รีวิวฉบับที่ 987 วันนี้เราจะพาไปอัพเดตคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ย่านแบริ่งกับโครงการ Pause สุขุมวิท 107 คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น เป็นอาคารคู่แยกนิติบุคคล ตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง 1 แยก 1 มาพร้อมกับการตกแต่งสไตล์ Modern ตัวโครงการห่างจากรถไฟฟ้าสถานีแบริ่งประมาณ 950 ม. สามารถเข้าออกได้ 2 ทางจากถนนแบริ่งและถนนลาซาลได้ค่ะ มีห้องขนาด 32 ตร.ม.แบบหน้ากว้างที่หน้าสนใจอยู่ด้วยเดี๋ยวเราไปดูโครงการพร้อมๆ กันเลยค่ะทุกคน ^^
ก่อนหน้านี้ทางทีมงาน ได้ทำรีวิวไว้ในช่วงเปิดตัว (ต้นปี 2558) มาแล้วค่ะ สนใจอ่าน (คลิกที่นี่) เลยค่ะ ^^
Fact @ 29 October 2015
- Pause Sukhumvit 107 (พอส สุขุมวิท 107)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางนา
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 157 ยูนิต (อาคาร A 78 ยูนิต, อาคาร B 79 ยูนิต)
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิตที่อาคาร A และ B
- ที่จอดรถ
- อาคาร A 19 คัน คิดเป็น 24% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30%
- อาคาร B 22 คัน คิดเป็น 28% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 35%
- อาคาร A ประมาณ 0-2-14.2 ไร่
- อาคาร B ประมาณ 0-2-26.27 ไร่
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.658168, 100.604927ที่ตั้งโครงการ Pause สุขุมวิท 107 อยู่บนถนนแบริ่งที่เป็นถนนเชื่อมถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท และถนนศรีนครินทร์ ภายในซอยแบริ่ง 1 แยก 1 สำหรับซอยแบริ่ง 1 นี้เป็นซอยที่สามารถเชื่อมถนนแบริ่ง (สุขุมวิท 107) และถนนลาซาล (สุขุมวิท 105) ได้ค่ะ บริเวณหน้าซอยมี 7-11 และอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ St. Andrew
ทำเลโครงการ Pause สุขุมวิท 107 เราเคยทำรีวิวไว้ช่วงเปิดตัว (ต้นปี 2558) สนใจ (คลิกที่นี่)
Pause สุขุมวิท 107 ตั้งอยู่ในแถบชานเมืองสมุทรปราการเกือบถึงย่านสำโรง สภาพแวดล้อมโดยรวมเป็นสังคมขยับมาจากทั้งย่านสำโรงเพื่อเกาะติดรถไฟฟ้ามากขึ้น และขยายตัวจากในเมือง เนื่องจากราคาอสังหาฯในแถบนี้ยังมีราคาที่พอหยิบจับได้มากกว่าคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในเมืองค่ะ ทำให้ในย่านแบริ่งนี้นอกจากจะมีอาคารห้องแถวเก่าแก่แล้ว ก็พอจะเห็นคอนโดทั้ง High Rise และ Low Rise เกิดมากขึ้น และยังคงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะยังมีที่ดินว่างเปล่าอีกเยอะที่รอการพัฒนา
การเดินทางด้วยรถยนต์นั้นเดินทางได้สะดวกพอสมควรค่ะ เนื่องด้วยถนนแบริ่งเป็นถนน 2 เลนที่เชื่อมระหว่างถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ รวมทั้งสามารถทะลุออกถนนลาซาลที่เป็นถนนคู่ขนานกันได้ ทำให้มีทางเลือกในการหลีกหนีได้บ้าง สำหรับจุดขึ้นทางด่วนจะอยู่ตรงทางขึ้นสี่แยกบางนา และขึ้นวงแหวนรอบนอกได้สะดวกค่ะ แต่จะปัญหาอยู่ตรงรถค่อนข้างติดในช่วงเวลาเร่งด่วนนั่นเอง
การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากรถไฟฟ้าสถานีแบริ่ง ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 950 เมตร แล้วก็ยังมีรถสองแถวที่คอยวิ่งให้บริการบนถนนแบริ่งตั้งแต่ต้นถนนยันท้ายถนน วินมอเตอร์ไซต์ที่มีหลายวินตั้งแต่ปากซอยแบริ่งจนถึงในซอยโครงการเลยค่ะ ถือว่ามีความสะดวกอยู่พอสมควรเลยค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ระดับนึงค่ะ อย่างเรื่องอาหารการกินย่านนี้ติด BTS มี APT แบริ่งมอลล์ มีของกินของใช้ขาย แต่ร้านที่เปิดขายอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้เยอะมาก ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็นอาคารพาณิชย์มีร้านอาหาร 3-4 ร้าน ที่เหลือก็มีพวกร้านอะไหล่ประดับยนต์ ความอุดมสมบูรณ์ต้องพึ่งถนนแบริ่งช่วงต้นซอยก็มีอาหารขายหลายอย่าง หรือจะไปพึ่งซอยลาซาลก็ได้เช่นกันค่ะเพราะมีหลายร้านเด็ดๆ อยู่เหมือนกัน ใกล้โครงการมาหน่อย อย่างปากซอยถนนแบริ่ง 1 ก็มี 7-11 อยู่จากโครงการระยะประมาณ 190 ม. เดินมาซื้อของกินของใช้ได้ 24 ชม.สบายๆ
ส่วนห้างใกล้ๆต้องไปแถวสำโรงมีห้างอิมพิเรียลเวิลด์สำโรง ระยะจากโครงการประมาณ 1.8 กม. หรือไปแถวถนนบางนาตราดมีเซ็นทรัล และ Big C นอกจากนี้ตรงใกล้ๆสี่แยกบางนามีคอมมูนิตี้มอลล์ตรงคอนโด The Coast Bangkok ที่สามารถเดินจากสถานีบางนาไปประมาณ 250 ม. ส่วนในอนาคตตรงแยกบางนา จะมีโครงการบางกอกมอลล์ ซึ่งเป็น Shopping Center ขนาดใหญ่ น่าจะเป็นห้างอีกห้างที่สำคัญของย่านนี้ทีเดียวค่ะ
การเดินทางเข้าถึงโครงการสามารถเข้าได้ทั้ง 2 ทาง ทั้งจากถนนแบริ่งซึ่งอยู่ลึกประมาณ 750 เมตร และถนนลาซาล ที่เลี้ยวเข้า ซ.ลาซาล 12 ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตรค่ะ
การเดินทางของเราในวันนี้เริ่มต้นจากสถานีแบริ่งเดินเข้าถนนแบริ่งไปประมาณ 950 เมตร จนถึงซอย แบริ่ง 1 และเลี้ยวซ้ายเข้า แยก 1 ก็จะถึงโครงการแล้วค่ะ
เมื่อลงจากสถานีแบริ่งมาแล้ว เราจะออกที่ทางออก 3 กันค่ะ
สภาพการจราจรบนถนนสุขุมวิทในช่วงเวลาที่เลยเวลาเร่งด่วนช่วงเช้าไปนิดหน่อย ฝั่งขาออกจะค่อนข้างโล่งเดินทางสะดวก ในส่วนกลับกันฝั่งขาเข้ารถจะค่อนข้างติดขัดพอสมควรค่ะ บนถนนเส้นนี้จะมีทั้งแท็กซี่ รถสองแถว และพี่วินมาคอยให้บริการอยู่ตลอดค่ะ สามารถเลือกใช้บริการเข้าถนนแบริ่งกันได้สบายๆ เนื่องจากระยะห่างจากรถไฟฟ้าถึงโครงการนั้นห่างประมาณ 950 ม.ไม่จัดอยู่ในระยะเดินเท่าไหร่นัก แต่สำหรับใครที่เป็นนักเดินอยู่แล้วก็อาจจะเดินได้สบายๆ งั้นเรามาเดินไปพร้อมกันเลยค่ะ ^^
ทางเดินเท้าบนถนนหลักกว้างขวางเดินได้สบาย ข้างทางมีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของ และอาคารพาณิชย์เล็กๆ
เดินมาถึงสามแยก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนแบริ่ง ซึ่งใครมาจากฝั่งขาเข้าก็สามารถเลี้ยวขวาเข้าถนนแบริ่งได้เลยเช่นเดียวกันค่ะ เลยไปหน่อยจะเป็นสะพานลอยและจะเห็นได้ว่ารางรถไฟฟ้าช่วงต่อขยายแบริ่ง – สมุทรปราการปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างค่ะ
หน้าปากถนนมี 7-11 เป็นแหล่งปากท้องฉบับเร่งรีบได้ดีเลยค่ะ
ถนนแบริ่งเป็นถนน 2 เลนสวนกัน ส่วนใหญ่ความคึกคักจะอยู่ทางฝั่งขวา หรือทางซอยแบริ่งเลขคู่ ส่วนทางซ้ายจะค่อนข้างเงียบ เป็นโรงเรียน ร้านค้านิดๆ หน่อยๆ และบ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ ส่วนฝั่งขวานั้นถนนส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์เก่าแก่ ด้านล่างมีร้านอาหาร ร้านก๋วยเตี๋ยว และร้านสะดวกซื้อ ส่วนด้านหน้าถนนมีกลุ่มพี่วินคอยให้บริการรับ – ส่ง เดี๋ยวเราจะเดินข้ามฝั่งกันไปดูบรรยากาศภายในถนนแบริ่งนี้กันค่ะ
บรรยายกาศข้างถนนมีร้านอาหาร ร้านยา ใต้อาคารตลอดแนว ซึ่งมีขายทั้งช่วงกลางวันจนถึงกลางคืนเลยค่ะ ค่อนข้างคึกคักทีเดียว เรื่องความอุดมสมบูรณ์สูงพอสมควรเลย สบายอิ่มท้องแน่นอนค่ะ
อีกฟากถนนเป็นโรงเรียนนานาชาติ St. Andrews เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนตั้งแต่อนุบาล – มัธยมปลาย จำนวนเด็กค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ และผลที่ตามมานั้นคือ รถติดมากขึ้นในช่วงเวลาเด็กเข้า – เลิกเรียน แต่สำหรับใครที่มีลูกเรียนที่นี่ก็เดินทางง่ายและสะดวกมากๆ เพราะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 700 ม.
เดินตรงมาอีกหน่อยก็เจอพี่วินกลุ่มเล็กคอยให้บริการอีกแล้ว บนถนนแบริ่งนี้มีพี่วินหลายกลุ่มมากๆ ทีเดียวค่ะ
รถสองแถวก็มีวิ่งบนถนนแบริ่ง โดยวิ่งทั้งถนนศรีนครินทร์ และถนนสุขุมวิท
อีกฟากถนนเจอกับ Sale Office จอง Vouge Place
เดินมาถึงแบริ่งซอย 4 ที่สามารถทะลุไปออกถนนสุขุมวิท 113 ได้ด้วยค่ะ
อีกฝั่งตรงข้ามมี Sale Office ตั้งเรียงรายกัน 3 โครงการติดๆ กัน แสดงให้เห็นว่าในถนนแบริ่งนี้ค่อนข้างฮอตฮิตนะสำหรับคอนโด Low Rise ใกล้รถไฟฟ้า
เดินมาเจอ Knightsbridge คอนโด High Rise รุ่นพี่ที่อยู่ติดถนนแบริ่งเลย
ต่อจาก Knightsbridge ก็เป็น The Gallery คอนโด High Rise ที่สร้างขึ้นเป็นเพื่อนบ้านแนบชิดกับ Knightsbridge พอดี
ฝั่งตรงข้าม The Gallery เราก็จะเห็น Sale Office ของ Pause ทั้ง 3 Pause เลยค่ะ สามารถ Walk in เข้าไปสอบถามหรือจะเข้าไปดูโครงการจริงเลยก็ได้เช่นกันค่ะ เดี๋ยวเราจะข้ามฝั่งไปแล้วเดินไปดูตึกจริงกันต่อเลยค่ะ
เดินตรงมาจนถึงซอยแบริ่ง 1 แล้วเลี้ยวซ้ายเลยค่ะ
หน้าปากซอยมี 7-11 ขนาดใหญ่ทีเดียวเลยค่ะ ถือเป็นแหล่งพึงพิงพุงอย่างดีทั้งชั่วโมงเร่งรีบและตอนกลางคืน ^^
ในซอยแบริ่ง 1 ด้านหน้าก็มีกลุ่มพี่วินเสื้อส้มคอยให้บริการ
โดยเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแบริ่ง 1 แยก 1 กันค่ะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ
ขนาดซอยแบริ่ง 1 แยก 1 นั้นค่อนข้างแคบไปหน่อยเวลารถวิ่งสวนกัน ยิ่งถ้าเป็นรถใหญ่ๆอย่างรถกระบะนี่ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นนะคะส่วนด้านซ้ายเป็นที่ดินบุคคลอื่นยังโล่งๆอยู่แต่ในอนาคตก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรค่ะ
ซอยแบริ่ง แยก 1 นั้นเป็นซอยตันนะคะ ตัวตึกของโครงการนี้แบ่งเป็น 2 ฝั่ง อาคาร A ด้านซ้ายมือ และอาคาร B ด้านขวามือ ใช้ชื่อ Pause เหมือนกันแต่การบริหารจัดการจะแยกนิติกันนะคะ
ปัจจุบันได้ให้จัดด้านหลังเป็นที่พักคนงานก่อสร้างชั่วคราวไปก่อน ซึ่งเมื่อตึกเก็บงานเรียบร้อยดี บริเวณนี้ก็จะเป็นพื้นที่ว่างเปล่าค่ะ
มาดูสภาพรอบๆด้านแบบใกล้ๆกันดีกว่า ตัวโครงการอยู่ในซอยแบริ่ง 1 แยก 1 ตัวอาคารทั้ง 2 ตึก เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าเข้าหากัน โดยมีซอยแบริ่ง 1แยก 1 คั่นอยู่ตรงกลาง ภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัย โดยทิศเหนือของโครงการติดกับบ้านพักอาศัยและพื้นที่ว่างเปล่า ส่วนทิศใต้ติดกับบ้านพักอาศัยและพื้นที่ว่างเปล่า สำหรับทิศตะวันตกติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ที่อยู่ตรงข้ามซอย ทิศตะวันออกติดกับพื้นที่ว่างเปล่าซึ่งพื้นที่ฝั่งนี้ติดกับถนนแบริ่งซึ่งอนาคตอาจจะยังไม่แน่นอนว่าจะมีโครงการเกิดขึ้นติดถนนแบริ่งไหม โดยรวมแล้วทุกทิศไม่โดนบล็อกวิวในระยะประชิด ยกเว้นฝั่งที่หันเข้าถนนจะเห็นตึกของ Pause ตรงข้ามเลยค่ะ ถึงแม้โครงการแนว Low Rise จะไม่ได้เน้นวิวเหมือนพวก High Rise แต่ก็ขอเอาวิวมาให้ดูเป็นข้อมูลนะคะ
วิวทิศ A หรือทิศเหนือจากอาคาร A ทางทิศนี้จะเห็นเพื่อนบ้านอาคาร B ค่อนข้างชัดเจน ด้วยระยะห่างระหว่างอาคารกว้างเท่ากับถนนในซอยแบริ่ง 1 แยก 1
มองเยื้องไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นทิศโล่งไม่มีอาคารตึกเตี้ย ตึกสูงมาบดบังทัศนียภาพ โดยรวมด้านนี้จะมีพื้นที่ว่างเปล่าและบ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 3 ชั้น สามารถมองเห็นไปได้ไกล และมองเห็นสถานีแบริ่งไกลๆ ด้วย ซึ่งใครอยากได้ทิศเหนือแต่ไม่โดนบังวิวนั้นก็สามารถเลือกห้องที่อยู่ฝั่งซ้ายมือได้ค่ะ
มองเยื้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้นจะเห็นหมู่คอนโดตึกเตี้ยที่ขึ้นมาบดบังวิวในระยะไกลไปเยอะเหมือนกัน แต่ด้วยระยะห่างระหว่างหมู่คอนโดและโครงการมีระยะห่างอยู่พอสมควรจึงไม่ถูกลดทอนความเป็นส่วนตัวมากไปนัก
ทิศ B หรือ ทิศตะวันออกติดกับพื้นที่ว่างเปล่า อาจจะโดนโครงการเพื่อนบ้านบดบังทัศนียภาพไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าไม่อึดอัดค่ะ (ถ้าที่ดินว่างเปล่านั้นไม่มีโครงการคอนโดเพิ่มมาอีกนะ)
สำหรับทิศ C หรือทิศใต้นั้นอยู่ฝั่งถนนแบริ่ง ไม่ถูกบังวิวด้านตรง และมองเห็นวิวคอนโดตึกสูงทั้ง 2 ตึกด้วยค่ะ
และทิศสุดท้ายคือทิศ D หรือทิศตะวันตก ทิศนี้จะโล่งที่สุดและเห็นพื้นที่สีเขียวที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่ายังไม่ได้นับการพัฒนาค่อนข้างมากกว่าทุกๆ ทิศ ส่วนด้านล่างเป็นบ้านพักคนงานชั่วคราวของตึก ซึ่งเมื่อสร้างตึกสร้างเสร็จบริเวณนี้ก็จะถูกรื้อถอนออกไปค่ะ ^^
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- 7-11 หน้าซอยแบริ่ง 1 ~19o ม.
- โรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูว์ส ~700 ม.
- BTS สถานีแบริ่ง ~900 ม.
- APT แบริ่งมอลล์ ~1 กม.
- อิมพิเรียลเวิลด์สำโรง ~1.8 กม.
- บางกอกมออล์ ~2.6 กม. (โครงการอยู่ระหว่างการพัฒนา)
- Bitec บางนา ~2.8 กม.
- เซ็นทรัลบางนา ~5.5 กม.
- Big C บางนา ~5.5 กม.
- Paradise Park ~9.1 กม.
- ซีคอน สแควร์ ~9.8 กม.
โครงการ Pause สุขุมวิท 107 เป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร 8 ชั้น แบ่งเป็น Pause A (ด้านซ้าย) และ Pause B (ด้านขวา) หันหน้าเข้าหากันถูกแบ่งด้วยซอยแบริ่ง 1 แยก 1 ที่เป็นถนนทางเข้าโครงการ ซึ่งเป็นอาคารแยกนิติบุคคล แยก Facility กันทั้งหมดนะคะ ลักษณะการตกแต่งเป็นแนว Modern ใช้สีโทนขาว – เทา ค่ะ สภาพโครงการในปัจจุบัน (29 ต.ค. 58) ยังเสร็จไม่เรียบร้อยนัก ยังเหลืองานเก็บโครงการอีกหน่อยนะคะ เดี๋ยวเราไปดู Pause A กันก่อนนะคะ แล้วค่อยไปดู Pause B กันต่อค่ะ ^^
ทางเข้า Pause A อยู่ใต้อาคารมีความสูงประมาณ 2.3 เมตร รถกระบะยกสูงสามารถเข้าไปจอดได้อยู่ค่ะ
ฝั่งทางซ้ายเป็นส่วนของ Lobby และนิติบุคคล
ทางเข้าที่จอดรถ ด้านข้างเป็นป้อมยอม ซึ่งขณะนี้ทำหน้าที่เป็นที่เก็บของชั่วคราวไปก่อน
ที่จอดรถทั้งหมดจะอยู่ในชั้น 1 (ชั้นใต้อาคาร) สามารถจอดรถได้ทั้งหมด 19 คัน และซ้อนคันเพิ่มได้อีกประมาณ 5 คัน รวมจอดซ้อนคันสามารถจอดได้ 30.7% ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะไม่เพียงพอเท่าไหร่นักนะคะ แต่ด้วยความสะดวกในการพึ่งพาระบบสาธารณะต่างๆ ก็อาจจะมีลูกบ้านที่ไม่ใช้รถอยู่บ้างนะคะ
ช่องจอดรถขนาดมาตรฐาน
เข้ามาที่ Lobby โครงการกันต่อ โซนแรกจะเป็น Lobby เล็กๆ ห้องด้านขวาเป็นห้องนิติบุคคล
มีโซฟาเล็กๆ สำหรับนั่งเล่น หรือให้ผู้มาติดต่อนั่งรอลูกบ้านบริเวณนี้ได้
อีกด้านก็มีชุดโซฟาและชุดเก้าอี้อย่างละชุด
ประตูทางเข้าที่จะเข้าสู่โถงลิฟต์ ต่อไปจะมีเครื่องสแกนบัตรติดตั้งบริเวณประตู แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ติดตั้งให้ค่ะ
ลิฟต์โครงการจะมีเพียงตัวเดียวในแต่ละตึก ถ้าลิฟต์เสียก็ใช้เดินเอานะคะไม่มีอีกตัวให้ใช้
หันมาทางขวาเป็นส่วน Mail Box และทางนี้สามารถเข้า – ออกทางที่จอดรถได้เลยโดยในเครื่องสแกนบัตรเช่นกัน ทำให้ไม่ต้องเดินอ้อมเข้า Lobby ก่อน
ลิฟต์ของโครงการเป็นลิฟต์แบบล็อกชั้น คือล็อกชั้นห้องพักตัวเอง ชั้น Facility ที่สามารถขึ้นได้เท่านั้นค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้น Facility นั้นทางเข้าห้องพักจะมีประตูกั้นให้สแกนบัตรอีกรอบ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกบ้านในชั้นนี้ที่ลูกบ้านในชั้นอื่นๆ สามารถขึ้นมาได้ รวมทั้งยังเพิ่มความส่วนตัวให้มากขึ้นด้วย ส่วนด้านขวาออกไปจะเป็นส่วน Facility
ทางซ้ายเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ และ Jacuzzi ส่วนทางด้านขวาเป็น Fitness
ภายในห้อง Fitness มีจำนวนเครื่องเล่น 3 เครื่อง หากเทียบกับจำนวนคนพักอาศัยและจำนวนยูนิตแล้วก็ยังมีขนาดน้อยไปหน่อยนะคะ
ก่อนขึ้นไปดูกัน หรือก่อนใช้บริการอย่าลืมอ่านระเบียบการใช้งานสระว่ายน้ำด้วยนะคะ ^^
ถัดมาเป็นบันไดทางขึ้นไปชั้นดาดฟ้า และมีสระ Jucuzzi ขนาดเล็กกระทัดรัดอยู่ระหว่างทางขึ้น
สระ Jacuzzi ขนาดเล็กๆ ลงแช่ได้ประมาณ 2 คนพอดีๆ อ้อ และอย่าลืมระวัดระวังในการขึ้น – ลงสระด้วยนะคะเพราะที่นี่ปูเป็นกระเบื้องเซรามิกให้บริเวณขอบสระ ซึ่งอาจจะทำให้ลื่นล้มได้
สระว่ายน้ำโครงการเป็นแบบ Outdoor บนชั้นดาดฟ้า ขนาดสระ 3.5 x 14 เมตร ลึก 1.2 เมตร ระบบเกลือ มีความยาวพอที่จะว่ายน้ำออกกำลังกายได้อยู่มั้ง แต่ขนาดหน้ากว้างแคบไปหน่อย อาจจะลงว่ายน้ำพร้อมกันได้ไม่กี่คนนะคะ และสำหรับสระแบบนี้ใครใคร่อยากผิวแทนก็สามารถว่ายอาบแดดได้สบาย ส่วนใครกลัวผิวคล้ำก็สามารถมาว่ายตอนกลางคืนได้ค่ะ เพราะสระกว่าจะปิดก็ประมาณ 4 ทุ่ม
ด้านข้างสระที่ Day Bed ให้นอนเล่นประมาณ 4 ตัว
เดินถัดมาหน่อยเป็นพื้นที่สวนหย่อมเล็กน้อยและมีพื้นที่ทางเดินเหลือกว้างพอที่จะเอาโต๊ะเก้าอี้สนามมากาง นั่งกินขนมชมวิวไปด้วยก็ได้นะคะ
ชั้น 2 – 5 เป็นอาคารพักอาศัยทั้งหมดซึ่งมีจำนวนยูนิตอยู่ 12 ยูนิต โดยวางตำแหน่งห้อง 2 Bedroom อยู่มุมอาคารทั้งซ้ายและขวา สามารถมองเห็นวิวได้ทั้ง 2 ทาง ส่วน 1 Bedroom 27 ตร.ม. จะอยู่ตรงกลางทั้งหมด ส่วน 1 Bedroom Plus นั้นวางอยู่ทางทิศใต้ทั้งหมดค่ะ ในเรื่องของตำแหน่งลิฟต์จะอยู่ทางฝั่งขวา และมีระยะเดินถึงห้องสุดท้ายประมาณ 30 ม. ทำให้ห้องฝั่งซ้ายอาจจะเดินไกลกว่าห้องฝั่งขวา แต่ก็มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องฝั่งขวาอยู่นะคะ เพราะมีคนเดินผ่านน้อยกว่า ในเรื่องความหนาแน่นเทียบกับอัตราส่วนของลิฟต์นั้นอยู่ที่ 78 : 1 ถือว่ากำลังดีไม่หนาแน่นมากค่ะ
ตำแหน่งอาคารโซนฝั่งขวาจะมองเห็นเพื่อนบ้านอาคาร B เนื่องจากตำแหน่งอาคาร A และ B จะมีส่วนที่บังกันครึ่งอาคาร ถ้าเลือกโซนฝั่งซ้ายวิวจะโล่งหน่อยค่ะ
ชั้น 6 นั้นแตกต่างจากชั้น 2 – 5 เฉพาะ Type ห้อง 1 Bedroom ที่เปลี่ยนจาก 1 Bedroom เป็น 1 Bedroom Balcony เนื่องด้วยความสูงชั้น 6 นั้นสูงพอที่จะชมวิวมุมไกลได้มากขึ้น (แต่ก็มีบางห้องประจันหน้ากับห้องเพื่อนบ้าน Pause B นะ)
ชั้น 7 ต่างจากชั้น 2-6 ตรงที่ Type 1 Bedroom จะเป็นขนาด 22 ตร.ม. นอกนั้นเหมือนกันหมดเลยค่ะ
ชั้น 8 ห้องพักอาศัยจะเหลือเพียง 6 ยูนิต ที่เหลือจะเป็นส่วน Facility โดยมีส่วนพื้นที่สระว่ายน้ำ และห้องออกกำลังกายค่ะ ในชั้นนี้จะมี Double Access หรือประตูสแกนบัตรอีกชั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านในชั้นนี้ เนื่องจากเป็นชั้นที่ลูกบ้านทุกๆ ชั้นสามารถขึ้นมาใช้งานได้ค่ะ ส่วนระยะที่ตึก A กับ B บังกันคือส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำจนถึงห้องฟิตเนสนะคะ ยูนิตฝั่งซ้ายวิวจะโล่งไม่โดนตึก B บัง
มาต่อกันที่ตึก Pause B ที่มีจำนวนยูนิตเท่ากันกับ Pause A คือ 78 ยูนิต รูปแบบอาคารไม่แตกต่างกับ Pause A มากนักค่ะ ด้านหน้าตึกจะเป็นส่วน Lobby
เดินถัดมาจะเป็นทางเข้าบริเวณที่จอดรถ มีลักษณะทางเข้า (approach) ที่ชัดเจนมากๆ
มีป้อมพี่ยามอยู่ทางด้านซ้าย
สำหรับตึก Pause B นี้มีช่องจอดรถมากกว่าตึก Pause A อยู่หน่อย คือสามารถจอดได้ 22 คัน และจอดซ้อนเพิ่มได้อีกหน่อยประมาณ 5 คัน รวมจอดซ้อนคันแล้วประมาณ 34.6% ค่ะ
เดินเข้ามาใน Lobby ของ Pause B ตกแต่งในสไตล์เดียวกับ Pause A แต่มีขนาด Lobby ที่ใหญ่กว่าหน่อย ด้านซ้ายเป็นส่วนนิติบุคคล
มีชุดโซฟายาวรูปตัว L และชุดที่นั่งอีก 2 ชุดสำหรับรองรับแขก และให้ลูกบ้านมานั่งเล่นได้
ด้านหลัง Lobby เป็นโถงทางเดินด้านข้างจัดเป็นพื้นที่ Mail Box
สุดทางเป็นส่วนของลิฟต์โดยสาร ซึ่งมี 1 ตัวต่ออาคาร
เมื่อออกจากโถงลิฟต์จะเจอโถงทางเดินทางขวาจะมีระยะสั้นมีจำนวนห้องพักเพียง 2 ห้อง ปลายโถงทางเดินมีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติเข้าได้ทั่วโถงทางเดิน
ทางด้านซ้ายเป็นส่วน Facility และสำหรับชั้นนี้เป็นชั้นที่มีห้องพักด้วย จึงมีอีกประตูที่ต้องใช้บัตรสแกนเข้าเพื่อให้ลูกบ้านชั้นนี้มีความส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
ด้านซ้ายเป็นส่วน Fitness และด้านขวาเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ
ขนาดห้องและจำนวนเครื่องเล่นเท่ากันกับ Pause A เลยค่ะ
บันไดเดินขึ้นไปส่วนของสระว่ายน้ำ สำหรับด้านข้างไม่มีส่วน Jacuzzi ให้ ซึ่งส่วน Jacuzzi นั้นจะไปอยู่กับสระว่ายน้ำเลยค่ะ
สระว่ายน้ำของ Pause B มีขนาดใหญ่กว่า Pause A อยู่นิดหน่อยด้วยขนาดสระ 4 x 15 เมตร ลึก 1.2 เมตร ระบบน้ำเกลือ และมีพื้นที่ Jacuzzi เชื่อมกับสระว่ายน้ำเลย ซึ่งใช้งานได้สะดวกกว่า Pause A ที่แยกที่กันใช้งาน
พื้นที่นั่งเล่นข้างสระขนาดใหญ่กว่า Pause A ทำให้มีพื้นที่ให้เด็กพอวิ่งเล่นได้บ้าง
บริเวณสวนมีหลังคาคลุมกันแดดกันฝนได้บ้าง ดีไซน์เรียบง่ายสวยงาม
หันกลับมาอีกด้านมีการจัดโซนพื้นที่นั่งเล่นรับลมเล็กๆ โดยมีการยกเสต็ปบันไดขึ้นมาเล็กน้อย และปลูกต้นลีลาวดีใหญ่ในกระถางสร้างบรรยากาศ เพิ่มความร่มรื่นได้อยู่นะ (แต่ต้องรอให้โตกว่านี้อีกหน่อย)
ผังอาคาร B ชั้น 2 – 6 เป็นชั้นพักอาศัยมีทั้งหมด 12 ยูนิต รูปทรงตึกอาคาร B จะลึกและสั้นกว่าอาคาร A ระยะเดินจากห้องสุดท้ายประมาณ 20 ม. ตำแหน่งลิฟต์โดยสารอยู่ทางฝั่งขวา ทำให้ห้องฝั่งซ้ายเดินไกลกว่าฝั่งขวาอยู่หน่อย แต่ก็ไม่เสียหายนะคะ เพราะระยะเดินก็ไม่ได้ไกลมาก รวมทั้งคนที่จะเดินผ่านหน้าห้องก็น้อยลงไปด้วย รูปแบบห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นแบบหน้าแคบยกเว้นห้องมุมบางห้องที่ได้ห้องแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ชั้น 7 การจัดวางตำแหน่งต่างๆ ไม่แตกต่างจากชั้น 2 -6 มี type ห้อง 1 Bedroom ที่แตกต่างไปจากเดิมหน่อยคือมี Balcony หรือระเบียงด้านนอกที่ยาวขึ้นเท่านั้นค่ะ สำหรับความหนาแน่นเมื่อเทียบกับอัตราส่วนลิฟต์นั้นอยู่ที่ 78 : 1 ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นกำลังดีค่ะเมื่อเทียบกับ Segment เดียวกัน (Main Class)
ชั้น 8 เป็นชั้น Facility และชั้นพักอาศัยด้วย ทำให้เหลือจำนวนยูนิต 6 ยูนิต ในส่วนของ Facility นั้นมีฟิตเนส และสระว่ายน้ำ ที่มีขนาดใหญ่กว่า Pause A อยู่หน่อย ในชั้นนี้มี Double Access เพิ่มความเป็นส่วนตัวและตวามปลอดภัยให้กับลูกบ้านในชั้นนี้ค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby 1 Lobbyต่ออาคาร
- สระว่ายน้ำ
- Pause A 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 3.5 x 14 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- Pause B 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4 x 15 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- Pause A ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 3 เครื่อง
- Pause B ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 3 เครื่อง
- อัตราส่วนลิฟท์ Pause A 78:1
- อัตราส่วนลิฟท์ Pause B 78:1
- Pause A ที่จอดรถ 19 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 24.36% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 30.77%
- Pause B ที่จอดรถ 22 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 28.21% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 34.62%
มาเริ่มกันที่ห้องแรกกันเลยนะคะกับห้องแบบ 1 Bedroom Plus ที่มีขนาด 32.90 ตร.ม. ที่มีลักษณะแตกต่างจากห้องปกติทั่วไป ตรงที่ตัวห้องได้เป็นหน้ากว้างประมาณ 7.5 ม. หรือประมาณ 2 ห้องแบบ 1 Bedroom เลยค่ะ โดยข้อดีของห้องหน้ากว้างคือมีพื้นที่ของช่องเปิด (หน้าต่างกระจก) มากกว่าห้องลึก ช่วยให้ห้องดูโปร่งและมีแสงสว่างเข้าถึงห้องได้ดี ซึ่งแบบห้อง 1 Bedroom Plus นั้นมีช่องเปิดได้ทั้ง 3 ห้อง ทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอนอีก 2 ห้องเลยค่ะ สำหรับเรื่องของฟังก์ชันในห้องเป็นสัดส่วนดี แต่ยังขาดบางฟังก์ชันในการใช้อยู่อาศัยจริงๆ
เริ่มจากห้องนั่งเล่นที่ใช้พื้นที่เชื่อมต่อกับห้องครัว บริเวณนี้ไม่ได้กั้นสัดส่วนมาให้ เนื่องจากพื้นที่ของห้องมีขนาดที่ไม่พอ การเชื่อมห้องเข้าด้วยกันจึงทำให้มีพื้นที่มากขึ้นและไม่บังทางเดินไปยังห้องนอนและห้องน้ำ ส่วนข้อเสียในเรื่องการใช้งานก็มีบ้างสำหรับคนที่รักการทำอาหาร เพราะไม่สามารถทำอาหารหนักได้ ด้วยกลิ่นอาหารจะฟุ้งไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่น รวมทั้งไม่มีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร ซึ่งต้องนั่งรับประทานอาหารกันที่ชุดโซฟาแทนค่ะ ซึ่งถ้าใครที่รู้สึกไม่สะดวกนักในการนั่งบนโซฟารับประทานอาหารก็ซื้อโต๊ะและเก้าอี้ที่สามารถพับเก็บได้มาตั้งบริเวณทางเดินในเวลากินข้าวได้อยู่ค่ะ
ถัดมาในห้องนอนใหญ่ มีขนาดพื้นที่กว้างจัดวางฟังก์ชันได้ลงตัว สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าได้ บริเวณพื้นที่เหลือ (หน้าตู้เสื้อผ้า) สามารถใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ชั่วคราวได้ อย่างการนำโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ นั่งเล่นคอม ทำงานได้ค่ะ ในส่วนของห้องนอนเล็กสามารถวางเตียงขนาด Single Bed และตู้เสื้อผ้าได้ ซึ่งใครที่ไม่ได้อยู่หลายคน หรือมีลูก ก็สามารถใช้ห้องนี้เปลี่ยนเป็นห้องแต่งตัวแบบเต็มพื้นที่ ห้องทำงาน ห้องเก็บของงานอดิเรกได้ค่ะ และสุดท้ายห้องน้ำนั้นมีขนาดค่อนข้างเล็กมาก แต่ก็จัดวางสุขภัณฑ์ได้ครบอยู่ค่ะ
สำหรับระบบการขายของโครงการขายแบบ Fully Furnished สิ่งที่ได้ดังนี้ค่ะ
- Digital Door Lock จาก Samsung
- Pantry ครัว
- Hob & Hood
- Sink
- เครื่องใช้ไฟฟ้า (ไมโครเวฟ, เครื่องซักผ้า, เครื่องทำน้ำอุ่น)
- เตียง ไม่รวมฟูก (5″ และ 3″)
- ตู้เสื้อผ้า
- ชั้นวางของ
- เครื่องปรับอากาศ (12,000 BTU, 9,000 BTU)
เริ่มจากประตูเป็นบานเปิด HDF สำเร็จรูปปิดผิวด้วยไม้ แข็งแรงมีน้ำหนักดีค่ะ
ได้ Digital Door Lock จาก Samsung ด้วยนะคะ
ตัวจบพื้นเป็นเซรามิกยกสูงขึ้นมานิดหน่อย ทำความสะอาดง่ายและมีอายุการใช้งานมากกว่าตัวจบไม้สำเร็จรูปด้วยค่ะ
ด้านในห้องก็มี Door Stopper ติดตั้งที่พื้นให้
เข้ามาภายในห้องเจอกับส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก่อน ด้านซ้ายเป็นส่วนพื้นที่ครัว ห้องนอนเล็กและห้องน้ำ ในส่วนด้านขวาเป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ
สวิตช์ไฟจาก Schneider ลักษณะแบบนี้ค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นมีระยะประมาณ 1.8 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 40 – 42 นิ้วได้อยู่ค่ะ (แต่ต้องเช็คความกว้างของผนังที่ติดทีวีนิดนึงนะคะ เผื่อว่าทีวีจะใหญ่เกินผนัง) ในส่วนของโซฟาและโต๊ะกลางนั้นทางโครงการไม่ได้ให้มาด้วยค่ะ ซึ่งเราสามารถซื้อโซฟาขนาด 3 ที่นั่งมาวางได้สบายๆ ค่ะ แต่โต๊ะกลางคงต้องเป็นขนาดเล็กหน่อยนะคะ เพราะจะไปกันส่วนทางเดินไประเบียงค่ะ
ชั้นวางทีวีที่ได้เป็นแบบ Built-in ติดผนัง มีลิ้นชักวางของได้ 2 ชั้น และตู้เล็กๆ ด้านข้าง
ประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่ที่ออกไประเบียง เลื่อนได้ทั้งสองทาง กรอบบานเป็นอลูมิเนียมอโนไดซ์ ด้วยความที่บานใหญ่ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องมาได้ทั่วห้องในตอนกลางวัน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งหลอดไฟในห้องเลย รวมทั้งช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นด้วยค่ะ สำหรับสาวๆที่อยากได้แสงธรรมชาติแต่ก็กลัว UV เข้ามาปะทะผิว ก็ติดม่านโปร่งเพิ่ม ไม่ก็ติดฟิล์มกันความร้อนได้อยู่นะคะ ^^
มือจับพร้อมตัวล็อกแบบเซาะร่องมาตรฐานค่ะ
ธรณียกสูงมานิดหน่อย ส่วนระเบียงที่ได้เป็นลักษณะยาว กว้างประมาณ 70 เซน ถือว่าไม่ได้ให้กว้างมากนัก แต่ยังพอสามารถวางราวตากเสื้อผ้าได้อยู่ค่ะ
ส่วนพื้นที่ซักล้างทางโครงการติดตั้งก็อกสนามไว้ให้เรียบร้อย
คอมเพรสเซอร์แอร์วางไว้ด้านบน มี 2 ตัวเป่าลมร้อนเข้าระเบียง สามารถซื้อกริลมาติดเพื่อเบี่ยงทิศทางลมร้อนได้นะคะ
วิวของชั้น 2 ทิศใต้ติดกับพื้นที่ว่างจะเห็นวิวประมาณนี้ค่ะ ในเรื่องของความปลอดภัยในชั้นล่างๆ หน่อยกับทิศที่ติดกับพื้นที่ว่างเปล่าแบบนี้ อาจจะดูอันตรายไปสักหน่อย เพราะคนสามารถปืนขึ้นมาได้อยู่ สำหรับใครที่กังวลเรื่องนี้ก็สามารถติดเหล็กดัดเพิ่มเติมตรงระเบียงได้นะคะ
ถัดมาเป็นพื้นที่ครัวกันนะคะ บริเวณที่วางตู้เย็นนั้นสามารถวางตู้เย็นขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มากนักประมาณ 6.7 คิวบิกฟุต (แต่ไม่ได้ตู้เย็นนะ)
Pantry ครัว ท็อปได้เป็น Partical สามารถใช้งานได้ระดับนึง แต่อาจจะโดนน้ำมากไม่ได้นะคะ เพราะด้วยเนื้อวัสดุแล้วเป็นไม้อัด ซึ่งมีอายุการใช้งานน้อยกว่าหินสังเคราะห์ และหินแท้ ส่วนหลัง Pantry เป็นผนังฉาบเรียบค่ะ แนะนำให้กรุกระเบื้องหรือกระจกเพิ่มนะคะ เพื่อให้งานต่อการทำความสะอาด เพราะถ้าไม่กรุอาจจะเป็นคราบรอยน้ำมันได้ และพื้นส่วนนี้ยังคงเป็นพื้นไม้ลามิเนตไม่ได้เป็นกระเบื้องดังนั้นเวลาใช้งานต้องระวังเรื่องความชื้นด้วยนะคะ
มือจับเป็นแบบปาดขอบ
ช่องวางเครื่องซักผ้าสามารถวางเครื่องซักผ้าน้ำหนัก 7 กิโลกรัมได้ และมีช่องว่างเหลือเล็กน้อย ซึ่งเป็นข้อดีนะคะ เพราะเวลาเครื่องทำงานจะได้ไม่มีเสียงเครื่องซักผ้าสั่นไปโดนตัว Pantry ค่ะ
Sink ล้างจานแบบหลุมเดียวพร้อมที่พักจานด้านข้างของ Teka ตัวหลุมอ่างไม่ได้ให้มาลึกมาก เวลาล้างจานหรือชามใบใหญ่ๆ หน่อยอาจจะมีน้ำกระเด็นออกมาได้บ้าง
เตาไฟฟ้าหน้าเซรามิก 2 หัว วางแนวตั้งเพื่อประหยัดพื้นที่และมีพื้นที่ใช้งานด้านข้างได้มากขึ้น แต่จะใช้งานลำบากกว่าวางแนวนอนหน่อยนะคะ ในส่วนเครื่องดูดควันเป็นแบบหมุนเวียนจาก Teka
ตู้ลอยด้านบนเป็นบานเปิด 2 บาน เก็บจานชามได้พอสมควรค่ะ
มาต่อกันที่ห้องนอนเล็กกันค่ะ ประตูใช้วัสดุเดียวกันกับประตูหน้าห้อง ลูกบิดประตูขนาดมาตรฐาน
พื้นห้องลามิเนต 8 มม. เป็นเนื้อเดียวกับพื้นด้านนอกไม่มีตัวจบ ทำให้ไม่สะดุด
ห้องนอนเล็กสามารถวางเตียงแบบ Single Bed ได้ พร้อมกับตู้เสื้อผ้า Built-in ด้วยขนาดห้องนอนเล็กนี้ค่อนข้างจะเล็กสมชื่อ สมหรับใครที่อยู่อาศัยกัน 2 คน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเป็นห้องทำงาน หรือห้องอ่านหนังสือน่าจะเหมาะสมกว่า และห้องนี้ยังได้แสงธรรมชาติด้วยนะคะ
ทางเดินด้านข้างและปลายเตียงสามารถเดินได้สบายๆ แต่อีกด้านนึงชิดติดผนัง
ปลายเตียงนั้นใช้พื้นที่ไม่ได้เต็มที่นักเพราะติดเสา โดยฝั่งซ้ายสามารถวางโต๊ะ หรือชั้นวางทีวีขนาดเล็กได้อยู่ค่ะ ส่วนด้านขวานั้นสามารถวางของขนาดเล็กๆ ได้ เช่น ชั้นวางรองเท้า หรือถังขยะ
ตู้เสื้อผ้า Built in สูงถึงฝ้าเพดาน ด้านในมีราวแขวนเสื้อผ้า ชั้นวาง และเก็บกระเป๋าด้านบนได้
มือจับเป็นอลูมิเนียมแบบนี้ค่ะ
ประตูห้องน้ำเป็นบานสำเร็จรูป ซึ่งไม่แนะนำให้โดนน้ำมากๆ นะคะ เพราะสามารถบวมได้ง่ายเหมือนกันนะ
ธรณีประตูมี 2 ธรณีทั้งกระเบื้องสีขาวและกระเบื้องเซรามิกสีส้ม
ภายในห้องน้ำจัดได้ฟังก์ชันได้ลงตัวดีค่ะแต่พื้นที่ค่อนข้างเล็กตามขนาดห้องค่ะ
อ่างล้างมือและลิ้นชักใต้อ่าง จาก Cotto พร้อมกระจกเงา
ขนาดอ่างค่อนข้างกว้างนะคะ ล้างมือล้างหน้าได้สบายๆ อยู่ และวางของเล็กๆ น้อยๆ ด้านหน้าอ่างได้
ลิ้นชักด้านล่างที่ได้ค่อนข้างใหญ่ สามารถเก็บอุปกรณ์ล้างห้องน้ำได้สบายเลย
มือจับลิ้นชักเป็นอลูมิเนียมยื่นออกมาแบบนี้ค่ะ
โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระของ Cotto ด้านหลังมีเคาน์เตอร์ยื่นออกมานิดหน่อยสามารถวางของได้เล็กน้อย
ฉากกั้นพื้นที่อาบน้ำทำออกมาได้ดีนะคะ ตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่ที่แคบได้ เป็นแบบทางโค้งและประตูเลื่อนออก 2 ฝั่ง
มือจับสแตนเลสแข็งแรงและจับถนัดมือดีค่ะ
พื้นที่ยืนอาบค่อนข้างน้อย สำหรับคนตัวใหญ่น่าจะอึดอัดหน่อยนะคะ
ฝักบัวสายอ่อนจาก Cotto พร้อมที่วางสบู่ด้านข้าง และต่อท่อสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเรียบร้อย
ฝักบัวทรงสี่เหลี่ยมดูแข็งแรงและมือจับจับได้ถนัดมือดีค่ะ
ไปดูห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) กันต่อเลยค่ะ
ห้องนอนใหญ่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย
ด้านข้างเตียงได้โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า Built in
มีพื้นที่ทางเดิน 2 ทาง เดินได้สบายๆ แต่อีกด้านติดกระจกไม่มีทางเดินนะคะ
ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญกว่าจุกว่าห้องนอนเล็ก
โต๊ะเครื่องแป้ง Built in พร้อมกระจกเงา สามารถวางเครื่องสำอางค์ได้และ ด้านล่างมีชั้นวางของได้อีกเล็กน้อย
หน้าต่างได้บานใหญ่ดีค่ะ
บานกระทุ้งด้านข้างเปิดได้กว้างประมาณนี้เลย
ห้องที่สองเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 43.50 ตร.ม. นะคะ ลักษณะของห้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตตุรัส การจัดวางฟังก์ชันครบเป็นสัดส่วนใช้งานได้จริง เน้นส่วนพื้นที่ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง เหมาะกับครอบครัวใหม่อยู่ได้ 2 – 3 คน
ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ครัวนั้นเชื่อมต่อกัน การทำอาหารหนักๆ ก็อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่นักค่ะ แต่ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น ในส่วนระเบียงมีขนาดกว้างมากกว่าแบบ 1 Bedroom Plus ทำให้มีพื้นที่ใช้งานอย่างการซักผ้าตากผ้าได้สะดวกมากขึ้นด้วย ถัดมาในส่วนของห้องน้ำก็มีขนาดที่ใหญ่มากกว่าแบบ 1 Bedroom Plus ทำให้การจัดวางสุขภัณฑ์นั้นเป็นสัดส่วนที่ลงตัวมากกว่า จึงใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้น
สำหรับห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) มีห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำในตัว และห้องนอนเล็กนั้นก็มีขนาดห้องกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งเป็นขนาดที่อยู่สบายดีค่ะ
เข้ามาจะเจอกับส่วนครัวและพื้นที่รับประทานอาหาร ด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นค่ะ
มองกลับมาในบริเวณครัวและพื้นที่รับประทานอาหารจะเห็นว่าสามารถจัดพื้นที่รับประทานอาหารได้ถึง 3 ที่นั่งและยังเหลือพื้นที่ทางเดินค่อนข้างกว้างเดินได้สบายค่ะ
pantry ครัวที่ได้เหมือนกันกับแบบ 1 Bedroom Plus แต่มีเพิ่มโต๊ะลอยมาให้อีกตัวสามารถใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร หรือใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ได้เช่นกันค่ะ
สามารถกางออกมาเป็นโต๊ะที่กว้างมากขึ้นได้อีก
ขาตั้งด้านล่างสามารถตั้งและดึงเก็บได้แบบนี้เลยค่ะ ใช้งานได้สะดวกและก็แข็งแรงดีทีเดียวค่ะ
บริเวณห้องนั่งเล่นมีระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาประมาณ 2 เมตร สามารถวางทีวีได้ขนาดถึง 46 นิ้ว
สามารถวางโซฟาได้แบบ 3 ที่นั่ง แต่ทางโครงการไม่ได้ให้โซฟามานะคะ
ชั้นวางทีวีเป็นแบบ Built in ด้านล่างสามารถวางของกระจุกกระจิก หรือเก็บซีดีต่างๆ ได้เยอะอยู่นะ
ประตูบานเลื่อน กรอบบานอลูมิเนียม สามารถเลื่อนได้ทั้ง 2 ทาง
ธรณีสูงมากเลยค่ะ ต้องก้าวข้ามไปนะ
พื้นระเบียงกว้างประมาณ 0.9 x 2.3 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทา มีความกว้างกว่าห้องแบบ 1 Bedroom Plus อยู่หน่อยค่ะ จึงมีฟังก์ชันการใช้งานได้ดีขึ้นมาหน่อยทั้งการตากเสื้อผ้าและซักผ้า
โถงทางเดินกว้าง 90 ซม. เดินได้สบาย
ภายในห้องน้ำขนาดกว้างกว่าแบบ 1 Bedroom Plus โดยเฉพาะพื้นที่อาบน้ำสามารถกั้นกระจกแบบ 3 ตอนได้
ธรณีประตูยกสูง 2 สเต็ปเหมือนห้องแรก
สุขภัณฑ์ของ Cotto ทั้งหมด มี Low wall มาให้วางของจุกจิกด้วยค่ะ
ฉากกั้นพื้นที่อาบน้ำได้แบบบานเลื่อน 3 ตอน
มือจับเป็นแบบนี้ค่ะ
ขนาดพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.2 x 0.7 เมตร อาบน้ำไปด้วยเต้นไปด้วยสบายค่ะ ^^
ฝักบัวสายอ่อนจาก Cotto เช่นเดิม
มาต่อกันที่ห้องนอนเล็กกันค่ะ
ภายในห้องนอนเล็กสามารถวางเตียง Single Bed ได้แบบพอดีๆ มีตู้เสื้อผ้าวางด้านข้าง ซึ่งอาจจะใช้งานได้ยากหน่อยนะคะเพราะเมื่อเปิดบานตู้เสื้อผ้าจะติดพอดีๆ กับทางเดินเลย
ทางเดินด้านข้างและปลายเตียงมีพื้นที่เดินได้สบาย
ส่วนด้านซ้ายหรือด้านที่ติดกับหน้าต่างจะแคบไปหน่อยค่ะ อยู่ที่ประมาณ 30 ซม.
พื้นที่ด้านข้างตู้เสื้อผ้าสามารถจัดให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานได้นะคะ
ในห้องนอนใหญ่ ได้เตียง 5 ฟุต แต่ไม่ได้ฟูก และได้โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า รวมทั้งชั้นวางทีวี
พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายและปลายเตียงเหลือพื้นที่พอประมาณเดินได้สะดวก ทางด้านขวาชิดติดผนังค่ะ
โต๊ะเครื่องแป้งได้แบบเดียวกันกับ 1 Bedroom Plus ในห้องนอนใหญ่
ตู้เสื้อผ้า Built in เช่นเดิม แต่มีโต๊ะเครื่องแป้งแปะติดด้านข้างอยู่
ชั้นวางทีวีขนาดกะทัดรัด สามารถวางของด้านล่างได้พอสมควรค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 29 October 2015
- 1 Bedroom อาคาร Pause B ชั้น 3 ห้อง 302 เนื้อที่ 26.51 ตร.ม. ราคา 1.89 ล้านบาท
- 1 Bedroom อาคาร Pause A ชั้น 2 ห้อง 209 เนื้อที่ 26.96 ตร.ม. ราคา 2.09 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus อาคาร Pause A ชั้น 6 ห้อง 602 เนื้อที่ 32.3 ตร.ม. ราคา 2.79 ล้านบาท
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000 บาท
- ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลโครงการ Pause สุขุมวิท 107 อยู่ในแถบชานเมืองสมุทรปราการ บนถนนแบริ่ง สภาพแวดล้อมโดยรอบมีโครงการคอนโดทั้ง High Rise และ Low Rise เกิดขึ้นในบริเวณนี้หลายโครงการด้วยกันเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่อยู่ในจังหวัดปริมณฑลออกไปที่ต้องการเกาะไลน์รถไฟฟ้ามากขึ้น รวมทั้งคนในเมืองที่ยอมรับได้ที่จะออกมาอยู่นอกเมืองหน่อยแต่ยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไปทำงานได้เพื่อได้ราคาคอนโดที่พอหยิบจับได้ ที่ตั้งของโครงการมีระยะจาก BTS แบริ่งประมาณ 950 ม. โดยโครงการไม่ได้อยู่ติดถนนแบริ่ง แต่อยู่ในซอยแบริ่ง 1/1 อีกที บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยและกลุ่มคอนโด Low Rise รวมทั้งยังมีที่ว่างรอบๆ ที่ยังรอการพัฒนาอีกค่อนข้างเยอะอยู่ค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ในซอยแบริ่งช่วงต้นซอยมีของขายหลายอย่างส่วนใหญ่จะเป็นร้านห้องแถวและร้านรถเข็น ซึ่งจะค่อนข้างคึกคักในตอนกลางคืน ระยะเดินจากโครงการไปแถวๆปากซอยก็ประมาณ 600-700 ม. ยังถือว่าพอเดินได้อยู่ค่ะ ส่วนร้านสะดวกซื้อก็ใกล้โครงการหน่อยเดินออกมาปากซอยแบริ่ง 1 ประมาณ 190 ม. มี 7-11 สามารถฝากท้องได้ในยามเร่งรีบ ฝั่งตรงข้ามซอยแบริ่ง 1 มีหมู่บ้าน Fantasia Villa ซึ่งตรงหน้าหมู่บ้านมีร้านสปา ร้านยา ร้านขนม เดินข้ามถนนมาก็ถึงครับ ส่วนห้างใหญ่ๆอยู่แถวนี้ต้องพึ่งรถอย่างเดียวเลย หรือไม่ก็ขึ้น BTS เข้าเมืองไปเลยก็สะดวกค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถนั้นถือว่าสะดวกพอสมควรค่ะ เพราะมีทางเข้าออกหลายทาง มีทางหลบหลีกมาก เนื่องจากโครงการอยู่ในซอยแบริ่ง 1 เป็นซอยที่เข้าได้จากแบริ่ง และลาซาลได้ นอกจากนี้ถนนแบริ่งและถนนลาซาล เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ ซึ่งก็ถือเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้ค่ะ ส่วนถ้าจะเข้าเมืองก็ใช้เส้นสุขุมวิทได้ มีทางด่วนให้ขึ้นแถวสี่แยกบางนาก็ถือว่าสะดวกดีนะคะ ถ้าไม่รวมเรื่องรถที่ค่อนข้างติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็ถือว่าสะดวกพอสมควรค่ะ เพราะถึงแม้ระยะทางจากโครงการถึงสถานี BTS เป็นระยะทางประมาณ 950 เมตร ซึ่งอาจจะไม่ใช่ระยะเดินนั้น ก็ยังมีตัวเลือกให้พึ่งพาทั้งพี่วินและสองแถวที่วิ่งตั้งแต่ต้นซอยยันปลายซอยเลยถึงถนนศรีนครินทร์เพื่อไปขึ้น BTS ได้ค่ะ
วัสดุโครงการให้มามาตรฐานทั่วไป ตั้งแต่ประตูห้องให้ Digital Door Lock ของ Samsung พื้นห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม. Pantry ท็อป Particle เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนของ Teka ซึ่งน่าจะให้แบบเป่าลมออกด้านนอกมากกว่านะ Sink ล้างจานหลุมเดียวพร้อมที่พักจานของ Teka เช่นกัน แต่ผนังตรงส่วนครัวน่าจะกรุกระจกหรือกระเบื้องมาให้นะจะได้ทำความสะอาดง่ายๆ ในห้องนอน ได้ฉากกั้นกระจกบานเลื่อน ได้เตียง 5 ฟุต(ฟูกไม่ได้) และตู้เสื้อผ้า แอร์ได้ ของ Daikin สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นของ Cotto ทั้งหมด
การออกแบบเป็นแบบ Low Rise แยกนิติบุคคล แยก Facility ยูนิตน้อยมีความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะกับคนที่ไม่ชอบพลุกพล่านหรือเพื่อนบ้านเยอะๆ ตัวโครงการนำ Facility วางไว้บนดาดฟ้าได้ทั้งวิวและความเป็นส่วนตัว ทำให้น่าใช้งานมากขึ้น สำหรับห้องพักโดยรวมแล้วจัดฟังก์ชันออกมาได้เป็นสัดส่วนใช้งานได้จริง เน้นช่องเปิดได้เยอะ ให้แสงธรรมชาติเข้าถึงได้ดี แต่จะมีบางอย่างที่ต้องเพิ่มเติมอย่างห้องแบบ 1 Bedroom Plus นั้นไม่สามารถจัดพื้นที่รับประทานอาหารได้ สำหรับห้องแบบ 2 Bedroom นั้นค่อนข้างลงตัวกว่าห้อง 1 Bedroom Plus เพราะสามารถจัดพื้นที่รับประทานอาหารได้ 3 ท่าน มีห้องน้ำที่ใช้งานได้สบาย รวมทั้งขนาดของห้องนอนทั้งสองห้องมีขนาดที่อยู่สบาย พร้อมห้องน้ำส่วนตัวที่ห้องนอนใหญ่
สาธารณูปโภคได้ตามมาตรฐานคอนโด Low Rise โดยโครงการขนาดเล็กแบบนี้อาจจะไม่สามารถจัด Facility ขนาดใหญ่ได้มาก เนื่องจากจำนวนยูนิตที่ไม่มากนัก การได้ Facility ที่ใหญ่นั้นก็ต้องจำใจน้อมรับภาระค่าส่วนกลางที่ราคาสูงด้วยเช่นกัน ในส่วนของข้อดีตรงที่ไม่ต้องแย่งกันใช้มากนัก และยังแยก Facility ในแต่ละตึกด้วย มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ มีห้องออกกำลังกาย สวนดาดฟ้าให้ลูกบ้านจัดปาร์ตี้เล็กๆได้ ทำออกมาก็น่าใช้ดี อัตราส่วนลิฟต์ 78 ต่อลิฟต์ 1 ตัว ถือว่าตามมาตรฐานก็จริง แต่ลิฟต์แต่ละตึกมีแค่ตัวเดียว ถ้าเสียหรือซ่อมนี่ก็คงต้องเดินขึ้น – ลงอย่างเดียว เพราะไม่มีลิฟต์สำรอง
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 73,000 บาท/ตร.ม., 29 October 2015
- ทำเล 7.75/10 – ตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง 1 มีความอุดมสมบูรณ์สูง
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก มีเส้นทางลัดออกได้หลายทาง ขึ้นทางด่วนง่าย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีวิน สองแถวตลอด หักระยะเดิน BTS 950 ม. ไกลไปหน่อยต้องพึ่งพี่วิน
- วัสดุ 7/10 – Fully Furnished วัสดุเกรดมาตรฐาน ได้ Digital Door Lock
- แบบ 7.5/10 – เป็นสัดส่วน เน้นฟังก์ชันการใช้งานได้จริง แบบ 1 Bedroom ยังขาดฟังก์ชันบางส่วน
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ได้ครบ แยกตึก แยกนิติบุคคล
- MAIN CLASS
- 7.58 / 10.00
BOTTOM LINE
Pause สุขุมวิท 107 เหมาะกับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยแถวบางนา – แบริ่ง เดินทางโดยรถยนต์สะดวก มองหาโครงการที่อยู่ในระยะนั่งรถมอไซค์ไปรถไฟฟ้าได้ใกล้ๆ ไม่ชอบโครงการขนาดใหญ่ และความพลุกพล่านมีงบประมาณระดับ 1.89 – 3.2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนราว 13,000 – 26,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )