเป็นบานประตูเหล็ก เคลือบผิวลายผ้า (Powder coat) พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จาก JARTON เราชอบที่มีช่องแสงอยู่ด้านข้างประตู ทำให้นอกจากจะดึงแสงธรรมชาติเข้าไปในบ้านแล้ว ยังสามารถมองออกไปยังด้านหน้าบ้านได้ด้วย โดยเฉพาะเวลาที่มีแขกมาเยี่ยม ส่วนชานพักก็มีขนาดใหญ่ จึงตั้งชั้นวางรองเท้า-ที่เก็บร่มได้สบายๆเลยค่ะ

เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอกับ Foyer เป็นพื้นที่ต้อนรับขนาดประมาณ 1.85×1.90 เมตร เหมาะตั้งชั้นวางของและแขวนรูปภาพเป็น Atraction Point ที่สวยงามเหมือนที่บ้านตัวอย่างได้ตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียเลย

Image 1/2
ฝั่งซ้าย - Common Area และห้องครัว

ฝั่งซ้าย - Common Area และห้องครัว

อย่างที่เราได้มีเกริ่นไปนิดนึงแล้วนะว่าแบบบ้านนี้จะเป็นบ้านหน้ากว้าง จึงแบ่งพื้นที่ภายในบ้านเป็นฝั่งซ้าย-ขวา โดยฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่ส่วนรวมอย่าง Common Area ที่เชื่อม Living Area และ Dining Area รวมถึงห้องครัว ส่วนฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่ส่วนตัว สำหรับพักผ่อนอย่างห้องนอนชั้นล่างและบันไดไปห้องนอนชั้น 2 รวมถึงมีห้องน้ำให้ใช้งานได้สะดวกด้วยค่ะ

Image 1/3
Common Area

Common Area

เราจะขอพามาดูฝั่งซ้ายของบ้านกันก่อนนะคะ โดยบริเวณนี้จะเป็น Common Area ที่ยังคงออกแบบเป็น Open Plan เชื่อม Living Area, Dining Area และมุม Pantry ทำให้ได้พื้นที่ใช้งานต่อเนื่องกัน ประกอบกับ Double Volume พื้นที่ฝ้าเพดานสูงและประตูกระจกแบบ Full Height ก็ทำให้ได้บรรยากาศภายในบ้านที่โปร่งสบายมากๆค่ะ

ส่วนวัสดุปูพื้นชั้น 1 จะเป็น SPC หนา 4 มม. พร้อมบัวเชิงผนัง ทำให้ได้บรรยากาศที่อบอุ่นดี แต่เรามองว่ายังต้องระวังเรื่องความชื้นจากพื้นบ้านใต้แผ่น SPC ทำให้เกิดการบวม โก่งหรือเกิดเชื้อราได้ ยังดีที่ทางโครงการยกพื้นบ้านสูงจากระดับพื้นดินขึ้นมาประมาณนึง จึงช่วยป้องกันเรื่องความชื้นได้ระดับนึงเลยค่ะ สำหรับความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.70 เมตร (เฉพาะบริเวณห้องน้ำสูง 2.40 เมตร) พร้อมไฟแบบดาวน์ไลท์และผนังภายในบ้านแบบฉาบเรียบทาสีขาว

ทางโครงการยังติดตั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในบ้านมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensors บริเวณประตู-หน้าต่างชั้น 1, IP Camera จำนวน 2 ตัว บริเวณพื้นที่จอดรถและ Living Area, Active Air Flow ระบบพัดลมดูดอากาศภายในบ้าน ติดตั้งบริเวณโถงชั้น 2 และ Solar Cell 3 KWp. 3 เฟส มาให้ทุกยูนิต (สำหรับ Home Automation, Smart Switch, Magnetic Sensor และจัดสวนจะเป็นรายการโปรโมชันของแถมนะคะ สอบถามรายละเอียดกับโครงการอีกครั้งค่ะ)

สำหรับแบบบ้านหลังนี้จะออกแบบเป็น Double Volume พื้นที่ฝ้าเพดานสูง 6.20 เมตรด้วย ซึ่งทำให้นอกจากจะเพิ่มบรรยากาศภายในบ้านที่โปร่งโล่งแล้ว ยังเป็นการออกแบบเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ชั้น 1-2 ได้นั่นเอง อย่างเวลาที่ลูกๆนั่งเล่นอยู่ตรงพื้นที่อเนกประสงค์ตรงชั้น 2 คุณพ่อ คุณแม่ก็สามารถเรียกหรือพูดคุยได้ค่ะ

Image 1/2
Living Area

Living Area

Living Area มีขนาดประมาณ 2.80×4.00 เมตร สามารถ Built-in ชั้นวางทีวี พร้อมวางโซฟารูปตัว L และโต๊ะกลาง เหมือนบ้านตัวอย่างได้ โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.50 เมตร ตั้งทีวี 50 นิ้วได้นะคะ นอกจากนั้นจะมีประตูกระจกด้านข้างเปิดออกไปยังสวนด้านหลังบ้าน

รวมถึงอีกฝั่งของ Living Area จะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนแบบ Full Height สูง 2.70 เมตร ที่นอกจากจะดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านแล้ว ยังเปิดรับวิวสีเขียวตรง Courtyard บริเวณด้านหน้าบ้านให้กับ Living Area ด้วยนั่นเองค่ะ

Image 1/2
Dining Area

Dining Area

สำหรับ Dining Area กับมุม Pantry จะอยู่ถัดจาก  Living Area โดยมีขนาดประมาณ 3.30×4.20 เมตร สามารถจัดโต๊ะ 4 ที่นั่งได้พอดี เหลือพื้นที่เดินรอบโต๊ะกว้าง อีกทั้งมีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนเปิดออกไปยัง Courtyard ที่อยู่ด้านหน้าบ้านด้วยนะ

บริเวณด้านหลังของ Dining Area จะสามารถทำเป็นมุม Pantry เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย มีขนาดประมาณ 1.75×2.10 เมตร สามารถ Built-in เคาน์เตอร์ครัวและเคาน์เตอร์บาร์ เพื่อใช้ทำอาหารง่ายๆหรือทำเป็นบาร์เครื่องดื่มได้ รวมถึงอยู่ติดกับห้องครัวและ Dining Area ทำให้สามารถจัดเสิร์ฟอาหารได้ง่ายดีค่ะ

ทางโครงการออกแบบเป็นครัวปิดขนาด 2.65×2.90 เมตร พร้อมช่องหน้าต่างและประตูเปิดไปยังลานซักล้างด้านหลังบ้าน ทำให้สามารถทำอาหารได้จริงจัง ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นหรือควันจากการทำอาหารจะลอยเข้าไปติดเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเลย เพราะเปิดระบายอากาศไปทางด้านหลังบ้านได้สบายๆนั่นเอง

สำหรับห้องครัวของบ้านมาตรฐานจะได้เป็นห้องโล่งๆนะ เราจึงออกแบบห้องครัวได้ตามการใช้งานเลยค่ะ อย่างบ้านตัวอย่างก็ตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดียอย่าง Built-in เคาน์เตอร์รูปตัว I พร้อมตู้เก็บของด้านบน-ด้านล่างทั้ง 2 ฝั่งห้อง พร้อมเว้นพื้นที่สำหรับตั้งตู้เย็นมาเรียบร้อยเลย

Image 1/5
ลานซักล้างด้านหลังบ้าน

ลานซักล้างด้านหลังบ้าน

บริเวณด้านหลังบ้านจะเป็นลานซักล้างและสวนสีเขียว มีความกว้างประมาณ 2.00 เมตร โดยโครงสร้างที่ลานซักล้างเป็นแบบ Slab on Ground วัสดุพื้นเป็นคอนกรีตฉาบเรียบ ซึ่งพอออกแบบเป็นลานซักล้างยาวประมาณ 10 เมตร ก็ทำให้นอกจากจะใช้เป็นพื้นที่ซักผ้า-ตากผ้าแล้ว ยังแบ่งพื้นที่มาทำเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Outdoor ใกล้ๆกับ Living Area เหมือนบ้านตัวอย่างได้เลยนะ ทำให้มีพื้นที่นั่งเล่นเพิ่มขึ้น แถมได้เปลี่ยนบรรยากาศการนั่งพักผ่อนด้วย นอกจากนั้นยังมีพื้นที่สวนด้านหลังบ้านสำหรับปลูกไม้พุ่มหรือดอกไม้ต่างๆ เพิ่มสีสันสดใสได้ด้วยค่ะ

Image 1/2
ห้องแม่บ้าน

ห้องแม่บ้าน

ห้องแม่บ้านจะอยู่ตรงโซนลานซักล้าง โดยจะมีขนาดประมาณ 2.35×2.70 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร สามารถวางเตียง 3.5 ฟุต พร้อมโต๊ะและตู้เสื้อผ้าได้สบาย รวมถึงมีห้องน้ำในตัว ขนาด 0.85×1.75 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์มาให้ครบครัน ใช้งานได้สะดวกเลย

อย่างที่เราได้บอกไปนะคะว่าจาก Living Area จะมีประตูบานเลื่อน 2 ตอนเปิดออกมายังพื้นที่ด้านหลังบ้านได้ ทำให้เวลาเบื่อๆก็ออกมาเดินชมสวนหรือนั่งพักผ่อนตรงนี้ได้ค่ะ

หลังจากเราพาไปดูฝั่งซ้ายของบ้านแล้ว เราจะพามาดูอีกฝั่งของบ้านกัน โดยจะมีบันไดขึ้นชั้น 2, ห้องน้ำชั้นล่างและห้องนอนชั้นล่างค่ะ

สำหรับห้องน้ำชั้นล่างนี้จะอยู่ใกล้ๆกับห้องนอนชั้นล่างเลย ทำให้รองรับทั้งแขก การใช้งานชั้น 1 และห้องนอนชั้นล่างเลยนั่นเอง

Image 1/4
ห้องน้ำชั้นล่าง

ห้องน้ำชั้นล่าง

ห้องน้ำชั้นล่างจะมีขนาดอยู่ที่ 1.60×2.70 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร ออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกภายในห้องน้ำไว้ชัดเจน พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดจาก American Standard

สำหรับพื้นที่อาบน้ำมีความกว้างประมาณ 0.90 เมตร พร้อมฝักบัวแบบ Hand Shower และเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย ส่วนฉากกั้นกระจกอาบน้ำจะไม่ได้ติดตั้งมาให้ แต่เราแนะนำให้ติดเพิ่มนะคะ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่น

Image 1/4
ห้องนอนชั้นล่าง

ห้องนอนชั้นล่าง

ห้องนอนชั้นล่าง มีขนาดประมาณ 4.00×4.00 เมตร ปูพื้นเป็น SPC หนา 4 มม. พร้อมบัวเชิงผนัง มีคุณสมบัติที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและความชื้นได้ดี รวมถึงเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นมากขึ้น โดยเราสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ หรือจะวางเป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียงสำหรับคุณปู่-คุณย่าก็ได้เหมือนกัน มีพื้นที่ด้านข้างตั้งโต๊ะ ส่วนตรงปลายเตียงก็ Built-in เป็นชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าเป็นแนวยาวได้สบายๆเลยค่ะ

ถึงแม้ว่าจะออกแบบพื้นห้องที่เรียบเสมอกัน เพื่อให้เข็นวีลแชร์เข้าไปในห้องนอนได้ เดินเข้า-ออกได้ไม่สะดุด เพื่อรองรับคุณปู่ คุณย่าที่ใช้วีลแชร์ แต่ภายในห้องนอนนี้จะไม่มีห้องน้ำในตัว จึงต้องไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ติดกันแทน รวมถึงขนาดห้องน้ำนี้ก็ไม่ใหญ่พอให้เข็นวีลแชร์เข้าไปได้ ทำให้เรามองว่าห้องนี้เหมาะเป็นห้องนอนสำหรับคุณปู่ คุณย่าที่ไม่ได้ใช้วีลแชร์ หรือปรับเป็นห้องทำงาน ห้องสัตว์เลี้ยง ห้องของเล่น-อ่านหนังสือของเด็กๆมากกว่าค่ะ

Image 1/2
ห้องเก็บของใต้บันได

ห้องเก็บของใต้บันได

ก่อนที่เราจะขึ้นบันไดไปชั้น 2 กัน ทางโครงการมีออกแบบเป็นห้องเก็บของอยู่บริเวณใต้บันได ขนาด 1.70×1.85 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 เซนติเมตร ทำให้เราสามารถเก็บเฟอร์นิเจอร์หรือของชิ้นใหญ่ๆได้สบายเลยค่ะ รวมถึงมีติดตั้งหน้าต่างเล็กๆเพื่อระบายอากาศและความชื้นภายในห้องไว้ให้ด้วยนะคะ

บันไดนี้จะมีโครงสร้างเป็นเหล็ก ปิดผิวด้วยพื้นไม้สังเคราะห์ ส่วนความกว้างบันไดประมาณ 1.00 เมตร พร้อมราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็ก ทาสีขาว พร้อมมือจับไม้สังเคราะห์ มีลูกนอนกว้างประมาณ 25 ซม. ลูกตั้งสูง 18 ซม. สามารถเดินขึ้น-ลงได้สบาย ส่วนบริเวณโถงบันไดก็มีหน้าต่าง ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในโถงบันไดไม่ดูมืดทึบ

Image 1/3
โถงทางเดินชั้น 2

โถงทางเดินชั้น 2

เมื่อขึ้นมาชั้น 2 ก็ปูพื้นเป็นพื้น SPC หนา 4 มม. พร้อมบัวเชิงผนัง ได้บรรยากาศที่อบอุ่น เหมาะแก่การพักผ่อน ส่วนความสูงของพื้นชั้น 2 ถึงฝ้าเพดานจะเท่ากับชั้น 1 เหมือนกันอยู่ที่ 2.70 เมตรค่ะ

ด้วยตัวบ้านหน้ากว้าง ทำให้พื้นที่ชั้น 2 ก็ออกแบบแบ่งเป็น 2 ฝั่งเหมือนพื้นที่ชั้น 1 เลย โดย Master Bedroom จะแยกฝั่งอยู่ห้องเดียว จึงไม่มีการแชร์ผนังร่วมกับห้องนอนอื่น ได้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด สำหรับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องจะอยู่อีกฝั่งของบ้าน ส่วนบริเวณตรงกลางชั้น 2 จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ค่ะ

ทางโครงการออกแบบโถงทางเดินชั้น 2 กว้าง 1.35 เมตร เพื่อเชื่อมไปยัง Master Bedroom ซึ่งบริเวณด้านข้างจะเป็นหน้าต่างกระจกแบบ Full Height สูง 2.70 เมตร ยาวตลอดแนวผนัง เพื่อเปิดรับวิวต้นไม้สีเขียวตรง Courtyard ด้านหน้าบ้านนั่นเอง ทำให้ถึงแม้จะอยู่ภายในบ้านก็ได้วิวสีเขียวและบรรยากาศที่สดชื่นดีค่ะ

Image 1/4
Master Bedroom

Master Bedroom

Master Bedroom มีขนาด 4.15×7.80 เมตร ภายในห้องจะออกแบบเป็นพื้นที่ Open Plan เชื่อมพื้นที่เตียงนอนและพื้นที่แต่งตัว ทำให้ได้พื้นที่ต่อเนื่อง ใช้งานได้สะดวก โดยบริเวณพื้นที่เตียงนอนจะมีขนาด 4.15×5.00 เมตร สามารถตกแต่งเหมือนห้องตัวอย่างได้เลยทั้งวางเตียง 6 ฟุตและโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง รวมถึงบริเวณปลายเตียงก็ตั้งโซฟาและชั้นวางทีวีได้สบายๆ มีพื้นที่เดินรอบเตียงกว้างมากๆ

Image 1/2
Walk-in Closet ของ Master Bedroom

Walk-in Closet ของ Master Bedroom

ส่วนด้านข้างของพื้นที่เตียงนอนจะกั้นเป็นพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk-in Closet ก็ได้เหมือนกัน ช่วยป้องกันความชื้นจากห้องน้ำและฝุ่นจากเสื้อผ้าไม่ลอยเข้าไปบริเวณเตียงนอนค่ะ ซึ่งบริเวณ Walk-in Closet นี้มีขนาด 2.00×4.45 เมตร สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นแนวยาวพร้อมโต๊ะแต่งหน้าเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลยค่ะ อีกทั้งอยู่ใกล้กับ Master Bathroom ทำให้ใช้งานได้ง่าย

Image 1/6
Master Bathroom

Master Bathroom

Master Bathroom มีขนาด 2.20×2.70 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร มีการออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้เป็นสัดส่วน พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก American Standard ทั้งหมด ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีความกว้างประมาณ 1.00 เมตร พร้อมฝักบัวแบบ Hand-Rain Shower มีฉากกั้นกระจกอาบน้ำ ช่วยไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นและเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อยด้วย

โดย Master Bathroom นี้จะได้ของมาแตกต่างจากห้องน้ำห้องอื่นๆนะคะ เพราะจะได้เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มีพื้นที่กว้างๆ, โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet, Rain Shower และติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้ด้วยค่ะ

ก่อนที่เราจะพาไปดูห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องกันต่อ เราจะขอพามาดูพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่บริเวณตรงกลางชั้น 2 นะคะ

Image 1/2
พื้นที่อเนกประสงค์

พื้นที่อเนกประสงค์

พื้นที่อเนกประสงค์จะมีขนาด 1.85×2.50 เมตร สามารถใช้เป็นมุมนั่งเล่นหรือมุมงานอดิเรกอย่างการถักไหมพรมเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย รวมถึงเราสามารถกั้นเป็นห้องปิดได้ เพื่อใช้เป็นพื้นที่นั่งทำงาน, มุมอ่านหนังสือหรือพื้นที่ของน้องๆสัตว์เลี้ยงก็ได้นั่นเอง

สำหรับห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องจะอยู่ใกล้ๆบันไดเลยค่ะ ทำให้เวลาเดินขึ้นมาก็เข้าห้องได้เลย แต่หากจะไป Master Bedroom ก็จะต้องเดินตามโถงทางเดิน ผ่านพื้นที่อเนกประสงค์เชื่อมไปยัง Master Bedroom ที่แยกฝั่งอยู่ห้องเดียวนั่นเอง

ทุกแบบบ้านของโครงการนี้จะมีติดตั้ง Active Air Flow ระบบพัดลมดูดอากาศภายในบ้าน ตรงโถงทางเดินชั้น 2 ด้วยค่ะ โดยจะดูดอากาศเก่าออกไป เกิดการหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน รวมถึงช่วยลดความร้อนด้วยนะคะ

Image 1/4
ห้องนอนรอง 1

ห้องนอนรอง 1

ห้องนอนรอง 1 มีขนาดอยู่ที่ 3.70×6.70 เมตร หันไปฝั่งด้านหน้าบ้าน ได้วิวเปิดโล่ง โดยบริเวณเตียงนอนจะมีขนาดอยู่ที่ 3.70×4.30 เมตร สามารถวางเตียง 5-6 ฟุต, มีพื้นที่ด้านข้างเตียงทำเป็นมุมนั่งเล่นในห้องและ Built-in โต๊ะอ่านหนังสือตรงปลายเตียงได้สบายๆ ส่วนด้านข้างจะมีพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่เรากั้นประตูปิดเหมือนบ้านตัวอย่างได้เหมือนกัน ทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนดีค่ะ

Image 1/2
Walk-in Closet ของห้องนอนรอง 1

Walk-in Closet ของห้องนอนรอง 1

พื้นที่แต่งตัวแบบ Walk-in Closet มีขนาดประมาณ  1.70×2.35 เมตร โดยสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะแต่งหน้าเหมือนบ้านตัวอย่างได้เลย อีกทั้งอยู่ติดกับห้องน้ำในตัวก็ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดีค่ะ ส่วนด้านข้างมีช่องหน้าต่างเปิดรับแสงธรรมชาติด้วย

Image 1/4
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1 มีขนาด 1.80×2.25 เมตร ปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร ออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียก เลือกใช้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดจาก American Standard ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.90×1.00 เมตร พร้อมเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อยเลย แต่ไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้นะคะ

Image 1/5
ห้องนอนรอง 2

ห้องนอนรอง 2

ต่อมาเป็นห้องนอนรอง 2 ที่อยู่ติดกับห้องนอนรอง 1 โดยมีขนาดประมาณ 4.00×5.15 เมตร เหมาะวางเตียง 5 ฟุต มีพื้นที่ด้านข้างเตียงตั้งโต๊ะนั่งทำงาน ส่วนบริเวณปลายเตียงก็ตั้งชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าได้สบายๆ เหลือพื้นที่ภายในห้องกว้าง ส่วนห้องน้ำในตัวจะอยู่ใกล้ๆกับประตูห้องเลยนะคะ

Image 1/4
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2 มีขนาด 1.60×2.70 เมตร ปูพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร ทางโครงการได้แบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจน พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก American Standard ทั้งหมด สำหรับพื้นที่อาบน้ำกว้าง 0.90 เมตร พร้อมเดินระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาเรียบร้อย ส่วนฉากกั้นกระจกอาบน้ำก็สามารถหาซื้อ-ติดตั้งเพิ่มเองได้ ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นค่ะ


LEGACY (เลกกะซี)

สำหรับแบบบ้านหลังใหญ่สุดของโครงการจะเป็น LEGACY (เลกกะซี) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 80.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 387 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน

ส่วนจุดแตกต่างของแบบบ้านนี้กับแบบบ้านอื่นที่นอกจากจะมีพื้นที่ใช้สอยเกือบ 400 ตร.ม. แล้ว ยังมีพื้นที่จอดรถมากถึง 4 คัน, ห้องนอนชั้นล่างมีห้องน้ำในตัว และระเบียงขนาดใหญ่ตรงชั้น 2 ซึ่งบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ 300+ ตร.ม. และพื้นที่จอดรถ 4 คัน ถือเป็นของหายากบนทำเลนี้เลยนะ นี่จึงเป็นจุดเด่นของแบบบ้านนี้นั่นเอง

ชั้น 1

  • ที่จอดรถ 4 คันในร่ม ด้านหลังที่จอดรถมี Junction Box รองรับ EV Charger, ห้องเก็บของและทางเดินเชื่อมไปยัง Courtyard
  • โถงทางเข้าด้านหน้าบ้านมีชายคา พร้อมพื้นที่เฉลียง ตั้งชั้นวางรองเท้า-ที่เก็บร่มได้
  • Foyer พื้นที่ต้อนรับ ทำเป็นพื้นที่เก็บรองเท้า-ที่นั่งใส่รองเท้าได้
  • พื้นที่ชั้น 1 เป็น Open Plan เชื่อม Foyer, Living Area, Dining Area และมุม Pantry
  • Living Area แบบ Double Volume สูง 6.20 เมตร ได้ความโปร่งโล่ง
  • Courtyard ขนาดใหญ่ ใช้งานได้เป็นส่วนตัวและเป็นวิวสีเขียวให้กับฟังก์ชันในบ้าน
  • ห้องครัวแบบปิด ทำอาหารได้จริงจัง มีประตูเปิดออกไปยังลานซักล้าง
  • Powder Room รองรับการใช้งานของแขกและบริเวณชั้น 1
  • ห้องนอนชั้นล่าง ใช้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ พร้อมห้องน้ำในตัว
  • ลานซักล้าง เป็นพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและตากผ้า
  • ห้องเก็บของใต้บันได สามารถเก็บของได้เยอะ

ชั้น 2

  • พื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางชั้น 2 สามารถปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้
  • ระเบียงส่วนรวม ใช้เป็นมุมปลูกต้นไม้ได้
  • ออกแบบแยก Master Bedroom อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้านห้องเดียว ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนห้องนอนรอง 2 ห้องอยู่ฝั่งหลังบ้าน
  • Master Bedroom สามารถกั้นแบ่งพื้นที่ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ได้ มีพื้นที่นั่งเล่นในห้องได้สบายๆ
  • ห้องนอนรอง 1 และ 2 ขนาดพอๆกัน วางเตียง 6 ฟุตได้ มีพื้นที่ด้านข้างวางตู้เสื้อผ้าและมีห้องน้ำในตัว ใช้งานสะดวก

ปัจจุบันทางโครงการได้ขายแบบบ้าน LEGACY (เลกกะซี) โซนด้านหน้าโครงการไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงบ้านตัวอย่างด้วย เราจึงไม่มีภาพถ่ายมาให้ชมกันนะคะ แต่มีเป็น Short VDO ของบ้านตัวอย่างที่เราได้ไปถ่ายมาให้ชมก่อนหน้านี้ สามารถตามไปดูกันได้ที่นี่เลยค่ะ

ราคา

วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา ราคาเท่าไหร่ (ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2568)

ราคาผ่อนต่อเดือนยกตัวอย่างจาก ดอกเบี้ย 4% ระยะเวลาผ่อน 30 ปี*
สามารถคลิกดูอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันได้ที่ >> อัปเดต! ดอกเบี้ยบ้าน 2568 ทุกธนาคาร

  • SUNSHINE (ซันไชน์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 58.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 251 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 4 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท*
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 52,515.68 บาท*
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 2,646 บาทต่อเดือน
  • MEMORY (เมมโมรี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 66.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 319 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท*
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 71,612.29 บาท*
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 2,992.5 บาทต่อเดือน
  • LEGACY (เลกกะซี) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 80.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 387 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน
    – ราคาเริ่มต้น 18 ล้านบาท*
    – ราคาผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นประมาณ 85,934.75 บาท*
    – ค่าส่วนกลางเริ่มต้น 3,618 บาทต่อเดือน
  • ค่าจอง : แบบบ้าน SUNSHINE 50,000 บาท / แบบบ้าน MEMORY และ LEGACY 100,000 บาท
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 115,700 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.วา/เดือน
  • โปรโมชัน อึ้ง! ทึ่ง! SALE หั่นราคาลดสูงสุด 50% ราคาเต็ม 20-32 ล้าน เหลือสุทธิเริ่ม 10-16 ล้าน ระยะเวลา 15 ตุลาคม ถึง 15 ธันวาคม 2568
  • รายการโปรโมชันของแถม : Home Automation, Smart Switch, Magnetic Sensor และจัดสวน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

Tips : แนะนำการขอสินเชื่อกับธนาคาร 

เกณฑ์การพิจารณาการขอสินเชื่อจากธนาคาร ควรมีเงื่อนไขตรงกับข้อไปนี้ค่ะ

  • มีรายรับชัดเจน สม่ำเสมอ(ไม่ผันผวน) ต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน และสามารถตรวจสอบได้
  • ควรมีภาระหนี้รวมทั้งหมด (ทั้งบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต และอื่นๆ) ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน
  • มีรายได้ต่อเดือนมากกว่าค่าผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน 3 เท่าขึ้นไป

หากต้องการผ่อนบ้านให้หมดไว แนะนำให้โปะเพิ่มประมาณ 10% ของงวดผ่อน จะช่วยลดระยะเวลาผ่อนลงได้ 4 – 7 ปี (ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย) และควร Refinance หรือ Retention เพื่อให้ดอกเบี้ยลดลงทุกๆ 3 ปี ทั้งนี้อย่าลืมเผื่อค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและตกแต่ง*ก่อนเข้าอยู่เพิ่มเติมด้วยนะคะ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :

โครงการตั้งอยู่บนถนนพัฒนาชนบท 4 ใกล้ทางด่วนทั้งถนนมอเตอร์เวย์และถนนวงแหวนกาญจนาฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นซอยตัน แต่ในอนาคตมีแผนการตัดถนนเชื่อมต่อถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ทำให้เดินทางสะดวกและมีความคึกคักมากขึ้น นอกจากนั้นยังใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะห่างประมาณ 7.2 กม.และมีรถไฟฟ้า Airport Rail Link เป็นตัวเลือกในการเดินทาง

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยอาจจะไม่ได้คึกคักมากนัก แต่บริเวณหน้าปากซอยจะมี 7-11, Lotus go Fresh, CJ Supermarket และตลาดพารวย ส่วนห้างใหญ่ๆที่ใกล้ๆก็จะอยู่บนถนนลาดกระบังอย่าง The Paseo Mall และ Robinson Lifestyle ไม่ก็ไปเส้นถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ที่ปัจจุบันจะมี Community Mall และร้านต่างๆอยู่ด้วย รวมถึงหากในอนาคตเมื่อเชื่อมถนนพัฒนาชนบท 4 ไปยังถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ก็คาดว่าจะมีความคึกคักภายในซอยมากยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :

ประตูทางเข้า-ออกโครงการแบบรั้วเหล็กรางเลื่อน ควบคู่กับรั้วไม้กระดก พร้อมระบบเข้า-ออกโครงการด้วยการจดจำป้ายทะเบียนรถ รวมถึงติดตั้งกล้อง CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, รั้วทึบรอบโครงการสูง 2.75 เมตร (เฉพาะรั้วโครงการฝั่งที่ติดหมู่บ้านข้างๆ มีต่อรั้วเหล็กกรุด้วยแผงระแนง รวมสูง 3.00 เมตร)

สำหรับตัวบ้านจะมี Digital Door Lock ตรงประตูทางเข้าและ IP Camera จำนวน 2 ตัว บริเวณพื้นที่จอดรถและ Living Area ส่วนสัญญาณกันขโมย Magnetic Sensors บริเวณประตู-หน้าต่างชั้น 1 จะเป็นโปรโมชันนะคะ แต่ลองสอบถามกับทางโครงการอีกครั้งค่ะ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :

เน้นความเป็นส่วนตัวสูง มีจำนวนยูนิต 91 ยูนิต รวมถึงมีเพื่อนบ้านในแต่ละซอยเพียง 2-6 หลัง ทำให้ไม่พลุกพล่าน สำหรับพื้นที่ส่วนกลางหลักๆมี 3 จุด ลูกบ้านเข้าถึงและใช้งานได้สะดวก แบ่งเป็น Clubhouse และสวนแนวยาวอยู่ด้านหน้าโครงการ, Main Park ตรงกลางและสวนสีเขียวด้านหลังโครงการ นอกจากนั้นยังเน้นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ถึง 2 ไร่ รวม 5 จุด ได้บรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ ส่วนโซนบ้านจะมีทั้งติดถนนหลักหรือเน้นความเงียบสงบ อยู่ในซอยตัน โดยทิศของบ้านจะหันไปตามทิศตะวันออกได้แดดอ่อนๆในตอนเช้า, ทิศตะวันตกที่ถึงแม้จะโดนแดดเยอะ แต่ได้ลมดี และทิศเหนือที่ได้ร่มเงาช่วงบ่ายค่ะ

ส่วนตัวบ้านจะมีให้เลือก 3 แบบ โดยทุกหลังมี Courtyard ภายในบ้าน, ออกแบบหน้าบ้านมีช่องเปิดน้อย พร้อมระแนงพรางสายตาที่สัมพันธ์กับทิศทางแดดในบ้านแต่ละหลังและใช้ผนังช่องลมบังสายตา ได้ความเป็นส่วนตัวสูง, เน้นความโปร่งโล่งในบ้าน ด้วยพื้นที่ Open Plan+หน้าต่าง Full Height+Double Volume 6.20 เมตร

นอกจากนั้นแต่ละแบบบ้านมีจุดเด่นที่แตกต่างกันชัดเจน ทำให้เลือกซื้อได้ง่าย อย่างบ้านเริ่มต้นมี 3 ห้องนอน 2 ที่จอดรถ, บ้านหลังกลาง มีห้องนอนชั้นล่างเหมาะใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ และบ้านหลังใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเกือบ 400 ตร.ม. มีห้องนอนชั้นล่างพร้อมห้องน้ำในตัว ซึ่งโปรดักส์ของโครงการนี้ก็ถือเป็น Rare Item นะ เพราะบ้านเดี่ยวพื้นที่ 300+ ตร.ม.หรือมีพื้นที่จอดรถ 4 คัน ถือเป็นของหายากบนทำเลค่ะ

วัสดุ :

โครงสร้างบ้านเป็น Conventional ทุบ-ต่อเติมได้ มีพื้นที่จอดรถเป็น Slab on Beam วัสดุปูพื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลาย ส่วนโครงสร้างที่ลานซักล้างแบบ Slab on Ground วัสดุพื้นเป็นคอนกรีตฉาบเรียบ สำหรับพื้นชั้น 1-2 เป็น SPC ลายไม้ ได้บรรยากาศอบอุ่นน่าอยู่อาศัย แต่อาจจะต้องระวังเรื่องความชื้นจากพื้นบ้านใต้แผ่น SPC ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำทั้งหมดจาก American Standard และ Master Bathroom จะได้พื้นที่กว้างหรือติดตั้งตู้เก็บของด้านล่างเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ / โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet / Rain Shower / ฉากกั้นกระจกอาบน้ำ นอกจากนั้นมี Active Air Flow ระบบพัดลมดูดอากาศ บริเวณโถงชั้น 2 และ Solar Cell 3 KWp. 3 เฟส มาให้ทุกหลังค่ะ

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :

ทางโครงการเน้นพื้นที่สีเขียวรวมกว่า 2 ไร่ ออกแบบกระจายเป็น 5 จุด ทั้งสวนแนวยาวด้านหน้าโครงการ สร้างบรรยากาศสดชื่นเวลาเข้า-ออกโครงการและช่วยนำสายตาเข้ามายังโครงการ, Main Park ตรงกลางโครงการ มีฟังก์ชันส่วนกลางต่างๆ ได้บรรยากาศภายในโครงการที่ร่มรื่นและใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น รวมถึงมีสวนสีเขียวด้านหลังโครงการและสวนหย่อม 2 จุดตรงโซนบ้าน แต่ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง หากสร้างเสร็จแล้ว คาดว่าจะช่วยเพิ่มบรรยากาศร่มรื่นและความน่าอยู่อาศัยภายในโครงการได้ดีเลยค่ะ

สาธารณูปโภค :

ด้วยตัวโครงการที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีฟังก์ชันส่วนกลางมาให้ใช้งานครบครัน มี Clubhouse อยู่ด้านหน้าโครงการ เป็นมุมต้อนรับที่สวยงาม ประกอบด้วย พื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi Outdoor, Co-Living zone, สระว่ายน้ำและ Fitness รวมถึงออกแบบเชื่อมไปยังสวนแนวยาวและต่อเนื่องไป Main Park ตรงกลางโครงการ ที่เป็นสวนสีเขียวให้เด็กๆมาเล่นสนุก นั่งปิกนิก หรือเดินเล่นพักผ่อน พร้อม Outdoor Fitness พื้นที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 11-18 ล้านบาท*, 22 ตุลาคม 2568

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.75/10 – อยู่บนถนนพัฒนาชนบท 4 ใกล้มอเตอร์เวย์ ความอุดมสมบูรณ์ยังมีไม่มาก แต่ในอนาคตมีแผนตัดถนนเชื่อมกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ น่าจะคึกคักมากขึ้น
  • ความปลอดภัย 8/10 – รั้วกั้นไม้กระดกและรางเลื่อน, รปภ. 24 ชม., Digital Door Lock, IP Camera บริเวณพื้นที่จอดรถและ Living Area
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – เน้นความเป็นส่วนตัว, บ้านแปลงมุมเกือบทั้งหมด, แต่ละแบบบ้านมีจุดเด่นแตกต่างชัดเจน พร้อม Courtyard ในบ้านทุกหลัง
  • วัสดุ 8/10 – มาตรฐานของระดับนี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 – สวนสีเขียวขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ กระจาย 5 จุด ทั้งด้านหน้า, ตรงกลางและด้านหลังโครงการ รวมถึงมีสวนหย่อม 2 จุดตรงโซนบ้านด้วย
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ส่วนกลางครบครัน เหมาะสมกับจำนวนยูนิต
  • 8.03 / 10.00 

วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา ดีไหม?

โครงการ วิลล่า 168 นิวกรุงเทพกรีฑา เหมาะกับคนที่เน้นทำเลใกล้ทางด่วน เดินทางไปทำงานย่านกรุงเทพฯกรีฑา พระราม 9 ศรีนครินทร์หรือร่มเกล้า รวมไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ง่ายในราคาที่ย่อมเยากว่าโซนกรุงเทพกรีฑา รวมถึงเน้นความเป็นส่วนตัวสูง เพราะมียูนิตน้อยเพียง 91 หลัง เพื่อนบ้านในซอยเดียวกันก็มี 2-6 หลัง ส่วนตัวบ้านก็ออกแบบช่องเปิดน้อย พร้อมระแนงและผนังช่องลมพรางสายตาด้วย นอกจากนั้นมี Courtyard ในบ้านทุกหลัง รวมถึงมีแบบบ้านที่มีพื้นที่ 300 ตร.ม. หรือได้พื้นที่จอดรถ 4 คันให้เลือก ซึ่งเป็นของหายากบนทำเลนี้ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางก็มีให้ใช้งานครบครัน พร้อมสวนสีเขียวใหญ่ถึง 2 ไร่ โดยมีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 11-18 ล้านบาท* หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 52,515.68-85,934.75 บาท*

ตัวอย่างโครงการ บ้านเดี่ยว ลาดกระบัง (ใกล้ถนนมอเตอร์เวย์)

Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่