รีวิวโครงการ
อัพเดตโครงการ Niche MONO รัชวิภา คอนโด High Rise 2 อาคาร ใกล้แยกประชานุกูล พร้อมพื้นที่ส่วนกลางและห้องราคาพิเศษ
23 สิงหาคม 2019
รีวิวฉบับที่ 1044 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการ The Niche Mono รัชวิภา คอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 27 ชั้น จำนวน 840 ยูนิต จาก เสนาดีเวลลอปเมนท์ ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ รัชดาภิเษก ใกล้แยกประชานุกูลและทางด่วน เมื่อย้อนกลับไปซัก 2 ปีที่แล้ว ถ้าใครผ่านแถวๆนี้ คงจะจำคอนโดที่มีบอลลูนใหญ่ๆมองไปคล้ายพระจันทร์ลอยอยู่ได้ ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่เรียบร้อยแล้ว เราไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ
Fact @ 17 March 2016
- The Niche Mono Ratchavipha (เดอะนิช โมโน รัชวิภา)
- บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : จตุจักร
- คอนโด High Rise 27 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 840 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต ที่ อาคาร A
- ที่จอดรถประมาณ 366 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 44% , รวมจอดซ้อนคัน 485 คัน คิดเป็น 55%
- ที่ดินประมาณ 6 – 1 – 52 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : 2014
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2016
- 1 Bedroom 30 – 40 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.35 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 53 – 62 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.35 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 80,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด : 72,000 – 90,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 1775
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.830892,100.540084
แผนที่จากทางโครงการ The Niche Mono รัชวิภา ตั้งอยู่บนถนน รัชดาภิเษก บริเวณใกล้แยกประชานุกูล และ ทางขึ้น – ลงทางด่วน ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาล เกษมราษฎร์ประชาชื่น
ที่ตั้งของ The Niche Mono รัชวิภา ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ตรงหัวมุมแยกประชานุกูลพอดี ด้านหน้าโครงการติดกับถนน รัชดาภิเษก ถ้าหันหน้าเข้าหาโครงการทางฝั่งซ้ายจะเป็นถนน ประชาชื่น ส่วนทางฝั่งขวาติดกับทางลงทางด่วน ขั้นที่ 2 หรือ ทางด่วนศรีรัช ถ้าดูรวมๆแล้วทำเลนี้จะอยู่ระหว่างทางไปถนนรัชดาภิเษก ฝั่งมุ่งหน้าพระราม 9 และ ถนน ประชาชื่นซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมของคอนโดมิเนียมทั้งคู่ ถึงแม้ว่าจากที่ตั้งโครงการจะไม่ใกล้รถไฟฟ้ามากนักแต่ก็อยู่ในระยะที่เดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สะดวก อาจจะต้องต่อรถหน่อย ซึ่งทางโครงการก็มีรถ Shuttle bus เอาไว้บริการรับส่งไป BTS และ MRT โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ในอนาคตต้องขึ้นอยู่กับการบริหารของนิติบุคคลว่าจะเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ การเดินทางไปไหนมาไหน ถ้าใช้รถยนต์จะค่อนข้างสะดวกเพราะสามารถใช้เส้นทางไปที่ต่างๆได้หลากหลาย ติดตรงที่บริเวณแยกประชานุกูลรถจะค่อนข้างติดโดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน สำหรับเส้นทางถ้าใช้ถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าไปทางฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นทางไปออกถนน จรัญสนิทวงศ์ แต่ถ้าไปทางฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นทางไปรัชโยธิน มุ่งหน้าไปพระราม 9 ถ้าใช้ถนนประชาชื่นมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือจะไปออกงามวงศ์วาน – แจ้งวัฒนะ ส่วนถ้าไปทางใต้จะเป็นทางไปฝั่งบางซื่อ ที่มีแหล่งงานอย่าง SCG ตั้งอยู่
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ถ้าอยากจะเรียกรถแท็กซี่ก็สามารถทำได้สะดวก แต่ถ้าจะเรียกมอเตอร์ไซค์จากการเดินสำรวจจะต้องเดินข้ามฝั่งมาเรียกที่แถวๆรพ. เกษมราษฎร์ ประชาชื่น และถ้าเป็นป้ายรถเมล์นั้นจะต้องเดินเลยทางลงทางด่วนมาหน่อยจึงจะมีป้าย ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการที่สุดตอนนี้คือ MRT สถานีบางซื่อ สามารถนั่งไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวได้ที่สถานีสวนจตุจักร ซึ่งในอนาคตสถานี บางซื่อก็จะเป็นสถานีเชื่อมต่อกับสายสีแดงอ่อน และ สายสีแดงเข้ม และจะมีส่วนต่อขยายไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ที่สถานีเตาปูน
จุดเด่นของทำเลจะอยู่ที่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน เพราะด้านข้างของโครงการจะมีฝั่งหนึ่งที่ติดกับทางลงทางด่วนเลย ซึ่งทางโครงการได้เช่าพื้นที่ของการทางพิเศษ (สัญญาเช่า 3 ปี) ตัดถนนจากทางด่วนเข้าสู่โครงการเลย โดยเฉพาะลูกบ้านของโครงการเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ใช้ได้ นอกจากนี้ยังมีทางขึ้น – ลงทางด่วนอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับโครงการ และ ทางขึ้นทางด่วนอยู่บริเวณด้านหลังโรงพยาล เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ฝั่งตรงข้ามโครงการ ด้วยความที่ใกล้กับทางด่วน ถ้าใครที่ต้องใช้ทางด่วนเป็นประจำจะถือว่าค่อนข้างสะดวก เพราะไม่ต้องเสียเวลาขับออกไปหาทางด่วนไกลๆ แต่ก็จะมีผลในเรื่องของวิว ฝุ่นละออง และ เสียง แต่ตัวอาคารอยู่ห่างออกมาจากทางด่วนมาพอสมควร ไม่ได้ประชิดซะทีเดียว จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
เนื่องจากที่ตั้งของโครงการมีถนนและทางด่วนขนาบอยู่ บริเวณรอบๆโครงการในระยะประมาณ 100 เมตร จึงไม่มีร้านค้าและร้านอาหาร มีแต่ที่ดินเปล่ารอบๆทางด่วน ซึ่งทางโครงการก็มีเอา 7-11 มาเปิดอยู่ด้านล่างภายในอาคารเลย ซึ่งพอจะพึ่งพิงได้บ้าง โดยเฉพาะในตอนดึกๆถ้าเกิดหิวขึ้นมาก็เดินลงไปใช้บริการได้ แต่ถ้าอยากจะหาของกินอื่นๆในระยะใกล้ๆก็อาจจะต้องเดิน หรือ ขับรถหน่อย โดยในบริเวณใกล้เคียงสำรวจดูแล้ว แหล่งที่น่าจะพอมีของกินมีดังนี้
- ถ้าข้ามฝั่งไปทางโรงพยาบาล เกษมราษฎร์ ประชาชื่น จะมีร้านอาหารตามสั่งอยู่หน้าโรงพยาบาล และ ภายในโรงพยาบาลจะมีร้านอาหาร Puff&Pie ร้านเครื่องดื่มอย่าง Black Canyon , squeeze ถ้าเดินไปด้านหลังโรงพยาบาลจะมี 7-11 ร้านอาหารพวกรถเข็นและแผงขายของเล็กๆน้อยๆ
- จากโครงการถ้ามุ่งหน้าไปทางฝั่งรัชโยธินประมาณ 300 เมตร โดยจะเดินหรือขับรถไปก็ได้ จะเจอกับปั๊มคาลเท็กซ์ ซึ่งด้านในปั๊มจะมีร้าน Burger King Drive – Thru , Lawson 108 และ Black Canyon ถ้าถัดไปหน่อยจะบริเวณทางกลับรถใต้สะพานจะเจอกับร้านอาหารชื่อ พิมพ์รภัส มีอาหารตามสั่งและช่วงกลางวันก็จะมีเป็นข้าวแกง ราคาพอรับได้
- ถ้าข้ามมาทางฝั่งถนนประชาชื่น จะมีร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างตึกแถว ติดริมถนนโดยที่ใกล้ๆจะมีอยู่เยอะช่วงซอย ประชาชื่น 20 ต้นๆ แต่โซนนี้ถ้าขับรถมาจะสะดวกกว่าโดยขับมาจอดแปะข้างถนนเอา แล้วเดินลงไปกิน
สำหรับตลาด ถ้าขับรถเลยขึ้นไปทางถนน เทศบาลสงเคราะห์ ก็จะมีตลาดประชานิเวศน์ และ ตลาดบองมาร์เช่ ตลาดใหญ่ในย่านนี้ ที่มีทั้งของสดของแห้งให้เลือกจับจ่ายใช้สอย ส่วนห้างค้าปลีก – ค้าส่งในย่านนี้ก็จะมี Tesco Lotus ประชาชื่น , Big C วงศ์สว่าง สำหรับแหล่งช้อปปิ้งที่ใกล้ๆก็จะมี Major รัชโยธิน และ The Avenue รัชโยธิน ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม และ ตลาดนัดเสื้อผ้า ถัดไปก็จะมี Block space อยู่ใกล้ๆกับ SCB Park แหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารที่เอาตู้คอนเทนเนอร์มาตกแต่งต่อกับทำเป็น mall เล็กๆ ถ้าขับรถไปทางฝั่งลาดพร้าวก็จะมีเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว และ ยูเนียนมอลล์ ให้เดินเล่นกัน
การเดินทางในวันนี้ใช้ถนน รัชดาภิเษก มุ่งหน้าไปทางแยกประชานุกูล ซึ่งก่อนถึงแยกเราจะต้องกลับรถเข้าสู่โครงการ แต่จะขอพาวนไปดูทางขึ้น ลงทางด่วน และ สภาพแวดล้อมโดยรอบก่อนโดยจะไปสิ้นสุดที่ปั๊มคาลเท็กซ์ ที่พอมีร้านค้า ร้านอาหารอยู่
เริ่มจากถนน รัชดาภิเษก ตรงมาเรื่อยๆ มุ่งหน้าไปทางแยกประชานุกูล
ตรงมาเรื่อยๆจะเจอกับทางขึ้น – ลงทางด่วน ซึ่งสามารถใช้วิ่งเข้าเมืองได้
ตรงมาจนถึงก่อนแยกประชานุกูลจะเจอกับทางกลับรถ ซึ่งถ้าเราจะไปโครงการ ก็จะต้องกลับรถตรงนี้ แต่เราจะพาวนไปชมรอบๆโครงการก่อน
ตรงมาจนถึงแยกประชานุกูล เราจะวนไปทางขวา บริเวณแยกนี้ในช่วงเวลาเร่งด่วนการจราจรจะค่อนข้างติดขัด
พอเลี้ยวขวามาก็จะเป็นถนนประชาชื่น ซึ่งเป็นถนนอีกฝั่งที่ติดกับโครงการ จากเส้นนี้ถ้าตรงไปเรื่อยๆจะเป็นทางไปออกถนน งามวงศ์วาน , แจ้งวัฒนะได้
จากตรงนี้ขอเปลี่ยนเป็นเดินพาชมบริเวณรอบๆ จากโครงการถ้าเราข้ามทางม้าลายมา ถัดไปอีกหน่อยก็จะเจอกับโรงพยาบาล เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ทางตรงนี้มีทางเท้าค่อนข้างกว้างพอสมควรเดินได้สบายๆ
มองจากตรงนี้ไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นกับโครงการพอดี
ถ้าดูภาพถ่ายจากมุมสูง ก็จะเห็นว่าโครงการจะอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลแบบนี้ ถ้าจะข้ามมาฝั่งตรงข้ามก็จะมีสะพานลอย และ ทางม้าลายให้เลือกใช้
เดินถัดมาจะเจอกับร้านป้านา ขายข้าวแกงกับอาหารตามสั่ง ราคาย่อมเยา ถ้าหิวๆเราก็เดินมากินได้
เดินถัดมาอีกหน่อยจะเจอกับโรงพยาบาล เกษมราษฎร์ ประชาชื่น โรงพยาบาลใหญ่ในย่านนี้
ด้านในโรงพยาบาล บริเวณด้านหน้าจะมีร้านอาหาร และ ร้านค้าต่างๆอยู่ โดยเราสามารถมาจอดรถแวะทานข้าวได้
ซึ่งร้านค้าที่อยู่บริเวณนี้จะมีร้าน Puff & Pie มีขายขนม เครื่องดื่ม และ อาหารตามสั่งทั้งจานเดียวและแบบเป็นกับข้าว เป็นห้องแอร์มานั่งทานข้าวได้สบายๆ แต่ราคาจะสูงหน่อย
มีธนาคารกรุงศรีฯ ร้านน้ำผลไม้ Squeeze และ 7-11
วนมาออกด้านหลังโรงพยาบาล บริเวณทางออก จะมีทางวนไปออกถนนประชาชื่น และ ไปทางด่วน
จากทางออกด้านหลังโรงพยาบาลถ้าเลี้ยวมาทางซ้ายจะเป็นทางไปขึ้นทางด่วนอีกจุดหนึ่ง ซึ่งระหว่างทางจะมีวินมอเตอร์ไซค์ , 7-11 และ ร้านค้า ร้านอาหารแบบรถเข็นอยู่
ด้านหน้า 7-11 จะมีร้านอาหารแบบรถเข็นตั้งเรียงอยู่ 2 -3 ร้าน
ส่วนฝั่งตรงข้ามก็มีร้านอาหารและแผงขายของอยู่เช่นกัน ตอนช่วงเช้าและกลางวันจะมีคนมากินและซื้อของเยอะพอสมควร มีรถมาจอดเทียบข้างทางเพื่อลงมาซื้อของเป็นระยะๆ
ตรงไปอีกจะเป็นทางไปขึ้นทางด่วน
บริเวณแยกนี้ทางฝั่งซ้ายจะเป็นทางไปซอยประชาชื่น 30 ช่วงตรงกลางเป็นทางขึ้นทางด่วน ส่วนทางขวาเป็นทางวนกลับไปทางถนนประชาชื่น ซึ่งแยกนี้จะเป็นแยกวัดใจ ไม่มีไฟแดง ต้องใช้ความสามารถในการขับขี่กันนิดนึงค่ะ
ทางขึ้นทางด่วนค่ะ
ถ้าเลี้ยวมาทางขวาจะเป็นทางวนกลับไปถนนประชาชื่น ซึ่งเราจะวนกลับไปเข้าโครงการกันค่ะ
ผ่านแยกนี้ข้างหน้าจะเป็นถนนประชาชื่นแล้วค่ะ บริเวณแยกนี้รถจะค่อนข้างติดเช่นกัน
พอเข้าถนนประชาชื่นมา ให้เราชิดซ้ายตรงมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนน รัชดาภิเษก แยกนี้เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดได้เลยไม่ต้องรอไฟแดง
จากแยกประชานุกูลตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับโครงการค่ะ ทางด้านขวาที่มีลูกศรชี้คือจุดกลับรถที่เราขับผ่านมาตอนแรก
ตรงมาอีกนิดก็จะถึงทางเข้าโครงการ ซึ่งโครงการจะอยู่ติดกับทางลงทางด่วนเลย
มีทางลงทางด่วนที่อยู่ใกล้ๆกับโครงการเลย โดยทางโครงการมีทำทางเชื่อมจากทางลงทางด่วนเข้าสู่โครงการซึ่งเดี๋ยวเราจะพาเข้าไปชมค่ะ
จากโครงการตรงไปอีกหน่อย เราก็จะเจอกับปั๊มคาลแท็กซ์
ซึ่งจะมี Burger King , Black Canyon และ Lawson 108 อยู่ สามารถขับรถมากินได้
สภาพแวดล้อมของโครงการ ตัวโครงการจะถูกล้อมรอบด้วยถนน รัชดาภิเษก , ถนน ประชาชื่น และทางด่วน ตัดกันทำให้พื้นที่โดยรอบเป็นสามเหลี่ยม โดยที่ดินจะตั้งอยู่ในสามเหลี่ยมนี้กินพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ แต่จะมีที่ดินเปล่าของการทางพิเศษบางส่วนที่เว้นเอาไว้ ส่วนที่อยู่อาศัยรอบๆโครงการจะเป็นบ้านแนวราบซะเป็นส่วนใหญ่ ตึกสูงๆที่อยู่ใกล้กับโครงการคือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ส่วนคอนโดสูงอื่นๆนั้นจะอยู่ถัดไปอีกบนถนนประชาชื่น วิวโดยรอบจึงไม่มีอะไรมาบดบัง เว้นแต่ชั้นที่อยู่ใกล้ๆกับทางด่วน โดยมีรอบๆโครงการติดกับ
- ทิศเหนือ – ติดกับที่ดินเปล่าของการทางพิเศษ และจุดตัดของถนนประชาชื่นกับทางด่วน
- ทิศตะวันออก – ติดกับทางด่วนสูงประมาณชั้นที่ 4 – 5 ของโครงการ และ ที่ดินเปล่าด้านข้าง
- ทิศใต้ – ติดกับ ถนน รัชดาภิเษก ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย
- ทิศตะวันตก – ติดกับ ถนนประชาชื่นซึ่งด้านข้างโครงการจะติดกับคลองประปา เป็นคลองขุดที่ค่อนข้างกว้าง ไม่มีกลิ่นรบกวน ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
ทิศเหนือ ติดกับที่ดินเปล่าของการทางพิเศษ ซึ่งจะไม่มีการพัฒนาอะไรในบริเวณนี้ และจุดตัดของถนนประชาชื่น (ด้านข้างถนนเป็นคลองประปา) กับทางด่วน
ทิศตะวันออก ติดกับทางด่วนยกระดับสูงประมาณชั้นที่ 5 – 6 ของโครงการ และ ที่ดินเปล่าด้านข้าง
โดยที่ดินเปล่านี้ยาวตลอดแนวของโครงการ และมี Bill Board ขนาดใหญ่ ซึ่งก็จะมีบางห้องของอาคาร A โดนบังวิวบ้าง
ทิศใต้ ติดกับ ถนน รัชดาภิเษก มีทางยกระดับอยู่ตรงกลาง ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย
ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนประชาชื่น โดยริมถนนฝังที่ติดกับโครงการจะเป็นคลองประปา คลองขุดที่ค่อนข้างกว้าง ไม่มีกลิ่นรบกวน ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
สภาพคลองประปาด้านข้างโครงการ สะอาด และ ไม่มีกลิ่นรบกวน
มาดูวิวกันบ้างค่ะ มุมนี้เป็นวิวที่ถ่ายจากอาคาร A เป็นวิวทางทิศเหนือ มองออกไปจะเห็นวิวทางฝั่งถนนประชาชื่น , คลองประปา , โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น และ เห็นจุดตัดระหว่างถนนประชาชื่นและทางด่วน
วิวทางฝั่งทิศตะวันออกจะเห็นแนวทางด่วนที่ตัดกับถนน รัชดาภิเษก และวิวเมืองทางฝั่งรัชดาภิเษก ฝั่งนี้จะค่อนข้างโล่งไม่มีตึกสูงบดบัง
วิวทางทิศใต้ เป็นวิวถนนประชาชื่น ทางฝั่งมุ่งหน้าไปบางซื่อ บางโพ ซึ่งฝั่งนี้จะเห็นตึกสูงๆเยอะหน่อย
สุดท้ายคือวิวทางทิศตะวันตก มองออกไปจะเห็นถนนประชาชื่น และ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่นฝั่งตรงข้ามโครงการ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- รพ. เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ~ 160 ม. (ระยะเดินข้ามฝั่ง)
- ปั๊มคาลเท็กซ์~ 350 ม.
- ตลาดประชานิเวศน์ ~ 1.9 ก.ม.
- ตลาดบองมาร์เช่ ~ 2.3 ก.ม.
- SCB PARK ~ 3 ก.ม.
- เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น ~ 3 ก.ม.
- เมเจอร์รัชโยธิน ~ 4.9 ก.ม. (รวมระยะกลับรถ)
- บิ๊กซี วงศ์สว่าง ~ 5.8 ก.ม. (รวมระยะกลับรถ)
มาดูตัวโครงการกันต่อค่ะ โครงการ The Niche Mono รัชวิภา เป็นคอนโด High Rise สูง 27 ชั้น จำนวน 840 ยูนิต แบ่งออกเป็น 2 อาคาร อาคาร A และ อาคาร B โดยมีส่วนกลางเชื่อมกัน ทางเข้าออกอยู่ติดกับถนนใหญ่ รัชดาภิเษก แปลงที่ดินเป็นรูปหลายเหลี่ยม ขนาด 6 – 1 – 52 ไร่ ตั้งอยู่ตรงกลางถูกตัดด้วยถนน รัชดาภิเษก , ถนน ประชาชื่น และ ทางด่วน ตัวอาคารเป็นสไตล์โมเดิร์นใช้โทนสีขาวและน้ำเงินในการตกแต่ง มีการนำเอาเส้นแนวเฉียงมาใช้เพิ่มลูกเล่นให้กับตัวอาคาร ชั้น 1 – 3 จะเป็นชั้นจอดรถโดยจอดได้ประมาณ 44% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน และ 55% ถ้ารวมจอดซ้อนคัน ส่วนของห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 4 ไปจนถึงชั้น 27 ห้องพักจะมีเป็นแบบ 1 ห้องนอนขนาด 30 – 40 ตร.ม. และ 2 ห้องนอนขนาด 53 – 62 ตร.ม. ส่วน Facilities จะมีอยู่ที่ชั้น 1 ได้แก่ สวนหย่อม , 7 – 11 Main Lobby และ Lobby แยกกันระหว่างอาคาร A และ B และมี Facilities อีกจุดที่ชั้น 4 ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และ ห้องสมุด ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางจะเชื่อมกันระหว่างอาคารทั้งสอง เพื่อให้ลูกบ้านลงมาใช้ร่วมกัน
ผังรวมชั้นล่างของโครงการ ทางเข้าออกจะอยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษก ซึ่งจะมีทางเข้าอีกทางคือทางที่ตัดเข้ามาจากทางลงทางด่วน ซึ่งสงวนสิทธิ์เอาไว้สำหรับลูกบ้านเท่านั้น โดยบริเวณทางเข้าจะมีไม้กระดกกั้นทั้งสองทาง เข้ามาจะเจอกับสวนหย่อม ที่จอดรถจะต้องวนไปเข้าที่ด้านข้างของตัวอาคารทางฝั่งทิศตะวันออก อยู่ระหว่างอาคาร A และ อาคารB โดยวนเข้าได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา ภายในที่จอดรถจะมีประตูเชื่อมเข้าโครงการได้เลย รอบๆอาคารก็จะมีที่จอดรถอยู่เหมือนกัน อาคาร B จะเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นอาคาร A โดย Main Lobby จะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร A และ B ทางฝั่งทิศตะวันตก โดยหน้า Main Lobby จะมี Drop off สำหรับให้รถวนรถมารับส่ง และมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่ง รวมพื้นที่สวนทั้งโครงการประมาณ 2 ไร่
เรามาดูแปลนชั้น 1 ภายในอาคารกันค่ะ พอเข้าจาก Main Lobby แล้วจะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางไปอาคาร A ส่วนถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นทางไปอาคาร B โดยทั้งสองอาคารจะมี Lobby , Mail Box และ โถงลิฟต์เป็นของตัวเอง โดยลิฟต์จะมีอาคารละ 4 ตัวแบ่งออกเป็น ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ลิฟต์บริการ 1 ตัว โดยลิฟต์เป็นแบบล็อคชั้น อัตราส่วนลิฟต์รวมเท่ากับ 140 : 1 สำนักงานนิติบุคคลและ 7-11 จะอยู่ด้านล่างอาคาร B
ชั้น 2 – 3 จะเป็นที่จอดรถล้วนๆ โดยรวมๆแล้วจอดได้ 366 คันไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 44 % ถ้ารวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 55% ไม่ FIX ช่องจอด
ส่วนชั้นที่ 4 เป็นชั้น Facilities และเริ่มเป็นชั้นห้องพักอาศัยด้วย อาคาร A มีห้องพักอาศัย 22 ยูนิต ส่วนอาคาร B มี 13 ยูนิต ชั้นนี้จะมีสระว่ายน้ำ, สระเด็ก และ Fitness โดยจัดวาง Facilities ไว้ตรงกลางเชื่อมระหว่างตึก A-B ซึ่งเวลาจะใช้งานลูกบ้านต้องลงมาใช้ร่วมกัน ลิฟต์โดยสารอาคาร A มี 3 ตัว + service lift อีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์โดยสารตึก A คือ 176 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัว ถือว่าหนาแน่นเกินค่ามาตรฐาน รอลิฟต์ในชั่วโมงเร่งด่วนอาจจะนานหน่อย ส่วนตึก B มีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว + service lift อีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์โดยสารตึก B คือ 104 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัว ตรงตามมาตรฐาน ถือว่าดีกว่าตึก A ใช้งานได้สบายๆค่ะ
ตึก A เป็นตึกใหญ่กว่า อยู่ด้านหลังโครงการ วางผังเป็นตัว L ทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนข้างโล่ง แต่มีตึกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์บังในระยะไกลแบบเอียงๆบ้าง ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้วิวเปิดโล่ง และเริ่มสวยตั้งแต่ชั้น 8 เป็นต้นไป เพราะพ้นระยะทางด่วนและตึกแถวนั้นหมดแล้ว ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ ชั้นล่างๆ 4-7 พอจะได้วิวสระสวนในอาคาร ส่วนชั้น 8 ขึ้นไป จะมองไม่เห็นสระสวน และโดน Block วิวระยะไกลจากตึก B ค่ะ ยังดีที่ระยะห่างระหว่างตึกค่อนข้างมาก
ตึก B เป็นตึกเล็ก อยู่ด้านหน้าโครงการ วางผังตัว I มีแค่สองทิศคือ ตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นด้านหน้าโครงการ ชั้นล่างๆ 4-6 จะอยู่ใกล้ถนนไปหน่อย เพราะตรงนั้นเป็นสะพานข้ามแยก แม้ว่าชั้น 4 จะสูงพ้นระยะสะพานแล้ว แต่พวกฝุ่นเสียง และวิวมุมก้ม ก็คงจะสู้ชั้นสูงๆไม่ได้แน่นอน ดีที่วิวด้านนี้ค่อนข้างเปิดโล่งนะคะ… ทิศตะวันตกเฉียงเหนือได้วิวสระสวน ชั้นล่างๆ 4-7 ส่วนชั้น8 ขึ้นไป จะมองไม่เห็นสระสวน และโดน Block วิวระยะไกลจากตึก A ค่ะ Block กันเอง
ชั้นที่ 5 เป็นชั้นที่ ตึก A-B แยกกันแล้วนะคะ ยูนิตพักอาศัยทั้ง 2 อาคารจะเหมือนชั้นที่ 4 แต่มี Library และ Meeting Room เพิ่มเข้ามาซึ่งต้องขึ้นมาจากพื้นที่ตรง Fitness ชั้น 4
ผังอาคาร A ชั้น 6-27 จัดเป็นรูปตัว L คว่ำ ความหนาแน่นทุกชั้นเท่ากันคือ 22 ยูนิต/ชั้น วางห้อง 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. ไว้ตรงกลาง ด้านวงในเป็นขนาด 34 – 40 ตร.ม. ส่วนแบบ 2 ห้องนอนจะอยู่บริเวณฐานตัว L ลิฟต์อยู่ค่อนมาทางฝั่งฐานตัว L ซึ่งห้องที่อยู่มุมนี้อาจจะคึกคักหน่อย ส่วนห้องที่อยู่อีกฝั่งบรรยากาศจะสงบกว่า ยิ่งสูงวิวยิ่งเห็นได้ไกล วิวนอกเมืองคือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ด้านบน) และทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ด้านซ้าย) ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะ Block วิวกันเอง
ผังอาคาร B จัดเป็นรูปตัว I ชั้น 6-27 การวางผังห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาด 30 -34 ตร.ม. วางคละกันมี 2 ห้องนอนอยู่บริเวณหัวมุมอาคาร ความหนาแน่นทุกชั้น เท่ากันคือ 13 ยูนิต/ชั้น ชั้นนี้มียูนิตน้อยกว่า ก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหน่อย วิวที่สวยคือทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ด้านล่าง) จะเป็น City View ยิ่งสูงยิ่งเห็นไกลค่ะ ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ด้านบน) จะโดน Block วิวโดยตึก A
เริ่มทางจากเข้าโครงการ ทางเข้าหลักจะอยู่ติดกับถนนรัชดาภิเษก
บริเวณด้านหน้าถ้าลูกบ้านจะเข้าโครงการ ต้องสแกนบัตรผ่านไม้กระดกเข้าไป ส่วนถ้าเป็นผู้มาติดต่อก็ต้องแลกบัตรที่บริเวณนี้
ซูมหน้าตาของป้อมยามออกแบบให้เข้ากับ Concept โครงการ โดยมีกล้อง CCTV จับภาพบริเวณด้านหน้าโครงการได้
จากทางเข้าเมื่อซักครู่หันมาทางขวาจะเป็นทางเข้าจากถนนที่มาจากทางด่วน มองจากตรงนี้จะเห็นแนวทางด่วนพอดี
มองจากมุมสูงจะเห็นถนนที่ตัดเชื่อมมาจากทางด่วน
ทางเข้าจากทางด่วน ซึ่งด้านในกำลังอยู่ในระหว่างการปรับพื้นที่ ตอนนี้ยังไม่ได้ติดตั้งไม้กระดก
บริเวณนี้จะมีพื้นที่จอดรถเล็กๆให้อีก 1 จุด จอดได้ประมาณ 12 คัน
ถนนจะตัดเข้าจากทางลงทางด่วนแบบนี้
มุมมองย้อนกลับไปทางโครงการ ซึ่งจะมีการติดตั้งไม้กระดกกั้นทางเข้านี้จะให้ใช้กันเฉพาะลูกบ้านเท่านั้น
ถัดจากบริเวณทางเข้า พอเข้ามาในโครงการจะเจอกับสวนหย่อมก่อน โดยถ้าขับรถมาจะไปหาที่จอดสามารถวนไปเข้าที่จอดได้ทั้งทางด้านซ้ายและขวา อาคารที่เราเห็นอยู่ด้านหลังสวนหย่อมนั้นคืออาคาร B
เราจะวนไปทางขวา เพื่อเข้าที่จอดรถ ทางด้านขวาสังเกตจะเห็นป้าย Billboard ขนาดใหญ่ ห้องที่อยู่ทางฝั่งที่ใกล้กับป้ายนี้ ก็อาจจะมีโดนป้ายบังวิวบ้าง แต่อาคาร B ทำผนังที่ติดกับฝั่งนี้เป็นผนังทึบและโถงลิฟต์จึงไม่ค่อยกระทบเท่าไหร่
วนเข้ามาในที่จอดรถ สามารถจอดได้แบบรวมซ้อนคันประมาณ 55 % แต่ไม่ Fix ช่องจอด ที่เห็นประตูสีเหลืองไกลๆคือทางเข้าอาคารจากที่จอดรถ
เดินวนกลับมาหน้าโครงการอีกครั้ง บริเวณหน้าอาคาร B จะมีสวนหย่อมอยู่
เป็นสวนเล่นระดับที่ทางโครงการลงหญ้า และ ต้นไม้ให้
ถ้าวนไปทางซ้ายจะเป็นทางไปอาคาร A ซึ่งบริเวณนี้ก็จะมีพื้นที่จอดรถกลางแจ้งอยู่อีก
ถัดเข้ามาจะเจอกับ Drop – off และ Main Lobby ที่เชื่อมอยู่ระหว่างอาคารทั้งสอง ส่วนอาคารด้านหลังนี่คืออาคาร A
ทางเข้า Main Lobby ที่เชื่อมระหว่างทั้ง 2 อาคาร
ประตูทางเข้าเป็นกระจกใส กรอบอะลูมิเนียมโดยรอบเป็นซุ้มสีน้ำเงิน ตกแต่งเข้ากับตัวโครงการ
เข้ามาภายในจะเจอกับ Main Lobby ซึ่งเป็นตัวเชื่อมระหว่าง 2 อาคาร ฝ้าเพดานตรงนี้ค่อนข้างสูง จากประตูพอเดินเข้ามาถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางไป อาคาร A ส่วนถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นทางไป อาคาร B
เราจะเดินไปดูทางอาคาร A ก่อน พอออกจาก Main Lobby เดินตรงมาจะผ่านซุ้มไม้เล่นระดับ
เดินผ่านเข้ามาจะเจอกับ Lobby A โดยการมี Lobby ของแต่ละอาคาร ดีตรงที่ลูกบ้านจะได้ไม่แย่งกันใช้งานและเมื่อลงมาใช้แล้วได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า
ซึ่ง Lobby A จะอยู่ตรงข้ามกับห้องจดหมาย ประตูตรงกลางเป็นทางไปโถงลิฟต์ ถ้าจะผ่านเข้าไปต้องใช้คีย์การ์ดค่ะ
บรรยากาศภายใน Lobby A เป็นห้องฝ้าเพดานสูง บรรยากาศโปร่งโล่ง มีชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อน และ โต๊ะสำหรับนั่งทำงาน
มีชุดโซฟาขนาดใหญ่เอาไว้นั่งเล่น พบปะ สังสรรค์ 1 ชุด
และชุดที่นั่งสำหรับนั่งอ่านหนังสือและทำงาน
ฝั่งตรงข้าม Lobby A เป็นห้องจดหมาย
มีตู้จดหมายวางล้อมรอบผนัง และ มีเก้าอี้สีฟ้าสดใสวางไว้ตรงข้ามแบบนี้
Detail ของตู้จดหมายมีลูกเล่นเล็กๆ ดูน่ารักดี
จาก Lobby A เราจะเดินไปดูที่ Lobby B ที่เราเห็นอยู่ไกลๆคือ 7-11
ชั้นล่างจะมี 7-11 มาเปิดด้วย สามารถพึ่งพิงได้เวลาหิว ซึ่งวันที่เราเข้าไปยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอยู่ค่ะ
พอเลี้ยวมาจะเป็นทางเดินไปอาคาร B ทางฝั่งขวาของเราจะเป็น 7-11 ทั้งแนว จากตรงนี้ตรงไปจะเป็นทางไปอาคาร B
ถัดจาก 7-11 จะเป็นสำนักงานนิติบุคคล ห้องน้ำ และทางไป Lobby B แต่ตอนนี้มีทางทีมโอนนั่งทำงานกันอยู่ ซึ่งถ้าโอนเสร็จก็จะคืนพื้นที่ทำเป็น Lobby ให้เหมือนอาคาร A
ทางเข้าห้องน้ำอยู่ถัดจากสำนักงานนิติบุคคลมา แยกเป็นห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิง
บรรยากาศภายในห้องน้ำหญิง เน้นโทนสีขรึมๆ มีอ่างล้างมือให้ 2 อ่างและห้องน้ำ 2 ห้อง
ถัดมาอีกล็อคหนึ่งเป็นทางไปห้องจดหมายและทางออกไปที่จอดรถ
เข้ามาดูต่อกันที่โถงลิฟต์ ซึ่งใช้การตกแต่งดีไซน์เดียวกันกับโถงทางเดิน คือเป็นไม้เล่นระดับ
ประตูลิฟต์วัสดุเป็นสแตนเลส
ปุ่มกดลิฟต์หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
ด้านในมีทั้งปุ่มกดแบบปกติและปุ่มกดของคนพิการ ภายในลิฟต์วัสดุก็เป็นสแตนเลสทั้งหมด
เราขึ้นมาที่ชั้น 4 เพื่อดู Facilities กันต่อนะคะ พอขึ้นมาก็จะเจอกับโถงลิฟต์ แยกเป็นทางไปใช้พื้นที่ส่วนกลางกับทางเข้าส่วนที่พักอาศัย
ประตูลิฟต์ชั้นบนวัสดุเป็นสีพ่นสีน้ำตาล ภายในลิฟต์เป็นสแตนเลส ด้านหลังมีราวจับอยู่
หน้าตาปุ่มกดคล้ายๆกับที่ชั้นล่าง
พอขึ้นมาที่ชั้น 4 จะเจอกับสระว่ายน้ำ สวนหย่อม ฟิตเนส และ ห้องสมุด
ห้องที่อยู่ชั้นนี้จะเป็นห้องพิเศษที่มี Balcony ที่ยื่นออกไปจากตัวห้อง สามารถเข้าห้องได้จากพื้นที่ส่วนกลางเลย
เดินถัดมาด้านข้างสระว่ายน้ำจะมีสวนหย่อมและซุ้มนั่งพักผ่อน
ซุ้มนั่งพักผ่อนดีไซน์เป็นระแนงรูปสามเหลี่ยมต่อกัน ดูสวยงามเข้ากับ Concept แต่อาจจะบังแดดและฝนไม่ได้ มีชุดที่นั่งทำจากหวายเทียมวางไว้สำหรับให้นั่งพักผ่อน
สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ แบ่งออกเป็น สระผู้ใหญ่ขนาด 25 x 15 ม. ลึก 1.2 ม. สระเด็กขนาด 6.2 x 3.4 ม. ลึก 0.8 ม.
ทางลงสระพื้นจะลดระดับลงเล็กน้อย มีทำเป็นพื้นยื่นลงมาในสระวางเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อน 4 ตัว
ด้านหลังเป็นสระเด็ก ขนาด 6.2 x 3.4 ม. ลึก 0.8 ม. โดยรอบปูด้วยกระเบื้องโมเสค
ด้านหลังสระว่ายน้ำเป็น Club House ซึ่งด้านในจะมีฟิตเนส และ ห้องสมุดอยู่ด้านใน
เดินเข้าไปภายในทางฝั่งขวาเป็นฟิตเนส ถัดไปเป็นห้องน้ำ ส่วนชั้นบนเป็นห้องสมุด
เดินเข้ามาทางฝั่งขวาเป็นฟิตเนส ส่วนห้องน้ำอยู่ทางด้านซ้าย
ห้องน้ำจะมีแยกชาย หญิง
ภายในห้องน้ำหญิง ปูกระเบื้องโทนสีขาว เทา มีอ่างล้างหน้า ห้องน้ำ 2 ห้อง และ ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง
บรรยากาศภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ
ส่วนห้องน้ำชายบรรยากาศภายในก็คล้ายๆกัน มีห้องน้ำ 2 ห้อง และ ห้องอาบน้ำ 2 ห้อง
มีอ่างล้างมือและโถปัสสาวะชาย
บรรยากาศภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำคล้ายกับห้องน้ำหญิงค่ะ
ส่วนฟิตเนส เข้ามาจะมีมุมที่นั่งพักผ่อนเป็นโซฟา 2 ที่นั่งก่อน ถัดไปเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย พื้นปูด้วยกระเบื้องยางลายไม้
ภายในฟิตเนสมีผนังทั้งสองข้างเป็นหน้าต่าง สามารถเล่นไปชมวิวสระว่ายน้ำไปได้ วางเครื่องออกกำลังกายได้ตามภาพ ด้านหลังผนังติดเป็นกระจกเงาเอาไว้สำรวจความเรียบร้อย
ขึ้นไปดูห้องสมุดกันต่อค่ะ
ขึ้นมาชั้นบนจะเป็นห้องสมุดและห้องประชุม
ห้องสมุดพื้นที่ค่อนข้างกว้าง มีทั้งชุดโซฟานั่งพักผ่อน และ โต๊ะนั่งทำงาน มี WiFi ให้ใช้ฟรี ผนังฝั่งขวาเป็นหน้าต่างทำให้ห้องดูโปร่ง และ สามารถนั่งชมวิวได้
ถัดมามีโต๊ะสำหรับเอาคอมมาวาง หรือ เอาหนังสือมาอ่านคนเดียว ตรงกลางโต๊ะมี Partition กั้นให้เพื่อความเป็นส่วนตัว ถัดเข้าไปจะเป็นห้องประชุม
ห้องประชุม มีโต๊ะใหญ่ๆนั่งได้ประมาณ 8 คน
จาก Facilities เดินกลับมาที่โถงลิฟต์ อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นส่วนของที่พักอาศัยอยู่แยกออกมากั้นด้วยประตูอีกชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว ถ้าจะเข้า ต้องสแกนคีย์การ์ดเข้าไป
โถงทางเดินผนังเป็นสีขาว พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby แยก อาคาร A และ B
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ แบ่งออกเป็น สระผู้ใหญ่ขนาด 25 x 15 ม. ลึก 1.2 ม. สระเด็กขนาด 6.2 x 3.4 ม. ลึก 0.8 ม.
- Jacuzzi
- ห้องออกกำลังกาย ใส่เครื่องออกกำลังกายได้ 8 ชิ้น
- Library / Meeting Room (Free WiFi)
- สวนหย่อม ชั้น Ground และชั้น4
- โครงการมี 2 อาคารโดยแต่ละอาคารมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์บริการ 1 ตัว
- อัตราส่วนลิฟต์ อาคาร A คือ 176:1 อาคาร B คือ 104:1
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 140:1
- CCTV / เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
- ที่จอดรถ ชั้น 1-3 และ รอบอาคาร จอดได้ 366 คันไม่รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 44 % ถ้ารวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 55%
- Shuttle Bus 2 คัน ส่ง BTS และ MRT
- 7 – 11
ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในวันนี้ จะเป็นห้อง 1 ห้องนอนขนาด 30 และ 34 ตารางเมตรซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุด โดยของที่ให้ อาคาร A เปิดขายก่อน ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully – Fitted ส่วนอาคาร B เปิดขายทีหลังให้แบบ Fully – Furnished แต่ราคาก็จะปรับสูงตามไปด้วย
เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกัน คือแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตร.ม.ห้องนี้พอเข้ามาจะเจอกับห้องรับแขกก่อน ซึ่งพื้นที่บริเวณห้องรับแขกกว้างพอสมควร ถัดไปเป็นห้องครัวซึ่งออกแบบให้ติดกับพื้นที่ภายนอกเพื่อให้ระบายอากาศได้ดี มีผนังกั้นเป็นครัวปิดเพราะฉะนั้นเวลาทำอาหารต้ม ผัด แกง ทอด กลิ่นก็จะไม่ฟุ้งไปทั่วห้อง ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์มีพื้นที่วางชุดโต๊ะทานข้าวเล็กๆนั่งกินได้ 2 คน 1 ชุด ถัดจาครัวเป็นระเบียงสามารถเปิดระบายอากาศ หรือ เอาไว้ซักล้างตากผ้าได้สบายๆ ติดกับห้องครัวเป็นห้องนอนซึ่งสามารถวางเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้ ปลายเตียงน่าจะพอวางชั้นวางทีวีหรือโต๊ะทำงานเล็กๆได้ ส่วนห้องน้ำ ห้องนี้อยู่นอกห้องนอนฝั่งที่ติดกับห้องรับแขกซึ่งมีข้อดีคือเวลามีแขกมาก็สามารถเข้าได้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนให้เสียความเป็นส่วนตัว แต่ถ้าเราอยู่ในห้องนอนจะออกมาใช้ห้องน้ำก็จะเดินไกลหน่อย
ประตูหน้าห้องเป็นบานเรียบๆ ทาสีขาวขนาด 2.2 x 0.9 เมตร
มือจับประตูเป็นแบบก้านโยกตามในภาพ
ภายในห้องมีตัวล็อคอีกชั้น และ ตัวหยุดกันกระแทก
พอเข้ามาในห้อง จะเจอกับห้องรับแขกก่อน ถัดไปเป็นห้องครัวกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นครัวปิด ติดกับห้องครัวเป็นห้องนอน ส่วนห้องน้ำเข้าได้จากทางห้องรับแขก พื้นห้องนี้เป็นพื้นไม้ลามิเนต ฝ้าเพดานของห้องนี้สูง 2.60 เมตร
ห้องรับแขก มีระยะดูทีวี 2.10 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้าง วางทีวีได้ประมาณ 46″
เฟอร์นิเจอร์ถ้าเป็นอาคาร B จะให้แบบ Fully – Furnished เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็เป็นตามห้องนี้เลย
ฝั่งตรงข้ามโซฟามีชั้นวางทีวี เป็นชั้นแขวนด้านล่างวางตะกร้าหวายเก็บของได้อีก
ด้านบนผนังติดตู้ควบคุมไฟยี่ห้อ Schneider ดีไซน์ดูเรียบๆ ทันสมัย
ชั้นวางทีวีเปิดออกมาเก็บของเล็กๆน้อยๆได้แบบนี้
ด้านข้างโซฟามีชั้นเก็บของเอาไว้สำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆ หรือวางรองเท้าได้
ด้านข้างชั้นวางทีวี เป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ โดยประตูห้องน้ำเป็น pvc สีขาว
พื้นห้องน้ำลดระดับลงมาจากพื้นห้องรับแขกเล็กน้อยประมาณ 1 เซนติเมตร ซึ่งอาจจะลดระดับน้อยไปนิด มีธรณีเป็นหินแกรนิตสีขาวเพื่อเก็บงานรอยต่อ
ภายในห้องน้ำแยกเป็นส่วนแห้ง และส่วนเปียกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย ผนังและพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 40 x 40 เซนติเมตร ผิวด้าน ผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาวขนาด 25 x 25 เซนติเมตร
กระจกด้านหลังเปิดออกมาเก็บของได้ ผนังด้านหลังติดโมเสคโทนสีเทาเพื่อตกแต่ง
อ่างล้างหน้ายี่ห้อ Kohler ด้านบนมีพื้นที่ด้านบนวางของเล็กๆน้อยๆเช่น สบู่ ที่ใส่แปรงสีฟันได้
ด้านข้างโถสุขภัณฑ์ มีชั้นกระจกเอาไว้วางของได้ค่อนข้างเยอะ
โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kohler สายฉีดชำระ และ ที่แขวนทิชชู่ อยู่ด้านหลังเวลาใช้งานต้องเอื้อมมือไปหยิบ
พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกระจกนิรภัย วัสดุพื้นและผนังเป็นแบบเดียวกับพื้นที่ส่วนแห้ง
พื้นที่อาบน้ำขนาด 0.80 x 1.00 เมตร ใหญ่กว่ามาตรฐานเล็กน้อย
มีตัวกันกระแทกติดตั้งมาให้ด้วย
ระหว่างส่วนแห้งกับส่วนเปียกมีธรณียกขึ้นมาสูงประมาณ 10 เซนติเมตร
มีฝักบัวยี่ห้อ Grohe ติดตั้งมาให้ บนผนังมีติดตั้งงานระบบมาเผื่อสำหรับติดเครื่องทำน้ำอุ่น
ซูมให้ดูฝักบัว จับได้พอดีมือค่ะ
ถัดจากห้องรับแขกมาเป็นห้องครัว เป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสามารถผัดอาหารได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่น
รางเลื่อนฝังบนพื้นแบบนี้ พื้นห้องครัวเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
แอร์ที่โครงการให้เป็นของ Daikin ขนาด BTU ขึ้นอยู่กับขนาดห้องค่ะ
มือจับประตูเป็นแบบมาตรฐานสีดำ
เข้ามาในห้องครัวจะเจอกับเคาน์เตอร์กว้าง 60 ซม. ยาว 120 ซม. วัสดุเป็นโครงไม้ติดลามิเนต HPL หรือ High Pressure Laminate ส่วน Top เป็นลามิเนตลายหินอ่อน ขนาดเคาน์เตอร์เหมาะกับใช้งานไม่เกิน 2 คน มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันมาให้ครบ ฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะทานข้าวนั่งได้ 2 คน ทำอาหารเสร็จก็ยกมานั่งทานข้าวตรงนี้ได้เลย ดูเป็นสัดส่วนดี
โต๊ะทานข้าวทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส แบบนั่งได้ 2 คน
เคาน์เตอร์ครัวเปิดออกมาเก็บของได้แบบนี้
มือจับเป็นแบบรูปตัว L เกี่ยวแล้วดึงเปิดออกมาแบบนี้
ด้านบนมีตู้แขวนติดตั้งเตาไฟฟ้า ของ Hafele
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Hafele เช่นกัน
อ่างล้างจานแบบหลุมเดียวของ Hafele
ห้องครัวจะติดกับระเบียงซึ่งใช้เปิดระบายอากาศเวลาทำอาหารได้
ระเบียงมีพื้นที่ 1.00 x 2.45 เมตร ค่อนข้างกว้างสามารถวางเครื่องซักผ้า คอมเพรสเซอร์ และตากผ้าได้สบายๆ
พื้นระเบียงลดระดับลงจากพื้นห้องประมาณ 10 เซนติเมตร
แขวนคอมเพนสเซอร์เป่าลมร้อนออกด้านข้างแบบนี้ ติดตั้งระเเนงบังตาเพื่อความสวยงาม
และมีเดินงานระบบมาให้
ติดๆกับห้องครัวเลยเป็นห้องนอน บานประตูเป็นบานเรียบๆสีขาวแบบนี้
ระหว่างทั้งสองห้องเก็บงานรอยต่อวัสดุโดยใช้คิ้วไม้
ห้องนอนวางเตียงชิดผนังได้แบบนี้ ด้านข้างเป็นกระจกสามารถเปิดระบายอากาศและชมวิวได้
ระยะข้างเตียงทางฝั่งซ้ายค่อนข้างชิดมีพื้นที่แค่พอให้ม่านรูดผ่าน เวลาปูเตียงอาจจะยากนิดนึง ส่วนทางด้านขวามีระยะเหลือประมาณ 60 เซนติเมตร ด้านข้างเป็นตู้เสื้อผ้าจึงต้องทำเป็นบานเลื่อนเพื่อให้ประหยัดพื้นที่
มีที่วางโต๊ะข้างเตียงได้เล็กน้อย วางเข้ามุมเสาพอดี
ปลายเตียงมีระยะจากเตียงถึงตู้ประมาณ 70 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างกว้าง
ปลายเตียงวางชุดโต๊ะวางทีวีได้ตามนี้
ที่โครงการให้มีช่องสำหรับให้สายไฟลอดมาด้วย
ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อน ยาว 1.40 เมตร มีบานหนึ่งติดตั้งกระจกเอาไว้ส่องดูความเรียบร้อยหลังแต่งตัวได้
ถัดมาที่จะพาไปดูคือห้อง 1 ห้องนอน 34 ตารางเมตร ห้องนี้การจัดวางผังก็คล้ายๆกับห้อง 30 ตารางเมตร ต่างตรงที่มีพื้นที่ของห้องรับแขกและห้องนอนมากกว่า ทำให้การจัดพื้นที่ต่างๆค่อนข้างลงตัวมากขึ้น เข้ามาก็จะเจอกับห้องรับแขก ถัดไปเป็นห้องครัวเป็นครัวปิด แต่ครัวห้องนี้ขนาดจะแคบกว่าและไม่มีโต๊ะทานข้าวในห้องครัว แต่โต๊ะจะย้ายมาอยู่หน้าห้องครัวแทน ห้องนอนอยู่ด้านในมีหน้าต่างติดกับผนังภายนอกเอาไว้เปิดระบายอากาศได้ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าแยกออกมาเป็นสัดส่วน ห้องน้ำจะต้องใช้ร่วมกันระหว่างห้องรับแขกกับห้องนอน ซึ่งเวลาแขกมาก้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนให้เสียความเป็นส่วนตัวเช่นกัน และ ยังสามารถเข้าได้จากห้องนอนไม่ต้องเดินไกลอีกด้วย
เข้ามาในห้องนี้ก็จะเจอกับห้องรับแขกเช่นเดียงกันห้อง 30 ตารางเมตรแต่ห้องนี้จะดูกว้างกว่า และ มีโต๊ะทานข้าวอยู่บริเวณหน้าห้องครัว ส่วนห้องนอนจะอยู่ติดกับห้องครัว ห้องน้ำสามารถเปิดเข้าได้ทั้งจากในห้องรับแขกและห้องนอน
อาคาร B มีเฟอร์นิเจอร์ให้ตามนี้ ระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร ซึ่งสามารถวางทีวี 46″ ได้ โซฟาที่ได้มีขนาดยาวประมาณ 1.55 เมตรนั่งได้ประมาณ 2 คน
ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี
ด้านข้างโซฟา จะเป็นชุดโต๊ะทานข้าว
โดยระยะระหว่างโต๊ะกับโซฟาเหลือประมาณ 50 เซนติเมตร พอเลื่อนเก้าอี้มาก็จะชนกับพนักพิงของโซฟาพอดี
ประตูห้องน้ำอยู่ข้างๆชั้นวางทีวีเช่นเดียวกับห้อง 30 ตร.ม.
พื้นห้องน้ำมีลดระดับลงมาเล็กน้อย ธรณีปูด้วยหินแกรนิตสีขาวเพื่อเก็บรอยต่อ เช่นเดียวกัน
บรรยากาศโดยรวมการตกแต่งและการใช้วัสดุ เช่นเดียวกับห้องที่ผ่านมา แต่ห้องนี้ชั้นวางของจะดูแคบกว่านิด
ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้ามีกรุโมเสคเอาไว้ให้
อ่างล้างหน้าและตู้เก็บของจะหน้าตาเหมือนกันทุกห้องค่ะ โดยบานปิดเป็นกระจกไปในตัว
อ่างล้างหน้าเป็นของ Kohler วางของด้านบนได้ตามภาพ
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler สายฉีดชำระและที่แขวนทิชชู่ก็อยู่ด้านข้างเช่นเคย
ช่องเก็บของด้านข้างพื้นที่เล็กกว่าห้องแรก แต่ก็ยังพอวางของได้ มีระยะประมาณ 30 เซนติเมตร
บรรยากาศโดยรวมของห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนแห้งกับส่วนเปียก กั้นด้วยกระจกนิรภัย
พื้นที่อาบน้ำขนาด 1.16 x 0.80 เมตร ใกล้เคียงกับห้องที่แล้ว ธรณียกสูงขึ้นมาประมาณ 10 เซนติเมตร
หน้าตาฝักบังของ Grohe
ในห้องน้ำสามารถเข้า ออกได้ 2 ทางทั้งจากทางห้องรับแขกและห้องนอน ประตูเปิดมาจะชนกันตามภาพ ซึ่งในการใช้งานควรระมัดระวังก่อนเปิดเพราะอาจจะไปกระแทกโดนประตูอีกบานได้
ถัดจากห้องรับแขกจะเป็นห้องนอนและห้องครัว
เคาน์เตอร์ครัวมีขนาด 0.60 x 1.40 เมตร การใช้วัสดุคล้ายๆกันแต่ห้องนี้ไม่มีวางโต๊ะทานข้าว
เครื่องดูดควันเปิดออกมาเก็บของได้ตามภาพ
เตาไฟฟ้าเป็นแบบ 2 หัว
อ่างเป็นของ Hafele
ด้านล่างมีพื้นที่สำหรับวางไมโครเวฟ
พื้นที่ห้องครัวอยู่ติดกับระเบียงสามารถเปิดออกไประบายอากศในครัวได้
พื้นที่ระเบียงขนาด 1.20 x 1.60 เมตร ถือว่ากว้างพอสำหรับวางเครื่องซักผ้า
พื้นลดระดับลงประมาณ 10 เซนติเมตร
ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์ก็แขวน เป่าลมออกด้านข้างแบบนี้
บริเวณผนังของห้องครัว มีท่อแอร์ต่อออกมาแบบนี้
ถัดไปเป็นห้องนอน
ห้องนอนของห้องนี้ค่อนข้างกว่า ข้างเตียงมีระเบียงสำหรับเปิดระบายอากาศ
ด้านข้างเตียงจากต้ถึงเตียงประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนทางด้านขวา มีระยะเหลือประมาณ 95 เซนติเมตร
ส่วนปลายเตียงมีระยะเหลือพอสำหรับการวางตู้วางทีวี และโต๊ะทำงาน
เช่นเดียวกับเฟอร์นิเจอร์ชุดนี้ที่โครงการให้
ด้านข้างมีหน้าต่างบานใหญ่เอาไว้เปิดระบายอากาศได้
ด้านข้างตู้เป็นทางไปห้องน้ำ ตู้ของห้องนี้วางเป็นสัดส่วนดี
ตู้เสื้อผ้าเป็นรูปแบบและขนาดเดียวกับห้อง 30 ตารางเมตร
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17 March 2016
อาคาร A
- 1 Bedroom (City view) อาคาร A ห้อง A2508 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 2.35 ล้านบาท หรือ 78,333 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom (Pool view) อาคาร A ห้อง A1616 เนื้อที่ 34 ตร.ม. ราคา 2.83 ล้านบาท หรือ 83,235 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom (City view) อาคาร A ห้อง A0901 เนื้อที่ 53 ตร.ม. ราคา 3.99 ล้านบาท หรือ 75,283 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom (Pool view) อาคาร A ห้อง A1914 เนื้อที่ 58 ตร.ม. ราคา 4.80 ล้านบาท หรือ 82,758 บาท/ตร.ม.
อาคาร B
- 1 Bedroom (City view) อาคาร B ห้อง B0413 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 2.49 ล้านบาท หรือ 83,000 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom (City view) อาคาร B ห้อง B12A06 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 2.69 ล้านบาท หรือ 89,666 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom (City view) อาคาร B ห้อง B2410 เนื้อที่ 34 ตร.ม. ราคา 3.14 ล้านบาท หรือ 92,352 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom (Pool view) อาคาร B ห้อง B0802 เนื้อที่ 34 ตร.ม. ราคา 2.99 ล้านบาท หรือ 87,941 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom (Pool view) อาคาร B ห้อง B2604 เนื้อที่ 40 ตร.ม. ราคา 3.19 ล้านบาท หรือ 79,740 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom (Pool view) อาคาร B ห้อง B1405 เนื้อที่ 62 ตร.ม. ราคา 5.24 ล้านบาท หรือ 84,516บาท/ตร.ม.
- อาคาร A – Fully Fitted , อาคาร B – Fully Furnished
- เพดานสูง 2.60 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- เงินจอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 40,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 39 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ The Niche Mono รัชวิภาตั้งอยู่ติดใหญ่ รัชดาภิษก บริเวณใกล้ๆกับแยกประชานุกูลซึ่งทำเลจะอยู่กึ่งๆระหว่างโซนรัชดาภิเษกกับประชาชื่น ซึ่งเป็นโซนที่มีคอนโดขึ้นค่อนข้างเยอะทั้งคู่ และชูจุดขายกันในเรื่องทำเลรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สำหรับโครงดารนี้ ถึงแม้ว่าจากที่ตั้งโครงการจะไม่ใกล้รถไฟฟ้ามากเท่าไหร่นัก แต่ก็อยู่ในระยะที่เดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สะดวก ซึ่งอาจจะต้องมีต่อรถ หรือขึ้นรถ Shuttle bus ของโครงการไป BTS และ MRT โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ในอนาคตต้องขึ้นอยู่กับการบริหารของนิติบุคคลว่าจะเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหรือไม่ จุดเด่นของทำเลจริงๆแล้วจึงจะเป็น ความใกล้ทางด่วน โดยมีทางขึ้นลงทางด่วนอยู่ใกล้ๆถึง 3 จุดเรียกว่าจะวนไปทางไหนก็มีที่ให้ขึ้นทางด่วน และมีการตัดถนนจากทางลงทางด่วนเข้าสู่โครงการ ซึ่งถ้าใครใช้ทางด่วนบ่อยๆ ก็น่าจะชอบ
สภาพแวดล้อมของโครงการ ตัวโครงการจะถูกล้อมรอบด้วยถนน รัชดาภิเษก , ถนน ประชาชื่น และทางด่วน ตัดกันทำให้พื้นที่โดยรอบเป็นสามเหลี่ยม โดยที่ดินจะตั้งอยู่ในสามเหลี่ยมนี้กินพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ แต่จะมีที่ดินเปล่าของการทางพิเศษบางส่วนที่เว้นเอาไว้ ส่วนที่อยู่อาศัยรอบๆโครงการจะเป็นบ้านแนวราบซะเป็นส่วนใหญ่ ตึกสูงๆที่อยู่ใกล้กับโครงการคือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ส่วนคอนโดสูงอื่นๆนั้นจะอยู่ถัดไปอีกบนถนนประชาชื่น วิวโดยรอบจึงไม่มีอะไรมาบดบัง เว้นแต่ชั้นที่อยู่ใกล้ๆกับทางด่วน
การเดินทางไปไหนมาไหน ถ้าใช้รถยนต์จะค่อนข้างสะดวกเพราะสามารถใช้เส้นทางไปที่ต่างๆได้หลากหลาย ติดตรงที่บริเวณแยกประชานุกูลรถจะค่อนข้างติดโดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน สำหรับเส้นทางถ้าใช้ถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าไปทางฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นทางไปออกถนน จรัญสนิทวงศ์ แต่ถ้าไปทางฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นทางไปรัชโยธิน มุ่งหน้าไปพระราม 9 ถ้าใช้ถนนประชาชื่นมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือจะไปออกงามวงศ์วาน – แจ้งวัฒนะ ส่วนถ้าไปทางใต้จะเป็นทางไปฝั่งบางซื่อ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ถ้าอยากจะเรียกรถแท็กซี่ก็สามารถทำได้สะดวก แต่ถ้าจะเรียกมอเตอร์ไซค์จะต้องเดินข้ามฝั่งมาเรียกทางฝั่งรพ. เกษมราษฎร์ ประชาชื่น และถ้าเป็นป้ายรถเมล์นั้นจะต้องเดินเลยทางลงทางด่วนมาหน่อยจึงจะมีป้าย ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการที่สุดตอนนี้คือ MRT สถานีบางซื่อ สามารถนั่งไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวได้ที่สถานีสวนจตุจักร ซึ่งในอนาคตสถานี บางซื่อก็จะเป็นสถานีเชื่อมต่อกับสายสีแดงอ่อน และ สายสีแดงเข้ม และจะมีส่วนต่อขยายไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ที่สถานีเตาปูน
วัสดุอุปกรณ์ที่ให้มานั้นให้มาไม่เยอะค่ะ แต่ก็อยู่ในระดับมาตรฐานที่คอนโดจะให้นั่นคือ พื้นไม้ลามิเนต กระเบื้องเซรามิค ผนังห้องฉาบเรียบทาสี พิเศษหน่อยตรงในห้องน้ำที่ให้ตู้เก็บของด้วย เฟอร์นิเจอร์ถ้าเป็นอาคาร A จะให้แบบ Fully – Fitted ส่วนอาคาร B จะให้แบบ Fully Furnished ให้เฟอร์สั่งทำพิเศษดีไซน์เข้ากันทุกชิ้น สามารถใช้งานได้จริง
ส่วนการออกแบบอาคาร ส่วนตัวโครงการ ด้วยทรงที่ดิน ทำให้ออกแบบตึกมาเป็นตึกคู่ ซึ่งมีข้อเสียตรงบังวิวกันเอง แต่โครงการดันตึกออกห่างกันพอสมควร สำหรับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องวิวระยะไกล ระยะห่างระหว่างตึกขนาดนี้ น่าจะพอรับได้ …แบบห้องของเดอะนีช โมโน รัชวิภานั้นออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้อยู่สบายค่ะ แต่ก็มีติดขัดบ้างอย่างห้องขนาดที่เล็กสุดนั่นคือห้อง 30 ตารางเมตรซึ่งจัดเเบบห้องลงตัวดูไม่อึดอัด แต่ข้อเสียคือไม่สามารถวางโต๊ะทำงานได้ เคาน์เตอร์ครัวก็เล็กไปหน่อยค่ะ อีกทั้งพื้นที่เก็บของถือว่าน้อยทีเดียว ส่วนห้องแบบ 34 ตารางเมตร ก็เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ที่นั่งทานข้าวจะออกมาอยู่บริเวณห้องรับแขกแทน
สาธารณูปโภคจัดมาน่าใช้ในขนาดที่โอเค สระว่ายน้ำมีเเยกสระเด็กกับสระผู้ใหญ่ มีสวนที่ชั้น 4 และชั้น Ground และห้องต่าง ๆ ให้ลูกบ้านได้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นห้องออกกำลังกาย,ห้องอ่านหนังสือ และMeeting Room แต่การแชร์ 2 ตึกและมีคนใช้ร่วม 840 ห้อง ก็อาจจะต้องบริหารจัดการหน่อย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 80,000 บาท/ตร.ม., 17 March 2016
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน แต่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะที่เดินถึง
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เดินทางค่อนข้างสะดวกเพราะใกล้ทางด่วน และใช้เส้นทางได้หลากหลาย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – เรียกรถได้ง่ายเพราะติดถนนใหญ่ แต่รถไฟฟ้าต้องนั่งรถต่อไป ซึ่งทางโครงการมี Shuttle bus มาให้
- วัสดุ 7.5/10 – ตามมาตรฐานโครงการทั่วๆไป
- แบบ 7.5/10 – ออกแบบใช้ได้ การวางพื้นที่ใช้สอยดูเป็นสัดเป็นส่วนดี
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – ให้มาพอสมควร ดีตรงที่ส่วน Lobby มีแยกอาคาร A และ B แต่ต้องแชร์ร่วม 2 ตึก 840 units ลิฟท์ตึก A ค่อนข้างแน่น
- MAIN CLASS
- 7.56 / 10.00
BOTTOM LINE
The Niche Mono รัชวิภา เหมาะกับคนมองหาโครงการย่านประชาชื่น หรือทำงานในละแวกใกล้เคียง หรือที่ต้องเดินทางด้วยทางด่วน หรือคนไม่ใช้รถที่มองหาบ้านที่เดินทางเรียกรถง่ายตลอด 24 ชั่วโมง และพอจะไปรถไฟฟ้าได้ไม่ไกลนัก มีงบประมาณระดับ 2-5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือน 13,000 – 25,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )