รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.263 – รีวิวคอนโด The Signature by Urbano
18 ธันวาคม 2016
รีวิวฉบับที่ 1228 … สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ทำเลสะพานควาย-จตุจักรค่อนข้างฮอตฮิตนะคะ จะเห็นว่ามีโครงการเปิดตัวใหม่อยู่หลายโครงการเหมือนกันในช่วงนี้ วันนี้เราจะขอพาไปชมคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ The Signature by Urbano ติด BTS สะพานควายฝั่งบันไดเลื่อนด้วยนะ ตัวตึกโดดเด่นด้วยการตกแต่งภายในที่ดูหรูหราสวยงาม และมีห้อง Fitness กับ Sky Lounge ที่ชั้นบนสุดไว้ดูวิวสวนจตุจักรแบบชิวๆ
Fact @ 22 November 2016
- The Signature by Urbano (เดอะ ซิกเนเจอร์ บาย เออร์บาโน่)
- บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)
- HIGH-LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : พญาไท ถนนพหลโยธิน
- คอนโด High Rise 31 ชั้น 253 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 70 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 2-1-34 ไร่
- สถานะโครงการปัจจุบัน : แล้วเสร็จพร้อมอยู่
- 1 Bedroom 34 – 37 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท (Sold Out)
- 2 Bedroom 48 – 55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.7 ล้านบาท (ราคาปัจจุบัน 22/11/16)
- 3 Bedroom 85 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท (ราคาปัจจุบัน 22/11/16)
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 158,549 – 188,235 บาท/ตร.ม. (ราคาปัจจุบัน 22/11/16)
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS สะพานควาย ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS สะพานควาย
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1739
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.792870, 100.549185
ที่ตั้งโครงการ The Signature by Urbano ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินฝั่งมุ่งหน้าไปทางจตุจักร โดยตำแหน่งโครงการอยู่ติดกับ BTS สะพานควายฝั่งขาขึ้นบันไดเลื่อนเลยค่ะ
ทำเลของโครงการ The Signature by Urbano ตั้งอยู่ในทำเลสะพานควาย ซึ่งเป็นทำเลชุมชนดั้งเดิมที่อยู่กันอย่างคึกคักผสมผสานกับคอนโดทั้ง High Rise ริมถนนและ Low Rise ในซอยเล็กซอยย่อย ด้วยจำนวนคนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น ประกอบกับผู้ประกอบการร้านค้าเล็กๆ ร้านพาณิชย์ริมถนนมากมาย ก็ทำให้ย่านสะพานควายนี้มีความอุดมสมบูรณ์สูง หาของกินของใช้ง่ายและมีให้เลือกสรรเยอะมาก ในราคาที่สามารถซื้อกินได้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ ซึ่งแน่นอนว่าบรรยากาศของร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ ก็จะแตกต่างจากย่านอารีย์ที่ขยับไปอีกสถานีนึง ซึ่งจะมีร้านค้าร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ที่มีราคาสูงกว่า ค่าครองชีพถือว่าแตกต่างกันอยู่พอควร ทำให้กลุ่มเป้าหมายและระดับของคนที่อยู่ย่านสะพานควายกับอารีย์นั้นก็จะแตกต่างกันไปเช่นกัน
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้บริเวณรอบๆ โครงการมีทั้งร้านสะดวกซื้ออย่าง 7 Eleven, Lotus Express,ร้าน Boots, Office Mate ในระยะไม่ไกล ส่วนแหล่งซื้อข้าวของเครื่องใช้ก็ตรงข้ามเลยคือ บิ๊กซีสะพานควายรวมทั้งโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียลอีกด้วย และตลอดสองฝั่งข้างทางก็จะมีร้านขายอาหารใต้ตึกแถวให้ได้เลือกกินเยอะ ยังไม่รวมรถเข็นขายอาหารต่างๆ ด้วยนะคะ ทั้งหมดทั้งมวลก็ถือว่ารอบๆ โครงการมีของอุปโภคบริโภคครบครันและอยู่ในระยะที่เดินได้ง่ายด้วย ในละแวกข้างเคียงก็มีความอุดมสมบูรณ์เช่นกันทั้งฝั่งจตุจักรเองก็มีทั้ง JJ Market ตลาด อตก. เลยไปถึงห้าแยกลาดพร้าวที่มีทั้ง ยูเนี่ยนและเซ็นทรัลลาดพร้าว ส่วนอีกฝั่งติดกับสะพานควายก็เป็นอารีย์ที่มีร้านอาหารระดับแบรนด์เนมและบาร์ต่างๆ ให้ได้ไปแฮงเอ้าท์กับเพื่อนได้ง่ายด้วย
การเดินทางด้วยรถยนต์ หลักๆจะใช้การเดินทางบนเส้นพหลโยธิน ใช้วิ่งเข้าเมืองไปอนุสาวรีย์ฯ หรือออกนอกเมืองไปยังดอนเมืองได้สะดวก แต่นอกจากนี้ก็จะมีประตูออกไปยังซอยประดิพัทธ์ 25 เพื่อไปทะลุออกถนนประดิพัทธ์และกลับรถไปยังอารีย์ได้เลยโดยไม่ต้องไปกลับรถไกลถึงแยกกำแพงเพชร ซึ่งนี่เป็นจุดแตกต่างของโครงการที่อยู่ติดถนนพหลโยธินในโครงการอื่นๆ
นอกจากนี้ความสำคัญของโครงการติดถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนสายหลักของประเทศทำให้มีจุดตัดกับถนนค่อนข้างเยอะ หลักๆ ที่ใช้กันเลยคือ ถนนประดิพัทธ์ ไปทะลุถนนพระราม 6 หรือขึ้น-ลงทางด่วนเพื่อเข้าเมืองได้ง่าย ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ไปออกวิภาวดีรังสิต (แต่ต้องเช็คเวลาด้วยนะคะ เพราะถนนนี้จะเปิดเป็น One Way ด้วยในบางเวลา) เลยไปถึงรัชดาภิเษก-ลาดพร้าวได้ค่ะ ถือว่าการเดินทางด้วยรถยนต์นั้นมีความสะดวกมาก แต่อย่างไรก็ดีทำเลใครที่จะขับรถก็ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยนะคะ เพราะทำเลนี้มีการจราจรที่หนาแน่นมากพอสมควรยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วน ตามประสาย่านที่มีอาคารสำนักงานและมีคนอยู่อย่างหนาแน่น
ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกมาก ทั้งติดรถไฟฟ้าสถานีสะพานควาย และติดถนนใหญ่รวมทั้งหน้าโครงการก็มีป้ายรถเมล์เลยด้วย ดังนั้นใครที่จะพึ่งรถสาธารณะเรียกว่าสบายมากค่ะ นอกจากนี้ขยับไปอีกหน่อยก็จะมีจุดต่อรถขนาดใหญ่อย่างหมอชิตและอนุสารีย์ฯ ซึ่งสามารถต่อรถไปได้ถึงต่างจังหวัดได้เลย
เส้นทางที่เราจะพาไปวันนี้ เราจะเริ่มจาก BTS สะพานควาย ประตูที่ 1 เดินไปดูบรรยากาศรอบๆโครงการบนถนนพหลโยธิน จนถึงแยกสะพานควาย แล้วเดินกลับมาที่ BTS สะพานควายประตูที่ 2 ค่ะ
เริ่มต้นจากสถานีสะพานควาย ทางออกที่ 1
เลี้ยวมาแล้วจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งขาขึ้นด้านซ้าย ที่เป็นบันไดเลื่อนขึ้น ซึ่งถ้าออกมาจากโครงการก็สามารถขึ้นบันไดเลื่อนนี้ได้เลย และด้านขวาจะเป็นขาลงนะคะ เมื่อลงไปแล้วเราจะเดินย้อนกลับไปทางด้านซ้ายเพื่อไปยังโครงการกันค่ะ
ลงมาแล้วบรรยากาศแถบนี้ก็จะเป็นร้านค้าร้านคาเฟ่เล็กๆ เปิดกันใต้อาคารพาณิชย์เก่าแก่นี่แหละค่ะ ตรงไปอีกหน่อยจะเป็นไปรษณีย์ไทยสามเสนใน
เดินย้อนกลับมาเพื่อไปทางโครงการกันนะคะ อย่างที่บอกว่ามีร้านรวงตลอดแนวถนนเลยค่ะ
เดินมาอีกหน่อยก็จะเจอร้านอาหารปักษ์ใต้-กลาง ที่เปิดตั้งแต่เช้ายันดึกเลย ร้านนี้เป็นร้านที่ใกล้กับโครงการมาก ใครไม่ทำกับข้าวมาฝากท้องที่นี่ได้ตั้งแต่เช้า-ค่ำเลยนะ ส่วนรสชาติอาหารเป็นอย่างไรไม่ทราบนะ ใครลองทานกันแล้วมารีวิวให้ฟังกันหน่อยนะคะ ^^
เลยจากร้านอาหารปักษต์ใต้ – กลางมาแล้ว เลยขอย้อนหันหลังกลับไปให้ดูขาขึ้นสถานีสะพานควายกันที่บอกว่าเป็นบันไดเลื่อนที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดแล้วนี่แหละค่ะ
และหันกลับมาทางเดิมยังไม่ได้ก้าวขาไปไหนนะ ติดๆ กับขาขึ้นบันไดเลื่อนเลยจะเป็นป้ายรถเมล์เลยค่ะ ส่วนทางเข้าโครงการก็ก้าวต่อไปอีกนิดหน่อย
และแล้วก็ถึงหน้าโครงการแล้วนะคะ แต่เดี๋ยวเราจะเดินไปดูบรรยากาศโดยรอบแถบโครงการกันต่อ
ติดกับโครงการเลยมี Tesco Lotus Express ที่เปิดตลอด 24 ชม.เลยค่ะ ใครหิว ใครขาดเหลืออะไรฉุกเฉินยามค่ำคืนก็ลงมาซื้อได้สบายเลย
และเดินยาวๆ ไปตลอดแนวก็มีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายกาแฟสด ให้ได้เลือกกินกันไม่เบื่อ
ใกล้ๆกันมีพี่วินคอยให้บริการด้วย
เราเดินต่อไปจะเห็นร้านค้าขายของกินเยอะมากมาย ทั้งร้านใต้อาคารพาณิชย์และร้านรถเข็น
เดินมาอีกนิดจะเป็นพิกัดของมีร้านข้าวมันไก่ “ศรีเหลืองโภชนา” ร้านดังที่มีข้าวมันไก่ไจแอนท์ ซึ่งมีจุดเด่นคือทางร้านมีโปรโมชั่น ถ้าใครกินข้าวมันไก่ไจแอนท์ คนเดียว ภายใน 1 ชม. หมด จะได้กินฟรีไปเลยไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ถ้ากินไม่หมด ก็จ่าย 500 บาท กินกันให้พุงกางไปเลยยยย
หน้าตาข้าวมันไก่ไจแอนท์ ร้านศรีเหลืองโภชนา มาเป็นถาดเลยทีเดียว
เราเดินเลียบริมฟุตบาทต่อไป มองตรงไปจะเห็นว่าข้างหน้ามีร้านแผงลอยขายของกินเยอะมากทั้งสองข้างทางเดินเลย
มองไปฝั่งตรงข้ามเราจะเห็น Big C สะพานควาย เป็นบิ๊กซีขนาดใหญ่ติดถนนพหลโยธินเลยค่ะ
ข้างหน้าจะมีทางม้าลายให้เดินข้ามไปบิ๊กซีได้ด้วย แต่เราจะเดินเลียบฟุตบาทไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะพาข้ามไปที่สะพานลอยข้างหน้า
เดินต่อมาก็ยังคงมีร้านข้ายอาหารน้อยใหญ่อยู่ ข้างหน้ามี 7Eleven ให้สามารถใช้บริการได้ด้วย ข้าง 7Eleven เป็นร้าน 50% Book จำหน่ายหนังสือการ์ตูนมือสอง
เดินต่อมา เมื่อมองไปทางขวามือเราจะเห็นอาคารสูงที่ตกแต่ง Facade ด้วยระแนงสีน้ำตาล นั้นคืออาคารของ ONYX พหลโยธินคอนโด High Rise 26 ชั้น ของแสนสิริ
ติดกันเป็นห้างทองนำเจริญ จำหน่าย รับทำ รับซื้อทองรูปพรรณต่างๆ
ร้านขายผ้า กระดุม ก็มีให้เลือกซื้อหา ร้านใหญ่ทีเดียว
ใกล้ๆกันเป็นร้านวัฒนา ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว เนื้อตุ๋น
ร้านเค้กและเบเกอร์รี่ ร้านขนมไทย หรือร้านขายเครื่องสำอางค์ก็มีนะ
คลีนิกทันตกรรมเด้นท์โฮม สามารถมาทำฟันหรือจัดฟันก็ได้ค่ะ
ใกล้ๆกันมีทั้งร้านทำผม และสถานเสริมความงาม Ramai Clinic สาวๆคงชอบ
ถัดมามีที่จอดรถ 50 บาทตลอดวัน เผื่อใครมาทำธุระแถวนี้ก็มาใช้บริการได้ค่ะ ด้านหน้าเป็นแก็งค์พี่วินมอเตอร์ไซค์เล็กๆ
เดินต่อไปเราก็จะเจอร้านขายเสื้อผ้า ยาววไปตลอดแนวฟุตบาทเลยค่ะ
เราเดินมาจนถึงสะพานลอยข้ามแยกสะพานควาย เดี๋วเราจะพาข้ามสะพานเพื่อไปยังฝั่งตรงข้าม และไปดูบรรยากาศมุมสูงบนแยกสะพานควายกันนะคะ
แยกสะพานควายจะเป็นสี่แยก ที่พาเราไปได้หลายทาง หากเลี้ยวซ้ายจะไปถนนสุทธิสาร สามารถไปห้วยขวาง,รัชดาได้ ส่วนเลี้ยวขวาจะไปถนนประดิพัทธิ์ สามารถไปพระราม 6 ได้ ส่วนบนเส้นถนนพหลโยธิน หากตรงไปจะสามารถไปอนุเสาวรีย์ชัยได้ แต่หากเลี้ยวรถกลับจะไปจตุจักร หรือห้าแยกลาดพร้าวได้ค่ะ
เราหันกลับมาดูที่ถนนพหลโยธิน ทั้งขาเข้า-ออกเมือง ปริมาณรถบนถนนมีเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง และติดขัดเป็นพักๆโดยเฉพาะช่วงเช้า-เย็น
เดี๋ยวเราจะพาเดินเลี้ยวไปบนสะพานลอยอีกด้าน เพื่อไปดูการจราจรบนถนนประดิพัทธ์และถนนสุทธิสารนะคะ
บรรยากาศบนถนนประดิพัทธ์ในเวลาบ่ายแก่ๆแบบนี้ รถก็มีความหนาแน่นปานกลาง บรรยากาศในซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และที่พักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
ลองหันมาดูบรรยากาศบนถนนสุทธิสารกันบ้างในช่วงเวลาเดียวกัน รถที่มาจากถนนสุทธิสาร เพื่อเข้าถนนพหลโยธินค่อนข้างหนาแน่นทีเดียว ส่วนรถที่วิ่งออกไปบนถนนสุทธิสารเพื่อออกไปยังห้วยขวาง, รัชดายังไม่หนาแน่นมากนัก บรรยากาศในซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และที่พักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
เราเดินย้อนกลับไปที่ BTS สะพานควายกันต่อนะคะ โดยจะพาเดินลงบันไดไปตามฟุตบาทบนถนนพหลโยธิน ซ้ายมือส่วนใหญ่เป็นตึกแถว 3-5 ชั้น เป็นแผงอาคารยาวไปเลย
ลงมาจากสะพานลอยปุ๊บ เราจะเจอร้านแผงลอยเยอะมาก ที่เห็นก็เกือบทุกอย่างนะ ตั้งแต่รองเท้า อาหาร ดอกไม้ เครื่องประดับ เรียกได้ว่าเบ็ดเตล็ดจัดหมวดหมู่ลำบากทีเดียว
ตรงนี้มีสำนักงานและตู้เอทีเอ็มของ LH Bank ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ ซ้ายมือเป็นแผงลอยขายดอกไม้ไหว้พระค่อนข้างเยอะ
ถัดไปเป็น Big C สะพานควาย หน้า Big C นี่ของขายเพียบ
ทางเข้า-ออก ที่จอดรถ Big C มีจุดจอดรถตุ๊กๆด้วยนะ
ถัดจาก Big C ก็มีสำนักงานและตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทยสามารถมาใช้บริการได้
ใกล้ๆกันเป็นโรงพยาบาลเปาโล เมมโมเรียล สะพานควายเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดค่ะ
ถัดมาเป็นสำนักงานและตู้เอทีเอ็มของธนาคารธนชาต
ใกล้ๆกันเป็นร้าน Boots ที่มี Office Mate ร้านขายอุปกรณ์สำนักงานอยู่ด้านหลัง
ถัดจากร้าน Boots มานิดเดียว เราก็จะเห็นทางขึ้น BTS สะพานควายแล้วค่ะ
ทำเลและบริบทโดยรอบโครงการอยู่ใจกลางสะพานควาย ล้อมรอบไปด้วยแหล่งชุมชน อาคารพาณิชย์ อพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม และสิ่งสำคัญคือ Big C และโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล พหลโยธิน ขยับเข้ามาในพื้นที่ที่ติดกับโครงการเลยนั้นจะเป็นอาคารแนวราบ และอพาร์ทเม้นท์สูง 7-8 ชั้น ซึ่งไม่ส่งผลกับตัวโครงการมากนัก เนื่องจากชั้นพักอาศัยของโครงการจะเริ่มต้นในชั้น 9 ขึ้นไปค่ะ
- ทิศเหนือ : อาคารพาณิชย์ อพาร์ทเม้นท์ และบ้านเดี่ยว
- ทิศตะวันออก : ถนนพหลโยธิน
- ทิศใต้ : อาคารพาณิชย์
- ทิศตะวันตก : บ้านเดี่ยวและอพาร์ทเม้นท์ในซอยประดิพัทธ์ 25
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงพยาบาลเปาโลเมมโมเรียล ~260 เมตร
- บิ๊กซี สะพานควาย ~350 เมตร
- ตลาดนัดสวนจตุจักร ~1 กม.
- La Villa อารีย์ ~1.9 กม.
- ยูเนี่ยนมอลล์ ~2.7 กม.
- โรงพยาบาลพญาไท 2 ~2.9 กม.
- ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ~3.0 กม.
- อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ~3.5 กม.
- โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ~3.4 กม.
- เมเจอร์ รัชโยธิน ~4.2 กม.
- สยามสแควร์ ~6.3 กม.
โครงการ The Signature by Urbano เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น จำนวนยูนิตทั้งหมด 253 ยูนิต บนเนื้อที่ดินประมาณ 2 ไร่เศษ ตัวโครงการออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury ตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาคอนโดติดรถไฟฟ้าในระดับพรีเมี่ยม ซึ่งต้องมีเงินในกระเป๋าเริ่มที่ 10 – 16 ล้านบาท (ราคาขายห้อง 2-3 Bedroom ในปัจจุบัน) ด้วยวัสดุเกรดดีและมองหาห้องพักอาศัยขนาดใหญ่ เพราะตัวโครงการนี้เค้าจะเน้นห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่ เหมาะกับการอยู่อาศัย 2 คนหรือเป็นครอบครัวได้ค่ะ เดี๋ยวเราไปดูตัวโครงการกัน
เริ่มจาก Master Plan โครงการกัน ลักษณะแปลงที่ดินจะเป็นแปลงหน้าแคบและยาวไปสุดที่ซอยประดิพัทธ์ 25 นะคะ จุดทางเข้า-ออกหลักๆ นี่จะอยู่ด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนพหลโยธิน จากนั้นมีถนนตรงลึกไปถึงส่วน Drop Off มาประมาณ 60 ม. ก็ถือว่าเดินไม่ไกลนะคะ (เผื่อใครดูใน Master Plan อาจจะรู้สึกว่าลึก) และเมื่อผ่านป้อมยามมาแล้วก็จะมีทางเดินขนาบข้างกับถนนตรงเข้าไปอาคารด้านในค่ะ
ลักษณะการเดินรถของโครงการเป็นแบบ One Way เข้าใจง่ายคือขับวนล้อมรอบตัวอาคาร และเข้าส่วนที่จอดรถด้านข้าง ซึ่งชั้นจอดรถนี้จะมีทั้งหมด 7 ชั้น รวมที่จอดรถทั้งหมดคิดเป็น 70% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน ก็ถือว่าให้มาเยอะพอสมควรเลย เมื่อเทียบกับโครงการข้างเคียง ถือว่าดีสำหรับใครที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเป็นประจำ ซึ่งคิดว่า 70% นี้ก็น่าจะเพียงพอและเป็นตัวเลขที่ไม่มากไม่น้อยไป เมื่อหักลบกับทำเลที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า และรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกเช่นกัน แต่ด้วยโครงการที่เน้นขายห้อง 2 Bedroom เป็นหลักแน่นอนว่าสมาชิกในห้องก็ต้องมีมากกว่า 1 คนขึ้นไปเป็นปกติ จำนวนรถต่อห้องก็มากกว่า 1 คันเช่นกัน
สำหรับชั้นล่างของอาคาร แบ่งเป็นส่วน Lobby ด้านหน้า ที่จอดรถ และ Back of House ค่ะ ภายใน Lobby นี้มีพื้นที่นั่งเล่น/ต้อนรับ, Mail Box, ห้องน้ำ และห้องนิติบุคคล ซึ่งนิติบุคคลที่ดูแลโครงการนี้จะใช้บริษัท Century 21 ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลโครงการใหญ่ๆ มาหลากหลายโครงการแล้วนะคะ
จากด้านหน้าโครงการที่ติดกับถนนพหลโยธิน เข้ามาจะเป็นถนน 2 เลนสวนกันยาวไปจนถึงอาคารด้านในเลย ด้านข้างมีแต่งสวนตกแต่งไว้เรียบร้อยดี และมีทางเท้าเชื่อมกับฟุตบาทด้านนอกอยู่ทางด้านขวาค่ะ ถนนด้านหน้าของโครงการใช้วัสดุ Concrete Stamped ดูสวยงามเรียบร้อยดีค่ะ
ตรงมาอีกหน่อยเป็นจุดป้อมรปภ. นะคะ ในส่วนนี้ไม่ได้มี Key Card Access นะคะ แต่จะใช้ Sticker แปะหน้ารถปกติและพี่ยามจะเป็นผู้เปิดไม้กระดกอัติโนมัติให้เอง
ถัดจากป้อมรปภ.ไป ฝั่งขวามือเป็นทางเดินยาวไปถึงจุด Drop Off หน้าทางเข้าอาคารเลย ด้านข้างปลูกต้นไม้ไว้ให้ดูร่มรื่นและบังแดดได้ระดับนึง ช่วยให้เวลาเดินได้ง่ายขึ้น
ส่วนอีกด้านปูคอนกรีตตัวหนอนไว้ ไม่ได้ทำเป็นที่จอดรถนะคะ แต่สามารถจอดมอเตอร์ไซต์หรือจอดจักรยานได้อยู่ค่ะ
ลักษณะการเดินรถจะเป็นแบบอ้อมล้อมอาคาร โดยทางเข้าที่จอดรถจะอยู่ด้านหลังโครงการค่ะ ส่วนใครนั่งแท็กซี่หรือเพื่อนมาส่งก็วนรถตรงจุด Drop-Off เข้าในอาคารได้เลย
ตลอดทางมีที่จอดรถด้านข้าง ส่วนตรงไปอีกเป็นทางเข้า-ออกชั้นจอดรถ
ตรงทางเข้า-ออกชั้นจอดรถนั้นก็จะมีไม้กั้นกระดกอัตโนมัติอีกทีค่ะ แต่บริเวณจุดนี้จะมี Key Card Access ระยะใกล้ ให้ทับบัตรก่อนจะเข้าไปจอดด้านใน
บรรยากาศภายในชั้นจอดรถหน้าตาประมาณนี้ค่ะ มีขนาดช่องจอดรถมาตรฐาน และโปร่งโล่งมีแสงสว่างเพียงพอ รวมทั้งมีโถงลิฟต์ส่วน Service ให้ขึ้น-ลงอาคารได้
ลงมาด้านชั้นล่างเหมือนเดิม เลยจากส่วนที่จอดรถมาแล้วสุดทางจะเห็นประตูบานเลื่อนซึ่งสามารถออกไปยังซอยประดิพัทธ์ 25 ได้ จะสะดวกมากสำหรับใครจะเข้าถนนประดิพัทธ์ไปขึ้นทางด่วน หรือกลับรถไปทางอารีย์
เลี้ยวมาอีกฝั่งสุดทางจะเป็นจุด Loading Area
แอบส่องเข้าไปในจุด Loading จะแยกออกเป็น 2 ทางคือส่วนทางเข้า Lobby และโถงลิฟต์ Service ค่ะ ใครที่จะขนของขนเฟอร์นิเจอร์ขึ้นก็ใช้จุดนี้เป็นจุดขนของได้เลยค่ะ
ตรงมาอีกหน่อยก็จะไปบรรจบเจอกับส่วน Drop-Off แล้วค่ะ
เข้ามาในส่วน Lobby กันต่อค่ะ ทางเข้าตกแต่งด้วยประตูสีทองแดงหรูหรา ประตูเป็นประตูบานใหญ่แข็งแรงและมีน้ำหนักพอสมควรเลย
เข้ามาภายใน Lobby ตกแต่งในสไตล์ Modern Luxury เน้นการตกแต่งในโทนสีเทา – ดำ และใช้เส้นสายสีทองแดงเพิ่มสีสัน Lobby นี้ขนาดไม่ได้ใหญ่มากแต่ด้วยออกแบบเป็นฝ้าเพดานยกสูงแบบ Double Volume จึงทำให้ในส่วนนี้ดูโปร่งโล่ง
ภายในบริเวณ Lobby จัดพื้นที่นั่งเล่นไว้ให้เป็นสัดส่วนโดยการยกระดับพื้นที่ขึ้นมาเป็นสัดส่วน และวางชุดโซฟาให้นั่งเล่นหลายชุดรวมทั้งมีโต๊ะทำงานยาวๆ ไว้ให้ด้วยค่ะ
อีกฝั่งนึงเป็นส่วนโถงลิฟต์โดยสาร Reception และห้องนิติบุคคล ตรงไปอีกหน่อยจะเป็นโถงทางเดินเชื่อมไปยังส่วน Mail Box, ห้องน้ำ และทางออกไปยังส่วนที่จอดรถค่ะ
ส่วน Mail Box เป็นสัดส่วน ด้านบนทำฝ้าเพดานและติดดวงไฟใหญ่มาก สะท้อนกับ Locker ตู้จดหมายสีดำทำออกมาได้สวยดีทีเดียวค่ะ
ตรงไปอีกหน่อยก็จะเป็นส่วนห้องน้ำซึ่งจะแยกห้องชาย/หญิงอย่างละ 1 ห้อง โดยห้องที่ถ่ายมาจะเป็นห้องน้ำชายนะคะ
ทางเข้าโถงลิฟต์โดยสาร ใช้ Key Card Access เข้ามาก่อน ภายในโถงลิฟต์มีลิฟต์ทั้งหมด 3 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ประมาณ 84.3 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นน้อยกว่าปกติ ไม่ต้องรอลิฟต์นาน
ภายในลิฟต์ตกแต่งด้วยสีสันและโทนเดียวกับส่วน Lobby เลย ส่วนระบบลิฟต์เป็นแบบลิฟต์ล็อกชั้น ซึ่งจะสามารถขึ้น-ลงได้ในชั้นห้องพักของตัวเองและชั้น Facilities เท่านั้น ถือเป็นการรักษาความปลอดภัยอย่างนึงที่ดีนะคะ ช่วยกันคนภายนอกได้อีกชั้นนึงรวมทั้งยังกันเพื่อนบ้านในชั้นอื่นๆ ได้อีกด้วย
ชั้น 8 นี้จะเป็นชั้นเริ่มต้นห้องพักอาศัย และสำหรับชั้นนี้จะมี Facilities คือสระว่ายน้ำด้วยค่ะ โดยจากตำแหน่งลิฟต์โดยสารนั้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนห้องพักอาศัยและ Facilities ชัดเจนด้วยการกั้นประตูเป็น Double Access เฉพาะลูกบ้านในชั้นนี้เท่านั้นที่จะเข้าได้ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านในชั้นนี้มากขึ้น ส่วนห้องพักอาศัยในชั้นนี้จะมีจำนวนยูนิตน้อยกว่าชั้น Typical Floor Plan โดยมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 11 ยูนิต ส่วนโถงทางเดินนั้นออกแบบให้เป็นกระจกใสเพื่อให้บริเวณโถงทางเดินสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำด้านข้างได้ด้วย รวมทั้งเป็นโถงที่ไม่ทึบ เพราะได้แสงสว่างจากด้านนอกมาเต็มที่เลยค่ะ
จากโถงลิฟต์จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือฝั่งสระว่ายน้ำและห้องพักอาศัย เดี๋ยวเราไปดูสระว่ายน้ำกันก่อนนะ
เดินตรงมาหน่อย จะเห็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ที่มีความยาวประมาณ 20 ม. ระบบเกลือ ด้วยความยาวสระนี้สามารถเป็นสระที่ใช้ออกกำลังกายได้ค่ะ ส่วนด้านข้างเป็นพื้นไม้เทียมทนแดดทนน้ำยาวไปถึงด้านใน
สุดทางมีทางเดินข้ามสระว่ายน้ำแบบนี้ด้วยค่ะ และก็จะเป็นทางเดินยาวขนานกับสระ ส่วนด้านในหลังกระจกนั้นจะเป็น Corridor ของห้องพักในชั้นนี้ค่ะ ใครที่เลือกห้องพักด้านนี้เวลาเดินเข้าห้องพักก็จะได้วิวสระว่ายน้ำด้วยและมีโถงทางเดินที่สว่างทั้งโถงเลย ไม่ต้องพึ่งดวงไฟ
ระหว่างทางข้ามสระ จะมีบันไดขึ้น-ลงสระแบบนี้ค่ะ ง่ายดี
เดินตรงมาอีกหน่อยระหว่างช่วงเสาทำเป็นสระแช่ มีที่นั่งให้ทั้ง 2 ข้าง
ขยับมาอีกช่วงเสานึงตามรอยเส้นประสีเหลืองจะเป็นสระว่ายน้ำเด็กค่ะ โดยจะก่อพื้นสูงขึ้นมาแบ่งพื้นที่สระเด็กและสระผู้ใหญ่ค่ะ
ด้านในมีพื้นที่นั่งเล่นบนสนามหญ้าขนาดย่อมๆ วาง Day Bed ให้ 2 ที่นั่ง
หันกลับมามองสระว่ายน้ำกันอีกที จากบริเวณพื้นที่นั่งเล่นจะได้บรรยากาศประมาณนี้ค่ะ ค่อนข้างสงบพอสมควร ส่วนใครที่เลือกห้องพักในฝั่งนี้ในชั้นไม่สูงมากนักก็พอจะได้วิวสระว่ายน้ำด้วยค่ะ
นอกจากนี้จะมีส่วนห้องน้ำและซาวน่าด้วยค่ะ แต่จะอยู่ในชั้นล่างของสระว่ายน้ำนี่แหละ เดี๋ยวเราเดินลงไปดูกันค่ะ
สำหรับห้องน้ำและซาวน่านั้นจะแยกหญิง/ชายให้เรียบร้อยค่ะ
ถ่ายภายในห้องน้ำของห้องผู้หญิงมาให้ดู ตกแต่งได้สวยงามโดยใช้พื้นและผนังเป็นกระเบื่องลายหินอ่อน และเก็บขอบวงกบตกแต่งด้วยโลหะสีทองแดงดูหรูหรา ภายในมีห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องอาบน้ำ 1 ห้องและห้องซาวน่า 1 ห้องค่ะ ด้านข้างจะมีพื้นที่นั่งและตู้ล็อกเกอร์ให้เรียบร้อย รองรับคนใช้งานพร้อมๆ กันได้สูงสุดประมาณ 8 คน
กลับมาที่โถงลิฟต์เหมือนเดิมนะคะ อีกฝั่งของอาคารจะเป็นส่วนห้องพักอาศัยแล้ว ซึ่งเฉพาะชั้นที่เป็นทั้งชั้นพักอาศัยและชั้น Facilities นั้นจะมี Double Access เพิ่มขึ้นมากั้นระหว่างโถงลิฟต์โดยสารและโถงทางเดินไปยังห้องพักอาศัย เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ห้องพักในชั้นที่มี Facilities มากขึ้นได้ดีค่ะ โดยลูกบ้านในชั้นนี้จะต้องสแกนบัตรก่อนเข้าส่วนโถงทางเดินด้านใน
ภายในโถงทางเดินกว้างประมาณ 1.5 ม. ตกแต่งโทนสี Monotone สุดทางเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ช่วยให้แสงสว่างส่องเข้ามาภายในโถงทางเดินได้ดีระดับนึง สามารถลดจำนวนดวงโคมที่เปิดให้แสงสว่างบริเวณโถงทางเดินได้บ้าง ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายค่าส่วนกลางไปได้บางส่วนด้วยนะคะ
ขึ้นมาอีกชั้น หรือชั้น 9 นี้นอกจากจะมีห้องพักอาศัยแล้วในชั้นนี้ก็จะมีส่วน Facilities ด้วยซึ่งก็คือ Cubic Lounge ค่ะ
ภายใน Cubic Lounge นี้เขาทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่ทำงานด้วย สำหรับใครที่ต้องการนั่งทำงานเงียบๆ หรือจะมานั่งเล่นนั่งคุยงานกับเพื่อนได้ ซึ่ง Lounge นี้จะไม่ได้เป็นเชิงพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนเพื่อชมวิวและบรรยากาศภายนอกเท่าไหร่นะคะ เพราะหากใครอยากจะนั่งเล่นชมวิวเพลินๆ Sky Lounge ในชั้นบนสุดจะตอบโจทย์กว่า
ภายในห้องนี้มี Pantry ให้เตรียมอาหารว่างเอง มีตู้เย็นให้ และทีวี ซึ่งทีวีนี้ก็สามารถมาต่อกับคอมพิวเตอร์ เพื่อใครจะจัดประชุมเล็กๆ ได้เหมือนกันนะคะ
ชั้น 10 – 30 จะเป็นชั้นที่มีแต่ห้องพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งลักษณะของแปลนจะคล้ายๆ กัน เพียงแต่ยิ่งชั้นสูงขึ้นไปจำนวนยูนิตต่อชั้นก็จะลดลงไปเรื่อยๆ เพราะตัวอาคารได้ออกแบบให้เป็นขั้นบันไดขึ้นไป (stack) แปลนเป็นลักษณะยาวตามที่ดินอาคาร มีทางเดินตรงกลางยาวเป็นตัว I มีช่องเปิดอยู่ทางด้านซ้ายทางเดียวและทางเดินจะแบ่งห้องเป็น 2 ฝั่ง (Double Corridor) ตรงกลางแปลนเป็นตำแหน่งของลิฟต์เป็นตำแหน่งที่เดินได้สะดวกไม่ไกลนักด้วยตำแหน่งของลิฟต์และจำนวนยูนิตที่ไม่มากนัก จะเห็นห้อง 2 Bedroom ในทิศเหนือที่แยกออกมาอยู่เพียง 2 ยูนิต ถือเป็นตำแหน่งห้องที่ Private พอสมควรเลยและยังได้เป็นห้องมุม สามารถ Take View ได้ 2 ฝั่งอีกด้วย
ชั้น 31 เป็นชั้นสูงสุดของอาคาร ในชั้นนี้มีส่วนห้องพักอาศัยเพียง 2 ยูนิตเท่านั้นค่ะ และอีกฝั่งเป็นส่วน Facilities ของโครงการคือ Sky Lounge และ Sky Fitness
จากโถงลิฟต์ชั้น 31 เราจะเดินไปดู Sky Lounge กันก่อนเลยนะคะ ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
ภายใน Sky Lounge ยกฝ้าเพดานสูงเป็น Double Volume และติดตั้งกระจกสูงถึงฝ้าเพดานทั้ง 3 ด้าน สามารถชมวิวได้แบบมุมกว้างเลยค่ะ ภายในจัดชุดโซฟาขนาดใหญ่ประมาณ 5-6 ชุด และด้านข้างมี Counter Bar ให้ด้วยค่ะ เผื่อใครจะจัดปาร์ตี้หรือชงเครื่องดื่มเคล้ากับการเสพบรรยากาศวิวภายนอก
ฝั่ง Sky Lounge จะหันหน้าไปทางทิศเหนือ บวกกับได้กระจกสูงแบบพื้นถึงฝ้าเพดานแบบนี้ วิวที่ได้นั้นจะเป็นวิวระยะไกลไปถึงสวนจตุจักรกันเลยทีเดียวค่ะ
อีกฝั่งด้านข้าง Counter Bar จะมีห้องน้ำให้ 1 ห้อง
ห้องน้ำนี้จะไม่ได้แยกชาย/หญิงนะคะ เป็นห้องน้ำรวมเพียง 1 ห้องในส่วน Sky Lounge นี้ มีเคาน์เตอร์ยาว โถสุขภัณฑ์และโถชายด้วย
อีกฝั่งก็มี Sky Fitness ค่ะ เดี๋ยวเราไปดูข้างในกัน
ภายในห้องฟิตเนสนี้มีขนาดใหญ่นะ มีเครื่องออกกำลังกายค่อนข้างมากทีเดียวค่ะประมาณ 13-14 เครื่อง ซึ่งถือว่าให้มาพอสมควร น่าจะเพียงพอกับการใช้งานค่ะ โดยรอบห้องเป็นกระจกทั้ง 3 ด้านได้รับวิวอย่างเต็มที่
วิวที่ได้จากลู่วิ่งในห้อง Sky Lounge นี้ ฟินมากมากค่ะ
อีกฝั่งเป็นพื้นที่เวท และด้านในสุดเขาจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น นั่งพักให้ด้วย
บริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้จะมีเก้าอี้เบาะแบบนี้ และมีทีวีให้ 1 ตัว ไม่ได้เน้นเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบมีชุดโซฟาสบายๆ นะคะ แต่จะเป็นอารมณ์นั่งพักเหนื่อย หรือมานั่งยกดัมเบลเล่นๆ คุยกับเพื่อนบ้านกันได้ค่ะ
สุดท้ายแล้วเรามาดูวิวบนยอดตึกกันเถอะ ว่าบรรยากาศจะเป็นอย่างไร แต่โดยรวมแล้วไม่มีด้านในที่ถูกบล็อกวิวนะคะ ได้วิวระยะไกลหมด แล้วแต่คนเลือกว่าชอบบรรยากาศประมาณไหนค่ะ
ทิศเหนือ : A วิวในทิศนี้จะเป็นวิวระยะไกล เพราะสภาพแวดล้อมโดยรอบนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแนวราบหรือ Low Rise สูงไม่มาก จึงสามารถเห็นวิวได้ในระยะไกลไปถึงสวนจตุจักรเลยค่ะ แต่วิวที่มองไปเห็นสวนจตุจักรนี้เมื่อ Ideo พหลฯ-จตุจักรสร้างเสร็จก็อาจจะถูกบังไปอยู่เหมือนกันนะคะ
ทิศตะวันออก : B มาที่วิวด้านหน้าโครงการซึ่งหันไปทางถนนพหลโยธิน วิวที่ได้จะเป็นวิวระยะไกลเช่นกันเลยไปถึงฝั่งวิภาวดี และรัชดาภิเษกกันเลยค่ะ แต่ที่เห็นเด่นๆ ในทิศนี้ก็จะเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้กับโครงการเลยอย่างโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล และ Ideo Mix พหลโยธินค่ะ
ทิศใต้ : C ทิศนี้จะหันไปทางอารีย์นะคะ สำหรับในทิศนี้ใครที่อยู่ชั้นสูงเลยชั้น 27 ไปก็จะมองเห็นวิวได้ในระยะไกลมากขึ้น เหมือนในรูปนี้ที่ถ่ายจากดาดฟ้า เพราะสามารถมองข้ามคอนโด Onyx ที่มีความสูง 26 ชั้นได้
ทิศตะวันตก : D ทิศนี้หันหน้าไปทางประดิพัทธ์เลยไปถึงพระราม 6 วิวที่ได้ก็จะโล่งมองเห็นในระยะไกลเช่นกันค่ะ วิวในทิศนี้จะเป็นแนวราบและอพาร์ทเม้นท์ หรือ คอนโด Low Rise ให้เห็นเป็นส่วนใหญ่ จะมีเห็นคอนโด High Rise ในระยะไกลๆ อย่าง LPN และ Rhythm พหล-อารีย์ ส่วนในอนาคตตรงข้าม Rhythm ก็จะมี The Line ที่มีความสูง 46 ชั้นขึ้นมาด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำยาว 20 ม. ระบบเกลือ แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 13-14 เครื่อง
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 84.3 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ คิดเป็น 70% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
เรามาดูห้องตัวอย่างกันค่ะ สำหรับปัจจุบันห้องที่เหลือจะเป็นห้อง 2 Bedroom และ 3 Bedroom ซึ่งเหลือเพียงไม่กี่ยูนิตก็จะปิดการขายกันแล้ว รูปแบบการขายของ Urbano ก็คง Concept เดิมคือขายแบบ Fully Fitted โดยใช้เฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากต่างประเทศ
ห้องที่จะพาไปดูคือห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการคือ ห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 48 ตร.ม. รูปแบบแปลนเหมือนกับแบรนด์ Urbano โครงการอื่น เป็นขนาดที่เหมาะสำหรับอยู่อาศัยได้เป็นครอบครัวหรือคนที่มองหาห้องขนาดใหญ่ขึ้
ส่วนพื้นที่นั่งเล่นของห้องนี้จะไม่ได้อยู่ติดภายนอกได้รับวิวนะคะ อาศัยมีช่องแสงจากห้องนอนเล็กและส่วน Study ที่ได้ช่องแสงเช่นเดียวกัน สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายค่ะ ในส่วนพื้นที่ครัวได้เป็นแบบครัวเปิดนะคะ เหมาะกับการทำอาหารง่ายๆ เบาๆ หรืออุ่นอาหารมากกว่าการทำอาหารหนักนะคะ
เริ่มจากหน้าห้องใช้ประตูขนาดใหญ่วัสดุ HDF ปิดผิวด้วยลามิเนต ส่วนมือจับใช้แบบ Digital Door Lock จาก Yale สามารถเปิดได้ทั้งหมด 4 วิธี คือ 1. ไขกุญแจปกติ 2. ใช้คีย์การ์ดสแกน 3. ใส่รหัส และ 4. เปิดประตูผ่าน Bluetooth ของมือถือค่ะ ซึ่งก็มีตัวเลือกค่อนข้างมากทีเดียว เผื่อใครชอบลืมของหรือทำของหายก็พอจะเลือกตัวเลือกอื่นๆ ให้เข้าห้องได้
พื้นยกระดับจากพื้นโถงทางเดินขึ้นมาเล็กน้อย จบขอบด้วยไม้สำเร็จรูปสีดำ ส่วนพื้นด้านในเป็นลามิเนต หนา 12 มม. ค่ะ
ด้านหลังประตูติด Door Stopper ให้เรียบร้อย กันประตูไปชนกับผนังซึ่งจะทำให้เป็นรอยเวลาเปิดประตูแรงๆ ได้
จากทางหน้าห้องเข้ามาจะเจอกับส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อนค่ะ ส่วนด้านข้างของพื้นที่นั่งเล่นนั้นจะเป็นพื้นที่ครัวซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปดูต่อไปนะ เราดูส่วนพื้นที่นั่งเล่นกันก่อน บริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้ตรงผนังเราจะเห็นกระจกบาน Fixed ที่สามารถเพิ่มแสงสว่างให้พื้นที่นั่งเล่นได้มากขึ้นมาหน่อย โดยจะได้แสงมาจากห้องนอนที่ติดกับหน้าต่างด้านนอกนี่แหละค่ะ นอกจากนี้การมีช่องกระจกแบบนี้ก็ช่วยให้พื้นที่บริเวณนั่งเล่นโปร่งโล่งขึ้นมานะ แต่ก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวของห้องนอนและพื้นที่ผนังบริเวณพื้นที่นั่งเล่นที่จะเสียไป ซึ่งใครที่รู้สึกว่าห้องนอนไม่เป็นส่วนตัวไปหน่อยก็สามารถติดฟิล์มฝ้าหรือม่านเพิ่มเติมได้นะคะ
ขนาดของพื้นที่นั่งเล่นนี้ประมาณ 2.4 x 2.35 ม. ซึ่งส่วนนี้ทางโครงการจะแถมชุด Built-in วอลเปเปอร์ และแอร์ Daikin ครบ แต่ไม่ได้ให้โซฟานะคะ ส่วนระยะห่างของทีวีกับโซฟานี้อยู่ที่ประมาณ 2.1 ม. สามารถวางทีวีขนาด 46″ ได้ค่ะ สำหรับพื้นที่ตรงกลางระหว่างโซฟากับทีวีนั้นมีความกว้างพอสามารถวางโต๊ะกลางเล็กๆ ได้แต่ถ้าใครไม่ได้เน้นมานั่งนอนกินขนมดูทีวีแบบที่จำเป็นต้องใช้โต๊ะกลางไม่ต้องวางโต๊ะกลางหรือเลือกโต๊ะกลางที่พับเก็บได้เพื่อให้มีทางเดินสะดวกมากขึ้น
ชั้นวางทีวีได้แบบ Built-in มาครบนำเข้าจาก Euro Creation หน้าบานปิดผิวด้วย Hi-Gloss ด้านล่างมีลิ้นชักและพื้นที่วางของได้ระดับนึงเลย ส่วนด้านบนเป็นชั้นวางของและตู้โชว์กระจกสวยงามภายในติดหลอดไฟมาให้ด้วยนะ สำหรับบานเปิดทั้งหมดจะได้แบบ Soft Close นะคะ
ชุดโซฟานี่ไม่ได้นะคะ ลูกบ้านต้องซื้อมาวางเองนะ ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้สามารถรองรับโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งได้ค่ะ หรือใครที่ไม่ได้เน้นนอนเล่นดูทีวีก็สามารถซื้อโซฟา 2 ที่นั่งและซื้อโต๊ะข้างโซฟามาวางของเพิ่มเได้นะ
หันมาด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งจากประตูทางเข้าจะเป็นพื้นที่ครัวค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกัน
ส่วนครัวนี้จะได้เป็นครัวเปิดนะคะ เหมาะกับการทำอาหารเบาๆ อย่างอุ่นอาหารมากกว่าการทำอาหารหนักๆ เพราะเรื่องของกลิ่นอาหารที่จะลอยฟุ้งไปทั่วห้องได้ ส่วนชุดครัวและโต๊ะรับประทานอาหารนี้จะได้ครบทั้งเซตตามแบบห้องตัวอย่างเลยแต่จะยกเว้นตู้เย็นและเก้าอี้ลอยตัวเท่านั้นค่ะ
ตู้เก็บของด้านบนได้บาน Hi-Gloss และ Soft Close เช่นเดียวกับชั้นวางทีวี ส่วนผนังส่วนครัวนั้นกรุด้วยกระจกสีขุ่นช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น รวมทั้งมีติดตั้งหลอดไฟ LED ส่องลงมาด้านล่าง Pantry ให้ด้วยนะ และส่วนท็อปของ Pantry นั้นใช้เป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งก็มีความทนน้ำ ทนกรดได้ดีเหมาะกับการในการใช้งาน
บริเวณที่วางตู้เย็นจะเว้นช่องไว้ให้ซึ่งตำแหน่งนี้จะอยู่ติดกับประตูทางเข้า แต่ Flow การใช้งานจะไม่ค่อยสะดวกเวลาเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบอาหารมาล้างมาเตรียมเพราะเวลาเปิดนั้นบานเปิดตู้เย็นจะหันเข้าไปทางส่วน Pantry ด้านใน ซึ่งวิธีแก้ความไม่สะดวกนี้ก็ไม่ได้ยากอะไรค่ะแค่ซื้อตู้เย็นที่เปิดได้ 2 ด้านซ้าย-ขวามาใส่แทนทีนี้ก็จะสะดวกแล้ว
มาดู Pantry ด้านล่างกันบ้างบริเวณส่วนนี้มีความกว้างทางเดินอยู่ที่ประมาณ 0.8 ม. ซึ่งก็ถือว่าเข้า-ออกได้สะดวกอยู่นะคะ แต่เวลาจะเปิดบานเปิดตู้ด้านข้างนั้นก็จะลำบากหน่อยเพราะบานเปิดค่อนข้างใหญ่เหมือนกัน
อ่างล้างจานเป็นแบบฝังมีหลุมเดียวจาก Teka
ส่วน Hob & Hood นั้นก็จาก Teka เช่นกัน เตาเป็นหัวเซรามิก 4 หัวและปุ่มกดเป็นแบบ Touchscreen ส่วน Hood นั้นใช้ระบบหมุนเวียนทั่วไป ซึ่งคุณภาพในการดูดควันนั้นการดูดควันแบบส่งท่อออกด้านนอกจะมีประสิทธิภาพมากกว่านะ
ใต้เตาเซรามิกนั้นเป็นลิ้นชักที่เก็บพวกช้อนส้อมต่างๆ แบบนี้ค่ะ
พื้นที่รับประทานอาหารนั้นเป็นโต๊ะที่เชื่อมกับ Pantry เลย ซึ่งใช้วัสดุเป็นหินสังเคราะห์ทั้งตัวดูสวยงามและแข็งแรงดีค่ะ ส่วนเก้าอี้นั้นไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ ลูกบ้านต้องซื้อมาวางเองนะ
และด้วยโต๊ะรับประทานอาหารนั้นไปกันพื้นที่ที่เป็นบานเปิดไป แทนที่จะปิดตายไปเลยก็จะเสียพื้นที่ใช้งานด้านใน Pantry ไป เขาจึงทำบานเปิดมาให้ด้านข้างแทนซึ่งใช้เป็นที่วางเครื่องซักผ้าขนาด 7 กิโลกรัมได้ค่ะ
ถัดจากส่วนครัวจะเป็นโถงทางเดินเล็กๆ แจกไปยังฟังก์ชันต่างๆ คือซ้ายเป็นห้องนอนเล็ก และห้องน้ำ ส่วนตรงกลางคือพื้นที่อเนกประสงค์ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นส่วน Study หรือพื้นที่ทำงานแยกส่วนกับพื้นที่นั่งเล่นไปเลยให้ชัดเจน เพื่อจะได้มีสมาธิในการทำงานหรือเป็นสัดส่วนมากขึ้น ส่วนฝั่งขวาเป็น Master Bedroom
ส่วน Study มีขนาดพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 2.75 x 1.5 ม. จะได้ชุด Built-in โต๊ะทำงานให้เรียบร้อย ซึ่งเมื่อวางเฟอร์นิเจอร์ไปแล้วก็เหลือพื้นที่ทางเดินพอสมควรให้เดินได้สบายๆ ค่ะ
ชุด Built-in โต๊ะทำงานพร้อมชั้นวางของครบ แต่ไม่ได้ให้เก้าอี้มาเช่นเดิมนะ
โต๊ะนี้มีลิ้นชักให้ 2 ลิ้นชักใหญ่ๆ ไว้เก็บเอกสารและของใช้เครื่องต่างๆ
ชั้นวางของสเป็กเดียวกับชั้นวางทีวีบริเวณห้องนั่งเล่นนะคะ ส่วนบานเปิดด้านล่างจะเห็นที่วางรองเท้าด้วย อาจจะดูผิดตำแหน่งไปหน่อย เพราะพื้นที่หน้าประตูทางเข้าห้องนั้นเป็นโซฟานั่งเล่นกับชุดครัวไปแล้วนั่นเอง
ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอก
มือจับจะไม่ได้มีให้นะคะ และมีตัวล็อกก้นหอยเพียงจุดเดียวแบบนี้ ส่วน Fitting ของประตูถือว่าทำมาได้ดีมีความแข็งแรงและเก็บเสียงได้ดีเลยเพราะด้านในของวงกบนั้นติดยางเพื่อให้การปิดประตูแนบสนิทมายิ่งขึ้นค่ะ
มาดูระเบียงด้านนอกกันต่อนะคะ ในส่วนวงกบที่กั้นระหว่างพื้นภายในห้องกับพื้นระเบียงนั้นค่อนข้างสูงระดับนึงแต่ไม่ได้ถึงกับก้าวยากนะคะ สำหรับพื้นระเบียงด้านนอกนั้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ส่วนราวกันตกนั้นเป็นราวเหล็กพ่นสีดำค่ะ
พื้นที่ระเบียงนี้เป็นระเบียงยาวเชื่อมห้องนอนและส่วน Study ไว้ด้วยกันและมีฟังก์ชันที่ใช้ร่วมกันคือเป็นทั้งระเบียงชมวิวชิคๆ กับระเบียงซักล้าง อยู่ในพื้นที่เดียวกันไปเลย และจะเห็นว่าไม่มี CDU แอร์มารบกวนสายตาด้วย เพราะCDU แอร์ในห้องนี้เก็บขึ้นข้างบนพร้อมมีบานเปิด-ปิดให้สวยงามเรียบร้อย จะ Service มาล้างแอร์หรือซ่อมแอร์ก็ไม่ยากค่ะ ที่สามารถเก็บ CDU ได้แบบนี้เนื่องจากฝ้าเพดานที่ได้สูง 2.7 ม. จึงทำแบบนี้ได้นะคะ แบบที่พอดีกับวงกบประตูพอดีๆ
มาดูที่ห้องนอนเล็กกันบ้างนะคะ ในส่วนของประตูห้องนั้น HDF พ่นสีขาว ใช้มือจับเป็นก้านโยกอลูมิเนียม
ห้องนอนเล็กนั้นมีขนาด 2.5 x 3.3 ม. เหมาะกับการวางเตียงขนาด 5 ฟุต ซึ่งในห้องนี้นั้นจะได้ชุด Built-in ทั้งหมด ยกเว้นเตียงนะคะ ส่วนเตียงนี้จะได้เพียงหัวเตียงเท่านั้นค่ะ ส่วนผนังติดด้านนอกนั้นจะไม่ได้เป็นหน้าต่างนะคะ แต่เป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถออกไปยังระเบียงด้านนอกที่เชื่อมกับส่วน Study ได้
ด้านข้างเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ที่ได้ตามมาตรฐานและมีช่องกระจกที่มองเห็นทะลุไปยังพื้นที่นั่งเล่นด้านใน
ตู้เสื้อผ้า Built-in สูงถึงฝ้าเพดาน ด้านในแบ่งออกเป็น 2 ช่อง แยกส่วนกันชัดเจนค่ะ
มาดูพื้นที่ทางเดินรอบเตียงขนาด 5 ฟุตนั้นจะมีทางเดินให้เดินอยู่พอสมควรนะคะ อยู่ที่ความกว้างประมาณ 0.5 – 0.7 ซม. ถือว่าเดินได้สบายๆ ค่ะ แต่ทางขวานั้นเวลาจะเปิดบานประตูเสื้อผ้าก็อาจจะติดขัดทางเดินไปเล็กน้อย
ชั้นวางทีวีได้ตามแบบห้องตัวอย่างเลยค่ะ สามารถวางทีวีขนาดกลางๆ ประมาณ 32″ ได้พอดีๆ
มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างนะคะ ห้องนอนใหญ่นี้จะอยู่ติดกับห้องน้ำและส่วน Study ขนาดของห้องนอนใหญ่นั้นมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนเล็กไม่มากนักประมาณ 3 x 3.5 ม. แต่จะดูกว้างขวางมากขึ้นพอสมควร และสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ ด้านในสุดได้หน้าต่างบานเลื่อน 2 ชุด ด้านล่างเป็นกระจกบาน Fixed ด้วยความที่ได้กระจกเกือบเต็มผนังก็ทำให้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องได้ดีทีเดียวเลยค่ะ
ในส่วนของปลายเตียงนั้นจะได้ชั้นวางทีวีเหมือนกันแต่เฟอร์นิเจอร์จะคนละสเป็คกับห้องนอนเล็กนะคะ
ด้านล่างมีลิ้นชักให้เก็บของได้พอสมควร
ส่วนด้านบน Built-in เป็นช่องเก็บทีวีให้ด้วย ซึ่งบานเปิด-ปิดนี้จะเป็นกระจกนะคะสามารถวางทีวีเข้าไปด้านในเรียบร้อยและดูผ่านช่องเก็บทีวีนี้ได้เลย ทำออกมาได้สวยและแข็งแรงดีด้วย แต่ขนาดทีวีก็จะ Fixed ไว้เลย ซึ่งก็อย่าลืมวัดขนาดให้ดีก่อนไปซื้อทีวีนะคะ ซื้อมาใหญ่เกินใส่ไม่ได้นี่แย่เลย
อีกด้านของห้องเป็นตู้เสื้อผ้าแบบประตูบานเลื่อนกระจกสีชา ซึ่งสเป็คใช้งานถือว่าดีกว่าประตูบานเปิดนะคะ อย่างที่บอกว่าบานเปิดมันจะไปกินพื้นที่ทางเดินนั่นแหละค่ะ
ส่วนด้านในก็ Built-in ให้มีฟังก์ชันคล้ายๆ กันทำออกมาได้เรียบร้อยสวยงามดีค่ะ
สุดท้ายมาดูห้องน้ำกันบ้างนะคะ ประตูห้องน้ำเป็นประตูแบบมีช่องระบายอากาศ
พื้นห้องน้ำลดจากพื้นห้องลงไปเล็กน้อย จบขอบด้วยไม้สำเร็จรูปและกระเบื้องอีกขั้น พื้นภายในห้องน้ำเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิกขนาด 60 x 60 ซม.
ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกและแห้งเรียบร้อย ส่วนผนังนั้นติดกระจกบานใหญ่ให้และด้านข้างมีการทำช่องลึกเข้าไปเพื่อมีพื้นที่เก็บของได้มากขึ้น หรือใครจะติดตั้งชั้นแขวนของเพิ่มก็ได้นะคะ ส่วนด้านล่างมี Low Wall ให้สำหรับวางของได้อีกด้วย ส่วนด้านใน Low Wall นั้นจะเป็นส่วน Service วางท่อน้ำต่างๆ
อ่างล้างมือจาก Cristina ด้านล่าง Built-in ชั้นวางของเพิ่มมาให้ด้วย
ขนาดอ่างกำลังดีค่ะ ไม่เล็กไม่ใหญ่ไป
โถสุขภัณฑ์จาก Cristina เช่นกันกับอ่างล้างมือนะคะ มีพื้นที่ด้านข้างโถประมาณ 90 ซม. ถือว่ากว้างพอสมควรนะ คนตัวใหญ่ๆ ก็นั่งได้สบายๆ
พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย
บานเปิดเป็นบานสวิงออกนะคะ การใช้งานก็จะไม่ค่อยถนัดเท่ากับบานเปิดเข้าเท่าไหร่ ระดับพื้นในห้องน้ำลดลงไปเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนออกมาได้ดีระดับนึง ส่วนพื้นนั้นเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิกเช่นเดียวกับด้านนอกแต่ทำเป็นสีเข้มเพื่อแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งให้ชัดเจนมากขึ้น ข้อดีช่วยให้เราไม่สะดุดเวลาเดินลงพื้นต่างระดับเพราะมีสีที่สามารถแยกออกชัดเจน ขนาดพื้นที่ภายในห้องน้ำมีขนาด 1 x 1.5 ม. ถือเป็นขนาดพื้นที่ที่กำลังดีในการอาบน้ำนะคะ ไม่เล็กไป
ฝักบัวได้ทั้งแบบสายอ่อนและแบบ Rain Shower ทั้งหมดจาก Cris ในส่วนหัวฝักบัวสายอ่อนจะเป็นลักษณะแท่งเล็กๆ จับได้ถนัดมือแต่หัวฝักบัวไม่ได้ใหญ่มากนักนะคะ ใครชอบแบบน้ำพุ่งมาจุใจก็เลือกใช้เป็น Rain Shower แทนได้
อีกห้องตัวอย่างหนึ่งคือห้องแบบ 3 Bedroom 2 Bathroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 85 ตร.ม. ตัวห้องหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ถนนพหลโยธิน) ห้องแบบนี้มี 1 ห้องต่อชั้น ผังห้องลักษณะเป็นตัว T เข้ามาจะเป็นโถงทางเดินยาว ซ้าย-ขวาบิ้วท์ตู้เก็บของมาให้ ถัดมาเป็นครัวเปิดรูปตัว I ลักษณะเป็นครัวเปิดเช่นเดียวกับห้อง 2 Bedroom แต่มีพื้นที่ในการทำอาหารสบายๆ และมีขนาด Pantry ใหญ่กว่า เมื่อสุดพื้นที่ครัวแล้วลักษณะห้องจะเป็นแบบหน้ากว้าง ตรงกลางเป็นพื้นที่ส่วนรวม คือมีทั้งพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมเป็นพื้นที่เดียวกัน ซึ่งส่วนนี้อยู่ติดกับระเบียงยาวรับวิวและรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ ส่วนห้องนอนถูกแยกออกไปทางซ้ายและขวา Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว และข้อดีของยูนิตนี้คือจะได้รับวิวทั้ง 3 ด้านเลยค่ะ
และ Option เสริมเฉพาะห้อง 3 Bedroom นี้จะได้ระบบ Home Automation เพิ่มเติมด้วยคือสามารถสั่งเปิด-ปิดไฟ, แอร์ หรือผ้าม่าน ผ่าน Smartphone ได้ค่ะ ซึ่งจะไม่มีราคาเพิ่มเติมนะคะ ถือเป็นมาตรฐานสำหรับห้อง 3 Bedroom เท่านั้น
เข้ามาภายในห้องจะเห็นเป็นโถงทางเดินยาวไปถึงพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหารซึ่งติดกับระเบียงภายนอก ด้านข้างบริเวณด้านหน้าประตูห้องจะ Built-in เป็นตู้เก็บของและตู้วางรองเท้าขนาดใหญ่ให้สูงถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ (รูปขวา) เป็นรูปที่หันหลังกลับมาที่หน้าประตูนะคะ พื้นที่บริเวณนี้จะติดหลอดไฟอัตโนมัติให้ ซึ่งเวลาเปิดประตูเข้าห้องหรือเดินผ่านบริเวณนี้ไฟจะเปิดให้โดยอัตโนมัติเลยค่ะ สำหรับความกว้างของโถงทางเดินกว้างประมาณ 1.15 ม. ถือว่ามีความกว้างพอสำหรับเดินไป-มาได้สะดวกพอสมควร
ถ่ายภายในตู้เก็บของตรงโถงทางเดินให้ดูกัน ฝั่งซ้ายเป็นชั้นเก็บของปกติ ส่วนฝั่งขวาเป็นชั้นวางรองเท้ายาวไปถึงฝ้าเพดานเลย มีพื้นที่ให้เก็บรองเท้าเยอะมาก สาวๆ นักช็อปคงเป็นปลื้มน่าดู
เดินตรงมาอีกหน่อยพื้นที่โถงทางเดินจะกว้างขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 1.6 ม. ซึ่งด้านซ้ายของโถงทางเดินจะมี Pantry ครัว ยาว 3.6 ม. ลักษณะจะเป็นครัวเปิดเช่นเดียวห้อง 2 Bedroom แต่ได้ขนาดใหญ่กว่า
ลักษณะ Pantry รูป I จะใช้งานได้ง่ายกว่าเพราะมีพื้นที่ทางเดินให้เดินได้สะดวก ส่วนสเป็คของ Pantry นั้นใช้สเป็คเดียวกับห้อง 2 Bedroom เลยค่ะ
สำหรับห้อง Type นี้จะได้เตาอบไฟฟ้าเพิ่มมาด้วย จาก Teka เช่นเดิม
Sink เป็นแบบฝังเคาน์เตอร์ 2 หลุม
ส่วน Microwave ตำแหน่งจะวางไว้ข้างยน ต่างจากห้องแรกที่วางไว้ด้านล่างนะคะ ซึ่งตำแหน่งด้านบนใช้งานได้สะดวกกว่าเยอะเลย และด้านล่างของ Microwave เป็นช่องวางเครื่องซักผ้าขนาด 7 กิโลกรัม และช่องวางตู้เย็นก็ได้ขนาดใหญ่ขึ้นสามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่ประมาณ 575 L
สุดทางเป็นพื้นที่ส่วนรวม (Common Area) รวมพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วยกัน มีขนาดพื้นที่ประมาณ 5 x 3 ม. สุดทางเป็นระเบียงยาวตามความกว้างของพื้นที่ส่วนรวมนี้เลยค่ะ ซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกบานใหญ่ทำให้บริเวณนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งเพราะมีแสงเข้าได้ดี สำหรับพื้นที่บริเวณนี้ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ฟังก์ชันทั้งพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร ก็จะเหลือพื้นที่แต่ละฟังก์ชันมาหารครึ่งกับพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งส่วนนั่งเล่นจะเหลือระยะให้ดูทีวีได้ประมาณ 2 ม. ถือเป็นระยะเหมาะกับการวางทีวีขนาดประมาณ 32″-40″ ซึ่งหากใครที่ต้องการวางทีวีขนาดใหญ่มากกว่านี้ก็พอยืดหยุ่นขยับออกมาอีกหน่อยได้อยู่ค่ะ แต่ก็จะไปกินพื้นที่ทางเดินบ้างนะ ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนี้สามารถรองรับที่นั่งได้ถึง 6 ที่นั่ง แต่สำหรับใครที่สมาชิกภายในห้องไม่ได้เยอะขนาดนี้ก็ซื้อเป็นโต๊ะขนาดเล็กลงมาได้นะ จะได้มีระยะทางเดินหรือระยะระหว่างทีวีและโซฟามากขึ้นด้วย
หันกลับหลังมา กลับไปทางหน้าประตูห้องทางขวาจะเป็นส่วนห้องนอนใหญ่ (Master Bedroom) ตรงกลางเป็นห้องน้ำที่แชร์ระหว่างพื้นที่ส่วนกลางและห้องนอนกลาง,เล็กทั้ง 2 ห้อง ส่วนทางซ้ายนั้นจะมีโถงทางเดินแจกไปยังห้องนอนกลางและห้องนอนเล็กค่ะ เงยหน้าขึ้นมาด้านบนจะเห็นว่าห้องนี้ไม่ได้ติดแอร์แบบ Split Type นะ แต่เป็นแอร์แบบฝั่งฝ้ามาให้เรียบร้อยเลย
ภายในห้องน้ำส่วนรวมแบ่งส่วนเปียกและแห้งไว้ชัดเจน
สเป็คของสุขภัณฑ์ใช้เหมือนเดิมกับห้องแรกเลยค่ะ แต่พื้นที่ส่วนแห้งนี้จะมีขนาดเล็กลงมาหน่อย
พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจก ซึ่งเป็นแบบบานเปิดเข้าด้านในใช้งานได้สะดวก ขนาดภายในพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1 x 1 ม. ส่วนฝักบัวนั้นเหมือนห้องแรกเลยค่ะ ทั้ง Rain Shower และฝักบัวสายอ่อน จาก Cris
ออกมาที่ส่วนระเบียงลักษณะจะเป็นระเบียงยาวเช่นเดียวกับห้องแรกนะคะ แต่มีระยะยาวกว่าหน่อย และราวกันตกจะเปลี่ยนจากราวเหล็กพ่นสีดำเป็นราวกระจกให้ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าและดูวิวได้ดีกว่าด้วยนะ
เข้ามาดูที่ห้องนอนใหญ่กันต่อนะคะ ขนาดห้องนี้อยู่ที่ประมาณ 3.5 x 3.5 ม. (ไม่รวมห้องน้ำในตัว) สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ค่ะ ซึ่งลูกบ้านต้องไปซื้อเตียงเองเช่นกันกับห้องแรกนะ เพราะทางโครงการจะ Built ให้เฉพาะหัวเตียงบุผ้าไว้ให้แค่นั้น และสำหรับหัวเตียงนั้นมีขนาด 6 ฟุตนะคะ
ด้านข้างเป็นตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนกระจกสีชา เช่นเดียวกับห้องนอนใหญ่ในห้องแรกค่ะ
และนอกจากนี้ยังมี Built-in ชั้นวางทีวีที่ออกแบบให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งด้านข้างได้ด้วย ซึ่งตำแหน่งของชั้นวางทีวีนี้จะอยู่บริเวณปลายเตียง ใกล้กับทางเข้าห้องน้ำภายในห้องนอนนี้
Built-in วางทีวีนี้ด้านบนมีชั้นวางของและตู้โชว์ที่ภายในติดดวงไฟให้ด้วย ส่วนพื้นที่วางทีวีนั้นขนาดไม่ได้ใหญ่มากนะคะ ใครจะซื้อที่วีก็วัดระยะกันให้มั่นใจก่อนไปซื้อนะ และด้านข้างกรุกระจกไว้ให้เป็นพื้นที่แต่งตัวเล็กๆ ส่วนข้างล่างมีลิ้นชักแบบเปิดขึ้น-ลง ใช้โช้คเป็นตัวยึด
มาดูห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่กันต่อค่ะ ห้องน้ำห้องนี้จะมีความสว่างแตกต่างจากห้องน้ำด้านนอกเลย เพราะตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ติดด้านนอกและยังเป็นมุมห้องด้วย เค้าจึงออกแบบให้มีกระจกเข้ามุมภายในห้องน้ำซึ่งทำให้ห้องดูสว่างไสวเต็มที่ และก็แน่นอนว่าเมื่อมีกระจกบานใหญ่ก็ย่อมเห็นวิวดี แต่ก็แลกมากับความไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่นะ แต่ใครที่เลือกชั้นสูงๆ เลยไกลจากสายตาคนบนรถไฟฟ้าหรือตึกข้างเคียงก็โอเคละค่ะ ถือว่าเด็ด ได้อาบน้ำไปและชมวิวไปด้วย
อ่างล้างมือจะได้ขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องน้ำกลาง และมี Built-in ตู้เก็บของด้านล่างใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน
โถสุขภัณฑ์สเป็คเดียวกับห้องน้ำรวมคือ Cristina ส่วนพื้นที่ด้านข้างโถนั้นมีความกว้างประมาณ 80 ซม. เป็นระยะที่นั่งได้กำลังสบายๆ ค่ะ
มาต่อกันที่พื้นที่อาบน้ำกันบ้าง ในส่วนนี้ก็ได้ฉากกั้นกระจกบานเปิดสวิงเช่นเดิมค่ะ
พื้นที่อาบน้ำของห้องน้ำห้องนี้จะใหญ่กว่าห้องน้ำแรกนะคะ และด้านข้างก็มีพื้นที่ให้นั่งอาบน้ำได้ด้วย พอนั่งอาบแล้วหัวเราก็จะพอดีๆ กับวงกบเลย ใครกลัวโป๊หรือรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวในช่วงกลางวันก็นั่งอาบน้ำไป ตอนกลางคืนค่อยยืนอาบน้ำชมวิวชิลๆ เนอะ
อีกด้านเป็นฝักบัวสายอ่อนและด้านบนติด Rain Shower ขนาดใหญ่ให้ รวมทั้งติดตั้งระบบน้ำร้อนให้เรียบร้อยเลยค่ะ
กระจกห้องน้ำนี้เป็นแบบ Bay Window ได้วิวแบบภาพกว้างเลยค่ะ
ออกจากห้องนอนใหญ่ข้ามไปดูอีกฝั่งที่เป็นห้องนอนกลางและห้องนอนเล็กกันต่อ ซึ่งจะอยู่เลยส่วนพื้นที่รับประทานอาหารไปหน่อย มีโถงทางเดินเล็กๆ กว้างประมาณ 1.1 ม. แจกห้องนอนเล็กและห้องนอนกลางค่ะ
เข้ามาที่ห้องนอนกลางกันก่อนนะคะ ห้องนอนห้องนี้มีขนาดอยู่ที่ประมาณ 3.2 x 2.8 ม. เล็กกว่าห้องนอนใหญ่ลงมาเล็กน้อย เหมาะกับการวางเตียงขนาด 5 ฟุตค่ะ ส่วนช่องเปิดของห้องนี้ได้เป็น Bay Window ขนาดใหญ่ด้วย
หันมาอีกฝั่งก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าด้านข้างเตียงและปลายเตียงเป็นชั้นวางทีวี ซึ่งก็เป็นสเป็คเดียวกับห้องตัวอย่างแรกนะคะ
ห้องนอนเล็กกันบ้าง มีขนาดประมาณ 3 x 3.1 ม. เหมาะกับการวางเตียงขนาด Single Bed หรือ 3.5 ฟุตกำลังดี
ปลายเตียงมีพื้นที่ลึกเข้าไปหน่อย ซึ่งก็จะได้เป็นโต๊ะ Built-in ด้วยค่ะ จะใช้เป็นโต๊ะทำงานหรือเป็นชั้นวางทีวีก็ได้นะ
และอีกด้านก็ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เช่นเดียวกับห้องนอนกลางแต่มีขนาดเล็กกว่าหน่อยค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 November 2016
- 2 Bedroom ชั้น 21 ห้อง 07 เนื้อที่ 72.5 ตร.ม. ราคา 12 ล้านบาท หรือ 165,517 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom ชั้น 27 ห้อง 06 เนื้อที่ 76.91 ตร.ม. ราคา 12.5 ล้านบาท หรือ 162,528 บาท/ตร.ม.
- 3 Bedroom ชั้น 17-25 ห้อง 02 เนื้อที่ 85 ตร.ม. ราคา 15.5 ล้านบาท หรือ 182,353 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง
- 2 Bedroom 50,000 บาท
- 3 Bedroom 100,000 บาท
- 2 Bedroom 100,000 บาท
- 3 Bedroom 300,000 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ The Signature by Urbano เป็นคอนโด High Rise ตึกเสร็จพร้อมอยู่ในย่านสะพานควายที่เปิดตัวมาในช่วงปี 2014 หรือประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับแนวคิดคือเป็นคอนโดระดับ Luxury ในทำเลที่ติดถนนใหญ่ ติดรถไฟฟ้า และเน้นขายห้องขนาดใหญ่ 2 Bedroom ซึ่งมีเป้าหมายของลูกค้าที่แตกต่างจาก The Editor ที่เน้นขายห้อง 1 Bedroom เป็นส่วนใหญ่นะคะ สำหรับโครงการนี้เปิดตัวมาในราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ 150,000 บาท และในปัจจุบันราคาเฉลี่ยขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 158,000-188,000 บาท/ตร.ม.แล้วค่ะ
จุดเด่นของโครงการนี้คือทำเลที่อยู่ติด BTS สถานีสะพานควาย มีระยะเดินจากหน้าโครงการเพียง 20 ม. และได้ฝั่งบันไดเลื่อนด้วย ถือเป็นโครงการในย่านสะพานควายที่ได้ทำเลติดรถไฟฟ้าดีที่สุดนะคะ ง่ายและสะดวกมากสำหรับคนที่หวังพึ่งรถไฟฟ้า นอกจากนี้การเดินทางด้วยรถยนต์ก็มีตัวเลือกมากกว่าโครงการอื่นที่อยู่ติดถนนพหลโยธินเช่นเดียวกัน เพราะมีทางออกด้านหลังโครงการที่ติดกับซอยประดิพัทธ์ 25 ใช้ออกถนนประดิพัทธ์ไปแยกสะพานควายวิ่งเข้าอารีย์ได้ง่าย ไม่ต้องวิ่งไปกลับรถแยกกำแพงเพชรเหมือนคอนโดอื่นๆ ในฝั่งเดียวกัน ส่วนเรื่องที่จอดรถโครงการให้มาค่อนข้างเยอะที่ 70% ไม่รวมซ้อนคันเรียกว่าให้มาเยอะกว่าเพื่อนๆแถวนี้นะ ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานเพราะติด BTS ไม่ต้องใช้รถก็ยังสะดวกอยู่ รถสาธารณะก็หาง่ายเพราะติดถนนใหญ่ค่ะ
สำหรับสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของสะพานควายนั้น จะเป็นทำเลที่มีคนอยู่เยอะทั้งคนที่อยู่แต่ดั้งเดิมและคนที่เข้ามาทำงานในย่านพหลโยธินหรือละแวกใกล้ๆ นี้ ทำให้ย่านสะพานควายมีความอุดมสมบูรณ์สูงและคึกคักตลอดทั้งวัน ซึ่งค่าครองชีพของทำเลนี้ก็จะต่ำกว่าย่านอารีย์ที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนะคะ และมี Lifestyle ที่ค่อนข้างแตกต่างกัน สำหรับสะพานควายนี้ส่วนใหญ่บรรยากาศจะบ้านๆ กว่าอารีย์ มี Big C ไว้จับจ่ายซื้อของ มีโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียลเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และร้านอาหารจะเป็นร้านใต้ตึกแถวร้านรถเข็นที่ขายอาหารในราคาย่อมเยา สามารถซื้อกินในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะแตกต่างกับอารีย์ที่ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารหรู มีคาเฟ่ คอมมูนิตี้มอลล์
ตัวโครงการจัดมาให้มีความหนาแน่นน้อย ด้วยจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 14 ยูนิตและอัตราส่วนลิฟต์ที่ 84.3 : 1 ทำให้โครงการนี้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่หนาแน่น ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว การออกแบบรูปลักษณ์โครงการทำออกมาในแนว Modern Luxury เมื่อตึกเสร็จก็และได้เห็นของจริงก็ดูสวย หรูหรา
ส่วนห้องในโครงการที่ได้ยกมารีวิวก็คือห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 48 ตร.ม. เป็นขนาดที่เหมาะสำหรับอยู่อาศัยได้เป็นครอบครัวหรือคนที่มองหาห้องขนาดใหญ่ขึ้
ตัวโครงการขายในรูปแบบ Fully Fitted ได้เฟอร์นิเจอร์บางส่วนนำเข้า โดย Euro Creation ใช้หน้าบาน Hi-Gloss และ Soft Close ทั้งหมด จัดว่าได้คุณภาพดี ส่วนสุขภัณฑ์ได้ของ Cristina และ American Standard พื้นในห้องเป็นพื้นลามิเนต หนา 12 มม. พื้นห้องน้ำและระเบียงเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิก ส่วนฝ้าเพดานสูง 2.7 ม. ค่ะ นอกจากนี้ก็จะได้ Digital Door Lock จาก Yale เป็นมาตรฐานในทุกห้อง ส่วนห้อง 3 Bedroom มีเพิ่มเติมมาอีกคือ Home Automation ซึ่งจะได้เป็นมาตรฐานเช่นกัน โดยรวมเมื่อเทียบสิ่งที่ได้กับราคาที่จ่ายและเทียบกับโครงการข้างเคียงนั้นก็ถือว่าได้น้อยกว่าโครงการอื่นอยู่นะคะ เพราะโครงการอื่นส่วนใหญ่จะได้การตกแต่งแบบ Fully Furnished ในเรทราคาขายต่อตารางเมตรที่ต่ำกว่าหน่อย
สาธารณูปโภคของโครงการจัดมาให้ครบ สวย วัสดุดีน่าใช้งาน ที่เด่นๆ เลยก็จะเป็น Sky Lounge ชั้นบนสุดของโครงการที่ออกแบบมาเพื่อสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อนชมวิวได้ดี นอกจากนี้ก็มี Sky Fitness ขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำขนาด 12 x 20 ม. ในชั้น 9 และ Cubic Lounge ในชั้น 10 ที่เน้นเป็นพื้นที่ทำงาน หรือนั่งคุยงาน มีโต๊ะไว้จัดประชุมเล็กๆ ได้ และมีส่วน Pantry ตู้เย็นให้ได้ตระเตียมของว่างง่ายๆ เองได้ด้วยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาประมาณ 158,000 – 188,000 บาท/ตร.ม., 22 November 2016
- ทำเล 8.25/10 – มีความอุดมสมบูรณ์สูง ติดBTS และถนนพหลโยธิน
- เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ติดถนนพหลโยธิน มีประตูเล็กไปทะลุออกซอยประดิพัทธ์ได้ มีที่จอดรถ 70% ไม่รวมซ้อน
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ติด BTS สะพานควาย หน้าโครงการมีป้ายรถเมล์
- วัสดุ 7.25/10 – Fully Fitted แต่เทียบกับราคาและโครงการข้างเคียงที่ส่วนใหญ่ได้ Fully Furnished
- แบบ 8.25/10 – มีความหนาแน่นน้อย
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ได้ครบ ทำออกมาได้สวยและน่าใช้งาน
- HIGH-LUXURY CLASS
- 8.2 / 10.00
BOTTOM LINE
The Signature by Urbano เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านสะพานควาย มีความอุดมสมบูรณ์สูง ติด BTS ติดถนนใหญ่ ต้องการที่จอดรถเยอะ มองหาห้องขนาด 2 Bedroom อยู่กัน 2 คนหรือเป็นครอบครัวขนาดเล็ก ชอบใช้ Facilities และอยากได้โครงการมีความหนาแน่นน้อย มีเพื่อนบ้านไม่มาก มีงบประมาณตั้งแต่ 10 – 16 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 70,000 – 128,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้เราหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )