รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.232 – รีวิวคอนโด U Delight Residence Riverfront พระราม 3
14 สิงหาคม 2016
รีวิวฉบับที่ 497 … U Delight Residence Riverfront พระราม 3 (ยูดีไลท์ เรสซิเด้นท์ ริเวอร์ฟร้อนท์ พระราม 3) เป็นคอนโดโครงการล่าสุดจาก Grand U ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 25 มกราคม 2557 โดยเป็นคอนโดมิเนียมริมน้ำโครงการแรกของ Grand U ที่ทำห้องแบบพิเศษ ระเบียงใหญ่ มี Sunken Seat และราคาห้องบางส่วนนั้นทะลุขึ้นไปถึงหลักสิบล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มราคาที่แพงที่สุดของแบรนด์ U Delight กันเลยทีเดียว
Update: 25 มกราคม 2557 เรามีการแก้ไขข้อมูลเยอะแยะ เพิ่มเติมจากช่วงปลายปี 2556 ซึ่งเปลี่ยนหลายส่วนทั้งจำนวนห้อง สเปคห้อง วัสดุ และเพิ่มเติมรูปแบบห้องใหม่อีก 3 Type นะครับ
Fact @ 25 January 2014
- U Delight Residence Riverfront พระราม 3 (ยูดีไลท์ เรสซิเด้นท์ ริเวอร์ฟร้อนท์ พระราม 3)
- Grand Unity Development Co., Ltd.
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 30 ชั้น 1 อาคาร 1,088 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 47 ยูนิต
- ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%
- ที่ดินประมาณ 6-2-34 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2559
- Studio ไม่มี
- 1 Bedroom 34 – 41 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 55 – 102 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms+ ไม่มี
- ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท *โปรโมชั่นไม่รวมเฟอร์นิเจอร์
- ราคาต่อตารางเมตร 75,000 – 115,000 บาท
- http://www.grandu.co.th/udrr/register/index.php
- โทร 02-652-4000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
โครงการ U Delight Residence Riverfront พระราม 3 ตั้งอยู่บนถนนพระราม3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา ที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวลึกเข้าไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหน้าติดถนน ด้านหลังติดแม่น้ำ ขนาบข้างด้วยวัดปริวาสและร้านอาหารปลาบุรีริเวอร์ไซด์ ซึ่งอนาคตน่าจะพัฒนาเป็นตึกของ Sino-Thai ใกล้กับ BRT สถานีวัดปริวาส
การเดินทางโดยใช้ BRT ลงสถานีวัดปริวาส เดินมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 9 ตัวโครงการอยู่เลยวัดปริวาสไปเล็กน้อยโดยมีคลองปริวาสและที่ดินอีกหนึ่งแปลงกั้นอยู่ ที่เห็นตึกใหญ่ๆมุมขวาของภาพคือ ลุมพินี พาร์ค ริเวอร์ไซด์-พระราม 3
ข้างๆมีร้านอาหารเยอะแยะเลย ร้านอาหารจีนรื่นรส ร้านบ้านกลางน้ำ ร้านบุรีธารา ดังๆ นะครับ
ห้างโครงการติดสถานี BRT วัดปริวาส ทางซ้ายเป็นทางเข้าวัดนะครับ
ติดกันก็จะเป็นทางเข้าของโครงการติดถนนใหญ่พระราม 3
เจาะลึกตัวโครงการ
เรามาดูรายละเอียดเนื้อโครงการกันต่อนะครับ
ภาพ Perspective ของโครงการที่มองจากด้านหน้า อันนี้ยังไม่ Final ถ้าอยากดูของใกล้เคียงความเป็นจริงให้ดูภาพโมเดลดีกว่านะครับ
ภาพตึกถ่ายเอาจากโบร์ชัวร์ครับ มุมนี้จะเห็นได้ถ้ามองจากฝั่งบางกระเจ้าข้ามมาทางพระราม 3 เป็นการถ่ายย้อนไปทางด้านหลังโครงการที่ติดริมน้ำครับ
เราต้องขับรถเข้ามาเยอะหน่อยนะครับ ระยะทางจากต้นถึงปลายโครงการวัดได้ประมาณ 260 เมตร ซึ่งอนาคตอาจจะมีพื้นที่ส่วนงอกยื่นลงไปในแม่น้ำเพิ่มอีก เวลาจะออกจากห้องไปหน้าโครงการหรือร้านค้าใกล้เคียงก็คงต้องพึ่งพาจักรยานนะครับ เพราะมันไกลพอควรเลย
มุมด้านข้างให้ดูว่ามีอะไรบ้าง
ตอนนี้เอามาจัดเป็นมุมกังหันลม ซึ่งที่ดินริมน้ำนั้นลมแรงมาก กังหันหมุนติ้วๆทุกอันดูแล้วเพลินดีเหมือนกัน กับช่วงที่อากาศกรุงเทพมหานครหนาวๆแบบนี้
วิวที่มองไปทางสะพานแขวน อนาคตแปลงข้างๆที่ติดกันตรงนี้อาจจะขึ้นตึกสูงนะครับ ดังนั้นถ้าไม่ใช่ Riverfront Unit ก็จะไม่ได้การันตีวิวตลอดไป
แปลงที่ดินค่อนข้างลึก เป็นแนวแคบยาว เส้นก๋วยเตี๋ยวจากหน้าที่ดินบริเวณถนนใหญ่มาจรดแม่น้ำ ลึก 260 เมตร
บริเวณแม่น้ำก็สวยดีนะครับ
นี่แค่วิวจากชั้น 2 เท่านั้นเอง ของจริงมีทั้งสิ้น 30 ชั้น สามารถมองทะลุข้ามไปอีกฝั่งได้ เห็นวิวไกลลิบๆแบบสบายตาครับ
ภาพวิวเมื่อถ่ายจากรอบๆไซต์งาน จะเห็นว่าด้านที่ใกล้วัดจะมีที่ดินแปลงหนึ่งคั่นอยู่ระหว่าง U Delight และวัดปริวาส
แปลงถัดไปจะเป็นวัดปริวาส ส่วนตึกสวยๆไกลๆนั่นก็คือ The Pano
ที่ดินริมน้ำของโครงการ U Delight จะอยู่บริเวณขอบเขตรั้วเข้ามา
พื้นที่ริมน้ำชั้นล่างจะถูกพัฒนาเป็นส่วนกลางให้ลูกบ้านมาใช้ได้ จำลองไอเดียของชิงช้ามาให้ดูนะครับ
ภาพนี้อัพเดท 25 มกราคม 2557 จะพบว่าหลังจากปูหญ้าแล้วสวยขึ้นคนละเรื่องเลยครับ
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย
สร้างบรรยากาศห้องพักผ่อนริมน้ำมาให้ดูกันคร่าวๆครับ
Update มกราคม 2557 ก่อนเปิดขาย
เรามาดูโมเดลกันต่อเลยดีกว่า
ด้านหน้าจากถนนใหญ่เข้าไปเป็นพื้นที่จอดรถและแนวสวน … ซึ่งสวนของจริงที่เห็นในไซต์งานปัจจุบันก็คือแนวสวนตามโมเดลนี้เลยครับ
หน้าตาโครงการและรายละเอียด ว่ามีห้องขนาด 34 – 102 ตารางเมตร จำนวนยูนิตลดลงจากช่วงเดือนธันวาคมที่อยู่ 1,126 มาเหลือที่ 1,088 ห้อง เพราะมีการรวมห้องขนาด 34 ตารางเมตร เป็นขนาด 51 และ 102 ตารางเมตรเพิ่มเติมครับ
ข้างตึกหน้าตาคล้ายๆเพื่อนบ้านอย่าง LPN พระราม 3 เลย ตัวตึกจะดูทึบๆมีห้องเยอะๆ กระจกเพียบๆ แต่ยังดีที่ตรงกลางเบรคด้วย Core Lift มองไกลๆก็จะเห็นเหมือน 2 ตึก
มองจากฝั่งหน้าแม่น้ำเข้าไป
ลายตึกสวยๆจะอยู่ที่ฝั่งนี้แหละ เกิดจากการยื่นหดของระเบียงและรางเลื่อนอลูมิเนียมที่เป็นที่บังแดด
สาธารณูปโภคด้านหน้า มีสวน สระว่ายน้ำ ที่นั่งเล่นริมน้ำ ฟิตเนส เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น G
โดยชั้นล่างสุดจะมี 7-11 อยู่ภายในตึกด้วยนะครับ ทำให้สะดวกมากขึ้นสำหรับคนที่ต้องการพึ่งพาร้านสะดวกซื้อเล็กๆ รวมไปถึงห้องนิติ, ห้องสมุด ก็อยู่ชั้น G เช่นกัน
ทิศของโครงการนี้จะแบ่งเป็น 2 ทิศหลักๆ คือทิศเหนือฝั่งที่หันไปทาง LPN และทิศใต้ฝั่งที่หันไปทางวัดปริวาสและสะพานภูมิพล ส่วนทิศพิเศษอีกสองทิศคือตะวันตกที่หันเข้าแม่น้ำและตะวันออกที่หันเข้าหาเมืองนั้น มีจำนวนห้องไม่มาก จัดเป็นห้องส่วนน้อยของโครงการนี้นะครับ
Floor Plan มีทั้งหมด 6 แบบ อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้น 2 – 30 โดยมีที่จอดรถที่ชั้น G รอบอาคาร และ 2 – 5 ในตัวอาคาร
ซูมเข้ามาดูในแต่ละชั้น จะเห็นว่ามีจำนวนห้องสูงสุดที่ 47 ยูนิตต่อชั้น โดยชั้นล่างๆอย่างชั้น 2-5 นั้น ก็มียูนิตด้านหน้าสุดใกล้แม่น้ำอยู่ด้วย
ชั้นบนๆก็แบ่งพื้นที่คล้ายๆกัน โดยมี Core Lift ตรงกลาง แจกลิฟท์โดยสาร 4 ตัว ไม่มี Service Lift แยกเข้าไปในตึก ได้อัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 1:270 ซึ่งจัดว่าหนาแน่นเลยละครับ
ลานจอดรถรอบนอกบริเวณชั้น G
ภาพมุมสูงให้ดูแนวสาธารณูปโภคที่ติดริมน้ำครับ
ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่จัดปาร์ตี้และสำนักงานขายอยู่
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำริมน้ำ
- ห้องออกกำลังกาย
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- สวนสาธารณะริมน้ำ
- ห้องสมุดในชั้น G
- ร้าน 7-11 ชั้น G
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว
- Service Lift ไม่มี
- ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
แปลนห้องแบบแรกเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีจำนวนกว่า 800 ยูนิตในทั้งโครงการ ซึ่งเป็นแบบห้องที่เป็นที่ร่ำลือของหลายๆคนในเรื่องของการเอาครัวไปวางอยู่ริมระเบียง ซึ่งจะต้องเดินผ่านห้องนอนไปก่อน ในเบื้องต้นทางเวปไซต์จะนำเสนอห้องตัวอย่างไปก่อนนะครับ และในภายหลังที่เป็นรีวิวฉบับเต็มเราจะมีการสัมภาษณ์ทางเจ้าของโครงการว่าทำไมจึงตัดสินใจออกแบบห้องนี้มาอย่างนี้
ฟังก์ชั่นแรกที่จะพูดถึงก็คือก้านโยกหน้าประตูนี้ละครับ ซึ่งเป็นก้านโยกที่เอาไว้เปิดให้ห้องมีช่องลมไหลออก เพราะโครงการนี้อยู่ริมน้ำจะได้รับลมได้เต็มๆ
เวลาโยกแล้วช่องด้านบนก็จะเปิดออกแบบนี้ ข้อดีก็คือสามารถปล่อยให้ลมไหลผ่านจากระเบียงไปที่หน้าห้องได้ ทำให้มีอากาศถ่ายเท แต่ถ้าจะติดมุ้งลวด ก็ต้องติดข้างนอกนะครับ ไม่อย่างนั้นจะมีแมลงเข้ามากวนใจได้เหมือนกัน
พอเปิดประตูก็มองจากหน้าห้องเข้าไปนะครับ วันนี้แสงจ้านิดหนึ่ง มุมที่มืดๆอาจจะมองยากหน่อย แต่ภาพกว้างๆก็จะเป็นห้องน้ำอยู่หน้าสุด ด้วยห้องนั่งเล่น ห้องนอน ส่วนครัวกับระเบียงจะอยู่ด้านในสุดครับ
ห้อง 1 Bedroom นี้มีขนาดเล็กสุดอยู่ที่ 34 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท ข้ามกลุ่มตลาดที่เป็นราคา 1 ล้านกว่าถึง 2 ล้านต้นๆไปเลย ซึ่งเป็นราคาห้องเปล่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์ด้วย จัดว่าราคาโดดจากแบรนด์ U Delight ทั่วไปอยู่พอสมควร ทางแกรนด์ยูจึงใช้แบรนด์ U Delight Residence ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีตำแหน่งทางการตลาดอยู่สูงกว่า U Delight อีก 1 ขั้นนะครับ
มุมห้องนั่งเล่นสามารถวางโต๊ะทานข้าวขนาด 2 คนและ Sofa ขนาด 2 ที่นั่งได้ ตกแต่งแนวสีอ่อนๆ
ระยะดูทีวีจัดว่ากำลังพอดีเลย อยู่ในช่วง 40″ – 46″ น่าจะกำลังดี ไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป
เราย้อนกลับมาดูหน้าห้องกันหน่อย ทางโครงการ Built-in เป็นตู้ยาวเอาไว้เก็บรองเท้า ใส่ของและเครื่องทำความสะอาดบ้านที่บริเวณทางเดินเข้ามาจากหน้าห้อง
ทางซ้ายก็จะเป็นห้องน้ำ ซึ่งที่นี่จะปูกระเบื้องแผ่นใหญ่ที่ผนังด้วย อัพเกรดมาจาก U Delight และ Condo U
Update: มกราคม 2557 ห้องน้ำโครงการมีการแก้ไข Spec นะครับ ซึ่งจะอัพไปใช้กับทุกห้องเลย เดี๋ยวเราจะมีรูป Before and After ให้ดู
อ่างล้างมือออกแบบโดยเอาก๊อกไปไว้ตรงหัวมุม เพื่อเซฟพื้นที่แนวลึกให้วางอ่างได้ใบใหญ่ขึ้น แต่พอเอาก๊อกไปไว้ตรงหัวมุมก็จะทำให้การใช้งานลำบากขึ้นเช่นกันนะครับ มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
Update มกราคม 2557 ทางโครงการปรับแก้ไขหัวก๊อกให้ใช้งานได้ดีขึ้น ดูสวยและใหญ่ขึ้น
ปลายสุดของห้องเป็นห้องอาบน้ำที่ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเป็นแบบกระจก ใส่กรอบอลูมิเนียมด้านบน ซึ่งดูค่อนข้างก๊องแก๊งและไม่ปลอดภัยเท่าไร เพราะกระจกบางมากและเลื่อนแล้วบานกระจกมันสั่นๆ
ทางโครงการจึงเปลี่ยนเป็นกรอบอครีลิกตามเดิม เหมือนสเปค U Delight ทั่วๆไป ทางด้านความแข็งแรงผมว่าดีกว่า เซฟพื้นที่เดินเข้าออกสะดวกกว่าเพราะเป็นบานสามตอน แต่ความสวยงามและความหรูหราจะลดลงจากแบบ Tempered Glass
หัวก๊อกและหัวฝักบัวเป็นชุดจาก VRH – ถูกแก้ไขและเปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่รุ่นนี้แล้วนะครับ
ช่องนี้ถ้าจะให้มีประโยชน์ต้องวางกระจกหลายๆชั้น เป็นถาดใส่เครื่องอาบน้ำทั้งหลาย ส่วนระยะความกว้างนั้นต้องบอกว่าแคบไปนิดนึงนะครับ
หินสังเคราะห์หน้าห้องน้ำวางกั้นระหว่างส่วนเปียกพื้นกระเบื้องกับส่วนแห้งลามิเนต เป็นธรณีขึ้นมาเตี้ยๆ จัดว่าโอเคครับ
พอเราเดินเข้าไปข้างในห้องนอน สังเกตว่ามีทางเดินออกไปยังห้องครัวด้วย อยู่ตรงปลายสุดที่ติดกับตู้เสื้อผ้านะครับ
มุมทำงานปลายเตียงนอน ทำออกมาได้พอดีๆครับ
เดี๋ยวค่อยไปที่ครัวกับระเบียงนะครับ ใจเย็นๆ ผมพามาดูห้องนอนก่อน ขนาดความกว้างจัดว่ากำลังพอดี มีทางเดินปลายเตียงแบบไม่เบียด
หัวนอนดูแคบไปบ้างแต่ก็พอยังวางตู้ข้างเตียงได้อยู่ฟากหนึ่ง อีกฟากจึงจัดเป็นโคมไฟแบบตั้งพื้นที่วางแล้วประหยัดพื้นที่ ก็จะได้ฟังก์ชั่นมาทดแทนการวางโคมไฟเตี้ยบนโต๊ะข้างหัวนอนได้ครับ
ระหว่างห้องนอนกับห้องครัวกั้นด้วยประตูบานเลื่อน
พอเปิดออกไปก็จะเจอครัวที่อยู่ริมระเบียงแบบนี้ ซึ่งเราจะพูดถึงข้อดีของมันก่อน ห้องครัวห้องนี้มีทางระบายอากาศธรรมชาติ เวลาทำอาหารสามารถเปิดหน้าต่างระบายออกไปได้ แต่มันก็มีจุดบอดอยู่ตรงที่เวลาเราทำเสร็จแล้ว จะยกเข้าไปกินที่โต๊ะอาหาร ก็ต้องเดินผ่านห้องนอน ซึ่งมันประหลาดมาก กลิ่นอาหารก็ไม่พลาดที่จะต้องเข้าห้องนอนแน่ๆ ซึ่งแปลนแบบนี้จะ make or break การตัดสินใจซื้อของลูกบ้านระดับหนึ่งเลยละครับ
เรามาดูรายละเอียดในครัวกันอีกที U Delight พระราม 3 จัดครัวแบบเข้ามุมมาให้ ท๊อปลามิเนต มีซิงก์น้ำ แต่ไม่มีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน
Update มกราคม 2557 – ทางโครงการเปลีย่นตำแหน่งวาง Microwave ให้ลงไปอยู่ด้านล่าง ทำให้มีพื้นที่บนท๊อปเยอะขึ้น ทำอาหารง่ายขึ้น ประกอบกับย้ายเครื่องซ้กผ้ามาไว้ทางซ้ายแทน สวนซิงก์นั้นจะต้องลดขนาดลงไปและจัดชิดมุมมากขึ้น แต่ก็ยังพอใช้งานได้อยู่นะครับ
เตาไฟฟ้าแถมให้เป็นแบบเตาลอย เก็บไว้ใต้ลิ้นชัก Microwave – สามารถเดินถือออกไปทำอาหารที่ริมระเบียง เช่นสุกี้หรือ BBQ ได้ครับ
พื้นที่ท๊อปที่มากขึ้น สามารถใช้งานได้ดีขึ้น และตรงซอกเสานั้นถ้าวางเครื่องปิ้งขนมปัง ก็จะใช้พื้นที่ได้ดีขึ้นอีกครับ
ต่อมาเป็นฟังก์ชั่นใหม่ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโครงการไหน นั่นก็คือ Sunken Balcony ผมจัดว่าเป็นจุดขายที่ดีมากของยูนิตริมน้ำอย่างนี้ ที่ทำฟังก์ชั่นให้กับระเบียง ปรับพื้นที่ระเบียงให้กว้างและใช้งานได้จริง
ผู้พัฒนาโครงการคงอยากจะให้ลูกบ้านทำอาหารเสร็จแล้วก็เอาโต๊ะมาวางกินข้าวตรงนี้เลย จะได้ไม่ต้องยกเข้าออกผ่านห้องนอน แต่ผมก็เชื่อว่าคงจะไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะนั่งกินข้าวตรงนี้ เช่นในเวลาประมาณเที่ยงๆบ่ายๆ ซึ่งแดดจะค่อนข้างร้อนมาก หรือในเวลากลางคืนที่อาจจะมีเรื่องยุงหรือแมลงรบกวนใจ อีกประเด็นก็คือมันไม่สามารถดูทีวีไปกินข้าวไปด้วยกันได้
แต่เอาจริงๆนั่งมองวิวผ่านระเบียงแบบนี้ก็สวยดีนะครับ ถ้าจะให้ดีต้องเปลี่ยนวัสดุที่ระเบียงเป็นกระจก Tempered Glass ด้วย ฟังก์ชั่นนี้จะสมบูรณ์ขึ้นมาก ไม่อย่างนั้นก็ต้องมองผ่านลูกกรงหน่อย อาจจะขัดๆตาบ้าง
ด้วยฟังก์ชั่นแบบนี้ เราคงจะวางหมอนและเบาะประเภทนี้ไม่ได้นะครับ ผมแนะนำว่าต้องใช้วัสดุที่ทนแดดทนฝน เป็น Outdoor Material เช่นหวายหรือผ้าที่ออกแบบมาพิเศษ แห้งเร็วและทนแดดทนฝน
ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างมาก เราสามารถใช้เป็นที่วางราวตากผ้าได้แบบสบายๆด้วย
มองกลับเข้าไปข้างในจริงๆห้องก็แต่งออกมาได้สวยดีนะครับ
ด้วยความที่เพดานไม่ได้ใส่ฝ้ามาให้ ทำให้ได้ห้องเพดานสูง 2.6 เมตร และทำหลืบไฟติดเป็น Indirect Light ไว้ให้เป็นมาตรฐานทุกห้องด้วย
ตำแหน่งติดแอร์ที่ห้องรับแขกก็อยู่ตรงนี้ ส่วนห้องนอนอยู่ตรงบริเวณทางออกไปยังระเบียงครับ
Update มกราคม 2557 – Sunken Balcony สวยขึ้นเยอะครับ มีแถมเบาะให้ด้วย
สำหรับคนที่ชอบกินลมชมวิว สาวโสดหนุ่มโสด นั่งกินชิวๆ ผมว่าก็สบายดีนะครับ
คอมเพรสเซอร์แอร์ติดอยู่ด้านหลังครัว ไม่มาเกะกะอยู่บนระเบียง ซึ่งตรงนี้เป็นพื้นที่ในโฉนด ที่เราต้องจ่ายตังค์เหมือนกันนะ
ให้ดูแนวพื้น จะเห็นว่าแนวพื้นครัวกับแนวที่นั่งระเบีงยเป็นแนวเดียวกัน มี Step มารอง 1 Step ทำให้เดินขึ้นลงง่ายๆครับ
ครัวก็สามารถกั้นบานเลื่อนมาปิดได้ทั้งสองฟากแบบนี้
ต่อมาเป็นห้องแบบ 2 Bedrooms 1 Bathroom ที่มีขนาดประมาณ 55 – 56 ตารางเมตร เป็นห้องที่อยู่ติดริมน้ำเหมือนกัน โดยมีจุดเด่นก็คือ Balcony ที่ยื่นออกไปจากตัวห้อง แต่ Plan ห้องโดยรวมนั้นจะเหมือนๆเดิม คล้ายๆกับห้อง 2 Bedrooms 1 Bathroom ของโครงการ U Delight ก่อนหน้านี้ครับ
ห้อง 55 ตารางเมตรแบ่ง Layout เป็น 3 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกคือพื้นที่ตรงกลางห้องซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ประกอบด้วยโต๊ะทานข้าว, ส่วนนั่งเล่น, ห้องน้ำและระเบียง
ส่วนที่สองจะเป็นส่วนของห้องนอน และ ส่วนสุดท้ายคือครัวและลานซักล้าง
พื้นที่โต๊ะทานข้าวสามารถวางชิดผนัง โดยใช้โต๊ะยาว สามารถนั่งได้ 4 ที่นั่งอย่างไม่เบียด
ส่วนนั่งเล่นทำออกมาได้โอเคเช่นกัน เป็นพื้นที่โซฟาและชั้นวางทีวีต่อเนื่องกับส่วนของระเบียง
ซึ่งทำเป็นบานเลื่อนกั้นไว้ สามารถเปิดให้พื้นที่ทั้งสองส่วนเชื่อมต่อกันได้
นั่งตรงนี้เวลาแดดไม่ร้อนก็จะได้ความรู้สึกค่อนข้างดี ระเบียงทำออกมากว้าง เน้นให้นั่งสบายๆอยู่แล้ว
วิวด้านหนึ่งจะเห็นเป็นวัดและสะพานภูมิพล
วิวอีกด้านหนึ่งก็จะมองไปทางสะพานแขวน ซึ่งยูนิตที่เป็น Riverfront นี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาบังวิวในอนาคต เพราะเป็นยูนิตที่ติดแม่น้ำเลย ไม่มีใครมากั้นหรือบล็อควิวได้
มองย้อนกลับไปด้านหน้าห้องนะครับ
พื้นของระเบียงกับพื้นของห้องนั่งเล่นต่อกันแบบนี้ มีรางอลูมิเนียมคั่นไว้ ไม่ใช่ธรณีประตูสูงๆที่ต้องระวังสะดุด
ส่วนของครัวเป็นส่วนที่แยกออกไปจากห้องนั่งเล่นอีกทีหนึ่ง เปิดด้วยบานเลื่อนใช้เป็นครัวปิดได้
ครัวจุดชุดเข้ามุม โดยจะมีเครื่องดูดควันและเตาไฟฟ้ารวมอยู่ด้วย ส่วนซิงก์ก็ได้อัพเกรด มาพร้อมที่วางจานแล้ว
คั่นประตูครัวด้วยท๊อปหินสังเคราะห์
ถัดจากครัวก็จะเป็นลานซักล้าง ขนาดอาจจะเล็กไปหน่อย แต่ก็สามารถตากผ้าได้ ไม่จำเป็นต้องเอาผ้าไปตากที่ระเบียงติดแม่น้ำทำให้เสียบรรยากาศ
ด้านบนแขวนคอมแอร์เรียบร้อย ด้านล่างวางเครื่องซักผ้า
เวลาทำอาหารก็สามารถเปิดระบายอากาศออกจากครัวด้วยบานนี้ได้
สุดท้ายคือโซนห้องนอน ซึ่งจะแบ่งออกเป็นห้องนอนใหญ่ วางเตียง 5 ฟุต และห้องนอนเล็ก
จุดเด่นของห้องนอนใหญ่นี้คือกระจกเข้ามุมตรงนี้ ที่จะช่วยให้เรามองเห็นแม่น้ำเวลาเรานอนเล่นบนเตียงได้
มุมประมาณนี้ครับ
เจาะช่องแสงตรงโต๊ะเครื่องแป้งด้วย เพราะเป็นห้องมุม
ส่วนห้องนอนเล็กออกจะกะทัดรัดไปสักนิดนึง แต่ก็มีช่องแสงธรรมชาติบริเวณโต๊ะทำการบ้าน
เตียงขนาด 3.5 ฟุต วางพอดีเป๊ะ ใช้เป็นเตียงเด็กได้ถึงวัยรุ่น
ปลายเตียงเป็นช่องเปิด ที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์อยู่ด้านนอก
ส่วนห้องน้ำก็อัพเกรดได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีข้อเสียตรงที่ว่ายูนิตนี้มีห้องน้ำเดียว ทำให้ต้องมาใช้ห้องน้ำร่วมกันทั้งสองห้องนอน … สมาชิกไม่ควรเกิน 3 คน ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์แย่งห้องน้ำกันได้บ่อยๆ
ซิงก์ทำออกมาได้ดูดีกว่าแบบ 1 Bedroom มาก จัดเป็น Counter ยาว พื้นที่ใช้สอยโอเค
ส่วนอาบน้ำเองก็เช่นกัน ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับห้อง 1 Bedroom
Update มกราคม 2557 – เปลี่ยนบานเลื่อนเป็น Acrylic แบบฝ้า เพิ่ม Privacy ตรงส่วนอาบน้ำ
ฝักบัวเปลี่ยนชุดใหม่เลย ไม่เอาของ VRH แล้ว
ให้ดู Space ห้องอาบน้ำครับ ว่ากว้างมากเลย
ห้องที่ดูดีที่สุดในโครงการคงจะหนีห้องนี้ไปไม่ได้ 2 Bedrooms Type 90 ตารางเมตรแบบ Riverfront ซึ่งทั้งโครงการนั้นมีเพียง 12 ห้อง วันที่ผมเข้าไปดูก็เจอคนสนใจลงชื่อกันไว้ 50+ ทำให้เชื่อว่าห้อง Type นี้คงจะหมดตั้งแต่เปิดในวันแรกหากราคาไม่แรงเวอร์จนเกินไป
ราคาที่สอบถามมาได้ก็อยู่ที่ 10 ล้านขึ้นไป ซึ่งสะท้อนราคา 110,000+ / sqm แต่ราคาจริงๆจะอยู่เท่าไร ชั้นไหน และชั้นสูงบวกเท่าไรนั้น เรายังไม่ทราบได้ครับ
ตัวห้องออกแบบมาได้ดี แบ่งสัดส่วนทุกจุดครบถ้วน ดีกว่าทั้งแบบ 34 และ 55 ตารางเมตรอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนแรกที่เข้าห้องไปถึงก็จะเป็นส่วนนั่งรับประทานอาหาร พื้นที่คล้ายๆกับห้อง 55 ตารางเมตรนะครับ
ส่วนต่อมาเป็นส่วนที่ต่อเนื่องกัน โดยจะมี Corner เปิดพื้นที่เข้าไปยังส่วนนั่งเล่น
ส่วนนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่วางโซฟาขนาดใหญ่ได้ และยังสามารถวางโต๊ะทำงานซ้อนด้านหลังได้อีกตัวหนึ่ง พื้นที่เหลือเฟือ
ทางริมซ้ายติดระเบียง สามารถเปิดบานเลื่อนสามตอนเชื่อมพื้นที่ภายในกับภายนอกเข้าด้วยกันได้
ระยะดูทีวีสบายๆครับ เหลือเฟือ ด้านหลังถอยได้อีกเยอะ เขยิบเข้าเขยิบออกได้ตามขนาดทีวีที่ต้องการ
Corner ข้างๆนี้ไม่มีให้นะครับ ทางโครงการสร้างขึ้นมาเพื่อให้ใช้พื้นที่เสาให้เป็นประโยชน์ สร้างเป็น Storage เก็บของเยอะๆ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเป็น Pantry วางของทานเล่นก็ได้
ระยะเพดานอยู่ที่ 2.6 เมตร ไม่มีฝ้า จะเห็นว่า Sprinkler นั้นติดอยู่ด้านข้าง ติดกับแอร์ … ผมว่าน่าจะติดผิดนะ ฉีดออกมาจากซอกนั้นไม่น่าจะเหมาะ
โคมไฟสวยดี จะเห็นว่าจุดที่ติด Down Light ได้ จะต้องเป็นจุดที่ดรอปฝ้าลงมา อย่างพื้นที่ส่วนหน้าห้องที่มีงานระบบภายในครับ
ตู้เย็นนั้นวางอยู่ด้านหน้าห้อง ติดกับส่วนของครัว สามารถวางตู้เย็นบานใหญ่ได้ สมกับเป็นห้องแบบ Family Room
ในขณะเดียวกัน ส่วนที่ไม่ได้ทำฝ้าก็ต้องวาง Downlight เป็นปล่องยื่นลงมาแบบนี้ครับ
ห้องน้ำด้านนอกอาบน้ำได้ ใช้ร่วมกับห้องนอน 2 นะ
จุดเด่นที่สุดของห้องนี้คงจะหนีไม่พ้นระเบียงใหญ่ รับลมและรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สามารถวางชุดนั่งเล่นได้อีกชุดหนึ่งแบบเต็มๆ
ความกว้างและความยาวของระเบียง ไม่มีปัญหาครับ แต่ผมติดตรงที่อยากได้กระจกเป็นราวกันตกมากกว่า จะช่วยให้ Value ของระเบียงนี้เพิ่มขึ้นได้สูงมาก
ลูกเล่นอีกชุดหนึ่งก็คือรางเลื่อนอลูมิเนียม
ที่สามารถเลื่อนมาบังแดดได้เป็นจุดๆ โดยรางเลื่อนนี้ถ้าเลื่อนมาแบบบานเดี่ยวก็จะกรองแสงได้บางๆ แต่ถ้าเอาหลายๆบานมาซ้อนกัน ก็สามารถเพิ่มความทึบ เนื่องจากซี่อลูมิเนียมที่ซ้อนเข้าหากัน ช่วยบังแดดได้ดีขึ้น ตามมุมของพระอาทิตย์ในช่วงเวลาต่างๆของวัน ซึ่งเป็นการออกแบบที่ผมชอบมากครับ
ระเบียงนี้เชื่อมเข้าหาห้องนอนใหญ่ Master Bedroom ที่อยู่ด้านข้าง
เข้าออกได้สองทางจากห้องนอนหรือจากห้องนั่งเล่น
ภาพนี้ผมยืนอยู่นอกห้องตัวอย่างแล้วถ่ายเข้าไปนะครับ จะเห็นว่าปลายสุดของระเบียงเป็นห้องนอนสอง ซึ่งจะได้วิวแม่น้ำหัวมุมเช่นกัน
อีกด้านหนึ่งเป็นส่วนของ Yard ที่ติดกับห้องครัว ใช้เป็นลานซักล้าง ตากผ้า ฯลฯ ได้อย่างสบาย ไม่ต้องไปวุ่นวายกับระเบียงกินลมชมวิว
เดี๋ยวเราจะเดินอ้อมจากห้องนั่งเล่นไปยัง Yard กันก่อน
ซึ่งก่อนจะถึง Yard ก็ต้องเดินผ่านห้องครัว ที่เปิดเป็นบานเลื่อน
ครัวห้องนี้ออกแบบมาเป็นแบบครัวสองฟาก ฝั่งหนึ่งเป็นเตาและพื้นที่เตรียมอาหาร
อีกฝั่งหนึ่งเป็นซิงก์ล้างจานและพื้นที่คว่ำจาน
มีเตาไฟฟ้าขนาดใหญ่ 4 หัว และเครื่องดูดควันมาให้ครบ ในขณะที่วัสดุต่างๆยังเหมือนเดิม
ส่วนของ Yard ก็จะเห็นวิวเช่นกัน แต่เป็น Riverside นะครับ
ให้ดูความกว้างเมื่อเทียบกับเครื่องซักผ้า … วางสบายๆเลย
เรามาดูห้องนอน 2 กันก่อน ที่ผมบอกว่าเป็นหัวมุมอีกห้องอยู่บริเวณปลายระเบียง
ขนาดกว้างกว่าห้องนอนเล็กของห้อง 55 ตารางเมตรมาก วางเตียง 5 ฟุตได้พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า แต่ห้องน้ำต้องใช้ร่วมกับห้องน้ำที่ห้องนั่งเล่น
ต่อมาเป็นห้องนอนใหญ่ … เรายังไม่เคยเห็นคอนโดตึกไหนของ Grand U ที่ทำห้องนอนใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ใช้เตียง 6 ฟุต และจัดวาง Space อย่างกว้างขวาง
มีทางเดินเชื่อมกับระเบียงที่เอ่ยถึงเมื่อครู่ ส่วนระยะปลายเตียงเหลือเฟือ
มีลูกเล่นอีก สามารถวางโซฟาตรงมุมนี้ หรือจะวางโต๊ะทำงานก็ได้ เป็นการนั่ง “ริมน้ำ” ในห้องนอนตัวเอง
กระจกบานนี้ขัดใจนิดนึง ตรงที่วางมีอลูมิเนียมแนวขวางอีกเส้นที่บดบังทัศนวิสัยงามๆ
อ่อ ระยะดูทีวีหายห่วงครับ
จุดเด่นอีกจุดที่ Grand U ไม่เคยทำเลย ก็คือ Walk-in Closet ซึ่งเราจะได้เห็นกันที่ห้องนอน Master Bedroom ห้องนี้ … โดยวันที่ผมเข้าไปนั้นยังแต่งห้องไม่เสร็จ ภาพที่ได้มาก็ยังไม่สวยเท่าไร ไว้ถ้าเสร็จแล้วจะถ่ายมาซ่อมนะครับ
ห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัว สุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆนั้นเหมือนกับห้องน้ำอื่นๆทั่วไป เราขอข้ามนะครับ
ให้ดู Space เชิงกว้างอีกที และตำแหน่งติดแอร์ครับเริ่มจากห้อง Studio กันก่อนครับ
Update มกราคม 2557
ทางโครงการเห็นว่าความหลากหลายของห้องน้อยไป เลยเพิ่มห้องใหม่ขึ้นมา 3 ห้อง คือ Balcony Plus และ Living Plus 51 ตารางเมตร กับ Family Combine 102 ตารางเมตร
ห้องแรกแบบ Balcony Plus มีจุดเด่นๆ 4 จุดก็คือ
1) ห้องครัวปิดอยู่ริมระเบียง เดินเข้าออกโดยไม่ต้องผ่านห้องนอน ทำให้ฟังก์ชั่นดีขึ้นจากห้อง 34 ตารางเมตรมาก
2) ระเบียงใหญ่ สำหรับคนชอบนั่งเล่น กิน ปาร์ตี้ นั่งสบาย
3) ห้องน้ำเข้าได้จากสองทาง ทั้งห้องนอนใหญ่และห้องนั่งเล่น มีซิงก์ Counter ยาวและแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
4) ห้องนอนแยกเป็นสัดส่วน ไม่ต้องใช้บานเลื่อน
ห้องที่สองแบบ Living Plus มีจุดเด่นๆ 4 จุดก็คือ
1) ห้องครัวปิดอยู่ริมระเบียง เดินเข้าออกโดยไม่ต้องผ่านห้องนอน ทำให้ฟังก์ชั่นดีขึ้นจากห้อง 34 ตารางเมตรมาก
2) มุมทำงานติดริมระเบียง สำหรับคนชอบนั่งทำงานที่บ้านและต้องการมุมส่วนตัว
3) ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ สำหรับคนที่มีสมบัติเยอะๆ
4) ห้องนั่งเล่นกว้าง ได้ที่นั่งใหญ่ ใส่ชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้
แต่ก็จะมีข้อเสียตรงที่ผนังห้องเลื้อยไปมา ทำให้ห้องนอนดูเล็กกว่าความเป็นจริง เนื่องจากติดเสาโครงการนะครับ
สุดท้ายเป็นห้องแบบ 102 ตารางเมตร ซึ่งเกิดจากการรวมห้อง 34 ตารางเมตรเข้าด้วยกัน 3 ห้อง ทำให้ได้ห้องใหญ่
1) ห้องนอนใหญ่ 2 ห้อง
2) ระเบียงใหญ่เทียบเท่า Balcony Plus
3) ห้องนั่งเล่นใหญ่กว่า Living Plus
ห้องที่นี่ขายแบบให้เฟอร์นิเจอร์ครบ ทั้ง Built-in และลอยตัว โดยจะมีให้ครบทุกขนาด ตามภาพที่เห็นนะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25 มกราคม 2557
- ห้อง 1 Bedroom 34 ตารางเมตร เร่ิมต้นที่ 2.49 ล้านบาท แบบโปรโมชั่นไม่มีเฟอร์นิเจอร์
- ห้อง 1 Bedroom 34 ตารางเมตร ห้องปกติ 2.7 – 3.23 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom 41 ตารางเมตร 3.35 – 3.39 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom 51 ตารางเมตร 4.31 – 4.95 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom 34 ตารางเมตร 3.69 – 3.91 ล้านบาท Riverfront
- ห้อง 2 Bedrooms 55 ตารางเมตร 6.03 – 6.39 ล้านบาท Riverfront
- ห้อง 2 Bedrooms 91 ตารางเมตร 9.55 – 10.45 ล้านบาท Riverfront
- ห้อง 2 Bedrooms 102 ตารางเมตร 8.61 – 9.69 ล้านบาท Riverside
- ห้องธรรมดา ประมาณ 75,000 – 97,000 บาทต่อตารางเมตร
- ห้อง Riverfront ประมาณ 105,000 – 115,000 บาทต่อตารางเมตร
- Fully Furnished ได้เฟอร์ครบทุกชิ้น
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- จอง 25,000 – 100,000 บาท
- ทำสัญญา 200,000 บาท เฉพาะห้องขนาด 80 ตารางเมตรขึ้นไป
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
- น้ำประปาคิดอัตรายูนิตละ 18 บาท ค่าไฟฟ้าจ่ายตามจริง
- ค่าบำรุงสิทธิ์จอดรถยนต์ 300 บาท/คัน/เดือน
- ค่าบำรุงสิทธิ์จอดรถมอเตอร์ไซค์ 50 บาท/คัน/เดือน
- Shuttle Van 15 บาท/เที่ยว – รถตู้ทางโครงการจัดหาให้
เจาะลึกรวบยอด
U Delight Residence Riverfront พระราม 3 เป็นโครงการแรกที่แบรนด์ U Delight ทำราคาขึ้นทะลุ 100,000 บาทต่อตารางเมตร จัดเป็นโครงการพรีเมี่ยมที่ยกระดับขึ้นมาจากแบรนด์ U Delight และ Condo U โดยเน้นเรื่องขนาดห้องและดีไซน์ห้องที่ปรับให้เข้ากับการอยู่อาศัยริมแม่น้ำมากขึ้น
ทำเลของ U Delight พระราม 3 นั้นอยู่ติดถนนใหญ่พระราม 3 เป็นที่ดินผืนใหญ่กว่า 6 ไร่ ยาวลึกเข้าไปจนถึงริมแม่น้ำ ฝั่งหนึ่งติดกับวัดปริวาส อีกฝั่งหนึ่งติดกับที่ดินว่างเปล่าซึ่งในอนาคตสามารถขึ้นเป็นโครงการสูงได้ ส่วนทางเข้าของโครงการนั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถด่วน BRT วัดปริวาส และโครงการ Bangkok Square (ชื่อเดิมจตุจักรพระราม 3) ให้เป็นร้านอาหารสำหรับกินเที่ยวฝากท้องได้บ้าง
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นฝั่งที่หันไปทางสะพานพระราม 9 / ทิศตะวันออกเฉียงใต้ใต้เป็นฝั่งที่หันไปทางสะพานภูมิพล โดยมีห้องบางส่วนจำนวน 2-3 ห้องเท่านั้นที่ติดริมน้ำแบบ Rivefront และอีก 2 ห้องที่หันออกไปทางถนนใหญ่ จัดเป็น City View … เนื่องด้วยจำนวนห้องที่น้อยและทำเลที่ดีของ Riverfront นั้น ทำให้โครงการตั้งราคาเอาไว้สูงถึง 105,000 – 115,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนห้องอื่นๆนั้นตั้งราคาอยู่ที่ 75,000 – 97,000 บาทต่อตารางเมตร เรียกว่าแพงกว่ากันประมาณ 20 – 30% เลยทีเดียว … ห้องฝั่งที่หันไปทางสะพานพระราม 9 นั้นอาจจะต้องกังวลเรื่องถูกบังวิวหน่อย เพราะข้างๆมีโอกาสที่จะขึ้นตึกสูงได้ในระยะประชิด ต่างกับฝั่งที่หันไปทางสะพานภูมิพล ซึ่งมีทั้งวัดปริวาสและ Bangkok Square กั้นไว้ ทำให้เซฟวิวได้พอควรละครับ
การเดินทางโดยใช้รถยนต์จัดว่าสะดวกมาก ถนนพระราม 3 นี้เป็นถนนที่รถไม่ติด ยกเว้นแยกที่จะเลี้ยวไปสะพานภูมิพลในช่วงเร่งด่วน ถนนเส้นนี้มีทางด่วนตัดผ่านสามารถใช้ทางขึ้นลงบริเวณนางลิ้นจี่ หรือบริเวณหน้าเซ็นทรัลพระราม 3 ก็ได้ หรือถ้าใครจะเข้าไปทำงานที่โซนสาทร/สีลม ก็สามารถใช้ถนนนราธิวาสราชนครินทร์หรือถนนสาธุประดิษฐ์เพื่อทะลุไปเส้นสาทรได้ แต่ระวังไว้ว่าถนนนราธิวาสฯและสาธุประดิษฐ์นี้รถติดนะครับ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์จะสะดวกน้อยกว่าหน่อย เพราะถนนพระราม 3 เป็นเส้นที่ไม่มีรถไฟฟ้าตัดผ่าน แต่ก็สามารถใช้รถด่วน BRT ได้ที่สถานีวัดปริวาสหน้าโครงการ ห่างจากทางเข้า-ออกโครงการประมาณ 150 เมตร ซึ่งถ้าใครอยากจะไปรถไฟฟ้าหรือไม่อยากเดินไป BRT ก็สามารถนั่งรถตู้ Shuttle Van ของโครงการได้ ทางโครงการจัดเตรียมเอาไว้ 2 คัน ค่าโดยสาร 15 บาท จะรับส่งที่สถานีวัดปริวาส และ/หรือ สถานี BTS ช่องนนทรี ซึ่งจะสะดวกขึ้น แต่ก็ไม่รวดเร็วเท่ากับการขึ้นรถไฟฟ้าเพราะรถจะติดมากหน่อยนะครับ
ที่จอดรถของที่ U Delight พระราม 3 นี้มีให้ 40% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งจะเป็นการจอดรถบนพื้นชั้น G และชั้น 2-5 โดยจะต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาสิทธิ์ที่จอดรถในอัตรา 300 บาท/คัน/เดือน และจักรยานยนต์ในอัตรา 50 บาท/คัน/เดือน ซึ่งจะช่วยลดปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่พอไปได้ระดับหนึ่ง แต่สำหรับโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ใกล้รถไฟฟ้าและขายในราคา 75,000 – 115,000 บาทต่อตารางเมตร ที่จอดรถ 40% ผมคิดว่าน้อยไปหน่อยนะครับ เพราะเป็นโครงการที่มียูนิตใหญ่ค่อนข้างมาก อาจจะมีการอยู่กันเป็นครอบครัวสูง ทำให้อัตราการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลสูงขึ้น
วัสดุอุปกรณ์ของที่นี่ไม่ได้ใช้วัสดุแบบหรูหรา แต่ให้มาครบและให้มาเยอะ ทั้งเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว, Built-in ครบทุกชิ้น เรียกว่าแทบจะไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้าบ้านก็สามารถอยู่ได้ ครัว, เตา และเครื่องดูดควันมีให้ครบ โดยเตาห้องเล็กจะเป็นเตาไฟฟ้าแบบลอย สามารถยกไปตั้งที่ระเบียงได้ ดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดคิดให้ลงตัวกับแบบห้อง ทั้งแบบ 34, 41, 51, 55, 91, 102 ตารางเมตร ซึ่งเฟอร์นิเจอร์จากโครงการจะช่วยแก้ปัญหา “ขนาดห้อง” ที่หาเฟอร์นิเจอร์ลงตัวได้ยาก ทำให้ใช้สอยประโยชน์พื้นที่ได้มากที่สุด
แบบห้อง 34 ตารางเมตร เป็นแบบที่มีมากที่สุด แต่ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เนื่องจากมีการวางครัวเอาไว้ที่ริมระเบียง ซึ่งจะต้องเดินเข้าออกผ่านห้องนอน หากเป็นคนที่ชอบนั่งทานอาหารที่ริมระเบียงและชอบครัวเปิด ก็จะชอบห้องแบบนี้ แต่สำหรับบางคนที่ต้องยกของเข้าออกจากครัวไปยังห้องนั่งเล่น ก็จะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ประกอบฉากกั้นห้องนอนที่เป็นแบบบานเลื่อน ที่บางคนอาจจะชอบห้องนอนที่มีบานเปิดปิดกั้นเป็นสัดส่วนมากกว่า
แบบห้อง 51 ตารางเมตร ทั้งแบบ Balcony Plus และ Living Plus เป็นแบบที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากห้อง 34 ตารางเมตร แก้ปัญหาเรื่องการเข้าออกครัวต้องผ่านห้องนอน พร้อมทั้งเปิดฟังก์ชั่นการใช้สอยใหม่ๆ เช่นระเบียงใหญ่, ห้องนั่งเล่นใหญ่ และห้องน้ำเข้าออกได้สองทาง ทำให้แบบห้อง 51 ตารางเมตรเป็น 1 Bedroom ที่ลงตัวมากๆ แต่ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้าง ทำให้ราคาขยับขึ้นไป 4 ล้านกว่าบาทกันเลย
แบบห้อง 55 ตารางเมตร ที่มี 2 Bedrooms 1 Bathroom นั้นเป็นแบบห้องที่คล้ายกับโครงการ U Delight โครงการอื่น แต่ได้เติมในส่วนระเบียงและ Yard แยกออกจากกัน ทำให้อยู่อาศัยใช้สอยได้ง่ายขึ้น เป็นสัดส่วนมากขึ้น และส่วนระเบียงที่ยื่นออกไปริมน้ำนั้นเป็นส่วนที่โดดเด่นที่สุดของห้องแบบนี้ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าห้องนี้มีห้องน้ำเพียงห้องเดียว ทำให้การใช้ห้องน้ำร่วมกัน 2 คนในเวลาเดียวกันนั้นทำไม่ได้ อาจจะไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย 4 คนขึ้นไปนะครับ
แบบห้อง 91 ตารางเมตร มีอยู่ 12 ห้องเท่านั้น เป็นห้องที่ลงตัวที่สุด ทั้งทำเลห้อง ขนาดห้อง และ Layout ห้อง ซึ่งได้บรรยายไปแล้วในบทความรีวิว โดยเฉพาะผังบังแดดและส่วนของระเบียงริมน้ำที่โดดเด่นมาก แม้ว่าราคาจะแพงที่สุด 9.55 – 10.45 ล้านบาท แต่ด้วยจำนวนห้องที่มีน้อยนิด ก็คงจะถูกจองหมดอย่างรวดเร็ว
แบบห้อง 102 ตารางเมตร Riverside จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนห้องใหญ่ 91 ตารางเมตร แม้ว่า Layout จะสวยสู้ไม่ได้ แต่ห้องนอนทั้งสองนั้นใหญ่กว่าแบบ 91 ตารางเมตรมาก มีพื้นที่ใช้สอยที่เยอะกว่า กว้างกว่า ในราคาที่ถูกกว่า เพราะเป็นส่วนของ Riverside … ตรงนี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่อยากได้ห้องใหญ่ในราคา 8-9 ล้านบาท
ความหนาแน่นโดยรวมของโครงการจัดว่าสูงมาก จำนวนห้องต่อชั้นอยู่ที่สูงสุด 47 ยูนิตต่อชั้น, Core Lift อยู่ตรงกลางตึกแต่ห้องริมตึกทั้งฝั่งริมน้ำและฝั่ง City View ต้องเดินไกลพอควร, ตัวตึกที่หนามาก เป็นอาคารใหญ่แผงเบ้อเริ่มซึ่งบางคนอาจจะเห็นว่าแน่นเกินไป ประกอบกับลิฟท์ที่มีให้ 4 ตัว ใช้กับห้องพัก 1,088 ห้อง คิดเป็นอัตราส่วน 270:1 เลยทีเดียว
สาธารณูปโภคของโครงการนี้อยู่ที่ชั้น GF ทั้งหมด โดยมีส่วนที่ติดริมน้ำเป็นแนวสาธารณูปโภคหลัก สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ฟิตเนส และ Lobby ที่ชั้น G ที่ออกแบบมาให้ลมโกรก ซึ่งร้านค้าที่นี่จะมี 7-11 อยู่ที่ชั้น G ใต้ตึกด้วย เอาไว้บริการลูกบ้าน ทำให้ไม่ต้องออกไปร้านสะดวกซื้อข้างนอกนะครับ แม้ว่าจำนวนยูนิตจะมาก แต่ก็ให้ส่วนกลางมากเหมือนกันนะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 90,000 บาทต่อตารางเมตร
- ทำเล – 8/10 คอนโดในเมืองโซนพระราม 3 ติดริมน้ำเจ้าพระยา
- เดินทางด้วยรถ – 7.75/10 ติดถนนใหญ่ แต่ที่จอดรถให้มาน้อยไปหน่อย 40% รวมจอดซ้อนคัน และต้องจ่ายค่าบำรุงสิทธิ์ที่จอดรถ
- ไม่ใช้รถ – 7.5/10 ไม่ใกล้รถไฟฟ้า แต่มี Shuttle Van สามารถใช้วิ่งไปขึ้น BRT และ BTS ได้
- วัสดุ – 8.25/10 ให้เฟอร์นิเจอร์มาเยอะและครบ ทั้งลอยตัวและ Built-in
- แบบ – 7/10 แบบห้องแตกต่างกันไป แต่โดยรวมมีความหนาแน่นสูง
- สาธารณูปโภค – 8/10 ให้เยอะ โดยเฉพาะส่วนริมน้ำ
- UPPER CLASS
- 7.83/10.00
BOTTOM LINE
U Delight Residence Riverfront พระราม 3 เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการที่พักริมน้ำ โซนใกล้เมือง สะดวกด้วยการเดินทางด้วยรถยนต์หรือ BRT ในระดับราคา 2.8 – 10 ล้านบาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ