เวล่า รามคำแหง 186 คอนโดเปิดใหม่ เริ่ม 1.39 ล้าน ใกล้รถไฟฟ้าเคหะรามคำแหง 200 เมตร ได้เฟอร์ฯครบ จาก อัสสกาญจน์ [รีวิวฉบับที่ 2386]

WELA Ramkhamhaeng 186 (เวล่า รามคำแหง 186) ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2565

เกริ่นก่อนว่าโครงการ “เวล่า รามคำแหง 186” เป็นหนึ่งโครงการในโปรเจคใหญ่อย่างอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหง โดยภาพรวมของอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหง ประกอบไปด้วย …คอนโด High Rise 1 อาคาร (The Rik) คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร (1 อาคารคือ คอนโดอัสสกาญจน์ ซิตี้ อีก 2 อาคารคือเวล่า ) และ คอนโด 4 ชั้น 16 อาคาร รวมทั้งหมดราวๆ 2,400 ยูนิต บนเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 19 ไร่ ซึ่งทยอยก่อสร้างและขายมาทีละโครงการทยอยจากพื้นที่ด้านในโครงการ 3 และ 4 สร้างเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังออกมาพัฒนาพื้นที่ด้านหน้าที่ติดกับถนนรามคำแหงในส่วนของโครงการ 2 ซึ่งก็คือเวล่านั่นเอง

สำหรับโครงการ เวล่า รามคำแหง 186 จะอยู่ห่างจากถนนใหญ่รามคำแหงประมาณ 200 เมตร ถัดจากคอนโด The Rik ซึ่งเป็นอาคารแรกที่อยู่ติดถนนใหญ่ค่ะ

พิกัด Google Maps : 13.801669, 100.724694
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

โซนรามคำแหงนี้ ตั้งแต่ดั้งเดิมถึงปัจจุบันจะเป็นทำเลชุมชนแนวราบขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์หลักๆ จะเกาะอยู่ตามโซนสีฟ้าที่เราได้วงไว้ ซึ่งโครงการนี้ก็ไปเกาะตรงแถบมีนบุรี…

โดยโซนมีนบุรีนั้นจะเห็นว่ามี Big C, HomePro และ Tesco Lotus เกาะตัวกันอยู่ติดถนนรามคำแหงในระยะประมาณ 700-900 เมตร แต่หากถามหาความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินสบายก็จะมีตลาดรินทร์ทองให้พึ่งพิงกัน ห่างจากโครงการประมาณ 350 เมตร ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอย ราคาย่อมเยา ทั้งขายอาหาร, ผลไม้, ร้านขายยา, คลีนิค อีกทั้งปากซอยโครงการก็จะมี Family Mart ให้แวะซื้อของกินของใช้เล็กๆ น้อยๆ ก่อนเข้าโครงการได้

จากโครงการขึ้นไปหน่อยจะเป็นแยกตัดกับถนนร่มเกล้าที่เชื่อมเข้าถนนสีหบุรานุกิจ จะมีตลาดขนาดใหญ่รวมตัวกันทั้งตลาดมีนบุรี และตลาดนัดจตุจักร 2 ส่วนห้างที่ใกล้สุดจะไม่ได้อยู่ในโซนมีนบุรีนะคะ ต้องเดินทางไปโซนรามอินทรา ก็จะมีห้างใหญ่อย่าง Fashion Island และ The Promenade ค่ะ

จุดเด่นของทำเลโครงการเวล่า รามคำแหง 186 เรามองว่าเป็นระยะที่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีเคหะรามฯ เพียง 200 เมตร ก็คือบันไดทางขึ้นลงรถไฟฟ้าอยู่แค่หน้าปากซอยโครงการเลย ติดกับคอนโด The Rik ของอัสสกาญจน์เช่นเดียวกัน โดยเจ้ารถไฟฟ้าสายสีส้มก่อสร้างมาได้ประมาณ 93% ใกล้แล้วเสร็จกันแล้วนะคะ แต่แผนเปิดใช้งานที่เห็นออกข่าวมาล่าสุดคาดว่าประมาณปี 68 แต่ยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัดนะคะ

จากสถานีเคหะรามฯ ไป 1 สถานีก็จะถึงสถานีมีนบุรี ซึ่งเป็นจุด Interchange สำคัญของรถไฟฟ้าฝั่งกรุงเทพตะวันออก สามารถเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพูได้ที่สถานีนี้ ซึ่งข่าวคราวล่าสุดของสายสีชพู ก็มีแผนจะเปิดทดลอง (Trial Run) ให้บริการฟรีในช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม 2565 ใครอยู่โซนนั้นก็อย่าลืมไปทดลองนั่งกันดูนะคะ

เมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมใช้ทั้งหมดก็ทำให้ทำเลโครงการเองตอบโจทย์กลุ่มคนอีกแบบด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่คนที่ทำงานในละแวกนี้หรือเน้นวิ่งออกนอกเมืองแล้ว แต่เป็นคนที่ทำงานในเมืองนั่นแหละ ที่ยอมเดินทางไกลหน่อย แต่ได้ขึ้นที่สถานีต้นสาย โอกาสได้นั่งเก้าอี้ก็สูง อิอิ และราคาคอนโดนี้ก็อยู่ในระดับที่หยิบจับได้ไม่ยาก ระดับ First Jobber ก็พอที่จะกู้ซื้อเองได้อยู่ค่ะ

การเดินทางด้วยรถยนต์ของโซนนี้จะสะดวกสำหรับคนที่เดินทางไป 4 ทางด้วยกันนะ 1. วิ่งเข้ารามคำแหง 2. วิ่งเข้ารามอินทรา 3. วิ่งเข้าร่มเกล้าเพื่อตรงไปย่านอุตสาหกรรมลาดกระบัง หรือจะไปสุวรรณภูมิก็ไม่ยากนะ (รถติดหน่อยเพราะรถใหญ่เยอะ แต่ระยะทางไม่ไกลมากสำหรับการขับรถ) 4. วิ่งไปฉะเชิงเทรา  หากใครทำงานย่านโรงงานฉะเชิงเทราแต่อยากอยู่ใกล้ทำเลคึกคัก ทำเลโครงการนี้ก็ตอบโจทย์นะคะ สามารถวิ่งตรงไปทางสุวินทวงศ์ได้ง่าย

และการใช้วงแหวนรอบนอกตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) ก็เป็นเส้นสำคัญในการวิ่งเข้าเมืองนะ ซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจากโครงการมากนักประมาณ 5 กิโลเมตร ต้องวิ่งผ่านเส้นรามคำแหงไป ซึ่งรถจะติดหน่อยค่ะ

สำหรับคนที่ใช้รถสาธารณะ นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว พวกรถเมล์ พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่แค่หน้าปากซอยเช่นกัน นับระยะจากโครงการก็ประมาณ 240 เมตรราวๆ นี้

ภาพรวมสภาพแวดล้อมภายนอกโครงการ

สรุปสภาพแวดล้อมรอบโครงการ เวล่า รามคำแหง 186

ทำเลที่ตั้งโครงการเวล่า รามคำแหง 186 สภาพแวดล้อมโดยรอบจะเป็นชุมชนพักอาศัยทั้งหมดนะคะ ทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม ทำให้โซนนี้จะมีตลาด มีความคึกคักมาตอบรับความเป็นชุมชนด้วย

เรื่องวิวคงไม่ใช่ความคาดหวังสำหรับคอนโด Low Rise อยู่แล้ว ซึ่งโครงการวางผังห้องพักไว้ 2 ทิศ คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ มีข้อดีข้อด้อยต่างกัน ตรงที่ห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะหลบหลีกเรื่องความร้อนและแสงแดดได้ แต่การเลือกตำแหน่งห้องต้องระวังไม่ให้ชนกับอาคารพักอาศัย 5 ชั้นที่อยู่ในระยะประชิด ส่วนห้องทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะได้แสงที่จ้ากว่า แต่ก็ได้ลมที่แรงกว่า และยังมีถนนส่วนกลางของอัสสกาญจน์ซิตี้ช่วยเป็น Buffer Zone ไม่ให้มีอาคารในระยะประชิดด้วยค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

• ตลาดรินทร์ทอง ~ 350 เมตร
• Big C สุขาภิบาล 3 ~ 700 เมตร
• Lotus สุขาภิบาล 3 ~ 950 เมตร
• ตลาดมีนบุรี ~ 4 กิโลเมตร
• Fashion Island ~ 9.2 กิโลเมตร
• The Promenade (เดอะ พรอมานาด) ~ 9.4 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

• รพ. เสรีรักษ์ ~ 2.7 กิโลเมตร
• รพ. นวมินทร์ 9 ~ 3.6 กิโลเมตร
• รพ. เกษมราษฎร์ รามคำแหง ~ 7.1 กิโลเมตร

สถานศึกษา

• ร.ร.เทพอักษร ~ 900 เมตร
• ร.ร.นานาชาติร่วมฤดี ~ 2.5 กิโลเมตร
• ร.ร.มีนประสาทวิทยา ~ 2.9 กิโลเมตร
• รร. ปัญจทรัพย์ มีนบุรี ~ 3.3 กิโลเมตร
• ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ~ 4.1 กิโลเมตร
• มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ~ 4.7 กิโลเมตร
• ร.ร.สารสาสน์วิเทศมีนบุรี ~ 5.5 กิโลเมตร

ตัวช่วยในการเดินทาง

• MRT สถานีเคหะรามคำแหง (สายสีส้ม) ~ 200 เมตร (เพียง 1 สถานีจะถึงสถานีมีนบุรีที่เป็นจุด Interchange ไปรถไฟฟ้าสายสีชมพู)
• วงแหวนกาญจนาภิเษก ~ 5 km.

มาดูภาพรวมตลาดคอนโดในโซนนี้กันสักหน่อย ..ถนนรามคำแหงนี้จะมีความเจริญกระจายตัวเป็นช่วงๆ อย่างเช่นโซนต้นๆ ที่อยู่ใกล้กับ ม. รามคำแหง-แยกลำสาลี ค่อนข้างคึกคักมาก มีห้างใหญ่อย่าง The Mall บางกะปิ ราคาคอนโดจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.85-2.5 ล้านบาท ตกประมาณตารางเมตรละ 75,000-105,000 บาท ในขณะที่โซนปลายอย่างรามคำแหงที่ความอุดมสมบูรณ์มากระจุกตัวกันแถวมีนบุรี จะเป็นพวกตลาด ร้านค้าราคาย่อมเยา และ Hypermarket เป็นหลัก ราคาคอนโดจะเริ่มประมาณ 1.39-1.8 ล้านบาท ตกประมาณตารางเมตรละ 64,000-75,000 บาท ซึ่งโครงการเวล่า รามคำแหง 186 จัดอยู่ในโซนรามคำแหงตอนปลายนี่แหละค่ะ

เวล่า รามคำแหง 186 เป็นอีก 1 โครงการในอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหง ที่ยังคงรุกตลาดระดับ Economy ตามแนวคอนโดรุ่นพี่ ซึ่งทำราคาออกมาได้เย้ายวนเริ่มต้นที่ 1.39 ล้านบาท ในขณะที่คอนโดแบรนด์ดังที่เราลองถามราคาของย่านนี้จะไปเริ่มต้นประมาณ 1.8 ล้านกันแล้ว แต่เมื่อทางโครงการเจาะช่องว่างของตลาดด้วยราคาไปแล้วก็ต้อง Trade-Off กับ Facility ส่วนกลางที่ไม่ได้ใหญ่เว่อวังเหมือนโครงการแบรนด์ดังๆ และไม่ใช่คอนโด High Rise ที่จะได้วิวเมืองแบบปังๆ แต่เป็นคอนโด Low Rise ที่เป็นตัวเลือกให้กับ คนที่อยากขยับขยายจากบ้านเดิม/บ้านเช่า มาหาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ในทำเลที่แทบจะติดรถไฟฟ้าก็ว่าได้

ก่อนจะพาไปชมรายละเอียดของโครงการเวล่า รามคำแหง 186 เรานำ Master Plan โซนด้านหน้าของอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหงมาอธิบายให้เห็นภาพรวมกันอีกครั้งนะคะ โดยโครงการด้านหน้าสุดที่อยู่ติดกับทางขึ้นลงรถไฟฟ้าสถานีเคหะรามฯ ก็คือคอนโด The Rik (กรอบสีส้ม) ถัดเข้ามาจึงเป็นโครงการเวล่า (กรอบสีเหลือง) และถัดจากเวล่าเข้าไปด้านในก็ยังมีคอนโด Low Rise 8 ชั้น อีก 1 อาคาร และคอนโด Low Rise 4 ชั้น 16 อาคาร ที่เคยเกริ่นไปตั้งแต่ต้น ซึ่งสร้างเสร็จพร้อมอยู่กันหมดแล้ว

โดยพื้นที่ส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้ล้อมกรอบจะเป็นพื้นที่ของอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหง ซึ่งเปิดให้ลูกบ้านทุกอาคารใช้จอดรถได้ นอกเหนือจากที่จอดรถในอาคารของตัวเอง อย่างของเวล่ามีที่จอดรถในอาคารรวม 30% แล้วก็ยังสามารถมาจอดริมรั้วและหน้าอาคารที่เป็นพื้นที่จอดรถส่วนกลางของอัสสกาญจน์ ซิตี้ได้อีก โดยไม่ได้ Fix ช่องจอด / มีป้อมรปภ. 1 ตำแหน่งตั้งแต่ทางเข้าที่ติดกับโครงการ The Rik ที่จะอยู่ประจำในจุดของไม้กระดกกั้น เพื่อคอยดูแลการเข้าออกของลูกบ้านและ Visitor ซึ่งลูกบ้านจะมี Keycard ใช้ผ่านเข้า-ออกนะคะ

บรรยากาศภายในอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหง

บรรยากาศภายใน Clubhouse

แม้ว่าในอาคารพักอาศัยจะไม่ได้มี Facility เตรียมไว้ให้มากนัก อย่างไรก็ตามทางโครงการอัสสกาญจน์ ซิตี้ได้จัดเตรียม Clubhouse ไว้ให้บนพื้นที่ส่วนกลาง ภายในจะมี Fitness และ สระว่ายน้ำให้เข้ามาใช้บริการได้ เฉพาะการใช้งานสระว่ายน้ำที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งอาคาร Clubhouse นี้ต้องแชร์กันใช้กับคอนโด Low Rise ด้านในทั้งหมดรวมๆ ประมาณ 1,100 ยูนิตค่ะ

สำหรับโครงการเวล่า รามคำแหง 186 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 392 ยูนิต โดยชั้นแรกจะจัดเป็นที่จอดรถเกือบทั้งชั้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ไม่รวมจอดซ้อนคัน นับเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยหน้าเพื่อนบ้าน

ในส่วนของ Lobby จะจัดไว้ที่ชั้น 1 เลยเพราะตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 8 จะจัดเป็นห้องพักอาศัยเต็มชั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย และนอกจาก Lobby แล้วชั้น 1 ก็จะมี Co-Working Space ไว้ให้ลูกบ้านนัดคุยงาน หรือเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานได้ ส่วนที่สำคัญคือโครงการแยก Lobby Lift ไว้ให้เข้าถึงได้เฉพาะลูกบ้านเท่านั้น โดยต้องใช้ Key Card ในการสแกนเข้าไปกดลิฟต์เพื่อขึ้นสู่ชั้นพักอาศัย เสียดายนิดเดียวที่ลิฟต์จะไม่ได้ล็อกชั้น ซึ่งทางโครงการก็ชดเชยมาด้วย Digital Door Lock ที่ติดตั้งให้ทุกห้องค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1

• Lobby
• Co-Working Space

อื่นๆ

• ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
• อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 98 : 1
• อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 98 : 1
• ที่จอดรถประมาณ 30% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
• ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ Key Card / CCTV

ในส่วนของ Facility ในอาคารพักอาศัยจะมีเฉพาะ Lobby และ Co-working Space เท่านั้นนะ แต่โครงการให้สิทธิในการเข้าใช้สโมสรรวมของอัสสกาญจน์ ซิตี้ได้ มีฟังก์ชันดังนี้

• สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 7 x 25 เมตร ลึก 1.8 เมตร (เฉพาะสระว่ายน้ำ เสียค่าใช้จ่าย 30 บาท/ครั้ง)
• Fitness ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 24 เครื่อง

เนื่องจากทั้ง 2 อาคารมีแปลนที่เหมือนกันเลย เราจึงหยิบยกมาให้ดูเพียง 1 อาคารนะคะ Ground Floor พื้นที่เกือบทั้งชั้นจัดเป็นที่จอดรถเกือบทั้งหมด การเดินรถใต้อาคารเป็นแบบสวนทางกันได้ /ที่จอดรถคิดเป็น 30% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ส่วนของ Lobby ในชั้น 1 มีไว้ให้รับแขก นั่งพักคอยได้ และมี Co-Working Space ให้นัดพบปะ คุยงาน หรือเปลี่ยนบรรยากาศลงมานั่งทำงานที่นี่ก็ได้ สำหรับโซนลิฟต์จะต้องใช้ Keycard สแกนผ่านเข้าไปอีกที เพื่อให้ขึ้นชั้นพักอาศัยได้เฉพาะลูกบ้านนะคะ โดยลิฟต์จะมีให้ใช้ 2 ตัว คิดตามสัดส่วนการใช้งานคือ 98 : 1 แชร์กันใช้ได้สบายๆ

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ที่จัดชุดโซฟาต่างๆ ไว้รองรับการนั่งเล่น พักคอย

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Co-Working Space ที่มีการจัดโต๊ะทำงานต่างๆ ทั้งแบบที่นั่งเป็นกลุ่ม เป็นคู่ และที่นั่งเดี่ยวเพื่อรองรับการใช้งาน โดยลูกบ้านจะต้องใช้ Keycard ในการเข้าใช้ห้องนี้เช่นกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จัดเป็นชั้นพักอาศัยเต็มชั้นโดยมีห้องพักทั้งชั้นอยู่ที่ 28 ยูนิต ซึ่งโครงการวางโถงลิฟต์ไว้ตรงกลางอาคาร ทำให้ห้องพักด้านในสุดอยู่ไม่ไกลจากลิฟต์มากนัก แต่ทว่าโถงทางเดินจะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างที่ติดกับโถงลิฟต์เพียงตำแหน่งเดียว จึงต้องเปิดไฟช่วยเอานะคะ / จากที่เราเกริ่นไปว่าโครงการทำราคาออกมาให้จับต้องง่าย การวางแปลนจึงต้องทำให้ได้จำนวนยูนิตมากที่สุด ดังนั้นเราจึงได้เห็นการวางตำแหน่งประตูที่อาจตรงกันกับห้องตรงข้ามบ้าง และมีบางยูนิตที่ประตูตรงกับโถงทางเดิน อันนี้เป็นเรื่องนานาจิตตัง แล้วแต่ว่าใครจะซีเรียสเรื่องฮวงจุ้ยระดับไหนนะคะ มาดูห้องพักที่น่าสนใจกันดีกว่า…

1. สีส้ม – เป็นตำแหน่งห้องไซส์เล็กสุด 21 ตร.ม. ราคาเริ่ม 1.39 ล้านบาทเท่านั้น มีให้เลือกทั้งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวม 11 ยูนิตต่อชั้นเลย ส่วนตัวเรามองว่าห้องทิศตะวันตกเฉียงใต้ลมดีและอยู่ห่างจากบ้านเรือนรอบด้านมากกว่าห้องทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะมีถนนของอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหงกั้นอยู่ หากเป็นคนที่กลางวันไปทำงานตอนเย็นกลับบ้านก็คงไม่ร้อนสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณ Work From Home หรือพักอาศัยอยู่ห้องช่วงกลางวันบ่อยๆ แนะนำให้เลือกห้องทิศตะวันออกเฉียงเหนือค่ะ

2. สีม่วง – เป็นห้องที่มีความส่วนตัวสูงเป็นพิเศษ จากตำแหน่งห้องที่อยู่ติดบันไดหนีไฟและบางห้องเป็นห้องมุม โดยมีให้เลือกหลายขนาด ได้แก่ 1 Bedroom 26, 31 ตร.ม. และ 2 Bedroom Exclusive 46,47 ตร.ม.

ชั้น 3-8 แปลนเหมือนกับชั้น 2 เลยนะคะ มีจำนวน 28 ยูนิตต่อชั้นเท่ากัน ต่างเพียงแค่วิวเช่น ห้องพักฝั่งตะวันตกเฉียงใต้จะสูงเหนือหลังคา Lobby ขึ้นมาแล้ว ทำให้วิวปลอดโปร่งขึ้นตลอดแนว แต่ห้องพักฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือจะอยู่ประชิดกับอาคารพักอาศัย 5 ชั้นและบ้านพัก 2 ชั้น ซึ่งต้องดูตอนสร้างเสร็จจริงอีกทีนะคะว่าห้องไหนจะตรงกับอาคารใด หรือเอาเซฟๆ เลยก็เลือกห้องชั้น 7-8 ไปค่ะ น่าจะพ้นแล้ว แต่ห้องชั้น 8 ก็จะมีเรื่องความร้อนที่ผ่านชั้นดาดฟ้าเข้ามาแลกกับวิวที่อยู่บนชั้นสูงสุด ให้พิจารณากันดูนะคะ

โครงการ เวล่า รามคำแหง 186 ตั้งใจออกแบบขนาดห้องให้กระทัดรัด เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คนเป็นหลัก ทำให้ราคาแพคเกจรวมไม่แรง เริ่มล้านต้นๆ ก็หยิบจับเป็นเจ้าของได้แล้ว ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่ในโซนนี้ก็มักจะทำห้องไซส์กระทัดรัดนี่แหละ แต่การออกแบบห้องของเวล่าจะมีความแตกต่างคือ ตอบโจทย์คนที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของห้องนอนได้ดีกว่า

โดยจะกั้นห้องนอนด้วยประตูทึบเกือบทุกแบบ (1 Bedroom 26, 31 ตร.ม. และ 2 Bedroom Exclusive 46,47 ตร.ม.) มีเพียง Type เริ่มต้น Studio 21 ตร.ม. Type เดียวที่ไม่มีประตูปิดทึบตามลักษณะของห้อง Studio อยู่แล้วนะคะ แต่ก็ต้อง Trade-Off กับ Facility ส่วนกลางที่ไม่ได้เว่อวังนัก เพราะเป็นคอนโดขนาดเล็กที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย มีจำนวนเพื่อนบ้านเพียงต่ออาคารเพียง 196 ยูนิตเท่านั้น อย่างไรก็ตามโครงการมีห้องให้เลือกจับจองกันได้ ดังนี้

วัสดุและเฟอร์นิเจอร์

• พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องยาง
• ผนังฉาบเรียบทาสี
• พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้
• พื้นครัวปูด้วยกระเบื้องยาง
• เคาน์เตอร์ครัวของ SB Furniture
• Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์
• Hob&Hood ของ Hafele
• สุขภัณฑ์และวัสดุต่างๆ ในห้องน้ำของ COTTO, Mogen, Ayes
• Digital Door Lock
• เฟอร์นิเจอร์ไม้จริง (ไม้โอ็ค, ไม้แอช, ไม้สัก) ได้แก่ โซฟา, ชั้นวางทีวี, โต๊ะกลาง,โต๊ะทานอาหาร+เก้าอี้, เตียงนอน, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะข้างเตียง, โต๊ะทานอาหาร+เก้าอี้, โต๊ะเครื่องแป้ง+เก้าอี้, ตู้เก็บของ, ตู้เก็บรองเท้า+เก้าอี้นั่งใส่รองเท้า ** ห้องแต่ละ Type จะให้เฟอร์ฯ ที่ไม่เท่ากันนะคะ
• แอร์แบบ Wall Type : ห้อง Studioให้ 1 เครื่อง, ห้อง 1 Bedroom Plus – 2 Bedroomให้ 2 เครื่อง

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ห้องตัวอย่าง

ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้ เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 33 ตร.ม. มีจุดเด่นที่เป็นห้องหน้ากว้างได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้ทั้งห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ได้พื้นที่ติดหน้าต่าง รับแสงธรรมชาติ+ชมวิวกันได้แบบเต็มที่

พื้นที่ภายในแบ่งออกเป็นสัดส่วน ทั้งห้องครัวที่มีประตูปิดมิดชิดและยังติดกับระเบียง จึงสามารถเปิดระบายอากาศได้ดี เหมาะกับคนที่ทำอาหารเป็นประจำ, ห้องนั่งเล่น+ทานอาหารจะเชื่อมต่อกัน สามารถจัดโต๊ะทานอาหารให้มองเห็นทีวีได้ด้วย เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบ 1-2 คนกำลังดี

เฟอร์ฯ ที่โครงการให้จะมีทั้ง Built-in และลอยตัวนะคะ จุดพีคเลยก็คือเค้าให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง เช่น ไม้โอ็ค, ไม้แอช, ไม้สัก ช่วยให้ Mood&Tone ดูอบอุ่น ซึ่งหน้าตาของเฟอร์ฯ ที่โครงการให้จะยึดตามรูปนี้นะคะ

เริ่มตั้นแต่หน้าห้อง..โครงการจะติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เรียบร้อย ยี่ห้อตามมาตรฐานของโครงการค่ะ

โซนแรกเมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ภายในแบ่งพื้นที่ออกเป็นฟังก์ชันย่อยๆ ได้อย่างเป็นสัดส่วน พื้นห้องปูด้วยกระเบื้องยาง ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร ตามมาตรฐาน ส่วนผนังจะฉาบเรียบทาสีไว้ให้ ซึ่งทางโครงการแจ้งว่าของจริงจะเป็นสีขาวนะคะ

บริเวณหน้าห้องจะมีพื้นที่สำหรับใส่-ถอดรองเท้า ซึ่งโครงการก็แถมเฟอร์ฯ เป็นตู้เก็บรองเท้า+ที่นั่งมาให้ค่ะ

ตู้เก็บรองเท้าจะมีทั้งส่วนที่เป็นบานปิดและตู้ช่องโล่งให้เลือกใช้งาน เรากะๆ ดูคิดว่าใส่รองเท้าได้ประมาณ 5 คู่นะคะ ส่วนที่ชอบคือดีเทลของหน้าบานตู้ที่เป็นลวดลายสานๆ นี่แหละค่ะ เพราะดีไซน์แบบนี้จะช่วยลดความอับชื้นในตู้ได้ดีเลยนะคะ

พื้นที่ติดประตูห้องอีกฝั่งหนึ่ง เป็นมุมทานอาหารที่วางไว้ติดกับห้องครัวเลย เวลาทำอาหารเสร็จก็เดินมาเสิร์ฟได้สะดวก โครงการเตรียมเฟอร์ฯ ไว้ให้เป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ซึ่งเราจะหันโต๊ะชิดกำแพงเหมือนในห้องตัวอย่างก็ได้ หรือหันโต๊ะออกไปทางทีวี เพื่อนั่งทานข้าวไปดูทีวีไปก็ได้นะคะ

นอกจากโต๊ะทานอาหารและเก้าอี้ 2 ที่นั่งแล้ว โครงการจะให้ Coffee Table มาอีก 1 ตัว

ในส่วนของห้องครัวออกแบบมาให้เป็นครัวปิด กั้นพื้นที่ด้วยบานเลื่อนกระจก จึงช่วยกันกลิ่น,ควัน เข้ามารบกวนในส่วนพื้นที่ส่วนอื่นในห้อง ภายในห้องครัวมีทางเดินกว้างประมาณ 0.8 เมตร เดินใช้งานได้สะดวกพอสมควร

ครัวที่โครงการจะให้มาพร้อมเคาน์เตอร์ตัว I (ไอ) พร้อมเว้นพื้นที่ไว้ให้วางตู้เย็นขนาดประมาณ 7 คิวได้ค่ะ

ในส่วนของเคาน์เตอร์ครัวด้านล่างจะมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก ไว้ใช้เก็บช้อนส้อม เก็บจาน ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft Close นะคะ

มือจับออกแบบเซาะร่องให้เปิดใช้งานได้สะดวก

สำหรับซิงค์ล้างจานให้ของ Hafele มีขนาดให้ใช้งานได้พอสมควร เราลองใส่จานลงไปเทียบสเกลให้ดูก็ยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้วางแก้วน้ำได้อีกนิดหน่อย

Hob&Hood ที่ให้มาของ Hafele โดยเจ้าเครื่องดูดควันจะเป็นระบบหมุนเวียน ซึ่งความสามารถในการช่วยระบายกลิ่นและควัน คงไม่เท่ากับการต่อท่อออกด้านนอกอยู่แล้ว แต่เนื่องจากห้องครัวของ Type นี้อยู่ติดกับระเบียงจึงเปิดประตูระบายอากาศได้อีกทางหนึ่ง ใครที่ชอบทำอาหารเป็นประจำ ลองพิจารณาห้องนี้ดูนะคะ

สำหรับตู้เก็บของยังมีตู้ลอยด้านบนด้วยนะคะ มีทั้งแบบที่มีหน้าบานปิดและตู้ช่องโล่ง

ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียง

ระเบียงมีพื้นที่ให้ใช้งานขนาด 1.5 x 0.64 เมตร ค่อนข้างจะกระทัดรัดทีเดียว คงต้องพึ่งเทคโนโลยีอย่างเครื่องอบผ้าจะได้ไม่ต้องเสียพื้นที่ในการตาก หรือต้องมองหาเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญกันแล้วค่ะ

ในส่วนของ Condensing Unit นั้น ทางโครงการแจ้งว่าจะติดตั้งแบบแขวนทั้ง 2 เครื่อง เพื่อให้ใช้งานพื้นที่ด้านล่างได้

มุมดูทีวีของห้องนี้ ทางโครงการจะจัดวางเฟอร์นิเจอร์มาให้ คือโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมชั้นวางทีวี ซึ่งมีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร แนะนำให้ใช้ทีวีขนาด 43 นิ้ว กำลังพอดีค่ะ

เราสังเกตว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มี Gimmick อย่างนึงคือเป็นขาไม้ ยกเฟอร์ฯ สูงขึ้นมาจากพื้น ช่วยทำให้ห้องดูโปร่งแต่ก็ต้องปัดกวาดเช็ดถูใต้เฟอร์ฯ ด้วยนะ

ในส่วนของชั้นวางทีวี จะเป็นตู้เก็บของมีบานเลื่อนปิด ซึ่งหน้าบานเป็นกระจกอย่างหนา ทำลวดลายออกมาเป็นลอนๆ ดูมีลูกเล่นดี

ถัดจากชุดโซฟาเข้าไปด้านในจัดเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นปิดไว้เป็นสัดส่วน

ภายในห้องมีพื้นที่ประมาณ 2×1.6 เมตร ถ้าจัดเป็นห้องนอนก็สามารถวางเตียงเดียวได้ หรือจะจัดเป็นห้องอเนกประสงค์เหมือนในห้องตัวอย่างก็ได้ ซึ่งโครงการไม่ได้เตรียมเฟอร์ฯ ของห้องนี้มาให้นะคะ เลือกตกแต่งและใช้งานได้ตามความต้องการของแต่ละคนเลย / สิ่งที่ชอบคือ ห้องนี้จะได้หน้าต่างบานใหญ่พร้อมบานเลื่อน 1 บาน เอาไว้เปิดระบายอากาศได้ ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้นค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งของห้องนอนและห้องน้ำ

ห้องนอนใหญ่มีขนาดกว้างพอสมควรให้วางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบ ทั้งเตียงนอน, ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมห้องน้ำในตัว

ด้านหน้าห้องจัดเป็นพื้นที่แต่งตัว โดยทางโครงการจะ Built-in โต๊ะเครื่องแป้ง+ตกแต่งผนัง+ติดกระจก พร้อมเก้าอี้สตูลสำหรับนั่งแต่งหน้า ทำผม ไว้ให้ครบ

ติดกันก็จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้แบบสูงถึงฝ้าเพดานเลย ตัวตู้กว้าง 1.5 เมตร แขวนได้ทั้งชุดยาวชุดสั้น และมีช่องเก็บของยิบย่อยให้อีกเพียบ

ถัดเข้ามาที่โซนด้านใน ทางโครงการจะมีเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ หากใครอยากนอนดูทีวีในห้องนอนก็สามารถติดตั้งแบบแขวนผนังได้นะคะ

โครงการวางเตียงไว้ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ถึงแม้ไม่ได้ยาวจรดพื้นแต่ก็พอดีกับระดับเตียง ทำให้มองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย

เฟอร์ฯอีกชิ้นหนึ่งที่ให้มาก็คือ โต๊ะข้างเตียงที่ทำดีไซน์ออกมาให้เข้าเซตกับเตียง และมีลิ้นชักให้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้

ปิดท้ายด้วยห้องน้ำ ภายในแบ่งเป็นส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ครบตามอย่างห้องตัวอย่าง

อ่างล้างหน้าตามมาตรฐานของโครงการ เป็นทรงเหลี่ยมๆ และมีพื้นที่ให้วางของบนเคาน์เตอร์ได้อีกพอสมควรเลย

สุขภัณฑ์ที่ให้ของ COTTO

พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นไว้เป็นสัดส่วน ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่อาบน้ำกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกระทัดรัดประมาณ 1.1 × 0.7 เมตร ยังพอหมุนตัวอาบน้ำได้

ภายในติดตั้งฝักบัวของ Ayes และใช้ก๊อกน้ำของ Mogen เป็นมาตรฐานของโครงการค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

เวล่า รามคำแหง 186 ราคา ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2565

• Studio ขนาดพื้นที่ใช้สอย 21.9-22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท
• 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.74 ล้านบาท
• 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.18 ล้านบาท
• 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46-47 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท

• รูปแบบการขาย Fully Furnished
• ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
• จอง 5,000-10,000 บาท
• ทำสัญญา 30,000-60,000 บาท
• ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 9 งวด
• ค่ากองทุน 450 บาท/ตร.ม.
• ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเล :

โครงการเวล่า รามคำแหง 186 ตั้งอยู่ในแนวถนนรามคำแหง ในโซนปลายรามฯ ใกล้มีนบุรี อธิบายให้เห็นภาพคือ ถนนรามคำแหงนี้จะมีความเจริญกระจายตัวเป็นช่วงๆ อย่างเช่นโซนต้นๆ ที่อยู่ใกล้กับ ม. รามคำแหง-แยกลำสาลี ค่อนข้างคึกคักมาก มีห้างใหญ่อย่าง The Mall บางกะปิ ราคาคอนโดจะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.85-2.5 ล้านบาท ตกประมาณตารางเมตรละ 75,000-105,000 บาท ในขณะที่โซนปลายอย่างรามคำแหงที่ความอุดมสมบูรณ์มากระจุกตัวกันแถวมีนบุรี จะเป็นพวกตลาด ร้านค้าราคาย่อมเยา และ Hypermarket เป็นหลัก ราคาคอนโดจะเริ่มประมาณ 1.39-1.8 ล้านบาท ตกประมาณตารางเมตรละ 64,000-75,000 บาท ซึ่งโครงการเวล่า จัดอยู่ในโซนรามคำแหงตอนปลายนี่แหละค่ะ

จึงเป็นทำเลที่เหมาะกับคนที่ทำงานแถวนี้อยู่แล้ว หรือคุ้นชินทำเลนี้มาก่อนหน้าเลยอยากอยู่ใกล้ๆ ทำเลเดิมของตัวเอง เพียงแต่ขยับขยายจากบ้านของครอบครัว หรือบ้านเช่ามาอยู่คอนโดมิเนียม ได้รั้วรอบขอบชิด มี Facilities ให้ใช้ค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

การเดินทางด้วยรถยนต์ของโซนนี้จะสะดวกสำหรับคนที่เดินทางไป 4 ทางด้วยกันนะ 1. วิ่งเข้ารามคำแหง 2. วิ่งเข้ารามอินทรา 3. วิ่งเข้าร่มเกล้าเพื่อตรงไปย่านอุตสาหกรรมลาดกระบัง หรือจะไปสุวรรณภูมิก็ไม่ยาก 4. วิ่งไปทำงานย่านโรงงานฉะเชิงเทราก็ตอบโจทย์นะคะ สามารถวิ่งตรงไปทางสุวินทวงศ์ได้ง่าย และมีวงแหวนวงแหวนรอบนอกตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) ให้ใช้ในระยะ 5 กิโลเมตร / สัดส่วนที่จอดรถเป็น 30% ไม่รวมจอดซ้อนคัน และยังสามารถจอดในที่จอดรถส่วนกลางของอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหงเพิ่มได้อีกนะคะ เรียกว่าเตรียมมาให้ไม่น้อยหน้าโครงการอื่นๆ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

เป็นจุดเด่นของทำเลโครงการเวล่า รามคำแหง 186 เลย เพราะโครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีเคหะรามฯ เพียง 200 เมตร ก็คือบันไดทางขึ้นลงรถไฟฟ้าอยู่แค่หน้าปากซอยโครงการเลย โดยเจ้ารถไฟฟ้าสายสีส้มก่อสร้างมาได้ประมาณ 93% ใกล้แล้วเสร็จกันแล้วนะคะ แต่แผนเปิดใช้งานที่เห็นออกข่าวมาล่าสุดคาดว่าประมาณปี 68 แต่ยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัด และนั่งเพียง 1 สถานีก็จะถึงสถานีมีนบุรี ซึ่งเป็นจุด Interchange สามารถเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพูได้ที่สถานีนี้ ซึ่งข่าวคราวล่าสุดของสายสีชพู ก็มีแผนจะเปิดทดลอง (Trial Run) ให้บริการฟรีในช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม 2565  นี้แล้วนะคะ

นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว พวกรถเมล์ พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็อยู่แค่หน้าปากซอยเช่นกัน นับระยะจากโครงการก็ประมาณ 240 เมตรราวๆ นี้ค่ะ

วัสดุ :

โครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์ฯ มาครบทั้ง Built-in และลอยตัว ไม่ต้องเสียเงินซื้อเฟอร์ฯ เพิ่ม ซึ่งต้องขอชมเลยว่าให้มาเป็นเฟอร์ฯไม้จริงด้วย ถือว่าดีเลยเมื่อเทียบกับระดับราคา สำหรับวัสดุอื่นๆ ตามาตรฐานของระดับราคานี้นะคะ

การออกแบบ :

โครงการเวล่า รามคำแหง 186 เป็นอีก 1 โครงการในอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหง ที่ยังคงรุกตลาดระดับ Economy ตามแนวคอนโดรุ่นพี่ ซึ่งทำราคาออกมาได้เย้ายวนเริ่มต้นที่ 1.39 ล้านบาท ในขณะที่คอนโดแบรนด์ดังของย่านนี้จะไปเริ่มต้นประมาณ 1.8 ล้าน เมื่อทางโครงการเจาะช่องว่างของตลาดด้วยราคาไปแล้วก็ต้อง Trade-Off กับ Facility ส่วนกลางที่ไม่ได้ใหญ่เว่อวังเหมือนโครงการแบรนด์ดังๆ และไม่ใช่คอนโด High Rise ที่จะได้วิวเมืองแบบปังๆ แต่เป็นคอนโด Low Rise ที่เป็นตัวเลือกให้กับคนที่อยากขยับขยายจากบ้านเดิม/บ้านเช่า มาหาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ในทำเลที่แทบจะติดรถไฟฟ้าก็ว่าได้

การออกแบบห้องตั้งใจออกแบบมาให้กระทัดรัด เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คนเป็นหลัก และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของห้องนอน เพราะเกือบทุก Type ของโครงการจะกั้นห้องนอนด้วยประตูทึบ

สาธารณูปโภค :

แม้ว่าในอาคารพักอาศัยจะไม่ได้มี Facility เตรียมไว้ให้มากนัก อย่างไรก็ตามทางโครงการอัสสกาญจน์ ซิตี้ได้จัดเตรียม Clubhouse ไว้ให้บนพื้นที่ส่วนกลาง ภายในจะมี Fitness และ สระว่ายน้ำให้เข้ามาใช้บริการได้ เฉพาะการใช้งานสระว่ายน้ำที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 30บาท/ครั้ง แต่ก็ต้องแชร์กันใช้กับคอนโด Low Rise ด้านในทั้งหมดรวมๆ ประมาณ 1,100 ยูนิตค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 64,000 บาท/ตร.ม., วันที่ 2 มิถุนายน 2565

• ทำเล 8.25/10 – อุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยร้านค้าราคาย่อมเยา และ Hypermarket
• เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวกอยู่ติดถนนใหญ่ ได้ที่จอดรถ 30% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
• ไม่ใช้รถ 9/10 – มีรถไฟฟ้าให้ใช้งานในระยะ 200 เมตร ใกล้พี่วินมอเตอร์ไซค์, ป้ายรถเมล์, เรียกแท็กซี่ง่าย
• วัสดุ 8.5/10 – Fully Furnished ให้เฟอร์ฯ มาเกินราคา, วัสดุอื่นๆ ตามมาตรฐาน
• แบบ 7.75/10 – เรียบง่ายตามแบบฉบับ Economy แต่ตัวห้องเน้นความเป็นส่วนตัวในห้องนอนได้ดี
• สาธารณูปโภค 6/10 – ให้ Facility ในอาคารพักอาศัยมาไม่เยอะ แต่มี Clubhouse ส่วนกลางที่แชร์กับลูกบ้านโครงการอื่นๆ ในอัสสกาญจน์ ซิตี้ รามคำแหง ให้ใช้งานได้

• ECONOMY CLASS
• 8.01 / 10.00

เวล่า รามคำแหง 186 เหมาะกับใคร

เวล่า รามคำแหง 186 เป็นคอนโด Low Rise บนเส้นรามคำแหงตอนปลาย ใกล้มีนบุรี ที่เหมาะกับคนที่ทำงานแถวนี้อยู่แล้ว หรือคุ้นชินทำเลนี้มาก่อนหน้าเลยอยากอยู่ใกล้ๆ ทำเลเดิมของตัวเอง เพียงแต่ขยับขยายจากบ้านของครอบครัว หรือบ้านเช่ามาอยู่คอนโดมิเนียม ได้รั้วรอบขอบชิด มี Facilities ให้ใช้บ้างตามระดับราคา

โครงการตั้งใจออกแบบขนาดห้องให้กระทัดรัด เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คนเป็นหลัก ทำให้ราคาแพคเกจรวมไม่แรง เริ่มล้านต้นๆ ก็หยิบจับเป็นเจ้าของได้แล้ว หากเทียบการออกแบบห้องกับคอนโดในย่านรามคำแหง-มีนบุรี ก็ต้องบอกว่าที่นี่จะให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของห้องนอนได้ดีกว่าที่อื่นด้วยนะคะ และเฟอร์ฯ ที่แถมมาให้ครบถ้วนกว่าที่อื่น ไม่ต้องเสียเงินซื้อเฟอร์ฯเพิ่มค่ะ

ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc