รีวิวฉบับที่ 826 … สวัสดีค่ะวันนี้จะพาอัพเดทโครงการ B-LOFT สุขุมวิท 115 คอนโด Low Rise 8 ชั้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการจาก Origin Property ต่อจาก B-LOFT สุขุมวิท 109 ที่เราเคยไปรีวิวตึกเสร็จกันมาให้ดูแล้ว ตัวโครงการจะคล้ายๆกันเลย
โดย B Loft สุขุมวิท 115 นี้จะอยู่ในในซอยสุขุมวิท 115 (ซอยอภิชาติ) ห่างจาก BTS ปู่เจ้าสมิงพรายประมาณ 400 เมตร ซึ่งสถานีนี้เป็นส่วนต่อขยายที่จะได้ใช้ในอนาคต ตอนนี้สร้างขึ้นมาให้ได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว อีกไม่นานคงได้ใช้กัน และถ้าใครยังจำได้ Mr.Boom เคยรีวิวมาให้ดูเมื่อครั้งยังเปิดโครงการใหม่ๆ ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ เริ่มมีลูกบ้านทยอยย้ายเข้ากันแล้ว หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ^^
อ่านรีวิว B-Loft สุขุมวิท 115 ฉบับ Mr.Boom (คลิ๊ก)
Fact @ 23 April 2015
- B-Loft สุขุมวิท 115
- Origin Property Co.,Ltd.
- SUPER ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยอภิชาติ 3 ถนนสุขุมวิท 115 อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 202 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 30 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 60 คันคิดเป็น 30 % รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 1-0-7 ไร่
- Type A แบบ 1 Bedroom ขนาด 25.85-29.69 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.59 ล้านบาท
- Type L แบบ 1 Bedroom ขนาด 26.04-33.09 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.29 ล้านบาท
- Type Plus แบบ 1 Bedroom 1 ขนาด 43.08 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.39 บาท
- Type 2B แบบ 2 Bedroom ขนาด 43-58 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.47 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.29 ล้านบาทหรือประมาณ 49,000 บาทต่อตารางเมตร
- http://www.bloftcondo.com/bloft115/
- โทร 02-398-8670
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.637607, 100.595267
การเดินทางเข้า-ออกโครงการสามารถเลือกเดินทางได้หลายรูปแบบ มีรถส่วนตัวก็ดี รถเมล์ก็ได้ แท๊กซี่ พี่วินก็มี และรถไฟฟ้าก็กำลังจะมา เรียกได้ว่าเดินทางได้ง่ายและเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ : ที่เด่นที่สุดก็คือ วงแหวนกาญจนาภิเษก ที่ใช้ข้ามไป พระราม 2 ได้ หรือจะข้าม สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม ไป สุขสวัสดิ์, พระราม 3 ก็ได้ วงแหวนอีกฝั่งหนึ่งใช้ไป บางนา, สุวรรณภูมิ, ลาดกระบัง ถนนเทพารักษ์ ใช้ไป ศรีนครินทร์เพื่อไปรามคำแหง มีนบุรี ได้และที่เบสิกที่สุดก็คือ สามารถเข้าไปยังตัวเมืองได้โดยใช้ ถนนสุขุมวิท วิ่งย้อนกลับตามแนวรถไฟฟ้าหรือจะไปใช้ ทางด่วนบางนา เข้าเมืองก็ได้ด้วย ส่วนใครจะออกไปภาคตะวันออกก็ใช้ถนนบางนาตราดยิงยาวอย่างเดียว มีทางด่วนให้ขึ้นด้วยค่ะ แต่รถแถวนี้ค่อนข้างติดค่ะ ช่วงเช้าติดขาเข้าเมือง ส่วนช่วงเย็นจะติดขาออกนอกเมือง
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : หน้าซอยสุขุมวิท 115 ติดกับทางขึ้นลง BTS ปู่เจ้าสมิงพราย ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายสถานีแรกช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่มีป้ายติดไว้ว่าเปิดให้ใช้บริการพ.ศ.2559 คืออีกไม่นานก็ได้ใช้กันแล้ว จุดเด่นอีกอย่างคือในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ต้นสายคือสถานีรัชดา และปลายสายจะมาเชื่อมกับสถานีสำโรงซึ่งอยู่ถัดไปเพียงสถานีเดียว โดยสายสีเหลืองอ่อนจะวิ่งผ่านเส้นเทพารักษ์ ไปออกศรีนครินทร์ ลาดพร้าว และรัชดาภิเษก
ส่วนการเดินทางอื่นๆ หน้าซอยสุขุมวิท 115 มีป้ายรถเมล์อยู่ ซึ่งรถเมล์สายที่วิ่งผ่านคือ ปอ.157 ปากน้ำ- สายใต้ใหม่, สาย 25 ปากน้ำ-สนามหลวง, สาย 23 อู่เมกา – เทเวศร์, สาย 142 ปากน้ำ – แสมดำ และมีรถตู้วิ่งไปหลายที่แต่ต้องไปขึ้นหน้าอิมพิเรียลค่ะไปได้ทั้ง หัวลำโพง หมอชิต รังสิต บางบ่อ และคลองด่าน
เรื่องของความอุดมสมบูรณ์ จากโครงการใกล้สุดจะมีตลาดหน้าหมู่บ้านรินทร์ทอง ห่างจากโครงการไปประมาณ 450 เมตร ซึ่งจะคึกคักมากในช่วงเย็น มีทั้ง 7 Eleven, Lotus Express และมีอาหารคาวหวานให้เลือกมากมาย หากเลยไปหน่อยก็มีตลาดเทพารักษ์ ที่สามารถออกซอยอภิชาติ 9 ไปทะลุถนนเทพารักษ์ ห่างจากโครงการประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะสามารถไปจับจ่ายซื้อของได้ ใหญ่และไกลไปอีกนิดก็เป็นตลาดสำโรงที่มีทั้งของคาว ของหวาน ผลไม้นานาชนิด รวมถึงของใช้ต่างๆ ห่างจากโครงการประมาณ 3 กิโลเมตรค่ะ ห้างใกล้ๆก็มี Big C Jumbo ห่างจากโครงการ 750 เมตร ขึ้นพี่วินมาหรือเดินมาก็ได้สบายๆ ห่างออกมาหน่อยก็มีห้างอิมพิเรียลสำโรงซึ่งมี Big C ในนี้ ติดกันมีสำโรงเซ็นเตอร์ หรือจะไปเส้นบางนาตราดมีเซ็นทรัลบางนา BigC หรือเลยไปเมกาบางนา และอิเกียก็ได้ค่ะ ส่วน Community mall ใกล้ๆคือ The Coast Village ใกล้ๆสี่แยกบางนา และอนาคตจะมีห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ชื่อว่า Bangkok Mall ตรงสี่แยกบางนาเลยค่ะ ที่เหลือนอกจากนี้ก็ขึ้น BTS เข้าเมืองไปเลยสะดวกดี
เนื่องจากตัวโครงการอยู่ในซอย จึงมีทางลัดเลาะไปได้หลายเส้นทาง คือหากไปออกทางซอยอภิชาติ 9 จะสามารถไปทะลุถนนเทพารักษ์ได้ (ออกทางซอยเทพารักษ์ 8 หรือเทพารักษ์ 12 ได้ทั้งสองทาง) จากถนนเทพารักษ์หากเลี้ยวขวาจะสามารถไปทะลุถนนศรีนครินทร์ แต่หากเลี้ยวซ้ายจะสามารถไปกลับรถเข้าเมือง หรือไปทางแยกบางนาได้ และใครหากต้องการไปทางถนนกาญจนาภิเษก ก็สามารถไปทางซอยวัดไตรสามัคคี หรือซอยอภิชาติ 2 ที่อยู่เยื้องๆซอยอภิชาติ 3 ได้ค่ะ เมื่อออกมาจะไม่สามารถเข้าถนนกาญจนาภิเษกได้ทันที ต้องไปลอดใต้สะพานแล้วกลับรถค่ะ
เส้นทางที่เราจะพาไปคือ ลงทางด่วนบางนาวิ่งตรงบนเส้นสุขุมวิท เพื่อพาไปอัพเดทเส้นรถไฟฟ้าด้วยว่าตอนนี้สร้างไปถึงไหนแล้ว วิ่งตรงมาเรื่อยๆจนถึงถนนสุขุมวิท 115 จากนั้นแล้วเข้าซอยอภิชาติ 3 เพื่อไปดูในซอยที่ตั้งของโครงการโครงการ
เมื่อถึงจุดใกล้ลงทางด่วน เราจะเจอป้ายบอกทางไปบางนา กับถนนสุขุมวิท 62 ให้เราขับตรงไปเกาะทางบางนาก่อนค่ะ
ขับไปอีกนิดจะเจอป้ายเลี้ยวซ้าย ไปบางนา,พระโขนง และตรงไปเป็นสมุทรปราการ,ชลบุรี ตรงไป
ให้เราเตรียมชิดซ้ายเพื่อไปทางบางนาค่ะ
เมื่อเลี้ยวซ้ายมา ทางจะพาเราขึ้นสะพานแบบนี้
ขับมาเรื่อยๆเราจะมาลงสะพานตรง BITEC บางนา และ The Coast Bangkok คอนโด High Rise 39 ชั้น และ 35 ชั้น 2 อาคาร ที่ผสมผสานระหว่างคอนโดและ Community Mall มี The Coast Village อยู่ข้างล่าง สามารถมาช็อปปิ้ง หาอะไรอร่อยๆทานได้
เลยไปหน่อยเป็น BTS บางนา
ติดกับสถานี ด้านซ้ายมือเป็นโรงเรียนนานาชาติ เซนต์ แอนดรูวส์
ขับเลยไปหน่อยเลี้ยวซ้ายจะไปซอยแบริ่ง ซึ่งใกล้ๆซอยนี้จะเป็นจุดเริ่มโครงการสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ซึ่งจากสะพานลอยข้างหน้าไป เราจะเริ่มเข้าสู่เขตสำโรงเหนือกันแล้ว
ระหว่างทางที่ขับมาในบ่ายแก่ๆของวันอาทิตย์ รถติดสลับกับเคลื่อนที่ไปได้เรื่อยๆ ซึ่งปริมาณรถค่อนข้างเยอะมากทีเดียว ทั้งขาเข้า และขาออกสุขุมวิท สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะว่ากำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า BTS ซึ่งในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จ รถคงคล่องตัวกว่านี้มาก
นอกจากนี้ระหว่างทางเรายังเห็นรถเมล์ผ่านหลายสาย ดังนั้นคนไม่มีรถก็สามารถเข้าออกโครงการได้ง่ายทีเดียว
ขับไปอีกนิดซ้ายมือจะเจอธนาคารกรุงไทย ให้ฝากเงินกันได้ ข้างหน้าชุมชนใกล้ๆธนาคารเป็นอาคารพาณิชย์ ซึ่งริมฟุตบาทข้างหน้ามีของกินเพียบ
ถัดไปเจอตลาดสำโรงซึ่งเป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ ตรงข้ามกันเป็นตลาดธรรมโรจน์พินิจ
ฝั่งตรงข้ามตลาดสำโรงอีกที่เป็น Imperial Word และ Big C ด้วย
เลยตลาดมาเราจะข้ามสะพานสำโรง
ลงจากสะพานขับมาซ้ายมือจะเจอสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ ซึ่งตรงข้ามสถานีตำรวจกำลังก่อสร้างสถานี BTS สำโรงอยู่
ตรงไปเรื่อยๆจะเจอสามแยกไฟแดง ข้างหน้ามีทางกลับรถสามารถกลับรถแล้วขับเข้าเมืองได้ หากเลี้ยวซ้ายจะไปถนนเทพารักษ์ ซึ่งหากใครเป็นลูกบ้านโครงการ สามารถขับเข้าซอยอภิชาติ 9 แล้วทะลุถนนเทพารักษ์เพื่อมาเลี้ยวเข้าเมืองทางนี้ได้สะดวกดีค่ะ ไม่ต้องกลับรถอ้อมไกล เดี๋ยวจะตรงไปเพื่อเข้าโครงการด้านถนนสุขุมวิทกันต่อค่ะ
ขับต่อมาจะเจอแยกปู่เจ้าสมิงพราย หากเลี้ยวขวาจะสามารถไปถนนปู่เจ้าสมิงพราย ไปพระประแดงได้
ถัดมาจะเจอสำนักงานขายของ Pause 115 ซึ่งอนาคตจะสร้างอยู่ข้างหน้าซอยอภิชาติ 3 ในถนนสุขุมวิท 115 ใกล้ๆกับโครงการเรา
ถัดมาซ้ายมือเป็น Big C Jumbo ซึ่งข้างหน้าบิ๊กซีจะมีจุดกลับรถ หากใครมาจากในเมืองแล้วต้องการไปที่โครงการสามารถกลับรถที่แยกนี้เพื่อไปโครงการได้ค่ะ เพราะหน้าซอยสุขุมวิท 115 ไม่มีทางแยก
มาถึงตรงนี้เราเห็นซอยสุขุมวิท 115 อยู่ข้างหน้าแล้ว ให้ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าซอยนะคะ
จากตรงนี้จะเห็นว่าทางซ้ายมือก่อนถึงซอยสุขุมวิท 115 มีเป็นป้ายรถเมล์ และหน้าซอยสุขุมวิท 115 กำลังสร้างสถานี BTS ปู่เจ้าสมิงพราย ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วอีกไม่นานคงได้ใช้กัน
เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 115 มา ทางซ้ายมือจะมีพี่วินมอร์เตอร์ไซด์แก๊งค์ใหญ่ทีเดียว
อัตราค่าบริการพี่วินหน้าปากซอยสุขุมวิท 115 หากเข้าไปที่โครงการซึ่งอยู่ในวอยอภิชาติ 3 จะเสียค่าบริการ 10 บาท
ถัดจากแก๊งค์พี่วิน ก็มีที่ให้คล้องจักรยานให้ด้วย แถมมีหลังคาคลุมพร้อม
จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาเดินดูกันนะคะ ว่าหากเรามาเดินเท้าจริงๆแล้วจะเป็นอย่างไร ฟุตบาทในซอยค่อนข้างกว้างและโล่ง ไม่มีของขายหรืออะไรมาก บรรยากาศในซอยไม่ค่อยคึกคักมาก แต่จะมีเสียงจากโรงงานที่อยู่สองข้างทางดังออกมาอยู่เรื่อยๆ
โรงงานซ้ายมือ คือ บริษัทชัยนิยม ส่วนด้านขวามือจะเป็นบริษัทพานาโซนิค ค่ะ
ถัดไปเป็นอาคารพาณิชย์ข้างหน้าที่เห็นต่อเติมสังกะสียื่นออกมา นั้นคือร้านขายของชำ (ไม่ได้ไปยืนถ่ายหน้าร้านให้ดูเพราะมีคนนั่งสังสรรค์กันอยู่ค่ะ ^^”)
เดินต่อมาจะเจอซอยอภิชาติ 1
ซึ่งในซอยจะเป็นชุมชนหมู่บ้านสินวงศ์ ที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยสลับกับอาคารพาณิชย์ สุดซอยเป็นทางตัน
หน้าซอยมีร้านขายอาหารตามสั่งซึ่งตอนเราไปเค้ายังไม่เปิดร้าน
ถัดมาเป็นร้านรับผลิตและออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ที่ติดกันเป็นร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์
เดินต่อไปเราจะเจอป้ายล้อมรั้วของโครงการ Pause สุขุมวิท 115 ซึ่งตั้งอยู่ตรงนี้
ซึ่งตรงที่ดินของ Pause สุขุมวิท 115 คือหน้าซอยอภิชาติ 3 ซอยทางเข้าโครงการ B Loft สุขุมวิท 115
จากหน้าซอยจะเป็นบรรยากาศแบบนี้ อาคารสีเทาๆที่เห็นทางขวามือนั้นโครงตึกของโครงการ B Loft สุขุมวิท 115
เดินเข้ามาจะเห็นว่าตึกทางซ้ายมือจะเป็นอู่ซ่อมรถที่ดูค่อนข้างได้มาตรฐานทีเดียว ก่อนถึงโครงการเป็นที่ดินว่างเปล่าซึ่งตอนนี้โครงการได้เช่าเพื่อทำเป็นที่พักอาศัยคนงานก่อสร้างชั่วคราว
บรรยากาศข้างหน้าโครงการเป็นแบบนี้ ฝั่งซ้ายมือที่อยู่ตรงข้ามโครงการคือบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
ติดกับโครงการจะมีร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ มีโต๊ะสำหรับ 4 ที่นั่ง รองรับให้ลูกค้าที่หน้าร้าน 2 โต๊ะ และข้ามถนนไปมีการสร้างเพิงเป็นที่นั่งให้ลูกค้าอีก 1 โต๊ะ
ถัดไปจะเป็นที่ดินว่างเปล่า บ้านพักอาศัย 2 ชั้น และสุดซอยจะเป็นซอยตันค่ะ
บริบทโดยรอบ ทิศเหนือของโครงการจะติดกับร้านอาหารตามสั่ง 1 ชั้นไม่มีผลในเรื่องวิวค่ะ คนที่อยู่ในทิศนี้เลยจะได้วิวโล่งๆ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ทิศตะวันออกติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ส่วนด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับโรงงานที่เป็นโกดัง ความสูงประมาณตึก 2 ชั้น ส่วนทิศใต้ติดกับที่ดินว่างเปล่า ที่ตอนนี้โครงการเช่าที่ไว้ชั่วคราวเพื่อเป็นที่อยู่ให้คนงานก่อสร้าง ส่วนทิศตะวันตก ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ซึ่งจะมีผลกับวิวของห้องออกกำลังกาย ห้องอ่านหนังสือ และห้องพักในชั้น 2 บ้าง ส่วนชั้นสูงขึ้นมาตั้งแต่ชั้น 3 เป็นต้นไป ก็มองวิวได้โล่งๆไม่ติดอะไรค่ะ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดหน้าหมู่บ้านรินทร์ทอง ~450 เมตร
- ตลาดสำโรง ~ 3 กิโลเมตร
- ตลาดเทพารักษ์ ~2 กิโลเมตร
- Big C Jumbo ~750 เมตร
- Imperial Word สำโรง และ Big C สำโรง ~2.3 กิโลเมตร
- The Coast Village ~ 4.5 กิโลเมตร
- พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ (ช้างสามเศียร) ~1.6 กิโลเมตร
โครงการ B Loft สุขุมวิท 115 คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 202 ยูนิต ตัวอาคารผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายตามแบบ Modern และสไตล์ดิบๆ แนวโรงงานในแบบ Loft จนออกมาเป็นสไตล์ Modern Loft ที่มีความดิบเนี๊ยบอย่างที่เห็นคอนโดสมัยใหม่ชอบใช้กัน มีการจัดวางอาคารเป็นรูปตัว U ใช้โทนสี เทา-ครีม -ดำในการตกแต่งอาคาร ส่วนของที่จอดรถ, สำนักงาน, Lobby และตู้จดหมายจะอยู่ที่ชั้น 1 ส่วนของ Facilities ต่างๆอย่าง ห้องอ่านหนังสือ ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำและห้องน้ำส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 2 และมีสวนดาดฟ้าอยู่ข้างบนชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร
มาเริ่มกันที่ชั้น Ground ค่ะ โดยที่จอดรถทั้งหมดจะอยู่ในชั้นนี้ สามารถจอดได้ 30% หรือจอดได้ทั้งหมด 60 คัน รวมจอดซ้อนคัน อาคารเป็นรูปตัว U วนจอดได้ 3 ช่วง โดยสามารถเข้า-ออก ได้ทางเดียวคือถนนอภิชาติ 3 มองจากผังจะอยู่ด้านขวามือ ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นกำแพงเตี้ยๆที่กั้นระหว่างส่วนจอดรถด้านนอกกับด้านใน ส่วนที่ติดกับทางรถเข้าจะเป็นป้อมยามรักษาความปลอดภัย ซึ่งระบบที่จอดรถของที่นี่จะใช้สติ๊กเกอร์ พี่ยามต้องอยู่ข้างหน้าคอยตรวจตราเสมอ ที่คิดกันจะเป็น Lobby, สำนักงาน, ตู้จดหมาย และโถงลิฟต์ ซึ่งลิฟต์โดยสารมีให้ทั้งหมด 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ 101 : 1 และมีบันไดหนีไฟให้ 2 จุด
มาดูอาคารเต็มๆกันบ้าง ป้ายโครงการเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงรั้วโครงการ มีการใช้อิฐได้กลิ่นอายดิบๆของความเป็น Loft เสาชั้น 1 ทาสีเทาแต่ใช้ลายอิฐเพื่อให้เข้ากับ Theme Concept ตัวอาคารรวมๆมีการเล่นเส้นสายสีดำ ตกแต่งเสาและคานโดยการก่อปูนและทาสีให้เห็นตัวโครงสร้างเสาคานเด่นชัด เหมือนโครงสร้างโรงงานที่มักจะทาเหล็กเสาคานเป็นสีดำ แต่พื้นผนังจะใช้สีเรียบคุมโทน เดี๋ยวเราจะพาเดินดูด้านหน้าอาคาร เข้าลานจอดรถ แล้วเข้าไปดูข้างในโครงการกันนะคะ ^^
ส่วน Facilities ของโครงการจะอยู่ทางด้านหน้าทั้งหมด โดยทางเข้าหลักมีทางเดียวคือด้านหน้าทึ่ติดซอยอภิชาติ 3 มีส่วนเข้าไปลานจอดรถ และมีส่วนคนเดินเข้าคือเข้าทาง Lobby และป้อมยาม ถัดไปมีที่จอดรถด้านหน้าอาคารไว้ให้ด้วย ส่วนชั้น 2 ที่เห็นเป็นห้องกระจกคือ ห้องออกกำลังกายและห้องอ่านหนังสือ เป็นกระจกเต็มบานแสงเข้าค่อนข้างดีค่ะ
ด้านหน้าอาคารในส่วนของ Lobby มีการวางต้นไม้กระถางปูนเปลือยทั้งสองข้าง ผนังส่วนนี้ทาสีเทา เล่นลายอิฐทั้งหมด ห้องเล็กๆทางซ้ายมือคือห้องพี่ยาม ตรงไปเป็นส่วนของ Lobby
ถัดจากส่วน Lobby จะเป็นส่วนที่ว่างตรงกลางตัว U ข้างล่างเป็นสวนหย่อมเล็กๆ หากนั่งอยู่ที่ Lobby จะสามารถมองออกมาตรงนี้ได้ ด้านบนเป็นส่วนของสระว่ายน้ำที่มีแสงธรรมชาติลงตรงกลางพอดี ซึ่งการที่มีช่องว่างกลางอาคารแบบนี้จะให้มุมมอง 2 แบบแก่ห้องที่อยู่ยูนิตตรงตัว U ฝั่งด้านใน คือ มุมมองของตึกฝั่งตรงข้าม และมุมมองสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลาง
ซึ่งหากไปนั่งเล่นอยู่ที่สวนชั้นดาดฟ้าก็สามารถมองลงมาถึงส่วนนี้เลย
ถัดไปจะเป็นส่วนของที่จอดรถด้านนอกอาคาร สามารถจอดได้ประมาณ 3-4 คัน มีกำแพงเตี้ยๆกั้นระหว่างที่จอดรถใต้อาคารกับภายนอกด้วย
เข้ามาในส่วนลานจอดรถที่สามารถจอดรถได้ทั้งหมด 60 คัน ตัวลานจอดรถแบ่งเป็น 3 ช่วง ไหลไปตามอาคารเป็นรูปตัว U เพดานมีการโชว์ท่องานระบบซึ่งเป็นปกติของอาคารแนว Loft อยู่แล้ว ส่วนพื้นลานจอดรถเป็นพื้นคอนกรีต มีลูกศรบอกทางเข้า-ออก ความกว้างของถนนลาดจอดรถ คือ 6 เมตร
มองไปทางซ้ายมือจะเห็นส่วนของ Lobby และป้อมยาม ที่เป็นห้องกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำโปร่งถึงฝ้าเพดาน
ตรงไปสุดทางช่วงที่ 1 จะมีห้องเล็กๆเอาไว้เก็บของ
กำแพงรั้วโครงการสูง 2 เมตร ที่พื้นติดกับรั้วปลูกสนามหญ้าเล็กๆ ปลูกไม้พุ่มเป็นช่วงๆ และปลูกต้นไม้สูงปลูกเป็นระยะๆ ที่ติดกับโครงการด้านนี้เป็นที่ดินว่างเปล่า ที่ตอนนี้โครงการเช่าไว้เป็นที่พักคนงานก่อสร้างชั่วคราว อนาคตยังไม่รู้ว่าจะมีโครงการอื่นขึ้นอีกมั้ยก็คงต้องรอดูกันต่อไปครับ
ถัดไปเป็นทางเลี้ยวไปที่จอดรถช่วงที่ 2 สามารถจอดรถได้ทั้ง 2 ซ้ายขวา สุดทางเห็นรั้วโครงการที่ปลูกไม้พุ่มสีเขียวเป็นแนวยาว
เลี้ยวมาเป็นลานจอดรถช่วงที่ 3 สามารถจอดรถได้ทั้งซ้ายขวา สุดทางเป็นกำแพงเตี้ย ที่กั้นระหวางที่จอดรถด้านในและด้านนอกอาคารค่ะ
ต่อไปจะพาเข้าไปดูในตัวอาคารกันบ้าง ประตูทางเข้า Lobby เป็นประตูบานเปิดคู่ พื้นมีการยกระดับเล็กน้อย
ส่วนที่นั่งใน Lobby มีโต๊ะกลางและโซฟาเล็กๆแบบ 1 ที่นั่ง มีโต๊ะติดผนังและเก้าอี้สูงให้สามารถนั่งเล่น นั่งเขียนหนังสือ หรือทำงานได้
ใต้โต๊ะมีเต้าเสียบติดพื้นให้ สามารถเอาคอมพิวเตอร์ Notebook มานั่งทำงานได้
ตรงข้ามกันเป็นส่วนของตู้จดหมาย และประตูที่เห็นข้างซ้ายคือส่วนของห้องสำนักงาน
ส่วนที่ติดกันเป็นทางเข้าโถงลิฟต์ หน้าโถงลิฟต์จะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งพักคอย ซึ่งใกล้กับประตูทางเข้า Lobby ที่เราเดินเข้ามา
ในส่วนของทางเข้าโถงลิฟต์ จะเป็นประตูกระจกให้ลูกบ้านเข้า-ออก โดยใช้ระบบ Access card แตะคีย์การ์ดเพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้ลูกบ้าน
เข้ามาด้านในโถงลิฟต์ มองไปขวามือจะเป็นส่วนของชั้นวางของโชว์
ด้านซ้ายมือเป็นส่วนของบอร์ดเอาไว้ติดข่าวสาร และสวิตซ์เปิดประตูเวลาออก
ลิฟต์ในโครงการจะมีให้ทั้งหมด 2 ตัว อัตราส่วนต่อผู้พักอาศัยในโครงการคือ 101 : 1 อาจจะหนาแน่นบ้างในชั่วโมงเร่งด่วนอย่างเวลาเช้าที่ต้องออกมาทำงาน ลิฟต์มีให้บริการตั้งแต่ชั้น 1 – ชั้น 8
ตัวกดลิฟท์โดยสารแบบดิจิตอลจาก Schindler
ด้านในลิฟต์มีกระจกส่องเต็มตัวและราวจับ
ตัวกดลิฟต์ด้านในเป็นลักษณะนี้ ซึ่งเป็นแบบดิจิตอลจาก Schindler เช่นกัน เดี๋ยวเราจะพาไปดูส่วนกลางที่ชั้น 2 กันค่ะ
ในส่วนของผังชั้น 2 มีห้องพักจำนวน 28 ยูนิตการจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว Uโดยมี Facility หลักอยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะเป็นห้องอ่านหนังสือ, ห้องออกกำลังกาย, สระว่ายน้ำระบบ Skimmer แบ่งสระผู้ใหญ่และสระเด็กขนาด 3.8 x 12.5 เมตร, ห้องน้ำและห้องอาบน้ำส่วนกลางแยกชาย-หญิง
ซึ่งแน่นอนว่าชั้นนี้เป็นชั้นที่พักอาศัย รวมกับชั้น Facilities หลักเรื่องของความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องน่ากังวล โครงการจึงมีการกั้นประตูกระจกข้างโถงลิฟต์ เพื่อกั้นระหว่างส่วนพักอาศัยและส่วนผู้มาใช้งานห้องออกกำลังกาย, ห้องอ่านหนังสือและสระว่ายน้ำ รวมทั้งติดตั้ง Access card ที่หน้าประตู เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่พักในชั้น 2 นี้จะปลอดภัย และไม่มีคนภายนอกเข้าไปวุ่นวายได้
ลิฟท์โครงการมี 2 ตัว ไม่มีลิฟท์บริการแยกต่างหาก อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 101:1 ค่อนข้างหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน
ขึ้นมาที่ชั้น 2 มองไปทางขวามือตรงนี้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนออกไปยังส่วนของสระว่ายน้ำ
ส่วนถ้ามองไปทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าไปสู่ส่วนห้องพัก ซึ่งมีประตูกระจกกั้นให้อีกชั้น ซึ่งมีระบบ Access card แตะเข้าออก เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้ลูกบ้าน
ข้างกันเป็นส่วนของห้องอ่านหนังสือและห้องออกกำลังกาย ซึ่งเป็นห้องกระจกทั้งหมด พื้นใช้ไม้ลามิเนตแบบเดียวกับพื้น Lobby
ส่วนของห้องอ่านหนังสือจะมีโต๊ะ-เก้าอี้ทรงสูงให้นั่งมองวิวด้านนอก แต่เอาเข้าจริงตอนบ่ายแดดเข้ามาตรงนี้เต็มๆก็ร้อนเอาเรื่องเหมือนกันนะคะ ซึ่งถ้าเจอแดดร้อนก็สามารถเปลี่ยนมานั่งตรงโต๊ะเก้าอี้สีขาวข้างประตูที่จัดไว้ให้แทนได้ แต่จริงๆทางโครงการควรติดม่านให้ด้วยนะ ห้องนี้รองรับได้ประมาณ 6 ที่นั่ง เต็มที่ 10 คนก็เริ่มอึดอัดแล้ว
การตกแต่ง ผนังห้องก่ออิฐแบบดิบๆแขวนกระถางต้นไม้เล็กๆน่ารักสร้างบรรยากาศ ส่วนด้านซ้ายมือเป็นชั้นวางหนังสือ ที่โครงการจะจัดเตรียมไว้ให้หลากหลาย สามารถมานั่งอ่านได้ชิวๆค่ะ ข้างๆกันเป็นผนังกระจก ซึ่งสามารถมองไปเห็นส่วนออกกำลังกาย
จากหน้าห้องอ่านหนังสือมองไปจะเห็นว่าส่วนที่กั้นเป็นผนังกระจก ทำให้คนที่ออกกำลังกายและนั่งอ่านหนังสือมองเห็นกัน ซึ่งแบบนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีคือ ทำให้ห้องดูโล่งและกว้างขึ้น เพราะมุมมองดูเปิดโล่งไม่อึดอัด(ดีสำหรับพื้นที่น้อยๆแบบนี้) แต่ข้อเสียคือจะเสียความเป็นส่วนตัว เพราะเชื่อว่าถ้าออกกำลังกายอยู่แล้วมีคนมานั่งมองเห็นกันปิ๊งๆแบบนี้คงเขิลๆเหมือนกันนะคะ
ยกเว้นซะว่ามีแค่เรามานั่งอ่านหนังสือ รอเพื่อนออกกำลังกายแล้วไม่มีใครเลย แบบนี้ก็ถือว่าดีไป
เข้ามาในห้องออกกำลังกาย ที่บรรจุเครื่องเล่นได้ประมาณ 5 ชิ้น ข้างหน้าเป็นกระจกใสมองวิวข้างนอกได้สบายๆ ซ้ายมือเป็นกระจกเต็มบาน ช่วยให้ห้องดูกว้างและส่องดูความ Fit and ferm ได้ ด้านบนกระจกมีการปลูกต้นไม้ปลอมสร้างบรรยากาศ
จากมุมห้องออกกำลังกายมองกลับไป ผนังด้านติดประตูทางเข้าก็เป็นกระจกใสเช่นกัน เนื่องจากในภาพติดแสงสะท้อนของกระจกทำให้สะท้อนเห็นเครื่องออกกำลังกายภายใน ซึ่งของจริงถ้ามองตรงไปจะเห็นทางเดินของส่วนห้องพักชั้น 2 ค่ะ
ซึ่งจากห้องนี้มองไปจะเห็นประตูไปสู่ส่วนสระว่ายน้ำ
ออกจากประตูมามองไปทางซ้ายมือจะเป็นทางเดินแยกออกไป ต้นไม้ที่ปลูกบนกระถางคอนกรีตวางเลียบราวระเบียง เป็นการใช้ต้นไม้เพื่อเป็น Buffer ในการกันสายตาด้วย
ห้องน้ำห้องที่ 1 จะเป็นห้องล้างตัว, ห้องที่ 2 เป็นห้องน้ำชาย, ห้องที่ 3 เป็นห้องน้ำหญิง ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องเก็บของ ข้างหน้าห้องมีสวิตซ์สำหรับปิด-เปิดไฟ เป็นแบบมีฝาครอบปิด
สวิตซ์ปิด-เปิดไฟ หน้าห้องน้ำ
ห้องล้างตัวมีฝักบัวให้ลักษณะนี้
ห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิงจะมีลักษณะเหมือนกัน คือมีอ่างล้างมือ กระจก โถสุขภัณฑ์แบบนั่ง สายชำระ และที่แขวนกระดาษทิชชู่ ไม่มีโถสุขภัณฑ์ของผู้ชายให้ค่ะ
จากส่วนห้องน้ำมองไปจะเห็นว่ามีบันไดทางขึ้นไปยังสระว่ายน้ำ ไม่มีราวกันตกแต่ทำผนังทึบสูงขึ้นมาเป็นกำแพง
ตรงพื้นมีการลดระดับเล็กน้อยเพื่อให้น้ำสามารถระบายลงตรงนี้ได้ ต้องระวังสะดุดนิดนึงนะคะ
ขึ้นบันไดมาก็จะเจอสระว่ายน้ำระบบ Skimmer ขนาด 3.8 x 12.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กขนาด 1.2 x 1.9 เมตร ลึก 0.6 เมตร ซึ่งสระเด็กและสระผู้ใหญ่จะมีการกั้นด้วยกระเบื้องขอบสระสีขาวในระดับที่ต่ำกว่าขอบสระผู้ใหญ่เล็กน้อย
ริมสระว่ายน้ำมีโซฟาสนามสีเหลือง ขนาด 1 ที่นั่งให้ 2 ตัว พร้อมโต๊ะกลาง ด้านหลังปลูกต้นไม้สร้างบรรยากาศร่มรื่น
มองไปสุดทางของสระว่ายน้ำจะปูหญ้าเทียม โรยหินสีขาว มีลวดที่สานเป็นรูปกวางวางตกแต่งอยุ่มุมสระ
ความยาวของสระไม่ได้เน้นออกกำลังกายหนักๆ เหมือนโครงการ High Rise มองซูมไปที่ขอบสระใช้กระเบื้องลายหินอ่อนสีขาว ซึ่งค่อนข้างลื่นนะคะ ยิ่งโดนน้ำเข้าไปยิ่งลื่น ไม่แนะนำให้ขึ้นไปเดินเล่น ลงไปเล่นน้ำดีกว่านะคะ
มองกลับไปจะเห็นว่ามีห้องทีขอบหน้าต่างชั้นล่างและระเบียงติดขอบสระพอดีเลย เป็นห้องที่ค่อนข้างเสียวิวเพราะเชื่อว่าอยู่ตรงนี้คงไม่กล้าเปิดหน้าต่างออกมาบ่อยๆแน่หากมีคนมาเล่นน้ำ ซึ่งเสียความเป็นส่วนตัวเอามากๆ และควรเว้นระยะเพื่อแยกสัดส่วนระหว่างส่วนกลางกับส่วนพักอาศัยด้วย หรือถ้าติดเรื่องที่ดิน หรือโครงสร้างน่าจะยกสระว่ายน้ำไปไว้ชั้นบนสุดจะดีกว่า แต่ก็ต้องยอมเสียเงินในราคาที่สูงขึ้น
และน่าสงสารนิดนึงตรงนี้ระเบียงตรงนี้ปกติจะใช้ตากผ้า แต่เนื่องจากขอบระเบียงติดกับขอบสระว่ายน้ำ และเป็นช่องลงไปแบบนี้ ทำให้ทั้งน้ำ ทั้งความสกปรก รวมทั้งวันดีคืนดีฝนตก ระเบียงเราจะเป็นที่รับน้ำชั้นดี ซึ่งห้องตรงนี้มีทางเดียวที่จะแก้ปัญหาได้คือ กั้นห้องตรงนี้ซะ ก็จะช่วยได้ค่ะ
ซึ่งตรงนี้สอบถามกับทางโครงการให้แล้วว่า มีการคุยกับสถาปนิกให้ออกแบบต่อเติมส่วนระเบียงให้สำหรับคนที่สนใจยูนิตริมสระ โดยให้คำปรีกษาและติดตั้งให้ฟรี ใครสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดกับทางโครงการได้ค่ะ
เดินออกจากสระว่ายน้ำ มองออกไปข้างหน้าจะเห็นว่าด้านนี้จะโล่ง พื้นด้านล่างใช้ราวกันตกเป็นกระจกจึงสามารถมองลงไปเห็นสนามหญ้าข้างๆ Lobby และถนนหน้าโครงการได้
เดี๋ยวเราจะพาเดินลงไปไดไปขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 8 เพื่อไปดูสวนดาดฟ้ากันค่ะ 😀
ส่วนต่อมาเป็นชั้น 3-8 ก็จะมี Floor Plan เหมือนกันหมดนะคะ จำนวนห้องพักจำนวน 30 ยูนิตต่อชั้น ทางเดินเป็นรูปตัว U แบบนี้ มีลิฟท์อยู่ทางปลายสุดด้านหนึ่ง ลูกบ้านห้อง 310 จะเสียเปรียบที่ต้องเดินอ้อม แต่ก็จะมีข้อดีคือได้เป็นห้องมุมและได้ความเป็นส่วนตัวเพราะคงไม่ค่อยมีคนเดินไปทางนั้นมากนัก ส่วนห้องที่อยู่หน้าโถงลิฟต์ก็จะสะดวกแก่การขึ้นลงอาคาร แต่จะวุ่นวายหน่อยเพราะคิดดูคนทั้งชั้น 30 ห้องต้องมาเดินผ่านหน้าห้องเราเพื่อไปเข้าลิฟต์ ก็ลองชั่งน้ำหนักดูตามความชอบกันไปค่ะ
ส่วนของทางเดินจะได้แสงธรรมชาติแค่ตรงหน้าโถงลิฟต์ และตรงทางเลี้ยวรูปตัว U ส่วนปลายสุดของอาคารด้านอื่นเป็นห้องพักหมด ดังนั้นต้องเปิดไฟตามทางเดินไม่งั้นมืดค่ะ
ออกจากโถงลิฟต์มา เราจะเจอช่องแสงบานกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน ทำให้แสงธรรมชาติเข้า ทางเดินจึงค่อนข้างสว่างโดยไม่ต้องใช้ไฟ และลมเข้าได้เมื่อเปิดหน้าต่างซึ่งเป็นบานกระทุ้ง
เมื่อเลี้ยวจากโถงลิฟต์มา (ชั้นนี้ไม่มีประตูกระจกกั้นระหว่างลิฟต์กับโถงทางเดินเหมือนชั้น 2 ) ก็จะเจอทางเดินภายในอาคาร ซ้ายมือที่เห็นเปิดประตูไว้นั่นคือบันไดหนีไฟค่ะ ซึ่งเราจะขึ้นชั้นดาดฟ้ากันทางนี้
ทางออกบันไดหนีไฟมีธรณีประตูยกขึ้นเล็กน้อย มีหน้าต่างระหว่างชานพัก ทำให้แสงเข้าค่อนข้างดี
เดินขึ้นบันไดหนีไฟชั้น 8 ขึ้นมา เราจะเห็นประตูด้านบนเพื่อเปิดออกสู่ชั้นดาดฟ้า
สวนของชั้นดาดฟ้า จะจัดสวนซึ่งมีการยกพื้นทำบันได 2 ขั้น เพื่อให้เห็นวิวได้สูงขึ้น พื้นส่วนใหญ่เป็นสนามหญ้า ปลูกทั้งไม้สูงและไม้พุ่ม มีที่นั่งใต้ต้นไม้และใต้ศาลานั่งเล่น จากดาดฟ้าสามารถมองลงไปเห็นสระว่ายน้ำด้านล่างได้
เปิดประตูชั้นดาดฟ้าออกมา จะเจอระแนงเหล็กทาสีน้ำตาลแดง ด้านหลังเป็นสนามหญ้าโล่งๆที่มีการก่อปูนเป็นแนวเพื่อปลูกไม้พุ่มขนาดเล็กเป็นแนวกันตก และสร้างความร่มรื่น
มองไปทางขวามือมีฉากระแนงเหล็กทาสีน้ำตาลแดงเช่นกัน จะเห็นว่าที่พื้นจะเป็นบันไดขึ้นไป 2 ขั้น ซึ่งการที่พื้นยกสูงแบบนี้จะทำให้เราสามารถมองวิวได้สูงขึ้นไปอีก
หากมองไปอีกด้านจะเป็นทางเดิน ซึ่งซ้ายมือเป็นแท็งค์เก็บน้ำของโครงการที่มีทางให้เข้าไป Service ได้ ส่วนทางขวามือเป็นบันไดทางเดินขึ้นไปสู่สนามหญ้าสีเขียวให้เดินเล่น สุดทางเป็นแผงระแนงกันตกที่ค่อนข้างสูง ด้านหน้ามีที่นั่งเล่นใต้ต้นไม้ซึ่งอนาคตน่าจะแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงามากขึ้นกว่านี้ค่ะ
เดินมาดูหลังฉากระแนงเหล็กที่เป็นพื้นสนามหญ้าสีเขียว จะเห็นว่าพอเรายืนอยู่บนนี้เราจะได้เห็นวิวชัดขึ้น ราวกันตกด้านข้างตรงปูนที่ก่อขึ้นมามีการปลูกไม้พุ่มตลอดทั้งแนว จากตรงนี้เราสามารถเดินไปนั่งเล่นใต้ต้นไม้ได้สบายๆ
นอกจากนี้ยังมีศาลาให้นั่งเล่น โครงสร้างเป็นเหล็กและหลังคาใช้ระแนงเหล็กทาสีน้ำตาลแดงเช่นกัน ซึ่งหลบฝนไม่ได้ หลบแดดก็ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะแดดเมืองไทย คงต้องรอเวลาแดดร่มลมตกหรือวันที่อากาศดีมานั่งเล่นนะคะ อย่างน้อยแดดร่มลมตกมานั่งกินลมดูวิวสวยๆก็เป็นการพักผ่อนที่ดี
เดินลงมาจากศาลาจะมีทางเดินไปสู่สวนอีกด้านหนึ่ง ซึ่งปลูกต้นไม้ด้านข้างตลอดแนว ด้านซ้ายมือเป็นแท็งค์เก็บน้ำซึ่งข้างๆกันเป็นส่วนโค้งของรูปตัว U
แอบชะโงกลงไปมอง ก็จะเห็นวิวสระว่ายน้ำจากด้านบนแบบนี้
เลี้ยวมาก็จะเป็นทางเดินที่สุดทางเป็นจะเป็นห้องทางลงบันไดหนีไฟ ระหว่างทางด้านขวามือจะเห็นทางแยก 2 ช่วง
ทางแยกช่วงที่ติดกับทางลงบันไดหนีไฟจะแยกเป็นสนามหญ้าเทียมอเนกประสงค์เล็กๆค่ะ ด้านข้างจะปลูกไม้พุ่มสูงเป็นแนวสร้างทัศนียภาพสีเขียวๆ
ส่วนทางแยกอีกช่วง จะเป็นแยกที่เชื่อมต่อกับทางเดินหญ้าเทียม เพื่อให้เดินย้อนไปสู่ศาลานั่งเล่น.. ไปพักผ่อนหย่อนใจ 🙂
เดี๋ยวเราจะพาไปดูวิวจากชั้นดาดฟ้า โดยเริ่มจากมุมมอง A, B, C, D……. ไปตามลำดับจนถึง มุมมอง H นะคะ
มุมมอง A ทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศด้านหน้าโครงการ จะเห็นอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัยของชุมชนหมู่บ้านพักอาศัยสินวงศ์ ในซอยอภิชาติ 1 และเห็นตึกหลังใหญ่ๆของ Big C Jumbo
มุมมอง B ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นซอยอภิชาติ 3 ซึ่งเป็นซอยทางเข้าโครงการ พื้นที่ดินว่างเปล่า อู่ซ่อมรถ และที่พักอาศัยรอบๆที่ส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์และอพาร์ทเม้นท์ มองจากตรงนี้จะเห็นช้างตัวน้อยๆนั่นคือ ช้างสามเศียร ที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ที่ของจริงตัวใหญ่มาก
มุมมอง C ทางทิศใต้ จะเห็นเป็นที่ดินว่างเปล่าที่มีต้นไม้ขึ้นรกจนเป็นที่ดินสีเขียว อาคารโดยรอบส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และอพาร์ทเม้นท์รอบๆที่ส่วนใหญ่สูงไม่เกิน 8 ชั้น
มุมมอง E ด้านทิศตะวันออก มองไปเป็นที่พักอาศัยค่อนข้างหนาแน่น
มุมมอง F ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีต้นไม้สูงค่อนข้างเยอะ อาคารด้านนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์
มุมมอง G ด้านทิศเหนือ ด้านนี้จะเป็นช่วงท้ายซอยอภิชาติ 3 และซอยอภิชาติ 5 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
มุมมอง H ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เห็นซอยอภิชาติ 3 ส่วนท้ายซอย ซึ่งเป็นโกดังเก็บของขนาดใหญ่ และที่พักอาศัย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำระบบ Skimmer ขนาด 3.8 x 12.5 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กขนาด 1.2 x 1.9 เมตร ลึก 0.6 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย
- ห้องอ่านหนังสือ
- สวนดาดฟ้า
- ห้องตู้จดหมาย
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 101:1
- ที่จอดรถ 30% หรือประมาณ 60 คัน รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
มาเริ่มกันที่ห้องแบบแรก Type L ชั้น 5 ห้อง 508 แบบ 1 Bedroom 1 Bathroom พื้นที่ 26-35 ตารางเมตร ขนาด 4 x 6.20 ตารางเมตร ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร ขายแบบ Fully Furnished หิ้วกะเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งประกอบด้วย ชุดครัว Built-in, ฉากกั้นกระจก, สุขภัณฑ์, เครื่องปรับอากาศ 9000 BTU, เตียงนอน 5 ฟุต (ไม่รวมฟูก), โซฟา, ชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้าของ Index
โดยเข้าห้องไปปุ๊บสิ่งแรกที่เจอคือห้องรับแขกที่สามารถจัดมุมรับประทานอาหารเล็กๆได้ ถัดไปเป็นห้องนอนที่มีพื้นที่พอวางตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวีได้ ถัดมาจะเป็นครัวปิดซึ่งเป็นพื้นที่แยกสัดส่วนออกไป โดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อนปิด-เปิดกันกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้าห้องนั่งเล่น ซึ่งครัวเป็นพื้นที่แนวยาวที่สามารถวางเคาน์เตอร์ครัว, ตู้เย็น และสามารถวางตู้อเนกประสงค์ชิดผนังได้ ถัดไปเป็นระเบียงซึ่งมีพื้นที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์และเครื่องซักผ้า ส่วนที่เชื่อมต่อกับครัวอีกส่วนคือห้องน้ำซึ่งแยกส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้ชัดเจนค่ะ
**ต้องบอกก่อนว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้ง Built-in และลอยตัว ที่เห็นในห้องตัวอย่าง หากต้องการซื้อแบบ Fully Furnished ก็จะได้แบบนี้ทั้งหมดนะคะ ส่วน Prop ต่างๆหากอยากได้แบบนี้ สามารถคุยรายละเอียดกับทางโครงการได้ ซึ่งจะมี Interior ให้คำปรึกษาในกรณีที่ต้องการห้องดีไซน์เหมือนห้องตัวอย่าง ลองคุยความต้องการกับทางโครงการดูค่ะ 😀
มาเริ่มกันที่ประตูทางเข้า จะมีป้ายชื่อให้ทุกห้องในลักษณะนี้ ประตูห้องใช้บานประตูสำเร็จรูป MDF ลายลูกฟัก สีขาว ขนาด 0.9 x 2.0 เมตร มือจับสแตนเลสแบบก้านโยก มีตาแมวให้
เปิดเข้าห้องมาสิ่งแรกที่เจอคือห้องนั่งเล่นขนาด 3 x 3.15 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับห้องนอน มีการจัดโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งมาให้ชิดมุมด้านที่ติดกับผนังห้องนอนด้วย
ลองมองย้อนกลับไปจะเห็นพื้นที่ของทั้งห้องนั่งเล่น โดยจะมีโซฟาพร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี ระยะดูทีวีประมาณ 2.0 เมตร นั่งดูทีวีสบายๆ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าตรงพื้นข้างประตู มีตัวกันกระแทกให้ด้วยและตรงข้างประตูทางเข้าห้องมีสวิตซ์ไฟให้ 1 สวิตซ์
พอกดสวิตซ์ไฟปุ๊บ ไฟในห้องรับแขกก็จะสว่าง 2 ดวง ได้เป็นดาวน์ไลท์แบบวงกลม
ส่วนของโซฟา และโต๊ะรับประทานอาหาร ระยะห่างของโซฟากับโต๊ะรับประทานอาหาร คือ 0.8 เมตร
ชุดโซฟากว้าง 1.20 เมตรขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะกลางขนาด 40 x 70 เซนติเมตร ขามีล้อหมุนเคลื่อนย้ายได้สะดวก
ส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ขนาด 70 x 70 เมตร เก้าอี้พลาสติกค่อนข้างอ่อนแอนิดหน่อย แต่นั่งแล้วระยะพอดีๆกับโต๊ะค่ะ
Prop ชุดจาน ช้อน ส้อม บนโต๊ะน่ารักดี^^
ส่วนของชุดวางทีวี โครงการ Built-in มาให้แบบนี้เป็นตัวอย่าง แต่ส่วนที่แถมให้จริงๆจะมีตัวเดียวคือชั้นที่วางทีวีค่ะ โดยระยะการดูทีวีคือ 2.0 เมตร แต่ถ้าอยากได้ชั้นบนด้วยก็ต้องลองคุยเงื่อนไขกับทางโครงการดูค่ะ
ตู้วางทีวีของ Index เป็นบานปิด-ปิดในลักษณะแบบนี้
หากมองจากโซฟาจะเห็นว่า ทางเข้าห้องครัวและห้องนอนอยู่ติดกัน ซ้ายมือประตูทางเข้าห้องนอน ใช้บานประตูสำเร็จรูป MDF ลายลูกฟัก สีขาว ขนาด 0.8 x 2.0 เมตร มือจับลูกบิดสแตนเลส
เข้ามาดูที่ห้องนอน ขนาด 3 x 3.5 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตรโครงการจัดเตียง Queen Size 5 ฟุต มาให้แบบนี้เลย ไม่รวมฟูก ขนาดพอดีๆกับห้องค่ะ
ห้องนอนนี้มีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวงค่ะ
ระยะจากประตูทางเข้าถึงเตียงคือ 1.1 เมตร
ปลายเตียงมีระยะทางเดิน 0.85 เมตร
ส่วนพื้นที่ด้านข้างที่ติดกับหน้าต่างประมาณ 0.38 เมตร ค่อนข้างแคบ แต่พื้นที่พอให้สามารถเดินไปเปิด-ปิดผ้าม่านได้
ที่หัวเตียงมีเต้ารับให้ด้านขวามือ สามารถเสียบโคมไฟ เผื่อใครชอบอ่านหนังสือก่อนนอน หรือเผื่อวางโทรศัพท์ชาร์ทแบตได้
ส่วนพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งวางตู้เสื้อผ้าไว้ชิดมุม ซึ่งจะเห็นว่าพื้นที่จากตู้เสื้อผ้าไปจนถึงประตูห้องเป็นพื้นที่ว่าง ตรงนี้สามารถวางตู้หรือชั้นวางของชิดผนังได้ค่ะ
ตู้เสื้อผ้าสีขาวของ Index เปิด-ปิด แล้วก็จะได้ลักษณะแบบนี้
บานพับตู้เสื้อผ้าเป็นแบบธรรมดา ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าแล้ว ระหว่างตู้กับเตียงแทบจะไม่เหลือระยะให้ยืนเลย คงต้องเอียงตัวเปิดตู้เสื้อผ้ากันบ้าง
พื้นที่ปลายเตียงสามารถ Built-in ชั้นวางทีวีเล็กๆ หรือแนะนำให้เป็นทีวีติดผนังก็ประหยัดพื้นที่ดีค่ะ โดยโครงการ Built-in เป็นชั้นวางของน่ารักๆมาให้ดู สามารถเอาไปเป้นไอเดียตัวอย่างได้ หรือถ้าสนใจ Prop ตกแต่งก็คุยกับทางโครงการได้ค่ะ
ส่วนผนังอีกด้านจะเป็นหน้าต่างบานเลื่อนกระจกใสเขียวตัดแสงหนา 6 มม. กรอบอลูมิเนียมเคลือบสีดำ
วิวเมื่อมองออกมาจากหน้าต่าง หากมองไปทางขวามือจะเป็นวิวถนนด้านหน้าโครงการ และบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
มองตรงไปจะเป็นตึกของโครงการฝั่งตรงข้าม ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนของหน้าต่างข้างโถงลิฟต์
ซึ่งมองลงมาจะเป็นส่วนทางเดินออกมาจากโถงลิฟต์ และบันไดขึ้นสระว่ายน้ำในชั้น 2 รวมทั้งสนามหญ้าข้าง Lobby ในชั้น 1
ส่วนมองไปทางซ้ายมือจะเป็นตึกของโครงการ และวิวสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านล่าง
ถัดจากห้องนอนเป็นประตูทางเข้าห้องครัว ซึ่งโครงการกั้นมาให้เป็นประตูกระจกบานเลื่อน
ซึ่งประตูบานเลื่อนนี้มีความพิเศษตรงที่จะฝังรางไว้ด้านบนประตู
ดังนั้นเมื่อมองมาที่พื้นห้อง เราจะไม่เห็นรางเลื่อนให้เกะกะสายตา จะมีก็แต่คิ้วปิดรอยต่อของพื้นระหว่างห้องครัวกับห้องรับแขกเท่านั้นเอง ซึ่งพื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีม ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
ห้องครัวจะมีขนาด 1.30 x 3.10 เมตร ระยะทางเดิน 0.7 เมตร ชุดครัว Built-inให้ทั้งบนและล่าง แต่ในส่วนของตู้เย็นไม่ได้แถมให้นะคะ
ชุดครัว Built-in จาก Index ขนาด 1.2 x 0.7 เมตร สูงประมาณ 1 เมตร มีซิงค์ล้างจานและก็อกน้ำ รวมทั้งมีท็อปด้านบนที่ทำช่องเผื่อไว้สำหรับวางไมโครเวฟให้ (ตัวไมโครเวฟไม่ได้ให้ค่ะ)
ชั้นวางของด้านบน สามารถวางของเล็กๆน้อยได้ ข้างๆกันมีช่องที่ทำไว้สำหรับวางไมโครเวฟ
เคาท์เตอร์ครัวส่วนล่าง ประกอบไปด้วยอ่างล้างจานรูปทรงสี่เหลี่ยมของ Hafele และพื้นที่เตรียมครัวนิดหน่อย ระหว่างเคาท์เตอร์และผนังมียางกันน้ำปิดอยู่ แต่ตรงผนังที่ติดกับเคาท์เตอร์ไม่ได้ติดกระเบื้องกันเปื้อนไว้ให้ แนะนำให้ติดนะคะ เพราะปูนส่วนนี้หากโดนน้ำบ่อยๆจะบวมหรือสีร่อนเอาได้ หรือแม้แต่การที่เราล้างจาน คราบสกปรกอาจจะกระเด็นไปโดนผนัง ซึ่งผนังปูนจะฝังแล้วทำความสะอาดยาก
เคาท์เตอร์ครัวส่วนล่างเมื่อปิดและเปิดตู้ค่ะ ชั้นบนเป็นที่วางช้อน ส้อม, ส่วนชั้นล่างและพื้นที่ใต้ซิ้งค์ล้างจาน มีช่องไว้เก็บน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือของใช้ในครัวได้
ซึ่งเมื่อเปิดตู้ทั้งหมดแล้วจะเห็นว่า จากตู้ถึงกำแพงระยะที่เหลือค่อนข้างน้อย แค่พอยืนได้
ถัดไปเป็นส่วนของระเบียง โดยมีประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมเคลือบสีดำ กั้นระหว่างห้องครัวกับระเบียง
ส่วนธรณีประตูมีการยกขึ้นมาประมาณ 10 เซนติเมตร พื้นที่ระเบียงขนาด 0.75 x 1.30 เมตร ปูกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ราวระเบียงเป็นราวเหล็กทาสีดำ สูง 85 เซนติเมตร
Compressor Air เป่าเข้าระเบียง ออกไประเบียงร้อน นั่งเล่นไม่ได้เพราะพื้นที่เล็กไม่ค่อยน่านั่งสักเท่าไหร่ แต่ถ้าตากผ้าไว้นี่ แห้งดีมากเลยนะเออ 😀
พื้นที่ด้านล่าง Compressor Air จัดให้วางเครื่องซักผ้าได้
ทางโครงการได้ติดตั้งท่อสำหรับต่อกับเครื่องซักผ้า และติดเต้ารับไว้ให้ แต่เต้ารับตรงนี้เสียดายที่โครงการไม่ได้ให้เต้ารับแบบมีฝาครอบมา เพราะถ้าเป็นพื้นที่ส่วน Semi outdoor ที่เสี่ยงต่อฝนที่จะสาดเข้ามา หรือน้ำยาแอร์หยดลงมาได้แบบนี้ ถ้าเป็นไปได้ควรหาฝาครอบมาเผื่อติดกับเต้ารับก็ดีนะคะ เพื่อความปลอดภัย
ในส่วนของระเบียงโครงการจะให้โคมไฟซาลาเปามา 1 ดวง
ส่วนที่เชื่อมต่อกับครัวอีกส่วน คือห้องน้ำขนาด 1 x 2.15 เมตร มีการกั้นห้องอาบน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับเล็กน้อยประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นปูกระบื้องเซรามิค ขนาด 40 x 40 เซนติเมตร บานประตูห้องน้ำเป็นบานสำเร็จรุป MDF ลายลูกฟัก สีขาว ขนาด 0.7 x 2.0 เมตร
ซึ่งเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเห็นว่า ประตูจะติดราวแขวนผ้า ดังนั้นเวลาปิด-เปิด ประตูห้องน้ำ ระวังการกระแทกด้วยนะคะ
บริเวณอ่างล้างหน้า มีการก่อ Low wall ท็อปกระเบื้องหินแกรนิตสีดำไว้สามารถวางของได้ กระจกเงาติดผนังเป็นแบบธรรมดา หนา 5 มม. ขนาด 0.6 x 1.0 เมตร
โถสุขภัณฑ์ของ Cotto
สายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ ของ Cotto เช่นกัน
ฉากกั้นห้องอาบน้ำ( Shower screens) เป็นบานเลื่อน 3 ตอนสีขาว, บานเปลือย ขนาด 0.19 x 1.60 เมตร
ฝักบัวของ ของ Cotto ขนาดกำลังพอดีมือ และที่วางสบู่ของ Hafele
ห้องน้ำมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง และพัดลมดูดอากาศ 1 ตัวค่ะ
ปิดท้ายห้อง Type L ด้วย Decoration น่ารักๆ ^^
มาต่อที่ห้อง Type plus ชั้น 2 ห้อง 221 แบบ 1 Bedroom 1 plue 1 bathroom พื้นที่ 43.08 ตารางเมตร ขนาด 8.13 x 7.22 ตารางเมตร ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร มีเพียงชั้นละ 1 ห้อง ขายแบบ Fully Furnished หิ้วกะเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งประกอบด้วย ชุดครัว Built-in, , ฉากกั้นกระจก, สุขภัณฑ์, เครื่องปรับอากาศ 9000 BTU, เตียงนอน 5 ฟุต (ไม่รวมฟูก), โซฟา, ชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้าของ Index และที่พิเศษคือห้องนี้ติดตั้งระบบ Sound System ให้ใน Living room และห้องนอน ใครชอบฟังเพลงคงจะชอบ
ห้องเป็นรูปตัว L แปลนออกมาได้ค่อนข้างโอเค เดินเข้ามาเจอครัวเป็นทางเดินยาวเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร ห้องที่ติดกันคือห้อง plus ที่เป็นห้องอเนกประสงค์ สามารถจัดให้เป็นห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ หรือห้องอะไรก็ได้ตามใจชอบ ถัดมาเป็นโถงกลางที่สามารถทำเป็นส่วนของ Living Room ได้ ที่ติดกันคือห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว สามารถใช้ร่วมกับ Living room ได้ เพราะมีประตูเข้าออก 2 ทางคือ ทางห้องนอน และ Living room
**ต้องบอกก่อนว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้ง Built-in และลอยตัว ที่เห็นในห้องตัวอย่าง หากต้องการซื้อแบบ Fully Furnished ก็จะได้แบบนี้ทั้งหมดนะคะ ส่วน Prop ต่างๆหากอยากได้แบบนี้ สามารถคุยรายละเอียดกับทางโครงการได้ ซึ่งจะมี Interior ให้คำปรึกษาในกรณีที่ต้องการห้องดีไซน์เหมือนห้องตัวอย่าง ลองคุยความต้องการกับทางโครงการดูค่ะ
เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอส่วนของห้องครัวก่อน ได้เป็นครัวเปิด ซึ่งห้องมีลักษณะเป็นทางเดินยาว ที่โครงการจัดพื้นที่โดยวางเครื่องซักผ้า เคาน์เตอร์ครัว ชั้นวางของและตู้เย็นมาให้ดูเปป็นไอเดียในการจัดพื้นที่ เดินเข้าไปจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง และห้องอเนกประสงค์ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนคู่ พื้นปูลามิเนตลายไม้หนา 8 มม.
ถ่ายให้เห็นทางเดินเข้ามาชัดๆ จะเห็นว่าพอเปิดเข้ามาจะเป็นส่วนห้องครัว ขนาด 1.63 x 3.12 เมตร ส่วนพื้นห้องครัวเป็นลามิเนตทั้งหมด ข้อเสียคืออยู่ไปนานๆถ้าทำน้ำหกใส่ต้องรีบเช็ด เพราะหากน้ำซึมเช้าสู่เนื้อไม้แล้วอาจเกิดการบวมได้ ดังนั้นก็ต้องระวังในการใช้งานเป็นพิเศษโดยเฉพาะตรงส่วนล้างจาน ถ้าน้ำกระเด็นลงมาที่พื้นให้พยายามเช็ดอย่าทิ้งไว้นะคะ
ลักษณะตู้เคาน์เตอร์ครัวของ Koncept ขนาดไม่ใหญ่มาก มีอ่างล้างจานให้และที่วางของได้เล็กน้อย ส่วนตู้ด้านล่างเมื่อเปิด-ปิดแล้วจะได้ลักษณะนี้เหมือนกับห้อง Type L น่าจะให้มาใหญ่กว่านี้ สำหรับใครที่ชอบทำครัวคงไม่ปลื้มเท่าไหร่
ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร วางโต๊ะกินข้าวขนาด 70 x 70 เซนติเมตร โครงการจัดมาให้เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งสำหรับพื้นที่นี้ สามารถนำเก้าอี้มาวางเพิ่มให้นั่ง 3 คนได้สบายๆ
มองไปทางขวามือที่เชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหารจะเป็น Living room ที่เชื่อมต่อกับห้องนอนและห้องน้ำด้วย ซึ่งโครงการได้จัดพื้นที่ให้มีโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง ฝั่งตรงข้าม Built-in ชั้นวางของและชั้นวางทีวีแบบติดผนัง ระยะดูทีวีประมาณ 1.30 เมตร (จากทีวีถึงพนักพิง)
ส่วนระยะพื้นที่ทางเดินระหว่างโต๊ะรับประทานอาหารกับโซฟาประมาณ 1.40 เมตร
ชั้นวางของและชั้นวางทีวีแบบติดผนังของ Index จะได้แบบในภาพเลย ชั้นวางของด้านข้างสีน้ำตาลสามารถวางของได้อเนกประสงค์ ส่วนตู้วางทีวีสีขาวเป็นบานเปิด-ปิด จะเป็นลักษณะเดียวกับกับห้อง Type L
ด้านหลังชั้นวางทีวีติดตั้งเต้ารับสำหรับเสียบปลั๊กไฟ สายเคเบิลทีวี และ wireless ไว้ให้เรียบร้อย
จากห้องนั่งเล่นมองกลับไปจะเห็นส่วนโต๊ะรับประทานอาหาร และขวามือที่เป็นห้องอเนกประสงค์ ส่วนทางซ้ายมือเราจะเห็นแผงสีดำๆนั้นคือ โครงการได้ติดตั้งระบบ Sound System ยี่ห้อ RAZR โดยตัวนี้เป็นจอ Touch screen ที่เป็นตัวควบคุม ซึ่งระบบนี้จะเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบฟังเพลง วิธีคือเราสามารถเปิด Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของเราได้
และเมื่อเราเปิดเพลงในมือถือก็จะไปออกที่ลำโพงที่ติดตั้งไว้ที่เพดานห้อง ทำให้เสียงกระจายตัวรอบห้อง ลักษณะคล้ายๆลำโพงในรถยนต์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงกระหึ่มๆ
ถัดมาเป็นห้องอเนกประสงค์ขนาด 1.75 x 2.63 เมตร ซึ่งโครงการได้จัดพื้นที่ห้องนี้ให้เป็นห้องทำงาน, อ่านหนังสือ โดยกั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมเคลือบสีดำ กระจกใสสีเขียวตัดแสง พื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม. และห้องนี้มีหน้าต่างให้ 1 บาน รับแสงธรรมชาติได้ค่อนข้างดี ซึ่งถ้าเปิดหน้าต่างแสงนี้จะสว่างมาถึงห้อง Living room เลยค่ะ ช่วยประหยัดพลังงานในการไม่ต้องเปิดไฟ เปิดรับลมได้ และทำให้ห้องไม่มืดทึบ
เดินเข้ามาทางขวามือจะเป็นส่วนโต๊ะเขียนหนังสือชิดผนัง จัดวางอยู่ข้างหน้าต่างทำให้ได้แสงพอดี แต่ถ้าบ่ายๆคงร้อนน่าดู แนะนำให้หาผ้าม่านแบบโปร่งแสงมาติดเพื่อกัน UV และความร้อนได้ส่วนหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ยังได้รับแสงด้วยนะคะ หน้าต่างเป็นกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมเคลือบสีดำ กระจกใสสีเขียวตัดแสง
มองไปอีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นส่วนของชั้นวางของที่อยู่ติดกับประตูบานเลื่อน
เป็นลิ้นชักแบบ 2 ตอน 3 ชั้น เปิด-ปิดออกมาจะเป็นลักษณะนี้ ด้านบนมีชั้นติดผนังสามารถวางของโชว์ได้
มือจับตู้วางของอเนกประสงค์
ส่วนข้างๆกันเป็นอีกหนึ่งส่วนอเนกประสงค์ โครงการทำชั้นวางของติดผนังไว้ให้เป็นไอเดีย เราจะเห็นว่าตรงนี้ค่อนข้างจะดูเป็นซอกหลืบเนื่องจากติดระยะเสา ซึ่งเป็นที่กักเก็บฝุ่นชั้นดีทีเดียว ดังนั้นห้องนี้แนะนำให้ทำ Built-in ตู้เก็บของไปเลยดีกว่าค่ะ เพราะจะได้เก็บของเป็นสัดส่วนและ ไม่รกสายตา แต่ใครจะชอบแบบไหนก็สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ตามใจชอบนะคะ
จากห้องอเนกประสงค์ เราจะต้องเดินผ่านห้องนั่งเล่น ที่มีระยะทางเดิน 1.15 เมตร เพื่อไปยังห้องนอน ส่วนซ้ายมือเป็นประตูห้องน้ำ
ข้างๆโซฟาที่ด้านที่ติดกับหน้าห้องนอนมีพื้นที่เหลือ โครงการได้วางชั้นวางของ 5 ชั้น ตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งเป็น Prop เล็กๆที่น่ารักดี ^^
เข้ามาในห้องนอน ขนาด 3.03 x 3.95 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตรโครงการจัดเตียง Queen Size 5 ฟุต มาให้แบบนี้เลย ไม่รวมฟูก ขนาดพอดีๆกับห้อง หัวเตียงเป็นหน้าต่างกระจกบานเลื่อนช่วยให้แสงเข้าห้องค่อนข้างดีมากค่ะ
ลองมองขึ้นไปบนเพดานมีไฟดาน์ไลท์ทรงกลมให้ 2 ดวง ซึ่งห้องนี้ก็มีลำโพงให้ด้วย ดังนั้นหากเราเปิดเพลงในระบบ Sound system เสียงเพลงก็จะดังในห้องนอนด้วยค่ะ
พื้นที่ด้านข้างเตียงค่อนข้างเหลือ เดินขึ้นลงเตียงได้สบายๆค่ะ โครงการวางตู้สูง 8 ชั้นชิดผนังไว้ให้เป็นไอเดียด้วย ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั้นทำตู้หนังสือ Built-in สูงถึงฝ้าเพดานานหรือจะทำเป็นชั้นวางของติดผนังเล็กๆวางของโชว์กระจุกกระจิก ตรงนี้ก็มีพื้นที่เหลือพอที่จะทำได้ค่ะ
ปลายเตียงโครงการ Built-in ชั้นติดผนังมาให้ดู ก็พอมีพื้นที่เดินเหลือสบายๆ
ระยะข้างเตียงส่วนที่เชื่อมต่อกับระเบียงและตู้เสื้อผ้า มีพื้นที่เหลือเดินค่อนข้างเยอะ สามารถเปิดตู้เสื้อผ้า ยืนแต่งตัวได้สบายๆ
ตู้เสื้อผ้าของ Index เหมือนห้อง Type L ปิด-เปิด ออกมาจะได้ลักษณะประมาณนี้
มือจับตู้เสื้อผ้า
ถัดไปเป็นระเบียงที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำ กระจกใสเขียวตัดแสง สูง 2 เมตร
ระเบียงขนาด 0.93 x 3.03 เมตร พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้าง สามารถจัดสวนเล็กๆสร้างวิวสวยๆให้ห้องได้นะคะ ส่วนพื้นปูกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร พื้นมีการยกธรณีประตู 10 เซนติเมตร และราวระเบียงเป็นราวเหล็กทาสีดำ สูง 85 เซนติเมตร
ห้องนี้เป็นห้องมุม ระเบียงจึงค่อนข้างโปร่ง แต่เนื่องจากชั้นนี้เป็นชั้น 2 มุมมองจึงติดบ้านข้างเคียง ซึ่งถ้าใครยิ่งอยู่ชั้นสูงๆขึ้นไปก็จะสามารถมองวิวได้สวยและกว้างขึ้น
ระเบียงอีกด้านเป็นที่วาง Compressor แอร์ 3 ตัว จากห้องนอน, ห้องนั่งเล่นและห้องทำงาน เป่าเข้าระเบียงทำให้ระเบียงร้อน แต่ตากผ้าได้แห้งดี แต่ถ้าใครออกมาใช้งานตรงระเบียงบ่อยๆแนะนำให้ติดกริลเป่าลมออกด้านนอกเพิ่มค่ะ จะได้ใช้งานสะดวกขึ้น ใต้ Compressor แอร์มีเต้ารับที่ไม่ได้มีฝาครอบให้
หลัง Compressor แอร์มีก็อกน้ำให้ เผื่อใช้งานอเนกประสงค์ เช่น ล้างระเบียง ซักผ้า ค่ะ แต่ถ้าวางในตำแหน่งหลัง Compressor แบบนี้ก็ใช้งานค่อนข้างยากนะคะ ยกเว้นซะว่าจะติดแอร์แค่ข้างบน 2 ตัว หรือติดตั้ง Compressor แอร์ให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก
กลับเข้ามาที่ห้องนอนต่อไปเราจะไปดูในส่วนของห้องน้ำในห้องนอนกัน บานประตูห้องน้ำเป็นบานสำเร็จรุป MDF ลายลูกฟัก สีขาว ขนาด 0.7 x 2.0 เมตร
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับเล็กน้อยประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นปูกระบื้องเซรามิค ขนาด 40 x 40 เซนติเมตร
ห้องน้ำฟังก์ชั่นครบตามมาตรฐาน มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน มีส่วนของโถสุขภัณฑ์ ตู้อาบน้ำทรง 5 เหลี่ยม และส่วนอ่างล้างหน้า
บริเวณอ่างล้างหน้า มีการก่อ Low wall ท็อปกระเบื้องหินแกรนิตสีดำไว้สามารถวางของได้ กระจกเงาติดผนังเป็นแบบธรรมดา หนา 5 มม. ขนาด 0.6 x 1.0 เมตร
จุดสังเกตอย่างหนึ่งในส่วนนี้คือ จะเห็นว่าด้านซ้ายมือของอ่างจะชิดกับตู้อาบน้ำเลย ซึ่งปกติเวลาล้างหน้าคนเราจะกางแขนออกเล็กน้อย จุดนี้จึงไม่สะดวกเท่าใดนัก ดังนั้นเวลาใช้งานจริงอาจจะต้องเอียงตัวมาด้านขวาเพื่อล้างหน้ากันสักเล็กน้อย
อีกฝั่งเป็นโถสุขภัณฑ์, สายฉีดชำระ และที่แขวนกระดาษทิชชู่ ของ Cotto
ต่อไปเป็นส่วนของตู้อาบน้ำ ซึ่งมีพื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.95 x 1.10 เมตร มือจับตู้เป็นสแตนเลสลักษณะนี้ใหญ่ดีค่ะ
ส่วนขอบบานประตู มียางกันกระแทกให้ด้วย
ระยะเปิดประตูห้องอาบน้ำออกมาสุดแล้ว ยังไม่ชนกับโถสุขภัณฑ์ ถือว่าตรงนี้ทำระยะออกมาได้โอเคค่ะ
พื้นไม่มีการลดระดับ แต่มีธรณีเป็นสแตนเลสยกขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งเวลาอาบน้ำจริงๆธรณีเท่านี้ก็ไม่ค่อยช่วยกั้นน้ำเท่าไหร่นักนะคะ เวลาใช้งานคงเลอะเทอะทั้งห้อง
ฝักบัวของ ของ Cotto ขนาดกำลังพอดีมือ และที่วางสบู่ของ Hafele
ส่วนหากอยู่ในห้องน้ำ มองออกไปจะเห็นประตูทางเข้า 2 ทาง ด้านซ้ายมือเป็นประตูไปสู่ห้องนอน และขวามือเป็นประตูไปห้องนั่งเล่น ซึ่งทั้งสองห้องใช้งานห้องน้ำนี้ร่วมกัน โดยบานประตูห้องน้ำจะเป็นบานเปิดเข้า จากภาพทางขวามือจะเห็นว่าเมื่อลองเปิดประตูห้องอาบน้ำกับประตูห้องน้ำแล้ว ระยะของประตูไม่ชนกันด้วย
ปิดท้ายด้วยภาพ Prop น่ารักของห้องนี้ ^^
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 23 April 2015
- Type L ชั้น 5 โซนสระว่ายน้ำ ห้อง 508 เนื้อที่ 28.17 ตร.ม. ราคา 1,640,000บาท หรือ 58,217 บาท/ตร.ม.
- Type L ชั้น 5 โซนสระว่ายน้ำ ห้อง 509 เนื้อที่ 30.58 ตร.ม. ราคา 1,790,000บาท หรือ 58,534 บาท/ตร.ม.
- Type plus ชั้น 2 โซนสระว่ายน้ำ ห้อง 221 เนื้อที่ 43.08 ตร.ม. ราคา 2,390,000บาท หรือ 55,478 บาท/ตร.ม.
- โปรโมชั่น : ฟรีเฟอร์, ฟรีแอร์, ผ่อนเริ่มต้น 1,590 บ./เดือน,พิเศษจ่ายเพิ่มเพียง 50,000 บ. ตกแต่งเพิ่มโดย Interior จาก Origin โดยรายละเอียดมีดังนี้ (ไม่มีระยะสิ้นสุดโปรโมชั่น)
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 5,000 บาท
- ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
- ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ในวันที่ 9-10 พฤษภาคม 2558 นี้โครงการจะมีงาน Open House Party รายละเอียดในงานมีดังนี้
สภาพแวดล้อมของโครงการในซอยค่อนข้างเงียบๆอาจมีเสียงของการทำงานในโรงงานที่จะมีเสียงดัง และมีคนเข้า-ออก ให้อุ่นใจบ้าง อาหารการกินแถวๆนั้น หาไม่ยากมีตลาดหน้าหมู่บ้านรินทร์ทองที่มีของกินครบ ตอนเย็นๆคนเยอะไปเลือกซื้อกันได้ มี Big C Jumbo อยู่ก่อนถึงซอย 115 นิดเดียว ซึ่งค่อนข้างมั่นใจได้ว่าไม่อดตายแน่ๆ แต่สู้ทำเลใกล้เคียงอย่างสำโรงไม่ได้ ในซอย 115 นั้นสามารถทะลุไปถนนเทพารักษ์ได้ ซึ่งก็จะเป็นถนนเส้นใหญ่ เป็นชุมชนใหญ่อีกจุดหนึ่ง ห่างออกมาหน่อยก็เป็นตลาดสำโรงที่เป็นตลาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ห่างออกมาหน่อยก็มีห้างอิมพิเรียลสำโรงซึ่งมี Big C ในนี้ ติดกันมีสำโรงเซ็นเตอร์ หรือจะไปเส้นบางนาตราดมีเซ็นทรัลบางนา BigC หรือเลยไปเมกาบางนา และอิเกียก็ได้ค่ะ ส่วน Community mall ใกล้ๆคือ The Coast Village ใกล้ๆสี่แยกบางนา และอนาคตจะมีห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ชื่อว่า Bangkok Mall ตรงสี่แยกบางนาเลยค่ะ ที่เหลือนอกจากนี้ก็ขึ้น BTS เข้าเมืองไปเลยสะดวกดี และมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า ในอนาคตหลังจากที่รถไฟฟ้าเสร็จแล้ว ทำเลตรงนี้จะพัฒนาไปได้อีกมาก
การออกแบบโครงการ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของราคาระดับนี้ มีความหนาแน่น 30 ห้องต่อชั้น, อัตราส่วนลิฟท์ 101:1 ไม่สูงมากแต่ถ้าช่วงเวลาเร่งด่วนคงต้องยืนรอกันบ้าง การออกแบบห้องทำได้พอใช้ ห้องส่วนใหญ่มีขนาด 26-27 ตารางเมตร แต่มีหน้าแคบ ทำให้การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของต่างๆในห้อง อาจจะดูใช้งานจริงลำบากหน่อย แต่ก็ยังพยายามจัดให้ได้ฟังก์ชั่นมาตรฐานครบ เช่น ได้ครัวแยกส่วน หรือได้ระเบียงที่ขนาดพอใช้ได้สำหรับห้องขนาดนี้
วัสดุอุปกรณ์ภายในห้องที่ได้มามีดีมีด้อยปนๆกันมา ได้ชุดครัว Built-in, ซิงค์ล้างจานของ Hafele, ฉากกั้นกระจก, โถสุขภัณฑ์ของ Cotto, อ่างล้างหน้าของ Cotto, ฉากกั้นอาบน้ำ ,ชุดฝักบัวอาบน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, เตียง (ไม่รวมฟูก), โซฟา, ชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้าของ Index พื้นปูลามิเนตลายไม้หนา 8 มม.
สาธารณูปโภคของโครงการ มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องอ่านหนังสือ และสวนดาดฟ้า Facilities ให้มาครบแต่ขนาดจะค่อนข้างเล็ก รองรับการใช้งานของคนได้ไม่มาก และติดเรื่องความเป็นส่วนตัวตรงชั้นสระว่ายน้ำที่ขอบสระกับระเบียงห้องพักติดกันเลยยังดูไม่ค่อยลงตัว
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 49,000 บาทต่อตารางเมตร, 23/04/2015
- ทำเล 8/10 – ทำเลในซอย 400 เมตรจาก BTS ปู่เจ้าสมิงพราย
- (ทำเล 7.5/10 – กรณีที่รถไฟฟ้ายังไม่เปิดให้บริการ)
- เดินทางด้วยรถ 7/10 – ที่จอดรถให้มาน้อยไป เดินทางเข้าเมืองรถติด แต่มีทางเลี่ยงอ้อมตัวเมืองได้หลายทาง
- ไม่ใช้รถ 8/10 – 400 เมตรจากรถไฟฟ้า ในราคาล้านต้น
- (ไม่ใช้รถ 7/10 – กรณีที่รถไฟฟ้ายังไม่เปิดให้บริการ)
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐาน เทียบกับราคา
- แบบ 7.5/10 – ห้องขนาดเล็ก ได้ฟังก์ชั่นมาตรฐาน ครัวแยก
- สาธารณูปโภค 7/10 – สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนดาดฟ้า
- MAIN CLASS
- กรณีรถไฟฟ้าเปิดแล้ว 7.69 / 10.00
- กรณีรถไฟฟ้ายังไม่เปิด 7.3 / 10.00
BOTTOM LINE
B LOFT สุขุมวิท 115 เหมาะกับคนพื้นที่ย่านสมุทรปราการ หรือคนที่ทำงานโซนนี้ ที่อยากได้ที่อยู่อาศัยในราคาระดับ 1.29-2.39 ล้านบาท ที่สามารถใช้รถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในการเดินทางเป็นหลักได้
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ 😀
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )