รีวิวโครงการ
รีวิวตึกเสร็จ Park Origin ราชเทวี คอนโดห้องฝ้าเพดานสูง ติดถนนเพชรบุรี ใกล้รถไฟฟ้า พร้อม Auto Parking 100% จาก Origin [รีวิวฉบับที่ 2481]
14 มกราคม 2023
รีวิวฉบับที่ 1914 … ช่วงนี้ย่านราชเทวีกำลังมาแรง มีคอนโดเกิดใหม่หลากหลายโครงการ วันนี้เราจะมาดูโครงการของทาง Origin กันดูบ้าง กับโครงการ Park Origin ราชเทวี คอนโด High Rise ติดถนนเพชรบุรี ห่างจาก BTS ราชเทวีประมาณ 400 ม. ตัวอาคารมีการเลือกเส้นสายโค้ง เพื่อเพิ่มดีไซน์ให้กับ Facade อาคาร รวมถึงยังได้ที่จอดรถแบบ Auto Parking 100% ส่วนตัว Product เป็นห้อง Loft ทั้งหมด ฝ้าเพดานสูงถึง 4.25 เมตร ในราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท เราไปชมกันค่ะ
Fact @ 1 August 2019
- Park Origin Ratchathewi (พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน)
- SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี
- ที่ดินประมาณ 1-2-34.5 ไร่
- คอนโด High Rise 41 ชั้น 1 อาคาร 264 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิต
- ที่จอดรถแบบ Auto Parking คิดเป็น 100% แบ่งเป็น
- ที่จอดรถชั้นใต้ดิน 3 ชั้น
- ที่จอดรถบนอาคาร 17 ชั้น
- รถ Sedan สูงได้ 1.80 เมตร
- รถ SUV สูงได้ 2.20 เมตร
- 1 Bedroom 33.9 – 34 ตร.ม. (ตามโฉนด)
- 1 Bedroom Plus 34.8 – 58.6 ตร.ม. (ตามโฉนด)
- Penthouse 70.9 – 114.8 ตร.ม. (ตามโฉนด)
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.7544698, 100.5288454
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
ที่ตั้งโครงการ Park Origin ราชเทวี ตั้งอยู่ติดถนนเพชรบุรีฝั่งขาออกมุ่งหน้าประตูน้ำ ใกล้แยกราชเทวี และ BTS ราชเทวี 400 เมตร เป็นระยะที่เดินได้สบายๆเลย ซึ่งถ้าสังเกตดีๆฝั่งนี้จะไม่มีคอนโดเลยนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแนวราบ และอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น ทำให้ฝั่งนี้ได้เปรียบเรื่องวิวที่ค่อนข้างโล่งทีเดียว
รวมถึงเป็นฝั่งที่ขับเข้าเมืองได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะไปย่านประตูน้ำ ก็ขับขึ้นสะพานข้ามแยกราชเทวีได้เลย ไม่ต้องเสียเวลารอไฟแดง หรือถ้าใครจะไปแถวสยาม ก็เลี้ยวขวาที่แยกราชเทวีได้ สำหรับการมาโครงการก็ไม่ยาก ถ้าใครมาจากถนนพระราม 1 เราแนะนำให้ใช้ถนนบรรทัดทอง เนื่องจากเป็นแยกที่เลี้ยวขวาไปโครงการได้ หรือถ้าใครมาจากแยกราชเทวี จะต้องกลับรถไกลหน่อยนะคะ
นอกจากนี้ยังสามารถกลับรถไปขึ้นทางด่วน ด่านอรุพงษ์ได้อีกด้วย ข้อดีของด่านนี้คือไปได้ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้ง “ดินแดน,พระราม 9-แจ้งวัฒนะ” และ “บางนา-ดาวคะนอง” ทำให้มีตัวเลือกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วเราได้เปรียบเรื่องตำแหน่งที่ตั้งมากกว่าโครงการในทำเลนี้นะคะ
สำหรับทำเล “ราชเทวี” เป็นหนึ่งในทำเลยอดฮิตของคอนโดมิเนียมเลยก็ว่าได้ เนื่องจากต้องบอกว่าทำเลนี้เป็นทำเลที่อยู่ “ใกล้สยาม” ซึ่งทำเลสยามเองมีโครงการคอนโดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะถูกพัฒนาพื้นที่ไปเป็นรูปแบบ Commercial เกือบทั้งหมด ดังนั้นใครอยากอยู่โดยอิงทำเลใจกลางอย่างสยามเป็นหลักก็ต้องขยับออกมาหน่อย ทำให้คำตอบมาลงที่ ราชเทวี เพราะห่างจากสยามเพียง 1 สถานี และเอาจริงๆ ใครฟิตๆ หน่อยไม่ซีเรียสเรื่องแดดร้อน เดินไป Siam Discovery, MBK ได้เลยด้วยซ้ำ
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ระยะใกล้ๆ เราของแบ่งเป็น 3 โซนใหญ่ๆ ด้วยกันเพราะมี Character ที่ต่างกันอยู่ระดับนึงค่ะ
1. ราชเทวี-พญาไท : ปัจจุบันเป็นย่านที่มีทั้ง โรงเรียนกวดวิชา อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม เรียงรายกันไปตลอดทั้งแนว รวมถึงเป็นจุด Interchange กับ Airport Link ทำให้มีคนในย่านนี้ค่อนข้างเยอะ ความอุดมสมบูรณ์ก็ตามมาเป็นร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ส่วนย่านราชเทวีเอง ก็จะมีคาเฟ่ชิคๆ Hostel ก็มีเยอะ และจุดที่ใครๆ จะร้องอ้อในย่านนี้ก็จะเป็น CoCo Walk, Heap ที่เป็นร้านกินดื่มที่เปิดช่วงกลางคืนด้วย
2. สยาม : โซนใกล้ราชเทวีถัดมาก็คือ สยาม บรรยากาศคงไม่ต้องอธิบายมากว่าคึกคักและอุดมสมบูรณ์แค่ไหนนะคะ เพราะแค่ศูนย์การค้าก็เรียงกันมาตั้งแต่ Central World จนมาถึง MBK รวมกันตลอดถนนพระราม 1 ก็อยู่ที่ 5 ศูนย์การค้าไปแล้ว และยังมี Lifestyle Mall ที่รวมร้านอาหาร หรือจะเป็นร้าน Stand Alone อีกมากมายที่สยาม นอกจากนี้ยังมีเป็นแหล่งสถานศึกษา ทั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนสาธิตจุฬา เป็นต้น
3. ประตูน้ำ : จากแยกราชเทวีขับตรงไปบนถนนเพชรบุรีมุ่งหน้าฝั่งประตูน้ำไม่ไกลเลยนะคะ ก็ถึงโซนประตูน้ำที่เป็นอีกจุดโซนคึกคัก มีห้างขายส่งเสื้อผ้าดังอย่าง Shibuya, Platinum, Paladium และ IT อย่างพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำอีกด้วย นอกจากเรื่องช้อปปิ้งแล้ว ก็มีของกินราคาตั้งแต่ริมทางหลักสิบไปถึงหลักร้อยครบเช่นกัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ โครงการห่าง BTS ราชเทวี ประมาณ 400 เมตร ระหว่างทางไปเดินได้สบายๆ แดดไม่แรง เนื่องจากมีตึกแถวช่วงบังให้นะคะ รวมถึงเป็นสถานีที่ห่างจาก BTS สยาม เพียง 1 สถานี ซึ่งสยามเป็นจุดเปลี่ยนขบวนกับสายสีเขียวอ่อน หรือถ้านั่งไปอีกทางก็จะเป็น BTS พญาไท ซึ่งเป็นจุด Interchange กับ Airport Link ที่ไปสุวรรณภูมิได้ง่ายเช่นกัน ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น นอกจากนี้โครงการของเราอยู่ติดถนนเพชรบุรี ทำให้เรียกรถ Taxi, พี่วินมอเตอร์ไซค์ และรถสาธารณะต่างๆ ได้ง่ายเลย
การเดินทางวันนี้ ขอเริ่มจาก BTS ราชเทวี ไปโครงการ เพื่อชมบรรยากาศและสภาพแวดล้อมโดยรอบ ไปดูกันเลยค่ะ
เริ่มบน BTS ราชเทวี ซึ่งเรามาถึงประมาณ 10 โมงแล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีคน แต่ถ้าช่วงเช้าหรือเย็นๆหน่อยจะคึกคักทีเดียว
พอเราลงมา ให้เดินตามป้ายไปทางออกหมายเลข 3 เพื่อจะไปโครงการนะคะ ซึ่งโครงการเราจะอยู่ห่างสถานีประมาณ 400 เมตร เป็นระยะที่เดินสบายค่ะ
เดินลงมาจากสถานี เราจะเห็นธนาคารกรุงไทยอยู่ฝั่งขวามือ ซึ่งด้านหน้าธนาคารจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ หากใครรีบก็สามารถใช้บริการพี่วินได้เลย
หันกลับมาจะเป็นแยกราชเทวีพอดีเลย ซึ่งมีรถขับผ่านตลอดทั้งวันอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวเปลี่ยว หรือเรียกรถยาก แต่ช่วงเวลาเร่งด่วนแถวนี้ติดทีเดียวค่ะ
เดี๋ยวเราจะพาข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามกัน ซึ่งสังเกตว่าทางเดินบริเวณนี้เพิ่งจะปรับปรุงมาใหม่ๆเลยนะคะ ทางเดินเท้ากว้างใหญ่ พร้อมมีทางเดินคนพิการมาให้เรียบร้อย
การข้ามถนนบริเวณแยกนี้ต้องข้ามทั้งหมด 4 ช่วงด้วยกัน เนื่องจากเป็นแยกขนาดใหญ่ การซอยเป็นช่วงสั้นๆ ก็ทำให้ข้ามได้ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น
ฝั่งนี้ก็ทางเดินเท้ากว้างเช่นเดียวกัน ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นเขตก่อสร้างของตึก Spring Tower นะ
ก่อนจะไปต่อขอแวะ มาพูดถึงอาคาร Spring Tower ก่อน โครงการนี้เป็นตึก Mixed Use ขนาดใหญ่ ภายในมีทั้งโรงแรม อาคารสำนักงาน และ Service Apartment ที่จะพัฒนาให้ย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นนะคะ
กลับมาต่อกัน ระหว่างทางไปมีตึกแถวเรียงกันเป็นแนวยาว ส่วนใหญ่จะทำชั้นล่างเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ที่เราแวะกินข้าวก่อนกลับห้องได้ค่ะ
Sale Gallery ของเรา อยู่ติดสำนักงานขาย Lotus Sleep Studio เป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ที่นอน ถ้าใครจองห้องแล้ว จะมาเดินเลือกเตียงกันชิวล์ๆก็ได้นะ > <
สำหรับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นถนนกว้าง 6 เลน ซึ่งจะข้ามถนนแนะนำให้ใช้สะพานลอย หรือทางม้าลายดีกว่านะ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งใกล้ๆโครงการจะมีสะพานลอยอยู่นะ
เราลองปักตำแหน่งตัวโครงการและสถานที่โดยรอบจาก Google Maps แบบ Satellite จะเห็นชัดเลยว่าโดยรอบโครงการแทบจะไม่มีอาคารสูงเลย ส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งทิศใต้ ที่ติดกับถนนเพชรบุรี ซึ่งถัดไปกำลังจะเป็นแนวคอนโด High Rise เนื่องจากมีคอนโดที่กำลังขึ้นหลายโครงการ ซึ่งพอเทียบกันแล้วโครงการเราจะได้เปรียบเรื่องวิวมากกว่านะ รวมถึงห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 19 ทำให้ไม่มีห้องไหนโดนบังวิวในระยะประชิดเลยนะคะ
ทิศใต้ : ติดกับถนนเพชรบุรี ที่ฝั่งตรงข้ามมีตึกสูง Bangkok City Hotel ซึ่งอาจจะบังวิวห้องในทางทิศใต้อยู่บ้าง แต่ไม่มากนักเนื่องจากมีระยะห่างพอสมควรเลย
ซึ่งโครงการของเราจะไม่สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกไปแถวย่านประตูน้ำได้ แต่ถ้าขับผ่านสี่แยกด้านล่างก็รอรถติดไม่นานนะคะ
ทิศตะวันตก : เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ที่ไม่มีผลกระทบกับโครงการเลย เนื่องจากโครงการเริ่มห้องพักอาศัยที่ชั้น 19 ค่ะ
ทิศเหนือ : หันไปทางถนนศรีอยุธยา ที่ไม่มีตึกสูงบัง เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสถานีที่ราชการ ซึ่งจะช่วยการันตีวิวได้ระดับนึงค่ะ
ทิศตะวันออก : หันไปทางเส้น BTS ซึ่งก็ไม่มีตึกสูงในระยะประชิดเช่นกัน แต่ฝั่งขวามือจะมี Spring Tower ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้า
- Siam Paragon ~ 1.5 กม.
- Central World ~ 1.6 กม.
- เกษร วิลเลจ ~ 1.9 กม.
- Central Chidlom ~ 2.1 กม.
- Central Embrassy ~ 2.4 กม.
สถานศึกษา/มหาวิทยาลัย
- อาคารวรรณสรณ์ ~ 750 ม.
- โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ~ 1.5 กม.
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ~ 1.5 กม.
- โรงเรียน มาแตร์ เดอี ~ 2.1 กม.
โรงพยาบาล/สถานพยาบาล
- โรงพยาบาลพญาไท ~ 1.2 กม.
- โรงพยาบาลมิชชั่น ~ 1.4 กม.
- BDMS Wellness Center ~ 2.6 กม.
- โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ~ 3.2 กม.
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ~ 3.3 กม.
กลับมาอีกครั้งกับแบรนด์ Park Origin ซึ่งเป็นคอนโดระดับ Super Luxury จาก ออริจิ้น ที่เปิดตัวโครงการพร้อมกันถึง 2 โครงการ ในย่านที่ไม่ห่างกันมาก โดยวันนี้เราจะขอพาไปเจาะลึกกับโครงการ Park Origin ราชเทวี เป็นคอนโด High Rise สูง 41 ชั้น ภายในโครงการมีจำนวนยูนิตเพียง 264 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนตัว รวมถึงจุดเด่นเลยจริงๆมี 3 จุดด้วยกัน
- โครงการติด MRTราชเทวี ในอนาคต เรียกได้ว่า 0 เมตรจากตัวสถานีเลย
- โครงการมีที่จอดรถแบบ Auto Parking 100% แต่ที่จอดแบบนี้ ต้องใช้เวลาในการเก็บรถ และเอารถนะคะ จะไม่สามารถเดินไปเอาของเองได้ตามใจชอบ
- โครงการมี Facilities จัดเต็มที่ชั้นบน ทำให้มองวิวมุมสูงของโครงการได้
แนวคิดการออกแบบ
เริ่มต้นรายละเอียดโครงการ เราขอพูดถึงแนวคิดการออกแบบกันก่อนนะคะ เพื่อให้คุณผู้อ่านเข้าใจถึงที่มาที่ไปของการออกแบบมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบโครงการระดับ Super Luxury หลายคนที่ติดตามก็จะรู้กันอยู่แล้วว่า Developer จะค่อนข้างใส่ใจในเรื่องนี้พอสมควร เพราะกลุ่มลูกค้าระดับที่เขาต้องการจะขายไม่ได้เลือกซื้อ เพราะความคุ้มค่าด้านราคาอย่างเดียว แต่ก็พิจารณาและให้น้ำหนักเรื่องของความชอบ+รสนิยมที่เหมาะกับตัวเองอีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังออกแบบมาใน “Concept : Private Living Oasis” ที่ออกแบบให้มีจำนวนยูนิตไม่มาก เพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึงมีการใช้เส้นสายโค้ง เข้ามาทำให้รู้สึกเคลื่อนไหวของธรรมชาติ ซึ่งตัวอาคารจะดูไม่แข็งจนเกินไป รวมถึงมี Gimmick โดยออกแบบให้เจอพื้นที่แคบก่อนๆ เพื่อมุ่งสายตาไปที่ปลายทาง แล้วพอเดินมาสุดทางจะเจอกับพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ เพื่อให้ความรู้สึก Grand มากยิ่งขึ้น
สำหรับรายละเอียดตัวอาคารนี้เป็น High Rise สูง 41 ชั้น เนื้อที่ดิน 1-2-34.5 ไร่ โดยมีจำนวนยูนิต 264 ยูนิตด้วยกัน การจัดวางผังในรูปแบบ Verticle จะแบ่งเป็นดังนี้
- ชั้น B1-B3 : เป็นชั้นใต้ดินของโครงการซึ่งจะเป็นที่จอดรถทั้งหมด
- ชั้น 1 : มีพื้นที่ Lobby Lounge โดยมีความสูงแบบ Double Volume เพื่อทำให้ภายในรู้สึกโล่งมากยิ่งขึ้น
- ชั้น 2 : เป็นพื้นที่ Facilities ของโครงการ มีทั้ง Co-working space และ Private Meeting Room
- ชั้น 2-18 : เป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดโดยมีจำนวนช่อง 100% เต็ม ซึ่งจะได้ 1 ห้อง/คัน แต่ห้อง Penthouse ชั้นบนสุดจะได้ 2 คัน/ห้องค่ะ
- ชั้น 9-38 : เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด (Typical Floor Plan) โดยมีจำนวน 13 ยูนิต/ชั้น
- ชั้น 39-40 : เป็นชั้น Main Facilities ของโครงการ ข้อดีคือแม้จะไม่พักอาศัยอยู่ชั้นสูงๆ ก็สามารถขึ้นมาชมวิวมุมสูงของโครงการได้นะ
- ชั้น 41 : เป็นห้อง Penthouse โดยมี 4 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งได้ความเป็นส่วนตัว + วิวมุมสูง
- ชั้น Roof Top : เป็นชั้น Sky Garden ตรงนี้จะมีทางเดินเป็นรูป Zig Zag สูงขึ้นไป 2 ชั้น เพื่อให้เดินออกกำลังกายได้อีกด้วย
Ground Floor Plan การเดินรถภายในโครงการนี้จะเป็นแบบ One Way โดยจะมี Gate อยู่ก่อนถึง Drop Off ซึ่งหากมี Visitor ขับมาส่งลูกบ้านแล้วจะ Drop Off กลับตัวออก จะต้องผ่านป้อมรปภ.ก่อน เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่นี่จะใช้ Keycard Access ระยะไกล ( Easy Pass ) ที่ไม่ต้องลดกระจกลงมา รวมถึงมีประตูบานเลื่อน ที่ปิดเฉพาะตอนกลางคืนด้วย ส่วนช่องจอด Visitoe มามีให้แค่ 2 ช่อง ที่เรามองว่าน้อยไปหน่อยนะ
ส่วนการจอดรถต้องวิ่งไปด้านข้างอาคาร ซึ่งอาคารเราจะมีทางเข้าที่จอดรถ Auto Parking ด้วยกัน 3 จุด ทำให้ไม่ต้องรอกันนาน ข้อดีของ Auto Parking ทำให้เรามีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับเวลาที่ไม่สามารถใช้งานได้ตามใจชอบ เหมือนที่จอดรถแบบปกตินะคะ ส่วนการรับรถของที่นี่ จะสามารถเรียกได้ภายใน Lobby เลย เพราะมีจอแสดงผลให้เมื่อรถมาแล้ว แต่ยังไงก็ต้องเดินออกไปเอารถด้านนอกอยู่ดี เข้ามาภายในมี Lobby สูงแบบ Double Volume ที่ทำให้บรรยากาศดูโล่งมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ไม่ต้องใช้ Key Card เวลามีคนมาหาสามารถนั่งรอบริเวณนี้ได้ ส่วนถ้าจะขึ้นด้านบนอาคาร ต้องใช้คีย์การ์ดบริเวณโถงลิฟต์ก่อน ซึ่งจะเป็นลิฟต์ล็อคชั้นนะ
ทางเข้า-ออกของโครงการอยู่ติดถนนเพชรบุรี จะเป็นทางแคบก่อนแล้วเข้าไปกว้างขึ้นทางด้านใน เมื่อเข้าโครงการแล้วจะเจอกับพื้นที่ Drop off แต่ต้องวนรอบโครงการก่อนถึงจะจอด Drop Off ได้ ซึ่งจะทำให้ความเป็นส่วนตัวภายในโครงการลดลงเล็กน้อย ส่วนลูกบ้านจะไปจอดรถที่ด้านข้างอาคาร เดินรถเป็นแบบ Oneway เพื่อให้สะดวกต่อการจราจร ด้านหลังของอาคารเป็นช่องเข้าจอดรถ 3 ช่อง โดยมีจำนวน Auto Parking 100% โดยจะได้ 1 ห้อง/คัน เนื่องจากโครงการมีแต่ห้อง 1 Bedroom เท่านั้น แต่ห้อง Penthouse ชั้นบนสุดจะได้ 2 ห้อง/คันค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ตรงนี้สามารถเดินบันไดขึ้นมา หรือขึ้นลิฟต์มาก็ได้ ชั้นนี้มีพื้นที่ Private Meeting Room ที่ต้องจองห้องก่อนใช้งาน และ พื้นที่ Co-Working Space บริการให้กับลูกบ้านอีกด้วย
มาดูภาพ Perspective กันต่อ สังเกตหน้าตาอาคารจะมีเส้นโค้งใส่เข้าไป เพื่อให้ความรู้สึกลื่นไหลตามธรรมชาติ รวมถึงเส้นแนวนอนที่ยังมีความ Curve เล็กน้อยด้วย ส่งผลให้ตัวอาคารไม่ดูแข็งจนเกินไปค่ะ
สำหรับพื้นที่ Lobby ตรงนี้จะได้ความสูงแบบ Double Volume พร้อมกระจกสูงเต็มพื้นที่ ข้อดีคือสามารถมองวิวและรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ รวมถึงภายในจัดที่นั่งมาให้หลายชุด เป็นจุดที่คนภายนอกจะนั่งรอบริเวณนี้ได้
ชั้นนี้เป็นชั้น Typical Floor Plan ชั้น 19 – 38 ซึ่งมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 13 ยูนิต ลักษณะการวางผังเป็นรูปตัว L โดยวาง Core ลิฟต์อยู่ตรงกลาง ทำให้ห้องแต่ละปีกอาคารเดินได้สะดวก ไม่มีฝั่งไหนไกลเกินไป ส่วนอัตราส่วนลิฟต์ที่นี่จะอยู่ที่ 132 : 1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นนะคะ และโดยเฉพาะโครงการระดับ Super Luxury แล้วเราว่าจริงๆ น่าจะให้ลิฟต์มาเพิ่มอีกหน่อยเพื่อลดเวลาการรอลิฟต์ขึ้น-ลง
สำหรับตำแหน่งของห้องที่น่าสนใจก็มี ห้อง 01, 02, 03, 04 และ 05 โซนฝั่งขวามือ(เส้นปะสีแดง) ที่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้เป็นประตูห้องเพื่อนบ้าน ความรู้สึกจะกึ่งๆ เหมือนได้ Single Corridor แม้จะไม่ใช่นะคะ ส่วนห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นมาหน่อย โดยมีผนังฝั่งนึงไม่ติดกับเพื่อนบ้าน 10,11,12 (เส้นปะฟ้า) ที่จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ถัดมาที่ส่วน Hilight ของโครงการ โดยได้ยก Facilities มาไว้ที่ด้านบน ข้อดีคือแม้ว่าเราจะซื้อห้องชั้นล่างๆ แต่เราก็ยังสามารถขึ้นมาชมวิวมุมสูงของโครงการได้ ก่อนอื่นเราขอพูดถึง Facilities ต่างๆ โดยชั้นนี้ให้มาจัดเต็มทีเดียว มีส่วนที่ต้องจองก่อนใช้งาน อย่าง Private Spa และ Theatre Room ที่เตรียมพื้นที่มาให้ใช้งานแล้ว นอกจากนี้ยังมีทั้งส่วน Co- Working Space ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ทำงาน หรือถ้าใครอยากปาร์ตี้ก็มีทั้ง Sky Lounge และ Wine Lounge ที่สามารถมานั่ง hang out เล็กๆน้อยๆได้ในบริเวณนี้
ถัดมาที่ชั้น 40 ก่อนอื่นเราขอพูดถึงพื้นที่สระว่ายน้ำก่อน ตรงนี้ก็ออกแบบมาตามคอนเซปต์โดยจะใช้พื้นที่แคบก่อน แล้วค่อยออกไปเป็นที่กว้างขนาดใหญ่ เพื่อให้ความรู้สึกดู Grand มากยิ่งขึ้น ตัวสระว่ายน้ำหันออกฝั่งถนนเพชรบุรี สระเป็นระบบเกลือ กว้าง 5 x 20 เมตร ลึก 1.20 เมตร ที่สามารถว่ายน้ำจริงจังได้ พร้อม Endless Pool คือเครื่องว่ายทวนน้ำ ที่ใช้ออกกำลังกายได้อีกจุด 1 นอกจากนี้ยังมี Pool Bed ที่สามารถนอนชมวิวได้สบายๆ ส่วนถ้าใครไม่อยากเปียกก็มีส่วน Sunset Amphitheatre ในทิศตะวันตก ให้นั่งมองพระอาทิตย์ตกได้อีกด้วย
มาดูอีกฝั่งจะเป็นห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ ที่ให้มาจัดเต็มทีเดียว ที่นี่ก็มีทั้งโซน Cardio , Weight Training และห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถมาทำกิจกรรมเองได้ โดยจะได้กระจกรอบ ที่มองวิวด้านนอกได้ และสามารถมองลงไปบริเวณ Sky Lounge ของชั้น 39 ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงมาให้ ซึ่ง Gimmick อยู่ที่ภายในมีห้อง Private Onsen ให้ใช้บริการ ซึ่งตรงนี้ต้องจองก่อนใช้งานด้วยนะคะ
โดยสระว่ายน้ำจะเป็นแบบ Outdoor เลย ข้อดีคือเราสามารถว่ายน้ำไปชมวิวท้องฟ้าไปได้ด้วย แต่จะไม่สามารถบังแดดบังฝนได้นะคะ ซึ่งตรงนี้ก็มีการเล่น Facade โดยใช้เส้นสายโค้งให้ดูลื่นไหลไปกับธรรมชาติ
ก่อนที่จะไปชั้น Roof Top จะมีชั้น Penthouse ก่อน โดยจะอยู่ที่ชั้น 41 ของโครงการ ซึ่งจะมีเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งห้องนี้จะได้ที่จอดรถห้องละ 2 คันนะคะ
ขึ้นมาที่ชั้น Roof Top จะมี Walking Triail เป็นทางเดิน Zig Zag ขึ้นไปชั้นลอย โดยจะมีที่นั่งมาให้เป็นจุดๆ ที่สามารถพักชมวิวพระอาทิตย์ตกได้ โดยตรงนี้สามารถใช้ลิฟต์ขึ้นมาได้นะ
ส่วนชั้นลอยของชั้น Roof Top ตรงนี้จะต้องเดินจากชั้นเมื่อกี้ขึ้นมาเท่านั้น โดย hilight เลยอยู่ที่จุด The Cliff (ฝั่งขวามือ) เป็นจุดชมวิวที่ยืนออกไปเล็กน้อย เพื่อให้สามารถเห็นวิวแบบ 180 องศาได้เลย
ภาพ Perspective จำลองพื้นที่ Main Facilities ที่ชั้นบน
บริเวณ Sky Lounge จะได้ความสูงแบบ Double Volume พร้อมกระจกสูงเต็มพื้นที่ เพื่อให้รับวิวและแสงธรรมชาติได้เต็มที่ค่ะ
จำลองบรรยากาศพื้นที่ Private Onsen ที่มองเห็นวิวด้านนอกได้เต็มที่ โดยตำแหน่งจะอยู่ฝั่งทิศตะวันตก ที่นอนแช่ตัวดูพระอาทิตย์ตกดินหรือดูดาวได้
สำหรับ Sale Gallery ก็อยู่ในที่ดินโครงการเลยค่ะ ทางเข้าได้ความสูงแบบ Double Volume เพื่อทำให้บรรยากาศดู Grand มากยิ่งขึ้น
ภายในถูกออกแบบให้มีฝ้าเพดานสูง เพื่อสื่อถึงบรรยากาศของห้อง Loft ที่ช่วยให้ดูโล่งมากกว่าปกติ รวมถึงมีการตกแต่งพื้นเป็นลายหินอ่อนให้ดูหรูหราเข้ากับโครงการ พร้อมเส้นสายโค้ง ที่ทำให้บรรยากาศดูลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1
- Lobby Lounge
- Waiting Lounge for automatic parking
- Mailbox
- Smart Locker
- Storage Room
- Sky Lounge
- Theatre Room
- Private Spa
- Co-working Space
- Wine Lounge
- Sky Pool ระบบเกลือ ขนาด 5×20 ลึก 1.2 เมตร
- Endless Pool
- Sunset Amphitheatre
- Fitness
- Sky Garden 2 ชั้น
ห้องที่นี่จะเป็นห้องแบบ Loft ทั้งหมด โดยราคาเฉลี่ยทั้งโครงการของที่นี่ จะคิดพื้นที่รวมชั้นลอยด้วยนะคะ แต่ข้อดีสำหรับห้อง Loft คือเวลาจ่ายค่าส่วนกลาง จ่ายเฉพาะพื้นที่ตามโฉนดเท่านั้นนะคะ ตัวโครงการนี้ขายแบบ Fully Fitted ที่มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in บางรายการมาให้ด้วย โดยห้องพักมีให้เลือกหลากหลายขนาด แต่หลักจะเป็นห้อง 1 Bedroom + 1 Bedroom Plus แต่จะมีรูปแบบและขนาดที่แตกต่างกันออกไป โดยวันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.90 ตร.ม. และ 46.20 ตร.ม. ซึ่งโครงการนี้จะเป็นห้อง Loft ทั้งหมดโดยได้ความสูงประมาณ 4.25 เมตร ทำให้บรรยากาศภายในโล่งทีเดียว
สำหรับห้องแบบ Loft และ Duplex มีความแตกต่างกันนะคะ สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ห้องตัวอย่างแรกคือห้อง 1 Bedroom Plus โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 60.00 ตร.ม. แบ่งเป็นชั้นล่าง 46.20 ตร.ม (ตามโฉนด) ส่วนชั้นบนมีขนาด 13.80 ตร.ม. ห้องนี้เหมาะอยู่อาศัย 3-4 คนกำลังดี เนื่องจากมีห้องอเนกประสงค์ที่สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้พอดี โดยห้องนี้จะได้เครื่องปรับอากาศ 3 ตัวเป็น Conceal Typeทั้งหมดเลย พร้อมความสูง Common Area + ห้องนอน 4.25 เมตร ที่ทำให้ภายในดูโล่งมากยิ่งขึ้น
ห้องนี้ออกแบบให้ Service อยู่ด้านใน โดยจะได้ครัวปิด ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้ กลิ่นจะไม่รบกวนไปฟังก์ชันอื่นๆ แต่เนื่องจากห้องครัวอยู่ด้านใน อาจจะต้องใช้ Hood ช่วยด้วยนะคะ ซึ่งทางโครงการเตรียมมาให้เรียบร้อยแล้วด้วย ส่วนห้องน้ำจะมีทั้งหมด 2 ห้อง เพื่อแยกใช้งานกับผู้อยู่อาศัยกับแขกที่มาเยี่ยมบ้าน เพื่อความเป็นส่วนตัว
ถัดมาที่ส่วน Common Area จะมีขนาดใหญ่จัดเป็นโซน Living + Dining รวมกันได้ พร้อมทั้งกระจกสูงที่มองเห็นวิวภายนอกได้เต็มที่ แต่ตรงนี้จะไม่มี Terrace ให้ออกไปยืนสูดอากาศนะ ส่วนห้องนอนจะถูกวางไว้ที่ชั้นล่าง เพื่อให้ได้ฝ้าเพดานสูง ภายในจะได้ดูโล่งมากยิ่งขึ้น พร้อมกระจก Bay Window ที่ทำให้มองเห็นวิวได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังมีฐานเตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวี ที่โครงการเตรียมไว้ให้แล้วเรียบร้อย ส่วนห้องชั้นลอยจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่มาพร้อม Walk in Closet ในตัวด้วย
โครงการให้ Digital Door Lock จาก Samsung มาด้วย โดยฟังก์ชันการใช้งานจะรองรับทั้ง Keycard, Password, กุญแจ และเพิ่มเติมคือ Finger Scan ซึ่งฟังก์ชันนี้เราชอบมากเพราะเป็นคนขี้เกียจพกบัตร พกกุญแจรุงรัง และเผลอๆ ลืมรหัสผ่านอีก ใช้นิ้วสแกนเลยจบ
สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ Park Origin ราชเทวี นอกจากการตกแต่งที่ได้ Fully Fitted ครบแล้วยังมีการเพิ่ม Technology & Security ที่มากขึ้น โดยได้ Home Automation เป็นมาตราฐานทุกห้อง โดยภายใน App สามารถเปิดปิด ไฟ / แอร์ และเชื่อมต่อกับ Digital Door Lock กับโทรศัพท์ได้ด้วยนะคะ
เข้ามาภายในห้อง จะเจอกับส่วน Pantry เล็กๆก่อน ซึ่งฝั่งขวามือทางโครงการได้ Built-in ตู้รองเท้ามาให้เรียบร้อย
พื้นห้องนี้เป็น Engineering Wood หนา 10 มิลลิเมตร ซึ่งข้อดี คือ ผิวสัมผัสเหมือนไม้จริงมากกว่าลามิเนต รวมถึงทนน้ำและความชื้นได้ระดับนึงค่ะ
ฝ้าเพดานบริเวณนี้ Drop ลงมาเล็กน้อย เนื่องจากโครงการได้ซ่อนแอร์ไว้ด้านใน ซึ่งของจริงเราจะได้เป็น Conceal Type แบบนี้เลย
เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วน Common Area ซึ่งบริเวณนี้จะเป็น Double Space สูง 4.25 เมตร บรรยากาศโปร่งโล่งมากกว่าห้องทั่วไป อีกทั้งยังได้ช่องแสงขนาดใหญ่จากหน้าต่างอีกด้วย
พื้นที่มุมนี้วางโซฟาขนาดใหญ่ 4-5 ที่นั่งได้ โดยมีความกว้างวางโต๊ะกลางได้อีกด้วย ส่วนระยะทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร ก็จะเหมาะกับการติดตั้งทีวีขนาดประมาณ 40″-46″ ซึ่งเป็นขนาดที่พอดีกับระยะสายตาค่ะ
ผนังตรงชุดวางทีวี ของจริงจะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวปกติค่ะ
ส่วนตู้ Built in ด้านล่าง จะได้เป็นกระจกหน้าบานสีชาขอบทอง ที่ทำให้ห้องนี้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น โดยตู้ฝั่งซ้ายจะเป็นตู้ด้านล่างทีวี ที่สามารถเก็บของได้นิดหน่อย ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นตู้รองเท้า ซึ่งจะช่วยลดปัญหากลิ่นรองเท้า ที่จะกระจายเข้ามาในฟังก์ชันอื่นๆได้
บริเวณนี้จะวางโต๊ะรับประทานอาหาร 4 ที่นั่งได้กำลังดี โดยหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วจะมีพื้นที่เหลือรอบเดินได้สบายค่ะ
บริเวณนี้ยังได้หน้าต่างสูงเกือบเต็มพื้นที่ผนังด้วย โดยจะได้เป็นขอบอลูมิเนียมสีดำ Anodize พร้อมกระจกลามิเนต + PVB Ocean Grey Tint + PVB Acoustic + Clear Glass ซึ่งจะทำให้มองวิวได้ชัดเจนพร้อมกั้นเสียงได้ระดับนึง ของจริงจะไม่มีเสากั้นกลางนะคะ ซึ่งพอเป็นกระจกยาวเต็มพื้นที่ จะทำให้เรามองเห็นวิวได้เต็มที่ค่ะ
นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้ง ที่สามารถช่วยระบายอากาศภายในห้องได้
ฝ้าเพดานสูง 4.25 เมตร โดยจะฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ แต่ด้วยความสูงแบบนี้เราสามารถติดไฟห้อยระย้าเพิ่มเติมได้ ทำให้ห้องดูสวยงามมากขึ้น
โดยบริเวณ Common Area เราจะมองเห็นห้องชั้นลอยด้วย ส่วนชั้นล่างจะเป็นห้องครัวปิดของห้องเราค่ะ
ถัดมาที่ส่วนครัวกันก่อนนะคะ ซึ่งได้เป็นครัวแบบปิด ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้สบายๆ เนื่องจากทางโครงการติดตั้ง Hob & Hood มาให้เรียบร้อย โดยจะดูดควันออกด้านนอกอาคาร (Exhausted) ซึ่งจะได้หน้าต่าง 2 ฝั่ง ทำให้ภายในห้องดูไม่อึดอัดค่ะ
ห้องครัวมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ซึ่งบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้ได้พื้นที่ทางเดินที่กว้างมากขึ้น ความสูงตรงนี้อยู่ที่ 2.10 เมตร เป็นระยะใช้งานสบายๆนะ
ทางเข้าเป็นขอบอลูมิเนียมแบบฝั่งพื้น ไม่ต้องกลัวสะดุดนะคะ ซึ่งหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์จะมีพื้นที่ใช้งาน 1.30 x 1.35 เมตร ที่สามารถใช้งาน 1-2 คนได้พอดี ส่วนพื้นจะเป็นแกรนิตโต้สีขาว เช็ดทำความสะอาดง่าย
สำหรับชุดเคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L ซึ่งเวลาใช้งานตู้จะเปิด 2 ฝั่ง พร้อมกันไม่ได้ โดยลูกค้าจะได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าจะมีไมโครเวฟมาให้ แต่ตู้เย็นจะไม่ได้ให้มานะคะ
เรามาดูรายละเอียดกันนะคะ สำหรับตู้เก็บของด้านบนจะมีหลากหลายช่อง ให้เลือกวางอุปกรณ์ครัวได้ตามใจชอบ โดยตู้นี้จะมีความสูงถึงฝ้าเพดานเลย ส่วนหน้าบานจะเป็นกระจกสีชาขอบทอง พร้อม Soft Close ภายในตู้เรียบร้อย
สำหรับไมโครเวฟจะได้ยี่ห้อ MEX แบบนี้เลยนะคะ
ถัดมาที่ Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ที่ทนความร้อนและน้ำได้ดี พร้อมพื้นที่รอบเตาไฟฟ้า ที่สามารถวางอุปกรณ์ และเตรียมอาหารได้เต็มที่ ส่วนผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ (Back Splash) จะเป็นกระจกสีชาเช่นกัน ที่เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ทางโครงการให้ Sink ยี่ห้อ MEX ขนาด 39 x 39 ซม. พร้อมก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกขึ้น-บนได้ ส่วนเตาไฟฟ้าเซรามิคจะได้ 2 หัว + เครื่องดูดควันจาก MEX
ด้านล่างเคาน์เตอร์หน้าบานเป็น High Gloss ที่เช็คทำความสะอาดได้ง่าย โดยเวลาใช้งานจะไม่สามารถเปิดพร้อมกันได้ โดยจะมีทั้งลิ้นชักไว้เก็บของ และตู้ใต้ Sink ที่สามารถวางของชิ้นใหญ่ได้ แต่จะใช้งานลำบากหน่อยนะ เนื่องจากติดถังขยะ ที่ถูกยึดกับหน้าบาน ซึ่งจะเปิด-ปิด ตามหน้าบาน ทำให้ใช้งานได้สะดวก
บริเวณฝ้าเพดานจะเป็นฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมไฟ Downlight 1 ดวงค่ะ
เดินตรงมาด้านในฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ส่วนถ้าเดินตรงไปจะเป็นห้องนอนใหญ่นะคะ
ก่อนเข้าไปดูในห้องน้ำ ใต้บันไดทางโครงการได้ Built in ตู้วางเครื่องซักผ้ามาให้ ซึ่งจะสามารถวางขนาด 9 kg.ได้พอดี พร้อมชั้นวางอุปกรณ์มาให้เพิ่มเติมที่ชั้นบน
สำหรับห้องน้ำของโครงการ จะมี Step ยกขึ้นมาประมาณ 10 ซม. ที่ป้องกันไม่ให้น้ำไหลออกมาด้านนอกค่ะ
เข้ามาในส่วนห้องน้ำกันต่อนะคะ สำหรับห้องน้ำนี้มีการแบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย โดยจะเรียงเป็นแนวยาวทำให้ใช้งานได้ง่าย
พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เหมาะกับการใช้งานในห้องน้ำ ทนความชื้นและทำความสะอาดได้ง่าย
กระจกเงาที่นี่นอกจากเป็นกระจกขนาดใหญ่กว้างเท่ากับความกว้างผนังแล้ว ยังมีจุดเด่นคือเป็น Smart Mirror แบบ Touch Screen โดยจะใช้งานเหมือน Tablet ทั้วไปเลย จะเปิด YouTube หรือ Netflix ก็ได้นะคะ รวมถึงมี App ของ Origin ที่บอกความเคลื่อนไหวจากนิติอีกด้วย ซึ่งจะหันกระจกเข้าพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งเวลาอาบน้ำก็ดูหนังไปด้วยได้ นอกจากนี้ด้านหลังตู้ ยังมีพื้นที่สำหรับวางของเล็กๆน้อยๆได้ด้วยค่ะ
ส่วนอ่างล้างมือ ยี่ห้อ Kasch เป็นเกรดที่ค่อนข้างดีค่ะ โดยจะมีพื้นที่รอบอ่าง ที่สามารถวางอุปกรณ์ต่างๆได้ค่ะ
สำหรับโถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kasch เช่นกัน โดยเดินท่อภายใน Low Wall ด้านหลัง ซึ่ง Low Wall จะมีความกว้างประมาณ 12 ซม. ที่สามารถวางอุปกรณ์ต่างๆได้
โดยตัวโถสุขภัณฑ์จะเป็นแบบยกลอยขึ้นเล็กน้อย ที่ทำความสะอาดพื้นบริเวณนี้ได้ง่าย
สายชำระดีไซน์น่ารักๆ ขนาดพอดีมือ พร้อมที่ใส่กระดาษชำระแบบแกนเสียบ ซึ่งจะไม่มีที่กันน้ำมาให้ ต้องระวังเปียกกันด้วยนะคะ
ภายในห้องน้ำมีปลั๊กกันน้ำมาให้อีกด้วยค่ะ
ถัดมาในโซนพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกแบบบานเปิด พร้อมมือจับด้านหน้าจะสามารถแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้เรียบร้อย / ฝักบัวมีทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower จาก Kasch นอกจากนี้ยังมีจุด Junction มาให้แล้วเรียบร้อย เราสามารถซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาติดตั้งเองได้
ภายในพื้นที่อาบน้ำยกขอบธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน มีพื้นที่อาบน้ำขนาด 0.85 x 1.28 เมตร เป็นระยะที่ใช้งานได้สบายๆ
มือจับขนาดพอดีมือ พร้อมดีไซน์เป็นแท่งสวยงามเลย
โดยทางโครงการติดตั้ง เครื่องดูดอากาศมาให้ 1 ตัว ซึ่งจะวางไว้เหนือชั้นวางของ
ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง
เข้ามาบริเวณห้องนอนใหญ่ บริเวณนี้มีฝ้าเพดานสูง 3.85 เมตร พร้อมกระจกสูงเกือบเต็มฝ้า และกระจกแบบ Bay Window ที่ทำให้ได้รับแสงและวิวเต็มที่ค่ะ
โดยห้องนอนใหญ่จะวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ พร้อมพื้นที่เหลือวางโต๊ะหัวเตียงได้ 1 จุด
หลังจากวางเตียงแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินด้านข้างประมาณ 40 ซม. ที่สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้พอดี ส่วนปลายเตียงหลังวางชุดทีวี มีระยะทางประมาณ 50 ซม. เรียกได้ว่าเป็นระยะที่พอเดินได้ค่ะ
ชุดวางทีวีจะได้แบบเดียวกับบริเวณ Common Area เลยนะคะ
สำหรับตู้เสื้อผ้าจะสูง 2.80 เมตร ที่ค่อนข้างสูงทีเดียว โดยด้านข้างจะมีชั้นวางของโชว์มาให้ โดยของจริงจะได้เป็นชั้นกระจกทั้งหมดเลยนะคะ
ภายในตู้เสื้อผ้าแบ่งโซนการจัดเก็บเสื้อผ้าได้เป็นสัดส่วนดี นอกจากนี้เมื่อเปิดตู้ไฟจะเปิดโดยอัตโนมัติเลยนะคะ
ภายในมีลิ้นชักมาให้ ที่สามารถใส่เสื้อผ้าชิ้นเล็กๆได้ค่ะ
มือจับมีขอบยืนออกมา ทำให้เปิดใช้งานได้ง่าย พร้อมรางเลื่อนติดพื้นที่ทำให้เปิดประตูบานเลื่อนได้ง่าย
โดยจะมีพื้นที่หน้าตู้ประมาณ 65 ซม. เป็นระยะทีพอเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวก
ฝ้าเพดาน Drop ลงมาเล็กน้อย เพื่อซ่อนแอร์แบบฝั่งฝ้า พร้อมติดไฟ Downlight 2 จุด มาให้เรียบร้อย ของจริงจะไม่มี Chandelier ให้นะคะ
สำหรับห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัว โดยจะเหมือนกับห้องที่แล้วเลยนะคะ ภายในแบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชัดเจนดี
สำหรับโซนแห้งประกอบด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ทั้งหมดจากยี่ห้อ Kasch พร้อมผนัง Low Wall กว้าง 12 ซม. ที่วางอุปกรณ์ห้องน้ำได้
สำหรับห้องน้ำนี้จะติดกับพื้นที่ระเบียงด้านนอก ที่ไว้สำหรับตากเสื้อผ้าได้
พื้นระเบียงขนาด 0.6 x 1.32 เมตร โดยจะได้พื้นเป็นกระเบื้อง 60 x 60 ซม. ที่ทนน้ำและแดดได้ดี ส่วนราวกันตกเป็นเหล็กสีดำค่ะ
ภายในพื้นที่อาบน้ำยกขอบธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน มีพื้นที่อาบน้ำขนาด 0.86 x 1.32 เมตร เป็นระยะที่ใช้งานได้สบายๆ
ฝักบัวมีทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower จาก Kasch นอกจากนี้ยังมีจุด Junction มาให้แล้วเรียบร้อย เราสามารถซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาติดตั้งเองได้
กลับออกมาบริเวณ Common Area ด้านหลังจะเป็นบันไดทางขึ้นไปชั้นลอย โดยโครงการได้ออกแบบช่องใส่ของด้านข้างบันไดมาให้อีกด้วย
บันไดจะอยู่ติดริมผนัง กว้าง 1.06 เมตร เดินสวนกัน 2 คนได้สบายๆ ลูกตั้งสูง 23 ซม. ซึ่งค่อนข้างชันเล็กน้อย เพราะระยะที่เดินแล้วสบายจะอยู่ที่ประมาณ 18-20 ซม. ลูกนอนกว้าง 25 เซนติเมตร ถือว่าเป็นระยะทีวางเท้ากำลังดี ด้านข้างมีราวกันตกมาให้ เป็นระยะที่ใช้งานพอดีไม่ต้องกลัวตกค่ะ
ส่วนผนังข้างบันได ทางโครงการได้ทำช่องแอร์แบบซ่อนมาให้ด้วย
ชั้นลอยทางโครงการจัดให้เป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งจริงๆ เราสามารถทำเป็นห้องนอนได้อีกห้องเลยนะคะ สำหรับห้องตัวอย่าง ได้วาง Sofa ขนาดใหญ่มาให้ดูเป็นไอเดียค่ะ โดยชั้นนี้ความสูงอยู่ที่ 2.0 เมตร
โดยชั้นลอยปูพื้นด้วย Engineering Wood เช่นเดียวกับด้านล่าง ซึ่งมีขนาดประมาณ 2.14 x 4.23 เมตร ที่สามารถวางเตียง 5 ฟุต พร้อมโต๊ะทำงานด้านข้างได้อีกด้วย
หันมาฝั่งตรงข้าม จะมีหน้าต่างบานใหญ่เต็มผนัง ที่ทำให้ได้รับแสงจากบริเวณ Common Area ได้เต็มที่ รวมถึงมีหน้าต่างบานกระทุ้งที่สามารถระบายอากาศภายในห้องได้ โดยจากชั้นลอย เราจะมองลงเป็นเห็นพื้นที่ Common Area ชั้นล่างได้
ฝ้าเพดานสูง 2 เมตร โดยจะฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight 2 จุด
หันกลับมาฝั่งตรงข้ามจะมีพื้นที่วางโต๊ะทำงาน พร้อมตู้ Built-in ด้านข้างสำหรับวางของได้ โดยด้านข้างจะมีทางเข้าห้อง Walk in Closet ด้วยนะคะ
สำหรับชุดตู้เสื้อผ้าลูกค้าจะได้เหมือนกับห้องตัวอย่างเลยนะคะ ภายในตู้เสื้อผ้าแบ่งโซนการจัดเก็บเสื้อผ้าได้เป็นสัดส่วนดี ซึ่งเราสามารถติดหน้าบานตู้เพิ่มเติมเองได้
โดยหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วมีระยะใช้งานประมาณ 80 ซม. ที่สามารถเดินใช้งาน และเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องได้สะดวก
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight 1 จุด
ห้องถัดมาเป็น 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอยตามโฉนด ในชั้นล่าง 34.90 ตรม แต่พื้นที่ใช้สอยจริงจะมีชั้นลอยด้านบนด้วย สามารถจัดเป็นห้องอเนกประสงค์ได้ หรือจะทำเป็นห้องนอน ซึ่งวางเตียง 3.5 ฟุตก็ได้นะ ตัวห้องเหมาะอยู่อาศัย 2-3 คนกำลังดี โดยห้องนี้จะได้เครื่องปรับอากาศ 3 ตัวเป็น Conceal Type 2 ตัว และ Wall Type 1 ตัวที่ชั้นลอย พร้อมความสูงที่ Common Area 4.25 เมตร ที่มองว่าชั้นบนและชั้นล่างอยู่ได้ไม่อึดอัด
ห้องนี้ออกแบบมาให้ฟังก์ชันพวก Common Area + Service จะถูกผลักมาไว้ด้านใน แม้จะไม่ได้วิวภายนอกแต่ก็ได้แสงธรรมชาติเข้ามาถึงอยู่ เนื่องจากบริเวณนี้กั้นด้วยกระจกบานเลื่อนสูง และยังได้ห้องครัวปิดอีกด้วย ซึ่งเหมาะที่จะทำอาหารจริงจังได้ กลิ่นจะไม่รบกวนไปห้องอื่นๆ แต่เนื่องจากห้องครัวอยู่ด้านใน อาจจะต้อง Hood ช่วยด้วยนะคะ ซึ่งทางโครงการเตรียมมาให้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงห้องน้ำที่นี่จะเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทำให้ไม่รบกวนการใช้งานกัน เพิ่มความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น
ส่วนห้องนอนจะอยู่ติดกับอาคารด้านนอก ทำให้นอนดูวิวและรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ โดยห้องนี้จะได้ฐานเตียง 5 ฟุต พร้อม Sensor ที่เวลามีคนเดินจะมีไฟขึ้นที่ฐานเตียง เหมาะสำหรับใช้งานตอนกลางคืน รวมถึงยังมี Private Living และ Terrace ส่วนตัวอีกด้วยนะ
ส่วนแรกจากทางเข้ามาจะเป็นส่วน Common Area ก่อนนะคะ บรรยากาศส่วนนี้โปร่งโล่งทีเดียว โดยมีความสูง 4.25 เมตรเลย แม้จะไม่ได้อยู่ชิดริมอาคาร แต่ก็ยังได้แสงจากห้องนอนอยู่นะคะ
พื้นห้องนี้เป็น Engineering Wood เช่นเดียวกัน โดยห้องตัวอย่าง มีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 1.90 เมตร สามารถเลือกทีวีขนาด 40″-48″ได้ โดยทางโครงการได้เตรียมช่องเสียบสัญญาณทีวีไว้ให้เรียบร้อย
ชุดวางทีวีโครงการได้ตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ของจริงจะได้ตู้ Built in เล็กๆ เหมือนห้องที่แล้วค่ะ
หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์ มีระยะใช้งานประมาณ 77 ซม. ซึ่งสามารถใช้งาน 1-2 คนได้กำลังดี
ชุดครัวห้องนี้จะเป็นแนวยาว ทำให้ใช้งานได้สะดวก ฝั่งซ้ายมือมีที่วางสามารถวางตู้เย็นขนาด 7.4 คิวบิกตามห้องตัวอย่างได้พอดี โดยวัสดุต่างๆจะเหมือนกับห้องที่แล้ว แต่เพิ่มช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้ด้วย
Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งจะได้ Sink และเตาไฟฟ้าแบบเดียวกับห้องที่แล้วเลย ส่วนผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ เป็นกระจกสีชาเช่นเดียวกับห้องที่แล้ว
ซึ่งห้องนี้เราก็ยังได้หน้าต่าง เพื่อทำให้ภายในห้องดูไม่อึดอัดนะคะ
ส่วนบริเวณใต้บันไดทางโครงการได้ Built in ตู้มาให้ขนาดใหญ่ สามารถเก็บกระเป๋าเดินทางได้ ซึ่งเป็นปัญหาของคนที่อยู่คอนโดเลยนะคะ เพราะคอนโดส่วนใหญ่จะไม่มีห้องเก็บของแยกมาให้นะคะ
โดยตรงนี้จะมีชั้นลอยเพิ่มขึ้นมาด้วย ซึ่งตรงนี้ทำเป็นกระจกกั้นมาให้เรียบร้อย เพื่อให้ชั้นลอยใช้งานได้เต็มที่ค่ะ ซึ่งชั้นบนจะมีกระจกบานกระทุ้งมาให้ระบายอากาศได้ด้วย
บันไดจะอยู่ติดริมผนัง กว้าง 76 ซม. ลูกตั้งสูง 22 ซม. ซึ่งค่อนข้างชันเล็กน้อย เพราะระยะที่เดินแล้วสบายจะอยู่ที่ประมาณ 18-20 ซม. ลูกนอนกว้าง 25 เซนติเมตรไม่รวมจมูกบันไดประมาณ 1 เซนติเมตร ถือว่าเป็นระยะความกว้างที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
ชั้นลอยทางโครงการจัดให้เป็นห้องอเนกประสงค์ ความสูงชั้นนี้อยู่ที่ 2 เมตร ก็เป็นระยะที่ยืนใช้งานได้สบายๆ ซึ่งเราสามารถทำเป็นห้องนอนได้อีก 1 ห้อง ที่วางเตียง 3.5 ฟุตได้พอดีๆ ส่วนผนังของจริงเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวปกตินะคะ
ห้องนี้จะได้เป็นกระจกแบบ Bay Window ด้วย แต่จะได้วิวของบริเวณ Common Area ของห้องตัวเองนะคะ
จากชั้นลอยเราจะมองลงเป็นเห็นพื้นที่ Common Area ชั้นล่างได้ค่ะ
ระหว่าง Common Area และห้องนอนจะมีกระจกบานเลื่อน 3 ตอนกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว ข้อดีคือจะเปิดประตูได้กว้างกว่าปกติ โดยแบ่งเป็นประตูบานเลื่อน 3.15 เมตร และบาน Fix 65 ซม.
พร้อมขอบอะลูมิเนียมแบบฝั่งพื้น ที่ไม่ต้องกลัวสะดุดเลยนะคะ
ถัดมาที่ภายในห้องนอนกันต่อนะคะ ความสูงตรงนี้อยู่ที่ 3.8 เมตร ภายในห้องนอนมีขนาดใหญ่ สามารถเพิ่มพื้นที่ Private Living ได้ ซึ่งห้องนอนนี้จะติดกับพื้นที่ระเบียง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว และใช้งานได้สะดวก
บริเวณปลายเตียงจะมีขนาดกว้าง สามารถวางโซฟาเพิ่มเติมได้ ซึ่งเราจะได้ความเป็นส่วนตัวที่ไม่ต้องออกไปใช้ร่วมกับแขกด้านนอกนะคะ
โดยห้องนี้จะได้ระเบียงกว้างกว่าห้องที่แล้วนะคะ โดยมีขนาดประมาณ 0.60 x 2.40 เมตร ซึ่งถ้าใครชอบใช้ระเบียงห้องนี้ก็จะเหมาะมากกว่านะคะ
สำหรับห้องนอนจะสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ พร้อมโต๊ะหัวเตียงได้ 1 จุด เรามองว่าพื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้าเหลือประมาณ 36 ซม. ซึ่งกว้างน้อยไปหน่อยนะคะ ของจริงทางโครงการจะให้ฐานเตียงมา แนะนำให้ขยับชิดหน้าต่างเลย จะได้มีพื้นที่หน้าตู้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมี Sensor มาให้ เวลาต้องการลุกในเวลากลางคืน พอขยับลงมาที่พื้นไฟก็ติดเลย ป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นได้นะคะ
สำหรับตู้เสื้อผ้าจะสูง 2.80 เมตร แบบเดียวกับห้องที่แล้วเลยนะคะ
ฝ้าเพดานจะ Drop ลงมาเล็กน้อย เพื่อซ่อนแอร์ไว้ด้านบนนะคะ โดยจะฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดไฟ Downlight มาให้ แต่ด้วยความสูงแบบนี้เราสามารถติดไฟห้อยระย้าเพิ่มเติมได้ ทำให้ห้องดูสวยงามมากขึ้น
ส่วนห้องน้ำนี้จะสามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ทางคือส่วน Common Area และห้องนอน เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และได้ความเป็นส่วนตัวอีกด้วย ในกรณีที่มีแขกมาเยี่ยมจะได้ไม่ต้องเข้ามายังส่วนของห้องนอนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวค่ะ
สำหรับห้องน้ำนี้เหมือนกับห้องที่แล้วเลย ภายในแบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนชัดเจน พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ทำให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
สำหรับโซนแห้งประกอบด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ ทั้งหมดจากยี่ห้อ Kasch พร้อมผนัง Low Wall กว้าง 12 ซม. ที่วางอุปกรณ์ห้องน้ำได้
ถัดมาในโซนพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกแบบบานเปิด พร้อมมือจับด้านหน้าจะสามารถแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ด้วย ส่วนฝักบัวมีทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower จาก Kasch นอกจากนี้ยังมีจุด Junction มาให้แล้วเรียบร้อย เราสามารถซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาติดตั้งเองได้
ภายในพื้นที่อาบน้ำยกขอบธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน มีพื้นที่อาบน้ำขนาด 95 x 1.20 เมตร เป็นระยะที่ใช้งานได้สบายๆ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 August 2019
- เนื่องจากทางโครงการยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีรายละเอียดราคาทั้งหมด มีเฉพาะราคาของห้อง 1 Bedroom ขนาด 33.9 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 8.99 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยของโครงการ 200,000 บาท/ตร.ม. คาดว่า คิดตามพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด (ชั้นล่าง (ตามโฉนด) + ชั้นลอยด้านบน) ซึ่งกรณีถ้าคิดเฉพาะพื้นที่ใช้สอยตามโฉนด น่าจะมีราคาสูงกว่านี้ ให้สอบถามกับโครงการอีกครั้งนะคะ
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้า
- ชั้นล่างใต้ชั้นลอยสูง 2.10 เมตร
- บริเวณ Common Area เพดานสูง 4.25 เมตร
- ห้องนอนชั้นล่างสูง 3.85 เมตร Dropฝ้าวางแอร์
- ชั้นลอยสูง 2.00 เมตร
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล : โครงการ Park Origin ราชเทวี ตั้งอยู่ในย่านราชเทวี ฝั่งที่วิ่งไปประตูน้ำและสยามได้ ซึ่งได้เปรียบตรงที่ฝั่งนี้ยังไม่มีตึกสูงขึ้นมาเลย จะมีก็ตรงหัวมุมที่เป็นตึก Spring Tower โดยรวมแล้วถือว่าได้วิวรอบโครงการค่อนข้างโล่งทีเดียว รวมถึงยังใกล้ BTS ราชเทวี ประมาณ 400 ม. (นับจากถนนทางเข้าโครงการ) ซึ่งต้องบอกทำเลนี้จัดเป็นทำเลที่ฮอตฮิตเสมอสำหรับคอนโดมิเนียม หลายคนเลือกซื้อคอนโดในย่านนี้เนื่องจากเป็นย่านที่ “ใกล้สยาม” ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และความคึกคักสูงสุดใจกลางเมือง นอกจากนี้ทำเลนี้ยังอยู่ใกล้กับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดังอย่าง เตรียมอุดมศึกษา และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังไม่รวมถึงเป็นทำเลที่ใกล้ย่านพญาไท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งย่านที่มีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มากมาย เรื่องความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้และในละแวกเรียกว่าจัดเต็มครบครัน และมีทั้งรูปแบบเช้า ไปจนถึงดึกเลยค่ะ ซึ่งโซนความอุดมสมบูรณ์เราแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกันคือ ราชเทวี-พญาไท, สยาม และประตูน้ำ
การเดินทางโดยใช้รถ : ด้วยตัวทำเลที่อยู่ติดถนนเพชรบุรีและอยู่ฝั่งที่มุ่งหน้าไปทางประตูน้ำ ทำให้สามารถเข้าเมืองได้ง่าย ที่สามารถเลี้ยวที่แยกราชเทวีได้เลย ส่วนถ้าใครกลัวรถติดก็สามารถกับรถไปใช้ถนนบรรทัดทองได้ เป็นตัวเลือกรองลงมาจากถนนเพชรบุรีค่อนข้างติด ส่วนเรื่องที่จอดรถที่นี่ให้มา 100% ซึ่งเรามองว่าให้มาจัดเต็มทีเดียว ที่ไม่เห็นในโครงการใหม่ๆให้กันแล้ว รวมถึงยังเป็นทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าอีกด้วย ทำให้สะดวกทั้งใช้รถยนต์ส่วนตัว และรถสาธารณะเลยนะคะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : สำหรับใครที่ไม่ใช้รถ ถือว่าเหมาะกับโครงการนี้นะคะ อย่างที่บอกว่าใกล้ BTS ราชเทวี 400 เมตร รวมถึงในอนาคตข้างโครงการเลยจะเป็นทางขึ้น MRTราชเทวี เรียกได้ว่า 0 เมตรจากรถไฟฟ้าเลย แต่รถไฟฟ้าเส้นนี้ยังไม่เริ่มสร้างเลยนะคะ ยังไงสามารถติดตามความคืบหน้าได้ที่เว็บ Official เลยนะคะ นอกจากนี้ตัวโครงการยังติดถนนใหญ่ ที่เรียกรถแท็กซี่ หรือวินมอเตอร์ไซค์ได้ไม่ยากด้วย
การออกแบบโครงการ : โครงการ Park Origin พญาไท มีการออกแบบที่โดดเด่นน่าสนใจทีเดียวค่ะ มีการใส่เส้นสายโค้งเข้าไปเพื่อให้ลื่นไหลกลืนเข้ากับธรรมชาติได้ง่าย เส้นแนวนอนบางจุดมีความ Curve เล็กน้อย เพื่อไม่ให้ตัวอาคารดูแข็งจนเกินไป นอกจากนี้ยังเล่นกับ Space ที่ให้เดินเจอพื้นที่แคบก่อน แล้วค่อยเดินออกไปเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ เพื่อให้บรรยากาศดู Grand มากยิ่งขึ้น ส่วนตัวโครงการออกแบบให้ตัวห้องเริ่มที่ชั้น 19 เป็นระยะที่พ้นจากที่อยู่อาศัยแนวราบโดยรอบแล้ว รวมถึงรอบๆโครงการยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิด ทำให้ทุกห้องในโครงการจะได้วิวที่เปิดโล่งทีเดียวนะคะ ส่วนการแบ่งโซนต่างๆในอาคารก็ทำได้ดี แยกชั้น Facilities กับห้องพักอาศัยออกจากกัน เพื่อไม่ให้เดินปะปนกันภายในอาคารค่ะ
การออกแบบห้อง : เหมาะสำหรับคนที่ชอบห้องเพดานสูง โดยจะได้ความสูงถึง 4.25 เมตร ทำให้ภายในห้องโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น ฟังก์ชันจัดออกมาได้ดี มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนชัดเจน เป็นห้อง Loft ที่ผลักห้องนอนใหญ่มาไว้ด้านล่าง เพื่อทำให้ใช้งานได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังออกแบบให้เป็นครัวปิด ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้อีกด้วย
สำหรับห้องแรก
ห้อง Common Area ขนาดใหญ่ สามารถจัดเป็นพื้นที่ Living + Dining รวมกันได้ โดยตำแหน่งจะอยู่ริมอาคาร ทำให้รับแสง+วิวได้ดี ส่วนห้องนอนใหญ่จะได้เป็นกระจก Bay Window ให้มองวิวได้กว้างขึ้น รวมถึงได้ห้องน้ำ 2 ห้อง เพื่อแยกการใช้งาน ส่วนชั้นลอยจัดให้เป็นห้องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้พอดี โดยตรงนี้จะมีพื้นที่ Walk in Closet มาให้ โดยโครงการติดตั้งตู้เสื้อผ้ามาให้แล้วเรียบร้อย
ส่วนห้องที่สอง
ห้องนี้จะเปลี่ยนตำแหน่ง Common Area มาไว้ข้างใน แม้จะไม่ได้เห็นวิว แต่ก็ยังได้แสงจากห้องนอนอยู่ เนื่องจากกั้นเป็นกระจกบานเลื่อนที่ใช้กั้นห้อง ส่วนชั้นลอยจะอยู่เหนือห้องน้ำ+ห้องครัว ซึ่งจะสามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้ ส่วนห้องน้ำจะสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง เพื่อความเป็นส่วนตัว ห้องนอนจะอยู่ชิดริมอาคาร ทำให้ใช้งานได้จริง นอนดูวิวได้สบายๆเลย
วัสดุ : รูปแบบการขายของที่นี่ให้เป็น Fully Fitted พร้อมเฟอร์นิเจอร์บางส่วน เกรดวัสดุถือว่าให้มาสมราคา ทั้งพื้น Engineering Wood ส่วนพื้นครัว,ระเบียง,ห้องน้ำ เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. ประตูบานเลื่อนกระจกแบบ Full Height ชุดครัวหน้าบานกระจกปิดขอบสแตนเลสสีทอง + หน้าบาน High Gloss ท็อปเป็นหินสังเคราะห์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจาก MEX รวมไปถึงสุขภัณฑ์จาก Kasch ทั้งหมด เพิ่มเติมคือการนำ Technology เข้ามาเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยด้วยอย่าง Home Automation, Digital Door Lock และ Smart Mirror นอกจากนี้ยังได้ ตู้เสื้อผ้า, ชุดวางทีวี, ฐานเตียงให้ 5 ฟุต + Sensor ตรวจจับที่ฐานเตียง เป็นมาตราฐานค่ะ ส่วนเครื่องปรับอากาศขึ้นอยู่กับขนาดของแต่ละห้อง จะมีทั้งแบบ Conceal และ Wall Type ค่ะ
สาธารณูปโภค : เป็นจุดเด่นของโครงการเลย โดยยก Main Facilities ทั้งหมดไปไว้ด้านบน โดยเริ่มที่ชั้น 39, 40 และ Roof Top ข้อดีคือแม้เราจะไม่ได้อยู่ห้องชั้นบนๆ แต่เราก็ยังสามารถเห็นวิวมุมสูงของโครงการได้อยู่ เริ่มจากชั้น 39 จะมี Sky Lounge, Wine Lounge, Co-working Space, Thratre Room และ Private Spa ที่ให้มาจัดเต็มทีเดียว / ถัดมาที่ชั้น 40 จะเป็นโซนสระว่ายน้ำ + ที่นั่งชมวิวรอบทิศทาง + Sky Fitness ที่วิ่งไปดูวิวไปได้ด้วย / Rooftop เป็น Sky Garden ที่ทำเป็น Walking Trail แบบ Zig Zag ขึ้นไปที่ชั้นลอย ที่สามารถมาเดินออกกำลังกายได้ด้วย พร้อมที่นั่งเล่นมาให้ชมวิว เรียกได้ว่าจัดเต็มทีเดียว
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 200,000 บาท/ตร.ม., 1 August 2019
- ทำเล 8.25/10 – ทำเลดี อยู่ฝั่งทางไปแยกราชเทวี ไปสยาม-พญาไทสะดวก มีความอุดมสมบูรณ์ครบ
- เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – สะดวกและใกล้ใจกลางเมือง รถติดหน่อย ได้ที่จอดรถ Auto 100%
- ไม่ใช้รถ 8/10 – สะดวก ห่างรถไฟฟ้าราชเทวี 400 ม. ติดถนนใหญ่ หารถสาธารณะง่าย
- วัสดุ 7.75/10 – ให้แบบ Fully Fitted ให้ของดี + เฟอร์นิเจอร์บางส่วน + Technology ภายในห้อง Home Automation, Digital Door Lock และ Smart Mirror
- แบบ 8.25/10 – ออกแบบลงตัว จัดพื้นที่ดีน่าอยู่อาศัย มีห้องฝ้าเพดานสูง 4.25 ม.
- สาธารณูปโภค 9/10 – เป็นจุดเด่นของโครงการ จัดส่วนกลางมาแบบเต็มๆ และไว้ชั้นบนสุดของโครงการ
- SUPER LUXURY CLASS
- 8.25 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Park Origin ราชเทวี เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดย่านราชเทวี ใกล้สยาม ใกล้ BTS ชอบสไตล์การออกแบบของโครงการโดยเฉพาะ เน้นวิวรอบโครงการ พร้อมที่จอดรถ 100% ยูนิตไม่มากได้ความเป็นส่วนตัว พร้อมรูปแบบห้อง Loft ทั้งหมด และ Facilities จัดเต็มที่ชั้นบน ในราคาเริ่มต้น 8.99 ล้านบาท หรือ ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นที่ 180,000 บาท/ตร.ม.