รีวิวฉบับที่ 1066 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะขอพาไปอัพเดตตึกเสร็จกับโครงการ Fuse Mobius รามคำแหง-คลองตัน หมู่คอนโด High Rise 3 อาคาร มีทั้งหมด 1,390 ยูนิต ในซอยรามคำแหง 3/1 ห่างจาก Airport Rail Link รามคำแหง ประมาณ 450 ม. จากพฤกษาค่ะ ตัวโครงการแล้วเสร็จตั้งแต่ต้นปี 2557 และปัจจุบัน Sold Out เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ ส่วนราคา Re-sale ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 67,000-85,000 บาท/ตร.ม. ค่ะ เดี๋ยวเราไปชมบรรยากาศโครงการไปพร้อมๆกันเลยค่ะ ^^
สามารถอ่านรีวิวโครงการย้อนหลังในช่วงต้นปี 2012 จาก Mr.Oe ได้โดย (คลิกที่นี่)
Fact @ 20 April 2016
- Fuse Mobius Ramkhamhaeng-Klongtan (ฟิวส์ โมเบียส รามคำแหง-คลองตัน)
- บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : สวนหลวง
- คอนโด High Rise 3 อาคาร (อาคาร A สูง 30 ชั้น อาคาร B สูง 32 ชั้น และอาคาร C สูง 12 ชั้น)
- จำนวนยูนิต 1,390 ยูนิต และร้านค้า 9 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด
- อาคาร A 24 ยูนิตต่อชั้น
- อาคาร B 21 ยูนิตต่อชั้น
- อาคาร C 12 ยูนิตต่อชั้น
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.745590, 100.602033
ที่ตั้งของโครงการตั้งอยู่บนถนนรามคำแหงตอนต้นฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปมีนบุรี ในซอยรามคำแหง 3/1 ลึกเข้าไปประมาณ 130 ม. และห่างจาก Airport Rail Link รามคำแหงที่อยู่บริเวณจุดตัดถนนกำแพงเพชร 7 และถนนรามคำแหงไปประมาณ 450 ม. ค่ะ
ทำเลโครงการตั้งอยู่บนถนนรามคำแหงช่วงต้น ระหว่างถนนเพชรบุรีตัดใหม่และถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นทำเลที่เขยิบออกมาจากทำเลบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่หรือถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นย่านที่มีทั้งสำนักงานใหญ่และคอนโด High Rise ราคาสูงตั้งอยู่อย่างหนาแน่นค่ะ โดยบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในแถบนี้จะไม่ได้เจริญหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเมื่อเทียบทำเลใกล้เคียงนะคะ แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่เดินทางไปในเมืองได้สะดวกค่ะ ส่วนบริเวณนี้เป็นย่านมุสลิมเก่าที่เป็นชุมชนอยู่กันมานานแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านเดี่ยวที่ไม่ได้จัดสรรอยู่กันตามซอยเล็กซอยน้อยและเป็นชุนชนอยู่กันริมคลอง ส่วนบริเวณที่ติดริมถนนนั้นพอจะเห็นออฟฟิศขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมทั้งโชว์รูมรถยนต์เปิดกันให้เห็นอยู่ประปราย และเห็นจะมีใหญ่หน่อยก็อย่างตึก UM Tower ที่อยู่ใกล้ๆแยกคลองตันค่ะ โดยรวมแล้วไม่ได้เป็นทำเลที่หวือหวามากนักแต่เมื่อมีระบบรางอย่าง Airport Rail Link รามคำแหง มาลงใกล้ๆ จึงทำให้มีโครงการคอนโดทั้ง Low Rise และ High Rise เกิดขึ้นในรัศมีใกล้ๆ สถานี ซึ่งโครงการนี้ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นเช่นกันค่ะ
สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นถือว่าสะดวกนะคะ เพราะตัวโครงการอยู่ใกล้จุดตัดที่เชื่อมไปยังถนนหลักๆ ได้หลายสาย อย่างถนนพระราม 9 ที่มุ่งหน้าไปยังดินแดงและอนุสาวรีย์ได้ ถนนรามคำแหงที่ไปยังหัวหมาก บางกะปิ ถนนเพชรบุรี วิ่งเข้าเมืองไปยังเอกมัย ทองหล่อได้สบายๆ ถนนพัฒนาการ ออกไปยังนอกเมืองมุ่งหน้าไปทางถนนศรีนครินทร์หรือสนามบินสุวรรณภูมิได้ และเข้าถนนสุขุมวิท 71 ออกไปยังพระโขนงอ่อนนุชได้เช่นกันค่ะ รวมไปถึงไม่ห่างจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนทั้ง 2 สาย คือทางด่วนศรีรัชและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์มากนัก
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้น ที่เป็นอีกจุดขายนึงของโครงการนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการเดินทางโดยพึ่งพิง Airport Rail Link ซึ่งโครงการอยู่ห่างจากสถานีรามคำแหงไปประมาณ 450 ม. เดินได้สะดวกพอสมควร เพราะมีฟุตบาทริมถนนให้เดินได้ตลอดทางแต่ผู้คนที่เดินริมฟุตบาทนั้นอาจจะไม่ได้มีคนเดินไปมาคึกคักมากนักนะคะ สำหรับตอนกลางคืนก็ดูจะเปลี่ยวๆ อยู่เหมือนกัน และอีกทางเลือกนึงในการเดินทางเข้าเมือง ซึ่งเหมาะกับช่วงเวลาเร่งด่วนมากๆ ก็คือเดินทางด้วยเรือค่ะ โดยท่าที่อยู่ใกล้ที่สุดคือท่าสะพานคลองตันที่ห่างจากโครงการไปประมาณ 750 ม. ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดกับถนนเพชรบุรีค่ะ และการเดินทางอื่นๆ อย่างพี่วินก็สะดวกไม่แพ้กันนะคะ เพราะมีจุดบริการพี่วินอยู่บริเวณหน้าปากซอยโครงการเลยค่ะ
ด้วยทำเลโครงการนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในย่านละแวกใกล้เคียงอย่างถนนเพชรบุรีตัดใหม่หรือถนนพระราม 9 ซึ่งมองหาคอนโด High Rise ในราคาที่ย่อมเยาลงมาจากทำเลเพื่อนบ้านแต่ก็ยังสามารถเดินทางไป-มาได้สะดวก มีทางเลือกให้เดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวหรือ Airport Rail Link ค่ะ
สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์นะคะ อย่างที่บอกว่าทำเลนี้เรื่องความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆในระยะเดินได้นั้น ไม่สามารถสู้ทำเลละแวกใกล้เคียงได้ ซึ่งในช่วงกลางวันก็ยังพออาศัยเต้นท์อาหารใกล้ตึก UM Tower หรือร้านอาหารบริเวณแยกคลองตันได้ ซึ่งก็ค่อนข้างไกลเลยระยะเดินได้สบายๆ ไปหน่อย ส่วนตอนกลางคืนก็จะมีร้านอาหารใต้ตึกแถวและรถเข็นข้างทางบ้างประปรายแต่ไม่มากนักนะคะ แต่ยังดีที่ทางโครงการได้จัดพื้นที่ไว้ให้ Shop ด้านล่างประมาณ 9 ร้านค้า เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกลูกบ้านได้ค่ะ ซึ่งในปัจจุบันร้านค้าในโครงการก็มีทั้งร้านอาหาร มินิมาร์ท ร้านซักรีด และอื่นๆ ที่เปิดไว้ให้ลูกบ้านได้ใช้บริการเกือบเต็มทุก Shop ไม่ได้ทิ้งร้างหรือไม่มีคนเช่านะคะ
ซูมออกไปหน่อย ดูห้างสรรพสินค้าละแวกใกล้ๆ ก็ต้องเลยจากแยกรามคำแหงไปหน่อย ก็จะเป็นย่านม.ราม ที่เค้าเรียกกันจนติดปาก ในย่านนี้มีทั้งห้างสรรพสินค้า Hyper Market ที่เปิดติดๆ กันให้เลือกจับจ่ายได้สบายๆ รวมทั้งในช่วงเย็นๆไปจนถึงดึกก็จะมีตลาดนัดตรงบริเวณม.รามคำแหงที่เปิดตามทางฟุตบาทและพื้นที่หน้าสนามกีฬาให้ได้เลือกช็อปปิ้งหรือซื้อของกินได้ในราคาย่อมเยาค่ะ หรือจะเป็นแหล่งที่เที่ยว Hang Out กับเพื่อนๆ ก็ต้องเข้าไปทางในเมืองหน่อย อย่างที่ดังๆเลยก็คงจะหนีไม่พ้น RCA บนถนนพระราม 9 ค่ะ
การเดินทางในวันนี้จะขอไม่ลงรายละเอียดมากนักเหมือนรีวิวก่อนหน้าที่ Mr.Oe ได้เจาะรายละเอียดและเส้นทางต่างๆ ไว้ครบหมดแล้วนะคะ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของทำเลนี้จากปี 2555 ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนักค่ะ (คลิกที่นี่เพื่ออ่านทำเลในรีวิวฉับก่อนหน้า) สำหรับการเดินทางจะเริ่มจาก Airport Rail Link รามคำแหง เดินตามริมฟุตบาทตรงไปเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามคำแหง 3/1 ลึกเข้าไปประมาณ 130 ม. ก็จะเห็นทางเข้า-ออกของโครงการทางขวามือค่ะ
สวัสดีท้องถนนรามคำแหง บริเวณจุดตัดกับถนนกำแพงเพชร 7 ใกล้แยกคลองตัน ในช่วงที่เลยเวลาเร่งด่วนไปแล้วก็ยังมีปริมาณรถบนท้องถนนหนาแน่นตลอดทั้งฝั่งขาเข้าและออก ส่วนด้านข้างมีอาคารสูงใกล้ๆ สถานีรามคำแหงขนาบข้างกันอยู่โดยฝั่งซ้ายเป็นโรงแรม นาซ่า เวกัส คอมเพล็กซ์ ส่วนด้านขวาเป็นอาคารสำนักงาน UM Tower ค่ะ และตึกสูงใกล้ๆ ก็คือ U-Delight พัฒนาการ-ทองหล่อนั่นเองค่ะ
หันกลับมาจะเป็นเส้นทางที่เราจะเดินไปยังโครงการกันนะคะ จะเห็นว่าบรรยากาศการเดินเลาะฟุตบาทริมถนนใหญ่ในตอนกลางวันที่ร้อนระอุของประเทศไทยนี่ถึงแม้จะอยู่ในระยะเดินประมาณ 450 ม. ซึ่งเดินได้ไม่ลำบากก็ยังเหนื่อยได้นะ
เดินมาลงที่จุดลงสถานี ด้านข้างขนาบด้วย A-Link ที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ ทรงอาคารแคบๆ เชื่อมติดกับตัวสถานีเลย สภาพบรรยากาศปัจจุบันของ A-Link นี้ยังมีร้านค้ามาเปิดไม่เต็ม ค่อนข้างเงียบเหงาพอสมควรเลยค่ะ
ส่วนด้านล่างยังพอมีพี่ Starbucks และร้านเบอร์เกอร์ Subway มาเปิดให้ใช้บริการอยู่ค่ะ โดยลูกค้าหลักๆ ก็คือพนักงานออฟฟิศตึก UM Tower ข้างๆ นี้ค่ะ
เดินออกมาหน่อยบริเวณจุด Drop Off ของ A-link จะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ค่ะ สำหรับใครที่ขี้เกียจเดินก็ใช้บริการพี่วินได้นะ
เราเดินออกมาจาก A-Link กันแล้ว ผ่าน Show Room Volvo ฟุตบาทบริเวณนี้ค่อนข้างกว้างหน่อย เดินได้สบาย
เดินผ่านสมาคมตระกูลเลี่ยว
ฟุตบาทก็เริ่มแคบลงมา แต่ยังพอเดินได้อยู่ค่ะ
ผ่านซอยรามคำแหง 1 ภายในเป็นตึกแถวเรียงกันไป
ด้านหน้ามีป้ายรถเมล์ และเริ่มมีร้านอาหารใต้อาคารตึกแถวเปิดให้บริการ
ฝั่งตรงข้ามที่เคยเป็นโชว์รูมรถเก่า ต่อไปจะมีโครงการ Plum คอนโด รามคำแหง สเตชั่น มาเปิดค่ะ
เดินผ่านซอยรามคำแหง 1/1
ภายในเป็นซอยตันมีแมนชั่นและบริษัทเปิดอยู่
ถัดมาเป็นซอยรามคำแหง 3 และ รามคำแหง 3/1 ซึ่งใช้หน้าปากซอยเดียวกันค่ะ
เข้ามาในซอยรามคำแหง 3/1 กัน หน้าปากซอยมีพี่วินนั่งหลบร้อนคอยในบริการอยู่ ^^
ก่อนที่จะถึงโครงการที่ตั้งตระหง่านเด่นสะดุดตานี้ จะเจอกับพื้นที่โชว์รูมรถและที่จอดรถของโชว์รูมก่อนค่ะ
ถนนบริเวณต้นซอยไปจนถึงโครงการเป็นถนน 2 เลนเข้าออกได้สะดวกอยู่ แต่ด้านข้างก็มีรถของพนักงานออฟฟิศมาจอดริมทางตลอดแนวค่ะ ส่วนฟุตบาททางเดินมีให้ตลอดทางจนถึงโครงการ ซึ่งขนาดความกว้างก็กว้างพอสำหรับคนเดียวเดินได้
เจอทางเข้าหลักของโครงการแล้วค่ะ ^^
ส่วนด้านข้างโครงการลึกเข้าไปอีกเป็นถนนเล็กๆ ที่มีแมนชั่น หอพัก และเป็นบ้านของชุมชนริมคลองที่อยู่อาศัยกันมานานแล้วนะคะ ถามว่าดูเปลี่ยวและน่ากลัวไหม จริงๆก็ไม่ได้น่ากลัวหรือดูอันตรายนะคะ ลูกบ้านสามารถเดินได้ค่ะ เพื่อลัดเลาะออกไปยังทางเดินริมคลองแล้วไปขึ้นท่าเรือสะพานคลองตันได้ค่ะ
บรรยากาศรอบๆ โครงการส่วนใหญ่เป็นชุมชนเก่าแก่ ซึ่งมีทั้งบ้านเดี่ยว ตึกแถวและหอพักสูงประมาณ 4-5 ชั้น และบริเวณหน้าปากซอยเป็นโชว์รูมรถยนต์ ในเรื่องของวิวนั้นดูแล้วโล่งทุกทิศนะคะ เพราะไม่มีอาคารสูงข้างเคียงมาบล็อกวิว ส่วนห้องที่อยู่ชั้นล่างๆ หน่อยก็แนะนำให้เลือกวิวที่หันเข้า Facilities ภายในโครงการแทนวิวภายนอกที่จะเห็นเป็นหลังคาบ้านของชุมชนใกล้เคียงค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- A Link ~ 450 ม.
- UM Tower ~ 500 ม.
- Foodland ~ 900 ม.
- โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ~ 1 กม.
- สภาสถาปนิก ~ 1.2 กม.
- The Mall รามฯ ~ 1.2 กม.
- Major Cineplex ~ 1.4 กม.
- Big C ~ 1.7 กม.
- Major Hollywood ~2 กม.
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 2.8 กม.
- โรงเรียนสาธิตรามคำแหง ~ 2.8 กม.
- โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 3 กม.
- RCA ~ 3 กม.
- สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ~ 3.5 กม.
- โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 5 กม.
โครงการ Fuse Mobius รามคำแหง-คลองตัน กลุ่มคอนโด High Rise 3 อาคาร ที่มีความสูงแตกต่างกันค่ะ โดยอาคาร A มีความสูง 30 ชั้น อาคาร B สูง 32 ชั้น และอาคาร C ที่อยู่ด้านหลังโครงการจะมีความสูงน้อยสุดคือสูง 12 ชั้นค่ะ โดยจำนวนยูนิตทั้งหมดของโครงการอยู่ที่ 1,390 ยูนิต บนพื้นที่ดินประมาณ 9 ไร่กว่าค่ะ ลักษณะการตกแต่งโครงการออกมาในสไตล์ Modern มีความเรียบง่ายและใช้โทนสีขาว-เทา
มาดูที่ Master Plan โครงการกันค่ะ ลักษณะการวางผังโครงการบนพื้นที่ 9 ไร่กว่านี้ คือวางอาคารทั้ง 3 โอบล้อมสวนและ Facility ที่อยู่ด้านบนดาดฟ้าของอาคารจอดรถ เพื่อให้ห้องพักทุกอาคารที่อยู่ด้านยาวด้านนึงนั้นได้รับวิวในส่วน Facility ค่ะ ในส่วนของทางเข้า-ออก หลักของโครงการจะอยู่ทางมุมด้านซ้ายล่างของที่ดิน ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้ถนนรามคำแหงมากที่สุด เข้ามาจะเป็นจุด Drop Off อยู่บริเวณหน้า Lobby อาคาร A และสามารถวนเข้าได้เข้าในส่วนอาคารจอดรถและวนออกโดยการวนรถอ้อมที่จอดรถรอบนอก ส่วนจำนวนที่จอดรถนั้นมีให้ประมาณ 60% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งก็ถือว่าให้มาพอประมาณค่ะ ส่วนด้านหลังโครงการบริเวณอาคาร C จะมีสนามเด็กเล่นและพื้นที่สวนเล็กๆ ให้ด้วยค่ะ
เริ่มจากทางเข้า-ออก โครงการกันค่ะ โดยทางเข้า-ออกนี้ใช้ระบบ Key Card Access ระยะใกล้ เปิด-ปิด ด้วยระบบไม้กระดกอัตโนมัติ มีป้อมพี่รปภ.อยู่ตรงกลาง การทำงานของพี่รปภ.ที่นี่ค่อนข้างเข้มแข็งดีค่ะ
จากมุมสูง เมื่อเข้ามาในโครงการแล้วจะเจอกับจุด Drop Off ที่รับ-ส่งลูกบ้านลงบริเวณหน้า Lobby อาคาร A
เมื่อลงมาหน้าอาคาร A แล้วหันไปทางด้านข้างจะเป็นทางเข้าอาคารจอดรถซึ่งมีความสูง 3 ชั้นครึ่ง และด้านบนดาดฟ้าเป็นส่วน Facilities หลักของโครงการค่ะ
ด้านข้างอาคารจะเป็น Jogging Track สำหรับเดินขึ้นไปในส่วนของ Facilties
ลักษณะ Jogging Track นี้เป็นลู่วิ่งที่มีความชัน โดยทำเป็นทางลาดเอียงขึ้นไปนถึงชั้นดาดฟ้า ซึ่งด้วยความยาวของ Jogging Track ที่ค่อนข้างยาวพอสมควรประมาณ 500 ม.จึงสามารถใช้วิ่งออกกำลังกายได้นะคะ
เมื่อขึ้นมาถึงด้านข้างขวาจะเป็น Club House และสระว่ายน้ำค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปดูทางเดินและการจัด Landscape ภายนอกก่อนนะคะ
บริเวณด้านข้าง Club House ทำเป็นทางเดินเล่นในด้านนี้ มีการจัดพื้นที่นั่งเล่นและจัดสนามหญ้าเล็กๆ ไว้
พื้นที่นั่งจะเป็นม้านั่งแบบนี้ใต้ร่มเงาไม้ค่ะ เย็นๆ มานั่งชิลๆ รับลมตรงนี้ก็ได้บรรยากาศดีอยู่เหมือนกันนะ 🙂
จากนั้นเป็นทางเดินตรงไปจนสุดริมอาคารจอดรถ
เลี้ยวมาด้านขวาจะเป็นทางเดินลงไปสู่ชั้นล่างค่ะ
กลับมาที่ส่วน Club house กันต่อค่ะ ลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียวบนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ
ก่อนเข้ามาสู่ภายในจะต้องสแกนบัตรที่ใช้บัตรเดียวกับการสแกนเข้าอาคารพักอาศัย เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ Working space เล็กๆ มีคอมพิวเตอร์ให้ลูกบ้านได้ใช้งาน
ถัดมาเป็นพื้นที่วางโต๊ะ Pool และ โต๊ะบอลมือหมุน ให้ลูกบ้านได้เล่นด้วยค่ะ
และในส่วนถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่มีโต๊ะเก้าอี้อยู่ให้ 3 ชุด สำหรับใครที่อยากมานั่งเล่นหรือนั่งทำงานเล็กๆ น้อยๆ ตากแอร์ชมวิวสระเพลินๆ ก็ได้ค่ะ
ในส่วนของห้อง Fitness มีขนาดใหญ่จำนวนเครื่องเยอะพอสมควร และในเรื่องของการดูแลรักษาหลังจากที่ปิดโครงการแล้ว ก็ยังอยู่ในสภาพที่ดีและน่าใช้งานอยู่ค่ะ
ออกมาที่สระว่ายน้ำ Out Door แบบ Infinity Edgeใช้ระบบเกลือ ขนาดของสระมีความยาว 50 ม. เทียบเท่าความยาวของสระ Olympic เลยค่ะ ส่วนบริเวณด้านข้างมีการยกพื้นสระให้ตื้นขึ้น และทำเป็นพื้นที่วาง Day bed บนผืนสระน้ำ ลักษณะสระที่เป็นแบบ Out Door นี้เหมาะกับการอาบแดดในตอนกลางวัน ถ้าสาวๆ คนไหนกลัวคล้ำไปซะก่อน ก็มาว่ายในตอนเช้าหรือตอนเย็นแทนนะคะ 🙂
ส่วนของทางเดินด้านข้างใช้วัสดุเป็นพื้นไม้เทียม ที่เหมาะกับการใช้งานภายนอกทนแดดและเปียกได้ ส่วนด้านข้างสระนี้ปัจจุบันกำลังมีการซ่อมแซมและปรับปรุงพื้นที่เนื่องจากมีการชำรุดค่ะ
สุดริมสระมีสวนเล็กๆ ปลูกไม้ยืนต้นให้ร่มเงาได้ดี
หันกลับมาที่สระอีกทีนะคะ โดยสระที่ติดกับสวนนั้นจะเป็นสระเด็ก
ส่วนด้านข้างสระมีพื้นที่นั่งแช่น้ำชิลๆ ได้
สำหรับห้องพักในด้านนี้ชั้นล่างๆ จะได้วิวสระว่ายน้ำค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากมีการเว้นระยะสายตาไว้ให้มองเห็นได้ดีค่ะ
กลับลงมาจากอาคารจอดรถ มีพื้นที่ Landscape ด้านข้างระหว่างอาคารกับตึก จัดมาให้ค่อนข้างดี และปัจจุบันสภาพบรรยากาศก็ยังดี สวย และร่มรื่นทีเดียวค่ะ
ส่วนใต้อาคาร A และ B ที่ออกแบบไว้สำหรับเป็นพื้นที่ร้านค้านั้น ปัจจุบันมีร้านค้ามาเปิดเกือบเต็มทุกยูนิต ทั้งร้านอาหาร มินิมาร์ท และร้านซักรีดค่ะ
เดินจรงเข้ามาบริเวณพื้นที่สวนจะเห็นว่าค่อนข้างร่มรื่นน่าใช้งาน ซึ่งในวันที่ไปเก็บข้อมูลก็จะเห็นคุณป้าน้าอา มานั่งเล่นบริเวณนี้อยู่บ้างประปราย และมีเด็กๆ จับกลุ่มเล็กๆ วิ่งเล่นแถวนี้ด้วยค่ะ สำหรับตอนกลางวันพื้นที่นี้ก็ไม่ได้ร้อนเกินไปนะคะ เนื่องจากเป็นช่องลมระหว่างตึกด้วยทำให้มีลมพัดผ่านบริเวณนี้ค่อนข้างดีทีเดียว
เดินออกมาจากพื้นที่สวนระหว่างอาคารจอดรถและอาคารพักอาศัย A และ B แล้ว ก็จะเป็นถนนเลี้ยววนรอบอาคาร C ไปทะลุออกอาคารจอดรถและออกไปยังทางเข้า-ออกหลักได้ค่ะ
เดี๋ยวเราจะพาเดินไปยังท้ายโครงการกันนะคะ บริเวณรอบข้างถนนนั้นทำเป็นที่จอดรถกลางแจ้ง ส่วนบริเวณใต้อาคาร C นั้นจริงๆ ก็ออกแบบไว้สำหรับเป็นช่องจอดรถยนต์นะคะ แต่ปัจจุบันก็เป็นพื้นที่จอดมอเตอร์ไซต์ไปแล้ว ^^
รอบรั้วด้านข้างเป็นกำแพงทึบสูง ปลูกไม้พุ้มและไม้ยืนต้นให้เรียบร้อย สวยงาม ซึ่งก็ถือว่าในเรื่องของการจัดการดูแลพื้นที่ส่วนกลางทางนิติดูแลได้ค่อนข้างดีทีเดียวนะคะ
สุดที่ดินโครงการเป็นสนามเด็กเล่นค่ะ ซึ่งด้านหลังโครงการจะติดกับหอพักสูงประมาณ 4 ชั้น
สนามเด็กเล่นนี้มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก วางเครื่องเล่นประมาณ 2 เครื่องเล่น
และอีกด้านเป็นเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งให้ ซึ่งในตอนกลางวันก็จะเห็นผู้ปกครองพาน้องๆ มาเล่นบริเวณนี้อยู่เหมือนกัน
เดินเลี้ยวมาทางขวาจะเจอกับพื้นที่สวนเล็กๆ
สวนนี้เป็นพื้นที่เล็กๆ ปลูกไม้ยืนต้นไว้ล้อมรอบพื้นที่ และมีไม้ยืนต้นตรงกลางให้ความร่มเงา ลูกบ้านสามารถมานั่งปิกนิก หรือเดินรับลมเพลินๆ ได้ค่ะ
เดี๋ยวเราจะเดินย้อนกลับเข้าไปในพื้นที่สวนกันนะคะ จากที่บอกว่าพื้นที่สวนระหว่างอาคารจอดรถและอาคารพักอาศัยนี้มีลมพัดเย็นสบายอยู่เกือบตลอดเนื่องจากเป็นช่องลมของอาคารแบบนี้ค่ะ
เข้ามาที่พื้นที่สวนกันต่อ
หันมาที่ด้านข้างระหว่างอาคาร A และ B มีทางเชื่อมไปยังพื้นที่จอดรถกลางแจ้งรอบที่ดินโครงการ
ที่จอดรถเป็นช่องจอดอยู่ด้านข้าง การเดินรถเป็นเลนเดียวแบบ One Way ตรงไปยังทางเข้า-ออกของโครงการค่ะ
ไปดู Lobby อาคาร A กันค่ะ
ภายใน Lobby ตกแต่งแบบเรียบง่าย มีชุดโซฟาให้ต้อนรับแขกประมาณ 2-3 ชุดค่ะ ซึ่ง Lobby อาคารอื่นๆ ก็จะตกแต่งในลักษณะเดียวกันนะคะ เพียงแต่มีขนาดพื้นที่ที่แตกต่างกันไป
บรรยากาศภายในโถงลิฟต์จะค่อนข้างมืดหน่อย ต้องเปิดไฟด้านบนตลอดทั้งวันเนื่องจากไม่มีช่องเปิดให้แสงสว่างเข้ามาภายในโถงลิฟต์นี้
จำนวนลิฟต์โดยสารของอาคาร A และ B มี 3 ตัวและมีลิฟต์ Service อีก 1 ตัว ส่วนอาคาร C ที่มีจำนวนยูนิตน้อยสุดนั้นมีลิฟต์โดยสารให้ 2 ตัวและลิฟต์ Service อีก 1 ตัวค่ะ
ในส่วนของโถงทางเดินตกแต่งเรียบง่าย ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก สุดทางมีช่องเปิดให้ ช่วยให้แสงสว่างข้างนอกเข้ามาภายในโถงได้ดีค่ะ
เรามาดูแปลนอาคาร A กันค่ะ สำหรับชั้นล่างของอาคาร A นี้ จะไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ โดยแปลนในชั้นนี้แยกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือฝั่งขวาเป็นส่วนภายในอาคาร คือเข้ามาจะเจอกับ Lobby อาคาร สแกนบัตรเข้ามาภายในโถงลิฟต์ มี Mail Box อยู่ด้านข้าง สุดโถงลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้ายเป็นลิฟต์ Service ที่ซ่อนอยู่ด้านในและห้องซักผ้าค่ะ ส่วนอีกส่วนฝั่งซ้ายนั้นเป็นพื้นที่ร้านค้าที่จัดมาให้ทั้งหมด 6 ร้านค้าค่ะ โดยแม่ค้าทั้ง 6 ร้านนี้ไม่สามารถเข้าอาคาร A ได้นะคะ เพราะไม่มีทางเดินเชื่อมกับภายในอาคารเลย
ชั้น 2-16 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด โดยในชั้นนี้มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 24 ห้อง ลักษณะการวางผังเป็นรูปตัว L แบ่งเป็น 2 Wings โดยมีตำแหน่งโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง เดินได้สะดวกและลดทอนความหนาแน่นของห้องพักได้มากขึ้นเมื่อแบ่งเป็น 2 ปีก รวมทั้งรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยค่ะ ในส่วนอัตราลิฟต์นั้นอยู่ที่ 217.67:1 ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นสูงพอสมควร ข้อเสียคือการรอลิฟต์ค่อนข้างนานในช่วงเช้าและเย็นที่เป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ตำแหน่งห้องพักส่วนใหญ่เป็นห้องขนาด 1 Bedroom 29 ตร.ม. จะมีห้องมุมอยู่ 3 ห้องที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมา โดยเป็นห้องแบบ 1 Bedroom 38 ตร.ม. อยู่ในทิศเหนือ และห้อง 2 Bedroom 55.2 ตร.ม. ในห้องมุมฝั่งทิศใต้ 2 ห้องค่ะ
สำหรับห้องด้านนอกในทิศเหนือและทิศตะวันออกจะได้วิวด้านนอกที่เป็นวิวทางด่วนมีสีสันรถวิ่งไปในและแสงไฟในยามค่ำคืนและในเรื่องของแดดก็ถือว่าดี เพราะไม่โดนแดดบ่ายแรงๆ หันเข้ามาเหมือนทิศตะวันตกและทิศใต้ค่ะ ส่วนห้องวิวด้านใน ชั้นล่างๆ ได้วิวสระและวิวสวนจาก Facilities ที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ชั้นที่สูงกว่านั้นได้วิวด้าน Airport Rail Link ยังไม่มี Block View ค่ะ
ชั้น 17-22 มีผังเหมือนกันกับชั้น 2-16 ค่ะ แต่จะมีจำนวนห้องลดลงมาเหลือ 22 ห้อง ซึ่งห้องฝั่งปีกขวานั้นจะเหลือจำนวนห้องอยู่ที่ 6 ห้อง ก็เพิ่มความเป็นส่วนตัวของปีกนี้เพิ่มขึ้นไปอีกหน่อย และสำหรับชั้นสูงๆ นี้ ห้องด้านในที่หันเข้าหาสระว่ายน้ำนั้นดูไม่ค่อยจะมีผลเท่าไหร่แล้วนะคะ เพราะอยู่เลยสายตาไปแล้ว อาจจะต้องก้มลงไปดูวิวแทนมากกว่า
ชั้น 23-30 เหมือนแปลนชั้นอื่นๆ เพียงแต่หดจำนวนห้องลงมาเหลือ 20 ยูนิตต่อชั้นค่ะ ด้วยความสูงของชั้นตั้งแต่ 23-30 นี้สามารถมองวิวได้ไกลๆ ทุกทิศทางค่ะ เนื่องจากไม่มีด้านไหนที่ถูกบล็อกวิวเลย
สำหรับอาคาร B ชั้นล่างนี้คล้ายคลึงกับอาคาร A คือแบ่งเป็นส่วน Lobby และร้านค้า โดยอาคาร B นี้มีร้านค้าทั้งหมดประมาณ 4 ร้านค้า
ขึ้นมาที่ชั้น 2-21 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด โดยจำนวนยูนิตทั้งอาคารนี้อยู่ที่ 606 ห้องซึ่งมีจำนวนน้อยกว่าอาคาร A ประมาณ 46 ห้องค่ะ สำหรับชั้น 2-21 จะมีจำนวนยูนิตเยอะสุด ก่อนจะค่อยๆหดเข้ามาเหมือนตึก A ชั้น 2-21 ค่ะ โดยจำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นนี้อยู่ที่ 21 ยูนิต ซึ่งมีความหนาแน่นต่อชั้นน้อยกว่าอาคาร A และด้วยจำนวนลิฟต์ที่ได้เท่ากับอาคาร A ทำให้อัตราส่วนของลิฟต์นั้นน้อยกว่าอาคาร A ด้วย อยู่ที่ 202:1 แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่มีความหนาแน่นสูงอยู่ค่ะ ในชั้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็น 1 Bedroom 29 ตร.ม. จะมีห้องมุมฝั่งซ้ายบนและขวาล่างที่เป็นห้อง 2 Bedroom 55.2 ตร.ม. และ 1 Bedroom 38 ตร.ม. ค่ะ ซึ่งสำหรับห้อง 1 Bedroom 38 ตร.ม.นั้น ตำแหน่งที่อยู่ในอาคาร A จะดีกว่าตำแหน่งที่อยู่ในอาคาร B นะคะ เพราะจะได้เป็นห้องมุม
ส่วนชั้น 22-32 นั้น มีแปลนเหมือนกับชั้น 2-21 ค่ะ แต่มีจำนวนยูนิตน้อยลงมา อยู่ที่ 18 ยูนิตค่ะ ส่วนตำแหน่งลิฟต์ของอาคารนี้อยู่เยื้องไปทางฝั่งซ้ายทำให้ห้องพักในฝั่งด้านขวาเดินค่อนข้างไกลพอสมควรค่ะ
สุดท้ายอาคาร C ในชั้นล่างไม่ได้มีร้านค้าเหมือนกับอาคาร A และ B นะคะ จะเป็นเพียงส่วน Lobby เท่านั้น อาคาร C นี้เป็นอาคารเล็กสุดในโครงการสูง 12 ชั้นมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 132 ห้อง การจัดแปลนแตกต่างกับอาคารอื่นๆ คือมีโถงลิฟต์โถงบันไดอยู่ตรงกลางล้อมรอบด้วยยูนิตห้องพัก ส่วนใหญ่ห้องพักของอาคารนี้จะได้ห้องเหมือนห้องมุม คือได้วิว 2 ทิศทาง จะมีแต่ห้องทิศเหนือใต้ที่อยู่ตรงกลาง 4 ห้องเท่านั้นค่ะที่ไม่ได้วิว 2 ทิศทาง แบบห้องของอาคารนี้เป็นห้องเล็กทั้งหมดคือห้อง 1 Bedroom 29 ตร.ม. ในเรื่องของอัตราส่วนลิฟต์นั้นอยู่ที่ 66:1 ถือว่าไม่หนาแน่นนะคะ เมื่อเทียบกับอาคาร A และ B ส่วนข้อด้อยของอาคารนี้คงจะเป็นเรื่องของวิวที่จะไม่ได้วิวสูงเลย เนื่องจากจำนวนชั้นสูงสุดอยู่ที่ 12 ชั้นเท่านั้น ดังนั้นวิวที่ดีของอาคารนี้ก็คงจะเป็นวิวสระว่ายน้ำในทิศตะวันออกค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ยาว 50 เมตร มีจากุชชี่ และสระเด็ก
- Club House
- สวน
- Jogging Track เล่นระดับยาว 500 เมตร
- Lobby แยกทุกอาคาร
- ห้องซักผ้าแยกทุกอาคาร
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัวต่อหนึ่งอาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์
- อาคาร A 217.67:1
- อาคาร B 202:1
- อาคาร C 66:1
เนื่องจากตัวโครงการนั้นขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นรูปแบบการขายจึงขึ้นอยู่กับเจ้าของที่นำมา Re-sale นะคะ ซึ่งจะแตกต่างกันไป ทั้งสภาพของห้อง เฟอร์นิเจอร์ห้อง และเรื่องราคาที่เจ้าของได้ตั้งขึ้นมา ดังนั้นรีวิวฉบับนี้จะขอพาไปดูบรรยากาศของห้องจริงมากกว่าการเจาะลึกรายละเอียดภายในห้องนะคะ
ซึ่งหากใครที่ต้องการอ่านรายละเอียดภายในห้อง ช่วงที่ยังเป็นห้องตัวอย่างในสำนักงานขายสามารถอ่านรีวิวเก่าของ Mr. Oe ได้โดย (คลิกที่นี่)
สำหรับห้องที่จะพาไปดูบรรยากาศนั้น ก็คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการนะคะ ลักษณะของแปลนห้องเป็นสี่เหลี่ยมเกือบจตุรัส ภายในแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้ค่อนข้างลงตัวดีค่ะ โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ เลยคือ ส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมกับพื้นที่ Pantry ครัว ซึ่งบริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ ส่วนครัวนั้นได้มาแบบเป็นครัวเปิด เหมาะกับการทำอาหารเบาๆ หรืออุ่นอาหารมากกว่าทำอาหารหนักๆ เข้ามาที่ห้องน้ำนั้นแยกส่วนพื้นที่แห้งและเปียกเรียบร้อย ที่แปลกหน่อยคือพื้นที่ซักล้างนั้นอยู่เชื่อมต่อกับพื้นที่อาบน้ำเลย ซึ่งปกติจะเห็นว่าระเบียงนั้นไม่อยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่นก็ห้องนอน แต่ถามว่าเป็นข้อเสียไหม ก็ไม่เชิงว่าจะผิดฟังก์ชันซะทีเดียวนะคะ เพราะเราอาจจะซักเสื้อผ้าเล็กๆน้อยๆ ในห้องน้ำแล้วก็ตากได้เลย ไม่ต้องลากเสื้อผ้าที่ยังเปียกๆ ไปห้องอื่นๆ ด้วย แต่ก็อาจจะไม่ถนัดหรือไม่ชินหน่อยและได้พื้นที่ค่อนข้างเล็กพอสมควร เข้ามาที่ห้องนอนกั้นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนให้เรียบร้อย ภายในปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ และจุดเด่นของห้องทุกห้องในโครงการนี้คือได้ Fly Window หรือเป็นมุมที่ยื่นออกมาหน่อยเพื่อชมวิวหรืออ่านหนังสือชิลๆ ที่อยู่บริเวณด้านข้างเตียงค่ะ
เข้ามาภายในห้อง จะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อนค่ะ สำหรับบริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถวางชุดโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่งได้ ความสูงของฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.6 ม. และพื้นในส่วนนี้ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. ค่ะ
ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.5 ม. ค่ะ ซึ่งขนาดของทีวีที่เหมาะสมกับระยะสายตาคือขนาดประมาณ 29-32 นิ้ว
ฝั่งตรงข้ามของพื้นที่นั่งเล่นเป็นส่วน Pantry โดยชุด Pantry นี้เป็นชุดที่ได้จากโครงการอยู่แล้วค่ะ ซึ่งทุกห้องจะได้สเปคของ Pantry คล้ายคลึงกัน รวมทั้งด้านหลังก็มีการกรุกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 ซม. ให้เรียบร้อยค่ะ
สำหรับชุด Pantry นี้จะมีโต๊ะกินข้าวเลื่อนเข้า-ออกได้ ไม่เกะกะพื้นที่ค่ะ
เข้ามาภายในห้องน้ำ มีการยกธรณีประตู กรุด้วยกระเบื้องเรียบร้อย ภายในปูด้วยพื้นกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. แยกโซนเปียกและโซนแห้งเรียบร้อยค่ะ
ในส่วนของโซนแห้งนั้นเป็นตำแหน่งของอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ จาก American Standard ทั้งหมด ด้านล่างก่อ Low Wall ขึ้นมาให้วางของได้เล็กๆ น้อยๆ ด้านบนติดกระจกเงาให้เรียบร้อย
ส่วนพื้นที่อาบน้ำยกธรณีขึ้นมาสูงหน่อยกันน้ำไหลย้อน ส่วนม่านหรือฉากนั้นก็ต้องติดเอาเองนะคะ สำหรับห้องนี้เจ้าของติดเป็นม่านพลาสติกค่ะ
ฝักบัวขนาดกระทัดรัดพอดีมือ จาก Karat พร้อมที่วางสบู่ด้านข้าง
ถัดมาเป็นส่วนซักล้าง ซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกฝ้า 3 ตอนค่ะ
พื้นที่ซักล้างขนาดเล็กๆ ดูทรงแล้วไม่น่าใส่เครื่องซักผ้าได้นะคะ หรืออาจจะต้องเช็ครุ่นและยี่ห้อที่มีขนาดเล็กๆ ที่พอสามารถใส่ลงไปในพื้นที่เล็กๆนี้ได้
ด้านบนแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ เป่าลมร้อนออกด้านนอก ด้านบนติดไฟซาลาเปาให้เรียบร้อย
เข้ามาที่ห้องนอนกันค่ะ สำหรับห้องนอนนั้นจะได้ประตูบานเลื่อน 3 ตอนกั้นพื้นที่ห้องนอนให้ชัดเจน ภายในห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. ขนาดเตียงที่วางได้คือขนาด 5-6 ฟุตค่ะ
ด้านปลายเตียงได้ตู้เสียผ้า Built-in ซึ่งทางโครงการได้ Built-in มาให้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ
ด้านข้างเตียงมี Fly Window ให้นั่งรับลมหรือชมวิวชิลๆ ได้
โดยเก้าอี้โซฟาทางโครงการได้ให้มาเช่นเดียวกับตู้เสื้อผ้าค่ะ หากใครต้องการจะเป็นโซฟานุ่มๆ หรือโต๊ะทำงานก็ได้ค่ะ
สำหรับห้อง 1 Bedroom อีกแบบ ที่มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาหน่อย อยู่ที่ 38 ตร.ม. รูปผังเป็นแบบสี่เหลี่ยมจตุรัส เข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวซึ่งเป็นครัวเปิดเช่นเดิม และพื้นที่รับประทานอาหารซึ่งสามารถตั้งโต๊ะขนาด 2-4 ที่นั่งได้ ด้านข้างเป็นห้องเก็บของ วางเครื่องซักผ้า ตู้วางรองเท้าได้ ถัดมาในส่วนพื้นที่นั่งเล่น สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายๆ ค่ะ หรือถ้าใครอยากจะกั้นพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ครัวกับพื้นที่รับประทานอาหารแยกออกจากกัน ก็สามารถทำฉากกั้นได้นะคะ แต่ไม่แนะนำให้ทำเป็นประตูบานเลื่อนกั้นเลยเพราะจะติดส่วนประตูทางเข้าห้องนอน จากพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นระเบียงซักล้างซึ่งแยกพื้นที่ออกจากพื้นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เป็นสัดส่วนดีค่ะ ส่วนขนาดพื้นที่ซักล้างนี้ค่อนข้างเล็กไม่สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ จะได้เพียงยืนชมวิวภายนอกได้ค่ะ เข้ามาในห้องนอนวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต มี Fly Window ให้เช่นเดียวกับห้องนอนแบบ 29 ตร.ม. ส่วนห้องน้ำนั้นจะอยู่ภายในห้องนอนนะคะ แขกใครไปมาก็ต้องเข้ามาในห้องนอนถึงจะเข้าห้องน้ำได้ อาจจะไม่เป็นส่วนตัวหน่อยนะคะ
และห้อง 2 Bedroom ขนาด 55.2 ตร.ม. นั้นจะเป็นห้องแบบหน้ายาว ตำแหน่งห้องนี้ส่วนใหญ่จะเป็นห้องมุมอาคาร สำหรับการจัดวางภายในห้องค่อนข้างลงตัวดีค่ะ โดยเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น ยาวไปจนถึงระเบียงซักล้าง ในส่วนครัวเป็นครัวเปิด ไม่เหมาะกับการทำงานอาหารหนักๆ เท่าไหร่นักค่ะ ส่วนบริเวณพื้นที่รับประทานอาหารนั้นสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2-4 ที่นั่งได้ ส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่ได้ค่อนข้างใหญ่ วางชุดโซฟา 3 ที่นั่งได้สบายๆ ถัดมาด้านซ้ายมือนั้นเป็นโถงเล็กๆ แจกไปยังห้องเก็บของ ห้องน้ำและห้องนอนเล็ก ส่วนห้องนอนใหญ่จะอยู่อีกด้านนึงค่ะ ภายในสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ มี Fly Window เช่นเดียวกับทุกๆ ห้อง มีพื้นที่สำหรับทำ Walk in Closet และห้องน้ำในห้องนอนค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงนั้นไม่สามารถระบุได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับการตกแต่งของเจ้าของห้องเดิม ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 April 2016
เนื่องจากเป็นโครงการที่ขายหมดและโอนกันหมดแล้วนะคะ ดังนั้นต้องซื้อต่อจากเจ้าของเดิม ทำให้ราคาก็จะค่อนข้างหลากหลายขึ้นอยู่กับทำเลห้องได้อยู่ชั้นสูงหรือชั้นล่าง ตกแต่งครบ ความพอใจราคาจากการตกลงกันระหว่างคนซื้อและคนขาย
ราคาต่อตารางเมตรในปัจจุบัน ปี 2016 จะอยู่ที่ 67,000-85,000 บาท สำหรับห้องที่ขายมีตั้งแต่ Fully Fitted ไปจนถึง Fully Furnished ค่ะ
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- ค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Fuse Mobius รามคำแหง-คลองตัน ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหงตอนต้น ระหว่างจุดตัดถนนเพชรบุรีตัดใหม่และถนนพระราม 9 บรรยากาศและสภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นชุมชนมุสลิมเก่าแก่และชุมชนริมคลองที่อยู่อาศัยกันมานาน ส่วนบริเวณติดริมถนนนั้นจะมีออฟฟิศขนาดกลางและขนาดเล็กเปิดให้เห็นตามริมถนน รวมทั้งโชว์รูมรถต่างๆ ตัวทำเลนี้ถึงไม่ได้หวือหวามากนักเมื่อเทียบกับทำเลข้างเคียงอย่างเพชรบุรีตัดใหม่กับย่านพระราม 9 แต่ก็พอมีคอนโดทั้ง High Rise และ Low Rise ขึ้นตามรัศมีใกล้ๆ Airport Rail Link รามคำแหง
สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ถือว่าไม่ได้อุดมสมบูรณ์มากในระยะที่เดินได้สบายๆ สำหรับช่วงตอนกลางวันยังพอหวังพึ่งเต้นท์อาหารใกล้ตึก UM Tower หรือร้านอาหารแถบแยกคลองตันได้ แต่ก็ถือว่าเลยระยะเดินได้สบายๆ ไปแล้ว ส่วนตอนกลางคืนค่อนข้างหายากหน่อยค่ะ จะพอมีร้านอาหารใต้ตึกแถวเปิดบ้างประปราย ซึ่งคงจะต้องพึ่งร้านอาหารภายในโครงการค่ะ สำหรับห้างสรรพสินค้าในละแวกนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่ตรงไปในเมืองเลยก็จะมีแถบมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่มีทั้งห้างสรรพสินค้า Hyper Market และโรงหนังเปิดกันคึกคัก รวมทั้งตลาดนัดในตอนเย็นขนาดใหญ่เปิดแถบหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงทั้งริมฟุตบาทและพื้นที่หน้าสนามกีฬาให้ได้เลือกช็อปปิ้งหรือซื้อของกินได้ในราคาย่อมเยาค่ะ ซึ่งไม่ได้อยู่ในระยะเดินนะคะ แต่อยู่ในระยะที่ขับรถได้สบายๆ ค่ะ
สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นถือว่าสะดวกพอสมควรค่ะ เนื่องจากตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้จุดตัดกับถนนหลักๆ หลายสายทำให้ง่ายต่อการเข้า-ออกนอกเมือง รวมไปถึงทางด่วนทั้ง 2 สายคือทางด่วนศรีรัชและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ที่จุดขึ้น-ลงไม่ได้ไกลมากนักสำหรับระยะขับรถค่ะ แต่ข้อเสียคือเรื่องรถติดค่ะ ยังไงก็ควรเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยนะคะ
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้น ที่เป็นจุดเด่นของโครงการอย่างนึงคือใกล้กับ Airport Rail Link ประมาณ 450 ม. เดินไป-กลับได้สะดวกมีฟุตบาทให้เดินเรียบร้อยตลอดทางค่ะ เเต่เนื่องจากทางเดินที่ติดถนนใหญ่นี้ไม่ค่อยมีคนเดินคึกคักมากนัก อาจจะค่อนข้างเปลี่ยวในตอนกลางคืนนะคะ อีกทางเลือกนึงในการเดินทางเข้าเมืองคือการโดยสารทางเรือค่ะ ซึ่งสามารถลัดเลาะออกท้ายซอยรามคำแหง 3/1 ได้แล้วตรงไปขึ้นที่ท่าเรือสะพานคลองตัน ซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 750 ม.ค่ะ และหน้าปากซอยก็มีพี่วินคอยให้บริการตลอดทั้งวันค่ะ
การออกแบบโครงการ จัดวางผังได้ดีทีเดียวค่ะ คือการวางตึกล้อมรอบอาคารจอดรถซึ่งด้านบนเป็น Club House และสระว่ายน้ำ ทำให้ห้องพักในชั้นล่างๆ ได้วิวเป็นวิวสระว่ายน้ำด้วย รวมไปถึงการแยก Facility นั้นช่วยในเรื่องของความเป็นส่วนตัวของอาคารพักอาศัยมากขึ้น แต่ก็จะมีความสะดวกในการใช้งานน้อยลงไปหน่อย ส่วนการออกแบบห้องนั้นมีจุดเด่นคือ Fly Window ที่ได้ในทุกๆ ห้องของโครงการ ที่สามารถนั่งเล่นชมวิวและได้ลมจากการเปิดกระจกด้านข้าง 2 ข้างค่ะ และสำหรับการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในจัดได้ค่อนข้างลงตัว ได้พื้นที่ใช้สอยภานในกว้างดีค่ะ แต่ก็จะมีข้อเสียสำหรับคนที่ชอบทำอาหาร คือไม่ได้ครัวปิดเลย รวมทั้งการจะต่อท่อก็ค่อนข้างลำบาก ไม่สวยงามค่ะ และอีกเรื่องนึงคือพื้นที่ระเบียงซักล้างของทุกห้องนั้นขนาดเล็กไป สำหรับการใช้งานอย่างการวางเครื่องซักผ้า หรือเป็นที่ตากผ้าก็ตาม
สำหรับวัสดุนั้นจะขอพูดสิ่งที่ทางโครงการได้ให้มานะคะ ส่วนเรื่องของเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่งเพิ่มเติมในส่วนต่างๆ ของเจ้าของแรกนั้นอาจจะไม่สามารถสรุปได้โดยตรงเพราะแต่ละห้องที่มา Re-sale ก็จะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องนี้ ซึ่งราคาก็จะแปรผันตรงตามงบประมาณการตกแต่งเพิ่มเติมค่ะ สำหรับวัสดุที่ได้จากโครงการนี้ให้มาตามมาตรฐานค่ะ พื้นปูด้วยแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. พื้นห้องน้ำและระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. ส่วนห้องนอนเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม.ค่ะ สุขภัณฑ์ใช้ American Standard ส่วนฝักบัวจาก Karat ค่ะ ในส่วนของ Pantry Built-in จากโครงการนี้ท็อปเป็น Particle ด้านหลังกรุกระเบื้องเซรามิกให้เรียบร้อยง่ายต่อการทำความสะอาด
เรื่องสาธารณูปโภคในปัจจุบัน ถือว่ามีการดูแลค่อนข้างดีค่ะจากการบริหารและดูแลงานของนิติบุคคลที่จ้างมาจากบริษัท Century 21 บรรยากาศน่าใช้งานทั้งสวน Club House และสระว่ายน้ำค่ะ โดยรวมแล้วให้สาธารณูปโภคมาพอสมควรเพื่อให้เพียงพอกับจำนวนยูนิตที่เยอะเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนเรื่องที่จอดรถที่ได้ 60% รวมจอดซ้อนคันนั้นถือว่าให้มาพอสมควรกับ Segment นี้ และความสะดวกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นก็พอหักลบให้มีพื้นที่จอดรถเพียงพออยู่ค่ะ
ด้วยทำเลโครงการนี้มีโครงการเพื่อนบ้านให้เปรียบเทียบหลายโครงการอยู่ค่ะ อย่าง The Base พระราม 9-รามคำแหง, U Delight Residence พัฒนาการ-ทองหล่อ, The Leaf พัฒนาการ ค่ะ ซึ่งสามารถคลิกอ่านรายละเอียดรีวิวโครงการอื่นๆ ได้จากชื่อโครงการเลยค่ะ สำหรับการเปรียบเทียบเรื่องรายละเอียดอื่นๆ ของโครงการนั้นจะขอให้เป็นทางผู้อ่านตัดสินใจนะคะ เนื่องจากการให้น้ำหนักของแต่ละคนค่อนข้างจะหลากหลายและแตกต่างกันไป โดยรีวิวฉบับนี้จะขอเปรียบเทียบราคาที่ Re-sale กันอยู่ในปัจจุบันของโครงการเพื่อนบ้าน Fuse Mobius รามคำแหง-คลองตัน เพื่อเป็นส่วนนึงในการตัดสินใจซื้อค่ะ โดยราคานี้เป็นการหาข้อมูลราคาขายในช่วงต้นปี 2016 ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นราคาที่แน่นอนเสมอไปค่ะ ^^
- The Base พระราม 9 – รามคำแหง : 85,000 – 110,000 บาท/ตร.ม.
- U Delight Residence พัฒนาการ – ทองหล่อ : 82,000 – 95,000 บาท/ตร.ม.
- The Leaf พัฒนาการ : 66,000 – 79,000 บาท/ตร.ม.
Judgement
เนื่องจากเป็นโครงการที่ขายหมดแล้ว ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการขายเปลี่ยนแปลงเป็นแบบ Re-sale ซึ่งค่อนข้างมีความแตกต่างกันไปทั้งเรื่องของวัสดุ การตกแต่งภายในห้อง รวมทั้งเรื่องของราคาที่ค่อนข้างหลากหลายขึ้นอยู่กับทำเลห้องได้อยู่ชั้นสูงหรือชั้นล่าง ตกแต่งครบ ความพอใจราคาจากการตกลงกันระหว่างคนซื้อและคนขาย ดังนั้นจึงไม่สามารถให้คะแนนในรีวิวนี้ได้ค่ะ
- MAIN CLASS
BOTTOM LINE
Fuse Mobius รามคำแหง-คลองตัน เหมาะสำหรับคนที่ทำงานในเมืองย่านพระราม 9 หรือเพชรบุรีตัดใหม่ ต้องการคอนโด High Rise ในราคาไม่โหดเท่าทำเลข้างเคียง หรือเน้นการเดินทางด้วย Airport Rail Link ชอบใช้ Facilities ไม่เน้นทำครัวหนัก มีงบประมาณในราคา 1.9 – 4.7 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 13,000 – 38,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )