รีวิวฉบับที่ 1963 … นานๆ เราจะเห็นคอนโดเปิดตัวใหม่ที่ได้วิวแม่น้ำบนถนนพิบูลสงครามกันนะคะ วันนี้จะพาไปชม THE CLEV ริเวอร์ไลน์ เจ้าพระยา – วงศ์สว่าง เป็นคอนโด High Rise 36 ชั้น ภายในจัดพื้นที่ส่วนกลางมาเยอะและมีฟังก์ชันหลากหลาย ห้องพักอาศัยเน้นห้อง 1-Bedroom ขนาด 24-28 ตร.ม. ในช่วงราคาประมาณ 1.79 – 4 ล้านบาท ไปชมกันเลยค่ะ
Fact @ 22 October 2019
- The Clev Riverline Chaophraya – Wongsawang ( เดอะ เคลฟ ริเวอร์ไลน์ เจ้าพระยา-วงศ์สว่าง)
- บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน)
- MAIN-UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนพิบูลสงคราม เขตเมืองนนทบุรี
- ที่ดินประมาณ 2-1-56.1 ไร่
- คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร 598 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 236 คัน คิดเป็น 39% (รวมจอดซ้อนคัน)
- เริ่มก่อสร้าง : ปี 2563
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2565
- 1 Bedroom 24.62 – 32.78 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 51.99 – 52.17 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.0 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 75,000 บาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม.
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ 75,000 – 120,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1172 ต่อ 89
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.823611, 100.504056
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ The Clev Riverline เจ้าพระยา-วงศ์สว่าง ตั้งอยู่บนถนนพิบูลสงคราม ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 โครงการอยู่ทางซ้ายมือก่อนถึง ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือใกล้กับทางด่วนเปิดใหม่ ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก และมีสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้สุด คือ สถานีวงศ์สว่าง ในระยะประมาณ 3.6 กม. ค่ะ
ทำเลที่ตั้งของโครงการ The Clev Riverline เจ้าพระยา-วงศ์สว่าง ตั้งอยู่บนถนนพิบูลสงคราม เป็นถนนเส้นขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยา จัดว่าอยู่ในพื้นที่รอยต่อของกรุงเทพฯ กับนนทบุรี ทำให้ทำเลนี้ยังเป็นทำเลที่สามารถเข้าออกเมืองได้สะดวก เพราะ ไม่ไกลจากย่านจตุจักร งามวงศ์วาน และติวานนท์ หรือจะข้ามสะพานพระราม 7 ไปยังแถวจรัญสนิทวงศ์ก็ยังเดินทางไปได้สะดวก อีกทั้งปัจจุบันมีทางด่วนตัดใหม่ (ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก) ที่ไปเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชตรงจตุจักร ก็ยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น ภาพรวมของทำเลเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยแนวราบที่เงียบสงบ จะมีความคึกคักเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับม. เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และบริเวณโซนที่ใกล้ๆ โรงเรียน เท่านั้น
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ ถือว่าพอมีร้านค้าตามอาคารพาณิชย์ให้พึ่งพิงอยู่บ้าง ถ้าอยากไปห้างใหญ่ที่ใกล้สุดคงเป็น Big C วงศ์สว่าง, Big C ติวานนท์ ก็ต้องขับรถไปหน่อยแถวเส้นกรุงเทพ-นนทบุรี หรือเลยไปแถวรัชโยธินก็ไม่ไกลจากโครงการเท่าไหร่แต่รถจะเยอะหน่อย แนะนำให้ไปห้างหรือตลาดในแถบนนทบุรี แทนซึ่งก็มีตลาดให้เลือกเยอะเลยทั้งตลาดนนทบุรี ตลาด อตก. 3 หรือจะไป Big C รัตนาธิเบศร์, Central รัตนาธิเบศร์ ซึ่งจะมีทางเลี่ยงเมืองนนทบุรีให้สามารถลัดเลาะไปได้ ซอกแซกหน่อยแต่รถจะติดน้อยกว่าเข้าไปในเมืองค่ะ ในส่วนของสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็จะมีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยเก่าแก่ชื่อดังอยู่ เช่น โรงเรียนสตรีนนทบุรี และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ถือว่าเดินทางสะดวกเพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ต้องเข้าซอยซับซ้อน ซึ่งถนนพิบูลสงครามเป็นถนนที่เชื่อมถนนวงศ์สว่างกับถนนประชาราษฎร์ จึงสามารถใช้เข้าออกเมืองได้สะดวก และอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนเปิดใหม่ ศรีรัช-วงแหวนรอบนอก มีระยะจากโครงการถึงด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระราม 7 ประมาณ 2.2 กม. เท่านั้น ทำให้สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 6, ดินแดง หรือจะเชื่อมไปทางพิเศษศรีรัชเพื่อออกไปทางรังสิตก็สะดวกดีค่ะ
สำหรับใครที่อยากใช้ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก เพื่อออกไปทางพุทธมณฑล, ราชพฤกษ์ และกาญจนาภิเษก ก็สามารถมาขึ้นทางด่วนที่จุดเดียวกัน ซึ่งพอจ่ายค่าผ่านทางเข้ามาแล้วจะมีทางวนรถเพื่อกลับออกไปนอกเมือง ซึ่งด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระราม 7 นี้ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 2.2 กม. เท่านั้นค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ค่อนข้างสะดวกพอสมควร เพราะที่ตั้งโครงการติดถนนหลักทำให้เรียกรถสาธารณะ แท็กซี่ ต่างๆ ได้ง่าย ถ้าต้องการใช้รถประจำทางก็มีป้ายอยู่ไม่ไกล ห่างจากโครงการไปเพียง 110 ม.
ต้องยอมรับว่าโครงการนี้ไม่ได้เป็นโครงการของคนที่หวังผลในการใช้รถไฟฟ้า จะเน้นไปที่ความสะดวกสบายของการใช้รถยนต์ส่วนตัว รถเมล์ และรถแท็กซี่เป็นหลัก แต่โครงการก็เกริ่นๆ ว่าจะมี Shuttle Bus คอยรับส่งที่สถานีรถไฟฟ้าเช่นกัน แต่จะมีช่วงเวลาในการให้บริการอย่างไร มีเก็บค่าบริการเพิ่มไหม ตรงนี้ต้องรอนิติของโครงการคอนเฟิร์มมาอีกที สำหรับรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีวงศ์สว่าง ห่างจากโครงการประมาณ 3.6 กม. ซึ่งหากอยากไปรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีที่ใกล้สุดคือ เตาปูน ห่างจากโครงการประมาณ 4.4 กม. ค่ะ
เส้นทางการเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจาก Big C วงศ์สว่าง ฝั่งออกนอกเมือง เพื่อพาชมบรรยากาศโดยรอบโครงการก่อนแล้วจึงพาเข้าโครงการ รวมระยะทางประมาณ 3.5 กม. ไปกันเลยค่ะ
เริ่มจากบนสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง ฝั่งซ้ายจะผ่าน Big C วงศ์สว่าง ที่เป็นห้างใกล้บ้านของชุมชนในย่านนี้
ตรงมาเรื่อยๆ เราจะชิดซ้ายไปทางกลับรถใต้สะพานพระราม 7 ถ้าเผลอขับตรงข้ามสะพานพระราม 7 ไปก็ข้ามไปแถวจรัญสนิทวงศ์เลยนะ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะมีทางกลับรถให้ข้ามมาได้ไม่ลำบากค่ะ
ตามทางมาเรื่อยๆ จะเจอป้ายให้ชิดขวาไปตามป้ายนนทบุรี
พอถึงแยกประชาราษฎร์ก็เลี้ยวขวา ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางไปขึ้นทางพิเศษศรีรัชฯ-วงแหวนรอบนอกค่ะ
เลี้ยวมาไม่ไกลก็มาเจอไฟแดงอีกแยกหนึ่ง มองไปข้างหน้าก็เห็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือแล้ว ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของถนนพิบูลสงครามที่ตัดกับถนนวงศ์สว่างนะคะ
บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จะเป็นช่วงที่คึกคักสุดบนเส้นพิบูลสงครามเลย เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ป้ายรถเมล์ต่างๆ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย
เยื้องๆ กันก็จะมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พระนครเหนือ ทำให้บริเวณนี้ยิ่งคึกคักขึ้น ขับรถแถวนี้ต้องระวังมอเตอร์ไซค์กันหน่อยนะ เยอะมากจริงๆ
ตรงมาอีกหน่อยจะผ่านวัดปากน้ำ นนทบุรี ซึ่งวัดบนถนนเส้นนี้ก็มีอยู่หลายวัด ส่วนใหญ่เป็นวัดเก่าแก่ริมน้ำค่ะ
ติดกันเป็นโรงเรียนสตรีนนทบุรี เป็นโรงเรียนชื่อดังอีกแห่งหนึ่งในหมู่เด็กนนทบุรี
ตรงมาไม่ไกลจะผ่านวัดเขมาภิรตาราม ราชวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ชื่อดังอีกวัดหนึ่งของย่านนี้ และที่ติดกันเลยคือโรงเรียนวัดดเขมาภิรตารามค่ะ
ที่ตั้งโครงการจะอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนเขมาภิรตารามนี่เอง ก็ยังตั้งอยู่เยื้องๆ กับวัดหน่อย ไม่ได้อยู่ตรงกันพอดี ถัดไปเป็นคอนโดของ LPN สูง 27 ชั้นค่ะ
สะพานลอยที่อยู่หน้าโครงการลุมพินี เป็นสะพานลอยที่ใกล้กับโครงการที่สุด มีระยะประมาณ 100 ม. จากโครงการจึงสามารถเดินข้ามมาขึ้นรถเมล์ฝั่งตรงข้ามได้สะดวก ไม่ไกลเลยนะ หรือถ้าจะขึ้นรถเมล์ฝั่งเดียวกับโครงการก็อยู่ติดกับสะพานลอยเลยค่ะ
ตรงมาอีกหน่อยจะมีจุดกลับรถ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการนักประมาณ 350 ม. เท่านั้น จึงไม่ต้องห่วงเรื่องไปกลับรถไกลนะคะ
พอกลับรถมาเรียบร้อยก็มุ่งหน้าไปโครงการกันต่อ ฝั่งซ้ายจะเริ่มเห็นร้านค้า ร้านอาหารอยู่บ้าง ก็พอมีให้พึ่งพิงได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งเดียวกับโครงการเลย ไม่ต้องข้ามถนนค่ะ
ถัดมาอีกหน่อยก็จะมีร้านโจ๊ก, ข้าวผัดปู, ติ่มซำ มีร้านก๋วยเตี๋ยวให้พิ่งพิงได้ ส่วนตัวคิดว่ายังไม่น่าเพียงพอ ซึ่งดูจากแบบของโครงการแล้วจะมีร้านค้าภายในโครงการ 2 ร้านด้วย น่าจะเป็นคำตอบที่ดีให้กับลูกบ้านได้นะคะ
ตรงมาอีกนิดก็จะถึงที่ตั้งโครงการ The Clev Riverline เจ้าพระยา-วงศ์สว่างแล้ว เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปชมในโครงการกันต่อเลย
บริบทโดยรอบของโครงการส่วนใหญ่เป็นชุมชนบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น จะมีอาคาร 4 ชั้นบ้างเล็กน้อย ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อห้องพักในโครงการนะ พูดได้ว่าไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิดเลย แต่ในระยะไกลก็มีบ้างนิดหน่อย ดังนี้ค่ะ
ทิศเหนือ : เป็นทิศที่จะมีตึกสูงบังวิวแม่น้ำในระยะไกลด้วยคอนโดลุมพินี วิลล์ พิบูลสงคราม-ริเวอร์วิว แต่ก็ไม่ได้บล็อกวิวตรงๆ
ทิศใต้ : ได้วิวโค้งน้ำแบบไม่มีอาคารบัง แต่เป็นมุมที่มองออกไปเห็นวัดเขมาฯ พอดี ซึ่งถ้าจะให้มุมมองพ้นวัดขึ้นไปก็คงต้องเลือกชั้นสูงๆหน่อย แบบชั้น 15 ขึ้นไป
ทิศตะวันออก : จะเป็นวิวเมืองโล่งๆ ไม่มีอาคารสูงบล๊อกวิว ซึ่งจะได้วิวเมืองทางถนนกรุงเทพ-นนทบุรี
ทิศตะวันตก : เป็นทิศที่ได้วิวแม่น้ำมุมตรงๆ แต่ต้องเลือกชั้นสูงหน่อย ให้พ้นโรงเรียนวัดเขมาฯ ขึ้นไป สักประมาณชั้น 12 ก็น่าจะโอเคแล้วค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงเรียนสตรีนนท์ – 350 ม.
- ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ – 1.3 กม.
- ทางพิเศษศรีรัชฯ – วงแหวน – 2.2 กม.
- บิ๊กซี วงศ์สว่าง – 3.5 กม.
- MRT สายสีม่วง สถานีวงศ์สว่าง – 3.6 กม.
- MRT สายสีน้ำเงิน สถานีเตาปูน – 4.4 กม.
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย – 4.8 กม.
- รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น – 4.8 กม.
ภาพจำลองโครงการ THE CLEV ริเวอร์ไลน์ เจ้าพระยา – วงศ์สว่าง คอนโดเปิดใหม่วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา ซึ่งนานๆ เราจะเจอคอนโดเปิดใหม่บนถนนพิบูลสงครามกันนะ เพราะส่วนใหญ่แล้วคอนโดใหม่จะไปเปิดตัวกันบนถนนกรุงเทพนนท์ ที่เป็นเส้นทางรถไฟฟ้ากันซะมากกว่า ทำให้ The Clev เป็นตัวเลือกที่สำคัญของผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นประจำ ไม่ได้แคร์เรื่องระยะห่างจากรถไฟฟ้ามากนัก และอยากได้คอนโดวิวแม่น้ำ ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการคือ เค้าจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางมาถึง 2,700 ตร.ม. เพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการใช้ส่วนกลางอย่างเต็มที่ ภายนอกอาคารดูทันสมัย มีลูกเล่นบนชั้นสูงๆ ที่ทำเป็น Step ลดหลั่นไปก็ช่วยลดทอนความทึบตันของอาคารได้เป็นอย่างดีค่ะ
มาดูภาพรวมของโครงการกันก่อน THE CLEV ริเวอร์ไลน์ เจ้าพระยา – วงศ์สว่าง เป็นคอนโด High Rise มีความสูง 36 ชั้น 1 อาคาร มีจำนวนยูนิตในโครงการ 598 ยูนิต บนที่ดินเกือบ 2 ไร่ครึ่ง ชั้นที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8 และจะยกพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ไปไว้บนชั้นชั้น 7 และ ชั้น 36 เพื่อให้ได้เห็นวิวเมืองและวิวแม่น้ำโดยรอบ และมีสวนหย่อมเล็กๆ ที่แทรกอยู่บนชั้น 27, 30 และ 33 เพื่อเพิ่มมุมนั่งเล่นในสวน เผื่อใครอยากได้บรรยากาศสวนที่สงบ เป็นส่วนตัวขึ้น สวนหย่อมบนชั้นเหล่านี้ก็ดูจะเป็นคำตอบที่ดี สำหรับห้องพักถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็นห้อง 1-Bedroom ขนาด 24-32 ตร.ม. ช่วยทำให้ราคา Package รวมของห้องหยิบจับง่ายขึ้น
จากตำแหน่งของโครงการจะสามารถเข้าออกได้ทางเดียวคือ ทางถนนพิบูลสงคราม โดยโครงการจะอยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียนวัดเขมาภิรตารามสูง 8 ชั้น ซึ่งถัดจากโรงเรียนก็จะเป็นวัดเขมาภิรตาราม ราชวรวิหาร นั่นแหละ แต่ตำแหน่งของวัดจะเยื้องๆ กับโครงการ ไม่ได้ตรงข้ามกันโดยตรงนะคะ
พื้นที่โดยรอบของโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น มีที่สูงหน่อยก็เป็นตึกแถวประมาณ 4 ชั้น ซึ่งห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 8 ทำให้ไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิด
เส้นทางการเดินรถยนต์ในโครงการเข้าใจง่ายดีนะ คือเป็นถนน One-Way เข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายเพื่อวนหาที่จอดรอบอาคาร หรือไปขึ้นที่จอดรถบนอาคารได้ หรือแค่มาส่งลูกบ้านก็สามารถวนมาส่งที่ Drop-Off บริเวณหน้าทางเข้าอาคารได้สะดวก
ภาพจำลองทัศนียภาพบริเวณทางเข้าออกโครงการ
พอขับรถเข้ามาในโครงการแล้วก็วนมาตามทางเดินรถ สำหรับแขกของลูกบ้านจะมีช่องจอดรถใต้อาคารให้จอดได้ ส่วนลูกบ้านจะมี Key Card จึงสามารถขึ้นไปจอดรถบนอาคารได้ ซึ่งโครงการมีอัตราส่วนที่จอดรถถึง 39% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าไม่เยอะเท่าไหร่ สำหรับโครงการที่ไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า
วนรถมาจนถึงด้านหลังอาคารจะมีช่องจอดรถใต้อาคารอีก 8 ช่อง และมีช่องจอดรถจักรยานยนต์อยู่บริเวณด้านหลังนี้ด้วยค่ะ
ตามทางเดินรถมาถึงบริเวณหน้าโครงการจะผ่านสวนหย่อมขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้า Lobby ของอาคาร เผื่อใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศออกมานั่งในสวนบ้างก็สามารถเดินเชื่อมออกมาได้ง่าย
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสวนหย่อมของโครงการ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ของโครงการ ดูโปร่งโล่งด้วยผนังกระจกบานใหญ่ตลอดแนวกำแพงของอาคาร
ภาพจำลองบรรยากาศอีกมุมหนึ่งภายใน Lobby ของโครงการ
ขึ้นมาที่ชั้น 7 เป็นชั้น Facility เต็มๆ ทั้งชั้น เรามาไล่ดูทีละส่วนนะ เริ่มจากในส่วนของสระว่ายน้ำกันก่อน ซึ่งบริเวณสระว่ายน้ำจะประกอบ Jacuzzi, Kid’s Pool และมินิบาร์ ติดกันจะมีห้อง Fitness ที่หันออกรับวิวด้านหน้าโครงการค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Fitness ที่อยู่ชั้น 7 ของอาคารช่วยให้ได้วิวโดยรอบที่โล่งและสบายตาขึ้น จะโดนบล็อกวิวนิดหน่อยด้วยโรงเรียนเขมาฯ ฝั่งตรงข้าม ที่สูง 8 ชั้นค่ะ
ถัดมาที่ส่วนกลางบนชั้น 7 อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งจะแบ่งฟังก์ชันของพื้นที่ Indoor เป็นห้องย่อยๆ เช่น Kid Room, Game Room เป็นต้น ซึ่งพื้นที่ด้านนอกจะจัดเป็นสวนลอยฟ้า เพื่อเป็นมุมนั่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศให้กับลูกบ้านได้อีกโซนหนึ่ง
ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Kid Room
ในส่วนด้านบนของอาคาร เราขึ้นไปถ่ายโมเดลมาไม่ถึง>< ก็จะขอไปอธิบายละเอียดอีกทีในแปลนอาคารนะคะ
สำหรับภาพรวมของชั้นบนๆ ของอาคารจะมีลูกเล่นที่ทำเป็น Step ลดหลั่นไป ทำให้มีหลายๆ ชั้นที่มีสวนเล็กๆ ซึ่งห้องพักบนชั้นเหล่านี้ถือว่าเป็นห้องที่มี Value พิเศษ ชั้นบนสุดของอาคารจะเป็นชั้น Facility อีกเช่นกัน โดยจัดเป็นสระว่ายน้ำ, Sky Lounge และมีสวนให้ขึ้นมานั่งเล่น ชมวิว ได้อีกชั้นนึงด้วยค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำบนชั้น 36 ซึ่งจะได้วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา สำหรับใครที่อาจไม่ได้ชอบว่ายน้ำหนักๆ ก็จะมี Day Bed ริมสระ ให้นั่งเล่น ชมวิวได้สบายๆ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Sky Lounge บนชั้น 36
มาดู Master Plan ของโครงการ The Clev Riverline เจ้าพระยา-วงศ์สว่าง กันต่อ ดูจากรูปของที่ดินจะเป็นแปลงสี่เหลี่ยมคางหมู มีทางเข้าออกทางเดียวคือทางถนนพิบูลสงคราม พื้นที่ Lobby ที่เป็นส่วนต้อนรับลำดับแรกจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าทางเข้าเลย จะถูกวางหลบมาทางด้านข้าง ซึ่งการวางแบบนี้มีข้อดีที่ทำให้เกิด Privacy เพิ่มขึ้นอีกระดับ ช่วยหลบความวุ่นวายและมลภาวะจากถนนพิบูลสงครามได้เป็นอย่างดี โครงการมี Shop 2 ยูนิต โดยจะวางร้านค้า 1 ร้านไว้ด้านหน้าโครงการ เดาว่าน่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ส่วนอีกร้านหนึ่งถูกจัดตำแหน่งไว้ด้านในติดกับ Library สำหรับเรื่องความปลอดภัยของโครงการจะมีการใช้ Key Card ในการเข้าออกบริเวณทางขึ้น Lift Lobby ทำให้แขกของลูกบ้านสามารถมานั่งคอยภายใน Lobby ก่อนได้
ในชั้นนี้พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินรถและพื้นที่จอดรถใต้อาคาร ซึ่งลูกบ้านจะมี Key Card ที่สามารถขึ้นไปจอดรถบนอาคารได้ ถือเป็นการจัดการที่จอดรถที่ดีเพราะช่วยลดปัญหาแขกของลูกบ้านเข้ามาจอด จนเจ้าของร่วมไม่มีที่จอดรถ มีสัดส่วนที่จอดรถ 39% แบบรวมจอดซ้อนคัน ก็ถือว่าไม่เยอะเท่าไหร่นะ
ส่วน Lift ของโครงการจะมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว ดังนั้นอัตราส่วนลิฟต์จะอยู่ที่ 199 : 1 ถ้าเทียบกับทำเลอื่นถือว่าเป็นอัตราส่วนที่เยอะทีเดียว แต่พอเทียบกับโครงการอื่นๆ ในทำเลนี้ก็ถือว่าพอๆ กันนะคะ
Facilities หลักของโครงการมีทั้งหมด 2 ชั้น ซึ่ง 1 ในนั้นคือ ชั้น 7 โดยส่วนกลางที่จัดไว้ให้ ได้แก่ Swimming Pool ขนาดประมาณ 8.35 x 25.6 ม. ที่ออกแบบให้มี Jacuzzi และ Kid Pool และยังมีสวนหย่อมให้นั่งเล่นกันอีกด้วย ส่วนกลางภายในอาคารก็จัดไว้หลากหลาย ได้แก่ Fitness, Sauna/Spa, Co-Kitchen Area, Game Room, Kid Room และ Theatre ซึ่งแต่ละฟังก์ก็จะมีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าให้มาเยอะดีค่ะ
ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 8 จัดเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น มีทั้งหมด 22 ยูนิต โดยห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1-Bedroom มีให้เลือกทั้ง 4 ทิศเลยนะ ส่วนแบบ 2-Bedroom จะเป็นห้องมุมด้านหน้าโครงการ ซึ่งเป็นห้องทิศเหนือและทิศใต้ แต่จะร้อนหน่อยเพราะผนังห้องด้านหนึ่งจะอยู่ทางทิศตะวันตก แต่ก็แลกมากับวิวที่มองออกไปทางแม่น้ำ Lift Lobby ของอาคารมีอยู่ตำแหน่งเดียว ตรงกลางอาคารเลย ทำให้ห้องพักทั้ง 2 ฝั่งอยู่ไม่ไกลจากลิฟต์จนเกินไป มีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว จึงมีอัตราส่วนลิฟต์มากทีเดียวคือ 199 : 1 ซึ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนก็ต้องเผื่อเวลารอลิฟต์กันไว้ด้วยนะคะ
สำหรับห้องพักของโครงการนี้ ออกแบบมาให้มีห้องพักทั้ง 4 ทิศเลย ก็จะได้วิวที่ต่างกัน ห้องพักในชั้นนี้ก็จะพ้นอาคารโดยรอบที่ส่วนใหญ่สูง 2 ชั้นขึ้นมาแล้ว จึงไม่โดนบล็อกด้วยอาคารในระยะประชิด แต่ระยะไกลในแต่ละทิศจะมีข้อดี-เสียที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับผู้อยู่อาศัยเอง ว่าให้ความสำคัญกับเรื่องวิว แดด ลม มากกว่ากัน
- ห้องทางทิศเหนือก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแดดร้อน แต่วิวแม่น้ำบางส่วนจะถูกบังด้วยคอนโดลุมพินี วิลล์ พิบูลสงคราม-ริเวอร์วิว
- ห้องทางทิศใต้จะเป็นห้องที่ได้ลมดี ได้วิวโค้งน้ำแบบไม่มีอาคารบัง แต่เป็นมุมที่มองออกไปเห็นวัดเขมาฯ พอดี ซึ่งถ้าจะให้มุมมองพ้นวัดขึ้นไปก็คงต้องเลือกชั้นสูงๆหน่อย แบบชั้น 15 ขึ้นไป
- ห้องทางทิศตะวันออกจะเป็นห้องวิวเมืองไม่ได้วิวแม่น้ำ ถ้าจะชมวิวแม่น้ำก็ต้องขึ้นไปบนชั้น Facilities ต่างๆ แทน ก็มีให้เลือกหลายชั้นทีเดียวนะ
- ทิศตะวันตกมีห้องตรงหัวมุมที่มองตรงๆ ไปน่าจะเห็นแม่น้ำเลยหล่ะ แต่ต้องเลือกชั้นสูงหน่อย ให้พ้นโรงเรียนวัดเขมาฯ ขึ้นไป สักประมาณชั้น 12 ก็น่าจะพ้นแล้ว แต่ก็ต้องแลกมากับแดดในช่วงบ่าย ที่จะส่องเข้ามาในห้องแบบเต็มๆ นะคะ
ขึ้นมาที่ชั้น 27 ชั้นนี้จะมีสวนหย่อมเล็กๆ ด้วย แต่ทางไปสวนหย่อมต้องเดินผ่านห้องพัก ทำให้ห้องพักบนชั้นนี้อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปได้นะ
เรื่องวิวเหมือนกับที่วิเคราะห์ไว้ที่ชั้น 8-26 เลยค่ะ ต่างกันแค่พอขึ้นมาชั้นสูงขึ้นก็จะได้มุมมองของวิวที่กว้างขึ้นเท่านั้น
ขึ้นมาที่ชั้น 28-29 ผังและวิวจะคล้ายๆ ชั้นที่ผ่านมา แต่บนชั้นนี้จะไม่มีสวนส่วนกลาง เป็นห้องพักทั้งหมด 22 ห้องค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 30 ในชั้นนนี้ห้องพักจะลดลงเหลือ 20 ห้อง และมีสวนส่วนกลางอยู่บนชั้นนี้ด้วย
ขึ้นมาที่ชั้น 31-32 ผังและวิวจะคล้ายๆ ชั้นที่ 30 เลย แต่บนชั้นนี้ไม่มีสวนส่วนกลางนะ เป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด 20 ห้องค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 33 ในชั้นนนี้ห้องพักจะลดลงอีกเหลือ 18 ห้อง และมีสวนส่วนกลางอยู่บนชั้นนี้ด้วย ใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวหน่อย ก็แนะนำให้เลือกห้องชั้นสูงๆ ที่มีจำนวนยูนิตลดลงนะคะ
ขึ้นมาที่ชั้น 34-35 ผังและวิวจะคล้ายๆ ชั้นที่ 33 เลย ต่างกันแค่ไม่มีสวนส่วนกลาง จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นค่ะ
สำหรับชั้นบนสุดของอาคารจะเป็น Roof Floor ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้ส่วนใหญ่จัดฟังก์ชันให้เหมาะกับการชมวิวเป็นหลัก โดยจะมีพื้นที่สวนและ Sky Lounge ให้นั่งชมวิว นั่งพักผ่อน และมีสระว่ายน้ำที่วางตำแหน่งไว้ทางทิศใต้ให้ชมวิวโค้งแม่น้ำได้ด้วย นอกจากพื้นที่บนนี้จะใช้เป็น Facilities ที่ชั้นบนสุดแล้ว Roof Floor ยังมีข้อดีที่ช่วยป้องกันความร้อนจากบนหลังคาให้แก่ห้องพักบนชั้น 35 ได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนหย่อมที่ชั้น 1, 7, 27, 30, 33, 36
- Lobby
- ห้องสมุด ชั้น 1
- สนามเด็กเล่น ชั้น 1
- ห้องสันทนาการ ชั้น 7
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ
- สระขนาด 8.35 x 25.6 เมตร ลึก 1 เมตร + สระเด็ก + Jacuzzi ที่ชั้น 7
- สระขนาด 10 x 14 เมตร ลึก 1 เมตร ที่ชั้น 36
ห้องพักอาศัยของโครงการนี้มีห้องให้เลือกหลายขนาด โดยมีห้องให้เลือกตั้งแต่ 1-Bedroom 24.62 ตร.ม. ไปจนถึง 2-Bedroom 52.17 ตร.ม. รูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Fully Fitted คือจะได้
- Pantry พร้อม Hob & Hood
- เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง
- ชุดสุขภัณฑ์ทั้งหมด
วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 ห้อง ซึ่งเป็นแบบที่มีจำนวนยูนิตเยอะสุดในโครงการ จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ
ห้องตัวอย่าง Type แรกที่จะพาไปดู คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 24.62 ตร.ม. เป็นห้องขนาดเล็กที่พักอาศัยคนเดียวได้ลงตัวดี ห้อง Type นี้เน้นพื้นที่ทำอาหารที่เป็นแบบครัวปิด ติดระเบียง เหมาะกับคนที่อยากได้ครัวไทยแบบเป็นสัดส่วนระบายอากาศได้ดี และชอบห้องนอนที่มีช่องหน้าต่างในตัว ทำให้ได้ช่องรับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ แลกกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคาร ในเวลากลางวันหากไม่เปิดไฟ ก็ต้องอาศัยแสงที่ลอดผ่านห้องนอนและห้องครัวมาแทน ห้องนั่งเล่นของแปลนนี้มีข้อดีตรงที่มีระยะระหว่างชั้นวางทีวีถึงโซฟาค่อนข้างกว้าง ทำให้ชุดโซฟาจะไม่อยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องจนเกินไป ส่วนตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานข้าวจะอยู่ข้างโซฟา ซึ่งมีระยะไม่กว้างมาก หากอยู่อาศัย 2 คน ต้องเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ปรับใช้ได้หลายฟังก์ชันหน่อย ส่วนห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคารจึงต้องอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ ค่ะ
วัสดุบานประตูเป็น HDF คือบานประตูไม้สำเร็จ ซึ่งทนความชื้นได้ดีกว่าประตูไม้อัดทั่วไป แต่ความแข็งแรงก็ยังไม่เท่าไม้จริง มาพร้อม Digital Doorlock และ Video Door Phone ซึ่งจะเชื่อมกับ Video Door Phone บริเวณ Lobby ให้ลูกบ้านสามารถพูดคุยกับแขกที่มาพบได้
เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่นเป็นส่วนแรก ด้านซ้ายคือห้องน้ำ ส่วนห้องนอนและห้องครัวจะถูกวางตำแหน่งไว้ด้านในติดกับหน้าต่างทั้งหมด ระดับฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร ผนังห้องโดยรอบติด Wallpaper มาให้ โดยพื้นในห้องรับแขกจะเป็นพื้นไม้ Vinyl (กระเบื้องยางลายไม้) ห้องจะขายแบบ Fully Fitted คือเป็นห้องเปล่าที่มี Built-in Pantry ครัว และชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เราสามารถเลือกตามแบบที่ชอบได้เลยนะคะ
ภายในห้องนั่งเล่นมีระยะดูทีวีประมาณ 3.3 ม. จึงสามารถวางทีวีได้ใหญ่ถึง 60 นิ้วได้เลย
ข้อดีของแปลนห้องนี้คือ มีระยะระหว่างโซฟาถึงชั้นวางทีวีที่ค่อนข้างกว้าง จึงพอเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะรับแขกได้ โดยไม่ขวางประตูห้องทำให้ยังคงเดินเข้าออกได้สะดวก
ภายในห้องตัวอย่างไม่ได้วางโต๊ะทานอาหารมาให้ดู ส่วนตัวคิดว่าพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารที่ดูลงตัวที่สุดคือด้านข้างโซฟา แทนตำแหน่งของโต๊ะข้างโซฟา ถ้าเราอยู่กัน 2 คนก็แนะนำให้เลือกโซฟาแบบตัว L ตามห้องตัวอย่าง แล้วเราจะสามารถใช้นั่งทานอาหารจากบนโซฟาได้ด้วย ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้องได้ดีค่ะ
ผนังในฝั่งของชั้นวางทีวีจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ เราสามารถ Built-in ชั้นวางทีวีได้เกือบเต็มผนังเลย แต่จะต้องเว้นตำแหน่งของแอร์ด้านบนไว้หน่อย ด้านข้างเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ และห้องนอนค่ะ
มาดูในห้องน้ำกันก่อน ภายในห้องน้ำแบ่งแยกส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ทำให้สามารถใช้งานได้เป็นสัดส่วน สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย แต่กระจกในห้องตัวอย่างเป็นกระจกบนหน้าบานตู้ ซึ่งจริงๆ ทางโครงการจะไม่ได้ให้ตู้มานะ จะให้มาเฉพาะบานกระจกเท่านั้นค่ะ
อ่างล้างมือได้ของ Cotto มีพื้นที่ขอบอ่างให้วางของได้นิดหน่อย
ใต้อ่างล้างมือมีตู้ให้เก็บของใช้ได้เล็กๆ น้อยๆ ภายในแบ่งเป็น 2 ชั้น ซึ่งเวลาเก็บของก็อย่าลืมเผื่อพื้นที่สำหรับซ่อมบำรุงไว้ด้วยนะ
มือจับตู้สามารถใช้งานได้สะดวก
สุขภัณฑ์ได้ของ Mogen โดยมีระยะวางตำแหน่งการใช้งานต่างๆ เป็นมาตรฐาน พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ
ส่วนที่ชอบของห้องน้ำโครงการนี้คือ มีพื้นที่วางของด้านหลังอ่างล้างมือด้วย เป็นข้อดีที่เราไม่ต้องไปติดตั้งชั้นวางของเพิ่มเลย
สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะมีกระจกนิรภัยเป็นบานสวิงติดตั้งมาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลย บานกระจกนิรภัยมีมือจับฝั่งด้านนอก ซึ่งสามารถใช้แขวนผ้าขนหนูและเสื้อผ้าได้ด้วย
พื้นที่อาบน้ำ มีขนาดกว้างยาว 1.1 x 0.7 ม. ขนาดมาตรฐานที่จะยืนอาบน้ำและหมุนตัวได้เล็กน้อย
ภายในพื้นที่อาบน้ำ จะติดตั้งฝักบัวอาบน้ำมาให้เรียบร้อยของ Cotto ด้านข้างมี Built-in ผนังเป็นช่องสำหรับวางของใช้ในห้องน้ำมาให้ด้วย
หน้าตาของฝักบัวที่ได้ของ Cotto มีขนาดจับได้ถนัดมือดี
ระหว่างห้องน้ำและพื้นที่ส่วนกลางจะมีธรณีประตูกั้นชัดเจน ทำให้สะดวกเวลาล้างห้องน้ำไม่ต้องกลัวน้ำจะกระเด็นออกไปด้านนอก วัสดุของธรณีประตูจะปิดผิวด้วยกระเบื้อง เป็นวัสดุที่เหมาะสมทนต่อความชื้นและน้ำได้ดี และในพื้นที่อาบน้ำก็จะมีธรณีประตูกั้นระหว่างพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งอีกทีค่ะ
มาต่อกันที่ห้องนอน ภายในห้องมีพื้นที่ใช้สอยพอสมควรให้วางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบทั้งเตียง โต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้า แม้ว่าห้องนี้จะค่อนข้างมีขนาดกะทัดรัดแต่ก็มีหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่ง ไม่อึดอัด และสามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย
พอวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วก็จะเหลือพื้นที่ให้เดินรอบเตียงได้ แต่ไม่กว้างนักนะ พื้นที่ที่เราควรพิจารณาเป็นพิเศษคือ พื้นที่ปลายเตียงที่จะติดกับตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า มีระยะประมาณ 35 ซม. เป็นระยะที่พอยืนเลือกเสื้อผ้าได้แต่ตู้เสื้อผ้าจะต้องเลือกแบบที่เป็นบานเลื่อนเท่านั้น เพราะถ้าเป็นบานสวิงจะไม่มีระยะเปิดปิดตู้นะคะ
ตู้เสื้อผ้าที่ห้องตัวอย่างตกแต่งมาให้ดูเป็นแบบบานเลื่อน 2 ตอน มีความลึกของตู้ประมาณ 60 ซม. ยาว 1.7 ม. แต่จะ Built-in สูงจนถึงเพดานไม่ได้นะ เพราะติดตำแหน่งของแอร์ ถ้าให้ดีก็ควรให้ช่างมาวัด Built-in ให้ลงตัวกับพื้นที่เลยจะดีที่สุดค่ะ
หน้าต่างของห้องเป็นบาน Fixed ผสมบานกระทุ้ง ให้สามารถเปิดรับลมหรือเปิดระบายอากาศได้
หน้าต่างบานกระทุ้งเปิดได้ไม่กว้างนัก เพราะมีบานพับหน้าต่างช่วยล็อกระยะเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
มือจับมีขนาดมาตรฐาน สามารถเปิดใช้งานได้สะดวก
สำหรับห้องครัวเป็นครัวปิด โดยมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นจากพื้นที่ส่วนอื่น ทำให้ช่วยกันกลิ่นและควันเวลาทำอาหารได้
รางประตูห้องครัวจะถูกฝังลงบนพื้นเลยทำให้เดินเข้าออกได้สะดวก
ภายในห้องครัว เราจะได้ Pantry ครัวและ Hob&Hood มาตามแบบในห้องตัวอย่างนะคะยกเว้นไมโครเวฟ ที่จะไม่ได้แถมมาให้ พื้นปูด้วยกระเบื้องผิวด้าน เวลาที่ทำครัวแล้วมีคราบกระเด็น ก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต ส่วนบานพับจะเป็นแบบ Soft close ซึ่งตู้ใต้อ่างล้างจานมีพื้นที่ให้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้ เพราะต้องเว้นพื้นที่ไว้เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานด้วยค่ะ ช่องโล่งตรงกลางเป็นตำแหน่งสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า มีขนาด 60×60 ซม. เวลาไปซื้อก็เลือกเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้า และดูขนาดที่ใส่ให้พอดี พอโครงการจัดตำแหน่งเครื่องซักผ้าไว้ให้ตรงนี้ก็ช่วยให้ไม่เปลืองพื้นที่ระเบียงดีนะคะ
มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดเลย
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง แบ่งพื้นที่ใช้งานมาได้ครบทั้งล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และมีพื้นที่โล่งอีกเล็กน้อยไว้ให้เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์ และจะติดกระเบื้องในส่วนของ Backsplash ด้านหลังเคาน์เตอร์ครัวมาให้ด้วย ตรงนี้มีข้อดีเพราะเวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจาน พอเราลองใส่จานชามลงไป ก็มีขนาดและความลึกพอสมควรที่ล้างจานแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา ส่วนก๊อกน้ำได้ของ Schon
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Schon จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ ด้านบนติดเครื่องดูดควันไว้ได้ของ Schon เช่นกัน ซึ่งจะต่อท่อดูดควันออกไปด้านนอกด้วย ทำให้ระบายกลิ่นและควันได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนค่ะ
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของย่อยๆ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัว และมีตู้ช่องโล่งไว้สำหรับวางไมโครเวฟด้วย
ฝั่งตรงข้าม Pantry ครัวมีพื้นที่เว้นไว้สำหรับวางตู้เย็น มีขนาดประมาณ 70 x 60 ซม.
ด้านในสุดของห้องครัวจะมีประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียง และเป็นช่องแสงให้กับห้องครัวด้วย
พื้นที่ของระเบียงขนาดประมาณ 0.9 x 1.6 ม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิก สำหรับห้องแปลนนี้จะวางเครื่องซักผ้าไว้ในครัวแล้ว ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ระเบียงในการวางราวตากผ้า และยืนรับลม ชมวิว ได้สะดวกพอสมควร
ราวกันตกให้มาเป็นกระจกบานใหญ่สูง 1.2 ม. ซึ่งเหมาะกับโครงการที่เป็นคอนโดวิวแม่น้ำ เวลาชมวิวจะได้ไม่มีลูกกรงเหล็กของระเบียงมาบังสายตา ส่วน Condensing Unit ถูกออกแบบมาเป็นแบบแขวน จัดวางตำแหน่งมาให้อยู่ชิดผนังและหันเข้าหาระเบียง แนะนำให้หาตัวปัดทิศทางลมร้อนออกด้านนอกมาติดเพิ่ม เพื่อช่วยให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียงค่ะ
กระจกระเบียงเป็นกระจกเทมเปอร์ที่หนาหน่อยและดูแข็งแรงดี
โครงการเก็บรายละเอียดมาดี คือระหว่างพื้นที่ระเบียงและพื้นที่ด้านในห้องมีธรณีประตูกั้นสูงพอสมควร เพื่อเวลาฝนสาดเข้ามายังระเบียง น้ำก็จะไม่ไหลเข้าในห้องพัก แต่เวลาเดินก็ระวังสะดุดหน่อย และที่ประตูก็จะติดเส้นกำมะหยี่เอาไว้ ช่วยกันเสียงและฝุ่นที่จะลอดเข้ามาในห้องพักอาศัย และด้านบนระเบียงมีไฟดาวน์ไลท์ติดไว้ให้ 1 ดวงค่ะ
ดวงไฟในห้องก็จะได้เป็นดาวน์ไลท์เช่นกัน ตามแบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ
ห้องตัวอย่างอีกแบบหนึ่งเป็นแบบ 1-Bedroom เช่นกัน มีขนาด 28.65 ตร.ม. ซึ่งแปลนห้องโดยรวมจะเหมือนกับแบบแรกเลยนะ ต่างกันตรงพื้นที่ใช้สอยในแต่ละห้องที่กว้างขึ้น ฟังก์ชันครบและลงตัวกับการพักอาศัยแบบ 2 คน จะเป็นอย่างไรไปชมกันต่อเลยค่ะ
เข้ามาด้านในจะเจอห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ส่วนแรก ทางขวาเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ ส่วนห้องนอนและห้องครัวจะอยู่ด้านใน ได้ช่องแสงและหน้าต่างเต็มๆ เหมือนแบบห้องแรกเลย
ข้อดีของห้องนั่งเล่น Type นี้จะมีระยะระหว่างโซฟาถึงชั้นวางทีวีที่กว้างเช่นเดียวกับห้องแบบแรก จึงสามารถวางโต๊ะรับแขกได้โดยไม่ขวางประตูห้อง ทำให้สามารถเดินผ่านเข้าออกได้สะดวก
แต่ห้องนี้จะกว้างกว่าห้องแบบแรกนิดหน่อย ทำให้มีพื้นที่ข้างโซฟาไว้สำหรับวางโต๊ะทำงานตามห้องตัวอย่างก็ได้ หรือใครจะเลือกวางโซฟาตัวใหญ่ขึ้นเป็น 3 ที่นั่งแทนโต๊ะทำงานก็มีพื้นที่พอ
พื้นที่ภายในห้องน้ำก็จะมีขนาดพอๆ กับห้องแรก ภายในห้องน้ำจะได้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์อาบน้ำตามแบบในห้องตัวอย่าง ยกเว้นกระจกที่จะให้มาเฉพาะบานกระจกไม่ได้ให้ตู้มาเก็บของมาด้วยนะคะ
พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนด้วยขอบธรณีและฉากกั้นอาบน้ำ ทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งได้สะดวก
ฉากกั้นอาบน้ำเป็นประตูกระจกบานสวิงเช่นเดียวกับห้องแบบแรก
พื้นที่อาบน้ำในห้อง Type นี้จะมีขนาดใหญ่กว่าแบบแรกเล็กน้อย อยู่ที่ขนาด 1.1 x 0.7 ม.
ภายในห้องนอนจะมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นกว่าห้องแบบแรกจึงมีความโปร่งโล่งมากขึ้น ไม่อึดอัด พอวางเตียงขนาด 5 ฟุตติดหน้าต่างแล้วก็ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าได้ลงตัว
พอวางเตียงชิดหน้าต่างแบบในห้องตัวอย่าง ก็ทำให้เหลือพื้นที่เดินข้างเตียงได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ข้างเตียงที่ติดกับตู้เสื้อผ้า ทำให้สามารถยืนเลือกเสื้อผ้าได้สะดวก
หากใครอยากดูทีวีในห้องนอน แนะนำให้ติดทีวีแบบแขวนผนัง เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ ด้านในมีหน้าต่างบานใหญ่ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่ง และสามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย ซึ่งหน้าต่างเป็นบาน Fixed ผสมบานเลื่อน สามารถเปิดรับลมหรือระบายอากาศได้
จากเตียงนอนแล้วมองไปยังอีกฝั่งหนึ่งของห้อง จะมีพื้นที่ให้วางตู้เสื้อผ้า แนะนำให้เลือกเป็นตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยนะคะ
สำหรับห้องครัวเป็นครัวปิดอีกเช่นกัน ซึ่งจะกั้นจากพื้นที่ส่วนอื่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ช่วยกันกลิ่นและควันเวลาทำอาหารได้
ภายในห้องครัวของห้อง Type นี้จะมีขนาดกว้างกว่าห้องแบบแรกจึงมีพื้นที่พอให้วาง Pantry ครัว รวมถึงโต๊ะทานอาหารด้วย โดยจะเหลือพื้นที่ให้ยืนทำครัวประมาณ 65 ซม.
เราจะได้ Pantry ครัวและเฟอร์นิเจอร์ มาตามแบบในห้องตัวอย่าง ยกเว้นไมโครเวฟที่จะไม่ได้แถมให้ค่ะ
ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เว้นไว้ให้วางตู้เย็น มีขนาด 0.73 x 0.6 ม. เวลาไปเลือกซื้อตู้เย็นก็ดูระยะของพื้นที่วางดีๆ นะ
โต๊ะทานอาหารที่โครงการให้มาเป็นโต๊ะขนาด 2 ที่นั่ง ด้านข้างโต๊ะมีพื้นที่เหลือให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวก
ด้านในสุดของห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนเปิดไปเชื่อมกับระเบียง เป็นข้อดีที่ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศได้ โครงประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ มาพร้อมกระจกตัดแสงที่ช่วยกรองความร้อนที่จะผ่านเข้ามาในห้อง
พื้นที่ระเบียงให้ราวกันตกเป็นกระจก สเปกเดียวกับห้องแบบแรก เหมาะกับคอนโดวิวแม่น้ำดีนะคะ
พื้นที่ระเบียงของห้องนี้กว้างพอสมควรสำหรับวางราวตากผ้า และกระถางต้นไม้ได้อีกนิดหน่อย โดยมีขนาดอยู่ที่ 0.8 x 2.15 ม. ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเพื่อช่วยกันลื่น
Condensing Unit ถูกออกแบบมาเป็นแบบแขวน จัดวางตำแหน่งมาให้อยู่ชิดผนังและหันเข้าหาระเบียง แนะนำให้หาตัวปัดทิศทางลมร้อนออกด้านนอกมาติดเพิ่ม เพื่อช่วยให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียงค่ะ
หน้าตาของปลั๊กและสวิตซ์ไฟที่ได้ของ Panasonic ตามาตรฐานโครงการค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 October 2019
- 1 Bedroom / ชั้น 8 /เนื้อที่ 24.62 ตร.ม. / ราคา 1.79 ล้านบาท หรือ 72,705 บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Schon
- จองเริ่ม 5,000 บาท
- ทำสัญญาเริ่ม 25,000 บาท
- ดาวน์ 6-8% ผ่อนดาวน์ 24 งวด
- ค่ากองทุน 200 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ THE CLEV ริเวอร์ไลน์ เจ้าพระยา – วงศ์สว่าง เป็นคอนโดเปิดใหม่วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งนานๆ เราจะเจอคอนโดเปิดใหม่บนถนนพิบูลสงคราม ปกติแล้วเราจะเห็นคอนโดใหม่จะไปเปิดตัวกันบนถนนกรุงเทพนนท์กันเป็นส่วนมาก ที่เป็นทางเดินรถไฟฟ้ากันซะมากกว่า ทำให้ The Clev จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในทำเลนี้ แต่เน้นไปที่ผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นประจำ มีรถไฟฟ้าไปใช้งานได้แต่ไม่ได้อยู่ในระยะเดิน เพราะโครงการห่างจากรถไฟฟ้าพอสมควร ได้คอนโดวิวแม่น้ำ และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการคือ Facilities ส่วนกลางที่ให้มาเยอะ และหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการใช้ส่วนกลางอย่างเต็มที่ ถ้าลองเทียบกับทาวน์โฮมในย่านนี้ก็มีราคาประมาณ 2 ล้านต้นๆ ก็เป็นราคาที่ไม่ต่างจากห้องคอนโดมากนัก THE CLEV ริเวอร์ไลน์ เจ้าพระยา – วงศ์สว่าง จึงเหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลาง และวิวแม่น้ำจริงๆ
ทำเล : โครงการThe Clev Riverline เจ้าพระยา-วงศ์สว่าง ตั้งอยู่บนถนนพิบูลสงคราม ซึ่งเป็นถนนเส้นขนานกับแม่น้ำเจ้าพระยา ขามุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 จัดว่าอยู่ในพื้นที่รอยต่อของกรุงเทพฯ กับนนทบุรี ทำให้ทำเลนี้ยังเป็นทำเลที่สามารถเข้าออกเมืองได้สะดวก ทำเลนี้เป็นย่านชุมชนพักอาศัยที่เงียบสงบ จะมีความคึกคักเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับม. เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และบริเวณโซนที่ใกล้ๆ โรงเรียน เท่านั้น
การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าเดินทางได้สะดวก เพราะโครงการติดถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอยซับซ้อน และไม่ไกลจากย่านจตุจักร งามวงศ์วาน และติวานนท์ หรือจะข้ามสะพานพระราม 7 ไปยังแถวจรัญสนิทวงศ์ก็ไม่ไกล อีกทั้งปัจจุบันมีทางด่วนตัดใหม่ (ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก) ที่ไปเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัชตรงจตุจักร ก็ยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่จำนวนที่จอดรถของโครงการนี้ให้มาทั้งหมด 39% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาไม่มากเท่าไหร่นะคะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถือว่าพอใช้ได้โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ มีสะพานลอยอยู่ไม่ไกลจากหน้าโครงการ มีระยะประมาณ 100 ม. เท่านั้น ส่วนป้ายรถประจำทางก็เดินเลยไปอีกหน่อยมีระยะจากโครงการประมาณ 110 ม. ก็ยังอยู่ในระยะเดินสบายๆ แต่หากต้องการไปขึ้นรถไฟฟ้าจะไม่ได้อยู่ในระยะเดิน ต้องพึ่งวินมอเตอร์ไซค์ หรือ Shuttle Bus ของโครงการเท่านั้น
วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Fitted ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาแล้ว ถือว่ายังให้เฟอร์นิเจอร์มาน้อยไปหน่อย แต่ก็เหมาะกับคนที่ต้องการแต่งห้องด้วยตนเอง หลักๆ คือจะให้ Pantry ครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ส่วนสเปคของวัสดุที่ได้จะมีประตู Digital Door Lock และ Video Door Phone, พื้น Vinyl (กระเบื้องยางลายไม้), Pantry ครัวเป็นไม้ลามิเนต+Top หินสังเคราะห์, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันของ Schon, สุขภัณฑ์ Mogen, ฝักบัว Cotto พอลองเทียบกับโครงการในทำเลนี้ก็ดูสูสี ไม่ได้แตกต่างอะไร จะมีส่วนที่ดีกว่าคือราวระเบียงที่ให้มาเป็นกระจกเทมเปอร์ทั้งบาน ก็ดูเหมาะกับโครงการวิวแม่น้ำดีค่ะ
การออกแบบ : การออกแบบภายนอกทำออกมาได้สวยแบบ Modern เข้ากับยุคสมัยไม่ขัดตา ไม่ได้หวือหวามากนัก โครงการออกแบบมาไม่ได้หนาแน่นมากสำหรับที่ดินเกือบ 2 ไร่ครึ่งกับจำนวนห้อง 598 ยูนิต และให้สัดส่วนของพื้นที่ส่วนกลางและฟังก์ชันของ Facilities ต่างๆ มาค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับพื้นที่ขาย แต่ก็มีรายละเอียดบางส่วนที่ไม่ลงตัวอยู่บ้าง เช่น สวนส่วนกลางบนชั้น 27, 30, 33 ที่ทำให้ลูกบ้านในชั้นอื่นๆ สามารถขึ้นมาที่ชั้นนี้ได้ และทางเดินไปสวนก็ต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยนะ ทำให้ห้องพักอาศัยบนชั้นนี้เสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของนิติฯ ในอนาคต ว่าจะทำอย่างไรค่ะ
ส่วนการออกแบบห้องเป็นห้องแบบ 1-Bedroom ขนาดไม่ใหญ่มากประมาณ 24-28 ตร.ม. เป็นหลักเน้นพื้นที่ทำอาหารที่เป็นแบบครัวปิด ติดระเบียง เหมาะกับคนที่อยากได้ครัวไทยแบบเป็นสัดส่วนระบายอากาศได้ดี และชอบห้องนอนที่มีช่องหน้าต่างในตัว ทำให้ได้ช่องรับแสงธรรมชาติแบบเต็มๆ แลกกับพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคาร ส่วนเรื่องความหนาแน่นของการอยู่อาศัยก็จัดว่าระดับกลางเช่นกัน ที่อัตราส่วนลิฟต์ 199 : 1 จำนวน 598 ยูนิตและสูงสุดที่ 22 ยูนิตต่อ 1 ชั้น
สาธารณูปโภค : สุดท้ายคือเรื่องของส่วนกลางที่จัดพื้นที่มาให้ค่อนข้างเยอะ คือชั้น 7 และ 36 ทั้งชั้น เทียบกับจำนวนห้องแล้วถือว่าโอเคเลย ฟังก์ชั่นต่างๆของส่วนกลางอาจจะมีเล็กบ้างใหญ่บ้างเคล้ากันไป แต่จำนวนที่เยอะและมีฟังก์ชั่นหลากหลายก็ช่วยเรื่องการอยู่อาศัยได้มาก เช่น Sky Lounge ที่ช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ในห้องเล็กหน่อยได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ และทำให้ลูกบ้านทุกห้องไม่ว่าจะอยู่แค่ชั้น 6 ก็สามารถขึ้นมาชมวิวบนยอดตึกได้เช่นกัน ส่วนฟังก์ชั่นของส่วนกลางอื่นๆก็เจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไปอย่างเช่น Jacuzzi, Kid Room, Theatre ที่เป็น Niche Function แต่ก็โดนใจสำหรับคนหลายๆคนนะคะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 90,000 บาท/ตร.ม., 22 October 2019
- ทำเล 7.5/10 – ใกล้แหล่งงานและมหาวิทยาลัย
- เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – สะดวก เข้า-ออกเมืองง่าย ใกล้ทางขึ้นทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ เรียกรถสาธารณะง่าย ใกล้ป้ายรถเมล์
- วัสดุ 7/10 – บางอย่างให้มาคุ้มราคา แต่โดยรวมถือว่ายังน้อยไป ต้องแต่งเพิ่ม
- แบบ 7/10 – โดยรวมดูดีทั้งแบบโครงการและห้อง แต่ยังบางอย่างที่ยังไม่ลงตัวดี เช่น ตำแหน่งโต๊ะทานอาหาร และ ความเป็นส่วนตัวของห้องพักบนชั้นที่มีสวนส่วนกลาง
- สาธารณูปโภค 7/10 – ดี ให้มาเยอะและหลากหลาย
- MAIN-UPPER CLASS
- 7.53 / 10.00
BOTTOM LINE
The Clev Riverline เจ้าพระยา-วงศ์สว่าง เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดในทำเลนนทบุรี ที่สามารถเข้าเมืองได้สะดวก ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นประจำ ไม่ได้แคร์เรื่องระยะห่างจากรถไฟฟ้ามากนัก อยากได้คอนโดวิวแม่น้ำ และต้องการใช้ Facilities ส่วนกลางที่ให้มาเยอะ และหลากหลาย มีงบประมาณระดับ 1.79 – 4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,000 – 28,000 บาท/เดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving