รีวิวฉบับที่ 1009 สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ Moniiq สุขุมวิท 64 (ซอยพงษ์อนุสรณ์ 1) ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิด Presale ไปเมื่อวันที่ 6-7 ก.พ. ที่ผ่านมา ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 ห่างจาก BTS ปุณณวิถี ประมาณ 1 กม. และห่างจากทางขึ้นทางด่วน ประมาณ 1.5 กม. จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง ซันเคียว โฮม การออกแบบมาในสไตล์ที่เรียบง่ายแต่ใส่ใจในรายละเอียดของการอยู่อาศัย โครงการจะเป็นอย่างไร ไปเจาะลึกกันเลยค่ะ ^^
Fact @ 09 Feb 2016
- Moniiq Sukhumvit 64 (โมนีค สุขุมวิท 64)
- บริษัท ซันเคียว โฮม (ไทยแลนด์) จำกัด
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่บริเวณซอย สุขุมวิท 64 แยก 4
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ห้องพัก 366 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 27 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 149 คันคิดเป็น 40 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน, จอดซ้อนคัน 40 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50 %
- ที่ดินประมาณ 3-1-89.1 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : กุมภาพันธ์ 2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : สิงหาคม 2560
- 1 Bedroom ขนาด 28 – 32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 39 – 51 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.8 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.0 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 79,500 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 75,000 – 82,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 094-567-3366
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.689093, 100.602581
ที่ตั้งของโครงการ Moniiq สุขุมวิท 64 อยู่ในซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 (ซอยพงษ์เวชอนุสรณ์) ตัวโครงการอยู่ท้ายซอยก่อนถึงทางพิเศษเฉลิมมหานครโดยทางขึ้นทางด่วนมีระยะห่างจากโครงการ 1.5 กม. ส่วนหน้าปากซอยสุขุมวิท 64 เป็นที่ตั้งของสถานี BTS ปุณณวิถีซึ่งมีระยะห่างจากโครงการ 1 กม. ซอยนี้เป็นซอยที่เริ่มคึกคักแล้วนะคะ มีคอนโดมาขึ้นกันหลายตึกแต่ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการค่อนข้างน้อย ต้องอาศัย 7-11 และ ร้านค้า ร้านอาหารบริเวณปากซอย ถ้าออกมาถนนใหญ่สุขุมวิทมีศูนย์การค้า อย่าง Gateway เอกมัย Hypermarket อย่าง Tesco Lotus รวมไปถึงโรงพยาบาลและโรงเรียนที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กม.ด้วยค่ะ
ทำเลของโครงการ Moniiq ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 (ซอยพงษ์เวชอนุสรณ์) ซึ่งซอยนี้เป็นทางลัดระหว่างถนนสุขุมวิทช่วงซอยสุขุมวิท 64 กับทางไปขึ้นทางด่วนซึ่งอยู่ท้ายซอยสุขุมวิท 62 เส้นทางลัดนี้เป็นที่นิยมในช่วงเวลาเร่งด่วน เนื่องจากถนนสุขุมวิทเป็นถนนที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นสม่ำเสมอเพราะเป็นถนนเส้นหลักเส้นหนึ่งของกรุงเทพมหนครซึ่งมีอาคารสำคัญทั้งอาคารศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม รวมถึงวัดสำคัญๆ ตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้จำนวนมาก แต่ถ้าใครไม่อยากเจอรถติด ก็ได้มีตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าค่ะ โครงการนี้จึงมีทางเลือกในการเดินทางทั้งแบบใช้รถยนต์และแบบไม่ใช้รถยนต์ที่สะดวกพอใช้ได้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถเดินทางได้ด้วยรถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถีค่ะ ซึ่งสถานีกับตัวโครงการมีระยะห่าง 1 กม. จึงไม่ได้อยู่ในระยะที่น่าจะเดินไหวนะคะ ต้องใช้ตัวช่วยอย่างพี่วินมอเตอร์ไซค์ หรือรถ Shuttle Bus ของโครงการค่ะ อีกทั้งหน้าซอยสุขุมวิท 64 มีรถเมล์ที่วิ่งผ่านหน้าซอย คือ รถเมล์สาย 545 วิ่งระหว่างนนทบุรี-สำโรง, สาย 511 ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ และสาย 23 อู่เมกา-เทเวศร์ ที่ร่วมให้บริการด้วย
การเดินทางโดยใช้รถยนต์สวนตัวสามารถเดินทางได้โดยผ่านถนนสุขุมวิท ถ้าต้องการเข้าเมืองไปยังถนนอโศกมนตรี สามารถออกปากซอยเลี้ยวซ้ายเข้าสู่เส้นสุขุมวิทแล้ววิ่งตรงไปได้เลย ส่วนถ้าจะออกนอกเมืองเพื่อมุ่งหน้าสู่ถนนบางนา สมุทรปราการ ก็ทำได้ไม่ยากโดยไปกลับรถบนเส้นสุขุมวิทซึ่งมีระยะห่างจากปากซอยสุขุมวิท 64 ประมาณ 200 ม. หรือถ้าต้องการเดินทางไปแหล่งงานย่านสาทร สีลม พระราม 4 ก็สามารถใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยทะลุจากถนนพงษ์เวชอนุสรณ์ออกไปทางด้านหลังซอย เส้นนี้จะเชื่อมไปทางไปขึ้นทางด่วนที่ซอยสุขุมวิท 62 ค่ะแต่อย่าลืมเผื่อเวลารถติดในการเดินทางนะคะ
เนื่องจากถนนหน้าโครงการเป็นทางลัดไปขึ้นทางด่วน จึงอธิบายเส้นทางด่วนให้สักนิดค่ะ ทางด่วนด้านหลังโครงการเป็นทางด่วนเส้นเฉลิมมหานคร ซึ่งทางด่วนนี้สามารถเข้าเมืองไปได้ 2 เส้นทางได้แก่ เส้นทางทิศตะวันตก เพื่อไปย่านพระราม 3 พระราม 4 สีลม สาทร และอีกเส้นทางหนึ่งคือทางทิศเหนือ เพื่อไปย่านรามอินทรา ลาดพร้าว เกษตรนวมินทร์ ส่วนการจราจรบนทางด่วนเส้นนี้จะติดขัดมากในช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้าและเย็นนะคะ เพราะเป็นทางด่วนเส้นเดียวที่เชื่อมแหล่งงานในเมืองกับย่านที่อยู่อาศัยบริเวณชานเมืองฝั่งตะวันออกเอาไว้ค่ะ การเข้าถึงโครงการโดยทางด่วนให้ลงทางด่วนสุขุมวิท 62 แล้วเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 62 แยก 1 ตรงมาเรื่อยๆก็ถึงโครงการแล้วค่ะ ไม่ต้องไปผ่านเส้นสุขุมวิทหน้าเลยนะคะ
เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 ซึ่งแยก 4 นี้เป็นแยกที่ค่อนข้างเงียบสงบ โดยรอบยังคงเป็นบ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ จึงเป็นซอยที่มีความคึกคักสู้ซอยหลักอย่างซอยสุขุมวิท 64 ไม่ได้ เพราะแยกนี้เพิ่งเริ่มมีอาคารใหม่ๆที่กำลังก่อสร้าง ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพักอาศัยไม่เกิน 8 ชั้น ซึ่งต่างจากซอยหลักที่มีโครงการมาก่อสร้างตั้งแต่ 2 ปีก่อนทำให้หลายๆโครงการสร้างเสร็จและโอนกันแล้ว ความอุดมสมบูรณ์ในซอยแยกนี้จึงค่อนข้างน้อยต้องพึ่งพา 7-11 ร้านค้า ร้านอาหารในซอยเป็นหลัก แม้ว่าพื้นที่ในซอยค่อนข้างเงียบแต่เมื่อออกจากซอยมายังถนนสุขุมวิทจะพบร้านค้า อาคารตึกแถว อาคารพาณิชย์ตามเส้นทางรถไฟฟ้า รวมถึงอีกถนนหนึ่งซึ่งเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทก็มีความเจริญไม่แพ้กัน คือ ถนนบางนา-ตราด เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าเล็กใหญ่ โรงพยาบาล มีโรงเรียนอยู่รอบๆในบริเวณ แต่ไม่ได้อยู่ในระยะเดิน ต้องนั่งรถยนต์ไปนะคะ
เพื่อนบ้านใกล้เคียงในซอยนี้จะเริ่มกันที่ซอยหลักสุขุมวิท 64 กันก่อนนะคะ จะพูดถึงภาพรวมของซอยกันก่อน แล้วค่อยเข้าไปดูในแยก 4 (ซอยพงษ์เวชอนุสรณ์)กันต่อ ภายในซอยสุขุมวิท 64 ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ที่พบ ล้วนแต่เป็นโครงการ Low Rise สูงประมาณ 8 ชั้น มีทั้งโครงการคอนโด เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ โครงการส่วนใหญ่จะขายไปเกือบหมด และโอนกันไปแล้ว ได้แก่ Olive Service Apartment, Sari condo ของแสนสิริ, The Link VANO ของธารารมณ์ที่ขายไปเยอะแล้ว ถัดมาช่วงกลางๆซอยเป็นโครงการ The Link condo ซึ่งตัวนี้ขายหมดไปนานแล้ว ค่อนไปทางท้ายซอยจะมีโครงการ The Room ที่ขายหมดแล้วเช่นกัน ส่วนโครงการที่อยู่สุดซอยก็เป็น Elio Del Ray ของ Ananda ท้ายซอยนี้ยังมีปั๊ม ปตท. ซึ่งมีของกินอย่างพวกร้านอาหาร ร้านกาแฟ เช่น S&P, Chester Grill, Amezon เป็นที่พึ่งพายามหิวได้ค่ะ
ส่วนเพื่อนบ้านในซอยพงษ์เวชอนุสรณ์ ที่แยก 4 มีโครงการพี่น้องอย่าง Whizdom the Exclusive และ Whizdom ปุณณวิถี ของ Magnoliaที่ขายไปได้เกือบหมดแล้วนะคะ เมื่อเลี้ยวซ้ายลึกเข้าไปอีกจะเป็นบ้านเดี่ยวซะส่วนใหญ่ ทำให้ซอยนี้ค่อนข้างสงบค่ะ ส่วนโครงการท้ายสุดซอยตรงข้ามกับโครงการ Moniiq คือโครงการรุ่นพี่อย่างคอนโด รีเจ้นท์ โฮม 9 ของบริษัท รีเจ้นท์ ซึ่งเริ่มขายมือ 2 กันแล้วค่ะ
การเดินทางมาโครงการในวันนี้จะเริ่มต้นที่สถานี BTS ปุณณวิถี ใช้ทางออก 4 เดี๋ยวจะพาไปเดินเล่นดูสภาพแวดล้อมในซอยนี้กัน โดยระยะทางจากสถานี BTS ถึงโครงการประมาณ 1 กม. พร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ
ลงสถานีปุณณวิถีนะคะ ซึ่งสถานีปุณณุวิถีเป็นสถานีที่ไม่ได้มีบริเวณโดยรอบคึกคักอย่างสถานีอุดมสุขที่มีตลาดและชุมชนอยู่กันอย่างหนาแน่น แต่เป็นแหล่งที่พักอาศัยที่สร้างขึ้นใหม่ จึงจะพบคอนโดมิเนียมใหม่ๆจำนวนมากที่บริเวณรอบๆสถานีนี้
ออกทางออก 4 ฝั่งขวามือจะเป็นฝั่งซอยเลขคู่นะคะ
เดินออกมาจากทางออก 4 แล้วมองมาทางขวามือก็จะพบซอยสุขุมวิท 64 อยู่ติดทางลง BTS เลยค่ะ ซอยนี้มีจุดสังเกตง่ายๆนะคะคือหน้าปากซอยจะมี Anglo Singapore International School ค่ะ
มาดูถนนสุขุมวิทกัน เวลาเที่ยงรถก็ยังคงเยอะอยู่นะคะแต่ก็ยังพอไหลไปได้เรื่อยๆ เส้นนี้เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมอโศกมนตรีกับบางนา-ตราดไว้ค่ะ หากต้องการไป Sale Office ให้ออก BTS ทางออก 2 นะคะ ถัดจากคอนโด The Room ไปก็จะเห็น Sale Office แล้วค่ะ
ลงมาจากสถานีปุณณวิถีนะคะ ร้านค้าใต้สถานีฝั่งนี้ไม่ค่อยมีร้านเปิดเลยนะคะ เงียบๆนิดนึง หากเป็นฝั่งตรงข้ามพอจะมีร้านค้าให้คึกคักอยู่บ้างนะคะ
เดินลงมาแล้วจะเห็นป้ายซอยสุขุมวิท 64 และป้ายซอยบางจากเนื่องจากเป็นทางเข้าไปยังโรงกลั่นน้ำมันบางจากเช่นกัน เลี้ยวขวาเข้าไปกันเลยค่ะ
หน้าปากซอยจะมีพี่วินอยู่ทางซ้ายมือติดรั้ว Anglo Singapore International School ส่วนขวามือจะเป็นร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านขายยา ร้านอาหาร เป็นจุดที่สามารถแวะซื้อของใช้ของกินก่อนเข้าไปในโครงการได้นะคะ
อัตราค่าโดยสารพี่วินค่ะ ถ้าเรียกเข้าไปโครงการ Moniiq ก็คงจะเป็นราคาเดียวกับรีเจ้นท์โฮม9 ที่ราคา 12 บาท เพราะโครงการอยู่ตรงข้ามกันค่ะ
ซอยนี้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore ทำให้แถวนี้มีเด็กนักเรียนและพ่อแม่ชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ ในช่วงต้นซอยจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านตัดผม อยู่ใกล้ๆบริเวณโรงเรียนนี้แหละค่ะ
ถัดเข้ามาหน่อยมีที่ดินว่างเปล่าเป็นพื้นที่ของโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore ซึ่งมีแผนจะขยายโรงเรียนในอนาคตด้วยค่ะ ในอนาคตซอยนี้จึงน่าจะเป็นซอยที่คึกคักมากนะคะ
ถัดจากโรงเรียนนานาชาติมาจะพบรั้วโรงเรียนสีชมพูเป็นรั้วโรงเรียนพิพัฒนาซึ่งเป็นโรงเรียนประถมค่ะ ดังนั้นช่วงเวลาเช้าเย็นคงจะมีผู้ปกครองมารับ-ส่งนักเรียนจำนวนมาก ก็จะทำให้การจราจรหนาแน่นในช่วงโรงเรียนเข้าและโรงเรียนเลิกได้เหมือนกันค่ะ
ถัดจากโรงเรียนพิพัฒนาเข้ามาจะเจอ 7-11 ที่หัวมุมถนนด้านขวา อยู่ห่างจากปากซอย 200 เมตร และจากเซเว่นไปโครงการห่าง 800 เมตร ซึ่งเป็นจุดสังเกตว่าเป็นทางแยกเข้าซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 หากเลี้ยวขวาเข้าไปในซอยนี้จะไปยังที่ตั้งโครงการ Moniiq แต่เราจะยังไม่เลี้ยวเข้าไปนะคะ จะพาตรงไปดูบรรยากาศในซอยหลักให้สุดก่อนนะคะ ซึ่งทางที่จะตรงไปนี้เป็นทางที่สามารถไปเชื่อมต่อซอยสุขุมวิท 66/1 และทะลุไปยังสถานี BTS อุดมสุขได้ค่ะ
ฝั่งตรงข้าม 7-11 ซ้ายมือจะเป็นสตูดิโอของ Hafele ไม่ได้เป็นโรงงานนะคะ
ตรงเข้ามาอีกหน่อยเป็นโครงการ SARI คอนโด 8 ชั้นจากแสนสิริค่ะ
ติดกับโครงการ SARI เป็นอาคารสำนักงาน 6 ชั้น ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นบริษัทอะไรนะคะ อาคารใกล้จะเสร็จแล้วก็รอดูกันต่อไปค่ะ
ถัดมาทั้ง 2 ฝั่งจะเป็นคอนโด 8 ชั้นที่ขนาบถนนไว้นะคะ ซ้ายมือเป็น The Link VANO ที่ยังคงติด Sky Tube สีชมพูโบกสไวอยู่ ให้รู้ว่ายังมีห้องเหลืออยู่นะจ๊ะ ส่วนขวามือคือMayfair Place จาก PTF Realtyค่ะ
เดินต่อมาไม่กี่ก้าวจะพบอาคารฝั่งขวาที่ติดกับ Mayfair Place คือ The Link เป็นคอนโดอีกเช่นกันนะคะ แต่ตัวนี้จะเก่ากว่า The Link VANO ค่ะ
ถัดไปเป็น The Room สุขุมวิท 64 จะสังเกตว่าคอนโดในซอยนี้เยอะมากเลยใช่มั้ยคะ แต่ยังไม่หมดแค่นี้นะคะยังมีโครงการที่ท้ายซอยอีกค่ะ
ท้ายซอยเป็นสามแยกนะคะ หากเลี้ยวซ้ายจะไปซอยสุขุมวิท 66/1 ซึ่งสามารถไปออกสุขุมวิทบริเวณสถานีอุดมสุขได้ ซึ่งทางซ้ายมือนั่นเองเป็นที่ตั้งโครงการ Elio คอนโด Low Rise ที่มีจำนวนห้องพักนับพันยูนิตและบริเวณหน้าโครงการ Elio ก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการด้วยค่ะ ส่วนหากเลี้ยวขวาขึ้นสะพานไปทางป้ายบางจาก จะเป็นเส้นทางไปโรงกลั่นน้ำมันบางจากที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของทางด่วนค่ะ เดินมาถึงเกือบจะสุดซอยนับจำนวนคอนโดได้เยอะอยู่นะคะ ซอยนี้ช่วงเช้าและเย็นคงจะมีปริมาณรถเข้าออกไม่น้อยเลยคะ การจราจรคงค่อนข้างหนาแน่นพอสมควร
มองจากสะพานนะคะ หากตรงไปตามทางจะเป็นทางข้ามไปอีกฟากหนึ่งของทางด่วนเพื่อไปยังโรงกลั่นน้ำมันบางจาก หากเลี้ยวขวาเข้าปั๊มน้ำมันปตท.ได้เช่นกัน ซึ่งปั๊มนี้เป็นปั๊มเล็กภายในจะมีทางเดินไปเข้าปั๊มใหญ่ที่เป็นจุดพักรถของคนใช้ทางด่วน ก็สามารถหาของกิน หากาแฟทานที่ปั๊มใหญ่ได้ค่ะ
หลังจากพาไปดูบรรยากาศในซอยหลักอย่างสุขุมวิท 64 กันแล้ว เดี๋ยวเรากลับมายังเส้นทางที่จะไปที่โครงการกันต่อคะโดยเลี้ยวขวาเข้าแยก 4 ตรงสามแยกกลางซอยสุขุมวิท 64 ที่มี 7-11 เมื่อเลี้ยวเข้ามาแล้ว ฝั่งขวาจะเป็นโรงเรียนพิพัฒนา ถนนในซอยมีเส้นเหลืองตีไว้ตลอดแนวถนน ซึ่งมีความหมายว่าเป็นเส้นที่ไปทะลุอีกถนนหนึ่งได้ ไม่ใช่ซอยตันค่ะ
เข้ามาที่ถนนในซอยแยก 4 แล้ว สังเกตว่าถนนจะแคบลงกว่าซอยหลักนะคะ สำหรับการเดินเท้าในซอยจะต้องระมัดระวังรถที่วิ่งสวนไปมาหน่อยค่ะ เพราะถนนแคบและมีทางเท้าให้เดินแคบไปด้วย ขวามือจะมีคอนโด Low Rise พี่น้องตระกูล Whizdom จาก Magnoliaค่ะ ซ้ายมือจะเป็นบ้านอยู่อาศัยซะส่วนใหญ่นะคะ ซึ่งก็มีบางหลังเปิดบ้านเป็นร้านค้าค่ะ
เดินจากคอนโด Whizdom มาไม่มากก็เจอร้านก๋วยเตี๋ยวหมูบ้านบึงค่ะ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของของกินในซอยนี้นะคะ
เข้ามาอีกนิดจะเจออาคารนานมีบุ๊ค 2 ทางขวามือนะคะ มองไปจะมีพี่วินอยู่หน้าอาคาร ซึ่งอยู่ใกล้ทางเลี้ยวซ้ายเพื่อไปโครงการแล้วค่ะ
พอเจอทางแยกตรงหน้าอาคารนานมีบุ๊ค 2 ให้เลี้ยวซ้ายนะคะ สังเกตป้ายลูกศรเลี้ยวขวาเล็กๆ เขียนว่าสุขุมวิท 62 ..ใช่แล้วค่ะเส้นทางนี้เป็นทางลัดไปสุขุมวิท 62 ซึ่งทะลุไปทางขึ้นทางด่วนได้ โดยรวมแล้วภายในซอยนี้ส่วนมากเป็นบ้านพักอาศัย ผู้คนไม่พลุกพล่าน แต่จะมีรถวิ่งผ่านในซอยอยู่ตลอดเวลาเนื่องจาก ซอยนี้สามารถใช้เป็นเส้นทางลัดไปขึ้นทางด่วนได้ จุดสังเกตทางแยกอีกจุดหนึ่งค่ะคือพี่วินที่คอยให้บริการอยู่ตรงสามแยกนั่นเอง
อัตราค่าโดยสารนะคะ หากต้องการไปขึ้น BTS ที่ปากซอย 64 พี่วินคิดค่าบริการ 10 บาทเท่านั้นค่ะ
เดินตรงเข้าไปในซอยกันต่อนะคะ ขวามือมีร้านซักอบรีดเล็กๆ ส่วนซ้ายมือเป็นซอยสุขุมวิท 64 แยก 6-5 ซึ่งสามารถทะลุไปออกซอยสุขุมวิท 64 ได้ค่ะ
ซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 นี้กำลังจะคึกคักตามซอยหลักอย่างสุขุมวิท 64 นะคะ ภายในซอยมีอาคารกำลังสร้างหลายอาคารทั้งที่เป็นบ้านพักอาศัยและคอนโดขึ้นใหม่อย่าง Chateau IN Town ฝั่งขวามือคือสโมสรไลออนสากลเป็นองค์การกุศล ซึ่งมีให้บริการคลีนิคทันตกรรมด้วยค่ะ
เดินมาอีกหน่อยขวามือจะเป็นอพาร์ทเม้นท์บ้านเมฆหมอก ถัดไปเป็นโครงการกำลังก่อสร้างนะคะ ฝั่งขวาจะเป็นบ้านพักอาศัยไม่เกิน 2 ชั้นไปตลอดเส้นทางค่ะ
ถึงแล้วค่ะ ฝั่งซ้ายมือจะเจอพื้นที่โครงการ ที่ล้อมรั้วเมเทิลชีทสีเงิน คือขอบเขตโครงการที่กำลังก่อสร้างค่ะ มองตรงไปถนนที่ลอยฟ้าอยู่นั่นคือทางพิเศษเฉลิมมหานคร ส่วนฝั่งขวามือคือคอนโดรุ่นพี่อย่าง Regent Home 9
ด้านหน้าโครงการก็ล้อมรั้วไว้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งโครงการอยู่ไม่ห่างจากทางพิเศษเฉลิมมหานครเลยนะคะ ถ้าใครเดินทางด้วยทางด่วนบ่อยๆก็คงจะเหมาะกับทำเลนี้นะคะ เพราะไปขึ้นทางด่วนไม่ยากเลยค่ะ แต่การอยู่ในระยะใกล้ทางด่วนแบบนี้ก็จะได้รับมลภาวะทางอากาศ และเสียงมากกว่าทำเลอื่น อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบอยู่ห้องแอร์และไม่ค่อยชอบเปิดหน้าต่างค่ะ
ส่วนงานก่อสร้างด้านในโครงการ ผ่านขั้นตอนปรับระดับดินเรียบร้อยแล้วตอนนี้อยู่ในขั้นตอนลงเสาเข็มค่ะ
สุดซอยโครงการ Moniiq มีป้ายเลี้ยวขวาไปสุขุมวิท 62 ซึ่งเส้นทางนี้สามารถไปขึ้นทางด่วนได้ จากตรงนี้วิ่งไปอีก 1.5 กม. ก็จะเป็นจุดขึ้นทางด่วนค่ะ
เลี้ยวขวามาจะเป็นเส้นทางไปขึ้นทางด่วนนะคะ หรือถ้าต้องการจะมาโครงการจากทางด่วนก็สามารถออกทางออกสุขุมวิท 62 แล้วตรงเข้าในซอยนี้ได้เลยเช่นกัน ซึ่งสะดวกมากนะคะ ไม่ต้องไปรถติดที่ถนนสุขุมวิทเลยค่ะ
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการตั้งอยู่ในถนนซอย สิ่งปลูกสร้างโดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยกับอาคาร Low Rise ผสมๆ กันไป มีส่วนที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโครงการจะติดกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร เมื่อข้ามฝั่งไปอีกด้านหนึ่งของทางด่วนจะมีโรงกลั่นน้ำมันบางจากซึ่งหากใครมีข้อมูลของการอยู่อาศัยในบริเวณใกล้โรงกลั่นนี้ก็สามารถนำมาแชร์เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ตัดสินใจซื้อบ้านได้นะคะ สำหรับพื้นที่โดยรอบโครงการสรุปได้ดังนี้ค่ะ
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 2 ชั้น และออฟฟิตเล็กๆสูงไม่เกิน 3 ชั้น
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้น
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับ คอนโด Regent Home 9 สูง 8 ชั้น
- ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร
ส่วนการวิเคราะห์ในเรื่องของวิวจากห้องพักอาศัยนั้นจะวิเคราห์แยกตึก A และ B นะคะ อาคาร A คืออาคารที่ติดกับถนนซอยค่ะ ส่วนอาคาร B จะวางตัวขนานกับอาคาร A แต่อยู่ด้านในค่ะ
อาคาร A ทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะได้เปรียบในเรื่องวิวภายนอกโครงการมากกว่าทิศอื่นๆ เพราะไม่มีอยู่ประชิดกับอาคาร ทำให้มีระยะสายตาในการมองวิวได้ไกล ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้จะได้วิวสระและสวนภายในโครงการ ซึ่งถือเป็นห้อง Value พิเศษนะคะ ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีบางส่วนติดกับคอนโดสูง 8 ชั้นซึ่งอยู่ในระยะประชิดทำให้บางห้องในทิศนี้ที่จะถูกบล็อควิวไปบ้าง และในทิศตะวันตกเฉียงใต้ห้องพักจะอยู่ฝั่งที่หันไปหาทางด่วนทำให้อาจจะโดนเสียงรบกวนและฝุ่นควันที่มาจากทางด่วนบ้าง รวมทั้งชั้นที่อยู่ในระดับเดียวกันกับทางด่วนก็อาจจะต้องปิดม่านในบางช่วงเวลาเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
อาคาร B ทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้วิวภายนอกโครงการเหมือนอาคาร A ค่ะ สำหรับทิศตะวันออกเฉียงใต้มุมนี้จะได้วิวเมืองนะคะ อาคารที่ติดกับฝั่งนี้เป็นบ้าน 2 ชั้น ส่วนห้องอื่นๆในชั้นที่เลยจากชั้น 2 ขึ้นไป การมองวิวจะมองได้ไกลทีเดียว ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้วิวสระและสวนภายในโครงการนะคะ มีข้อดีที่วิวในมุมนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะเป็นพื้นที่ภายในโครงการ แต่ข้อเสียคือจะโดนบล๊อคลมและวิวภายนอกโครงการจากอาคาร A ตลอดค่ะ และในทิศตะวันตกเฉียงใต้ห้องพักจะอยู่ฝั่งที่หันไปหาทางด่วนทำให้อาจจะโดนเสียงรบกวนและฝุ่นควันที่มาจากทางด่วนเหมือนตึก A เช่นกัน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ปิยะรมย์ สปอร์ตคลับ ~1.3 กิโลเมตร
- Tesco Lotus อ่อนนุช ~2.3 กิโลเมตร
- Bangkok Mall ~3.0 กิโลเมตร
- BITEC บางนา ~3.2 กิโลเมตร
- Gateway เอกมัย ~ 4.6 กิโลเมตร
- Central บางนา ~ 5.7 กิโลเมตร
- ซีคอนสแควร์ ~ 5.9 กิโลเมตร
- พาราไดซ์พาร์ค ~ 6.6 กิโลเมตร
- MEGA บางนา ~ 11.4 กิโลเมตร
เจาะลึกตัวโครงการ
ภาพจำลองภายนอกโครงการ Moniiq สุขุมวิท 64 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร ตัวอาคารเป็นรูปตัว L 1 อาคารเรียกอาคาร A และอาคารรูปตัว U 1 อาคารเรียกอาคาร B ในส่วนของทางเข้าโครงการจะเข้าทางใต้อาคาร A ซึ่งวางด้านยาวของของอาคารขนานไปกับถนนสุขุมวิท 64 แยก 4 ตัวอาคารใช้โทนสี Earth Tone แสดงถึงความเรียบง่าย ให้บรรยากาศที่อยู่สบาย และเพิ่มเติมการออกแบบโดยการนำเส้นแนวตั้งและแนวนอนมาใช้เพื่อสื่อถึงความเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่นที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากเส้นแนวตั้งแนวนอนที่ดูเรียบ นิ่ง สงบ ชั้น 1 เป็น Lobby, ร้านค้า และลานจอดรถใต้อาคาร เริ่มมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 2 มีสวนหย่อมขนาดพอพักผ่อนหย่อนใจได้ สระว่ายน้ำ ห้องสมุด ห้องเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และ Fitness ซึ่่งพื้นที่ส่วนกลางในโครงการจะอยู่ใน court ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ตั้งแต่ชั้น 3 ไปจนถึงชั้น 8 จะเป็นของห้องพักอาศัยทั้งหมดนะคะ
มาดูกันที่ตัวโมเดลกันนะคะ จะได้เห็นภาพกันชัดขึ้น^^ อาคารที่เห็นนี้คืออาคาร A ที่เป็นรูปตัว L วางตัวด้านแนวยาวขนาบกับถนนซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยทางเข้า-ออกของโครงการจะเข้าจากทางถนนสุขุมวิท 64 แยก 4 หรือที่เรียกว่าถนนพงษ์เวชอนุสรณ์ทางเดียวนะคะ โดยทางเข้าจะลอดใต้ตึก A เพื่อเข้าไปยังที่จอดรถด้านในโครงการค่ะ ด้านข้างของอาคารฝั่งซ้ายเป็นบริษัท กัลฟ์ อีสห์ เซอร์เวย์ 2 ชั้น ส่วนด้านขวาจะเป็นทางด่วน แต่ฝั่งตรงข้ามของห้องพักในฝั่งนี้บางส่วนจะโดนบังวิวด้วยคอนโด Regent Home 9 ซึ่งตั้งอยู่ในระยะประชิดกับโครงการค่ะ
อาคารด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้จะหันหน้าเข้าหาทางด่วน ซึ่งทางด่วนในช่วงที่ผ่านหน้าโครงการนี้มี 2 เส้นที่ขนานกันบนล่าง มีความสูงที่ระดับประมาณชั้น 1 และชั้น 6 ของโครงการ อาคารจะวางส่วนด้านแคบของอาคารเข้าหาทางด่วนในลักษณะที่ขนานกันทำให้เกิดช่องว่างระหว่างอาคารทั้ง 2 ซึ่งทิศตะวันตกเฉียงใต้นี้จะเป็นทิศที่นำลมเข้ามายังพื้นที่ Court ส่วนกลางระหว่าง 2 อาคารทำให้พื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงห้องพักที่มีกระจกติดกับพื้นที่ส่วนกลางได้รับลมพอสมควรค่ะ
อาคารด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่เห็นนี้คืออาคาร B โดยจะวางตัวด้านยาวของอาคารไปตามรูปร่างของที่ดิน อาคารในด้านนี้เป็นด้านในสุดของโครงการซึ่งจะได้วิวภายนอกที่เปิดโล่งพอสมควร เนื่องจากด้านหลังของโครงการเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นไม่มีตึกสูงในระยะประชิดวิวจึงค่อนข้างเปิดโล่ง แต่ห่างไปประมาณ 200 ม.จะมีอาคารสีขาวสูง 7 ชั้นคาดว่าเป็นอาคารพักอาศัยที่ตั้งบังวิวอยู่ไกลๆเช่นกัน
อาคารด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะหันหน้าเข้าทางสุขุมวิท ซึ่งจะเห็นบรรยากาศในซอย สุขุมวิท 64 ที่พาเดินชมบรรยากาศเข้านะคะ ไม่มีอาคารสูงในระยะประชิดกับตัวตึก เพราะอาคารที่ติดๆกับโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นและ ออฟฟิตเล็กๆ 2 ชั้น แต่ซอยนี้กำลังจะคึกคักนะคะ เห็นได้จากพื้นที่ถัดๆไปจากโครงการกำลังก่อสร้างอยู่หลายอาคาร ในอนาคตวิวด้านนี้จึงจะไม่โล่งเท่าด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทั้ง 2 อาคารมีพื้นที่ระหว่างอาคารซึ่งจะคอยรับลมจากทางทิศนี้อีกเช่นกัน ทำให้แม้ว่าจะอยู่ในห้องที่หน้าต่างหันไปทาง Court ภายในก็ยังจะได้รับลมจากทิศนี้ค่ะ
Facilities โครงการมีสระว่ายน้ำ และสวนหย่อมภายในโครงการ ซึ่งจะอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร A และ B ทำให้ห้องที่เลือกวิวภายในโครงการ จะได้รับวิวของพื้นที่ส่วนกลางนี้ ถ้ามองจากสระว่ายน้ำ และสวนหย่อมลงมาที่ชั้น 1 จะเห็นแนวสวนสีเขียวร่มรื่นอยู่ในลานจอดรถที่บริเวณชั้น 1ให้ความรู้สึกสงบ ร่มรื่นดีค่ะ
มาดูรายละเอียดของ Facilities อื่นๆในโครงการกันค่ะ ประกอบด้วย Fitness, Library และ Entertainment Room จะอยู่รวมกันที่ชั้น 2 ของตึก A ค่ะ ส่วนร้านค้าจะอยู่ด้านหน้าอาคาร ที่ชั้นล่างของตึก A เช่นกันค่ะ
ทางขึ้นห้อง Fitness, Library และ Entertainment Room เป็นทางแยกกับตัวอาคารนะคะ โดยจะต้องขึ้นบันไดที่ติดกับร้านค้าฝั่งด้านในโครงการที่ชั้น 1 เท่านั้นค่ะ โดยการเข้าออกห้อง Facilities เหล่านี้จะต้องใช้ Key Card นะคะ
ห้อง Lobby ของโครงการจะอยู่ติดกับทางเข้า-ออกรถยนต์หน้าโครงการนะคะ โดยประตูจะเป็นประตู 2 ชั้นนะคะ คือประตูทางเข้าอาคารไม่ต้องใช้ Key Card ค่ะ ซึ่งเมื่อเข้ามาในอาคารแล้วจะมีประตูเข้า Lobby อีกชั้นหนึ่งซึ่งต้องใช้ Key Card ค่ะ ถ้าเป็นแขกของลูกบ้านต้องให้ลูกบ้านมารับเข้า Lobby เท่านั้นค่ะเป็นระบบความปลอดภัยภายใน Lobby ที่ทำมาได้ดีกว่าคอนโดในระดับเดียวกันนะคะ
ส่วนของรถยนต์เมื่อขับรถลอดใต้อาคาร A เข้ามาแล้วก็สามารถจอดรถที่ชั้น 1 ของโครงการได้เลยค่ะ ซึ่งจะมีทั้งที่จอดใต้อาคารและที่จอดรถนอกอาคารนะคะ
พื้นที่สีเขียวโดยรอบโครงการพอจะมีให้เห็นเป็นช่วงๆนะคะ เนื่องจากที่ดินไม่ใช่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทีจะสามารถสร้างอาคารได้เต็มพื้นที่ดิน ในส่วนของที่ดินที่เป็นมุมแหลมหรือส่วนที่สร้างอาคารไม่ได้ค่ะ
มาดูที่รูปทัศนียภาพและบรรยากาศจำลองกันต่อ เริ่มกันที่ Lobby โครงการเป็นแบบ Double Floor (2 ชั้น ติดกัน) สูงประมาณ 5 ม. ทำให้เกิดความรู้สึกโปร่งโล่งภายในอาคาร ผนังด้านหนึ่งของอาคารเป็น กระจกสูงนำแสงธรรมชาติเข้ามาในอาคาร
ส่วนหย่อมของโครงการอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร A ซึ่งถูกออกแบบให้มีเส้นสายเชื่อมต่อกับผนังภายนอกอาคารทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเรื่องราวเดียวกัน ไม่รกสายตา ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นสระว่ายน้ำที่อยู่บนอาคาร B พื้นที่ระหว่างอาคาร A และ B ซึ่งเป็นลานจอดรถได้ถูกทำให้กลมกลืนด้วยการปลูกไม้ยืนต้นให้มีความสูงขึ้นมาในระดับที่เท่ากับชั้น Facilities ทำให้การใช้พื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้จะดูต่อเนื่องกันทั้งพื้นที่สระและพื้นสวนหย่อมค่ะ
ภาพจำลองสระว่ายน้ำส่วนกลางของโครงการเป็นระบบเกลือมีขนาด 8 x 20 ม. มีความลึก 2 ระดับคือ 1.2 ม. และ 0.6 ม.ค่ะ ขนาดพอให้ออกกำลังกายได้ บรรยากาศโดยรอบจะเน้นให้เกิดความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มค่ะ
บรรยากาศภายใน Library ตกแต่งให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น มีหน้าต่างเต็มบานจากพื้นถึงฝ้าทำให้แสงธรรมชาติสามารถเข้ามาภายในห้องได้ เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่เหมาะสมกับการอ่านหนังสือ หรือนั่งทำงานภายในห้องสมุดนี้ค่ะ
เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ Moniiq สุขุมวิท 64 มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางถนนสุขุมวิท 64 แยก 4 ที่ดินด้านหน้าโครงการที่ติดถนนมีความยาวประมาณ 50 ม. จะเห็นว่ามีด้านที่ติดถนนค่อนข้างยาวจึงเป็นโครงการที่จะสังเกตเห็นได้ง่าย ส่วนด้านลึกที่สุดมีความยาวประมาณ 72 ม. ซึ่งความลึกระดับนี้ทำให้โครงการสามารถสร้างได้ 2 อาคารซึ่งความสูงทั้ง 2 อาคารนั้นเท่ากันที่ 8 ชั้น โดยอาคารที่ติดกับถนนเรียกว่าอาคาร A เป็นอาคารที่มี Facilities ส่วนใหญ่รวมถึงร้านค้าภายในโครงการด้วย ส่วนอีกอาคารหนึ่งคืออาคาร B ที่ถัดจากอาคาร A เข้ามาด้านใน ซึ่งตัวอาคารทั้งสองจะวางตัวขนานกัน อาคาร B นี้จะแตกต่างจากอาคาร A ตรงที่มีจำนวนห้องพักเยอะกว่า และมีสระว่ายน้ำส่วนกลางอยู่ในอาคาร B ด้วยเช่นกัน
ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ จะเป็นพื้นที่ของลานจอดรถ เส้นทางเดินรถในอาคารเมื่อขับเข้ามาด้านในพื้นที่โครงการ จะเป็นเส้นทางเดินรถแบบสวนทางกัน สามารถขับวนรอบได้ในโครงการ ถ้าพักอาคาร A เมื่อเข้ามาจากทางเข้าให้เลี้ยวขวาเพื่อหาที่จอดรถใกล้อาคารได้เลย ถ้าพักอาคาร B แนะนำให้ขับตรงเข้ามาก่อนเพื่อหาที่จอดใกล้ๆอาคาร B ค่ะ ทางเข้าออกอาคารแต่ละอาคารมีทางเข้าออกอาคารละจุดนะคะ โดยจะขึ้นผ่าน Lobby ในอาคาร เพื่อเข้าไปยังโถงลิฟท์นะคะ ระบบความปลอดภัยของทางเข้าอาคารทั้ง 2 จะเป็นประตู 2 ชั้นคือ
- ประตูทางเข้าอาคาร —>ไม่ต้องใช้ Key Card แขกของลูกบ้านสามารถเข้ายังอาคารได้ ต้องให้ลูกบ้านมารับเข้า Lobby เท่านั้น
- ประตูทางเข้า Lobby —>ใช้ Key Card ลูกบ้านจึงมีความปลอดภัยตั้งแต่ในส่วนของ Lobby เลยค่ะ
ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป เราจะค่อยๆดูไปทีละตึกนะคะ มาเริ่มที่ตึก A กันก่อน ชั้น 2 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัย โดยมีห้องพักอาศัย 16 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 12 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 4 ห้อง ซึ่งจะอยู่เฉพาะห้องมุมของอาคาร ห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่หันหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวอยู่ตรงกลางอาคารซึ่งในโถงจะมีลิฟท์ 2 ตัวนะคะ มีอัตราส่วนลิฟท์ 89 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ไม่มากค่ะ ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 3 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาและตรงกลางของอาคาร ซึงบันไดทั้ง 3 ตัวสามารถลงไปยังลานจอดรถที่ชั้น 1 ได้ค่ะ บางส่วนของอาคารจะเป็น Facilities ได้แก่ สวนหย่อม จะอยู่ติดกับโถงลิฟท์ในชั้นนี้ค่ะ ส่วน Facilitiesอื่นๆอย่าง Fitness, Library และ Entertainment Room จะต้องขึ้นจากบันไดชั้น 1 โดยบันไดนี้จะอยู่นอกอาคารติดกับร้านค้าค่ะ การเข้าใช้ห้อง Facilities เหล่านี้ต้องใช้ Key Card นะคะ
ต่อไปเป็นเรื่องของวิว ห้องพักในชั้นนี้ห้องที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้จะได้วิวสวนหย่อมของโครงการนะคะ รวมถึงมีบางห้องที่ติดกับสวนด้วย ซึ่งถือว่าเป็นห้องที่มีความพิเศษ เมื่อมองออกมาจากห้องก็เห็นสวนรมรื่นเลย แต่ความเป็นส่วนตัวก็อาจจะลดลงนะคะ ส่วนที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะหันออกถนนสุขุมวิท 64 แยก 4 มีบางห้องที่ตรงกับทางเลี้ยวและบางห้องที่จะโดนบล๊อกวิวโดยคอนโดฝั่งตรงข้ามค่ะ ส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะติดกับทางพิเศษเฉลิมมหานครก็อาจจะได้รับมลภาวะทางฝุ่นและเสียงจากทางด่วนบ้างค่ะ ผู้ที่อยู่อาศัยในฝั่งนี้อาจจะต้องปิดหน้าต่างหรือติดม่านเพื่อป้องกันเพิ่มค่ะ
มาต่อกันที่ ชั้น 3-8 ของตึก A ค่ะ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดนะคะ โดยมีห้องพักอาศัยแต่ละชั้น ชั้นละ 27 ห้อง แบ่ง เป็นห้อง 1 Bedroom 21 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 6 ห้อง การจัดวางห้องในอาคารใช้วิธีการจัดวางเรียงไปตามรูปตรงอาคารลักษณะตัว L จะมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น ที่ห้องหนึ่งประตูห้องตรงข้ามกับประตูบันไดหนีไฟ และอีกห้องหนึ่งที่ประตูตรงกับโถงทางเดิน ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้วิวค่อนข้างโล่งตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะไม่มีตึกสูงในระยะประชิดค่ะ ส่วนห้องทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือฝั่งด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนสุขุมวิท 64 แยก 4 จะมีคอนโด Regent Home 9 สูง 8 ชั้นตั้งบังวิวอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ซึ่งคาดว่าห้องพักบางส่วนจะถูกตึกนี้บังวิว ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้จะหันหน้าไปทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทำให้ห้องพักในทิศนี้จะได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางเสียงและอากาศจากทางด่วน ซึ่งทางด่วนนี้จะมี 2 เส้นทางนะคะ เส้นล่างมีความสูงที่ระดับชั้น 1 และเส้นบนมีความสูงที่ระดับประมาณชั้น 6 ทำให้ห้องพักในในชั้น 6 นี้น่าจะได้ผลกระทบอยู่
มาต่อกันที่อาคาร B นะคะ ในชั้น 2 การวางตัวของห้องพักในอาคารจะเป็นรูปตัว U ล้อมรอบสระว่ายน้ำ โดยมีห้องพักอาศัย 26 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 21 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 5 ห้อง อาคาร B จะมีโถงลิฟท์ตำแหน่งเดียวเหมือนอาคาร A เช่นกัน ต่างกันที่ตำแหน่งของโถงลิฟท์ในอาคาร B จะค่อนมาทางด้านขวาของอาคารมากกว่า ทำให้ห้องที่อยู่ปลายสุดของอาคารอาจจะเดินไกลจากลิฟท์นิดหนึ่งนะคะ โดยอาคารนี้จะมีลิฟท์ 2 ตัวเช่นกัน ซึงมีอัตราส่วนลิฟท์ 94 : 1 เป็นอัตราส่วนที่ไม่มากกว่าตึก A นิดหน่อยค่ะ สระว่ายน้ำของโครงการอยู่ที่ชั้นนี้นะคะ ซึ่งมีจัดเส้นทางการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางไว้ดีค่ะ ทางเข้าจะเชื่อมกับส่วนของโถงลิฟท์เลย ทำให้ผู้ที่จะมาใช้งานไม่ต้องเดินผ่านในส่วนห้องพักอาศัยทำให้ลูกบ้านที่อยู่ในชั้นนี้ยังได้รับความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยค่ะ โดยสระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือมีขนาด 8 x 20 ม. ลึก 1.2 ม. แบ่งพื้นที่เป็นสระเด็กจะมีความลึก 0.6 ม. ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 3 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาของอาคาร ซึ่งบันไดทั้ง 3 ตัวสามารถลงไปลานจอดรถที่ชั้น 1 ได้ค่ะ
ต่อไปเป็นเรื่องวิวสำหรับชั้นนี้ค่ะ ห้องพักที่หันหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะเป็นห้องที่ได้รับวิวสระน้ำ ซึ่งห้องเหล่านี้จะมีข้อดีที่ได้รับวิวที่ดีแต่ก็มีข้อเสียที่จะเสียเรื่องความเป็นส่วนตัวไปเหมือนกันค่ะ ส่วนห้องพักที่หันหน้าออกโครงการทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่จะติดกับที่ดินเปล่าของเอกชนนะคะ ทำให้วิวไม่ค่อยอึดอัด จะมีบางห้องที่ติดกับบ้านพักอาศัยของบุคคลอื่นรอบๆโครงการ ส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะหันหน้าเข้าหาทางพิเศษเฉลิมมหานครเหมือนกับอาคาร A ค่ะ
ส่วนชั้น 3-8 ของตึก B ผังจะเหมือนกับชั้น 2 นะคะ ต่างกันที่มีห้องพักอาศัยเพิ่มขึ้นเป็น 27 ห้องต่อชั้น โดยเป็นห้อง 1 Bedroom 21 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 6 ห้อง การออกแบบผังห้องในอาคารจะคล้ายๆกับอาคาร A ค่ะ วิวตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปส่วนใหญ่จะได้รับวิวที่ดีค่ะ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะได้รับวิวสระน้ำและสวนส่วนกลางในโครงการ ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้จะพ้นหลังคาบ้านพักอาศัยรอบๆแล้วค่ะ ส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่ติดกับทางพิเศษเฉลิมมหานครนั้นจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับห้องพักอาศัยทิศนี้ของอาคาร A เช่นเดียวกันค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 20 ม. ลึก 1.2 ม. แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.6 ม.
- ห้องออกกำลังกาย
- ห้องอ่านหนังสือ
- ห้องเอ็นเตอร์เทนเมนท์
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 92 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 89 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 94 : 1
- Service Lift ไม่มี
- ที่จอดรถประมาณ 149 คันคิดเป็น 40 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน, จอดซ้อนคัน 40 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50 %
- ระบบ CCTV / Access Card
- Shuttle Service
ห้องตัวอย่างมี 2 ห้องนะคะ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. และแบบ 2 Bedroom ขนาด 48 ตร.ม. วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 2 แบบเลยค่ะ
ไปชมห้องแรกกันเลยค่ะ เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.03 ตารางเมตร ประกอบด้วย 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องนอน 1 ห้องครัว และ 1 ห้องน้ำ ขายเป็นแบบ Fully Furnish เมื่อเข้ามาจะเจอกับ Foyer คือพื้นที่วางรองเท้าที่มีการลดระดับพื้นให้ต่ำกว่าระดับพื้นห้องในส่วนอื่นๆ ติดกันเป็นห้องรับแขกที่ค่อนข้างกว้างใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งเป็นทั้งพื้นที่รับแขก นั่งเล่น ทานอาหารและพื้นที่ทำงาน ในส่วนห้องรับแขกจะถูกกั้นกับห้องนอนด้วยประตูกระจกสไลด์ทำให้ห้องนั่งเล่นได้รับแสงธรรมชาติจากช่องแสงภายในห้องนอนด้วย ขนาดของห้องนอนสามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size มีตู้เสื้อผ้า Built-inและโต๊ะเครื่องแป้ง ในส่วนครัวจะอยู่ด้านในของห้องถูกแยกส่วนจากห้องรับแขกด้วยประตูกระจกบานสไลด์จึงเป็นครัวแบบปิด จัดแบ่งพื้นที่ให้มี Pantry แบบ Built-in ถัดไปจะเป็นห้องน้ำซึ่งแยกโซนเปียกแห้งชัดเจน ส่วนระเบียงขนาดไม่กว้างมาก พอสำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าเล็กๆได้ค่ะ
ประตูห้องเป็นประตูไม้สำเร็จรูปเคลือบ PVC แบบบานเปิดเดี่ยว แต่เป็นแบบก้านโยก ส่วนด้านล่างเป็นตัวล็อกซึ่งดูแข็งแรงดีค่ะ (ประตูจะยังไม่ได้ติดตั้งกับห้องตัวอย่างนะคะ จึงถ่ายแยกชิ้นกันออกมาค่ะ)
เริ่มจากทางเข้าสู่ตัวห้องพื้นทางเข้าสู่ห้องไม่มีธรณีประตูกั้น แต่จะมีต้วจบสแตนเลสเพื่อเก็บรอยต่อของพื้นทั้งสองให้สวยงามเรียบร้อย ส่วนพื้นห้องด้านหน้าติดกับประตู พื้นที่ในส่วนนี้เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 ซม. เพื่อป้องกันฝุ่นจากบริเวณทางเดินเข้ามาภายในห้อง
พื้นห้องในส่วนด้านหน้ามีลักษณะเป็น Foyer (โถงทางเข้าห้อง) เป็นจุดเด่นของโครงการที่มีเอกลักษณ์ในการออกแบบการอยู่อาศัยแบบญี่ปุ่น ที่จะมีส่วนโถงนี้ไว้เป็นพื้นที่สำหรับถอดรองเท้าซึ่งจะมีระดับต่ำกว่าระดับพื้นห้อง เพื่อช่วยกั้นฝุ่นหรือความสกปรกไม่ให้ขึ้นมายังส่วนอยู่อาศัยอื่นๆ วัสดุของพื้นในส่วนนี้เป็นกระเบื้องสีขาว เพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ
ระดับพื้นระหว่าง Foyer กับพื้นห้องรับแขกมีความสูงขึ้นมาประมาณ 2 ซม. เพื่อช่วยกันฝุ่นหรือความสกปรกของรองเท้าไม่ให้เข้ายังส่วนอยู่อาศัยค่ะ
เข้ามาภายในห้องจะเจอห้องรับแขกที่ค่อนข้างกว้างทีเดียว มองเลยไปด้านในสุดจัดเป็นห้องนอน ซ้ายมือเป็นทางเข้าไปห้องครัวและห้องน้ำค่ะ ระดับฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร โดยพื้นในห้องรับแขกจะเป็นกระเบื้องยางลายไม้ซึ่งคอนโดระดับนี้ส่วนใหญ่จะใช้ลามิเนตซึ่งมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันตรงที่พื้นกระเบื้องยางจะทนทานมากกว่า ทนความชื้นได้ดีกว่าแต่พื้นลามิเนตจะเรียบกว่า โดยรวมแล้วห้องดูไม่อึดอัดค่ะ ภาพรวมในการแต่งห้องเป็นสีโทนอบอุ่น โดยห้องจะขายแบบ Fully Furnish นะคะก็จะได้สี Furniture ในห้องตามแบบที่เห็นนี้เลยค่ะ
ทางโครงการเก็บรายละเอียดส่วนพื้นที่หน้าห้องพักค่อนข้างดีค่ะ นอกจาก Foyer ที่กั้นส่วนของโถงทางเข้าแล้ว ยังมีฉากไม้ระแนงบังตาระหว่างประตูทางเข้าและห้องรับแขกซึ่งโครงการได้แถมให้ด้วยค่ะ
ด้านข้างประตูจะเป็นตู้ Built-In สำหรับใส่รองเท้า ซึ่งโครงการมีให้นะคะ เป็นตู้ 2 ชั้นบานปิดทำให้ห้องดูเรียบร้อยไม่รกสายตา ส่วนด้านบนเป็นตู้เก็บของ 2 ชั้นและมีที่แขวนหมวกเตรียมไว้ให้ด้วยค่ะ ด้านข้างตู้แขวนเดาว่าทางโครงการตั้งใจให้เป็นตำแหน่งวางที่เสียบร่มนะคะ
ถัดเข้ามาในส่วนของห้องรับแขกถูกจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งไว้ ซึ่งด้านข้างโซฟายังเหลือพื้นที่ที่สามารถใช้ตั้งโคมไฟ หรือวางตู้เก็บของเพิ่มได้ ผนังด้านหลังกรุกระจกไว้เต็มบาน ช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ซึ่งผนังนี้ทางโครงการไม่ได้มีให้นะคะ แต่ก็สามารถใช้เป็นไปไอเดียในการตกแต่งห้องได้ค่ะ
ห้องรับแขกจะมีขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆนะคะ ทำให้สามารถใช้ห้องนี้ได้เต็มพื้นที่ทั้งนั่งเล่น ทำงาน และกินข้าว การออกแบบจะเว้นพื้นที่หน้าโซฟาไว้เยอะ ทำให้สามารถนำโต๊ะญี่ปุ่นมานั่งเขียนหนังสือบริเวณนี้ได้หรือนำโต๊ะกินข้าว 2 ที่นั่งมาตั้งเพิ่มให้ห้องนี้ก็ได้ค่ะ ระยะดูทีวีจากโซฟาถึงทีวี กว้างประมาณ 2.2 ม. สามารถวางทีวีขนาด 48 นิ้วได้ค่ะ
ส่วนชั้นวางทีวีเป็นของ Starmark หรือเทียบเท่าจะอยู่ติดกับประตูห้องครัวนะคะ ซึ่งโครงการจะ Built-In ตู้มากับห้อง 2 ส่วนนะคะ คือตู้ลิ้นชัก 5 ช่อง สำหรับใช้วางทีวี และตู้ลอยที่เป็นบานปิดด้านบน ส่วนตู้เก็บของแนวตั้งที่ฝั่งซ้ายของกำแพงนั้นไม่มีให้ค่ะ
เปิดตู้ออกดู ลิ้นชักมีความลึกพอสมควร สามารถเก็บของได้เยอะดีค่ะ ส่วนตู้ด้านบนเป็นแบบเปิดขึ้นนะคะ บานพับของตู้แบบบานเปิดจะเป็น Soft Close ค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าเวลาปิดจะมีเสียงดัง ส่วนตู้ลิ้นชักจะเป็นแบบธรรมดา เวลาปิดก็ระวังให้เบามือนิดนึงค่ะ
แอร์ที่ติดให้เป็นแอร์ติดผนังขนาด 9,000 บีทียู 1 ตัว ซึ่งจะติดให้ในห้องนอนนะคะ
ต่อไปเป็นห้องครัว จะถูกกั้นแยกกับส่วนนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ค่ะ ครัวเป็นครัวแบบปิดมีประตูกั้นแบ่งพื้นที่ระหว่างห้องครัวกับส่วนนั่งเล่น จัดแบ่งพื้นที่ไว้สองส่วน คือส่วนสำหรับประกอบอาหารและพื้นที่สำหรับตั้งตู้เย็น ครัวปิดแบบนี้สามารถประกอบอาหารอาหารที่มีควันหรือกลิ่นได้ค่ะ
ประตูบานเลื่อนทางเข้าส่วนครัว ตัวหมุนล็อกประตูจะอยู่ด้านในห้องครัวนะคะ ส่วนประตูฝั่งห้องนั่งเล่นต้องใช้กุญแจไขค่ะ ขอบประตูมีติดขอบสักหลาดไว้กันไม่ให้เวลาปิดประตูแล้วชนกับผนังด้วยนะคะ เวลาทำครัวก็สามารถปิดประตูได้เพื่อกันไม่ให้กลิ่นและครัวเข้าในห้องนั่งเล่นนะคะ
พื้นระหว่างห้องรับแขกและห้องครัวอยู่ในระดับเดียวกันไม่มีลางของประตูบานเลื่อนกั้นทำให้ไม่ต้องกลัวเดินสะดุดนะคะ ส่วนพื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้องสีขาว ซึ่งง่ายในการทำความสะอาดจากการประกอบอาหาร ส่วนรอยต่อเชื่อมระหว่างพื้นทั้ง 2 ห้อง จะใช้ตัวจบอลูมิเนียมเรียบร้อยดีค่ะ
การจัดวางพื้นที่ภายในห้องครัว จะแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วน คือส่วนประกอบอาหารจะวางติดกำแพงด้านหนึ่ง ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ทางเดินและใช้ยืนประกอบอาหาร กว้างประมาณ 80 ซม.ค่ะ
มาดูการจัดพื้นที่ต่างๆภายในครัวกันค่ะ ด้านซ้ายสุดเป็นที่วางตู้เย็น ถัดไปคือ Counter ครัวใช้เป็นพื้นที่ประกอบอาหาร มีตู้เก็บของใต้ Counter ครัวเป็นตู้บานเปิด 1 ตู้ ลิ้นชัก 2 ช่อง และตู้ช่องโล่งไม่มีบานปิดอีก 1 ช่อง ด้านบนเป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้เก็บของได้อีกเช่นกันค่ะ
เริ่มกันที่พื้นที่สำหรับวางตู้เย็น เป็นช่องว่างขนาด 70 x 70 ซม.ค่ะ สามารถวางตู้เย็น ขนาด 7.9 คิวได้ค่ะ แต่ก็ยังเหลือพื้นที่ 2 ฝั่งตู้เย็น ถ้าต้องการตู้เย็นที่ใหญ่กว่านี้ก็ก็ยังพอมีพื้นที่เหลืออยู่ค่ะ
ถัดมาเป็นเคาน์เตอร์ครัวนะคะ ช่องแรกเป็นอ่างล้างจาน ติดกันเป็นเตาไฟฟ้า ด้านล่างเป็นตู้ลิ้นชัก 2 ตู้โดยตู้หนึ่งเป็นลิ้นชักสำหรับเก็บช้อนส้อมอีกลิ้นชักหนึ่งค่อนข้างกว้างแต่ไม่ลึกค่ะไว้ใช้เก็บพวกจานชามได้ และตู้ช่องโล่งใต้อ่างล้างจาน 1 ตู้ด้านในมีติดถังขยะไว้ให้ด้วยค่ะ ตู้บานเปิดจะเป็นบานพับแบบ Soft Close นะคะ ส่วนตู้ลิ้นชักจะเป็นแบบธรรมดาค่ะ
ลิ้นชักชั้นบนจะมีตัวแบ่งช่องสำหรับเก็บช้อนส้อม ส่วนลิ้นชักชั้นล่างจะเป็นลิ้นชักโล่งไว้เก็บของใช้อื่นๆในห้องครัวได้ค่ะ
และสุดท้ายเป็นชั้นวางไมโครเวฟซึ่งไม่ได้มีบานปิด ซึ่งการวางไมโครเวฟในตำแหน่งนี้ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับผู้ที่ทำครัวที่ตัวไม่สูงมากสามารถก้มหยิบจับได้ง่ายค่ะ
Top ของชุดครัวเป็นหินแกรนิตสีดำพร้อมปิดบัวเชิงผนังทำให้เกิดความเรียบร้อยดีค่ะ ส่วนผนัง Back Splash จะเป็นผนังทาสีธรรมดา ไม่ได้ติดกระเบื้องไว้นะคะ ทำให้ผนังส่วนนี้อาจสกปรกเวลาทำอาหารได้นะคะ
ซิ้งค์ล้างจานขนาด 40 x 50 ซม. ขนาดพอจะล้างหม้อ ล้างกระทะ ใบไม่ใหญ่มากได้พอสมควร ซิ้งค์ล้างจานเป็นหลุมที่มีความลึกกว่าตัวหม้อพอสมควร ทำให้เวลาล้างน้ำไม่ค่อยกระเด็นเลอะเทอะ ส่วนก็อกน้ำเป็นทรงโค้งนะคะ ลูกบิดก๊อกน้ำจับเหมาะมือใช้สะดวกดีค่ะ
เตาไฟฟ้า 1 หัวของ Teka หรือเทียบเท่า ซึ่งระยะการติดตั้งเตาทำออกมาได้โอเคไม่ชิดกับอ่างล้างจานจนเกินไป รอบๆเตามีพื้นที่เหลือให้ทำครัวค่อนข้างกว้างค่ะ เหลือพื้นที่ให้วางเครื่องปรุงหรือเตรียมของสำหรับปรุงอาหารได้สบายๆ
เครื่องดูดควันของ Teka หรือเทียบเท่า เป็นระบบหมุนเวียนซึ่งจะใช้อากาศเดียวกับอากาศที่มีกลิ่นไปผ่านระบบการกำจัดกลิ่นและน้ำมันออกจากอากาศด้วยตัวกรองน้ำมันและฟิลเตอร์คาร์บอนก่อน ที่จะนำอากาศนั้นกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งใหม่ค่ะ
ตู้เก็บของบน Counter ครัวค่ะ มีตู้ 4 ช่อง 1 ตู้ที่มีความลึกพอจะใส่จานชาม และตู้ 2 ชั้น 1 ตู้ โดยตู้นี้จะตื้นๆ นะคะแค่พอจะใส่พวกขวดเครื่องปรุงได้ค่ะ
ไฟในห้องครัวเป็นแบบดาวน์ไลท์ 2 ดวงค่ะ เพียงพอกับห้องครัวขนาดนี้ค่ะ
ติดกับห้องครัวเป็นระเบียงค่ะ เป็นพื้นที่ที่ออกแบบไว้ให้เป็นตำแหน่งสำหรับตั้งเครื่องซักผ้านะคะ ส่วนด้านบนตำแหน่งเครื่องซักผ้าเป็นตำแหน่งของคอมเพรสเซอร์แอร์แบบแขวนค่ะ ส่วนรั้วลูกกรงมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเลยนะคะทำให้ห้องพักค่อนข้างปลอดภัยทีเดียวค่ะ
ตัวล็อกบานเลื่อนเป็นแบบฝังมากับบานประตูนะคะ
ประตูเป็นบานเลื่อน 3 บาน ะซึ่งมีข้อดีที่เวลาเปิดสุดจะสามารถเปิดได้กว้างกว่าแบบ 2 บานค่ะ รางประตูจะเท่ากับระดับพื้นมีเพียงสันรางประตูที่สูงขึ้นมานิดเดียวค่ะ เวลาเดินก็ระวังสะดุดนะคะ พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. โดยพื้นในส่วนนี้จะลดระดับจากพื้นห้องครัวลงมา 3 ซม.นะคะเวลาฝนสาดเข้ามายังระเบียง น้ำฝนไม่เข้าในห้องพักค่ะ
พื้นที่ระเบียงขนาด 0.8 x 1.5 ม. มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า อย่างที่จัดไว้ให้ดูขนาด 7 กิโล ก็พอจะหลือพื้นที่ให้วางราวตากผ้าขนาดเล็กก็เต็มแล้วค่ะ
ด้านข้างของเครื่องซักผ้ายังพอมีที่เหลือนะคะ เผื่อใครต้องการเครื่องซักผ้าที่ใหญ่กว่า 7 กิโล ก็สามารถใช้ได้ แต่อย่าให้เครื่องกว้างเกิน 80 ซม.นะคะเดี๋ยวจะวางไม่ได้ค่ะ
ด้านบนของเครื่องซักผ้า เดินปลั๊กไปไว้พร้อมที่ครอบไว้เรียบร้อยนะคะ เพื่อกันน้ำฝนสาดเข้าปลั๊กไฟค่ะ
ที่วางคอมเพรสเซอร์เป็นแบบแขวนทำให้ไม่ต้องเสียพื้นที่ พื้นที่ระเบียงจึงสามารถใช้งานได้เต็มที่ ส่วนตำแหน่งพัดลมคอมเพรสเซอร์หันออกด้านนอกห้องทำให้ความร้อนไม่เข้าห้องค่ะ
ต่อไปมาดูในส่วนของห้องน้ำนะคะ เป็นประตูไม้สำเร็จบานทึบทั้งบาน ไม่มีช่องเปิดระบายอากาศนะคะ ลูกบิดหน้าตาบ้านๆธรรมดาค่ะ
พื้นห้องน้ำถูกปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาวผิวหน้าจะไม่เรียบเงาแบบในห้องครัวซึ่งจะช่วยเรื่องการลื่นภายในห้องน้ำค่ะ พื้นส่วนของห้องน้ำจะลดระดับลงไป 1.5 ซม. เพื่อกันไม่ให้น้ำในห้องน้ำไหลออกไปทำให้ห้องครัวเปียกค่ะ
ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ ฝั่งขวามีการจัดสุขภัณฑ์ และอ่างล้างหน้าไว้เรียบร้อยค่ะ พื้นที่ใช้สอยในส่วนแห้งมีขนาดที่ใช้งานได้สะดวก กว้างประมาณ 1.20 x 1.35 ซม.ค่ะ
อ่างล้างหน้าจัดมาครบนะคะทั้งกระจกติดผนัง และตู้ Built-In ใต้อ่างล้างหน้า ในกรณีที่ของใช้เยอะจนตู้เก็บของที่จัดให้มานี้ไม่พอ ลองเปลี่ยนกระจกเป็นตู้กระจกเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของดูนะคะ
อ่างล้างหน้าของ Toto ขนาดกลางๆ ด้านข้างอ่างล้างหน้าพอจะมีพื้นที่เหลือให้วางของใช้ โฟมล้างหน้าบนตู้ได้นิดหน่อย ก๊อกน้ำลูกบิดใช้ง่ายเหมาะมือดีค่ะ
ตู้ใต้อ่างล้างหน้ามาเป็นชุดกับอ่างล้างหน้านะคะเป็นของ Toto เหมือนกัน เป็นตู้ช่องโล่งไม่มีหน้าบานปิด ตรงนี้ก็เก็บผ้าชิ้นเล็กๆได้และต้องเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมบำรุงก๊อกอ่างล้างหน้าด้วยนะคะ
สุขภัณฑ์ของ Cotto ขนาดไม่ใหญ่มาพร้อมอุปกรณ์ประกอบครบเซ็ทนะคะ ได้แก่ แกนใส่กระดาษทิชชู่ในห้องน้ำและที่ฉีดน้ำ เป็นแบบมาตรฐานทั่วไปค่ะ พื้นที่ระหว่างสุขภัณฑ์กับกำแพงพอนั่งได้อยู่ไม่ถึงกับอึดอัดค่ะ ด้านหลังมีขอบผนังก่อยื่นออกมาใช้วางของเล็กๆน้อยๆได้อีกนะคะ มีความกว้าง 10 ซม.ค่ะ
ชั้นวางของด้านข้างสุขภัณฑ์มีขนาดกว้างยาว 38 x 38 ซม. สูง 1.35 ม. โครงการจัดชั้นไม้ 2 ชั้นกั้นมาให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ ห้องที่ส่งมอบจะไม่ได้มีชั้นไม้กั้นให้นะคะ ลูกบ้านสามารถทำชั้นไม้เพิ่มเองได้ ตามประโยชน์การใช้สอยค่ะ
ในพื้นที่ส่วนแห้งนี้แขวนผ้าขนหนูไว้ให้ก่อนเข้าไปยังส่วนเปียกนะคะ
ฉากกั้นส่วนเปียกเป็นกระจก Tempered Glass มีมือจับฝั่งด้านนอกเป็นแนวนอนใช้ประโยชน์ทั้งเป็นมือจับและใช้พาดผ้าขนหนูได้อีกตำแหน่งค่ะ ในส่วนเปียกหลังฉากกั้นจะถูกลดระดับลงไปจากส่วนแห้งอีก 3 ซม.นะคะ
มือจับด้านในฉากกั้นอาบน้ำขนาดถนัดมือดีค่ะ
พื้นที่ภายในส่วนเปียกหรือในห้องอาบน้ำ มีระยะกว้างยาว 85 x 88 ซม. ขนาดพอจะยืนอาบน้ำหมุนตัวได้เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ
ชุดฝักบัวติดผนังไว้ให้ พร้อมจัดเตรียมระบบเพื่อการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่มุมซ้ายบน โครงการติดเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้ดูตำแหน่งนะคะ ห้องส่งมอบจะไม่ได้มีให้ค่ะ
ขนาดของฝักบัว ถือได้ขนาดถนัดมือดี แต่หัวฝักบัวใหญ่ใช้ได้ ข้างๆกันคือที่เปิดฝักบัว ขนาดถนัดมือดีเช่นกันค่ะ
มีการติดตั้งพัดลมระบายอากาศไว้ให้ เนื่องจากห้องน้ำแบบนี้ไม่มีหน้าต่างระบายอากาศค่ะ ไฟในห้องห้องน้ำก็เป็นดาวไลท์อีกเช่นกันค่ะ
ต่อมาจะพาไปชมห้องนอนนะคะ ในส่วนของห้องนอนจะติดกับห้องรับแขกเลยค่ะ กั้นห้องกันด้วยประตูกระจกสไลด์ ทำให้บรรยากาศโดยรวมในห้องดูโปร่งโล่งไม่ทึบค่ะ เพราะแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านกระจกห้องนอนผ่านเข้ามาถึงห้องรับแขกได้ดีทีเดียวค่ะ
ตัวล็อกบานเลื่อนเป็นแบบฝังมากับบานประตูนะคะ กรอบประตูเป็นอลูมิเนียมอบขาวสะอาดตาดีค่ะ
ประตูเป็นบานเลื่อน 3 บานนะคะทำให้สามารถเปิดห้องได้กว้าง รางบานเลื่อนด้านล่างสูงขึ้นมาจากพื้นนิดหนึ่ง ส่วนพื้นห้องนอนเป็นกระเบื้องยางลายไม้แบบเดียวกับในส่วนของห้องรับแขกและมีระดับพื้นที่เท่ากันนะคะ
ภายในห้องนอนมีเตียงที่จัดไว้ขนาด Queen size ซึ่งเหลือพื้นที่รอบๆเตียงให้เดินได้รอบแต่ด้านข้างฝั่งหน้าต่างเหลือที่ค่อนข้างน้อยไปหน่อย
พื้นที่ปลายเตียงจะติดกับตู้เสื้อผ้าไม่สามารถวางชั้นวางทีวี หรือติดทีวีแบบแขวนผนังได้ มีระยะระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้า 70 ซม. ซึ่งตรงนี้จะเป็นระยะเปิดของตู้เสื้อผ้านะคะ
ด้านข้างเตียงฝั่งที่ติดกับประตูเหลือระยะให้พอเดินขึ้นเตียงได้ 30 ซม.ค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับหน้าต่างมีระยะไว้ปิดม่านและเดินขึ้นเตียง 25 ซม.ค่ะ ซึ่งค่อนข้างแคบไปหน่อยค่ะ
พื้นที่ด้านข้างเตียงหัวเตียงไม่มีพื้นที่เหลือให้วางโต๊ะข้างเตียงได้นะคะ ทางโครงการได้ Built-In ส่วนของกล่องไม้หัวเตียงมาให้สำหรับวางของได้ค่ะ กล่องไม้หัวเตียงนี้มีความกว้าง 10 ซม.นะคะ
ด้านข้างเตียงเดินปลั๊กไฟไว้ให้สำหรับเสียบปลั๊กชาร์ตแบตมือถือ หรือเสียบโคมไฟได้ค่ะ ส่วนด้านล่างเตียงมี function ลิ้นชักเก็บของ แนะนำว่าอย่าเก็บของหนักเพราะลิ้นชักจะเปิดออกยากค่ะ
ผนังอีกฝั่งหนึ่งของห้องประกอบด้วยตู้เสื้อผ้าบานเปิด 2 บาน และชุดโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกเงาค่ะ ภายในตู้เสื้อผ้าแบ่งเป็น 2 ช่องนะคะคือช่องใหญ่เป็นราวแขวนผ้า 1 ราวสามารถแขวนได้ทั้งชุดสั้นและุดยาวนะคะ มาพร้อมตู้ลิ้นชัก 1 ตู้ ส่วนอีกช่องหนึ่งเป็นช่องเล็กด้านบนไว้สำหรับเก็บของได้อีก 1 ชั้นค่ะ
มือจับของตู้เสื้อผ้าเป็นแบบนี้ค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหามือจับหลุด หรือชำรุด ขนาดพอจับได้ถนัดมือดีค่ะ
ประตูตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบ Soft Close นะคะ ภายในมีตู้ลิ้นชัก 2 ชั้นซึ่งลิ้นชักนี้ไม่ได้เปิดปิดแบบ Soft Close ค่ะต้องปิดเบาๆค่ะ
ชุดโต๊ะเครื่องแป้ง Built-In มาให้ 2 ตู้ค่ะเป็นตู้ช่องโล่งไม่มีบานปิด 1 ตู้ และตู้ใส่ของ 2 ชั้น แบบมีบานปิด 1 ตู้ พร้อมกระจกที่ติดอยู่ด้านข้างตู้เสื้อผ้า พื้นที่ใช้สอยหน้าโต๊ะเครื่องแป้งนี้มีพื้นที่ให้วางของได้เยอะพอสมควรค่ะ
หน้าต่างของห้องนอนเป็นบานเล็กๆ 3 บานนะคะแต่ละบานเป็นบานเปิดเดี่ยวผสมกับบานติดตาย ซึ่งให้มาเต็มผนังของห้องนอนยกเว้นส่วนที่เป็นที่ตั้งตู้เสื้อผ้าเท่านั้น แม้ว่าจะไม่ได้หน้าต่างบานใหญ่เต็มบานซึ่งจะเห็นวิวด้านนอกได้ต่อเนื่องกว่า แต่ช่องแสงขนาดนี้ก็เพียงพอกับปริมาณแสงธรรมชาติที่เข้าได้ถึงในห้องนอนและห้องรับแขกดีค่ะ
ระยะเปิดของหน้าต่างบานเปิดเดี่ยวค่ะ เปิดได้ค่อนข้างกว้างทีเดียว แต่ไม่ถึงกับ 90 องศานะคะ
มือจับและตัวล็อคหน้าต่าง ขนาดจับได้ถนัดมือดีค่ะ
ดาวไลท์ในห้องนอนจำนวน 2 ดวงค่ะ พร้อมเครื่องตรวจจับควันค่ะ
สวิตซ์ปลั๊กยี่ห้อ Panasonic หรือเทียบเท่าค่ะ
ต่อไปจะพาไปชมห้องแบบ 2 Bedroom กันบ้าง ห้องตัวอย่างนี้แบบขนาด 48.25 ตารางเมตร ประกอบด้วย 1 ห้องนั่งเล่น 2 ห้องนอน 1 ห้องครัว และ 2 ห้องน้ำค่ะ ขายเป็นแบบ Fully Furnish เมื่อเข้ามาจะมี Foyer (ที่ถอดรองเท้า) เหมือนแบบ 1 Bedroom เข้ามาจะเป็นทางเดินตรงกลางที่จะเป็นทางแจกเข้าห้องต่างๆ เข้ามาจะเจอห้องรับแขกและห้องทานอาหารเป็นห้องแรกมีขนาดไม่ใหญ่มาก ติดกันเป็นห้องครัวจะถูกแยกส่วนจากห้องรับแขกด้วยประตูกระจกบานสไลด์จึงเป็นครัวแบบปิดจัดแบ่งพื้นที่ให้มี Pantry แบบ Built-in พื้นที่ระเบียงจะอยู่ในห้องครัวนะคะมีขนาดไม่กว้างมาก พอสำหรับตั้งราวตากผ้าเล็กๆได้ค่ะ ส่วนห้องน้ำมี 2 ห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องน้ำแขกที่มีเฉพาะส่วนแห้งไม่มีพื้นที่ส่วนเปียกให้อาบน้ำ ส่วนอีกห้องหนึ่งจะเป็นห้องน้ำซึ่งแยกโซนเปียกแห้งชัดเจน ห้องนอนมี 2 ห้อง ซึ่งจะอยู่ส่วนในสุดของห้องทั้ง 2 ห้อง เป็นห้องนอนใหญ่ 1 ห้อง สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size มีตู้เสื้อผ้า Built-inและโต๊ะเครื่องแป้ง และห้องนอนเล็ก 1 ห้องสามารถตั้งเตียงเดี่ยวได้ และ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้
ประตูห้องและพื้นระหว่างโถงทางเดินและห้องพักอาศัย เหมือนแบบห้อง 1 Bedroomค่ะ คือประตูห้องเป็นประตูไม้สำเร็จแบบบานเปิดเดี่ยวและพื้นระหว่างโถงทางเดินและห้องพักอาศัยจะถูกจบขอบด้วยเส้นอลูมิเนียมซึ่งเป็นระดับเดี่ยวกันไม่ได้ยกเป็นธรณีค่ะ
Step เล็กๆระหว่างFoyer กับพื้นห้องรับแขกมีความสูงขึ้นมาประมาณ 2 ซม. เพื่อช่วยกันฝุ่นหรือความสกปรกของรองเท้าไม่ให้เข้ายังส่วนอยู่อาศัยค่ะ
พื้นห้องในส่วนด้านหน้ามีลักษณะเป็น Foyer (โถงทางเข้าห้อง) เหมือนกับแบบ 1 Bedroom นะคะ แต่จะมีพื้นที่ที่ใหญ่กว่าในส่วนนี้เป็นพื้นที่สำหรับถอดรองเท้าเพราะจะมีระดับต่ำกว่าระดับพื้นห้องประมาณ 2 ซม. เพื่อช่วยกั้นฝุ่นหรือความสกปรกไม่ให้ขึ้นมายังส่วนอยู่อาศัยอื่นๆ วัสดุของพื้นในส่วนนี้เป็นกระเบื้องสีขาว เพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ
ตู้ใส่รองเท้าด้านหน้าห้องแบบ Built-In ไว้ให้ค่ะ มีช่องสำหรับใส่รองเท้าหลายช่องทีเดียว ตู้บานเปิดตัวพับจะเป็นแบบ Soft Close นะคะ ส่วนลิ้นชักจะเป็นแบบธรรมดาค่ะ
ด้านข้างตู้ใส่รองเท้าเป็นตู้ Built-in สูงเต็มบานตั้งแต่พื้นถึงฝ้า หน้าบานตู้กรุกระจกสามารถใช้ประโยชน์ในการเช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านได้ค่ะ ซึ่งห้องที่ส่งมอบให้ลูกบ้านจะไม่มีตู้นี้นะคะ จะเก็บไอเดียนี้ไว้ใช้ก็ดูดีค่ะ โดยพื้นที่ตรงนี้จะเป็นที่ว่างมีขนาดประมาณ 98 x 42 ซม.ค่ะ
จากทางเข้ามาในส่วนอยู่อาศัย มองตรงไปจะเห็นประตูห้องต่างๆมากมายนะคะ เริ่มที่ซ้ายมือห้องแรกเป็นห้องน้ำสำหรับแขก (Powder Room) เป็นห้องสุขาเท่านั้นจะไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำค่ะ ถัดไปเป็นห้องน้ำใหญ่ซึ่งจะมีพื้นที่อาบน้ำค่ะ ห้องนอนทั้ง 2 ห้องไม่มีห้องน้ำในตัวนะคะต้องออกมาใช้ในส่วนนี้ค่ะ มองไปตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก และขวามือถัดจากห้องนอนเล็กเป็นห้องนอนใหญ่ และส่วนสุดท้ายขวามือนี้คือส่วนของ Living ที่ใช้เป็นห้องรับแขกและทานอาหารค่ะ
ส่วนของ Living จะถูกปูพื้นด้วยกระเบื้องยางลายไม้เหมือนในแบบห้อง 1 Bedroom นะคะ ความสูงห้อง ผนัง ด้วยจ้า จะประกอบด้วย 2 ส่วนคือส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง และส่วนของชุดโซฟาสำหรับนั่งดูทีวีค่ะ ห้องจึงดูค่อนข้างใช้พื้นที่เต็มห้องนะคะ
พื้นที่รอบโต๊ะทานข้าว ฝั่งซ้ายเหลือพื้นที่ไว้พอสมควรเลยค่ะ ทำให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งทานข้าวได้ แต่ฝั่งขวาแทบไม่เหลือพื้นที่ให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมาค่ะ
ชุดโซฟาสำหรับนั่งดูทีวีมีระยะห่างจากทีวี 1.3 ม.นะคะ ขนาดของทีวีที่เหมาะสมมีขนาด 26 นิ้วค่ะ
ด้านข้างของห้องรับแขกแบบ 2 Bedroomนี้จะมีหน้าต่างทำให้แสงธรรมาติสามารถส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่นะคะ ต่างกับแบบ 1 Bedroomที่ต้องพึ่งพาแสงธรรมชาติที่ส่องมาจากหน้าต่างในห้องนอนเท่านั้นค่ะ เป็นหน้าต่างบานเปิดเดี่ยวผสมบานติดตาย โดยแบ่งเป็นบานย่อยๆ 3 บาน เหมือนกับแบบห้องนอน 1 Bedroom ค่ะ
ชั้นวางทีวีจะเป็นFurniture แบบ Built-In ที่โครงการทำไว้ให้แบบครบชุดนะคะ ประกอบด้วยตู้ลิ้นชักใต้ชั้นวางทีวี และตู้เก็บของแบบบานปิดด้านข้างหน้าต่างอีก 1 ตู้ ซึ่งตู้ลิ้นชักใต้ชั้นวางทีวีจะเป็นตู้ลิ้นชัก 4 ช่องที่ค่อนข้างลึกนะคะทำให้เก็บของได้จุพอสมควรค่ะ ผนังด้านหลังตู้จะมีฉากไม้ตกแต่งและมีชั้นวางของโชว์อีก 3 ชั้น ส่วนตู้เก็บของแบบบานปิดจะมีชั้นวางของ 6 ช่อง บานปิดจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 3 บานทำให้บานประตูเปิดง่าย ไม่หนักค่ะ ด้านขวามือของชั้นวางทีวีจะมีประตูทางเข้าไปห้องครัวนะคะ
ระยะระหว่างโต๊ะรับแขกและชั้นวางทีวีเว้นไว้เป็นทางเดินนะคะ เพระาเป็นระยะสำหรับเปิดลิ้นชักด้วย ส่วนใต้ตู้ลิ้นชักยังมีพื้นที่ที่สามารถวางของได้อีกด้วยนะคะ
ถัดมาในส่วนของห้องครัว ทางเข้าห้องครัวจะถูกกั้นแยกกับส่วนนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ แบบเดียวกับห้อง 1 Bedroomค่ะ
พื้นระหว่างห้องรับแขกและห้องครัวอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีลางของประตูบานเลื่อนกั้นทำให้ไม่ต้องกลัวเดินสะดุดนะคะ โดยพื้นในห้องรับแขกจะเป็นกระเบื้องยางลายไม้ ส่วนพื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้องสีขาว เหมือนแบบห้อง 1 Bedroomค่ะ ส่วนต่อเชื่อมระหว่างพื้นทั้ง 2 ห้องจบด้วยตัวจบอลูมิเนียมเรียบร้อยดีค่ะ
ประตูกระจกบานสไลด์เข้าห้องครัวเป็นแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroomค่ะ
การจัดวางผังของเคาน์เตอร์ครัว รวมถึงอุปกรณ์ที่ให้และขนาด counter ที่ให้เหมือนกับแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ
มีพื้นที่เหลือให้ยืนทำครัวประมาณ 80 ซม.ค่ะ
ประตูกระจกบานสไลด์เพื่อเข้าไปยังส่วนของระเบียง ด้วยวัสดุเป็นกระจกทำให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องครัวได้พอสมควรเลยนะคะ ระเบียงสำหรับห้อง 2 Bedroom นี้ใช้เป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 ตัวบนล่างค่ะ สำหรับแบบ 2 Bedroomนี้เครื่องซักผ้าจะไม่ได้ตั้งอยู่ที่ระเบียงนะคะ แต่โครงการจะออกแบบมีให้เครื่องซักผ้าไปตั้งอยู่ในห้องน้ำแทนค่ะ
แบบ 2 Bedroom ประตูเป็นกระจกบานสไลด์ 2 บานนะคะจะต่างกับแบบ 1 Bedroom ที่เป็นแบบ 3 บานอยู่นิดหนึ่งตรงที่แบบ 3 บานจะเปิดได้กว้างกว่า ความต่างนี้มีเหตุผลจากฟังก์ชันการใช้งานที่ระเบียงห้องนี้ไม่ได้มีไว้ตั้งเครื่องซักผ้าค่ะ ส่วนของรางประตูก็จะเหมือนแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.8 x 1.5 ม. ส่วนหนึ่งต้องแบ่งไปสำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์ทำให้เหลือพื้นที่แค่พอวางราวตากผ้าเล็กๆได้ค่ะ หรือจะทำเป็นราวตากผ้าพับได้ที่ติดตั้งกับผนังเลยก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาพื้นที่ระเบียงเล็กๆได้ค่ะ
ต่อไปเป็นห้องน้ำสำหรับแขก หรือ Powder Room ประตูในห้องตัวอย่างไม่ได้ถูกติดตั้งไว้นะคะ จะแยกไปโชว์อยู่ด้านนอกห้อง ซึ่งเหมือนกับประตูห้องน้ำแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ
ภายในห้องน้ำมีขนาดกว้างประมาณ 1 x 1.5 ม.จะมีเฉพาะส่วนแห้งนะคะ ไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำไว้ให้ค่ะ ภายในมีการจัดสุขภัณฑ์ และอ่างล้างหน้าไว้เรียบร้อยค่ะ ด้านหลังของสุขภัณฑ์มีก่อขอบขึ้นมา กว้างประมาณ 20 ซม. สามารถใช้วางของเล็กๆน้อยๆได้ค่ะ
อ่างล้างหน้าในห้องนี้เป็นแบบลอยตัว ไม่มี Counter นะคะ ขนาดค่อนข้างเล็กกว้างยาว 52 x 27 ซม.ค่ะ ก๊อกน้ำขนาดจับได้ถนัดมือดีค่ะ
พื้นห้องน้ำถูกปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาวผิวด้านช่วยเรื่องการลื่นภายในห้องน้ำค่ะ พื้นส่วนของห้องน้ำจะลดระดับลงไป 2 ซม. เพื่อกันไม่ให้น้ำในห้องน้ำไหลออกไปบนพื้นกระเบื้องยางค่ะ
บรรยากาศห้องน้ำใหญ่ของแบบ 2 Bedroom ขนาดกว้างขวางพอสมควร ห้องนี้ไม่มีสุขภัณฑ์นะคะ ถ้าต้องการปลดทุกข์เบาก็ต้องเข้าที่ห้องน้ำแขกค่ะ ซึ่งบางคนอาจจะไม่คุ้นชิน เพราะบางคนเมื่ออาบน้ำก็จะปลดทุกต่อ กรณีนี้คงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ห้องน้ำกันหน่อยค่ะ โดยตำแหน่งของสุขภัณฑ์จะเป็นตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้าแทนค่ะ ซึ่งเครื่องที่โครงการจัดไว้ให้เป็นตัวอย่างคือเครื่องขนาด 7 กิโลนะคะ แต่ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างเครื่องเหลืออีกนิดหน่อย ถ้าใครต้องการเครื่องขนาดใหญ่กว่านี้ก็สามารถตั้งได้ แต่ก็ต้องวัดขนาดกันให้แน่นอนนะคะ
อ่างล้างหน้ามีขนาดตัวอ่างเท่ากับแบบ 1 Bedroom ต่างกันที่ตู้แบบช่องเปิดใต้อ่างล้างหน้าจะมีขนาดใหญ่กว่าทำให้มีพื้นที่สำหรับวางของมากขึ้นค่ะ
การจัดวางห้องมีการแบ่งส่วนเปียกแห้งด้วยฉากกั้นเหมือนกับแบบ 1 Bedroom ค่ะ
พื้นที่ภายในส่วนอาบน้ำมีระยะกว้างยาว 93 x 128 ซม. ขนาดพอจะยืนอาบน้ำหมุนตัวได้ค่ะ
ต่อไปจะพาไปชมห้องนอนกันนะคะ ประตูของห้องนอนที่ได้จะมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ ตัวบานเป็นไม้สำเร็จสีเรียบนะคะ มือจับเป็นแบบคันโยกเหมือนกับมือจับประตูหลักที่ใช้เข้าห้องพักอาศัยค่ะ
มาชมห้องนอนเล็กกันค่ะ ขนาดห้องใส่ได้แค่เตียงเดี่ยวนะคะ หากวางเตียงชิดด้านหน้าต่างจะทำให้อีกด้านหนึ่งเหลือพื้นที่ด้านข้างเตียงไว้สำหรับใช้สอยได้ แต่เตียงและโต๊ะหัวเตียงไม่ได้แถมมากับห้องนะคะ ห้องนอนเล็กนี้จะให้เฉพาะตู้เสื้อผ้าค่ะ
ด้านข้างเตียงเหลือพื้นที่ให้สามารถวางโต๊ะหัวเตียง หรือโต๊ะเขียนหนังสือได้ค่ะ มีระยะประมาณ 1 ม.ค่ะ
ส่วนพื้นที่ปลายเตียงเหลือแต่พื้นที่แค่พอเดินได้นะคะ มีระยะระหว่างเตียงนอนและตู้เสื้อผ้าประมาณ 50 ซม. ค่ะ
ผนังฝั่งด้านปลายเตียง มีพื้นที่พอที่จะตั้งตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งได้นะคะ โดยตู้เสื้อผ้าแนะนำว่าเป็นแบบบานเลื่อนนะคะ จะได้ไม่ต้องเผื่อระยะเปิดปิดตู้ค่ะเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้องนะคะ เปิดให้ดูภายในตู้เสื้อผ้าค่ะ มีช่องใส่ของต่างๆเหมือนกับตู้ของห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ
ต่อมาจะพามาชมห้องนอนใหญ่เป็นห้องสุดท้ายกันค่ะ เข้ามาจะเจอโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าอยู่ทางขวามือค่ะ ส่วนซ้ายมือจะเป็นตำแหน่งของเตียงนอนขนาด 5 ฟุต (Queen Size) นะคะ ทางเดินระหว่างเตียงนอนกับโต๊ะเครื่องแป้งค่อนข้างกว้างประมาณ 1.2 ม.นะคะ เหลือระยะให้สำหรับดึงเก้าอี้สตูลออกมานั่งได้สบายๆค่ะ แต่โต๊ะเครื่องแป้งกับตู้เก็บของที่ติดกับประตูหน้าห้องไม่ได้ให้นะคะ แต่สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการแต่งห้องได้ค่ะ
พื้นที่ส่วนนี้สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใช้งานได้พอสมควรและสามารถ Built-in ตู้เต็มผนังสูงตั้งแต่พื้นถึงเพดานได้นะคะ เพื่อใช้สำหรับเก็บของและทำให้สามารถใช้พื้นที่ใช้สอยได้เต็มที่ค่ะ
ด้านล่างโต๊ะเครื่องแป้ง มีเดินปลั๊กไฟไว้ให้สำหรับเสียบไดร์เป่าผมด้วยนะคะ
จากเตียงนอนมองไปยังปลายเตียงจะเป็นหน้าต่างในลักษณะ Bay Window นะคะ ทำให้มีช่องให้ดูวิวทิวทัศน์ได้กว้างขึ้นนะคะ แต่เสียดายบานไม่เป็นบานเดียวค่ะ จะเป็นบานเล็กๆ 3 บานนะคะแต่ละบานเป็นบานเปิดเดี่ยวผสมกับบานติดตาย และบานเข้ามุม 1 บานเป็นบานเดียวกัน
หัวเตียงมีการก่อขอบไม้ยื่นออกมาจากกำแพงกว้างประมาณ 10 ซม. สามารถใช้วางของได้ค่ะ ส่วนหัวเตียงด้านในที่ติดกับผนังมีเดินปลั๊กไฟไว้ให้สำหรับใช้เสียบโคมไฟ หรือชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ค่ะ
ระยะข้างเตียงพอเดินเข้าออกได้ซึ่งพอจะตั้งโต๊ะหัวเตียงตัวเล็กๆได้แต่ก็จะทำให้ทางเดินอึดอัดไปซักหน่อย ถ้าไม่ตั้งโต๊ะหัวเตียงก็สามารถใช้ขอบหัวเตียงที่ทางโครงการ Built-in ไว้สำหรับวางของอย่างมือถือ นาฬิกาปลุก ก็ได้ค่ะ
ระยะปลายเตียงกับกระจกมีระยะ 75 ซม. จึงไม่สามารถตั้งชั้นวางทีวีได้นะคะ
ระยะข้างเตียงฝั่งริมหน้าต่างมีระยะพอเดินเข้าออกได้เพียง 30 ซม. เท่านั้นค่ะ
มองมาอีกฝั่งหนึ่งของหน้าต่างเป็นตู้เสื้อผ้านะคะ ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนใหญ่นี้จะต่างจากตู้เสื้อผ้าห้องอื่นตรงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จะมีบานเปิดทั้งหมด 3 บานค่ะ ภายในของตู้เหมือนกับแบบตู้เสื้อผ้าของห้องแบบ 1 Beroom ต่างกันที่บานเปิดของตู้เสื้อจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ คือส่วนชั้นเก็บของด้านบนและส่วนของตู้เสื้อผ้าด้านล่างค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย 9 @ February 2016
- 1 Bedroom อาคาร A , B ชั้น 2-8 เนื้อที่ 28-32 ตร.ม. ราคา 2-2.8 ล้านบาท
- 2 Bedroom อาคาร A , B ชั้น 2-8 เนื้อที่ 39-51 ตร.ม. ราคา 2.8-4.7 ล้านบาท
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 40,000 บาท
- ดาวน์ 12 % ผ่อนดาวน์ 17 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
Moniiq เป็นโครงการในทำเลซอยสุขุมวิท 64 แยก 4 มีระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถี 1 กม. จึงไม่ได้อยู่ในระยะเดินนะคะ ซึ่งเป็นทำเลที่ค่อนข้างสงบเงียบ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวาย ซอยนี้ความอุดมสมบูรณ์ไม่ค่อยมากนัก แค่พอพึ่งพิงได้ ในช่วงกลางวันจะมีร้านอาหารบริเวณหน้าซอยที่ติดกับโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore ที่พอจะมีเลือกหลายร้านหน่อย ส่วนตอนเย็นคงต้องพึ่งโอเอซิสอย่างปั๊ม ปตท. ที่มีร้านอาหารให้เลือกหลายร้านด้านท้ายซอยสุขุมวิท 64 ที่เปิดจนถึงประมาณ 3-4 ทุ่ม หลังจากนั้นก็จะมี 7-11 ค่ะ การเดินทางไปไหนมาไหนในซอยต้องพึ่งพา Shuttle Bus ของโครงการหรือพี่วินนะคะ
การเดินทางโดยรถส่วนตัวสะดวกใช้ได้ เพราะมีทางขึ้นทางด่วนอยู่ไม่ไกล และซอยนี้เป็นทางลัดไปขึ้นทางด่วนด้วยทำให้สะดวกสำหรับผู้เดินทางด้วยทางด่วนเป็นประจำทีเดียว แต่ทำเลตรงนี้ก็เป็นซอยสุขุมวิทที่ไกลจากเมืองพอสมควร การเข้าเมืองจึงมีช่วงเวลารถติดประจำต้องดูและคำนวนเวลาเดินทางดีๆ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถนั่ง Shuttle Bus เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี ส่วนพี่วินนั้นในปัจจุบันยังไม่มีวินตรงหน้าโครงการนะคะต้องเดินออกมาหน่อยประมาณ 420 ม. แต่วันแดดจัดหรือฝนตก ก็ลำบากหน่อยค่ะ อีกทางเลือกหนึ่งคือ Taxi ซึ่งบริเวณหน้าโครงการค่อนข้างหายากนะคะ ต้องมาเรียกตรงเส้นสุขุมวิท 64หรือบนเส้นสุขุมวิทเลยค่ะ
การออกแบบโครงการ สร้างเต็มที่ดินโครงการ 3-1-89.1 ไร่ โครงการมีรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ไม่ล้าสมัยคือสวยแบบ Modern แบ่งตัวอาคารเป็น 2 อาคารคืออาคาร Aเป็นรูปตัว L และอาคาร B เป็นรูปตัว U ในส่วนของทางเข้าโครงการจะเข้าทางใต้อาคาร A ซึ่งวางด้านยาวของของอาคารขนานไปกับถนนสุขุมวิท 64 แยก 4 ตัวอาคาร ชั้น 1 ของโครงการจะเป็นลานจอดรถ ส่วน Facilities ทั้งหมดจะอยู่ที่ชั้น 2 โดยสวนหย่อม Fitness Library Entertainment Room จะอยู่ที่อาคาร A ส่วนสระว่ายน้ำจะอยู่ที่อาคาร B โดยทั้ง 2 อาคารจะล้อมสระและสวนซึ่งอยู่ตรงกลาง ทำให้ห้องพักที่หันหน้าต่างเข้าด้านในโครงการจะได้วิวสระและสวนด้านใน ส่วนวิวด้านนอกโครงการทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น สลับกับที่ว่างของเอกชน ทำให้ได้วิวค่อนข้างโล่ง ไม่มีตึกบังสายตาในระยะประชิด 2 ฝั่งนี้ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปวิวจะเปิดโล่งดี ส่วนวิวทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะติดคอนโด 8 ชั้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ส่วนวิวทิศตะวันตกเฉียงใต้จะติดกับทางด่วน 2 เส้นทาง เส้นหนึ่งอยู่ที่ระดับชั้น 1 และอีกเส้นหนึ่งมีความสูงระดับชั้น 6 ค่ะ
การออกแบบห้องเก็บรายละเอียดการอยู่อาศัยได้ค่อนข้างดีอย่าง Foyer ด้านหน้าห้องซึ่งคอนโดอื่นๆในระดับเดียวกันไม่ได้ทำให้ พื้นที่ใช้สอยภายในห้องสามารถใช้งานได้จริงด้วย Concept การออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น แต่มีบางส่วนที่ยังไม่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนไทยอย่างเช่นห้องน้ำในห้อง 2 Bedroom ซึ่งมี 2 ห้องน้ำแต่มีสุขภัณฑ์อยู่ที่ห้อง Powder Room ห้องเดียว ซึ่งจุดนี้คอนโดทั่วๆไปจะให้ทั้ง 2 ห้องน้ำเลยนะคะ
วัสดุของที่ Moniiq จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีนะคะ Built-in ทั้งห้อง, Top ครัวหินแกรนิต, ฉากกั้นส่วนอาบน้ำเป็นกระจก Tempered Glass,โต๊ะเครื่องแป้งขนาดใช้งานได้และประหยัดพื้นที่ , หัวเตียงทำกล่องไม้วางของให้ และตู้บานเปิดในห้องใช้บานพับแบบ Soft Close ซึ่งตู้เก็บของมีจำนวนมากทีเดียว แต่น่าเสียดายเครื่องดูดควันของ Teka เป็นแบบระบบหมุนเวียนทำให้กลิ่นและควันจากการทำอาหารยังคงอยู่ในห้องครัว และผนังด้านหลังเตาไฟฟ้าไม่ได้ติดกระเบื้องมาให้
พื้นส่วนกลางที่โครงการจัดมาให้ค่อนข้างหลากหลาย คือ สระว่ายน้ำ สวนลอยฟ้า Fitness ห้องสมุด Entertainment Room เทียบกับจำนวนห้องแล้วถือว่าใช้ได้ค่ะ ฟังก์ชั่นต่างๆของส่วนกลางอาจจะมีเล็กบ้างใหญ่บ้างคละกันไป แต่จำนวนที่เยอะและมีฟังก์ชั่นหลากหลายก็ช่วยเรื่องการอยู่อาศัยได้มาก เช่น สวนหย่อมบริเวณชั้น 2 ก็ที่ช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ในห้องเล็กหน่อยได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่อัตราส่วนของที่จอดรถยังให้มาน้อยอัตราส่วน 40 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน ถ้ารวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50 % สำหรับอัตราส่วนลิฟท์ไม่มากค่ะ โดยมีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยรวมทั้งโครงการ 92 : 1 เท่านั้น โครงการค่อนข้างเน้นเรื่องความปลอดภัยในการอยู่อาศัยนะคะ เช่น Lobby จะเป็นประตูกั้น 2 ชั้นค่ะ ประตูที่จะเข้า Lobby ต้องใช้ Key Card ของลูกบ้านเท่านั้นค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 79,500 บาท/ตร.ม., 9 Feb 2016
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลปุณณวิถี ปลายๆ สุขุมวิท แต่เข้าไปในซอยลึกพอสมควร
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – มีทางด่วนให้ขึ้นไม่ไกล เพราะเป็นซอยลัดแต่รถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนพอสมควรทีเดียว
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่าง BTS ปุณณวิถีที่ระยะ 1 กม. ซึ่งไม่ใช่ระยะเดินต้องนั่งรถไปค่ะ
- วัสดุ 7.75/10 – จัดวัสดุมาให้ค่อนข้างดี เป็นแบบ Built-in รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ หลายอย่าง และการเชื่อมต่อระหว่างวัสดุ เช่นกระเบื้องกับลามิเนต ทำได้ดี
- แบบ 8.0/10 – ออกแบบรายละเอียดในการอยู่อาศัยค่อนข้างดีอย่าง Foyer และพื้นที่สำหรับวางของตามขอบมุมต่างๆ แต่มีบางส่วนที่ยังสู้คอนโดอื่นระดับเดียวกันไม่ได้ เช่น ห้องน้ำ
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – Facilities ให้มาเยอะและหลากหลายดีเมื่อเทียบกับจำนวนห้อง แต่ที่จอดรถยังน้อยไปหน่อยค่ะ
- MAIN CLASS
- 7.66 / 10.00
BOTTOM LINE
Moniiq เหมาะกับคนที่ต้องการอยู่ในเมืองย่านสุขุมวิท ที่ต้องการใช้ทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า ทำงานอยู่ในย่านที่ทางด่วนและรถไฟฟ้าไปถึงอย่างสีลม สาทร พระราม 3 ต้องการ ความ Private สูง เพื่อนบ้านน้อยๆ เป็นคนรู้จักตัวเอง ซื้อของตามความต้องการไม่ใช่ตามตลาดที่เขานิยม สนใจเนื้อ Product มากกว่าชื่อยี่ห้อ มีงบประมาณระดับ 2-4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 33,000 บาท/เดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )