รีวิวฉบับที่ 1675 … สวัสดีค่ะ Kensington พหลโยธิน 63 กลับมาใหม่แล้วนะคะ พร้อมกับ EIA Approved เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งมีการปรับแบบใหม่จากเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากการปรับแบบแล้วยังมีเพิ่มเติมในส่วนของวัสดุเทียบเท่าแบรนด์ Knightsbridge และ Technology เข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยมากขึ้น จะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ

โครงการเปิด Pre-Sale ในวันที่ 15-16 กันยายนนี้ ณ Sale Gallery (เดียวกับ Knightsbride พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์)

Fact @ 7 September 2018

  • Kensington Phaholyothin 63 (เคนซิงตัน พหลโยธิน 63)
  • บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยพหลโยธิน 63 เขต บางเขน กรุงเทพฯ
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 231 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 34 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 73 คันคิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 1-3-31 ไร่
  • 1 Bedroom 22.7 – 23.8 ตร.ม. ราคา 1.79 – 2.1 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 28.4 –  31 ตร.ม. ราคา 2.3 – 2.7 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 35.4 – 35.8 ตร.ม. ราคา 2.9 – 3 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 40.5 ตร.ม. ราคา 3.43 – 3.53 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 48.2 ตร.ม. ราคา 3.82 – 3.94 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 85,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 020-300-000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.884586, 100.600757

ที่ตั้งโครงการ Kensington พหลโยธิน 63 ยังคงเป็นขอบเขตที่ดินเดิมไม่มีการปรับนะคะ โดยตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 63 ตามชื่อ โดยอยู่ระหว่างแยกรามอินทราและถนนเทพรักษ์ (เดิมชื่อ รัตนโกสินทร์สมโภช) หรือเรียกว่าย่านสะพานใหม่ บรรยากาศในละแวกนี้ถือเป็นอีกแหล่งที่อยู่อาศัยใกล้เมืองใกล้เขตทหาร ใกล้สนามบินดอนเมือง ซึ่งการเดินทางก็จะง่ายสำหรับคนที่เดินเข้าเมืองโดยถนนพหลโยธินได้สะดวก ทำเลนี้มีอีกปัจจับที่ทำให้เกิดความเจริญมากขึ้น เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตัดผ่านถนนพหลโยธินไปจนถึงคูคต ทำให้มีคอนโดมิเนียมผุดขึ้นมาอย่างคึกคักตามโซนใกล้สถานีรถไฟฟ้า

สถานที่เด่นๆในย่านนี้จะมีกรมทหารราบ 11 ทีโอที และ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ล้วนเป็นแหล่งงานที่มีคนอยู่หลายพันคน อีกทั้งยังถือว่าไม่ไกลจากแหล่งสถานศึกษาทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอาทิเช่น รร.ไผทอุดมศึกษา รร.เจริญผลวิทยา ม.ราชภัฏพระนคร ม.เกริก ม.ศรีปทุม และม.เกษตรศาสตร์ รวมถึงโรงพยาบาล

หากโฟกัสที่ตั้งโครงการในซอยพหลโยธิน 63 ซึ่งเป็นซอยตันส่งผลให้ภายในซอยเงียบสงบและไม่มีรถติด ตัวโครงการจะห่างจากปากซอยพหลโยธินประมาณ  100 เมตร ระหว่างทางจะเป็นโชว์รูมโตโยต้าและบ้านพักอาศัย 2 ชั้น หากจะหาความอุดมสมบูรณ์ต้องออกมาที่ถนนใหญ่ เพราะภายในซอยไม่มีร้านค้า โดยอาหารการกินใกล้ที่สุดจะมีอยู่บนถนนพหลโยธินเดินย้อนขึ้นมาช่วงปากซอยพหลโยธิน 61 และ 59 จะมี 7/11 ร้านค้า ร้านอาหารหลากหลาย มี Tesco lotus อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกันอีก 1 ที่ หรือจะขับรถไปหน่อยจะเจอ BigC ติดกับถนนเทพรักษ์ (รัตนโกสินทร์สมโภช) เขยิบออกไปหน่อยมีตลาดยิ่งเจริญ ส่วนอีกจุดนั่นคือ Max Valu ภายในก็จะมีซูปเปอร์มาร์เก็ต Mcdonald เปิดตลอด 24 ชม. และห้างที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้คือ Central Plaza รามอินทรา ที่อยู่เลยม.เกริกไปหน่อย

การเดินทางของโครงการสามารถเดินทางได้สะดวกทั้งการขับรถยนต์ส่วนตัวและใช้รถสาธารณะ พูดถึงในแง่การเดินทางด้วยรถยนต์กันก่อนนะคะ ด้วยความที่โครงการอยู่ในซอยไม่ลึกมาก อิงการเดินทางด้วยถนนพหลโยธินเป็นหลัก ซึ่งจะสะดวกสำหรับคนที่เดินทางไปยังสะพานใหม่ได้ง่าย หรือหากต้องการเข้าเมืองไปทำงานย่านรัชโยธินก็ไม่ยากค่ะ เพราะจุดกลับรถอยู่ห่างไปประมาณ 250 ม. บริเวณซอยสายหยุด ไม่กระชั้นไปพอจะเบี่ยงเลนไปกลับรถได้ด้วย

นอกจากนี้โครงการยังอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้แยกรามอินทราหรือวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นวงเวียนของจุดตัดถนนใหญ่ๆตั้งแต่ถนนพหลโยธินที่วิ่งขนานกับถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ และถนนรามอินทรา โดยจากถนนแจ้งวัฒนะไปถนนรามอินทราจะมีสะพานข้ามวงเวียน แต่จากถนนรามอินทราไปถนนแจ้งวัฒนะก็ต้องเข้าวงเวียนปกติ ส่วนการเดินทางบนถนนพหลโยธินถ้ามาจากแยกรัชโยธินมุ่งหน้าสะพานใหม่ก็มีทางลอดใต้วงเวียนช่วยลดรถติดไปได้เยอะพอสมควร

ส่วนการเดินทางโดยใช้รถโดยใช้ทางด่วน ด่านทางขึ้นที่ใกล้ที่สุดคือทางยกระดับอุตรภิมุข(ดอนเมืองโทลล์เวย์) ที่ต้องไปกลับรถ วนเข้าวงเวียนแยกรามอินทราแล้วเข้าถนนแจ้งวัฒนะแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีก็เจอเลย ส่วนถ้าออกนอกเมืองไปทางรังสิตให้ไปกลับรถแถวหน้าทีโอทีก่อนถึงศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แล้วกลับเข้ามาวิภาวดีรังสิตอีกครั้งก็เจอทางขึ้นฝั่งออกเมือง

ส่วนการเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะค่อนข้างหลากหลาย โดยจากหน้าโครงการสามารถเดินออกไปหน้าปากซอย 100 ม. ก็มีทั้งมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้า รถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ให้เลือกเดินทางได้ รวมไปถึงในอนาคตอันใกล้ก็จะมีรถไฟฟ้าไว้ให้เดินทางเข้าเมืองตรงไปถึงสยามได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลา interchange กับสายอื่นๆ โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการอยู่ระหว่างสถานีอนุสาวรีย์หลักสี่และสถานีสายหยุด โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือ สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ ซึ่งตัวสถานีจะอยู่ระหว่างพหลโยธิน 57 และ 59 หากวัดจาก Google Map จะห่างจากโครงการประมาณ 350 ม. จัดเป็นระยะที่เดินได้ง่ายค่ะ (เนื่องจากขาขึ้น-ลงยังไม่ชัดเจนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงระยะเดินเล็กน้อยได้)

และนอกจากรถไฟฟ้าสายสีเขียววิ่งเข้าเมืองสะดวกแล้ว บริเวณแยกรามอินทราก็มีจุด Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) โดยสายสีเขียวเข้มและสายสีชมพูจะสามารถเปลี่ยนสถานีได้ที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (สายสีเขียวเข้ม) และสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ (สถานีวงเวียนหลักสี่) สายสีชมพู ซึ่งถือเป็นทำเลที่ดีในการเดินทางเข้า-ออกเมือง รวมถึงข้ามไปนนทบุรีและรามอินทรา รวมถึงมีจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีสีแดงเข้มไปรังสิตอีกด้วยค่ะ

การเดินทางในวันนี้เริ่มต้นกันที่ถนนรามอินทรามุ่งหน้าไปทางหลักสี่ จากนั้นเลี้ยวขวาบริเวณวงเวียนที่แยกรามอินทรา เพื่อเข้าถนนพหลโยธินฝั่งมุ่งหน้าไปทางสะพานใหม่ วิ่งตรงไปเรื่อยๆ เมื่อถึงซอยพหลโยธ​ิน 63 เลี้ยวเข้าซอยไปประมาณ 180 ม. ก็จะเห็นที่ตั้งโครงการฝั่งขวามือค่ะ

เริ่มต้นกันที่บนถนนรามอินทรา บริเวณหน้าห้าง Central รามอินทรากันค่ะ

จากนั้นเราเบี่ยงมาทางเลนซ้ายเพื่อมุ่งหน้าไปทางสะพานใหม่ (ไม่ขึ้นสะพานไปปากเกร็ด)

เมื่อตรงมาแล้วจะเจอทางแยก ซึ่งเราจะเบี่ยงขวาเพื่อตรงไปยังวงเวียนบริเวณแยกรามอินทรา และเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนพหลโยธินฝั่งมุ่งหน้าไปสะพานใหม่

บริเวณแยกรามอินทราจะเห็นอาคารพุทธวิชชาลัยฝั่งซ้ายมือ

เมื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธินเรียบร้อยแล้ว ฝั่งขวามือ (ฝั่งตรงข้าม) คือ Hyper Market ขนาดใหญ่อย่าง Tesco Lotus

ตรงมาอีกหน่อยฝั่งซ้ายมือเราจะเห็น Sale Gallery ของโครงการ Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งปัจจุบันโครงการ Kensington พหลโยธิน 63 ก็จัด Sale Gallery ไว้ที่เดียวกันค่ะ ผู้ที่สนใจเยี่ยมชมห้องตัวอย่างและสอบถามรายละเอียดโครงการสามารถเข้ามาที่ Sale Gallery ได้เลยค่ะ

ตรงมาประมาณหน้าปากซอยพหลโยธิน 57 ก็จะเริ่มเห็นตัวสถานีอนุสาวรีย์หลักสี่แล้วนะคะ

จากนั้นตรงมาอีกหน่อยก่อนถึงหน้าปากซอยพหลโยธิน 63 ข้างทางมี 7-11 เปิดบริการอยู่ หากใครลงรถไฟฟ้ามาแล้วสามารถแวะซื้อของกินของใช้จุกจิกได้ก่อนเข้าบ้าน

มาถึงหน้าปากซอยพหลโยธิน 63 กันแล้วนะคะ

บริเวณหน้าปากซอยมีซุ้มวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการอยู่

ตรงเข้ามาประมาณ 180 ม.ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บรรยากาศในซอยโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย และเงียบสงบด้วยความที่เป็นซอยตันนะคะ ด้วยความที่พื้นที่บริเวณนี้อยู่ใกล้เขตทหารและสนามบินดอนเมือง จึงถูกควบคุมกฏหมายเรื่องอาคารสูง สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่จึงมีความสูงประมาณ 2 ชั้น ทั้งบ้านพักอาศัย โชว์รูมรถ อาคารพาณิชย์ อพาร์ทเม้นต์หรือคอนโดความสูง 8-10 ชั้น จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการโดนบังวิวในระยะประชิดสักเท่าไหร่ โดย

  • ทิศเหนือ ติดกับคลองสาธารณะ ฝั่งตรงข้ามคลองเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ถัดไปเป็นบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์ 4-5 ชั้นเป็นส่วนใหญ่จึงไม่มีตึกสูงมาบังวิวในระยะประชิด
  • ทิศตะวันออก ติดกับโชว์รูมโตโยต้าโดยที่ดินของโครงการจะติดกับส่วน Service ที่จะมีประตูทางเข้า-ออกด้านหลังของโชว์รูม จึงจะเห็นรถของพนักงานโตโยต้าเข้า-ออกอยู่เป็นช่วงๆ
  • ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้น บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ และไม่มีตึกสูงมากวนสายตา
  • ทิศใต้ ติดกับซอยพหลโยธิน 63 ที่เป็นถนนทางเข้า-ออกหลักของโครงการ ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น  จากอาคารถ้ามองออกมาไกลหน่อยจะเจออพาร์ทเม้นต์สูง 8-10 ชั้นบ้าง แต่เป็นระยะไกลๆ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล ~850 เมตร
  • Tesco Lotus ~900 เมตร
  • สำนักงานเขตบางเขน ~1.5 กิโลเมตร
  • วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร ~1.6 กิโลเมตร
  • ตลาดยิ่งเจริญ ~1.8 กิโลเมตร
  • Max Valu ~2 กิโลเมตร
  • Central รามอินทรา ~ 2 กิโลเมตร
  • BigC Supermarket ~2.1 กิโลเมตร
  • กรมทหารราบที่ 11 ~ 3 กิโลเมตร
  • ม.ศรีปทุม ~ 4.4 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ~6.9 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสารวิทยา~ 7 กิโลเมตร
  • สนามบินดอนเมือง ~9.4 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Kensington พหลโยธิน 63 มีการปรับรูปแบบใหม่ ซึ่งครั้งนี้ได้ผ่าน EIA เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รูปแบบที่ถูกปรับใหม่ที่ชัดเจนเลยคือรูปทรงอาคารจาก U เป็น Z แต่ยังคงมีจำนวนยูนิตเท่าเดิมนะคะ สำหรับการจัดวางที่เป็นรูปตัว Z แล้วทำให้ตัวอาคารไม่ได้โอบล้อม Facilities ตรงกลางไว้เหมือนแบบเดิม แต่จะไปอยู่โซนด้านหลังอาคารแทน ข้อดีที่ได้คือบริเวณ Facilities หลักได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นจากเดิม แลกมากับห้องบางส่วนที่ไม่ได้วิว Facilities

 

บริเวณโซนด้านหลังโครงการจะโอบล้อม Facilities หลักไว้ ซึ่งประกอบด้วยสระว่ายน้ำแบบ Outdoor และ ห้อง Fitness ที่หันเข้าหาส่วนพื้นที่สระว่ายน้ำ

อีกมุมของ Facilities หลัก หันไปทางห้อง Fitness นะคะ ลักษณะจะเป็นห้องกระจกสูงแบบ Double Volume เพื่อให้บรรยากาศภายในโปร่งโล่ง สามารถชมวิวสระได้จากภายใน ส่วนบริเวณด้านข้างของสระจัดพื้นที่ Day Bed ภายใต้หลังคาระแนงช่วยบังแดดได้ระดับนึงค่ะ

บรรยากาศภายในส่วน Lobby โครงการ ออกแบบให้เป็นแบบเล่นระดับ 2 ชั้น เชื่อมกัน โดยด้านล่างจัดให้เป็นพื้นที่ Waiting Area และ Reception Area ที่จัดชุดโซฟาไว้ต้อนรับแขกหรือเป็นที่นั่งเล่นของลูกบ้านได้ ด้านบนเชื่อมกับชั้นล่างด้วยบันไดเวียนดูสวยงามทีเดียวค่ะ

ขึ้นมาดูบริเวณด้านบนเป็นพื้นที่ Library Area ซึ่งออกแบบให้มี Long Table พร้อมชุดเก้าอี้ไว้ให้ลูกบ้านมานั่งอ่านหนังสือหรือทำงานได้ รอบข้างผนังตกแต่งด้วยชุดตู้ Built-in สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานสามารถวางหนังสือได้พอสมควรเลยค่ะ

สำหรับชั้น 2 นี้นอกจาก Library Area แล้วก็จะมีห้อง Private Meeting ซึ่งเป็นห้องปิดพร้อมชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับ 8 ที่นั่ง (ตาม Perspective) ให้ลูกบ้านจัดเป็นพื้นที่ประชุมส่วนตัวได้ เหมาะสำหรับลูกบ้านในยุคใหม่ที่มักจะไม่ได้เข้าออฟฟิศเป็นประจำ หรือมีธุรกิจส่วนตัว

ถัดจาก Private Meeting Room นี้จะเชื่อมกับ Co-Working Space เป็นพื้นที่ผสมการใช้งานระหว่างเป็นพื้นที่ Hangout กับเพื่อน ซึ่งก็มีโต๊ะพลู มินิบาร์ ไว้ต้อนรับ และก็มีพื้นที่ไว้สำหรับนั่งอ่านหนังสือทำงานได้ ด้วยการจัดโต๊ะทำงานและชุดเก้าอี้โซฟามาให้ค่ะ ทั้งนี้ในการใช้งานจริงพื้นที่บริเวณโต๊ะพลูและมินิบาร์น่าจะมีการกั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนกระจก เพื่อลดเสียงพูดคุยให้น้อยลง ไม่ทำให้ฝั่งพื้นที่ทำงานเสียงดังจนคนใช้งานเสียสมาธิ

มาดูที่ Master Plan โครงการกันต่อนะคะ สำหรับชั้นล่างสุดของอาคารแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ โซนแรกคือพื้นที่จอดรถโดยรอบ ซึ่งสามารถรองรับรถยนต์ได้ทั้งหมด 73 คัน คิดเป็น 30% รวมซ้อนคัน ซึ่งถือว่าให้มาไม่มากนักนะคะ เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายและความพอเพียงในการใช้งานเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต แต่ด้วยความที่โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถเลือกเดินทางด้วยรถสาธารณะได้สะดวก จึงช่วยลดเรื่องปัญหาที่จอดรถลงไปได้บ้าง เพราะอาจจะมีลูกบ้านจำนวนนึงที่ไม่เน้นขับรถค่ะ

โซนที่ 2 คือพื้นที่ภายในอาคาร ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ต้อนรับทั้งหมด มี Back Office อยู่ใกล้ๆ และส่วน Lift Lobby อยู่ด้านหลังอาคาร โดยจะกั้นพื้นที่ไว้สำหรับสแกนบัตรจึงสามารถขึ้นไปชั้นพักอาศัยได้ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน

ชั้น 2 สามารถขึ้นมาได้ทั้งจากส่วน Stair Hall ชั้นล่าง ขึ้นบันไดเวียนมาชั้น 2 ก็จะเจอกับพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Library Area, Private Meeting Room และ Co-Working Space ทั้งนี้โซนพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ตรงกลางอาคาร และแบ่งโซนพักอาศัยออกเป็น 2 โซน ปีกบนและล่าง ซึ่งหากมองในแง่ความเป็นส่วนตัวของห้องพักในชั้นนี้จะมีน้อยกว่าชั้นอื่นๆ เนื่องจากลูกบ้านและบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงชั้น 2 ได้ จากการขึ้นบันไดเวียนมา แต่หากใครที่ไม่ซีเรียสในเรื่องความเป็นส่วนตัว แต่ต้องการการเข้าถึง Facilities ได้ง่ายชั้นนี้ก็ตอบโจทย์ค่ะ

ในชั้น 2 นี้นอกจากจะมี Library Area, Private Meeting Room และ Co-Working Space แล้วยังสามารถเชื่อมไปยัง Main Facilities ด้านหลังอาคารทั้งสระว่ายน้ำขนาด 15 x 5.5 ม. และ Fitness ซึ่งจะมีห้อง 2 โซนที่หันไปทางทิศเหนือและทิศตะวันตกที่ได้วิวสระว่ายน้ำ จัดเป็นวิวที่น่าสนใจที่สุด

ขึ้นมาที่ชั้น 3-8 หรือชั้น Typical Floor Plan ชั้นนี้มีจำนวนยูนิตสูงสุดอยู่ที่ 34 ยูนิต รูปแบบการวางผังแบบตัว Z ทำให้สามารถแบ่งโซนได้ 3 โซนด้วยกัน คือปีกบน ตรงกลาง และปีกล่าง เราจะวิเคราะห์กันไปทีละโซนนะคะ เริ่มจากโซนปีกบน ข้อดีในแง่ของตำแหน่งโซนนี้คือมีความสงบมากกว่าโซนอื่น เนื่องจากคนในชั้นเดินผ่านน้อย แต่แลกมากับระยะทางที่เดินทางจากห้องไปยังโถงลิฟต์ไกลกว่าโซนอื่นๆ ตำแหน่งห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากที่สุดคือห้องที่ 23 เนื่องจากเป็นห้องมุมอาคาร และยังติดกับบันไดหนีไฟ ทำให้ไม่มีผนังฝั่งไหนติดกับเพื่อนบ้านเลย ส่วนห้องที่ 17, 18 จะด้อยในเรื่องของวิว เนื่องจากหันไปทางผนังของห้องที่ 16

โซนกลางข้อดีคือทิศทางของแดดและลม เป็นทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งเหมาะกับการหันหน้าห้องอยู่แล้ว อย่างทิศเหนือได้เปรียบเรื่องของแดด ที่ไม่โดนแดดยามบ่าย ส่วนทิศได้ได้เปรียบในเรื่องของทิศทางลมพัดผ่าน และการจัดผังนี้ทำให้ห้องส่วนใหญ่ของโซนนี้ได้ Single Loaded Corridor หรือประตูหน้าห้องไม่หันเข้าหาเพื่อนบ้านค่ะ

โซนปีกล่างข้อดีเลยคืออยู่ใกล้โถงลิฟต์มากที่สุด เดินจากหน้าห้องไปลิฟต์ได้สะดวก ห้องที่ 04, 11, 12 และ 13 ได้เปรียบในเรื่องของตำแหน่งห้องที่ประตูทางเข้าห้องไม่มีเพื่อนบ้านตรงข้ามได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้น

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • Lobby

  • Reception Area
  • Waiting Area

  • Stair Hall
  • ชั้น 2
    • Private Meeting Area
    • Co-Working Space
    • Library Area
    • สระว่ายน้ำ
    • Fitness

  • Rooftop
    • Garden

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์ 115.5 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 73 คันคิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    รูปแบบการขายของโครงการมาในรูปแบบ Fully Furnished ซึ่งใช้วัสดุเกรดที่ปรับขึ้นมาจากครั้งก่อน โดยครั้งนี้ใช้วัสดุเทียบเท่าแบรนด์ Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์เลยทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ยังเพิ่ม Technology เข้ามาอีกประกอบด้วย NASKET คืออุปกรณ์สั่งสินค้าต่างๆ จาก Tesco Lotus ได้เลย ทั้งนี้ทางห้างจะนำมาส่งให้ใน Smart Locker ที่ทางโครงการมีติดตั้งไว้ให้ ลูกบ้านสามารถนำโค้ดส่วนตัวที่ทางห้างส่งมาไปรับสินค้าที่ Locker ได้เลย ไม่จำเป็นต้องออกไปจับจ่ายซื้อของที่ห้างให้เสียเวลาอีกต่อไปค่ะ และมี Home Automation ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Application ใน Smart Phone เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น

    Type ของห้องโครงการใช้ Layout เดียวกับ Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ เช่นเดียวกันนะคะ สิ่งที่ต่างไปคือฝ้าเพดานที่มีความสูงมาตรฐานคือ 2.4 ม. เท่านั้นค่ะ

    ห้องตัวอย่างแรกคือห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23.8 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นห้องแบบหน้าแคบลึกมีการจัดวางฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนชัดเจน คือพื้นที่ Service ที่ประกอบด้วยส่วนครัว ห้องน้ำ จากนั้นกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก เข้าไปด้วยในเป็นพื้นที่พักผ่อนแบบไม่กั้นห้องนอนนะคะ เนื่องจากขนาดห้องที่กะทัดรัด การไม่กั้นพื้นที่พักผ่อนแยกระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนจะช่วยให้บรรยากาศภายในกว้างขวางมากขึ้น นอกจากนี้ผังห้องนี้ยังสามารถจัดพื้นที่ทำงานหรือพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัดบริเวณริมหน้าต่างติดระเบียงได้ด้วยค่ะ

    สำหรับประตูทางเข้าห้องทุกห้องจะได้ Digital Door Lock จาก Hafele เป็นมาตรฐาน ซึ่งสามารถเปิดได้หลายวิธีทั้ง Keycard Password และกุญแจ

    เข้ามาภายในห้องเป็นพื้นที่บริเวณครัวก่อนนะคะ โดยฝั่งซ้ายมือของรูปจัดวางให้เป็นตำแหน่งเคาน์เตอร์ครัวและที่วางตู้เย็น ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นทางเข้าห้องน้ำ ตรงไปสุดทางกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเชื่อมเข้าสู่พื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอนด้านในค่ะ

    สำหรับพื้นที่ครัวแบ่งพื้นที่เป็นส่วนเคาน์เตอร์ครัวและตู้เย็น โดยที่ว่างสำหรับวางตู้เย็นนี้สามารถวางตู้เย็นขนาด 7.4 คิวบิกฟุตได้พอดี สำหรับชุดครัวได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    เริ่มต้นที่ชั้นวาง Built-in ด้านบน ออกแบบให้มีชั้นวางด้านขวามือและตู้เก็บของตรงกลาง โดยบานเปิดเป็นบานเปิดแบบ Soft Close ทั้งหมด

    ส่วนเคาน์เตอร์ครัวเริ่มจาก Top ครัวใช้วัสดุเป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งมีความทนทานในการใช้งานได้ดีกว่า Particle ทั่วไปนะคะ ด้านล่างเป็นลิ้นชักไว้สำหรับวางอุปกรณ์ครัวต่างๆ ซึ่งมีออกแบบทั้งชั้นสำหรับวางช้อนส้อมต่างๆ ได้ง่ายเพราะมีการแบ่งย่อยช่องเก็บไว้ให้ด้านในเรียบร้อย มีช่องว่างออกแบบให้เป็นชั้นวาง Microwave ได้กำลังพอดี ตรงกลางของเคาน์เตอร์เป็นช่องว่างสำหรับวางเครื่องซักผ้าขนาด 7-7.5 กิโลกรัม (ห้องตัวอย่างวางขนาด 7.5 กิโลกรัม) และด้านล่างของ Sink มีชั้นวางของได้อีก

    Hob & Hood ได้มามาตรฐานเช่นกัน โดยเตาไฟฟ้ามาแบบ 2 หัว ของ Schott Ceran มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Hafele โดยใช้เป็นระบบหมุนเวียนนะคะ

    Sink ล้างจาน 1 หลุมพร้อมก๊อกน้ำของ Hafele ที่ให้มา มีขนาดพอจะใส่หม้อและจานได้พอสมควร และมีความลึกพอที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามที่เป็นห้องน้ำออกแบบโดยแยกโซนเปียกและโซนแห้งเป็นสัดส่วนด้วยการกั้นพื้นที่ด้วยฉากกั้นกระจกค่ะ สำหรับโซนแห้งนี้ประกอบด้วยโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือ และด้านหลังกรุกระจกเงาเต็มผนัง ด้านบนติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้เรียบร้อย เพื่อช่วยเรื่องการระบายความชื้นได้ดีมากขึ้น เนื่องจากตำแหน่งของห้องน้ำเป็นตำแหน่งที่อยู่ด้านในอาคารจึงไม่ได้หน้าต่าง

    สุขภัณฑ์ทั้งโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือที่มี Built-in ชั้นเก็บของเล็กน้อยด้านล่าง จาก Mogen พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ม้วนทิชชูจาก VRH

    ฉากกั้นกระจก Tempered ลักษณะเป็นบานเปิดใช้งานได้สะดวก

    ด้านล่างก่อธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดกำลังพอดีๆ ในการอาบน้ำ ประมาณ 1 x 0.8 ม.

    หน้าตาฝักบัวที่โครงการให้ของ VRH  ขนาดหัวฝักบัวให้มามาตรฐานค่ะ

    ประตูบานเลื่อนนี้ให้มาเต็มบาน เลื่อนแบบ 2 ตอน ความสูงของประตูสูงเท่าความสูงฝ้าที่อยู่ที่ 2.4 ม.

    เข้ามาภายในโซนพักผ่อนกันแล้ว โดยจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด เริ่มจากพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่เตียงนอน และระเบียง ลักษณะจะเหมือนกับห้อง Studio ค่ะ บริเวณนี้พื้นปูด้วยลามิเนตนะคะ

    พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดสำหรับวางโซฟา 2 ที่นั่งกำลังพอดี พร้อมโต๊ะกลาง โดยไม่ขวางทางเดินนะคะ ซึ่งชุดเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดทางโครงการจะให้เป็นมาตรฐานค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางทีวีและโต๊ะเครื่องแป้งซึ่งเป็นชุด Built-in เดียวกันทั้งหมด

    ทางโครงการ Built-in ชุดนี้ให้เป็นมาตรฐานนะคะ โดยด้านล่างมีลิ้นชักไว้เก็บของได้พอสมควรทีเดียว

    ตู้เสื้อผ้าที่ได้ก็เป็นเฟอร์นิเจอร์ Built-in สูงจากพื้นถึงฝ้า หน้าบานออกแบบให้เป็นบานเลื่อนเพื่อไม่ขวางทางเดิน มีกรุกระจกเงาให้แต่งตัวได้ง่ายมากขึ้น ภายในแบ่งการใช้งานเป็นทั้งลิ้นชัก ราวแขวนเสื้อและชั้นบนที่เป็นชั้นเก็บของให้

    ส่วนด้านข้างตู้เสื้อผ้ามีจัดชั้นให้ด้วยเพื่อที่จะใช้วางของจุกจิก อย่าง เครื่องสำอางค์ ได้ดี เพราะสามารถจัดพื้นที่โต๊ะด้านข้างเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วยค่ะ

    ถัดมาที่บริเวณพื้นที่เตียงนอน จะได้เตียงขนาด 5 ฟุตกำลังพอดี โดยรอบพอมีพื้นที่ด้านข้างให้เดินได้ง่ายอยู่นะคะ

    สุดทางประกอบด้วยพื้นที่อเนกประสงค์ริมระเบียง และระเบียงภายนอก

    สำหรับพื้นที่อเนกประสงค์นี้จะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์มาให้นะคะ แต่เว้นไว้ให้ลูกบ้านสามารถจัดพื้นที่ได้เอง เช่น พื้นที่นั่งอ่านหนังสือด้วยชุดโซฟานั่งเล่นขนาดกะทัดรัดตามห้องตัวอย่าง หรือจะเป็นพื้นที่ทำงานริมหน้าต่างก็ได้เช่นกัน

    สำหรับขนาดระเบียงถือว่าให้มาไม่เล็กไป เมื่อเทียบกับขนาดห้องทั้งหมด โดยมีขนาดประมาณ 1 x 0.45 ม. เป็นขนาดพื้นสามารถตากเสื้อผ้าได้ระดับนึงค่ะ

    ด้านบนแขวนคอมเพรสเซอร์หันลมร้อนออกไปด้านนอก พร้อมมีระแนงเหล็กบังสายตาได้ดี

    ถัดมาที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. ห้องนี้มีขนาดใหญ่มากขึ้นจึงได้พื้นที่ Common Area กว้างขวางมากขึ้น มีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารชัดเจน เป็นสัดส่วนและมีพื้นที่ทำงานที่ Built-in ให้มาเพิ่มอีกด้วย ห้องครัวอยู่ติดภายนอกอาคารเหมาะกับการทำอาหารได้ดี ทั้งเรื่องของการระบายอากาศและความชื้น ห้องนอนกั้นเป็นสัดส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องที่ผ่านมา เหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในมากขึ้นและมีฟังก์ชันที่จัดเป็นสัดส่วนชัดเจน ด้วยงบประมาณที่ต่างกันประมาณ 5-6 แสนบาท

    เข้ามาจากหน้าประตูจะเจอพื้นที่นั่งเล่น ถ้ามองผ่านส่วน Living เข้าไปด้านในจะเป็นประตูกั้นพื้นที่ห้องนอน ที่สามารถมองผ่านไปจนถึงหน้าต่างด้านในห้องนอนได้เลย พื้นห้องได้เป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ส่วนผนังจะได้แบบฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ

    รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished คือให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่เห็นภายในห้องตัวอย่าง แต่ก็จะมีบางชิ้นเล็กๆน้อยๆที่เป็นชิ้นตกแต่ง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆไป พร้อมทั้งยังมีแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น หรือไมโครเวฟนะคะ

    ระยะดูทีวีในห้องนั่งเล่นอยู่ที่ประมาณราวๆ 2 เมตรนิดๆ มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 46 นิ้ว

    มาดูชั้นวางทีวีกัน จะได้ทั้งตู้ด้านล่างและตู้ลอยแบบนี้เลย เป็นลายไม้เก็บขอบด้วยสีชมพูทอง ภายในจะแบ่งเป็นช่องใส่ของไว้หลายช่อง แต่จะมีบานเลื่อนเปิดปิดให้ฝั่งเดียว ก็แล้วแต่เจ้าของห้องว่าจะเลือกปิดฝั่งไหน หรือฝั่งไหนจะเป็นตู้โชว์ มีแอบบอกนิดนึงว่า ทางโครงการตั้งใจทำตู้ล่างที่ติดกับประตูมาให้เป็นชั้นเก็บรองเท้านะคะ ก็จะลงตัวดีถ้าเลื่อนบานตู้ไปปิดฝั่งรองเท้าไว้ค่ะ ส่วนตรงกลางจะเว้นพื้นที่ไว้ให้ติดทีวีแบบแขวนได้

    ห้องนั่งเล่นจัดวางโซฟาตัวยาวแบบ 2-3 ที่นั่งและชั้นดูทีวีไว้ ในห้องนี้จะได้เฉพาะโซฟาตัวยาว ซึ่งแบบอาจจะไม่เหมือนห้องตัวอย่างเป๊ะๆ แต่ก็เป็นแบบ 2-3 ที่นั่งเหมือนกัน และจะได้ชั้นวางทีวีเหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    ผ่านห้องนั่งเล่นเข้ามาด้านใน มีประตูบานเลื่อนสองบานเป็นประตูห้องนอนและห้องครัว สังเกตุกรอบประตูห้องนอนจะได้สูงเท่าฝ้าเพดานทำให้ห้องดูกว้างขวางดีเพราะเห็นทะลุกันได้หมด ส่วนวัสดุเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ สำหรับประตูทางเข้าห้องนอนเป็นบานเลื่อนเป็นแบบ 3 ตอน มีข้อดีที่ทำให้สามารถเปิดประตูห้องได้กว้างกว่าประตูแบบ 2 ตอน จึงสามารถเดินผ่านเข้าออกได้สะดวก

    ในห้องนอนมีพื้นที่พอสมควรให้วางเตียงขนาดใหญ่พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ได้

    สำหรับตู้เสื้อผ้าทางโครงการจะ Built-in ไว้ให้ สูงถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้สามารถใช้พื้นที่ของห้องได้เต็มความสูง ตัวตู้เป็นแบบบานเลื่อนฝั่งหนึ่งเป็นบานกระจก ให้สามารถส่องได้แบบเต็มตัว อีกบานหนึ่งเป็นบานทึบทำให้ตู้เสื้อผ้าดูเรียบร้อย ภายในตู้จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อ และชั้นเก็บของทางด้านขวา ด้านบนแบ่งเป็นชั้นวางของไว้เก็บพวกเครื่องนอนหรือกระเป๋าเดินทาง ที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยๆ

    ภายในห้องจัดวางเตียงขนาดใหญ่ไว้ด้านใน มีพื้นที่ปลายเตียงเหลือเล็กน้อยจึงวางชั้นวางทีวีไม่ได้ แนะนำให้ติดทีวีแบบแขวนผนังแทนนะคะ ซึ่งทางโครงการจะเดินปลั๊กและสวิตซ์ไฟไว้ให้เรียบร้อย และในห้องมีนอนจะมีช่องแสงเป็นบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง จึงมีช่องให้เปิดรับลมและระบายอากาศได้บ้าง

    ออกจากห้องนอนมาดูที่บริเวณหน้าห้องครัวกันต่อ ทางโครงการจัดส่วนนี้ไว้เป็นโต๊ะทำงานแบบ Built-in หรือใครจะใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ลงตัวดีค่ะ โดยพื้นที่นี้จะได้โต๊ะ, ชั้นวางของมาพร้อมตู้ลอยแบบนี้เลยนะคะ ที่จะไม่ได้คือเก้าอี้สตูลอย่างเดียว ดึงลิ้นชักและเปิดตู้ออกมาให้ดูจะเห็นว่ามีพื้นที่เก็บของเยอะทีเดียว

    ต่อไปจะพาไปดูห้องน้ำที่อยู่ทางขวามือของโต๊ะทำงานนะคะ บานประตูที่ห้องตัวอย่างไม่ได้ใส่เข้ามาด้วยเป็นแบบบาน HDF เช่นเดียวกับประตูหน้าห้อง พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก แยกพื้นที่ออกเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้งด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยและขอบธรณี ภายในติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้เรียบร้อย ส่วนหนึ่งที่ชอบคือกระจกได้บานใหญ่แบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    อ่างล้างหน้ามีขนาดให้พอสมควร ด้านล่างเปิดช่องโล่งให้เก็บของได้เล็กน้อย  สุขภัณฑ์สีขาวสะอาดตาจาก Mogen พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ม้วนทิชชูจาก VRH

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้าง 0.8 x 1.1 เมตร ซึ่งถูกกั้นด้วยกระจกนิรภัย มือจับมีติด Stopper ไว้ด้านหลัง เพื่อกันไม่ให้กระจกชนกับผนังด้านในค่ะ สำหรับฝักบัวที่โครงการให้ของ VRH ด้านข้างมีที่วางสบู่

    มาต่อกันที่ห้องครัวทางฝั่งซ้ายของโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นประตูเลื่อนแบบ 2 ตอน ทำให้เปิดได้ไม่กว้างนักประมาณ 0.7 ม. ถ้าเวลาที่ถือจาน หรือถือหม้อออกมาจากห้องครัว อาจจะต้องเอียงตัวหน่อยนะคะ

    ภายในห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์ทางขวามาเหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ แต่จะไม่ได้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟค่ะ ในส่วนพื้นทางเดินภายในห้องครัว มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 70 ซม. ปูพื้นด้วยลามิเนตต่อเชื่อมมาจากห้องนั่งเล่น ถ้าเวลาทำครัวแล้วเกิดน้ำมันกระเด็น หรือมีคราบสกปรกจะทำความสะอาดยากกว่าปูด้วยกระเบื้องนะคะ ดังนั้นจึงต้องระวังด้วยค่ะ

    เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนส้อม จานชาม และมีช่องเว้นไว้สำหรับวางไมโครเวฟด้วย ตรงกลางเคาน์เตอร์เว้นช่องไว้สำหรับใส่เครื่องซักผ้า โดยห้องตัวอย่างใส่เครื่องซักผ้าไว้ขนาด 8 กิโลกรัม

    ลองเปิดเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างให้ดูระยะว่าเปิดลิ้นชัก หรือประตูตู้มาแล้ว ยังจะเหลือพื้นที่นิดหน่อยให้ก้มลงไปหยิบของได้ ซึ่งบานพับตู้เป็นแบบ Soft Close นะคะ

    มาดูพื้นที่บนเคาน์เตอร์ครัวกันต่อ มีพื้นที่พอสมควรเลยทีเดียว คือมีทั้งส่วนปรุงอาหาร ส่วนเตรียมอาหาร และส่วนซิงค์ล้างจาน ส่วน Backsplash ด้านหลังจะไม่ได้ให้มานะคะ คงจะต้องติดเพิ่มกันเองเพื่อป้องกันผนังเลอะนะคะ

    โครงการให้เตาไฟฟ้ามาแบบ 2 หัว ของ Schott Ceran มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Haffele ซึ่งจะได้มาเป็นระบบหมุนเวียนนะคะ

    ซิงค์ล้างจาน 1 หลุมพร้อมก๊อกน้ำของ Haffele ที่ให้มา มีขนาดพอจะใส่หม้อและจานได้พอสมควร และมีความลึกพอที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

    ถัดไปจากเคาน์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งสามารถใส่ตู้เย็นที่มีขนาด 7.4 คิวได้ ถ้าจะซื้อตู้เย็นมาใส่ก็ต้องดูขนาดให้พอดีนะคะ

    เคาน์เตอร์ลอยด้านบนเป็นตู้แบบมีบานปิดและช่องโล่ง ส่วนตัวชอบตรงที่มีติดไฟใต้ชั้นวางของมาให้ด้วย ซึ่งหาได้ยากในโครงการที่ราคาต่อตารางเมตรประมาณนี้นะคะ

    ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน สำหรับออกไปยังระเบียง โดยขอบประตูจะก่อปูนขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อกั้นน้ำเข้ามาภายในห้อง

    ระเบียงมีขนาด 0.9 x 1.3 เมตร ให้พอวางราวตากเสื้อผ้า พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกแบบด้านจึงช่วยกันลื่นได้ระดับนึง

    ด้านข้างเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 ตัว แบบเป่าลมร้อนแบบหันเข้าพื้นที่ระเบียงแทนที่จะเป่าออกด้านนอกเหมือนห้องที่ผ่านมานะคะ ทั้งนี้หากทางโครงการไม่ได้ติดตั้งกริลล์เบี่ยงลมร้อนมาให้ แนะนำว่าให้ลูกบ้านติดตั้งเองเพิ่มเติมนะคะ จะช่วยให้บริเวณระเบียงไม่ร้อน โดยเฉพาะช่วงที่เราต้องใช้งานส่วนระเบียงค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @  7 September 2018

    • 1 Bedroom 22.7 – 23.8 ตร.ม. ราคา 1.79 – 2.1 ล้านบาท
    • 1 Bedroom 28.4 –  31 ตร.ม. ราคา 2.3 – 2.7 ล้านบาท
    • 1 Bedroom Plus 35.4 – 35.8 ตร.ม. ราคา 2.9 – 3 ล้านบาท
    • 1 Bedroom Plus 40.5 ตร.ม. ราคา 3.43 – 3.53 ล้านบาท
    • 2 Bedroom 48.2 ตร.ม. ราคา 3.82 – 3.94 ล้านบาท

     

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง n/a บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน
    • Promotion ช่วง Pre-Sale

    • ผ่อน 1,000 บาท/เดือน ทั้งหมด 15 งวด
    • รับ Samsung Galaxy Note 9

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Kensington พหลโยธิน 63 เป็นคอนโดตอบโจทย์คนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในทำเลติดพหลโยธิน โซนหลักสี่-สะพานใหม่ เดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่ายด้วยรถไฟฟ้าในระยะเดิน พร้อมกับงบประมาณที่อยู่ในงบล้านปลายๆ ก็สามารถหยิบจับได้

    ทำเล

    ทำเลของโครงการอยู่ในซอยพหลโยธิน 63 ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 180 เมตร ภายในซอยไม่มีความอุดมสมบูรณ์ หากจะกินข้าวหรือซื้อของใช้ก็ต้องเดินมาที่ถนนใหญ่จะสะดวกกว่า แต่ก็มีข้อดีกว่าโครงการที่ติดถนนใหญ่อยู่บ้างคือเงียบสงบ สภาพแวดล้อมภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ตัวซอยพหลโยธิน 63 เองเป็นซอยตันจึงไม่มีรถวิ่งผ่านวุ่นวายและได้อานิสงค์เรื่องวิวตรงที่ไม่มีตึกสูงมาบังในระยะประชิด

    การเดินทางโดยใช้รถ

    หลักๆเดินทางโดยใช้ถนนพหลโยธิน วิ่งออกเมืองไปทางสะพานใหม่ได้สะดวก หรือกลับรถที่หน้าซอยสายหยุดก็ไม่ไกลเพื่อวิ่งเข้าเมืองไปทางหลักสี่-รัชโยธินได้ง่าย ทั้งนี้ด้วยความที่ใกล้กับแยกรามอินทราซึ่งเชื่อมกับถนนอีก 2 สายหลักทั้งรามอินทราและแจ้งวัฒนะ จึงได้เปรียบในการวิ่งได้หลากหลายทาง รวมไปถึงอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์อีกด้วย แต่หากเน้นใช้รถยนต์ส่วนตัวต้องกลับมาคำนึงถึงที่จอดรถโครงการด้วยนะคะ เนื่องจากรวมซ้อนคันแล้วอยู่ที่ 30% ซึ่งถือว่าให้มาไม่มาก

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ

    ถือว่าสะดวกเพราะอยู่ลึกจากถนนใหญ่พหลโยธินเพียง 180 ม.เดินมาหน้าปากซอยก็มีวินมอเตอร์ไซค์ และรถสาธารณะอื่นๆ ผ่านอยู่แล้ว หรือในอนาคตเดินไปใช้รถไฟฟ้าก็สะดวกด้วยระยะเดินประมาณ 350 ม. โดยรวมบรรยากาศของฟุตบาทก็เดินได้ง่าย และไม่เปลี่ยวค่ะ และถัดจากสถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ไปเพียงอีกสถานีเดียวก็จะเป็นสถานีที่ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่วิ่งไปทางแจ้งวัฒนะ และรามอินทรา ช่วยให้สะดวกในการเดินทางมากขึ้น

    วัสดุ

    วัสดุโครงการถือว่าให้มาดีเมื่อเทียบกับราคา โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in และลอยตัวเกรดเดียวกับ Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งมีราคาขายที่สูงกว่าแต่ได้เฟอร์นิเจอร์เดียวกัน ต่างที่เพียงฝ้าเพดานที่มีความสูงมาตรฐาน 2.4 ม. นอกจากนี้ยังเพิ่ม Technology ต่างๆ มาให้เพิ่มความสะดวกสบายอย่าง Nasket, Smart Locker และ Home Automation ที่ก่อนหน้าไม่ได้ให้มา

    การออกแบบ

    การออกแบบอาคารมีการปรับเปลี่ยนจากเดิม โดยเปลี่ยนเป็นรูปตัว Z ทำให้หลายห้องไม่ได้วิวสระว่ายน้ำเท่ากับแบบก่อนหน้าที่เป็นรูปตัว L โอบล้อม ซึ่งจัดเป็นวิวที่ดีที่สุดในโครงการ แต่แลกมากับบรรยากาศ Facilities ที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนจำนวนยูนิตยังคงเท่าเดิม 231 ยูนิต เทียบเรื่องความหนาแน่นต่างๆ ถือว่าพอประมาณ ไม่สูงและไม่น้อยไป

    ห้องพักอาศัยเน้นขนาดกะทัดรัด อย่างห้อง 1 Bedroom ขนาด 23.8 ตร.ม. ถือเป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่มาก แต่สามารถจัดพื้นที่ได้เป็นสัดส่วนระดับนึง โดยส่วนครัวยังสามารถจัดเป็นครัวปิดได้ ให้เหมาะกับการทำอาหารมากขึ้น มีพื้นที่นั่งเล่น เตียงนอนและพื้นที่ทำงาน แต่ยังขาดพื้นที่รับประทานอาหารที่ชัดเจน ห้องนี้อยู่คนเดียวจะเหมาะสมสุดค่ะ

    อีกห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น จึงได้พื้นที่ส่วน Common Area ที่มากขึ้น มีพื้นที่รับประทานอาหารเป็นสัดส่วน และตำแหน่งครัวที่อยู่ภายนอกอาคารจึงเหมาะกับการทำอาหารมากขึ้น ห้องนอนเป็นสัดส่วนมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นเป็นส่วนตัว

    สาธารณูปโภค

    สาธารณูปโภคของโครงการให้มาครบครันและมี Facilities เพิ่มเติมอย่าง Library Area, Private Meeting Room และ Co-Working Space มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบพื้นที่ทำงานในโครงการ มีห้องประชุมพร้อมสำหรับการทำงานที่บ้าน เช่น ธุรกิจออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น  

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคา AVG 85,000 บาท/ตร.ม.,7 September 2018

    • ทำเล 7.5/10 – ทำเลเข้ามาในซอย 180 เมตร เงียบสงบไม่พลุกพล่าน แต่บรรยากาศบนถนนใหญ่คึกคักไม่เปลี่ยว
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 -เดินทางได้สะดวกด้วยถนนพหลโยธิน เข้า-ออกเมืองได้หลากหลาย หักที่จอดรถให้มาไม่มาก
    • ไม่ใช้รถ

    • 7.5/10  ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า – มีรถสาธารณะอื่นๆ รองรับ
    • 8/10 อนาคตเมื่อมีรถไฟฟ้า – มีการเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวกมากขึ้นและใกล้สถานี Interchange

  • วัสดุ 8/10 – Fully furnished เกรด Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์
  • แบบ 7.5/10 – มาตรฐาน เป็นสัดส่วนดี
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาครบ และมี Facilities พิเศษเพิ่มขึ้น ใช้ได้เพียงพอ
    • ECONOMY-MAIN CLASS
    • 7.63 / 10.00 คะแนน ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
    • 7.70 / 10.00 คะแนน เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ

     

    BOTTOM LINE

    Kensington พหลโยธิน 63 เหมาะกับคนที่ทำงานโซนหลักสี่ พหลโยธิน สะพานใหม่ที่ต้องการคอนโดราคาหยิบจับไม่ยาก เริ่มต้นหลักล้านปลาย ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้ สามารถตรงเข้าเมืองได้ง่าย มี Facilities และตกแต่งแบบ Fully Furnished มาครบไม่ต้องเผื่อเงินไว้ตกแต่ง ในงบประมาณระดับ 1.79-3.94 ล้าน