รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.337 – รีวิวคอนโด Esta Bliss รามอินทรา มีนบุรี
10 กันยายน 2017
รีวิวฉบับที่ 667 … Mr.Oe พามาดูโครงการ ESTA Bliss ของ 39 Estate ครับ โครงการนี้เป็นการทำตามที่ผมสัญญาไว้ว่า จะพาไปดูโครงการใหม่ๆในทำเลบุกเบิกตามแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ซึ่งคงมีทยอยขึ้นตามๆกันมาอีกเรื่อยๆครับ โครงการเป็นหมู่ตึก 3 อาคารใกล้รถไฟฟ้าสถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ที่จัดเต็มเรื่อง Facility และขายแบบ Full fur ราคาเริ่ม 9.9 แสน ผมได้เก็บข้อมูลและทำการ Update ข้อมูลเป็นรีวิวฉบับเต็มเมื่อ 16/09/14 ครับ
Fact @ 15 Sep 2014
- Esta Bliss (เอสต้า บลิซ)
- Developer: 39 Estate Co., Ltd.
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวนรวม 634 ยูนิต + 2 ร้านค้า
- ขนาดที่ดิน ประมาณ 6 ไร่
- ที่จอดรถในช่องจอดนับได้ 222 คัน รวมซ้อนคันประมาณ 280 คัน หรือ 44%
- One-Bedroom ขนาด 23 – 28 ตร.ม. จำนวน 448 ยูนิต
- One- Bedroom Plus ขนาด 31 – 41 ตร.ม. จำนวน 138 ยูนิต
- Two-Bedroom ขนาด 45 – 54 ตร.ม. จำนวน 46 ยูนิต
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 9.9 แสนบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 43,000 – 65,000 บาท
- www.esta-bliss.com
- โทร: 099 535 5539
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.812202,100.715125
แผนที่จากทางโครงการครับ ตัวโครงการอยู่ติดถนนรามอินทรานะครับ แต่เป็นรามอินทราใกล้แยกเมืองมีน (แยกมีนบุรี) ทำเลแถวนี้ เมื่อหลายปีก่อน คงเป็นทำเลบ้านเดี่ยวกับทาวน์โฮมเป็นหลักนะครับ แต่เราคงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะมีคอนโดเริ่มมากันมากขึ้น เพราะแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูมาแล้วครับ ราคาที่ดินไหลไปไกลล่วงหน้าแล้วจะนำไปพัฒนาเป็นทาวน์โฮมหรือบ้านเดี่ยวเหมือนแต่ก่อนคงลำบากครับ … แถวนี้ในปัจจุบัน แม้จะเจริญขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ก็ยังเป็นย่านชานเมืองนะครับ ความอุดมสมบูรณ์ ต้องเข้าไปทางตลาดมีนบุรี ซึ่งเป็นชุมชนที่คึกคักอยู่แต่เดิม ส่วนทางเส้นรามอินทรา คงต้องรอความเจริญไล่ๆมาครับ ตอนนี้ที่ใกล้ที่สุดจะเป็น Community Mall Amorini ที่อยู่ตรงแยกสวนสยาม ห่างจากโครงการไป 3 กิโลเมตร รอนั่งรถไฟฟ้าไปก็ 1 สถานีพอดี
ผมเอารูปแผนที่แนวรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดมาให้ดู ซึ่งถ้าเชื่อมจบสมบูรณ์ใน 10-12 ปี ก็จะเป็นบุญแก่คนจำนวนนับล้าน และสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงท่องเที่ยว และที่อยู่อาศัยให้กรุงเทพและปริมลฑลอีกมหาศาลครับ ความฝันของผมคือการได้ไปดูบ้านและคอนโดในทำเลบุกเบิกตามแนวสถานีรถไฟฟ้าใหม่ๆ ทุกๆทำเล ทุกๆสถานีและนำมาทำเป็นข้อมูลแบ่งปันกันครับ… เพราะคนที่มีเงินไม่มาก แต่อยากอยู่บ้านใกล้รถไฟฟ้าแบบใกล้สถานีจริงๆ ก็คงมีโอกาสในแค่ช่วงนี้ไปถึงอีกไม่กี่ปีเท่านั้น ที่พวกเราจะยังพอซื้อได้ในราคา 1 ล้าน ถึง 1 ล้านนิดๆ (ราคานี้น้องๆเพิ่งทำงาน 2 ปี เงินเดือนสักเกือบๆ 2 หมื่น ก็พอจะซื้อได้) หลังจากที่รถไฟฟ้าเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้ ราคาที่ดินจะบีบให้ ราคาบ้านและคอนโด ไหลไปในระดับที่คนส่วนมากไม่อาจเป็นเจ้าของได้
ข้อดีที่แตกต่างจากคอนโดเกาะแนวรถไฟฟ้าในปัจจุบันคือ สถานีใหม่ๆ มันจะมีเยอะมาก และออกไปทางชานเมือง ดังนั้นราคาจึงไม่น่าจะพุ่งสูงรวดเร็วบ้าเลือดแตะตารางเมตรละแสนกว่าอย่างย่านฝั่งธนในปัจจุบัน … และคอนโดใหม่ๆ ที่เข้ามาเป็นผู้บุกเบิกย่านนี้ ที่อาศัยเกาะแนวรถไฟฟ้าใกล้สถานีในอนาคต คงต้องจัดเต็มหน่อยให้เยอะ ในราคาที่ไม่สามารถตั้งสูงเหมือนโครงการในเมือง หรือชานเมืองที่เห็นสถานีรถไฟฟ้าแล้ว ซึ่งคนพื้นที่ในย่านนี้ ยังสามารถหยิบจับคอนโดโครงการใหม่ในระดับราคา 40,000 – 60,000 บาทต่อตารางเมตร ได้อยู่ครับ
ทำเลที่ตั้งของ ESTA Bliss จะอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน เศรษฐบุตรบำเพ็ญ และอยู่ใกล้ๆแยกเมืองมีน (แยกมีนบุรี) ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นที่ตั้งของสถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญนะครับ แต่คงต้องรออีกสักระยะกว่าเราจะได้เห็นแบบ และที่ตั้ง ทางขึ้นทางลงสถานี และตัวรถไฟฟ้ากว่าจะเปิดให้บริการ ก็คงอีกนานหลายปีอยู่ครับ… ตัวสถานีนี้ จะยังอยู่บนถนนรามอินทรานะ การเข้าออกเมืองยังสะดวกอยู่ และหากจะใช้รถไฟฟ้าเมื่อเปิดเต็มระบบแล้ว เข้าเมืองโดยไปต่อสายสีส้มตรงมีนบุรี วิ่งเข้ามาเชื่อมกับรถไฟใต้ดิน MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม จะสะดวกสุด
ให้ดูทำเลที่ตั้งแบบชัดๆนะครับ ว่าตัวโครงการตั้งอยู่ตรงไหน… ทำเลนี้ ไม่ใช่ทำเลมหาชนแบบ สุขุมวิท รัชดา นะครับ แต่มันเป็นทำเลสำหรับคนที่เขาอยู่ย่านนี้ ทำงานย่านนี้ หรือคุ้นเคยกับแถวนี้ เป็นคอนโดมาตรฐานโครงการแรก ที่ทำมาแปะสถานีรถไฟฟ้าหลักของย่านนี้ครับ โครงการหาไม่ยาก อยู่ตรงข้ามโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ และอยู่ใกล้แยกเมืองมีน
ยังไม่รู้จุดที่ตั้งสถานีเป๊ะๆ แต่อยู่ใกล้แยกและแถวๆหน้าโรงเรียนค่อนข้างจะแน่นอน ผมจึงยังไม่ใส่ตัวสถานีลงไป รอให้ชัวร์ก่อนจะมาอัพเดทแผนที่อันนี้ใหม่… ตัวโครงการอยู่ห่างจากสวนบึงกระเทียมไม่กี่เมตร อันว่าสวนบึงกระเทียมนี้คือคลองใหญ่ๆ ที่สองข้างทางทำเป็นทางเดิน ปลูกต้นไม้ร่มรื่นจนออกจะทึบแระ พอจะเดินเล่นได้ ระยะเดินไปถึงถนนหม่อมเจ้าสง่างามนี่ 1 กิโลเมตรนะครับ แต่ตัวคลองนี้จะลากไปเชื่อมกับบึงคลองบางชันที่อยู่ติดกับบึงกระเทียมข้างสวนสยามอีกที … ดูแผนที่ไปก่อน เดี๋ยวผมพาไปดูของจริงครับ
ตัวที่ดินโครงการเป็นรูปสามเหลี่ยม อยู่ติดกับสุขภัณฑ์เซ็นเตอร์ แนวการวางตึกผมทำเส้นทึบสีเขียวให้ดู มี 3 ตึก ส่วนสีเหลืองเป็นสระว่ายน้ำและสวนที่อยู่ตรงกลางระหว่างตึกครับ พื้นที่รายรอบโครงการ ยังเป็นบ้านเรือนแนวราบ จะมีก็แต่ตัวอาคารของสุขภัณฑ์เซ็นเตอร์ที่สูงหน่อยอยู่ทางด้านขวามือหรือทิศตะวันออกของโครงการ… ตัวทำเลติดถนนใหญ่ใกล้แยกถ้าไม่นับเรื่องรถไฟฟ้า ก็มีดีมีเสีย ข้อดีคือหารถง่าย ขึ้นรถง่าย ปลอดภัยไม่เปลี่ยว เดินทางได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับทาวน์โฮมราคา 2 ล้าน ที่อยู่โซนเดียวกันก็คงต้องเข้าซอยลึกหน่อย… ส่วนข้อเสียคือมันจะพลุกพล่าน และอาจจะมีเสียงรบกวนจากการจราจรได้ครับ
เดี๋ยวผมจะพาเดินทางไปดูของจริง โดยเริ่มจากอนุสาวรีย์หลักสี่ ขับตรงงงงบนถนนรามอินทราอย่างเดียวเลย ตรงมา 15 กิโลเมตร ก็จะถึงโครงการครับ
ผมอยู่บนสะพานข้ามแยกอนุสาวรีย์หลักสี่นะครับ ขับตรงไปตามทางมุ่งหน้ามีนบุรี ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย
ลงสะพาน ก็จะเป็นถนนรามอินทรา
เราจะผ่าน Central รามอินทรา มองเห็นตึก LPN ข้างหน้า
ขับผ่านสนามมวยลุมพินี ที่เพิ่งจะย้ายมาจากลุมพินีมาไม่นานนัก ในวันที่มีมวยนี่มีนักท่องเที่ยวและคนชอบดูมวย มากันคึกคักเหมือนกันนะ
ผ่านแยกลาดปลาเค้า ต่อไปตรงนี้จะมีสถานีรถไฟฟ้าเช่นกัน และน่าจะเป็นอีกย่านหนึ่งซึ่งมีคอนโดมิเนียมขึ้นกันคึกคักแน่นอน ในอนาคต เพราะพร้อมทั้งเส้นทางลัดเลาะเชื่อมต่อ ม.เกษตร และมี Big C อยู่ใกล้ๆ Central ก็อยู่ไม่ไกล… เราตรงต่อไปครับ
ตรงมาอีกหน่อย ก็จะผ่าน Foodland
เลย Foodland มา ก็จะเจอทางด่วน รามอินทรา อาจณรงค์นะครับ … เราตรงต่อไป
ผ่านแยกนวลจันทร์ ตรงนี้ จะติดๆ รถเลี้ยวขวาหน่อย อยู่เลนซ้ายๆไว้ก็ดีครับ
ตรงไปเรื่อยๆ จนเจอป้ายเลี้ยวซ้ายคู้บอน ให้เราอยู่สองเลนขวา เตรียมขึ้นสะพานข้ามแยกครับ
ขึ้นสะพานข้ามแยกถนนคู้บอนแล้ว จุดสังเกตคือเราจะเห็นหมู่ตึก LPN ทางขวา
ลงสะพานมา จะเจอโรงพยาบาลสินแพทย์ เป็นอาคารสูงๆด้านขวามือครับ
ขับตรงไปเรื่อยๆ จนผ่าน Fashion Island จาก Fashion Island ถึงโครงการ ระยะทางราวๆ 4.5 กิโลเมตร
เลย Fashion Island มาราวๆ 1.5 กิโลเมตร เราจะถึงแยกสวนสยาม ที่มี Amorini คอมมูนิตี้มอลล์ อยู่ทางขวามือ … จากตรงนี้ตรงไปอีกราวๆ 3 กิโลเมตรก็จะถึงโครงการ
วิ่งตรงมาจนเจอป้ายนี้ ก็ใกล้ถึงแล้วครับ
เราจะผ่านโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ที่อยู่ด้านซ้ายมือ … ตัวโครงการอยู่ขวามือครับ ดังนั้นเราต้องตรงต่อไปเพื่อยูเทิร์นใต้สะพานข้ามแยกเมืองมีน
อยู่เลนสองจากซ้ายไว้ครับ เราตรงเลาะสะพานไปยูเทิร์น
ยูข้างหน้านี้แล้ว ง่ายๆ รถไม่เยอะ
ยูเทิร์นแล้ว เราจะเห็น สุขภัณฑ์เซนเตอร์ เราค่อยๆชะลอชิดซ้ายได้เลย ตัวโครงการจะอยู่ติดกับสุขภัณฑ์เซนเตอร์ครับ
ถึงแล้วครับ ESTA Bliss วันที่ผมไปสำนักงานขายยังไม่เสร็จดีเลยไม่ได้เก็บรูปห้องตัวอย่างมา รอ 12/10/14 เขาเสร็จพร้อมเปิดตัวพอดี ผมจะเข้าไปใหม่
ตัวโครงการจะอยู่ติดกับ สุขภัณฑ์เซ็นเตอร์นะครับ
สะพานลอยหน้าโครงการ จะข้ามไปโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญพอดี ตอนเช้าๆ เย็นๆ ก็จะมีเด็กๆคึกคักหน่อย
ข้างๆสะพานลอยจะมีพี่วินนะ อยู่ปากซอยรามอินทรา 88 เป็นซอยที่ทะลุออกเสรีไทยได้ แต่รถยนต์ผ่านไม่ได้
ค่าโดยสารพี่วิน ราคามาตรฐานไม่มั่ว
โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ
สภาพถนนรามอินทรา ช่วงบริเวณสะพานลอยหน้าโครงการ ขาเข้ามุ่งหน้าหลักสี่ ค่อนข้างจะโล่ง… โปรดสังเกตกังหันลมที่อยู่บริเวณต้นไม้ด้านซ้ายมือ นั่นคือสวนบึงกระเทียมครับ
สวนบึงกระเทียม อยู่เลยหน้าโครงการมา 80 เมตร เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ยาวไปเชื่อมกับถนนด้านใน คือถนนหม่อมเจ้าสง่างาม ตัวสวนเป็นคลองตรงกลาง มีถนนทางเดินริมคลองระยะทางจากด้านรามอินทราไปถึงถนนหม่อมเจ้าสง่างาม ก็ราวๆ 1 กิโลเมตรครับ ไปวิ่งหรือขี่จักรยานได้
เดินเข้าไปดูสวนบึงกระเทียมกัน
ถนนในสวน จะเป็นทางเท้าแบบนี้ ขนาบข้างคลองไป
สภาพทางก็ร่มรื่นดี แต่ถนนออกจะออฟโรดหน่อยนะ
ตัวคลอง ไม่เน่านะครับ แต่จอกแหนเยอะ เขียวเชียว
ทางออกสุดสวนบึงกระเทียม จะมาโผล่ที่ถนนหม่อมเจ้าสง่างามนี่นะครับ
สภาพถนนรามอินทรามุ่งหน้าขาออก ไปมีนบุรี
ป้ายรถเมล์นี้จะอยู่หน้าสุขภัณฑ์เซ็นเตอร์ เรียกว่าหน้าโครงการก็เกือบจะได้
ตรงป้ายรถเมล์ นอกจากใช้รอรถเมล์แล้ว ยังรอรถตู้ และสองแถว ซึ่งปัจจุบันเป็นระบบขนส่งมวลชนหลักของคนแถวนี้นะ เข้าเมืองใช้รถตู้ ไปไหนมาไหนใกล้ๆแถวนี้ใช้สองแถวครับ … รถตู้เยอะ
สุขภัณฑ์เซนเตอร์ ที่อยู่ติดกัน
แยกเมืองมีน ตั้งแต่มีสะพานข้ามแยก และมีถนนตัดใหม่หลายเส้น การจราจรแยกนี้ ก็ค่อนข้างผ่อนคลายกว่าแต่ก่อนเยอะ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในยุคหนึ่งที่ผ่านมา
ต่อไปเมื่อมีรถไฟฟ้ามา แยกเมืองมีน นี้คงจะพบกับจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งครับ
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการนี้ มี 3 ตึกนะครับ รูปแบบตึก การออกแบบ และ Facility ผมเห็นแล้ว แปลกและน่าศึกษามากสำหรับโครงการระดับราคา ECONOMY Class ห้องละล้านเดียวแบบนี้ จนต้องแวะมาดูนี่แหละ….
ESTA Bliss เป็นคอนโดโครงการที่ 2 ที่ใช้ Brand “ESTA” ของ 39 Estate นะครับ Esta ตัวแรกอยู่ที่สะพานใหม่ ก็จะแนวเดียวๆกัน ส่วนถ้านับกันจริงๆ นี่เป็นโครงการที่ 3 ของบริษัทนี้ เพียงแต่โครงการแรกเขาใช้ชื่อ B Campus อยู่แถวๆพงษ์เพชรนะครับ ทั้ง 3 โครงการมาแนวเดียวกัน คือจัดหนัก ทุกโครงการ โดยเฉพาะตัวห้องครับ รายละเอียดผมจะค่อยๆพาไปดูทีละนิดนะครับ
รูปหน้าตาตึก มองจากด้านหน้า
ตัวตึกจะมี 3 อาคาร สองอาคารด้านหน้า วางคู่กัน มีสระว่ายน้ำและสวนอยู่ตรงกลางแบบในรูปนี้ ตัวสระขนาด 4×18 เมตร ระบบเกลือนะครับ
รูปตัวตึกที่วางยาวขนานกัน มีาระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง โปรดสังเกต Lobby ที่ใต้ตึก แต่ละตึกจะมี Lobby ที่ต่างกันนะครับ
รูป Sunken Seat ที่นั่งใต้ร่มไม้กลางสระ ตัวนี้ใช้เป็นตัวคั่น ระหว่าง สระเด็ก และสระผู้ใหญ่ครับ (สระเด็กขนาด 4×6.5 เมตร) Sunken Seat เอาไว้นั่งดูเด็กได้ …. ผมหมายถึงเด็กจริงๆนะ ครับ ไม่ใช่เด็กหนุ่มๆ หรือเด็กสาวๆ … แหม่
รูป Library ที่เปิดให้ใช้งาน 24 ชั่วโมง เป็นพื้นที่นั่งเล่น indoor ริมสระขนาดใหญ่
รูป 24 hours cafe ซึ่งเป็น Lobby ของตึก B (ตึกในสุด) ออกแบบแนว Living room ที่มีพวกตู้กดขายเครื่องดื่มและ snack บริการตลอด 24 ชั่วโมง
โมเดล ภาพรวมโครงการ ตัวโครงการอยู่ติดถนนรามอินทรานะครับ สีชมพูมุมล่างซ้ายคือรถไฟฟ้าสีชมพู แต่ตัวสถานีระยะเป๊ะๆผมยังไม่ทราบ ทราบคร่าวๆคือสถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญนี้ อยู่แถวๆหน้าโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ซึ่งก็น่าจะอยู่ใกล้โครงการเพราะโครงการอยู่ตรงข้ามโรงเรียนครับ… ตัวโครงการนั้นมีที่ดินราวๆ 6 ไร่ เป็นรูป 3 เหลี่ยม แต่ไม่ได้ใช้เต็มพื้นที่ ตรงพื้นที่สามเหลี่ยมด้านหลังโครงการจัดเป็นสวนและสนามเด็กเล่นแทนนะครับ
ด้านหน้าโครงการ เมื่อมองจากฝั่งตรงข้ามถนน จะเห็นเป็นตึกคู่หน้าตาแบบนี้
ด้านหน้าโครงการ เมื่อมองจากสะพานลอยข้ามไปโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ จะเห็นหน้าตาตึกแบบนี้
ด้านหน้าทางเข้าออกโครงการ จะเปิดไว้ด้านติดถนนรามอินทราเข้าออกทางเดียวนะครับ
ซุ้มทางเข้าออก และป้อมรปภด้านหน้าโครงการ จะทำออกมาคล้ายหมู่บ้านมากกว่าคอนโด
ผมถ่ายมุมกด ให้ดูตรงกลางระหว่างสองตึกนะครับ จะจัดเป็นสวนและสระว่ายน้ำเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันยาววววไปถึงตึกใน ส่วนตึกคู่ประกบกันนี้ ซ้ายมือคือตึก A ขวามือคือตึก C ครับ
Facade หน้าตาตึก เมื่อมองจากด้านหน้า
ตัวโครงการเมื่อมองจากด้านในออกมา ตึกขวามือนี่คือตึก B ที่อยู่ด้านในสุดครับ
มองจากด้านในออกไปด้านหน้าเช่นเคยนะครับ ตึกคู่สองอันที่ประกบกันมีสระสวนตรงกลางนั้นคือตึก A-C ส่วนตึก B จะอยู่ในสุด วิวเปิดโล่งทั้งสองด้าน
พื้นที่ตรงกลาง ที่เขาวางสระว่ายน้ำ และทำเป็นสวนกับแนวทางเดินไปจนถึงตึกในสุดครับ
สระว่ายน้ำอีกมุม สระนี้เป็นสระหลัก ขนาด 4×18 เมตร
ตัวสระและพื้นที่ตรงกลางนี้ จะยกระดับสูงขึ้นมาจากพื้นชั้น G นะครับ โดยเขาทำเป็นทางลาด และมี Step บันได (ดูลูกศรแดง) ตนที่จะเข้าไปสระว่ายน้ำได้ต้องเป็นลูกบ้านที่มี Key Card เท่านั้น เพราะจะมีที่กั้นอีกชั้นครับ
ตัวสระด้านหน้าตึก B ซึ่งเป็นตึกในสุด เป็นสระตื้นๆ ไม่ใช่สระว่ายน้ำนะครับ (วันที่ผมไปดู 15/09/14 ทางโครงการแจ้งว่า อาจมีการปรับรายละเอียดพื้นที่ตรงนี้อีกครั้งครับ คงต้องรอ update ข้อมูลอีกที)
ลูกศรสีเหลือง ชี้ให้ดูระยะตึก และถนนที่ใช้วนรอบโครงการครับ รถส่วนใหญ่จะจอดกันใต้อาคาร บนพื้นที่ชั้น 1
ที่จอดรถส่วนใหญ่อยู่ใต้ตึกนะครับ แต่ก็จะมีพื้นที่จอด out door อยู่บ้างในด้านหน้า และระหว่างตึก A-B
ตัวตึก B ที่เป็นตึกใน จะมีพื้นที่สีเขียวรายล้อมมากหน่อย ตึกนี้เดินจากด้านหน้าถนนรามอินทรา ไกลกว่าคนอื่นเขา แต่ได้สงบและพื้นที่เปิดโล่งทั้งสองฝั่ง และอยู่ติดสวนด้านหลังที่เป็นสนามเด็กเล่นด้วย
สวนด้านหน้าตึก B
สวนและสนามเด็กเล่นด้านในสุด เป็นการเอาพื้นที่สามเหลี่ยมด้านในมาใช้
ตัวตึก B ที่เป็นตึกในสุด จะมีอะไรแปลกกว่าตึกอื่นๆ เช่น พื้นที่ Terrace หน้าตึกสีน้ำตาลๆ ที่มีบันไดเดินลงไปดูสระและสวนหน้าตึกตัวเอง
Zoom ให้ดูชัดๆ
ลูกศรสีเหลือง ผมชี้ให้ดูของแปลก คือการออกแบบระเบียง ให้เป็น Pocket Garden เล็กๆ ปลูกต้นไม้ได้ ซึ่งทำไว้เฉพาะบางห้องเท่านั้น
ส่วนลูกศรสีเหลืองนี้ ผมชี้ให้ดู พื้นที่ Lobby ด้านหน้า เมื่อมองจากด้านนอกครับ เป็น Double Volume
ส่วนช่องประหลาดๆ ที่ผมใช้ลูกศรสีฟ้าชี้ให้ดูนี้ มีไว้ทำอะไร ให้ดูรูปข้างล่างครับ
เป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ ที่ทำไว้เพื่อให้เป็นช่องเปิดสำหรับตัวโถง Corridor ด้วย … ช่องเปิดลักษณะนี้ไม่ใช่เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว เพราะการออกแบบให้ตึกมีช่องแบบนี้ มันเสียพื้นที่ขายไปหลายล้าน … เขาออกแบบไว้เพื่อให้มีอากาศไหลเวียนในตึกดีๆ เวลาเราเปิดประตูเข้าห้อง อากาศดีๆเหล่านั้นจะได้ไหลเข้าห้องไปด้วย และเป็นช่องแสงให้โถงทางเดินไม่อับมืด ช่วยลูกบ้านประหยัดไฟ… โถงทางเดินเป็นสิ่งที่ Developer ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะใส่รายละเอียดพวกนี้ลงไป เพราะมันเสียพื้นที่ขาย ทั้งๆที่มันช่วยให้ลูกบ้านที่อยู่ในอาคารอยู่สบายขึ้นมากครับ
Master Plan ของโครงการ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขอเขามาได้รูปใหญ่แต่เอาลงเว็บได้รูปเท่านี้ เลยดูยากหน่อย… ให้ดูแปลงที่ดินที่เป็น 3 เหลี่ยมครับ ที่ดินแบบนี้ คงพัฒนาเป็นตึกสวยๆ ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก ทางโครงการเลยจัดมาได้แค่ 3 ตึก หกร้อยกว่ายูนิต แต่ยังเหลือพื้นที่เปิดโล่ง Open Space อีกพอสมควร เพราะเอามาทำตึกไม่สวย เลยกลายเป็นที่จอดรถ สวน กับสนามเด็กเล่นไปนะครับ
ชั้น G หรือชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด โดยจอดในช่องจอดนับได้ 222 คัน แต่ถ้ารวมซ้อนคันประเมินคร่าวๆได้ราว 280 คัน หรือราวๆ 44% ครับ ส่วนสระว่ายน้ำสวนและพื้นที่ตรงกลางระหว่างตึก จะยกระดับขึ้นมาจากพื้นปกติครับ
รูปแบบของ Floor Plan แต่ละตึกไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เพราะเป็นแท่งเดียวตรงๆ แต่ละตึกมีลิฟท์ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสารต่อห้องอยู่ที่มาตรฐานราวๆ 110 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัว เวลาเราจะเลือกห้องที่นี่ ต้องค่อยๆดูนะครับ เพราะแต่ละตึกมันต่างกันในรายละเอียด วิว และ Facility
ตึก A จะอยู่ด้านหน้า ได้สะดวกในการเข้าออก เดินออกมาเรียกรถง่าย และใกล้สระว่ายน้ำ แต่ก็อาจจะใกล้ถนนไปสำหรับคนที่ sensitive กับเสียงและไม่ชอบความพลุกพล่าน ก็น่าจะไม่ชอบตึกหน้าสุดติดถนนแบบนี้ … หากจะเลือกตึก A ด้านทิศตะวันออก จะเป็นฝั่งที่ติดกับสุขภัณฑ์เซ็นเตอร์นะครับ ซึ่งแม้ว่าตึกของสุขภัณฑ์เซ็นเตอร์จะร่นไปเยอะ แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่สร้างอาคารเพิ่มเติม ดังนั้นคนชอบทิศตะวันออก เลือกชั้นสูงหน่อยจะดีกว่า… กลับกันกับฝั่งตะวันตกของตึก A ที่เป็นวิวสระสวนด้านใน ควรเลือกชั้นล่างๆหน่อยถึงจะได้วิวสวย และไม่ร้อนเพราะมีตึก C คอยบังแดดตอนบ่ายแก่ๆให้ครับ
ตึก B จะอยู่ถัดจากตึก A เข้าไปด้านใน เป็นตึกที่สงบสุด เพราะอยู่ในสุด แต่ก็จะเดินออกมาถนนรามอินทราไกลสุดเช่นกัน ตึกนี้มีพื้นที่สีเขียวรายรอบ มี Facility ที่เน้นสงบๆ มีสวนและสนามเด็กเล่น คนชอบเงียบๆไม่พลุกพล่านน่าจะชอบนะ วิวทิศตะวันออกติดสุขภัณฑ์เซ็นเตอร์ในส่วนอาคาร หากชอบทิศตะวันออกควรเลือกชั้นสูงหน่อย ยกเว้นเราไม่ได้สนใจอะไรกับวิวมากนัก … ส่วนทิศตะวันตกเปิดโล่งมาก จะเลือกชั้นไหนก็ตามสะดวกได้เลย… อ้อ ตึก B จะมีของแปลกเพิ่มมาอีกอย่างคือ มีห้องด้านในสุดชั้นละ 6 ห้อง เป็น single corridor ครับ ใครซื้อห้องเหล่านี้ แนะนำให้ทำประตูสองชั้น ชั้นนอกประตูเดิมๆ ชั้นในประตูเหล็กดัดเสริมมุ้งลวด เปิดไว้แล้วเปิดหน้าต่างห้อง ลมจะโกรกตลอดครับ
ตึก C อยู่ด้านหน้าขนานกับตึก A ถ้ายืนหน้าโครงการจะเป็นตึกขวามือ ตึกนี้ทิศตะวันออกคือวิวสระสวน ส่วนทิศตะวันตกเป็นบ้านคนนะครับ ถ้าเลือกชั้นสี่ขึ้นไปจะเห็นวิวสวนบึงกระเทียมที่อยู่ใกล้ๆกันค่อนข้างจะชัดเจน ตึกนี้จะมีห้อง 6 ห้องต่อชั้น ที่ได้ Single corridor เช่นกันครับ
ทีนี้เรามาดูการใช้งานของแต่ละตึกกันบ้างนะครับ แม้ว่าจะมีสระว่ายน้ำ สวน และพื้นที่นั่งเล่นอยู่ตรงกลางก็จริง แต่ว่า แต่ละตึก เขามีรูปแบบ Lobby และ Facility ประจำตึกที่ต่างกันครับ แม้ว่าลูกบ้านจะไปใช้ของตึกไหนก็ได้ แต่ว่าถ้ามันอยู่ตึกเรา เราใช้สะดวกกว่าแน่นอน
ขอเริ่มจากตึก A นะครับ ชั้น 2 ของตึก A นอกจากจะเป็นชั้นพักอาศัยแล้ว ยังมี Lobby & Library ที่มี Out door Terrace และตำแหนงการวางกลางตึกนั้นเพื่อให้มันอยู่ริมสระน้ำครับ เราจะได้นั่งอ่านหนังสือไป เสียสมาธิไปกับการดูเด็กๆเขาเล่นน้ำกันนะครับ… ตัว Library นี้ ออกแบบให้ใช้ได้ทั้ง Indoor และ Outdoor นะ เป็นแบบเพดานสูง Double Volume
ตึก C จะอยู่ขนานกันกับตึก A ในด้านหน้าของโครงการ ซึ่งจะเป็น Main Lobby และสำนักงานนิติ เน้นการนั่งเล่นแบบอเนกประสงค์ และมีร้านค้าอยู่ที่ใกล้ๆ Lobby อีก 2 ร้านค้า ตัว Lobby นี้ออกแบบให้เป็น Main Lobby เพราะเป็นส่วน Lobby ที่อยู่หน้าสุดใครไปมา จะผ่านตรงนี้ก่อน
ตึก B ซึ่งอยู่ในสุด จะมี Facility ประจำตึกขนาดใหญ่หน่อย เพราะเป็นการผสมกันระหว่าง Lobby ที่มี Out door Terrace นั่งเล่นรับลมภายนอก กับ Living Area ที่นั่งเล่นภายใน Lobby ตึกนี้ เขาจัดเป็น 24 hours cafe แนวนั่งเล่นได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะมีพวกตู้ขายเครื่องดื่มและขนม ตั้งไว้ให้ใช้ครับ ข้างๆกันจะมี Fitness อยู่ที่ตึกนี้ด้วยคนใช้ Fitness จะได้วิวสวน สระเล็กๆและศาลาหน้าตึก B นะครับ
แปะรูป 24 hours cafe ให้ดูอีกที จะได้ไม่ต้องเลื่อนขึ้นไปดูรูปข้างบน
ภายในสำนักงานขายของโครงการ ที่เพิ่งเสร็จหมาดๆ และเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างแล้วเมื่อ 15/09/14 ผมได้แวะเข้ามาเก็บภาพห้องตัวอย่าง และถ่ายรูปสำนักงานขายมาให้ดูเพราะเขาจัด Lobby และ facility ในอาคาร ด้วยโทนและแนวการตกแต่งแบบใกล้เคียงกันครับ
บันไดขึ้นชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นที่รวมห้องตัวอย่างทั้ง 4 ห้อง
พื้นที่นั่งเล่นสบายๆ และโคมไฟขนาดใหญ่ แนวเดียวกับที่ใช้กับโครงการจริง
ห้องตัวอย่างทั้ง 4 ห้องอยู่ข้างบนนี้ครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby แยกตึก 3 ชุด
- ร้านค้า 2 ร้านค้า
- 24 Hours Cafe
- Library
- Fitness
- Living Room & Game Room
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4×18 เมตร
- สระเด็กขนาด 4×6.5 เมตร
- Sunken Seat
- สวน และพื้นที่นั่งเล่น
- สนามเด็กเล่น
- จอดรถในช่องจอดนับได้ 222 คัน รวมซ้อนคันประมาณ 280 คัน หรือ 44%
- CCTV / Access Card
- รปภ 24 ชั่วโมง
Product Walkthrough
โครงการจัดห้องตัวอย่างมาให้ดู 4 ห้องนะครับ ตอนแรกผมตั้งใจจะเขียนแค่ 2 ห้อง แต่ตัดใจเลือกมาให้ดู 3 ห้องแทน เพราะมันเป็นห้องที่แปลก และมีรายละเอียดการออกแบบได้น่าสนใจในพื้นที่แบบนี้ครับ
ขอเริ่มจากห้อง 1 Bedroom 23 ตารางเมตรก่อนนะครับ ห้องนี้จัดมาโดยให้น้ำหนักห้องนอนครับ ตัวห้องนอนจะอยู่ติดระเบียง มี พื้นที่เล็กๆข้างเตียงสามารถวางโต๊ะทำงานหรือ Day Bed ติดหน้าต่างไว้นอนอ่านหนังสือเล่นได้ ตรงพื้นที่นั้นเขาทำหน้าต่างเป็น Bay Window ให้รับวิวมุมกว้างได้เยอะขึ้น มีช่องแสงมากขึ้นด้วย… ปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ เก็บผ้าเก็บของได้เยอะ แต่ดันแขวนทีวีปลายเตียงได้ด้วย (เดี๋ยวจะพาไปดู) … ส่วนพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ระยะสามเมตรกว่า แต่ค่อนข้างแคบ และต้องอุทิศตัวเป็นโต๊ะทานข้าวไปในตัว (ออกแบบให้นั่งทานข้าวบนโซฟา กับโต๊ะทานข้าวที่เตี้ยกว่าปกติ และเก้าอี้ตัวเล็กเสริมมาอีกตัว)… ชั้นวางทีวี สามารถพับขึ้นมาเป็นโต๊ะอเนกประสงค์หรือพื้นที่เตรียมอาหารเชื่อมกับ Pantry ที่อยู่ด้านหน้าห้องได้ด้วย ส่วนห้องน้ำมาตรฐาน ขนาด Shower Box เล็กไปหน่อยซึ่งคงต้องทำใจเพราะนี่มันห้องขนาด 23 ตารางเมตรเท่านั้นเอง
ห้องนี้ขายแบบ Fully Furnished โดยให้เฟอร์นิเจอร์ Built in ของ RCD ที่ออกแบบมาให้ Fit พอดีกับห้อง (เดี๋ยวไปดูของจริงว่ามันพอดียังไง จะได้เรียนรู้ร่วมกันไปด้วยครับ) และให้ Digital Door Lock ทุกห้อง แถมแอร์ และติดระบบ Sound System อันเป็น Signature ของ 39 Estate ที่ชอบแถมให้ทุกโครงการเลย… อ้อ พื้นของที่นี่ เป็นพื้นไวนิลนะครับ ไม่ใช่ลามิเนต
หน้าตาประตู และ Digital Door Lock ของ SAMSUNG ที่ให้มา
Digital Door Lock ด้านใน
พื้นของที่นี่ เขาให้เป็นพื้นไวนิลนะครับ พื้นลักษณะนี้ผมเคยเขียนถึงหลายทีแล้ว แต่ก็ต้องขอพูดซ้ำอีกเพราะหลายๆคนเพิ่งจะเคยอ่านครับ…พื้นไวนิล เป็นวัสดุสังเคราะห์ ที่ทนนะครับ ขีดข่วนเป็นรอยได้ แต่มันก็ยังดูเป็น Texture ไม้เพราะสีเนื้อในมันสีเดียวกัน พื้นไวนิลไม่เก็บฝุ่น ไม่เป็นเชื้อรา เช็ดล้างด้วยน้ำไม่ต้องกลัวร่อน ไม่บวม ไม่ขึ้นรา ไม่แข็งเหมือนกระเบื้อง เวลาทำของหล่นใส่จะไม่แตกแบบกระเบื้อง ปัจจุบันตามห้างก็เริ่มใช้กันเยอะแล้ว เหมาะสมที่จะมาทดแทนลามิเนตที่ชอบใช้กัน แต่ที่เขาไม่ใช้ไม่ใช่ว่ามันแพงกว่าแล้ว Developer เขางกนะครับ แต่มันเป็นเพราะเขากลัวผู้บริโภคแบบเราๆไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ หาว่าเอาวัสดุอะไรไม่รู้มาปู… จึงเป็นหน้าที่ ของสื่ออย่างผม หรือพวกเราๆที่รู้แล้วเข้าใจแล้ว ช่วยกันบอกต่อๆกันไปครับ โครงการอื่นๆ จะได้เปลี่ยนมาใช้กันเยอะๆ… อ้อ การปูพื้นไวนิลมันยากกว่าลามิเนตด้วยแหละ โครงการต้องปรับระดับพื้นให้เนี้ยบเรียบกริบ ถึงจะปูพื้นไวนิลได้สวยเรียบตามมาตรฐานครับ
เวลาไปดูห้องตัวอย่าง ก็ลองสัมผัส พื้นด้วยเท้าตัวเองดูนะครับ จะเข้าใจมากขึ้น
ระบบ Sound System ที่เขาแถมให้ทุกห้อง ตัวระบบนี้ คือการฝังลำโพงไว้ที่ฝ้าเดินสายติดตั้งระบบเชื่อมกับเครื่องเล่นตัวนี้ ซึ่งสามารถสั่งงานได้ทั้งจาก Bluetooth เราจึงเล่นเพลงในมือถือ ไอแพด ไอพอด คอมพ์ ได้ … นอกจากนี้ยังเสียบ flash drive และ SD Card ได้ด้วย …. ข้อดีนอกจากจะนอนฟังเพลงสั่งงานบนเตียงได้แล้ว ตอนเข้าห้องน้ำ ก็สั่งเปิดเพลงตอนจังหวะสำคัญได้ด้วย เนียนกว่ากดชักโครกเปล่าๆเยอะ เปลืองน้ำ
ลำโพงฝังฝ้า ที่ติดไว้บนเพดานให้เรียบร้อย… ชุดแบบนี้ใครชอบอยากจะเอาไปติดที่ห้องตัวเอง ผมเข้าใจว่ามีขายแล้วนะครับ ราคาไม่ทราบครับ
แอร์ที่แถมได้ของ Daikin
เปิดห้องมามันจะดูแคบนะ เพราะเป็นห้องซ่อนรูป ด้านหน้าดูแคบแต่ไปอ้วนบานอยู่ด้านใน
ส่วนครัว ที่วางไว้ด้านหน้าห้อง
ชุด pantry ได้ของ RCD พื้นที่วางตู้เย็นไม่ใหญ่เท่าไร ห้องของจริงจะมีพื้นที่วางตู้เย็นใหญ่กว่านี้ 10 ซม. ครับ
พื้นที่เก็บของ Pantry ไม่เยอะ ตัวเตาและเครื่องดูดควันไม่มี ไมโครเวฟวางในช่องด้านล่างครับ
ชุด Pantry ของ RCD เขาออกแบบให้หน้าบานเป็นร่องแบบนี้ เวลาเราเปิดปิดไม่ต้องใช้มือจับ จะได้ไม่เกะกะ
รู้ตัวว่า Pantry เล็ก เลยจัดให้พื้นที่มันเชื่อมกับชั้นวางทีวี และมีลูกเล่นตรงสามารถพับเปิดหน้าบานมาเป็นที่วางของเพิ่มเติมได้ (เลื่อนดูรูปล่างสลับกับรูปบนเร็วๆดูสิ)
พอพับหน้าบานปิดตู้เก็บของขึ้นมา มันจะกลายเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ขนาดเล็กๆ ต่อเชื่อมกับ Pantry พอดีเป๊ะ เพื่อให้เราสามารถใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารได้ แต่รับน้ำหนักได้พอประมาณ อย่าขึ้นไปนั่ง นอน หรือตำน้ำพริกนะครับ มันจะหักเอา
พื้นที่ยืนทำครัวราวๆ 1 เมตร เหมาะกับการยืนล้างจานเหงาๆคนเดียว เพราะพื้นที่มันมีแค่นี้ ขวามือของ Pantry คือห้องน้ำนะครับ
ห้องน้ำอยู่ทางด้านหน้าห้อง พื้นกั้นด้วยธรณีก่อ แต่ต่อให้น้ำมันกระฉอกออกมาก็อย่าไปกลัว เพราะห้องเป็นพื้นไวนิลไม่ใช่ลามิเนต
ภาพรวมพื้นที่ในห้องน้ำ
อ่างล้างหน้าของ MOGEN ก๊อก American Standard
โถสุขภัณฑ์ของ American Standard
ชุด Shower Box แบบเข้ามุม เขาติดให้ดูนะครับ ไม่ได้แถมชุดนี้ให้ … ผมแนะนำให้ติดแบบนี้แหละครับ มันจะกันน้ำได้ดีกว่าม่านพลาสติก ทำให้ห้องน้ำแห้ง สะอาดน่าใช้ และไม่ชื้นไม่ราเท่าม่านพลาสติกครับ เพิ่มตังค์อีกนิด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น คุณค่าที่คุณคู่ควรครับ
ฝักบัว American Standard ที่วางอุปกรณ์อาบน้ำแบบช่องเซาะผนัง แนะนำให้ติดชั้นกระจกในช่องนั้นแหละครับ ติดได้อีก 2 ชั้น ก็วางอุปกรณ์อาบน้ำครบแล้ว
ผนังห้องน้ำ อันนี้แปลกดีครับ เป็นผนังกระจกฝ้า มีไว้เพื่อดึงแสงธรรมชาติเข้าไปในห้องน้ำครับ
กระจกฝ้า ที่ใช้ดึงแสงเข้าห้องน้ำ โปรดสังเกตโต๊ะทานอาหาร มันจะเตี้ยกว่าปกติเพราะเรานั่งทานที่โซฟา (ซึ่งเตี้ยกว่าเก้าอี้ทานข้าว) ถ้าอยู่ 2 คนก็เสริมเก้าอี้เตี้ยๆอีกตัวได้.. ไม่สะดวกเหมือนมีโต๊ะทานอาหารแท้ๆ แต่พอใช้ได้สำหรับคนไม่ค่อยจะทานข้าวบ้านครับ
พื้นที่วางโซฟานั่งเล่น ค่อนข้างน้อย วางโซฟาตัวนี้เข้าไปก็เต็มแล้ว
ระยะดูทีวีสามเมตรกว่า นี่ผมนั่งถ่ายตรงโซฟา ติดทีวี 50 นิ้วไปเลยครับ
ตัวห้องนอนกับ Living Area กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนนะครับ ระยะเท่าที่เห็น
ตัวประตูกระจกบานเลื่อนนี้ จะเป็นแบบสามชิ้น เลื่อนเปิดได้กว้างหน่อย
พื้นที่ปลายเตียง ออกแบบมาแก้ปัญหาสุดคลาสสิคได้ดี คือ… ห้องเล็กแต่อยากมีตู้เสื้อผ้าใหญ่ๆ และอยากมีทีวีปลายเตียงด้วย (เลื่อนดูรูปข้างล่าง สลับกับข้างบนเร็วๆ จะได้อรรถรสในการรับชมมากขึ้น)
ตู้เสื้อผ้าที่นี่ได้เกือบเต็มผนังนะครับ แต่ยังแขวนทีวีได้ด้วย… นี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ Built in มันดีกว่าซื้อเฟอร์ลอยตัวมาวางๆครับ
พื้นที่ตู้เสื้อผ้ามันเว้าเข้าไปแบบนี้ครับ ซึ่งก็ยังพอหยิบผ้าได้ แม้จะไม่สะดวกเท่าเปิดได้สองบาน แต่แลกกับแขวนทีวีได้ ผมว่ายิ่งกว่าคุ้ม สำหรับคนชอบนอนกลิ้งเกลือกดูทีวีบนเตียง หรือคนโสด ที่ต้องการสร้างโอกาสหาแฟน… สามารถเริ่มง่ายๆด้วยการนอนดูทีวีบนเตียงครับ (อย่าลืมเอารีโมททีวีห้องนั่งเล่นไปซ่อนซะก่อนนะ)
ตู้เสื้อผ้าอีกด้าน ก็เว้าเข้ามาเช่นกัน
ทีวีที่เอามาแขวนผนังปลายเตียงนี้ ผมแนะนำ LED แบบบางๆ และใช้ตัวยึดผนังแบบบางๆนะครับ จะดูสวยเรียบร้อยราบเรียบกว่าของห้องตัวอย่างที่แขวนอยู่นี่ซะอีก
ตรงหัวเตียง มี Built ที่วางของจุกจิก พวกโทรศัพท์ และของชิ้นเล็กๆ ที่จำเป็นต้องใช้บนเตียง เช่น.. หวี และ คอตตอนบัตต์เป็นต้น
พื้นที่ข้างเตียง ผมอยากให้ดู 2 อย่างนะครับ คือ 1. แสง 2. ระยะและการจัดวาง… ตัวแสงนี่ได้เต็มๆ เพราะนอกจากกระจกที่หน้าต่างและระเบียงแล้ว ยังได้ Bay window มาช่วยด้วย
พื้นที่ข้างเตียง ที่เขาวาง Day Bed สีขาวตัวเล็กมาให้ดูนี้ เราสามารถวางโต๊ะทำงานอเนกประสงค์ติดหน้าต่างได้นะ (ดูรูปล่างเพื่อเทียบกัน)
รูปนี้ผมถ่ายมาจากอีกห้องนะครับ เพื่อให้ดูการออกแบบระยะ ว่ามันสามารถวางโต๊ะอเนกประสงค์ได้ ซึ่งผมว่าใช้งานอเนกประสงค์ได้ดีกว่า Day Bed เยอะ แต่อย่าให้แฟนยึดนะครับมันจะกลายเป็นโต๊ะแต่งหน้าไปในทันที
ระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ชิ้น
ตัว Bay Window กระจกเข้ามุม ช่วยเพิ่มแสง และวิวเปิดโล่งที่มากขึ้น
พื้นที่ระเบียงเล็กครับ แต่ยังอุตสาห์วางเครื่องซักผ้าได้ ซึ่งต้องเป็นขนาดที่ผอมหน่อยนะครับ ระเบียงนี้กว้างราวๆ 63-65 ซม.ครับ แล้วแต่ห้อง วัดให้ดีก่อนไปซื้อเครื่องซักผ้านะครับ
คอมแอร์ 2 ตัวแขวนผนัง เป่าลมร้อนออกไปด้านนอกห้องแบบนี้
ห้อง 1+1 Bedroom ขนาด 36 ตารางเมตร ห้องนี้ เป็นห้องที่ออกแบบให้มี 1 ห้องนอน +1 ห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็ก, ห้องนั่งเล่น, ห้องแต่งตัว, ห้องออกกำลังกาย หรือห้องเด็กอ่อนได้ เป็นห้องที่ทำยาก เพราะขนาดกว้างคูณยาวและรายละเอียดในการออกแบบต้องเป๊ะพอดี ไม่งั้นจะต้องใช้พื้นที่มากกว่านี้ และเราก็ต้องจ่ายแพงขึ้นครับ… ตัวห้องได้พื้นที่ Living Area ที่ใหญ่ดีเมื่อเทียบกับขนาดรวมของห้อง ห้องเขาจัดมาให้ดูแบบมี 1 ห้องนอนใหญ่ และ 1 ห้องนอนเล็ก โดยมีลูกเล่นที่ผนังกั้นห้องทั้งสองออกแบบมาให้ใส่ตู้เสื้อผ้าขนาดโอเค และติดทีวีแขวนผนังได้ทั้งสองห้องครับ… ส่วนครัวจะอยู่ด้านในห้องโดยมีหน้าต่างรับแสงตรงครัวด้วย … ข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ของห้องนี้ ทำให้ได้ระเบียงค่อนข้างเล็ก และเสียพื้นที่ให้กับคอมแอร์ไปสามตัวครับ
ห้องนี้ขายแบบ Fully Furnished ของ RCD ออกแบบพิเศษให้ Fit พอดีกับห้องนี้ ส่วน Spec ของที่ได้ เหมือนห้อง 1 Bedroom ห้องแรกนะครับ ได้ Sound System กับ Digital Door Lock เช่นเดียวกัน
เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วน Living ต่อเชื่อมกับห้องนอนเลยนะครับ เพราะเขาใช้ประตูกระจกกั้น หากต้องการ Private หรือไม่อยากให้เห็นห้องนอนก็ติดม่านครับ
มองย้อนกลับไปที่ประตู ให้ดูระยะดูทีวี ระดับสามเมตรนิดๆ จัดทีวี 50 นิ้วเลยครับ
การออกแบบห้องนี้แปลก เขาใช้โซฟาตัวยาว 2 ตัวต่อกัน กลายเป็นพื้นที่กลิ้งเกลือกนอนหนุนตักกันได้ 2 คู่ 🙂 จริงๆ เป็นเพราะเผื่อห้องนี้จะอยู่ 3 คน ครับ เพราะเขาจัดเป็น 2 ห้องนอนได้ การมีโซฟายาวๆ จึงสามารถนั่งดูละครได้พร้อมกันทั้งสามคน ส่วนที่นั่งกินข้าวก็ยังคง Concept เดิม คือจับมาฟีเจอริ่งกับโซฟาซะเลย… ถ้าไม่ชอบ ก็เอาโซฟาออกไปตัวนึง แล้ววางโต๊ะทานข้าว 4 ที่นั่งก็ได้ครับ เพราะยังไง ชุดโซฟานี้เขาก็ไม่แถมอยู่แล้ว
ข้อเสียของการจัดที่นั่งทานข้าแบบนี้คือ นั่งไม่สะดวกเท่าไร ยกเว้นสั่งโต๊ะขาฮอบบิท คือเตี้ยเป็นพิเศษ … แต่ได้ข้อดีคือประหยัดพื้นที่และ ใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่งกดคอมพ์ดูทีวีได้ยาวๆ
ผนังด้านนี้เต็มดี สามารถใส่ตู้เก็บของอเนกประสงค์ตัวใหญ่สูงชนฝ้าได้ ส่วนทีวีจับไปแขวนผนังดีแล้ว ตู้ลอยเก็บของจะได้วางของได้เยอะๆ ส่วนรองเท้าจับใส่กล่องวางใต้ตู้ลอยได้จะเหมาะสมที่สุดในการใช้พื้นที่ครับ
ห้องนอนกับห้อง Living กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ระยะเท่าที่เห็น
ช่องแสงในห้องนอน คือผนังกระจกที่มีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน ด้านซ้ายมือ
หน้าต่างบานกระทุ้งแบบนี้ เวลาออกจากบ้านเปิดแง้มๆไว้ ช่วยระบายความร้อนในห้องได้ ฝนไม่สาดเข้าง่ายๆเหมือนหน้าต่างบานเลื่อนครับ (ถ้าชอบเปิดควรติดมุ้งลวด)
ปลายเตียง มีครบ ทั้งชั้นวางของ ทีวีแขวนผนัง และตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ … โปรดสังเกตความหนาของตู้เสื้อผ้าไว้นะครับ เขาออกแบบมาให้มันดูบางๆในด้านนี้ ไม่หนายื่นออกมาบังทีวีครับ
ตู้เสื้อผ้าปลายเตียง (เลื่อนลงมาดูรูปข้างล่างสลับกับข้างบนเพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น)
ดูทีแรกมันบางใช่ไหม แต่เปิดออกมาจะลึกพอวางกระเป๋าเดินทาง หรือเข้าไปแอบใช้ชีวิตอยู่ได้นานหลายนาทีอยู่ครับ
รูปที่แขวนๆอยู่ที่ผนังนี้ คือส่วนกั้นระหว่างห้องนอนใหญ่ และห้องอเนกประสงค์ ที่ตอนนี้จัดมาให้ดูเป็นห้องนอน
ภายในห้องอเนกประสงค์ เขาจัดเป็นห้องนอนเล็กครับ ห้องนี้จัดได้หลากหลายแล้วแต่เราเลย ใครอยู่เป็นคู่ ก็เผื่อเป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนได้ หรือทำเป็นห้องทำงาน และเป็นห้องนอนเวลามีแขกมาบ้านก็ได้
ภายในห้องนอนเล็ก เขาจัดเตียงวางชิดผนังด้านซ้าย ด้านขวาเป้นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะอเนกประสงค์
ข้างตู้เสื้อผ้าเป็นผนังโล่ง ที่ออกแบบเผื่อไว้หากอยากจะแขวนทีวีก็ทำได้นะครับ แต่คงเป็นทีวีเครื่องเล็กหน่อยนะ
หน้าบานชั้นวางของสามารถพับได้
เมื่อพับขึ้นมาแล้ว จะกลายเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ตัวเล็กๆ พอนั่งกดคอมพ์หรือทำการบ้านได้
ตู้เสื้อผ้าห้องนี้ มาแนวเดียวกับห้องนอนใหญ่นะครับ คือดูบางๆ แต่ซ่อนรูปครับ
เปิดให้ดูข้างใน ขนาดเท่าตู้เสื้อผ้ามาตรฐานทั่วไป
ระเบียง จะอยู่ที่ห้องนี้ ซึ่งได้เป็นระเบียงเล็กนะ
แขวนคอมพ์แอร์ 3 ตัว เหลือพื้นที่นิ้ดเดียว
ครัวจะอยู่หน้าห้องอเนกประสงค์ ขนาดไม่ใหญ่ พื้นที่เท่าที่เห็น
ชุด Pantry ของ RCD วางของได้นิดหน่อย ไม่มีเตาและเครื่องดูดควัน
ทีเด็ดของห้องครัวนี้คือช่องแสงตรงอ่างล้างจานนี่ครับ ให้อารมณ์เหมือนครัวบ้านเดี่ยวมากๆ
ห้องน้ำ จะเข้าออกทางครัวนี้
ภาพรวมพื้นที่ในห้องน้ำ
วัสดุอุปกรณ์ Spec เดียวกับห้องแรกนะครับ
พื้นที่ Shower Box ขนาดมาตรฐาน แต่ก็ไม่ได้แถมฉากกั้นอาบน้ำมาเช่นกัน
ห้อง 2 Bedroom ขนาด 48.8 ตารางเมตร ห้องนี้จัดห้องน้ำมาแบบมีประตูแยกสามชุด ทหให้เมื่อถึงคราจำเป็นสามารถใช้ Function ห้องน้ำพร้อมกันได้ 3 คน (ล้างหน้าแปรงฟัน, อาบน้ำ, นั่งทำธุระ) ซึ่งคงต้องมีการประสานงานเป็นทีมเวิร์คที่ดีพอสมควรนะฮะ… ครัวได้เป็นครัวปิดติดระเบียง ส่วนห้องนอนทั้งสองห้องก็มีขนาดที่จัดพื้นที่ได้ครบตามสูตรห้องนอนมาตรฐาน ห้องตัวอย่างจะพื้นที่เล็กกว่าห้องในผังนี้นะครับ เพราะไม่มีระเบียงใหญ่ที่ติดกับห้องนั่งเล่น
ตัวห้องขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์ RCD ออกแบบ Fit พอดีห้อง และมี Spec ของที่ให้เหมือนสองห้องก่อนหน้านี้นะครับ
เปิดประตูมาจะเจอส่วนรับประทานอาหาร และ Living Area นะครับ ห้องนอน 2 ห้องอยู่ทางขวา ห้องครัวและห้องน้ำ อยู่ทางซ้าย
มองย้อนกลับไปด้านหน้าห้อง
โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง
ตู้เก็บของและรองเท้าวางด้านนี้
ห้องน้ำ จะเป็นประตูบานเลื่อน
เปิดเข้ามาในห้องน้ำจะพบ Function แยก ที่เอื้อให้สามารถทำกิจกรรมในห้องน้ำพร้อมๆกันได้สองสามคน ส่วน Spec ของวัสดุ เหมือนสองห้องแรกนะครับ
พื้นที่ส่วนนั่งเล่นดูทีวี ที่นั่งได้หลายคน ระยะดูทีวีราวๆเกือบ 3 เมตร
ตู้แขวนผนังเก็บของจุกจิก ทีวีแขวนผนัง
ชุดโซฟาที่เขาจัดมาให้ดู
ตัวโซฟามันจะวางพอดีกับช่องทางเข้าออกครัวเป๊ะ
ครัว เป็นครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้
ครัว RCD มีช่องใส่เครื่องซักผ้าด้านล่างเคาน์เตอร์ครัว
ระยะยืนทำครัวเมตรนิดๆ ครัวติดกับระเบียงเปิดระบายอากาศได้
ระเบียงขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับตัวห้อง
คอมแอร์เรียงสามแบบนี้
พื้นที่วางตู้เย็นมันจะชิดผนัง เวลาเลือกตู้เย็นให้หาที่มีมือจับเปิดลักษณะนี้
ถ้าเปิดตู้เย็นจากการจับด้านข้าง โอกาสเล็บคุณสาวๆไปขูดผนังให้เจ็บตัวเจ็บใจมีสูง
ห้องนอนอยู่ฝั่งเดียวกันทั้ง 2 ห้อง เราไปดูห้องเล็กก่อน
ห้องนอนเล็ก
วางเตียงสามฟุตครึ่งให้ดูแต่จริงๆจะวาง 5 ฟุตก็ได้อยู่
ปลายเตียง (ที่มีกระจกวาง) สามารถติดทีวีแขวนผนังได้นะครับ
โต๊ะทำงานอเนกประสงค์
ช่องแสงและหน้าต่างบานกระทุ้ง
ห้องนอนใหญ่
ปลายเตียง
ตู้เก็บของและตู้เสื้อผ้า
ด้านนี้เก็บของ
ด้านนี้เก็บเสื้อผ้า
ตู้เสื้อผ้าดูเล็กแต่ยัดกระเป๋าเดินทางได้หน้าตาเฉย..
ราคาและเงื่อนไขการขาย
ราคาเมื่อวันที่ 15/09/2014 นะครับ
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 23.02 – 26.34 ตารางเมตร ราคา 0.99 – 1.59 ล้านบาท หรือ 43,000 – 60,365 บาทต่อ ตรม
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.09 – 30.10 ตารางเมตร ราคา 1.52 – 1.72 ล้านบาท หรือ 54,112 – 57,143 บาทต่อ ตรม
- ห้อง 1+1 Bedroom ขนาด 31.22 – 42.58 ตารางเมตร ราคา 1.58 – 2.52 ล้านบาท หรือ 50,608 – 59,183 บาทต่อ ตรม
- ห้อง 2 Bedroom ขนาด 49.51 – 54.68 ตารางเมตร ราคา 2.30 – 3.28 ล้านบาท หรือ 46,455 – 59,985 บาทต่อ ตรม
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 15,000 บาท สำหรับห้อง 1 Bedroom และ 25,000 บาท สำหรับห้อง 2 Bedroom
- ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 18 งวด
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท ต่อตารางเมตร ต่อเดือน เรียกเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- เงินกองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
ESTA Bliss เป็นคอนโดมาตรฐานในทำเลที่ค่อนข้างใหม่สำหรับคอนโดนะครับ แม้ว่าจะอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา ใกล้ชุมชนดั้งเดิมย่านมีนบุรี และอยู่ใกล้ว่าที่สถานีรถไฟฟ้าในอนาคตอย่าง สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ แต่ความที่มาเป็นเจ้าแรกในบริเวณนี้ โครงการเลยต้องจัดหนักมาเต็มที่ ในขณะที่ไม่สามารถตั้งราคาได้สูงเหมือนอย่างย่านชานเมืองที่ใกล้รถไฟฟ้าอื่นๆที่เขาไล่ราคากันไปไกลแล้ว เพราะเห็นแนวรถไฟฟ้าเรียบร้อย แต่ทำเลแถวนี้ ยังคงต้องคอยไปอีกหลายปีครับ
ทำเลโครงการอยู่ใกล้แยกเมืองมีน ตรงข้ามโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ จัดเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก และปลอดภัย ด้วยติดถนนใหญ่ ไม่ได้เข้าซอยเลย เรียกรถง่ายตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเดินมารอที่ถนนด้วยซ้ำไป การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างสะดวกมาก เพราะเป็นปลายรามอินทราที่รถไม่ค่อยติดและมีทางเลี่ยงทางลัดทางเลือกในการเดินทางเยอะมาก รวมถึงทางด่วนที่พอจะใช้ได้ แต่ต้องลุ้นกับที่จอดรถ 44% ซึ่งเชื่อว่า ราคาและการติดถนนใหญ่ น่าจะมีคนส่วนหนึ่งที่ไม่ใช้รถ และหากลูกบ้านเข้มแข็งเข้มงวดในกติกาพอ ก็น่าจะพอบริหารจัดการที่จอดได้ครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ในปัจจุบัน คนแถวนี้ใช้สองแถวไปไหนมาไหนย่านนี้ และถ้าเดินทางเข้าเมืองก็ใช้รถตู้ ซึ่งมาจอดแถวๆหน้าโครงการเพราะมีป้ายรถเมล์อยู่ก่อนถึงโครงการไม่กี่ก้าว พี่วินอยู่หน้าปากซอย 88 ห่างหน้าโครงการไม่กี่ก้าวเช่นกัน ถือว่าเดินทางสะดวก และปลอดภัย เมื่อเทียบกับทำเลชานเมืองทั่วไปนะครับ ส่วนในอนาคตอีกหลายปี หากมีสถานีรถไฟฟ้ามาตั้งแถวๆหน้าโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญจริงๆ จะยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางแบบไม่ใช้รถได้อีกมหาศาล เพราะระบบรางมันจะเชื่อมกันเป็นเครือข่ายไปเยอะแล้วครับ จากตรงหน้าโครงการเข้าไปรัชดา ถ้าไปรถไฟฟ้าไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว… แต่ตอนก่อสร้างรถไฟฟ้า ก็ต้องทำใจเผื่อรถติดกันหน่อยนะครับ
ความอุดมสมบูรณ์รายรอบโครงการในระยะเดินเท้าถือว่าน้อยมาก เพราะร้านค้าร้านอาหารย่านนี้ จะข้ามแยกเมืองมีนเข้าไปแถวตลาดมีน หรือไม่ก็วิ่งเข้าเมืองไป จะมีร้านค้า มินิมาร์ท ร้านอาหาร กระจายๆกันอยู่ ไม่มีแบบติดๆโครงการระยะ 300 เมตรเลย คงต้องหวังพึ่งร้านค้าในโครงการใต้ตึก C ครับ… แต่หากว่าสามารถนั่งรถไฟได้ใกล้ๆ แถวนี้ก็จะมีความอุดมสมบูรณ์ในห้าง และ Community Mall เยอะใช้ได้ เช่น Amorini , Fashion Island, Big C, Lotus เป็นต้น
การออกแบบโครงการ บนเนื้อที่ดิน 6 ไร่เป็นรูป 3 เหลี่ยม ทำให้จัดตึกมาได้ 3 แท่งที่ 634 Units เหลือ Open Space ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับคอนโด Low Rise ทั่วไป โครงการออกแบบให้มี Facility ทุกตึกแยกกัน และเชื่อมกันตรงกลางด้วยสระและสวน ทำให้เกิดความหลากหลายในการใช้งานที่มากขึ้น จุดเด่นมากๆของการออกแบบอาคารโครงการ คือการเปิดพื้นที่โถงทางเดินโดยยอมเสียพื้นที่ขายไปบางส่วน เพื่อเป็นช่องแสง ช่องลม และปลูกต้นไม้ครับ.
การออกแบบภายในห้อง มีรายละเอียดที่น่าสนใจหลายอย่าง ตัวห้องเริ่มต้นที่ขนาด 23 ตารางเมตร ซึ่งการจัดเฟอร์นิเจอร์ภายในช่วยทำให้ห้องมันใช้งานได้ดีขึ้นมาก ห้อง 1+1 ขนาดไม่ใหญ่แต่สามารถทำเป็นสองห้องนอนได้ และรายละเอียดในการวางช่องแสงให้แต่ละห้อง ถือว่าออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาหลายอย่างของคนอยู่คอนโดห้องเล็กได้ดีเกินราคาระดับนี้
วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มาแบบ Fully Furnished ออกแบบเฟอร์นิเจอร์หลายตัวให้มันลงตัวพอดีกับห้อง ถือว่าให้ของเยอะ และดีเกินราคา เช่น พื้นไวนิล และชุดเฟอร์ของ RCD แอร์ Daikin เมื่อรวมของที่ให้เพิ่มมาอย่าง Digital Door Lock และ Sound System ก็ถือว่าคุ้มค่าครับ
สาธารณูปโภค จัดมาเยอะ และมีครบถ้วน ส่วนความน่าใช้งานผมว่าถ้าเขาทำออกมาได้อย่างในรูป และในโมเดล ก็ถือว่าน่าใช้มาก Lobby แยกตึก สระว่ายน้ำระบบเกลือยาว 18 เมตร Sunken Seat สระเด็ก ร้านค้า ห้องสมุด ห้องนั่งเล่น ห้องเกมส์ Fitness สนามเด็กเล่น และสวนรอบอาคาร … สำหรับคอนโด Low Rise จัดมาแบบนี้ถือว่าสู้กับคอนโด High Rise ขนาด 700 – 1,000 units ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงความพอเพียงในการใช้งานครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 57,000 บาทต่อตารางเมตร, 15 Sep 2014 (ช่วงราคาค่อนข้างกว้าง 43,000 – 65,000 บาทต่อตารางเมตร ผมประเมินตามราคา 57,000 บาทต่อตารางเมตร ใครซื้อถูกกว่านี้ ก็ให้คะแนนเพิ่มได้ ใครซื้อแพงกว่านี้ก็ลดคะแนนได้ครับ)
- ทำเล 7.25/10 – แม้ว่าจะอยู่ชานเมือง แต่ติดถนนใหญ่ ในราคานี้ ผมยังไม่นำเรื่องรถไฟฟ้ามาคิดในการให้คะแนนนี้ครับ
- เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – ค่อนข้างสะดวกมาก ทางเลี่ยงทางลัดเยอะ มีทางด่วนให้ใช้ แต่ไกลหน่อย
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ติดถนนใหญ่เดินทางปลอดภัย และเรียกรถง่ายตลอด 24 ชั่วโมง มีทางเลือกในการเดินทางเยอะ
- วัสดุ 9.5/10 – ราคานี้ กับ Spec ของและจำนวนของที่ได้ คุ้มค่ามาก
- แบบ 9.5/10 – ออกแบบอาคารได้ดี ยอมเสียพื้นที่ตึกแลกกับความอยู่สบาย ออกแบบในห้องและเฟอร์ได้ดีเกินราคาครับ
- สาธารณูปโภค 9.0/10 – เยอะ ใหญ่ และน่าใช้งาน เมื่อเทียบกับระดับราคานี้
- ECONOMY CLASS
- 8.29 / 10.00
BOTTOM LINE
ESTA Bliss เหมาะกับคนพื้นที่ย่านมีนบุรี รามอินทรา หรือทำงานใช้ชีวิตในย่านนี้ มองหาบ้านที่ออกแบบดี ให้ของครบ มี Facility มาก และต้องการพักอาศัยอย่างปลอดภัยเดินทางง่ายเมื่อเทียบกับบ้านในซอย หวังใช้รถไฟฟ้าสะดวกในอนาคต มีงบระดับ 1.2 – 2.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนราว 8,500 – 18,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ