รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น) คอนโดติดรถไฟฟ้าสถานีจรัญฯ 13 จาก Grand Unity [รีวิวฉบับที่ 2215]

8 เมษายน 2021

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1894 … รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน – ท่าพระกำลังจะเปิดให้บริการเร็วๆนี้แล้วนะคะ วันนี้เราเลยพามาดูโครงการใหม่ติดรถไฟฟ้ากันกับ Cieia จรัญฯ 13 สเตชั่น คอนโด High Rise บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ที่ออกมาจากโครงการก็สามารถเดินขึ้นสถานีจรัญฯ13 ได้เลย ซึ่งทำให้เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกทีเดียว มาพร้อมกับ Facility ชั้นบนสุด มองเห็นวิวเมืองได้รอบด้าน ห้องพักส่วนใหญ่เป็น 1 Bedroom มีให้เลือกหลายขนาดในราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท เราไปชมกันค่ะ 

Fact @ 20 JUNE 2019

  • Ciela Charan 13 Station (เซียล่า จรัญฯ13 สเตชั่น)
  • บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนน จรัญสนิทวงศ์ แขวง วัดท่าพระ เขต บางกอกใหญ่
  • ที่ดินประมาณ 1-3-93.60 ไร่
  • คอนโด High Rise 20 ชั้น 1 อาคาร 360 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 20 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 146 คัน คิดเป็น 40% (Auto-Parking 140 คัน, จอดทั่วไป 6 คัน)
  • เริ่มก่อสร้าง :  ต.ค. 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. 2563
  • Studio 21.00 – 21.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom 25.00 – 27.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.59 – 3.5 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Corner 30.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.1 – 4.56 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 30.50 – 33.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.1 – 4.21 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus Corner 34.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร (ครัว สูง 2.45 เมตร)
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ ประมาณ 116,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02 652 4000

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.740755, 100.470249
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

Ciela จรัญฯ 13 สเตชั่น เป็นโครงการบนทำเลจรัญสนิทวงศ์ ช่วงต้นใกล้กับซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกเนื่องจาก สามารถใช้เส้นทางได้หลายสาย ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 เองก็เป็นซอยลัดที่จะวิ่งไปออกถนนบางแวกเชื่อมไปถึงพุทธมณฑลได้ บรรยากาศภายในซอยจะคึกคักมีรถวิ่งอยู่ตลอดเวลา สำหรับถนนหลักคือถนนจรัญสนิทวงศ์ ถ้าวิ่งไปทางใต้จะไปตัดกับถนนเพชรเกษมที่ใช้วิ่งไปวงเวียนใหญ่ สีลม สาทร หรือไปออกทางฝั่งบางแคได้ ถ้าใช้เส้นทางวิ่งขึ้นไปทางเหนือจะตัดกับถนนพรานนกที่เชื่อมต่อไปวังหลัง-ศิริราชได้ และตัดกับถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 เชื่อมไปถนนราชพฤกษ์ พุทธมณฑล กาญจนาภิเษกได้เลย และสามารถใช้เชื่อมไปขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ด้วยค่ะ

ถ้าพูดถึงชื่อถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 หลายๆคนคงยังไม่คุ้นเท่าไหร่ ต้องบอกก่อนว่าถนนจรัญสนิทวงศ์นั้นแต่เดิมมีการจราจรที่ค่อนข้างจะหนาแน่น ด้วยลักษณะที่เป็นถนนเส้นยาวไม่ค่อยมีแยกให้ระบายรถเท่าไหร่ ต่อมามีการตัดถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 ที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้ระบายการจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วยให้คนในย่านนี้มีความสะดวกสบายขึ้นมากทีเดียวค่ะ สำหรับการเดินทางเข้าเมืองฝั่งพระนครสามารถใช้สะพานพระปิ่นเกล้า สะพานพระราม 8 หรือสะพานพระปกเกล้าได้ค่ะ

การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็ถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ เนื่องจากโครงการอยู่ติดกับรถไฟฟ้า MRT สถานี จรัญสนิทวงศ์ 13 เดินออกมาทางขวาจากหน้าโครงการประมาณ 10 เมตรก็ขึ้นบันไดแล้วค่ะ ซึ่งสถานี จรัญสนิทวงศ์ 13 นี้เป็นส่วนนึ่งของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงเตาปูน – ท่าพระ ซึ่งจะมีกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2563 ค่ะ ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนี้จะเป็นเส้นที่วิ่งเป็นวง ครบรอบจากหลักสองไปยังหัวลำโพง วิ่งต่อไปบางซื่อ และวนมายังท่าพระค่ะ สำหรับสถานีจรัญฯ 13 ถ้านั่งถัดไปอีก 2 สถานีก็จะถึงสถานีบางขุนนท์ซึ่งเป็น สถานี Interchange กับสายสีส้ม(ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) และสายสีแดง(ตลิ่งชัน-ศาลายา) ในอนาคตค่ะ แต่คาดว่ากว่าจะเสร็จครบทั้งสามสายอาจจะกินระยะเวลาเกือบสิบปีเลยรีเปล่า ก็ต้องรอดูกันต่อไปค่ะ และไม่เกินปีนี้เราจะได้นั่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-หลักสองกันแล้ว ในอนาคตสามารถมาที่สถานีบางหว้าเพื่อมา Interchange กับสายสีเขียวได้ด้วยค่ะ

นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว แถวนี้ยังมี รถสองแถว รถกระป๊อ วินมอเตอร์ไซต์ และรถประจำทางที่วิ่งให้บริการอยู่ตลอดทั้งวัน คนไหนกลับดึกหรือใครจะออกไปปาร์ตี้กลางคืนข้างนอกก็ไม่ต้องกลัวเปลี่ยวเพราะตัวโครงการที่อยู่ติดหน้าถนนใหญ่ ไม่ได้อยู่ในซอย ซึ่งเป็นข้อดีอย่างนึงของโครงการที่ติดถนนใหญ่เลยค่ะ

นอกจากตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพื้นที่ในทำเลนี้คืออยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มเข้ามาด้วย ก็ช่วยทุ่นเวลา ให้เราไม่ต้องอยู่บนท้องถนนนานนัก ซึ่งท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ท่าวังหลัง ที่ห่างจากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถข้ามเรือไปหาร้านอาหารเด็ดๆ เจ้าดังๆ ทานที่ท่าพระอาทิตย์ หรือไปเรียนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ก็สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้เส้นทางเดินเรือยังสามารถนั่งไปได้ไกลถึงสาทร หรือขึ้นเหนือไปถึงนนทบุรีเลยค่ะ คลิกดูรายละเอียดเส้นทางการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ที่นี่ เลย

ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็หายห่วงเนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่ถือว่าเป็นแหล่งหาของกินง่าย และมีร้านเด็ดร้านดังเจ้าเก่าค่อนข้างเยอะ ใครที่ต้องการช้อปปิ้งก็มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นศูนย์การค้า และ Hypermarket แต่ส่วนตัวคิดว่าจุดเด่นสุดน่าจะเป็นเรื่องของตลาด ที่มีตลาดชื่อดังอยู่ในรัศมี 2-3 กม. ให้เลือกเดินกันอย่างคับคั่ง นอกจากนี้ยังใกล้โรงพยาบาลดังอย่างศิริราช ใกล้มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) หรือจะเข้าไปทำงานในเมืองทั้งย่านสาทร ก็สามารถไปทางเรือได้ สรุปมาให้เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

  • ในระยะเดินได้สบายรอบๆ โครงการ ได้แก่ ซอยพาณิชยการธนบุรี (จรัญฯ13), 7-eleven, Tesco Lotus, Tesco Lotus Express, KFC
  • ระยะทางประมาณ 500-700 เมตร ได้แก่ Home Pro จรัญสนิทวงศ์
  • ระยะทางประมาณ 2 – 3 กิโลเมตร ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช ตลาดสถานีรถไฟ(ศาลาน้ำร้อน) ตลาดพรานนก ตลาดวังหลัง และท่าน้ำวังหลัง (เรือข้ามฟากไปฝั่งพระนคร ก็ถึงภายใน 10 นาทีค่ะ), ตลาดบางขุนศรี, Makro จรัญฯ เป็นต้น
  • ระยะทางเกิน 3 กิโลเมตร คือ ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าต่างๆ ได้แก่ Central ปิ่นเกล้า, The Sense ปิ่นเกล้า, Major ปิ่นเกล้า และ Lotus ปิ่นเกล้า, The Mall ท่าพระ เป็นต้น

การเดินทางที่เราจะพาไปวันนี้ เริ่มกันที่ถนนสาทรใต้ วิ่งข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านสะพานตากสิน มายังถนนกรุงธนบุรีนะคะ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดาภิเษก ผ่านแยกท่าพระเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ โครงการจะอยู่ก่อนถึงซอย จรัญสนิทวงศ์ 13 บริเวณสถานีรถไฟฟ้า จรัญฯ13 ทางซ้ายมือค่ะ

เริ่มจากถนนสาทรใต้ มุ่งหน้าไปยังสะพานตากสิน (ขึ้นสะพาน)

ตรงมาเรื่อยๆก่อนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จะเห็นสถานีรถไฟฟ้า สะพานตากสินอยู่ทางขวามือค่ะ

ลงมาให้เราวิ่งตามป้ายบอกทางถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆจะผ่านสถานีรถไฟฟ้า BTS วงเวียนใหญ่

ให้เราตรงไปเรื่อยๆจะมีสะพาน ให้เราขึ้นสะพานค่ะ

เมื่อลงมาแล้วจะเจอกับทางแยก ให้เราวิ่งชิดซ้าย เพื่อที่จะไปเลี้ยวขวาใต้สะพาน เข้าสู่ถนนรัชดาภิเษกค่ะ

ตรงแยกจะมีสัญญานไฟ ให้รอสัญญาณแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดาภิเษก

เลี้ยวขวามาแล้วให้เราตรงไป มุ่งหน้าสู่แยกท่าพระค่ะ

วิ่งตรงมาเรื่อยๆตามป้ายบอกทาง

เมื่อเราตรงมาแล้วจะเจอกับสถานี MRT ท่าพระ เป็นสถานี Interchange ระหว่าง MRT สีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง – บางแค และช่วง เตาปูน – ท่าพระ ซึ่งจะอยู่บริเวณแยกท่าพระพอดีค่ะ

ให้เราตรงมาเรื่อยๆ จะสังเกตว่าสองข้างทางบนถนนจรัญสนิทวงศ์ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแถว พักอาศัย สูงไม่เกิน 5 ชั้น

เมื่อเจอกับสถานี MRT จรัญสนิทวงศ์ 13 ให้ชะลอเตรียมชิดซ้ายไว้ค่ะ

ทางเข้าโครงการจะอยู่ใกล้กับบันไดทางขึ้น – ลง สถานี จรัญสนิทวงศ์ 13 ให้ชิดซ้าย

ถึงโครงการแล้วค่ะ โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือปัจจุบันด้านหน้าเป็นสำนักงานขาย อยู่ฝั่งตรงข้ามกับปั๊มเอสโซ่ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่รอบๆโครงการ Ciela จรัญฯ13 สเตชั่น เป็นที่อยู่อาศัย ชุมชนค่อนข้างหนาแน่น มีการสัญจรอยู่ตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่เป็นอาคารแถวพักอาศัย สูงไม่เกิน 5 ชั้น ไม่มีอาคารสูงมาขึ้นเท่าไหร่ค่ะ ทำให้มุมมองจากห้องพักอาศัยภายในโครงการส่วนใหญ่จะเห็นวิวเมืองแนวราบ ที่ดินของโครงการติดกับเพื่อนบ้าน ดังนี้

  • ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนจรัญสนิทวงศ์ , สถานีรถไฟฟ้าจรัญสนิทวงศ์ 13 ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารแถวฝั่งตรงข้ามสูง 2-3 ชั้น
  • ทิศใต้ ติดกับ อาคารแถว(ด้านข้าง) สูงประมาณ 5 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับ อาคารแถว สูงประมาณ 5 ชั้น (ด้านหลังอาคาร)
  • ทิศเหนือ ติดกับ อาคารแถว สูงประมาณ 3 ชั้น (ด้านหลังอาคาร)

สำนักขายขายของโครงการ ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าที่ดินของโครงการติดถนนจรัญสนิทวงศ์ค่ะ

บรรยากาศภายในสำนักงานขาย ซึ่งจะใช้การตกแต่งแบบเดียวกับ Lobby ภายในโครงการ

ด้านหน้าโครงการติดถนนจรัญสนิทวงศ์ทางทิศตะวันออก ฝั่งตรงข้ามเป็นปั๊มน้ำมันเอสโซ่และอาคารสูง 2-3 ชั้น

ด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางทิศเหนือ (ฝั่งซ้าย) จะเป็นอาคารแถวสูง 3 ชั้น ด้านล่างเป็นร้านค้า ขายทอง, ขายของกิน, ผลไม้ เป็นต้น

เดินมาอีกหน่อยจะเจอกับซอยพาณิชยการธนบุรี หรือซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งเป็นซอยหลักที่สามารถทะลุไปออกถนนราชพฤกษ์ได้

ภายในซอยจะมีร้านค้า ร้านอาหารหลากหลายค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชน และมีสถานศึกษาอยู่ค่ะ

ด้านหน้าโครงการเมื่อมองไปทางทิศใต้ (ฝั่งขวา) จะเป็นทางขึ้นไปยังสถานีรถไฟฟ้า จรัญสนิทวงศ์ 13 และมีวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการอยู่ด้วยค่ะ

ด้านข้างเป็นอาคารแถวสูง 3 ชั้น ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า ขายทอง, ขายของกิน เช่นกันค่ะ เดินออกมาจากโครงการก็หาอะไรทานได้เลย

ที่ดินโครงการทางทิศเหนือ ติดกับ อาคารแถวสูงประมาณ 3 ชั้น

ที่ดินโครงการทางทิศตะวันตก ติดกับ อาคารแถวสูงประมาณ 5 ชั้น

ที่ดินโครงการทางทิศใต้ ติดกับ อาคารแถวสูงประมาณ 5 ชั้น (ด้านข้าง)

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Tesco Lotus จรัญสนิทวงศ์ 180 เมตร
  • Home Pro จรัญสนิทวงศ์ 550 เมตร
  • วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี 600 เมตร
  • ตลาดนัด วัดหนัง 1.20 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี 1.60 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนศรี 2.00 กิโลเมตร
  • Makro จรัญฯ 2.90 กิโลเมตร
  • คณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล 3.20 กิโลเมตร
  • The Mall ท่าพระ 4.40 กิโลเมตร
  • Central Plaza ปิ่นเกล้า ปิ่นเกล้า 4.90 กิโลเมตร
  • The Circle ราชพฤกษ์ 6.10 กิโลเมตร
  • ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 7.50 กิโลเมตร
  • Major ปิ่นเกล้า 8.10 กิโลเมตร
  • ม.ศิลปากร 8.20 กิโลเมตร
  • โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ ธนบุรี


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Ciela จรัญฯ13 สเตชั่น เป็นคอนโด High Rise ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีจรัญสนิทวงศ์ 13 ทางขึ้นอยู่ห่างจากหน้าโครงการประมาณ 10 เมตร ชื่อโครงการ Ciela ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “ท้องฟ้า” ซึ่งทางโครงการได้เอามาใช้ในการออกแบบพื้นที่ส่วนต่างๆเช่น ออกแบบตัวอาคารเป็นตึกสูงเล่นระดับกับท้องฟ้า ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งสบาย ตัวอาคารมีความสูง 20 ชั้นมีจำนวน 360 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณเกือบ 2 ไร่ ชั้นพักอาศัยจะอยู่ที่ชั้น 2 – 19 แยกส่วนกับ Facility ที่อยู่ชั้น 1 และชั้นบนสุดของอาคาร (ชั้น 20) มีข้อดีคือทำให้ชั้นพักอาศัยเป็นส่วนตัว และการที่วาง Facilities หลักไว้ชั้นดาดฟ้าจะทำให้มองเห็นวิวมุมสูงได้ด้วยค่ะ

ด้านหน้าอาคารมีทางเข้า-ออกติดกับถนนจรัญสนิทวงศ์ ทางเดินรถรอบอาคารเป็นทางเดียวตามเข็มนาฬิกา มี Lobby มองเห็นวิวด้านหน้าโครงการค่ะ

สำหรับลูกบ้านที่ต้องการจอดรถ ทางโครงการจะมีอาคารจอดรถอยู่ด้านหลังติดกับตัวอาคารพักอาศัย โดยเป็นที่จอดรถ Auto-Parkingจอดได้ 140 คัน หรือประมาณ 40 % โดยจะมีทางเข้าช่องจอดให้ 2 จุด ทางโครงการแจ้งว่าใช้เวลาในการรอไม่นานค่ะ อยู่ที่ประมาณ 3 นาทีต่อคัน

ที่จอดรถ Auto Parking จะอยู่ด้านหลังส่วนพักอาศัย (เป็นอาคารเดียวกันนะคะ) แบ่งย่อยได้เป็น 35 ชั้น โดยชั้นที่จอดรถทั้งหมดจะมีความสูงเท่ากับอาคารพักอาศัย 20 ชั้นค่ะ

มาดูด้านหลังโครงการบ้าง ส่วนของอาคารจอดรถจะสังเกตได้ว่าเมื่อนำรถเข้าจอดและขาออกก็สามารถขับออกได้เลย สะดวกต่อการใช้งานค่ะ และถ้าใครที่จะวนรถไปรับ-ส่งคนที่ Lobby ก็จะวนเข้าช่อง Drop Off ที่อยู่ใต้อาคารพักอาศัยค่ะ

สำหรับใครที่ไม่ต้องการเลี้ยวเข้า Drop Off ก็สามารถขับเลนด้านนอกตัวอาคารพักอาศัยมาได้อีกช่องทางนึงทำให้การสัญจรภายในไม่ติดขัดค่ะ

มาดูผังของตัวอาคาร ชั้น 1 กันก่อนนะคะ จากที่ได้อธิบายไปแล้วว่าทางเดินรอบอาคารเป็นการเดินรถแบบ One Way มีอาคารจอดรถ Auto-Parking อยู่ด้านหลังแล้วยังมีที่จอดแบบ Conventional อีก 6 คันสำหรับ Visitor และมี Drop Off อยู่ใต้อาคารฝั่งตรงข้ามที่จอดรถของ Visitor เข้าสู่พื้นที่ Lobby ได้เลย ทำให้การเดินรถภายในโครงการค่อนข้างสะดวกและเข้าใจง่ายดีค่ะ เมื่อเข้าสู่ Lobby จะมีทางเดินเข้าสู่โถงลิฟต์ที่ฝั่งซ้ายของอาคาร สำหรับลูกบ้านที่จอดรถ Auto-Parking ก็จะเดินผ่านพื้นที่พักคอย เข้าสู่โถงลิฟต์ได้เลย ไม่ต้องผ่าน Lobby ค่ะ ภาพบรรยากาศภายในจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ

บรรยากาศจำลองทางเข้าด้านหน้าโครงการ จะสังเกตว่าเดินออกมานิดเดียวก็จะเจอกับทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า จรัญสนิทวงศ์ 13 อยู่ทางขวามือเลยค่ะ (ฝั่งซ้ายของภาพ)

ที่จอดรถของโครงการส่วนใหญ่เป็น Auto-Parking ระบบ Puzzle จัดเก็บแบบหอคอย (สูง 35 ชั้น) ซึ่งทางเข้าที่จอดรถแบ่งออกเป็น 2 ช่องจอด ทางโครงการแจ้งว่าใช้เวลาในการรอประมาณ 3 นาทีค่ะ วิธีการใช้งานก็คือขับรถเข้าไปจอดด้านในลิฟต์ แล้วเก็บของ ดับเครื่องก่อนออกมาแตะ Key Card หรือ Touch screen ที่ด้านนอกให้ลิฟต์ทำงานค่ะ

Tips : ระบบที่จอดรถแบบ Puzzle เป็นที่จอดแบบอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ โดยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องมีผู้ดูแล นิยมใช้กันในกรุงเทพฯค่ะ

เข้ามาแล้วจะเจอกับบรรยากาศ Lobby ห้องโถงกระจกสูง 5 เมตรช่วยให้บรรยากาศโปร่งโล่ง ชมวิวภายนอกได้ และส่วน Drop Off อยู่ใต้อาคารทำให้บังแดดและฝนได้ค่ะ

บรรยากาศจำลองภายใน Lobby เป็นโถงสูง 5 เมตร ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีขาว และเพิ่มลูกเล่นด้วยแถบสีทอง Rose Gold (บรรยากาศคล้ายคลึงกับสำนักงานขาย สามารถแวะไปชมได้นะคะ) มีที่นั่งให้หลายตัวเลยค่ะ

บริเวณ Lobby จะมีผนังกระจกสูงจนถึงฝ้าเพดาน 2 ฝั่ง มองเห็นวิวสวนด้านหน้า, ทางเข้าโครงการที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ และส่วน Lobby ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง

Lobby ด้านหลังเป็นพื้นที่นั่งซึ่งมีการแยกเป็นห้อง 3 จุด ทำให้มีความเป็นส่วนตัว สำหรับคนที่ต้องการมานั่งคุยงานหรือนั่งอ่านหนังสือเงียบๆค่ะ

ถัดมาที่ชั้น 2 – 19 เป็นชั้นพักอาศัย Typical Floor รูปตัว L 20 ยูนิตต่อชั้น Double Corridor ทั้งหมด มีโถงลิฟต์อยู่ทางซ้ายมือของอาคาร มีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว ทำให้มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการอยู่ที่ 180 : 1 ซึ่งก็ค่อนข้างหนาแน่น อาจจะต้องรอนานสักหน่อยในช่วงเร่งด่วนนะคะ แต่ก็สามารถทดแทนกันได้ถ้าลิฟต์มีความเร็วสูงค่ะ การที่มีลิฟต์อยู่ทางปีกซ้าย (ทิศใต้) ของอาคาร ทำให้ห้องทางทิศตะวันตก มีความเป็นส่วนตัวสูงเพราะมีเพียง 4 ยูนิต และห้องทางทิศเหนือจะเดินไกลสักหน่อยค่ะ ทางโครงการมีลิฟต์สำหรับ Service มาให้ด้วย 1 จุด สำหรับขนของที่มีขนาดใหญ่ได้ค่ะ

การวางห้องพักของโครงการเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก มีห้อง 1 Bedroom Plus หันออกด้านหน้าอาคารทางทิศตะวันออก ,ห้อง 1 Bedroom อยู่ด้านหลังหันออกทางทิศตะวันตก และมีห้อง Studio เพียง 2 ห้องต่อชั้นเท่านั้นค่ะ ส่วนห้องมุมจะเป็นห้อง Corner ที่มีทั้ง 1 Bedroom Corner และ 1 Bedroom Plus Corner ให้เลือก ซึ่งเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เนื่องจากติดกับห้องอื่นแค่ฝั่งเดียว และได้วิวจาก 2 ทิศทางค่ะ ในเรื่องของวิวจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละชั้น โดยรวมจะแบ่งเป็นส่วน Low Rise และ High Rise ดังนี้ค่ะ

  • ชั้น 2 – 6 อยู่ในระยะที่ยังสามารถเห็นอาคารข้างเคียงรอบโครงการอยู่

  • ทิศตะวันออก : วิวถนนจรัญสนิทวงศ์ , สถานีรถไฟฟ้าจรัญสนิทวงศ์ 13 , อาคารแถวฝั่งตรงข้ามสูง 2-3 ชั้น
  • ทิศใต้ : วิวอาคารแถว(ด้านข้าง) สูงประมาณ 5 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : วิวอาคารแถว สูงประมาณ 5 ชั้น (ด้านหลังอาคาร)
  • ทิศเหนือ : วิวอาคารแถว สูงประมาณ 3 ชั้น (ด้านหลังอาคาร)

  • ชั้น 7 -19 อยู่ในระยะที่พ้นสถานีรถไฟฟ้า และเห็นวิวเมืองรอบด้าน
    • ทิศตะวันออก : วิวชุมชนพักอาศัยแนวราบ ฝั่งถนนอิสรภาพ
    • ทิศใต้ :  วิวชุมชนพักอาศัยฝั่งซอยจรัญสนิทวงศ์ 11 (ฝั่งเลขคี่ช่วงต้น)
    • ทิศตะวันตก :  วิวชุมชนพักอาศัยแนวราบ  ฝั่งคลองบางกอกใหญ่
    • ทิศเหนือ : วิวชุมชนพักอาศัยแนวราบ ฝั่งคลองมอญ

    ชั้น 20 ของอาคารเป็นชั้น Facility ทั้งหมดมองเห็นวิวเมืองย่านจรัญสนิทวงศ์ช่วงต้นได้รอบด้าน จะมีอะไรบ้างไปชมกันค่ะ

    ชั้น 20 เมื่อออกจากโถงลิฟต์มาแล้วจะเจอกับห้อง Co-Working Space สำหรับนั่งทำงาน, อ่านหนังสือ พร้อมชมวิวด้านหน้าโครงการ ก่อนจะออกมาเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ และห้อง Fitness โดยจะได้สระว่ายน้ำระบบเกลือ ความยาว 28 เมตร มีแยกสระเด็กมาให้ด้วยค่ะ ด้านหลังเป็นห้อง Fitness มองวิวทางทิศตะวันตกได้กว้าง สามารถเห็นพระอาทิตย์ตกยามเย็นได้ด้วยค่ะ ฝั่งขวาของอาคารจะมีห้องน้ำพร้อมห้อง Sauna แยกหญิง-ชายมาให้ด้วย ถือว่าค่อนข้างครบครันนะคะ

    ภายในห้อง Co-Working Space มีที่นั่งหลายชุดให้เลือกใช้งานแบบเป็นส่วนตัว หรือแบบมาเป็นกลุ่มก็ใช้ได้ค่ะ บรรยากาศการตกแต่งคล้ายกับส่วน Lobby ใช้โทนสีขาวสบายตา

    ภายในห้อง Co-Working Space มีผนังกระจกสูงถึงฝ้าเพดาน 2 ฝั่ง มองเห็นวิวเมืองด้านหน้าโครงการ ฝั่งถนนอิสรภาพค่ะ

    บรรยากาศจำลองภายในห้อง Fitness มีเครื่องออกกำลังกายมีให้ใช้ครบครัน วางแยกเป็นโซนๆตามประเภทการออกกำลังกาย และสามารถมองเห็นวิวเมืองทางทิศตะวันตกได้กว้างผ่านผนังกระจกบานใหญ่ตลอดแนวค่ะ

    สระว่ายน้ำที่ได้เป็นสระระบบเกลือ ความยาว 28.70 x 5.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร เป็นแบบ Outdoor มีบางส่วนอยู่ใต้หลังคา อาจจะบังแดดและฝนไม่ได้นัก แต่ทำให้รู้สึกโปร่ง โล่ง เล่นระดับกับท้องฟ้าตามแนวคิดในการออกแบบ แต่น่าจะเพิ่มที่นั่งริมสระมาให้อีกสักหน่อยค่ะ

    ตัวสระว่ายน้ำเป็น  Infinity Edge Pool ขอบกันตกเป็นกระจกบานเปลือย มองเห็นวิวด้านหน้าโครงการได้แบบพาโนรามาเลยค่ะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby โถงสูง 5.00 เมตร
    • Laundry Room
    • Co-Working Space
    • Sauna แยกหญิง-ชาย
    • สวนหย่อมที่ชั้น 20
    • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 28.70 x 5.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร
    • มีการแบ่งสระเด็ก ขนาดประมาณ 2.65 x 3.50 เมตร
    • ห้องออกกำลังกาย
    • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 180:  1
    • Service Lift 1 ตัว
    • ที่จอดรถประมาณ 146 คัน คิดเป็น 40% (Auto-Parking 140 คัน, จอดทั่วไป 6 คัน)
    • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card


    Product Walkthrough

    ห้องพักภายในโครงการมีทั้งหมด 5 แบบด้วยกันนะคะ โดยจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ขายแบบ Fully Fitted พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in เช่น เคาน์เตอร์ครัว ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้าและเครื่องปรับอากาศ โดยขนาดห้องต่างๆจะมี ดังนี้ค่ะ

    • Studio ขนาดตั้งแต่ 21.00 – 21.50 ตร.ม.
    • 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 25.00 – 27.50 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Corner ขนาดตั้งแต่ 30.50 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ 30.50 – 33.00 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus ขนาดตั้งแต่ Corner 34.50 ตร.ม.

    เรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.00 ตารางเมตรกันค่ะ ห้องนี้มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส แบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็นสัดส่วน ฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่พักผ่อนและฝั่งขวามือเป็นพื้นที่ส่วน Service โดยเข้าห้องมาแล้วเราจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังห้องนอน ด้วยผนังกั้นกระจกบานเลื่อน ทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น จากห้องนั่งเล่นก็สามารถรับแสงธรรมชาติและมองเห็นวิวผ่านหน้าต่างของห้องนอนได้ค่ะ พื้นที่ส่วนนั่งเล่นเหมาะสำหรับวางโซฟา 2 ที่นั่ง สามารถวางโต๊ะกลางได้แต่ต้องเยื้องๆมากลางห้องเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ขวางทางเดิน และมีเครื่องปรับอากาศติดตั้งมาให้ 2 ตัวคือที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอนด้วย ส่วนห้องนอนคนไหนชอบความเป็นส่วนตัวสูงเราก็แนะนำให้ติดผ้าม่านบังสายตาที่บานเลื่อนกระจกเพิ่มเติมค่ะ ภายในห้องนอนมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ด้านข้างสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ ฝั่งขวาของห้องจะเป็นห้องน้ำ ห้องครัว และระเบียง ห้องน้ำเข้า-ออกได้จากห้องนั่งเล่น แต่เป็นการเข้าด้านข้างทำให้ไม่เห็นประตูรบกวนสายตาค่ะ  ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน พร้อมฉากกั้นอาบน้ำติดมาให้เลย ส่วนครัวมีประตูสามารถปิดได้ ช่วยไม่ให้เวลาทำอาหารแล้วมีกลิ่นฟุ้งกระจายภายในห้อง และยังสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้อีกทาง ถือว่าลงตัวทีเดียวสำหรับห้องขนาด 25 ตารางเมตรค่ะ ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 2 คน ไม่ได้ต้องการพื้นที่ภายในห้องใหญ่มากนัก แต่ชอบพื้นที่การใช้งานที่เป็นสัดส่วนค่ะ บรรยากาศภายในจะเป็นอย่างไรเราไปชมกัน

    เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น เชื่อมต่อไปยังห้องนอน มองเห็นวิวภายนอกได้เลย ทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น ตัวห้องมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.60 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ลายไม้โทนสีอบอุ่น

    ย้อนกลับไปที่ประตู ห้องจริงที่ได้จะมี Built-in ตู้รองเท้าข้างผนังมาให้ด้วยนะคะ (บริเวณเส้นประสีน้ำเงิน) เป็นบานลามิเนตเข้ากับพื้นห้อง ภายในห้องนั่งเล่นสามารถวางโต๊ะกลางได้แต่จะต้องเผื่อระยะเปิดประตูสักหน่อยเพื่อไม่ให้ขวางทางเดินค่ะ ห้องนี้เหมาะกับการวางโซฟาขนาดประมาณ 2 ที่นั่ง มีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 2.00 เมตร เหมาะกับการวาง TV ขนาด ประมาณ 32 นิ้ว จะเป็นระยะที่ดูแล้วสบายตาค่ะ

    ห้องนอนจะได้ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat สีดำสูงเกือบเต็มผนัง รวมกับมีหน้าต่างบานใหญ่ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่ และมองเห็นวิวได้กว้างจากห้องนั่งเล่นค่ะ

    ห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.40 x 2.50 เมตร วางเตียงได้ 5-6 ฟุต มีช่องแสงใหญ่เกือบเต็มผนังและไม่มีกรอบบานมากั้นบังวิวตรงกลางเลย ทำให้มองวิวได้แบบฟินๆ พร้อมผ้าม่านชั้นเดียวมาให้ด้วยค่ะ

    ด้านข้างห้องนอนจะเห็นวิวทั้ง 2 ฝั่ง ด้านในเห็นห้องนั่งเล่น ส่วนด้านนอกมองเห็นวิวเมืองแนวราบ ทำให้ห้องค่อนข้างโปร่งทีเดียว

    เมื่อวางเตียงขนาดประมาณ 5 ฟุตแล้ว ยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือประมาณด้านละ 0.50 เมตร สำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้ด้วย

    ฝั่งตรงข้ามห้องนอนจะมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ พื้นที่ด้านข้างเราสามารถทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อความสะดวกในการใช้งานได้ค่ะ

    ตู้เสื้อผ้าเป็นตู้ลายไม้ (ลามิเนต) เข้ากับพื้นห้อง บานตู้เป็นบานเลื่อนกระจกลามิเนตสีชาดำ มองไม่เห็นชัดจนเกินไป แต่ก็ยังโชว์เสื้อผ้าได้ หน้าบานสามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ สะดวกในการหยิบ – เก็บเสื้อผ้า

    ถัดมาด้านขวามือเป็นห้องน้ำ ทางเข้าแยกจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนทำให้ดูเป็นสัดส่วนไม่รบกวนสายตาด้วยค่ะ เมื่อมองตรงไปจะเป็นพื้นที่ครัวมีประตูกั้นเปิด – ปิดให้ดูเป็นสัดส่วนดีเลยค่ะสำหรับห้อง 25 ตารางเมตร

    เรามาดูห้องน้ำกันก่อนนะคะ ห้องน้ำที่ได้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป (จาก Siam Steel) จึงมีพื้นยกระดับขึ้นประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร ข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูปก็คือ เมื่อเกิดความชำรุดเสียหายเช่นท่อแตก ฯลฯ สามารถทำการซ่อมแซมภายในห้องได้เลยไม่ต้องรบกวนลูกบ้านห้องด้านล่างของเราค่ะ

    ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาให้ชัดเจน ผนังกรุกระเบื้องแกรนิตโต้ ผิวเงา ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ลายหินอ่อน ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ผิวด้าน  ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรมาให้ ช่วยกันลื่นเมื่อเปียกน้ำค่ะ

    อ่างล้างหน้าติดตั้งลอยตัวมาให้ จาก Hafele รูปทรงสี่เหลี่ยม สีขาวดูเรียบง่าย สามารถวางของอย่างโฟมล้างมือ น้ำหอม ได้ที่ขอบผนังค่ะ

    สุขภัณฑ์ที่ได้มีสีขาวดีไซน์เข้ากับอ่างล้างมือ จาก Hafele เช่นกันค่ะ ติดตั้งมาให้พร้อมกับสายชำระและที่แขวนกระดาษชำระ มีพื้นที่นั่งได้สบายไม่อึดอัด

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกบานเปลือยมาให้ดูสวยงาม เป็นกระจกเทมเปอร์เมื่อเกิดแตกจะกระจายเป็นเม็ดข้าวโพดไม่แหลมคมเหมือนกระจกทั่วไป

    พื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 0.90 x 0.85 เมตร ยืนอาบได้สบาย มีช่องเก็บของซ่อนในผนังมาให้ สำหรับวางสบู่ แชมพู ฯลฯ พร้อมติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจาก  Hafele และระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ค่ะ

    ห้องครัวเป็นครัวปิด เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียง ทำให้สามารถทำอาหารที่มีกลิ่นได้ พื้นครัวปูกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตรมาให้ ง่ายต่อการทำความสะอาด

    มีพื้นที่วางตู้เย็นมาให้ ด้านข้างเคาน์เตอร์ ตำแหน่งอยู่ตรงประตูครัวพอดีสามารถเปิดใช้งานได้สะดวกค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเปิดตู้เย็นบ่อยๆอย่างผู้เขียน ^^

    ชั้นเก็บของด้านบน หน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้ มี Soft Close ให้ช่วยลดการกระแทก มีเสียงเบาเวลาปิด มีเครื่องดูดควันระบบดูดออกด้านนอกมาให้จาก Hafele

    ส่วนชั้นเก็บของด้านล่างมีช่องสำหรับวางเตาไมโครเวฟและลิ้นชักเก็บของมาให้ 2 ชั้น ช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารบนเคาน์เตอร์ได้ ส่วนพื้นที่ใต้อ่างล้างจานเหมาะกับการเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด และถังขยะสำหรับทิ้งเศษอาหาร เพื่อความเรียบร้อยเมื่อมองจากภายนอกค่ะ

    Top ครัวเป็นหินเทียมสีขาว มี Backsplash เป็นกระเบื้องมาให้ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายไม่เลอะผนัง

    บนเคาน์เตอร์จะติดตั้งเตาไฟฟ้า 2 หัว และอ่างล้างจานสแตนเลส จาก Hafele มาให้เช่นกันค่ะ

    สวิตช์ภายในห้องจะได้ของ Schneider ยี่ห้อมาตรฐานที่นิยมใช้กันทั่วไปค่ะ

    ประตูทางออกไปยังระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน กรอบบานอลูมิเนียมสีดำ สามารถเปิดได้กว้าง ช่วยระบายอากาศภายในห้องครัว  พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตรมาให้ทำความสะอาดง่าย

    พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1.60 x 1.00 เมตร สามารถออกไปใช้งานได้จริง มีงานระบบสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้ด้วยค่ะ และที่ไม่เหมือนใครก็คือ ระแนงที่กั้นมาให้จนถึงฝ้าเพดานทำให้มีความเป็นส่วนตัว และช่วยกันไม่ใช้ของตกเวลาตากผ้า แล้วลมแรงด้วยค่ะ แต่ก็จะต้องแลกกับการที่มีแสงเข้าได้น้อย และไม่สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจนจากห้องครัวค่ะ

    ห้องที่ 2 เป็นห้อง 1 Bedroom plus ขนาด 31.00 ตารางเมตร ห้องนี้จะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา การวางผังโดยรวมแล้วพื้นที่ภายในห้องมีความเป็นสัดส่วน โดยจะมีห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนอนเหมือนอย่างห้อง 1 Bedroom กั้นด้วยบานเลื่อนกระจกแสงจึงส่องผ่านมายังห้องนั่งเล่นได้และทำให้มองเห็นวิวได้จากห้องนั่งเล่นค่ะ อีกฝั่งของห้องเป็นส่วนครัว ห้องน้ำ ห้องอเนกประสงค์และระเบียง สำหรับห้องนี้จะได้เป็นพื้นที่ครัวเปิด ที่จัดวางผังได้เป็นสัดส่วน สามารถกั้นประตูปิดเองได้ ห้องน้ำอยู่ใกล้ๆกับครัวเลยสะดวกสำหรับเวลาที่เราใช้งานในห้องนั่งเล่นหรือเวลาที่มีแขกมา แต่ถ้าเรานอนอยู่ในห้องนอน การใช้งานอาจจะต้องเดินสักหน่อย ห้องอเนกประสงค์จะอยู่ติดกับระเบียง ห้องนี้สามารถใช้ทำได้ทั้งห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องเก็บของ ไปจนถึงถ้าใครชอบทำครัวมากๆอาจจะทำเคาน์เตอร์เตรียมอาหารเพิ่มและเอาโต๊ะทานข้าวมาวางได้เลย ภายในห้องจะเป็นอย่างไรเราไปดูบรรยากาศภายในกันเลย

    ภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อนมีพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องนอน ด้วยกระจกบานใหญ่ทำให้ได้แสงธรรมชาติจากภายนอก และสามารถมองเห็นวิวได้จากห้องนั่งเล่นค่ะ ตัวห้องมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.60 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตรค่ะ

    ย้อนกลับไปที่ประตู ห้องจริงที่ได้จะมี Built-in ตู้รองเท้าข้างผนังมาให้ด้วยนะคะ (บริเวณเส้นประสีน้ำเงิน) เป็นบานลามิเนตเหมือนกับห้อง 1 Bedroom มีระยะดู TV อยู่ที่ 2.70 เมตร เหมาะกับการวาง TV ขนาดไม่เกิน 40 นิ้วกำลังดีค่ะ

    ภายในห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งสบายๆ และมีระยะที่วางโต๊ะกลางได้ไม่ขวางทางค่ะ

    ส่วนพื้นที่ติดตั้ง TV จะมีเครื่องปรับอากาศติดตั้งมาให้ด้านบน 1 ตัว และจะมีให้ที่ห้องนอนและห้องอเนกประสงค์อย่างละ 1 ตัวค่ะ ด้านข้างเป็นทางเดินไปยังส่วนครัว

    ประตูห้องนอนจะได้ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน กรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat สีดำสูงเกือบเต็มผนัง และกระจก Fixed 1 บานด้านข้างทำให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น

    ภายในห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.20 x 3.00 เมตร วางเตียงได้ถึง 6 ฟุต มีช่องแสงใหญ่ริมผนังทำให้มองเห็นวิวได้กว้าง และรับแสงธรรมชาติได้เยอะทีเดียวค่ะ

    เมื่อวางเตียงขนาดประมาณ 5 ฟุต จะเหลือที่ด้านข้างประมาณฝั่งละ 75 เซนติเมตร สามารถเดินได้รอบสบายๆและวางโต๊ะเล็กๆข้างเตียงได้ค่ะ

    ภายในห้องนอนได้ช่องเปิดกระจก บานกระทุ้งมาให้ 1 ช่องสามารถเปิดระบายอากาศได้ค่ะ

    บริเวณปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เป็นตู้แบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom นะคะ (ตู้เสื้อผ้าในห้องตัวอย่างเป็นของตกแต่ง) ด้านข้างมีพื้นที่สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือชั้นวาง TV ได้ค่ะ

    มาดูส่วนครัวกันบ้าง พื้นที่ครัวมีความสูงประมาณ 2.45 เมตร พื้นครัวปูกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตรมาให้ ง่ายต่อการทำความสะอาด ได้เคาน์เตอร์และช่องเก็บของแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ เคาน์เตอร์เก็บของด้านล่างมีช่องสำหรับวางเครื่องไมโครเวฟ ช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารด้านบน หน้าบานเป็นบานลามิเนต มี Soft Close ให้ค่ะ

    Top ครัวเป็นหินเทียมสีขาว มี Backsplash เป็นกระเบื้องมาให้ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายไม่เลอะผนัง แต่อาจจะต้องติดตั้งที่ผนังด้านข้างเพิ่มเติมค่ะ

    บนเคาน์เตอร์จะติดตั้งเตาไฟฟ้า 2 หัว และอ่างล้างมือสแตนเลส จาก Hafele มาให้ ด้านหลังมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น สามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนเพิ่มเติม เพื่อทำเป็นครัวปิดได้ค่ะ

    ห้องน้ำที่ได้เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป แยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาให้ชัดเจน ผนังกรุกระเบื้องแกรนิตโต้ ผิวเงา ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ลายหินอ่อน ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ผิวด้าน ขนาด 60 x 60 เซนติเมตรมาให้ ช่วยกันลื่นได้กระจกเงาบานใหญ่ให้มาด้วย เป็นมาตรฐานแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom ค่ะ

    มีอ่างล้างหน้าติดตั้งลอยมาให้ พร้อมโถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบจาก Hafele สามารถวางของที่ผนังได้ค่ะ

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกเทมเปอร์บานเปลือยมาให้ดูสวยงาม ช่วยกันไม่ใช้น้ำกระเด็นออกมาเลอะด้านนอกค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 0.90 x 0.85 เมตร ยืนอาบได้สบาย มีช่องเก็บของซ่อนในผนังมาให้ พร้อมติดตั้งฝักบัวสายอ่อนจาก Hafele และระบบรองรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ค่ะ

    ห้องครัวเชื่อมต่อกับห้องอเนกประสงค์ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกจึงทำให้ทั้งห้องครัวและห้องอเนกประสงค์ดูมีความอึดอัด และยังพอให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาได้ค่ะ

    ห้องอเนกประสงค์มีขนาดประมาณ 2.45 x 1.50 เมตร เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ดูไม่แคบมากนักพื้นที่การใช้งานเหมาะกับเป็นพื้นที่นั่งทำงาน หรือห้องออกกำลังกาย

    พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตรเช่นเดียวกับห้องนั่งเล่น ถ้าใครจะทำเป็นห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้ค่ะ

    ประตูระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจก 3 ตอน กรอบบานอลูมิเนียมสีดำ เหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ

    ระเบียงกว้างประมาณ 2.45 x 0.80 เมตร สามารถออกไปใช้งานได้จริง พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตรมาให้ทำความสะอาดง่าย มีระบบเดินรองรับการวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ด้วย

    ได้ Private Balcony มีระแนงที่กั้นมาให้จนถึงฝ้าเพดานทำให้มีความเป็นส่วนตัว และช่วยกันไม่ใช้ของตกเวลาตากผ้า แล้วลมแรงด้วยค่ะ แต่ก็จะต้องแลกกับการที่มีแสงเข้าได้น้อย และไม่สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจนจากห้องอเนกประสงค์ จึงเป็นระเบียงที่เน้นการใช้งานมากกว่าชมวิวค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 JUNE 2019

    • 1 Bedroom / เนื้อที่ 25.00 ตารางเมตร / ราคา 2.59 ล้านบาท / หรือ 103,600 บาทต่อตารางเมตร
    • 1 Bedroom Plus / เนื้อที่ 30.50 ตารางเมตร / ราคา 3.10 ล้านบาท / หรือ 101,639 บาทต่อตารางเมตร
    • 1 Bedroom Corner / เนื้อที่ 30.50 ตารางเมตร / ราคา 3.10 ล้านบาท / หรือ 101,639 บาทต่อตารางเมตร

    • รูปแบบการขาย  Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร ( ครัว 2.45 เมตร/ห้องน้ำ 2.30 เมตร /ระเบียง 2.70 เมตร )
    • Kitchen & Sink / ท๊อปหินเทียม
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
    • จอง 20,000 บาท
    • 1 Bedroom ทำสัญญา 30,000 บาท
    • 1 Bedroom Plus/ 1 Bedroom Corner ทำสัญญา 50,000 บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ 17 งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล :

    โครงการ Ciela จรัญฯ 13 สเตชั่น ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 การเดินทางสะดวกทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ และรถสาธารณะ เนื่องจากมีเส้นทางลัดเข้าสู่ถนนหลักได้หลายสาย  สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นชุมชน มีแหล่งความอุดมสมบูรณ์พอสมควร หาของกินง่าย มีร้านค้า ร้านอาหารข้างทางอยู่ค่อนข้างเยอะ นอกจากนั้นยังใกล้กับ 7-Eleven, Tesco Lotus, Home Pro จรัญสนิทวงศ์ หรือไปยังตลาดวังหลังได้สะดวก โดยรวมจัดว่าอยู่ในทำเลที่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย และอุดมสมบูรณ์ค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ :

    การเดินทางโดยใช้รถสามารถทำได้สะดวกเนื่องจากอยู่ติดถนนใหญ่ คือ ถนนจรัญสนิทวงศ์ สามารถเข้าเมืองโดยใช้สะพานพระปิ่นเกล้า, สะพานพระราม 8 หรือสะพานพระปกเกล้าได้ ซอยจรัญฯ13 เองก็สามารถทะลุไปยังถนนราชพฤกษ์และกาญจนาภิเษกได้เลย นอกจากนั้นยังมีเส้น พรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 ออกเมืองไปยังพุทธมณฑลได้สะดวก ทางโครงการก็มีที่จอดรถแบบ Auto Parking มาให้ 140 คัน คิดเป็น 40% ถือว่าให้มาไม่มากไม่น้อยเกินไปสำหรับโครงการติดรถไฟฟ้าค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

    การเดินทางด้วยรถสาธารณะก็ถือว่าสะดวกทีเดียว เพราะว่าโครงการอยู่ติดกับทางขึ้นรถไฟฟ้า MRT สถานี จรัญสนิทวงศ์ 13 ซึ่งจะมีกำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2563 ที่จะถึงนี้แล้วยังมี รถสองแถว, รถกระป๊อ, วินมอเตอร์ไซต์, รถประจำทาง วิ่งผ่านเป็นประจำตลอดทั้งวัน  นอกจากนั้นอาจจะใช้เรือด่วนเจ้าพระยาที่สถานีท่าวังหลัง ห่างจากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นตัวเลือกในการเดินทางอีกวิธีหนึ่งในการเลี่ยงรถติดด้วยค่ะ

    วัสดุ :

    โครงการมีการขายแบบ Fully Fitted พร้อมชุดครัว Top หินเทียม Hob & Hood & Sink / ของยี่ห้อ Hafele , ห้องน้ำสำเร็จรูป พร้อมสุขภัณฑ์และอุปกรณ์จาก Hafele, เครื่องปรับอากาศ, ตู้เสื้อผ้าและตู้รองเท้า วัสดุปูพื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ส่วนครัวและระเบียงปูกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตรมาให้ ได้ Digital Door Lock โดยรวมถือว่าได้มามาตรฐานเหมาะสมกับราคาค่ะ

    การออกแบบ :

    การออกแบบโครงการมีเส้นทางการสัญจรเข้าใจง่ายเป็นระเบียบ มี Lobby อยู่ที่ชั้น 1 เป็นส่วนต้อนรับ และมี Facility ส่วนอื่นๆอยู่ชั้นบนสุด (ชั้น 20) เพื่อให้มองเห็นวิวสวย แยกส่วนกับพื้นที่พักอาศัยชัดเจน โถงลิฟต์จะอยู่มุมของอาคารอาจะทำให้อีกฝั่งเดินไกลสักหน่อย ทางเดินเป็นแบบ  Double Corridor มีการวางห้องให้ประตูไม่เปิดมาตรงกัน ช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านค่ะ

    ส่วนการออกแบบภายในห้องเน้นพื้นที่เป็นสัดส่วนจัดออกมาได้ค่อนข้างลงตัว แม้ห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก บริเวณห้องนอนจะได้กระจกบานใหญ่กว้าง มองเห็นวิวได้ชัดเจนไม่มีกรอบบานกระจกมาคั่น และใช้วัสดุปูพื้นครัวแยกกับพื้นห้องทำให้ทำความสะอาดง่าย โดยรวมเหมาะกับคนที่อยู่อาศัยไม่เกิน 2-3 คนค่ะ

    สาธารณูปโภค :

    พื้นที่ส่วนกลางที่ได้ค่อนข้างครบตามมาตรฐาน แม้ไม่มี Extra แต่ก็ออกแบบที่มีดูน่าใช้งาน (จากภาพจำลองบรรยากาศ) ชั้น 1 มี Lobby และห้องพักคอยสำหรับที่จอดรถ Auto-Parking ชั้น 20 มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ infinity Edge Pool ยาว 28 เมตร, Kid Pool, Fitness, Sauna และห้อง Co-Working Space ทั้งหมดได้วิวค่อนข้างดี มีลิฟต์มาให้ 2 ตัว ซึ่งดูน้อยไปหน่อยสำหรับ 360 ยูนิต ทำให้มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการประมาณ 180 : 1 ถือว่าหนาแน่น อาจจะต้องรอนานสักหน่อยในชั่วโมงเร่งด่วนค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 130,000 บาท/ตร.ม., 20 JUNE 2019

    • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ หาของกินง่าย มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – มีซอยลัดออกถนนใหญ่ได้หลายสาย ที่จอดรถ 40%
    • ไม่ใช้รถ 8.75/10 – ติดรถไฟฟ้าสถานี จรัญฯ13 มีรถประจำทาง วินฯ และเรือด่วนเจ้าพระยา
    • วัสดุ 7.5/10 – ได้ Fully Fitted ตามมาตรฐานของโครงการระดับนี้  
    • แบบ 7.5/10 – ออกแบบโครงการและห้องพักค่อนข้างลงตัว เป็นสัดส่วนดี
    • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ตามมาตรฐาน ได้วิวสวย

    • UPPER CLASS
    • 7.80 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Ciela จรัญฯ 13 สเตชั่น เป็นคอนโดที่เหมาะกับคนที่อยู่คนเดียว – 2 คน หรือครอบครัวเล็กๆกำลังมองหาที่อยู่ติดถนนใหญ่ในย่านจรัญสนิทวงศ์ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า หรือใช้รถสาธารณะเป็นหลัก ชอบโครงการที่มี Facilities ชั้นบนมองเห็นวิวสวย ต้องการห้องขนาดไม่ใหญ่มาก  มีงบประมาณระดับ 2.59 – 4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,130 – 28,000 บาท/เดือน


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving