Whizdom Station รัชดา – ท่าพระ คอนโด High Rise 37 ชั้น ใกล้ The mall ท่าพระ และ BTS ตลาดพลู จาก MQDC [รีวิวฉบับที่ 1038]

รีวิวฉบับที่ 1038 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการใหม่จาก MQDC ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆร้อนๆ เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา นั่นก็คือ  Whizdom Station รัชดา – ท่าพระ  คอนโด High Rise สูง 37 ชั้น จำนวน 690 ยูนิต ร้านค้า 6 ยูนิต ตั้งอยู่ในย่านฝั่งธนฯ บนถนนรัชดาภิเษก ใกล้สถานีรถไฟฟ้าตลาดพลูประมาณ 80 ม. และอยู่ฝั่งตรงข้าม The Mall ท่าพระ ซึ่งมาพร้อมกับแนวคิดการออกแบบ ที่ผสมผสานด้วยกลิ่นไอและบรรยากาศแบบบ้านสวน มีห้องให้เลือกตั้งแต่ Studio , 1-2 Bedroom และ Penthouse ในราคาเริ่มต้น 2.25 ล้านบาท ไปชมโครงการกันค่ะ

Fact @  1 March 2016

• Whizdom Station Ratchada – Thapra (วิสซ์ดอม สเตชั่น รัชดา – ท่าพระ)
• Magnolia Quality Development Corporation Limited
• UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
• โครงการตั้งอยู่ในเขต : ธนบุรี
• คอนโด High Rise 37 ชั้น 1 อาคาร 690 ยูนิต ร้านค้า 6 ยูนิต
• ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิตที่ชั้น 8 – 33
• ที่จอดรถประมาณ 295 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 43% 
• ที่ดินประมาณ 3-0-53.2  ไร่
• เริ่มก่อสร้าง : มีนาคม 2016
• คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2018
• Studio 22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.25 ล้านบาท
• 1 Bedroom 26 – 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท
• 2 Bedrooms 47 – 59 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.8 ล้านบาท
• Penthouse  40 – 78 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
• ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
• ราคาห้องเริ่มต้น 2.25 ล้านบาท
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 100,000 บาท/ตร.ม.
• ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด 90,036 บาท/ตร.ม. – สูงสุด 128,306 บาท/ตร.ม.
• EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
• เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
• โทร  : 02 – 789 – 9999

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ

• ทำเล
• โครงการ
• ห้องตัวอย่าง
• สรุป

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.713632, 100.478317

แผนที่จากทางโครงการ จะเห็นว่า Whizdom Station รัชดา – ท่าพระ ตั้งอยู่บนถนน รัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามกับเดอะมอลล์ท่าพระพอดิบพอดี ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ตลาดพลู และ Brt สถานี ราชพฤกษ์

โครงการ Whizdom Station รัชดา – ท่าพระ เป็นโครงการล่าสุดในตระกูล Whizdom ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆร้อนๆ หลังจากปีที่แล้วทาง MQDC ได้เปิดตัว Whizdom Connect สุขุมวิท , Whizdom 101 และ Whizdom รัชดาฯ – ลาดพร้าว การกลับมาคราวนี้ของโครงการน้องใหม่ก็ยังคงไม่ทิ้ง Concept คอนโด High Rise ใกล้รถไฟฟ้า โดยตัวโครงการตั้งอยู่บน ถนน รัชดาภิเษก ทางฝั่งที่ใกล้กับแยกรัชดาฯ – ราชพฤกษ์ ใกล้เดอะมอลล์ ท่าพระ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูประมาณ 80 เมตร และ BRT สถานีราชพฤกษ์ประมาณ 250 เมตร ทำเลในย่านนี้ถือว่าเป็นแหล่งชุมชนเก่าแก่ และเป็นแหล่งรวมความเจริญของชาวฝั่งธนฯก็ว่าได้ เพราะอยู่ใกล้กับห้าง พื้นที่โดยรอบจึงมีคนเข้ามาอยู่อาศัยค่อนข้างเยอะ และยังใกล้กับตลาดพลูแหล่งทำมาค้าขายเก่าแก่ดั้งเดิม ตั้งอยู่บนถนนเทอดไท โดยแต่ก่อนเป็นตลาดซื้อขายพลู จึงเรียกกันว่า “ตลาดพลู” ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งรวมของร้านอาหารอร่อยๆ หลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง อาหารตามสั่ง ร้านขนมหวาน เป็นต้น และยังมี “สถานีรถไฟตลาดพลู” ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่ยังคงมีความสำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟสายแม่กลอง   อีกสาเหตุที่มีคนอยู่ในย่านนี้เยอะเพราะเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามากนัก เช่น สะพานพระราม 3 และสะพานตากสิน

การเข้าถึงโครงการหลักๆแล้ว เข้าถึงได้จากถนนรัชดาภิเษก โดยถ้าอยากจะวิ่งซอยลัดก็จะมีซอยเทอดไท 33 ที่คนย่านนี้ใช้เลี่ยงรถติดมาออกบริเวณซอยที่ใกล้ๆกับโครงการได้ จากที่ตั้งโครงการสามารถใช้เส้นทางไปออกได้หลายทาง ถ้าใช้ถนนรัชดาภิเษกวิ่งตรงขึ้นไปทางทิศเหนือจะเป็นทางไปถนน จรัญสนิทวงศ์ ซึ่งระหว่างทางไปจะมีแยกที่สำคัญๆเช่น แยกรัชดาฯ – ราชพฤกษ์ ใช้วิ่งไปสีลม สาทรได้ , แยกตลาดพลูบนถนนเทอดไท และแยกท่าพระบนถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนที่ใช้วิ่งไปนครปฐมหรือบางแคได้ ส่วนถ้าใช้ถนนรัชดาภิเษกวิ่งลงทางใต้ก็จะเป็นทางไป พระราม 3 และ พระราม 2 เป็นต้น แต่บริเวณโดยรอบที่ตั้งโครงการในช่วงเวลาเร่งด่วนการจราจรจะค่อนข้างติดขัด เพราะฉะนั้นการจะออกไปไหนมาไหนต้องเพื่อเวลากันด้วยนะ สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะต้องข้ามแม่น้ำไปขึ้นทางฝั่งพระราม 3 ซึ่งอาจจะไกลหน่อยค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่การเรียกรถต่างๆ ทำได้ง่ายทั้งรถแท็กซี่ รถสามล้อ และ รถแดง หน้าปากซอยรัชดาภิเษก 13 และรัชดาภิเษก 15 ยังมีวินมอเตอร์ไซค์ให้เราได้เรียกใช้บริการ บริเวณหน้าโครงการจะมีป้ายรถเมล์อยู่ ซึ่งมีรถเมลล์สาย 15 , 68 , 101 , 147 , 163 , 195 , 205 และ 547 ผ่าน

ส่วนการเดินทางโดยรถไฟฟ้า จากที่ตั้งโครงการสามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS ตลาดพลูในระยะทางประมาณ 80 เมตร ถือเป็นระยะที่พอเดินได้โดยยังไม่เหงื่อแตก โดยจากสถานีตลาดพลูในอนาคตจะสามารถนั่งไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง – บางแค สถานีบางหว้า ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่  และยังใกล้กับรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT สถานีราชพฤกษ์ประมาณ 250 เมตร เจ้ารถนี่เป็นรถที่วิ่งบนทางที่กั้นไว้พิเศษ สามารถใช้เดินทางไปยังสีลม สาทร ถนนจันทน์ได้ ค่าโดยสาร 5 บาทตลอดทั้งสาย

ความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่ก็จะอยู่บริเวณที่ตั้งโครงการนั่นเอง เนื่องจากมีห้างเดอะมอลล์ท่าพระ ที่สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปใช้บริการได้เลย เดอะมอลล์ท่าพระนี้เป็นห้างเก่าแก่ที่อยู่กับคนย่านนี้มานาน ต่อมามีการปรับปรุงภาพลักษณ์ให้ดูทันสมัยขึ้น นอกจากนั้นบริเวณรอบๆโครงการก็จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ของกินแผงลอยตั้งอยู่ค่อนข้างเยอะ ในช่วงเช้าจะคึกคักกว่าหน่อยตามข้างทางจะมีของขายทั้ง หมูปิ้ง หมูทอด ข้าวไข่เจียว ไปจนถึงอาหารตามสั่ง แต่ช่วงเย็นบรรยากาศจะเงียบๆกว่าหน่อย แต่ก็ยังมีร้านอาหารเปิดเยอะอยู่  นอกจากเดอะมอลล์ใกล้ๆโครงการยังมีไทยช่วยไทยพลาซ่า , ตลาดซอย13 , MaxValu และ ตลาดพลู ตลาดเก่าแก่ที่มีทั้งร้านอาหาร และ ขนมขึ้นชื่อมากมาย โดยเฉพาะร้านขายกุยช่ายเจ้าดัง ที่คนซื้อต้องมายืนรอต่อแถว ก็อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟนี่เอง  นอกนั้นสถานที่สำคัญก็จะเป็นพวกวัด โรงพยาบาล และ โรงเรียน เป็นต้น

การเดินทางในวันนี้ เริ่มจาก BTS สถานีตลาดพลู ทางออก 3 เดินตรงมาประมาณ 80 เมตรก็จะถึงโครงการเลย ตัวโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่ ฝั่งตรงข้ามเดอะมอลล์ท่าพระ

เริ่มที่ BTS สถานีตลาดพลู

จากบนสถานีมองลงมาเราจะเห็นที่ตั้งของโครงการอยู่ตรงข้ามกับเดอะมอลล์ ท่าพระพอดิบพอดี ด้านข้างมีที่ดินเปล่าผืนใหญ่ของเอกชนอยู่ ซึ่งจากการสอบถามโครงการแจ้งว่าจะทำเป็นที่จอดรถของBTS ค่ะ  ด้านหลังโครงการเป็นคอนโด Casa สูงประมาณ 8 ชั้น และ 27 ชั้น

ลงจากรถไฟฟ้ามาจะเจอกับทางเดินยาวๆ เดี๋ยวเราเดินไปออกที่ทางออก 3 ค่ะ

มุมมองจากบนสถานีฝั่งมุ่งหน้าไปทางพระราม 3 ฝั่งตรงข้ามโครงการเดินข้ามสะพานลอยมาก็จะเป็นเดอะมอลล์เลย  การจราจรบนถนนเส้นนี้ในช่วงเวลาเร่งด่วนจะค่อนข้างหนาแน่น

ส่วนอีกฝั่งมองลงมาจะเห็นแยกรัชดาฯ – ราชพฤกษ์  ถ้าตรงไปจะเป็นทางมุ่งหน้าไปถนน จรัญสนิทวงศ์ ทางฝั่งขวาเป็นทางเดินไปขึ้น BRT สถานีราชพฤกษ์ซึ่งใช้เดินทางไปทางสีลม สาทรได้

เราเดินลงมาที่ทางออก 3 ค่ะ ซึ่งจะอยู่บริเวณหัวมุมของแยกพอดี

จากทางลงสถานีรถไฟฟ้า ให้เดินตรงตามทางมุ่งหน้าไปทางเดอะมอลล์ท่าพระ สังเกตว่าทางเท้าบริเวณนี้ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว

ทางฝั่งขวาที่เห็นล้อมรั้วสังกะสีสีเขียวๆเป็นที่ดินเปล่าแปลงใหญ่ที่อยู่ข้างโครงการเรา ทางฝั่งซ้ายมีทำแผงกั้นเอาไว้ตลอดแนวสำหรับป้องกันคนเดินข้ามถนนไปมา ซึ่งบางช่วงของทางในเวลากลางคืนจะค่อนข้างมืดหน่อย เดินต้องระมัดระวังด้วยนะคะ

เดินถัดมาอีกก็จะเจอโครงการแล้วค่ะ

ตอนนี้บริเวณด้านหน้าโครงการ มีสำนักงานขายให้เราได้ชมห้องตัวอย่างกันแล้ว เดี๋ยวเราจะพาไปสำรวจทำเลรอบๆกันก่อนแล้วค่อยเข้าไปชมด้านในกัน

โดยบริเวณรอบๆสำนักงานขายจะมีปลูกพืชพรรณพื้นถิ่นเช่น ผักชีลาว ส้ม พริกไทย เป็นต้น ซึ่งจะมีนำมาปลูกในโครงการตามคอนเซ็ปต์แบบบ้านสวนด้วย

จากสำนักงานขายเดินถัดมาอีกนิดก็จะเจอกับสะพานลอยซึ่งใช้เดินข้ามทะลุเข้าตัวห้างเดอะมอลล์ได้เลย ถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ

ทางขึ้นสะพานลอยอยู่ถัดจากโครงการไปนิดเดียว จากตรงนี้จะเริ่มเห็นรถเข็นแผงลอยข้างทางแล้วค่ะ

พอถัดจากทางขึ้นสะพานลอยมา ทางฝั่งขวาจะเป็นตลาดเสื้อผ้า และ ป้ายรถเมลล์ มีคนมารอขึ้นรถคึกคักตลอดทั้งวัน

ด้านในตลาดเสื้อผ้า มีร้านขายเสื้อผ้าหลากหลายแนว จะค่อนข้างคึกคักในช่วงเย็นๆ

เดินต่อไปเรื่อยๆตามทาง

บริเวณข้างทางจะมีร้านค้ามาตั้งแผงขายของค่อนข้างเยอะ อย่างคุณลุงคนนี้ขายผักสดๆ ราคาย่อมเยา

และมีร้านมาตั้งแผงขายอาหารจานด่วน ประเภท ข้าวแกงถุง หมูปิ้ง หมูทอด ข้าวไข่เจียว เรียงกันตลอดทาาง

เดินมาอีกหน่อยจะเจอกับไทยช่วยไทยพลาซ่า เป็นเต็นท์ขนาดใหญ่แบ่งเป็นซอยย่อยเล็กๆ ด้านในมีขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เสริมสวยต่างๆมากมาย บริเวณลานด้านหน้าในตอนกลางคืนเป็นพื้นที่ขายของขนาดย่อมๆ ถ้าเอารถมาด้านในมีที่จอดให้ด้วยค่ะ

ติดๆกันเป็นธนาคาร กสิกรไทย สาขารัชดา – ตากสิน – ท่าพระ (เป็นชื่อสาขาที่ยาวมากทีเดียว) ซึ่งรอบๆจะมีซุ้มขายอาหาร และ แผงลอยอยู่เต็มไปหมด

เดินตรงมาอีกจะเจอกับซอยรัชดาภิเษก 15

ซอยรัชดาภิเษก 15 หรือซอยติวเตอร์ เรียกชื่อตามสถาบันกวดวิชาที่ตั้งอยู่กลางซอย ซอยนี้สามารถใช้เชื่อมไปออกซอยเทอดไท 33 ได้ หน้าปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่ตลอดทั้งวัน

อัตราค่าบริการของพี่วินตามนี้ค่ะ

เดินถัดมาจะเจอกับซุ้มขายอาหาร และ ขนมอีกเพียบ

ถัดมาเป็นซอยรัชดาภิเษกซอย 13 ซอยที่ใช้ลัดไปออกซอยเทอดไท 33 ได้อีกซอยหนึ่ง

หน้าปากซอยมีร้าน ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาลือชา ร้านเก่าแก่ขึ้นชื่อตั้งอยู่  ถัดไปจะมี  7-11 ด้วย  โดยซอยรัชดาภิเษก 13 หรือซอยวัดบางสะแกใน สามารถใช้ลัดไปออกซอยเทอดไท 33 ได้ ภายในซอยมีวัดบางสะแกในและโรงเรียนวัดบางสะแกใน  ส่วนของรถยนต์ยังสามารถลัดเลาะไปออกถนนวุฒากาศที่ซอยวุฒากาศ 43 ได้อีก

บรรยากาศหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาลือชา ค่ะ

เดินตรงมาอีกหน่อยจะเจอกับตลาดซอย 13 ตลาดที่มีทั้งของใช้และอาหารที่เปิดในช่วงเย็นๆ ด้านหน้ามีร้านขายอาหารอยู่เยอะพอสมควร

ถัดมาอีกก็จะเป็นปั๊มน้ำมัน  Shell  ซึ่งด้านในมีร้านกาแฟ D’o ro  จากนี้ถ้าตรงตามถนนเส้นนี้ไปเรื่อยๆก็จะเป็นทางไปถนน พระราม 3 ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ ถูกรายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด และ ห้างใหญ่อย่างเดอะมอลล์ ซึ่งทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร หาของกินของใช้ได้ง่าย สำหรับที่อยู่อาศัยโดยรอบก็จะมีทั้งแบบที่เป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถวอยู่ทั้งสองฝั่งของถนน  ส่วนคอนโดทำเลนี้มีอยู่ค่อนข้างเยอะเรียกได้ว่าเป็นทำเลยอดฮิตของผู้พัฒนาโครงการเลย ด้านหลังโครงการก็จะติดกับ Casa Condo รัชดาฯ-ท่าพระ เป็น Low Rise 8 ชั้น ถัดไปเป็น Casa Condo รัชดาฯ – ราชพฤกษ์ เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ชั้น ฝั่งตรงข้ามบริเวณหัวมุมแยกรัชดาฯ – ราชพฤกษ์เป็นคอนโด Aspire สาทร – ท่าพระ  โดยแต่ละด้านของที่ดินแปลงนี้จะติดกับ

• ทิศเหนือ – ติดกับที่ดินเปล่าของเอกชนขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่เหมือนกัน ซึ่งจากการสอบถามโครงการแจ้งว่าอาจจะนำมาพัฒนาเป็นที่จอดรถสำหรับคนที่มาใช้บริการรถไฟฟ้า BTS ขึ้นเป็นอาคาร Low Rise ซึ่งต้องดูความคืบหน้ากันต่อไป
• ทิศตะวันออก – ติดกับถนนรัชดาภิเษก และ เดอะมอลล์ท่าพระ สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปได้
• ทิศใต้ – ติดกับตลาดขายเสื้อผ้า และ ไทยช่วยไทยพลาซ่า
• ทิศตะวันตก – ติดกับคอนโด Casa Condo รัชดาฯ – ท่าพระ สูง 8 ชั้น และถัดไปเป็นคอนโด Casa รัชดาฯ – ราชพฤกษ์ สูง 27 ชั้นซึ่งอยู่ติดกับทางลงรถไฟฟ้าตลาดพลูทางออก 1

ภาพจากมุมสูงแปลงที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยม ติดถนนรัชดาภิเษกหน้ากว้างประมาณ 60 เมตร พื้นที่ 3 – 0 -53.2 ไร่ แต่เดิมเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล

ทิศเหนือ – ติดกับที่ดินเปล่าแปลงใหญ่ของเอกชน ตอนนี้มีเอารั้วสังกะสีสีเขียวๆมาล้อมปิดไว้แบบนี้

มองมุมสูงจะเห็นที่ดินเปล่าแปลงใหญ่ ข้างๆโครงการ ที่อาจจะนำมาพัฒนาเป็นที่จอดรถสำหรับคนที่มาใช้บริการรถไฟฟ้า BTS

ทิศตะวันออก ติดกับถนนรัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามเป็นเดอะมอลล์ท่าพระ สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปได้

ทิศใต้ – ติดกับตลาดขายเสื้อผ้า และ ไทยช่วยไทยพลาซ่า แหล่งรวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เสริมสวย

ทิศตะวันตก – ติดกับคอนโด Casa Condo รัชดาฯ – ท่าพระ สูง 8 ชั้น และ Casa รัชดาฯ – ราชพฤกษ์ สูง 27 ชั้น

มาดูวิวกันต่อค่ะ ทางทิศเหนือในชั้นเตี้ยๆจะเห็นวิวที่ดินเปล่าและสถานีรถไฟฟ้าตลาดพลู ส่วนชั้นที่สูงๆจะเห็นวิวฝั่งมุ่งหน้าไปทางฝั่งจรัญสนิทวงศ์ ทางด้านขวาที่เห็นคอนโดสูงๆในภาพคือโครงการเพื่อนบ้าน Aspire สาทร – ท่าพระ , The Parkland Grand ตากสิน และ The parkland ตากสิน ท่าพระ วางอยู่เรียงกัน

ทิศตะวันออก จะเห็นวิวเดอะมอลล์ท่าพระ และ City view ฝั่งสีลม – สาทร

ทิศใต้ เห็นวิวเป็นกลุ่มอาคารเตี้ยๆของชุมชนในย่านนี้ ตลาดเสื้อผ้า และ ไทยช่วยไทยพลาซ่า คอนโดที่เห็นไกลๆคือ The Parkland รัชดา – ท่าพระ และ U delight ตลาดพลู

ส่วน ทิศตะวันตก หรือด้านหลังของโครงการติดกับคอนโด Casa Condo รัชดาฯ – ท่าพระ สูง 8 ชั้น และถัดไปเป็นคอนโด Casa รัชดาฯ – ราชพฤกษ์ สูง 27 วิวในชั้นสูงๆเป็นวิวโล่งๆของชุมชนในย่านนี้

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

• เดอะมอลล์ ท่าพระ ~ 30 ม.
• ไทยช่วยไทยพลาซ่า ~ 35 ม.
•  ธนาคารกสิกรไทย ~ 68 ม.
• ตลาดซอย 13 ~ 147 ม.
• วัดบางสะแกใน ~ 500 ม.
• Max Valu ~ 600 ม.
• ตลาดพลู ~ 1.9 กม.
• วิทยาลัยพยาบาลกองทัพเรือ ~ 2 กม.
• บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ~ 2.1 กม.
• โรงเรียน สตรีวัดอัปสรสวรรค์ ~ 2.7 กม.
• วงเวียนใหญ่  ~ 3.4 กม.
• โรงพยาบาล พญาไท 3 ~ 3.7 กม.

 

เจาะลึกตัวโครงการ

ภาพจำลองภายนอกของโครงการ Whizdom Station รัชดา – ท่าพระ เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น 690 ยูนิตและร้านค้าอีก 6 ยูนิต ทางเข้าออกอยู่ติดกับถนนใหญ่ รัชดาภิเษก แปลงที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 3-0-53.2 ไร่ ตัวอาคารเป็นสไตล์โมเดิร์นใช้โทนสีเทาในการตกแต่ง มีการนำเอาเส้นสายมาใช้ในการเพิ่มลูกเล่นให้กับตัวอาคาร  ชั้น 1 – 5 จะเป็นชั้นจอดรถโดยจอดได้ประมาณ 43% ส่วนของห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 6 ไปจนถึงชั้น 36 โดยชั้น 36 ห้องพักจะเป็นแบบ Penthouse ขนาดเริ่มตั้งแต่ 40 ไปจนถึง 78 ตารางเมตร ส่วน Facilities จะมีอยู่ที่ชั้น 1 ได้แก่ สวนหย่อม , ร้านค้า และ Lobby ชั้น 6 จะมีสวนหย่อม 2 จุด , สระว่ายน้ำ , Pool Bar และ Fitness ชั้น 34 จะมี Sunrise Terrace ไว้ให้ออกมานั่งชมวิว ส่วนชั้นดาดฟ้าจะมี สวนหย่อม , Glass House Sky Lounge และ Co Working Space เนื่องจากตัวอาคารเป็นอาคารสูงและมียูนิตเยอะการแบ่งพื้นที่ส่วนกลางออกเป็นหลายๆส่วนมีข้อดีคือลูกบ้านสามารถกระจายการใช้งานไปในแต่ละส่วนได้ ไม่ต้องแย่งกันกระจุกอยู่ส่วนเดียว ซึ่งทำให้แต่ละพื้นที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย แต่ทางโครงการจะต้องควบคุมเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ส่วนกลางแต่ละส่วนให้ทั่วถึงด้วยค่ะ

ภาพนี้เป็นภาพที่นำมาติดโชว์ในงานวันเปิดตัวโครงการซึ่งใช้บ่งบอกถึงแนวคิดในการออกแบบได้ เนื่องจากตัวทำเลตั้งอยู่ใกล้ๆกับย่าน ตลาดพลู ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนเก่าแก่  จึงมีแนวคิดที่จะออกแบบตัวอาคารให้มีกลิ่นไอและบรรยากาศแบบบ้านสวนและผสมความร่มรื่นของร่มไม้ไปด้วย นำมาประยุกต์ผสมกับสไตล์โมเดิร์น

จากโมเดล โครงการเป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น หน้าโครงการมีสะพานลอยที่ใช้เดินข้ามไปเดอะมอลล์ท่าพระได้ ทางเข้าออกโครงการมีอยู่ทางเดียวอยู่ติดกับถนน รัชดาภิเษก เดินเข้ามาในโครงการจะเจอกับสวนหย่อมอยู่ 2 จุด การมีสวนอยู่ด้านหน้าจะช่วยดักมลพิษที่มีจากถนนเช่น เสียง กลิ่น ควันได้บ้าง และเป็นการปรับภูมิทัศน์ก่อนเข้ามาในโครงการ ถัดเข้าไปบริเวณชั้นล่างและชั้น 2 ของตัวอาคารเป็นร้านค้ามีอยู่ทั้งหมด 6 ยูนิต อยู่ข้างล่าง 2 ยูนิต และ ข้างบนอีก 4 ยูนิต ซึ่งร้านค้านี้จะแยกทางเข้าออกกับลูกบ้านโครงการ ส่วนที่จอดสำหรับลูกค้าร้านค้าต้องขึ้นอยู่กับนิติบุคคลอีกทีว่าจะจัดสรรให้บริเวณไหน แต่ที่จอดรถของลูกบ้านสามารถจอดได้รอบๆโครงการ และในชั้น 1 – 5 จอดได้ 295 คันหรือคิดเป็น 43% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ขึ้นมาที่ชั้น 6 จะเจอกับ สวนหย่อม 2 จุด , สระว่ายน้ำ , Pool Bar และ Fitness  ชั้น 34 มี Sunrise Terrace เอาไว้ให้นั่งชมวิว ส่วนชั้นบนสุดจะมี สวนหย่อม , Glass House Sky Lounge และ Co Working Space

ซูมให้เห็นแต่ละส่วนค่ะ ในชั้นล่างๆ สวนหย่อมบริเวณชั้นล่างของอาคารมีอยู่ 2 จุด ออกแบบโดยใช้เส้นสายที่ได้แนวคิดมาจากบ้านสวน และใช้พรรณไม้พื้นถิ่นมาปลูกเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ร่มรื่น ตัวอาคารบริเวณ Facade ของที่จอดรถออกแบบโดยใช้ผนังที่เว้นระยะเหมือนกันผนังบ้านไม้แบบไทยๆ ชั้น 6 จะมี สวนหย่อม สระว่ายน้ำ , Pool Bar และชั้นบนของ Pool Bar เป็น ฟิตเนส

อีกฝั่งของอาคารจะมีสวนอยู่อีกจุดหนึ่ง  ไม่มีสระว่ายน้ำแต่จะมีสวนหย่อมที่มีบ่อน้ำจำลองบรรยากาศ โดยใช้เส้นสายโค้งให้เหมือนกับคลองร่องสวน

ส่วนในชั้น 34 จะมีSunrise Terrace เอาไว้ชมวิวรับแสงแดดยามเช้า ชมวิวเมือง โดยจะมีการจัดสวนสุขภาพโดยใช้พรรณไม้ท้องถิ่นตรงบริเวณนี้ด้วยค่ะ และในชั้นดาดฟ้าจะมีสวนหย่อม Glass House Sky Lounge และ Co Working Space

ปิดท้ายด้วยภาพรวมโมเดลโครงการจากมุมบนค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศ Lobby ของโครงการ ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของต้นไม้ที่เรียงรายแผ่กิ่งก้าน ผนังรอบเป็นกระจกเงาทำให้เกิดเงาสะท้อนบรรยากาศโดยรอบ

ภาพจำลองบรรยากาศของสวนหย่อมชั้น 6 และ Infinity Edge Pool ซึ่งเป็นสระที่กว้าง 6 เมตร ยาว 25 เมตร ทางด้านขวาของภาพที่เห็นเป็นอาคารกระจก คือ Pool Bar ออกแบบเป็น Lounge เหมือนชานที่ยื่นลงไปในสระ สำหรับนั่งรับลม ชมวิวสระว่ายน้ำและ ปาร์ตี้ริมสระน้ำได้

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Pool Bar จัดพื้นที่ให้สามารถเปิดโล่งรับลมชมวิวได้ ผนังโดยรอบเป็นกระจกทำให้เห็นวิวโดยรอบ แต่ตอนกลางวันก็อาจจะร้อนหน่อย มีโต๊ะและชุดเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อนชิลๆ หรือ ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็สามารถปิดผนังกระจก หรือ เอาไว้จัดปาร์ตี้ได้

ต่อมาคือ ภาพจำลองบรรยากาศ จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่ชั้น 34 มีที่นั่งและจัดสวนเล็กๆน้อยๆ

สุดท้ายคือภาพจำลองบรรยากาศของ Glass House Sky Lounge ออกแบบให้คล้ายๆกับเรือนเพาะชำ มีการปลูกต้นไม้สร้างบรรยากาศ มีมุมสำหรับนั่งเล่น อ่านหนังสือ ทำงาน หรือจัดปาร์ตี้เล็กๆ มีห้องสมุดที่เอาโทรศัพท์สแกนหนังสือแบบ E-Book เอามาอ่านได้ ตรงกลางภาพเป็นชั้นลอยที่มีแรงบันดาลใจมาจากแก้วแชมเปญ

สามารถดูแนวคิดการออกแบบโครงการและภาพจำลองบรรยากาศเพิ่มเติมได้จาก วีดีโอของโครงการค่ะ

พอเข้าใจภาพรวมโครงการคร่าวๆแล้ว เรามาดูต่อกันที่ผังโครงการที่ 1 ค่ะ พอเข้าโครงการมาก็จะเจอกับสวนหย่อม 2 จุด ซึ่งสวนและพื้นที่สีเขียวรวมๆทั้งโครงการแล้วมีขนาดกว่า 2,300 ตารางเมตร พอเข้ามาด้านใน ก็จะเจอกับ Drop off ซึ่งอยู่บริเวณหน้า Lobby ถ้าเราเอารถเข้ามาจะต้องวนไปหาที่จอดโดยสามารถจอดได้รอบตัวอาคารและใต้อาคาร ที่จอดไม่ Fix คัน ด้านหน้าโครงการเป็น Shop จะมีทั้งหมด 6 ยูนิต อยู่ชั้นล่าง 2  ยูนิต ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะเป็นร้านอะไรบ้าง ถัดจาก Shop เข้ามาจะเจอกับ Lobby ซึ่งจาก Lobby ก็จะมีประตูอีกชั้นหนึ่งกั้นระหว่างโถงลิฟต์

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ด้านหน้าอาคารจะมี Shop อีก 4 ยูนิตมีบันไดให้ขึ้นมาจากชั้นล่าง กั้นทางเข้าออกแยกจากส่วนที่จอดรถ มีห้องน้ำส่วนกลางให้ใช้ร่วมกัน ส่วนชั้น 2 – 5 เป็นที่จอดรถ โดยรวมๆแล้ว สามารถจอดได้ทั้งหมด 295 คัน หรือคิดเป็น 43% ไม่รวมจอดซ้อนคัน

ขึ้นมาที่ชั้น 6 จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยและมี Facilities ปนอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้ชั้นนี้ค่อนข้างคึกคักมีคนเข้ามาใช้พื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างบ่อย แต่ได้มีการออกแบบกั้นประตูเพื่อแยกพื้นที่ส่วนกลางกับพื้นที่ส่วนห้องพักชัดเจน เมื่อขึ้นมาจากลิฟต์ถ้าอยากจะใช้ Facilities จะต้องมีคีย์การ์ดเพื่อผ่านประตูเข้าไป เป็นการป้องกันคนที่ไม่ใช่ลูกบ้านเนียนๆเข้ามาใช้ค่ะ โดยพื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้จะมี สวนหย่อมอยู่ 2 จุด จุดแรกอยู่ทางฝั่งทิศใต้เป็นสวนเล่นระดับออกแบบให้ได้บรรยากาศคลองร่องสวน ไม่มีสระว่ายน้ำแต่มีบ่อน้ำเล็กๆสร้างบรรยากาศ ส่วนสวนอีกฝั่งอยู่ทางทิศเหนือ ใกล้ๆกับสวนจะมีสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool อยู่ด้วย ข้างสระว่ายน้ำมี Pool Bar และฟิตเนส ส่วนของห้องพักแบ่งออกเป็น 2 ปีกทำให้ในแต่ละโซนมีจำนวนยูนิตค่อนข้างน้อย จึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว โดยทางปีกด้านบน (ทิศเหนือ) มีจำนวนห้องพัก 8 ยูนิต มีทั้ง 1 และ 2 ห้องนอนโดย 2 ห้องนอนอยู่ตรงมุมของอาคาร และ ปีกล่าง (ทิศใต้) มีจำนวนห้องพัก 11 ยูนิต ปีกนี้จะมีห้อง Studio 22 ตารางเมตรอยู่ด้วย (ห้องที่ลงสีฟ้า) ส่วน 2 ห้องนอนอยู่บริเวณมุมอาคารเช่นกัน การวางผังของห้องพักส่วนใหญ่วางในแนวเหนือ – ใต้ ทำให้ห้องพักไม่ได้รับแดดบ่ายทำให้ไม่ร้อน อีกทั้งยังได้เปิดรับลมประจำทางทิศใต้อีก จะมีแค่บางห้องเท่านั้นที่จะโดนทางทิศตะวันตก  ลิฟต์มีลิฟต์โดยสาร 4 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ทั้งอาคาร 172.5 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัว ออกแบบวางเอาลิฟต์ไว้ตรงกลางเพื่อให้กระจายการใช้งานได้เป็น 2 ส่วน

ขึ้นมาที่ชั้น 7 การวางผังห้องพัก จะคล้ายๆกับชั้น 6 ต่างกันตรงที่มีห้องพักแบบ 1 ห้องนอนเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ห้อง จำนวนห้อง 20 ยูนิตต่อชั้น สำหรับส่วนกลางจะมีฟิสเนต (ชั้นลอยของ Pool Bar) ซึ่งสามารถเดินเข้าจากชั้นนี้ หรือ ขึ้นบันไดจาก Pool Bar ที่ชั้น6มา ก็ได้ค่ะ และจะเห็นว่าห้องขยะและห้อง Service จะอยู่แยกออกมาหันหน้าประตูคนละทางกับทางเข้าห้อง

ต่อมาชั้น 8 – 33 จะเป็นชั้นที่มีแต่ห้องพักอาศัยล้วนๆ การวางผังคล้ายๆกับชั้น 7 แต่พอไม่มีพื้นที่ส่วนกลางจึงมีห้องพักแบบ 1 Bedroom เพิ่มขึ้นอีก 2 ห้อง  มีจำนวนห้อง 23 ยูนิตต่อชั้น

ชั้น 34 เป็นชั้นที่มี Sunrise Terrace หรือจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น  ซึ่งทำให้ชั้นนี้จะเป็นอีกชั้นที่มีลูกบ้านขึ้นมาใช้พื้นที่ส่วนกลาง แต่อาจจะไม่บ่อยเท่าชั้น 6 และชั้นดาดฟ้า ชั้นนี้มีจำนวนห้องพัก 21 ยูนิตต่อชั้น ห้องส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1 ห้องนอน มีห้อง Studio อยู่ 2 ห้องส่วนห้อง 2 ห้องนอนมีอยู่ 1 ห้องทางทิศตะวันตก

ส่วนห้องพักบนชั้น 36 จะเป็นห้องแบบ Penthouse ทั้งหมดโดยมีขนาดตั้งแต่ 40 – 78 ตารางเมตร มีจำนวนห้องพัก 11 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งถือว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควร

ส่วนชั้นดาดฟ้า หรือ ชั้น 37 จะเป็นชั้น Facilities ทั้งชั้น ไม่มีห้องพักอาศัยแล้ว ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางจะมีพื้นที่สวนหย่อม และมี Glass House Co – Working Space ซึ่งเป็น E – Library ที่สามารถโหลด E Book ไปนั่งอ่านได้ และมี WiFi ให้ใช้ โดยจะยังคงมีลิฟต์ขึ้นมาส่งถึงชั้นนี้

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

• The Arrival Courtyard
• Grand Lobby
• สระว่ายน้ำ Infinity Edge pool ระบบเกลือเป็น สระผู้ใหญ่ กว้าง 6 เมตร ยาว 25 เมตร
• Pool Bar
• Greenery Courtyard ชั้น 6
• ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
• Sunrise Terrace ชั้น 34
• Glass House Sky Lounge
• Co-working Space with E – Library
• Tunnel Garden on Rooftop
• ลิฟท์โดยสาร 4 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟต์  172.5 : 1
• ที่จอดรถ 295 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 43%
• ระบบ CCTV / Access Card

 

Product Walkthrough

หลังจากพาชมภาพรวมโครงการกันแล้วเราจะไปต่อกันที่ห้องตัวอย่างนะคะ โดยเราจะพาไปชมห้องแบบ 1 ห้องนอน 32.61 ตารางเมตร และ แบบ 2 ห้องนอน 48 ตารางเมตร โดยเฟอร์นิเจอร์ทางโครงการให้แบบ Fully Fitted คือให้แค่ชุดครัว กับ ตู้เสื้อผ้า

แต่การตกแต่งห้องตัวอย่างของทั้งสองห้องนี้จะมีการใช้วัสดุของตู้เสื้อผ้าและชุดครัวที่ไม่ตรงกับที่ให้จริงเพื่อความสวยงาม โดยรูปแบบและวัสดุที่เราจะได้จะเป็นไปตามรูปด้านบนนี้ค่ะ

• ชุดครัว – โครงไม้หน้าบานปิดผิวด้านลามิเนตสีขาว Top เคาน์เตอร์เป็นหินเทียมสีออกโทนน้ำตาล มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และช่องใส่ไมโครเวฟให้
• ตู้เสื้อผ้า – เป็นตู้โครงการปิดผิวด้วยลามิเนตสีขาวค่ะ

เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกัน คือแบบ 1 ห้องนอน 32.61 ตารางเมตร ห้องนี้เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับครัวก่อน ซึ่งครัวเป็นครัวเปิด จะเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบทำอาหาร เพราะเวลาทำอาหารแบบต้ม ผัด แกง ทอด กลิ่นอาจจะฟุ้งไปทั่วห้องได้ ทางด้านขวาเป็นห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียก ถัดเข้ามาจะเจอกับห้องรับแขกซึ่งอยู่ติดกับระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน สามารถนั่งดูทีวีไปชมวิวไปได้ ด้านหลังโซฟาจะเป็นห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเช่นเดียวกัน ถ้าเราอยากได้พื้นที่ที่ต่อเนื่องก็เลื่อนประตูเก็บเข้ามุม แต่ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็เลื่อนประตูมากั้นแยกเป็น 2 ห้องและหาม่านมาปิดเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ภายในห้องนอนไม่มีระเบียงแต่จะมีหน้าต่างเอาไว้เปิดรับลม มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า

เข้ามาทางด้านซ้ายจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อน เคาน์เตอร์ครัววางตัวยาวดูเก๋ดี แต่เป็นครัวเปิดเพราะฉะนั้นถ้าทำอาหารที่มีกลิ่นและควัน ก็อาจจะฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้ ถัดเข้าไปเป็นห้องรับแขกซึ่งอยู่ติดกับระเบียง ด้านหลังห้องรับแขกเป็นห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบซ่อนเก็บเข้ามุมได้

ในห้องตัวอย่างจัดให้มีที่นั่งยื่นออกมาจากเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ เอาไว้ใช้สำหรับนั่งทานข้าวได้ 1 – 2 คน ถือว่าเป็นไอเดียโต๊ะทานข้าวแบบประหยัดพื้นที่

ระยะของโต๊ะทานข้าวบนเคาน์เตอร์ค่ะ วางจานได้ชนจานพอดี

เคาน์เตอร์ครัวเปิดออกมาเก็บของได้ตามภาพ แต่วัสดุที่จะได้จะเป็นแบบภาพที่เราเอามาให้ดูเมื่อตอนแรกนะ กระเบื้องหินอ่อนสวยงามนี้เป็นแค่การตกแต่งเท่านั้นค่ะ โครงการมีแถมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และ เครื่องดูดควันมาให้

อ่างล้างจานเป็นแบบหลุมเดียวของ Mex

เตาไฟฟ้าแบบเซรามิค 2 หัวของ Mex เช่นกัน

ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นห้องน้ำ หน้าห้องน้ำมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น

พื้นห้องน้ำมีลดระดับลงมาเล็กน้อย มีธรณีเป็นหินแกรนิตสีขาวเพื่อเก็บงานรอยต่อ

ภายในห้องน้ำแยกเป็นส่วนแห้ง และส่วนเปียกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย ผนังและพื้นปู้ด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

อ่างล้างหน้าของ Lavenz หรือเทียบเท่า ขนาดใหญ่ใช้ได้ มีพื้นที่ด้านบนพอสำหรับวางสบู่ๆ น้ำยาล้างมือ ด้านล่างมีช่องเอาไว้เก็บของเล็กๆน้อยๆ

ก๊อกน้ำของรูปทรงดูแข็งแรงทนทาน

โถสุขภัณฑ์เป็นของ Mogen หรือเทียบเท่า ที่วางทิชชู่ติดตั้งอยู่ด้านหลัง เวลาใช้งานจะต้องเอื้อมมือไปหยิบนิดนึงค่ะ

บริเวณหลังโถสุขภัณฑ์ที่เห็นมีผนังก่อออกมาแบบนี้ เนื่องจากมีการออกแบบท่อน้ำต่างๆ เช่นท่อน้ำดี ท่อน้ำเสีย ท่อน้ำโสโครก ให้ต่อออกจากสุขภัณฑ์ที่ผนังด้านหลังโดยตรงและต่อไปยังช่องชาร์ป เพื่อลดปัญหาน้ำรั่วหรือท่อตัน สามารถเปิดออกมาซ่อมแซมได้สะดวก

หน้าตาของที่แขวนทิชชู่ และ สายฉีดชำระค่ะ

ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจกนิรภัย แยกเป็นพื้นที่ส่วนเปียกชัดเจน

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่พอสมควร พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวครีมผิวด้านขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

ระหว่างส่วนแห้งและส่วนเปียกมียกธรณีขึ้นมากันน้ำสูงประมาณ 5 เซนติเมตร

ด้านข้างฝักบัวมีทำช่องเก็บของมาให้แบบนี้เลยค่ะ

หน้าตาของฝักบัวจับได้พอดีมือ  ด้านหลังมีถาดวางสบู่เล็กๆมาให้

มาดูต่อกันที่ห้องรับแขกซึ่งเป็นพื้นทีที่ต่อเนื่องกับโต๊ะกินข้าว และ ครัว วางโซฟา 2 ที่นั่งได้ 1 ชุด

ระยะดูทีวีประมาณ 1.50 เมตร สามารถวางทีวีได้ประมาณ 32 ” ด้านข้างเป็นกระจกบานเลื่อนเอาไว้ออกไปยังระเบียง ทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องพื้นที่ส่วนนี้

ประตูทางออกไประเบียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน

หน้าตามือจับประตูเป็นแบบนี้ค่ะ

ระเบียงค่อนข้างกว้างมีขนาดประมาณ 2.10 x 1.00 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคผิวด้านขนาด 30 x 30 เซนติเมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าได้แล้วมีพื้นที่เหลือสบายๆ สำหรับออกไปเดินสูดอากาศ

พื้นระเบียงลดระดับลงไปประมาณ 5 เซนติเมตร

ผนังบริเวณระเบียงมีคอมเพรสเซอร์แอร์แขวนเป่าลมร้อนออกด้านข้างแบบนี้

มุมมองกลับไปที่หน้าห้อง

ห้องนอนจะอยู่ด้านหลังห้องรับแขกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน

ประตูกระจกบานเลื่อนแบบบาน 3 ตอนสามารถเลื่อนไปเก็บด้านข้างได้

รางเลื่อนเป็นแบบผังลงในพื้นแบบนี้

ระยะด้านข้างเตียงทางฝั่งซ้ายมีระยะเหลือสบายๆ พอที่จะวางโต๊ะข้างเตียงและเก้าอี้ Armchair ส่วนระยะทางฝั่งขวามีระยะเหลือพอสมควร จริงๆก็สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ แต่ด้านข้างเป็นตู้เสื้อผ้าจึงต้องเผื่อระยะให้หยิบของในตู้

ทางด้านซ้ายของเตียง มีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางชุดเก้าอี้นั่งพักผ่อน

ปลายเตียงมีระยะเหลือตามภาพ ระหว่างโซฟากับปลายเตียงมีกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน

ผนังด้านข้างเตียงเป็นหน้าต่างมีบานกระทุ้งเพื่อเปิดรับลมอยู่ 2 บานนอกนั้นเป็นบาน Fix

หน้าตาของมือจับเป็นแบบงัดแล้วเปิดขึ้นแบบนี้

อีกฝั่งหนึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง โดยตู้เสื้อผ้าวัสดุและรูปแบบจะเป็นเหมือนที่ให้ดูตอนแรกคือเปนโครงไม้กรุลามิเนต

มาดูต่อกันที่ห้องแบบ 2 ห้องนอน 48 ตารางเมตร เข้าห้องมาก็จะเจอกับโต๊ะทานข้าวก่อนเลย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับครัว ครัวห้องนี้เป็นครัวปิด กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งสามารถกันกลิ่นและควันไม่ให้ลอยฟุ้งไปทั่วห้องได้ พื้นที่ครัวยังอยู่ติดกับระเบียงสามารถเปิดประตูระบายอากาศได้ เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารไทย ถัดมาทางด้านซ้ายเป็นห้องรับแขกและห้องนอน ส่วนทางด้านขวาเป็นห้องนอนใหญ่ ขนาดห้องค่อนข้างกว้างพอสมควร ห้องนี้ไม่มีระเบียงแต่มีหน้าต่างให้ความสว่างกับตัวห้อง และ ห้องน้ำซึ่งสามารถเข้าได้จากห้องนอนใหญ่ได้ด้วย

เข้ามาดูในห้องกันค่ะ เดินเข้ามาจะเจอกับโต๊ะทานข้าวเลย ซึ่งวางอยู่ด้านหน้าครัว ทางฝั่งซ้ายเป็นห้องรับแขกและห้องนอนห้องหนึ่ง ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องนอนใหญ่ และ ห้องน้ำ

ห้องครัวห้องนี้เป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เปิดเก็บด้านข้างทั้งสองฝั่งแบบนี้

ด้านบนติดแอร์มาให้ของ Daikin โดยขนาดของ BTU จะขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง

หน้าตามือจับประตู

ภายในห้องครัวแบ่งเคาน์เตอร์ออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งเอาไว้เตรียมอาหาร อีกฝั่งหนึ่งเอาไว้ทำอาหาร

เคาน์เตอร์ฝั่งเตรียมอาหาร พอเอาของออกจากตู้เย็นมาก็เอามาเตรียมตรงนี้ก่อนได้ ด้านล่างและบนมีตู้แขวนเอาไว้เก็บของได้

ตู้เก็บของด้านล่างเปิดออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ เอาไว้เก็บอุปกรณ์ทำครัวเล็กๆน้อยๆได้

ส่วนเคาน์เตอร์ฝั่งประกอบอาหาร มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันมาให้ แต่ Top เคาน์เตอร์เราจะได้วัสดุเป็นหินเทียมสีขาวเรียบๆ

เครื่องดูดควันและเตาไฟฟ้าของ Mex

ด้านล่างตู้เปิดออกมาเก็บของได้พอสมควร

ติดกับห้องครัวเป็นระเบียงสามารถเปิดระบายอากาศ และรับแสงเข้ามาในห้องได้

ระเบียงขนาดเล็กกว่าห้อง 1 ห้องนอนเมื่อซักครู่ พอวางเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์ไปแล้วเหลือระยะให้ออกไปเดินได้แค่เล็กน้อย เป็นการเน้นการใช้งานพื้นที่ให้ห้องมากกว่าตรงส่วนระเบียงค่ะ

พื้นที่ระเบียงมีลดระดับลงเพื่อกันน้ำฝน และ น้ำจากการซักล้าง

คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนเป่าลมออกด้านข้างแบบนี้

ออกมาจากห้องครัวก็จะเห็นห้องรับแขก ขนาดกว้างพอสมควร เนื่องจากเป็นห้องมุมผนังด้านหลังจะมีช่องแสงเอาไว้ชมวิว และ เพิ่มความสว่างให้กับห้อง

ฝั่งที่ติดกับชั้นวางทีวีของห้องรับแขก เป็นทางไปห้องนอน

ห้องนอนห้องนี้ วางเตียงเล็กๆได้ 1 หลัง เป็นห้องที่มีหน้าต่างเข้ามุมเช่นกัน

วางเตียง 3.5 ฟุต ระยะทางฝั่งซ้ายเหลือค่อนข้างเยอะ แต่ทางฝั่งขวาจะติดกับผนังเลย

หัวเตียงจะติดกับประตูแบบนี้

ตู้เสื้อผ้าอยู่บริเวณปลายเตียง แต่วัสดุจะเป็นโครงการปิดผิวด้วยลามิเนตค่ะ ไม่ใช่กระจกแบบนี้

ปลายเตียงมีหน้าต่างเข้ามุมแบบนี้ ซึ่งพอมีหน้าต่างช่วยให้ห้องดูสว่าง ไม่มืดทึบจนเกินไป

มือจับหน้าต่างเช่นเดียวกับห้องที่ผ่านมาค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำและห้องนอนใหญ่

ห้องนอนใหญ่ขนาดค่อนข้างกว้าง ไม่มีระเบียงแต่มีหน้าต่างให้คสามส่างกับตัวห้อง

ระยะปลายเตียงทั้งสองฝั่งเหลือสบายๆ

ปลายเตียงมีระยะห่างประมาณ 60 เซนติเมตรพอเดินผ่านได้ แต่ไม่น่าจะติดตั้งตู้หรือชั้นวางทีวีเพิ่มเติมได้ ถ้าอยากติดทีวีเพิ่มแนะนำให้แขวนเอาค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ ทางเดินไปห้องน้ำมีทำเป็นตู้เสื้อผ้ามาให้

ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อน แต่ของจริงที่จะได้วัสดุจะเป็นโครงไม้กรุลสมิเนตเรียบๆ เราอาบน้ำเสร็จก็สามารถออกมาแต่งตัวที่บริเวณนี้ได้เลย

ภายในห้องน้ำบรรรยากาศคล้ายๆกับห้องแบบ 1 ห้องนอน แบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้งส่วนเปียกเหมือนกัน

อ่างล้างหน้าและสุขภัณฑ์เป็นดีไซน์เดียวกับห้อง 1 ห้องนอน ด้านล่างของเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีพื้นที่ให้เราได้วางถังขยะหรือตะกร้าผ้าได้อีก

ห้องน้ำห้องนี้สามารถเข้าได้จากทางฝั่งห้องอาหาร และ ห้องนอนใหญ่ ถือเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน

พื้นห้องน้ำมีลดระดับลงมาจากพื้นห้องประมาณ 5 เซนติเมตร เก็บงานรอยต่อด้วยหินแกรนิตดูเรียบร้อยใช้ได้

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจกนิรภัย แยกส่วนแห้งกับส่วนเปียก

ส่วนอาบน้ำ มีฝักบัวและช่องเก็บของด้านข้างมาให้เช่นกัน

พื้นห้องน้ำระหว่างส่วนแห้งกับส่วนเปียกมีการยกธรณีขึ้นสูงเพื่อกันน้ำไหลออก

ปลั๊กและสวิทซ์ใช้ของ Panasonic ค่ะ

ส่วนห้องแบบ Studio ซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดเพียง 22 ตาราเมตร และมีจำนวนไม่เยอะเท่าไหร่ เข้ามาก็จะเจอกับครัวซึ่งเป็นครัวเปิดก่อน ถัดไปจะเป็นห้องนอนซึ่งมีโต๊ะทำงานเป็นโต๊ะยาวๆวางอยู่ สามารถใช้วางทีวีก็ได้ ส่วนห้องน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชุดครัวแยกเป็นส่วนแห้งกับส่วนเปียก

ส่วนห้อง 1 ห้องนอนอีกแบบ คือแบบที่เป็นครัวปิด ห้องนี้พอเข้ามาจะเจอห้องรับแขกเล็กๆ ถัดไปจะเป็นห้องนอนเลยกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งปลายเตียงเป็นพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นห้องครัว มีประตูปิดเรียบร้อย ซึ่งเราสามารถทำอาหารแบบต้มผัดแกงทอดได้สบายๆ ติดกับห้องครัวเป็นระเบียงสามารถเปิดระบายอากาศได้ ห้องน้ำจะอยู่ติดกับห้องครัวซึ่งถ้าเดินออกจากห้องนอนมาก็อาจจะไกลหน่อยนึงค่ะ

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 March 2016

• Studio แบบห้อง A1 เนื้อที่ 22.81 ตร.ม. ราคา 2.07 ล้านบาท หรือ 90,806 บาท/ตร.ม.
• Studio แบบห้อง A2 เนื้อที่ 22.93 ตร.ม. ราคา 2.77 ล้านบาท หรือ 121,046 บาท/ตร.ม.
• 1 Bedroom แบบห้อง B3 เนื้อที่ 27.62 ตร.ม. ราคา 2.48 ล้านบาท หรือ 90,036 บาท/ตร.ม.
• 1 Bedroom แบบห้อง B6 เนื้อที่ 31.82 ตร.ม. ราคา 3.67 ล้านบาท หรือ 115,565 บาท/ตร.ม.
• 1 Bedroom แบบห้อง C1 เนื้อที่ 28.14  ตร.ม. ราคา 2.63 ล้านบาท หรือ 93,766 บาท/ตร.ม.
• 1 Bedroom แบบห้อง C9 เนื้อที่ 34.66  ตร.ม. ราคา 4.44 ล้านบาท หรือ 128,306 บาท/ตร.ม.
• 2 Bedroom แบบห้อง D2 เนื้อที่ 48.01  ตร.ม. ราคา 4.82 ล้านบาท หรือ 100,458 บาท/ตร.ม.
• 2 Bedroom แบบห้อง D3 เนื้อที่ 59.95  ตร.ม. ราคา 7.61 ล้านบาท หรือ 127,022 บาท/ตร.ม.
• Penthouse แบบห้อง PH1 เนื้อที่ 40.89  ตร.ม. ราคา 5.03 ล้านบาท หรือ 123,071 บาท/ตร.ม.
• Penthouse แบบห้อง PH1 เนื้อที่ 78.10  ตร.ม. ราคา 9.88 ล้านบาท หรือ 126,591 บาท/ตร.ม.

• Fully – Fitted
• เพดานสูง 2.65 เมตร
• Kitchen & Sink
• Hob & Hood
• จอง 30,000 – 100,000 บาท
• ทำสัญญา 5% 
• ดาวน์ 15% 
• ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
• ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของ Whizdom Station รัชดา – ท่าพระ ตั้งอยู่บน ถนน รัชดาภิเษก ทางฝั่งที่ใกล้กับแยกรัชดาฯ – ราชพฤกษ์ ใกล้เดอะมอลล์ ท่าพระ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีตลาดพลูประมาณ 80 เมตร และ BRT สถานีราชพฤกษ์ประมาณ 250 เมตร ซึ่งทำเลท่าพระนี้ก็เป็นหนึ่งในทำเลยอดฮิตของ Developer ที่เข้ามาแย่งพัฒนาโครงการโดยจะเห็นว่าบริเวณโดยรอบมีโครงการมาขึ้นอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ที่ตั้งของโครงการนอกจากจะใกล้รถไฟฟ้าแล้วยังอยู่ตรงข้ามห้างเดอะมอลล์ซึ่งเป็นแหล่งรวมความเจริญในย่านนี้ จึงทำให้ภาพรวมของทำเลค่อนข้างดูดี จะติดตรงที่ว่าการจราจรค่อนข้างติดขัดเนื่องจากตั้งอยู่ใกล้สี่แยก สภาพแวดล้อมและชุมชนในย่านนี้เป็นแหล่งชุมชนเก่าแก่ และ เป็นแหล่งรวมความเจริญของชาวฝั่งธนฯ พื้นที่โดยรอบจึงมีคนเข้ามาอยู่อาศัยค่อนข้างเยอะเพราะใกล้ห้าง ใกล้สะพานข้ามแยก อีกทั้งยังมีตลาดพลู และ สถานีรถไฟตลาดพลู ซึ่งเป็นแหล่งทำมาค้าขายจนเกิดเป็นชุมชนขนาดใหญ่

ถ้ามองข้ามเรื่องความติดของรถไปแล้ว การเดินทางไปยังที่ต่างๆถือว่าสะดวกพอสมควร จากที่ตั้งโครงการสามารถใช้เส้นทางไปออกได้หลายทาง ถ้าใช้ถนนรัชดาภิเษกวิ่งตรงขึ้นไปทางทิศเหนือจะเป็นทางไปถนน จรัญสนิทวงศ์ ซึ่งระหว่างทางไปจะมีแยกที่สำคัญๆเช่น แยกรัชดาฯ – ราชพฤกษ์ ใช้วิ่งไปสีลม สาทรได้ , แยกตลาดพลูบนถนนเทอดไท และแยกท่าพระบนถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนที่ใช้วิ่งไปนครปฐมหรือบางแคได้ ส่วนถ้าใช้ถนนรัชดาภิเษกวิ่งลงทางใต้ก็จะเป็นทางไป พระราม 3 และ พระราม 2 เป็นต้น ส่วนเส้นทางที่ใช้เข้าถึงโครงการหลักๆแล้ว เข้าถึงได้จากถนนรัชดาภิเษก แต่จะมีซอยเทอดไท 33 ที่คนย่านนี้ใช้เลี่ยงรถติดมาออกบริเวณซอยที่ใกล้ๆกับโครงการได้ และยังใช้ลัดไปออกได้หลายเส้นทาง

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่การเรียกรถต่างๆ ทำได้ง่ายทั้งรถแท็กซี่ รถสามล้อ และ รถแดง หน้าปากซอยรัชดาภิเษก 13 และรัชดาภิเษก 15 ยังมีวินมอเตอร์ไซค์ให้เราได้เรียกใช้บริการ บริเวณหน้าโครงการจะมีป้ายรถเมล์อยู่ ส่วนการเดินทางโดยรถไฟฟ้าถือว่าค่อนข้างสะดวก เพราะจากที่ตั้งโครงการสามารถเดินไป BTS ตลาดพลูในระยะทางประมาณ 80 เมตร ในอนาคตจากสถานีตลาดพลูยังสามารถนั่งไปเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง – บางแค สถานีบางหว้า ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ และยังใกล้กับรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT สถานีราชพฤกษ์ จากโครงการเดินไปประมาณ 250 เมตร ใช้เดินทางไปยังสีลม สาทร ถนนจันทน์ได้

วัสดุต่างๆมองรวมๆแล้ว โครงการให้ตามมาตรฐาน เฟอร์นิเจอร์ให้แบบ Fully – fitted คือให้ชุดครัวที่มาพร้อมกับ เครื่องดูดควัน อ่างล้านจาน เตาไฟฟ้า และ ตู้เสื้อผ้า โครงไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต งานพื้นให้กระเบื้องแกรนิตโต้ พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. งานผนังเป็นฉาบเรียบทาสีแต่พิเศษหน่อยตรงที่ Skim Coat มาให้  ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตรซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง

การออกแบบทำได้ดี ตั้งแต่การวางแนวความคิดให้บรรยากาศเป็นเหมือนบ้านสวนและนำเอาพืชพรรณพื้นถิ่นมาใช้ แต่การที่ใช้พรรณไม้ว่าผสมในการออกแบบก็ต้องมีการดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพดีด้วย จึงจะเกิดความสวยงาม นอกจากนั้นยังมีการนำเอา Concept ของบ้านสวนไปใช้ในการตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน มีการวางผังตัวอาคารให้อยู่ในแนวเหนือ – ใต้ทำให้ห้องพักไม่โดนแดดร้อนทางด้านทิศตะวันออก การจัดวางพื้นที่ส่วนกลางวางกระจายอยู่หลายจุดทำให้ลูกบ้านสามารถกระจายขึ้นไปใช้ในส่วนต่างๆได้ การออกแบบห้องเป็นสัดส่วนดี มีแบบห้องให้เลือกตาม Life Style ของลูกค้า เน้นห้องครัวปิดที่สามารถทำอาหารไทยแบบผัด ทอดได้ ในห้องน้ำมีการออกแบบเดินระบบท่อไปที่ผนังด้านหลังเพื่อเชื่อมต่อไปยังท่อชาร์ปเพื่อช่วยลดปัญหาน้ำรั่วหรือท่อตัน

สาธารณูปโภคจัดมาให้พอสมควรทั้ง สวนหย่อมอยู่ 2 จุดหน้าโครงการ ถัดเข้าไปบริเวณชั้นล่างและชั้น 2 ของตัวอาคารเป็นร้านค้ามีอยู่ทั้งหมด 6 ยูนิต อยู่ข้างล่าง 2 ยูนิต และ ข้างบนอีก 4 ยูนิต ที่จอดรถสามารถจอดได้รอบๆโครงการ และในชั้น 1 – 5 จอดได้ 295 คันหรือคิดเป็น 43% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ขึ้นมาที่ชั้น 6 จะเจอกับ สวนหย่อม 2 จุด , สระว่ายน้ำ , Pool Bar และ Fitness  ชั้น 34 มี Sunrise Terrace เอาไว้ให้นั่งชมวิว ส่วนชั้นบนสุดจะมี สวนหย่อม , Glass House Sky Lounge และ Co Working Space ที่มี E Book ให้ Download หนังสือมาอ่านได้ และมี Free WiFi ในพื้นที่ แต่ละส่วนมีการออกแบบให้เข้ากับแนวความคิดของโครงการ โดยค่าส่วนกลางที่ตั้งไว้คือ 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการบริหารของทีมนิติบุคคลอีกทีว่าพอเพียงหรือไม่ เนื่องจากพื้นที่ส่วนกลาง และ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงสวนมีมากพอสมควร

 

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 100,000 บาท/ตร.ม.,  1 March 2016

• ทำเล 8/10 – ใกล้รถไฟฟ้าตลาดพลู เดอะมอลล์ท่าพระ เดินทางสะดวก ถือว่าทำเลดี แต่ไม่ใกล้ทางด่วน และรถติด
• เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางเข้าเมืองสะดวก แต่เสียตรงที่รถติด และบริเวณแยกรัชดาฯตัดราชพฤกษ์ ไม่อนุญาตให้กลับรถ ต้องไปวนพอสมควร
• ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ติดถนนใหญ่ เรียกรถสะดวกมีให้เลือกทั้งมอเตอไซค์ รถไฟฟ้า รถเมลล์ รถสามล้อ
• วัสดุ 7/10 – ตามมาตรฐานโครงการทั่วไป
• แบบ 8/10 – มีแนวคิดในการออกแบบ ออกแบบวางผังและงานระบบค่อนข้างโอเค
• สาธารณูปโภค 8/10 – มีมาให้ครบ ตกแต่งสวยน่าใช้งาน กระจายอยู่หลายจุด ติดตรงที่ลิฟต์และที่จอดรถที่เมื่อเทียบขนาดโครงการอาจจะน้อยไปนิด

• UPPER CLASS
• 7.88 / 10.00

BOTTOM LINE

Whizdom Station รัชดา – ท่าพระ เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ในระยะเดินถึง เดินทางเข้าเมืองสะดวก ทำงานอยู่ในย่านใกล้เคียง หรือ ยอมอยู่ห่างที่ทำงานมาหน่อยใช้รถไฟฟ้าเดินทาง ชอบทำเลในย่านฝั่งธนบุรีที่มีความอุมสมบูรณ์ ใกล้ตลาด ใกล้ห้าง มีของกินเยอะ เน้นโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลาง มีงบประมาณระดับ 2 – 9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 –  69,000 บาท/เดือน 

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )