รีวิวฉบับที่ 1969 … โครงการ Chanothai เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น จาก ชโนทัย ตั้งอยู่ในซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 ซึ่งนอกจากจะเป็นย่านที่ใช้เป็นทางลัดเข้า-ออกได้หลายเส้นทางแล้ว ยังมีความอุดมสมบูรณ์มากๆอีกด้วย ตัวโปรดักส์มีเพียง 5 ยูนิตเท่านั้น โดดเด่นในเรื่องฟังก์ชันของทาวน์โฮมแปลงมุม และมีหน้าตา facade ระแนงไม้ที่ดูสวยงามและทันสมัย ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันได้เลยครับ

ข้อมูลโครงการ

Fact @ 22 October 2019

  • Chanothai (ชโนทัย)
  • บริษัท ชโนทัย ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนน สุคนธสวัสดิ์ เขต ลาดพร้าว
  • เนื้อที่โครงการ 146 ตารางวา จำนวน 5 ยูนิต
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 176 ตารางเมตร ที่ดินมาตรฐาน 21.9 – 31.6 ตร.วา
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
    – ราคาเริ่มต้น 6.99 – 8.2 ล้านบาท
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าแต่ละชั้น 2.7 เมตร
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : 1 ก.พ. 2562
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : สิ้นเดือน พ.ย. 2562
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 062 629 2222

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.823819, 100.611799
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

Chanothai เป็นโครงการที่อยู่ในย่านลาดพร้าว 71 โดยจะตั้งอยู่ภายในซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 ซึ่งเป็นซอยตันก็จริงครับ แต่ก็เข้าไปไม่ลึกมาก และได้ความเงียบสงบเป็นส่วนตัว การเดินทางด้วยรถยนต์จัดว่าสะดวกและหลากหลาย เพราะถนนซอยย่อยของย่านนี้จะเชื่อมต่อถึงกันหมด สามารถลัดเลาะไปออกถนนใหญ่ที่รายล้อมอยู่ถึง 5 สายคือ ถนนประเสริฐมนูกิจ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ถนนพหลโยธิน ถนนรัชดาภิเษก และถนนลาดพร้าว รวมถึงยังมีทางพิเศษฉลองรัช หรือที่เรารู้จักกันคือ ทางด่วนรามอินทรา-อาจรงค์ ให้ใช้อยู่ไม่ไกลอีกด้วยครับ

ทำเลนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์ และคึกคักมากที่สุดของกรุงเทพตอนเหนือเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งถ้าเป็นห้างใหญ่ๆก็จะเป็นบริเวณห้าแยกลาดพร้าว จะมีทั้ง Central และยูเนี่ยนมอลล์ แต่ถ้าเอาใกล้และสะดวกกับทำเลโครงการมากที่สุด ก็จะเป็นห้างในฝั่งของถนนเลียบด่วนรามอินทรา ที่มีทั้ง Central East Ville, Crytal Park, CDC และตลาดหัวมุม แต่ถ้าคุณอยากหาของอร่อยๆกิน ก็แนะนำถนนด้านในของย่านนี้อย่างถนนสุคนธสวัสดิ์ ถนนนาคนิวาส ถนนโชคชัย 4 และถนนลาดพร้าว-วังหิน รับรองว่ามีให้เลือกเยอะจุใจเลยครับ ซึ่งแน่นอนใครๆก็รู้ว่าที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมร้านค้าร้านอาหารอร่อย จึงทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาฝากท้องหลังเลิกงานกันเป็นประจำ รถก็อาจจะติดบ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าคุณมีบ้านอยู่ที่นี่อยู่แล้วล่ะก็ …จะไปกินตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้เลยครับ และถ้ากลัวไม่มีที่จอดรถก็จะนั่งวินมอไซค์ไปก็ยังได้ นี่ยังไม่รวมร้านค้าร้านอาหารในระยะเดินแถวหน้าปากซอยโครงการก็มีด้วยนะครับ ซึ่งผมจะพาเดินดูกันในช่วงต่อไปนะ

และอย่างที่บอกไปว่าทำเลนี้สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง หลักๆที่จะได้ใช้กันบ่อยๆจะมีอยู่ประมาณ 7 เส้นทาง ดังนี้

  • เส้นทางที่ 1 (สีแดง) จากถนนประเสริฐมนูกิจ เข้ามาทางถนนสุคนธสวัสดิ์โดยตรง ระยะทางประมาณ 1.7 km. ถือเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด และเป็นเส้นทางที่คนที่ใช้ทางด่วนเป็นประจำจะต้องได้ผ่านบ่อยๆแน่นอนครับ เพราะลงจากด่วนรามอินทรา-อาจรงค์ ก็ขับตรงมาอีกหน่อยแล้วเลี้ยวเข้าซอยได้เลย
  • เส้นทางที่ 2 (สีเหลือง) จากถนนเลียบด่วนรามอินทรา เข้ามาทางซอยประชาอุทิศ 15 หรือซอยข้างๆ Central East Ville นั่นเองครับ สามารถเชื่อมต่อมายังถนนนาคนิวาส และถนนสุคนธสวัสดิ์ได้ ระยะทางประมาณ 3.5 km. อีกทั้งเรายังสามารถใช้เส้นทางนี้ในการเดินทางไปห้างเซ็นทรัลได้สะดวก โดยไม่ต้องออกนอกถนนใหญ่อีกด้วยนะ
  • เส้นทางที่ 3 (สีเขียว) จากถนนเลียบด่วนรามอินทรา เข้ามาทางถนนนาคนิวาส และตรงมายังโครงการได้เลย มีระยะทางรวมประมาณ 4.3 km. เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่คนใช้ทางด่วนบ่อยๆจะได้ใช้กัน ถ้าเราเลือกที่จะลงทางด่วนที่ถนนลาดพร้าว-โชคชัย 4 ก็จะสามารถเข้ามาทางนี้ได้สะดวก ไม่ต้องไปรถติดแถวหน้าห้างเซ็นทรัลและตลาดหัวมุมครับ
  • เส้นทางที่ 4 (สีชมพู) จากถนนลาดพร้าว เข้าทางถนนโชคชัย 4 ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยนาคนิวาส 27 เข้าสู่ถนนนาคนิวาส แล้วขับตรงมายังโครงการได้เลย ระยะทางประมาณ 4.9 km. ซึ่งต้องขอบอกว่าถนนเส้นนี้ตอนเย็นรถติดมากกก… เพราะเป็นเส้นทางลัดที่คนใช้กลับบ้านเพื่อเลี่ยงรถติดบนถนนใหญ่
  • เส้นทางที่ 5 (สีน้ำเงิน) จากถนนรัชดาภิเษก เข้าทางซอยรัชดา 32 ผ่านถนนลาดพร้าว-วังหิน ถนนโชคชัย 4 และใช้ซอยสตรีวิทยา 2 เพื่อลัดมาออกถนนสุคนธสวัสดิ์ รวมระยะทางประมาณ 4.5 km. ครับ
  • เส้นทางที่ 6 (สีส้ม) จากถนนพหลโยธิน เข้าทางซอยเสนานิคม 1 ผ่านถนนลาดพร้าว-วังหิน เชื่อมต่อมาที่ถนนโชคชัย 4 และซอยสตรีวิทยา 2 ระยะทางประมาณ 6 km.
  • เส้นทางที่ 7 (สีม่วง) จากถนนประเสริฐมนูกิจ (หรือเป็นคนที่มาจากทางถนนลาดปลาเค้า) ก็ให้เข้ามาที่ถนนลาดพร้าว-วังหิน เชื่อมต่อมายังถนนโชคชัย 4 และซอยสตรีวิทยา 2 ระยะทางประมาณ 5 km. ครับ

สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางพิเศษฉลองรัช หรือทางด่วนรามอินทรา-อาจรงค์ เราสามารถใช้ถนนสุคนธสวัสดิ์ เพื่อมาออกถนนประเสริฐมนูกิจได้โดยตรง จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (หรือเลียบด่วนรามอินทรา) ก็จะสามารถขึ้นทางด่วนได้ในระยะทาง 3.4 km. ครับ

โดยตอนขากลับก็จะมีทางลงอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกด้วย ซึ่งเราก็สามารถใช้เส้นทางเดิมในการเดินทางมายังโครงการได้เลย และวันนี้ผมก็จะใช้เส้นทางนี้ด้วยเช่นกันครับ บรรยากาศการเดินทางจะเป็นอย่างไรบ้าง ตามผมไปชมพร้อมๆกันเลย

ตอนนี้ผมอยู่บนทางพิเศษฉลองรัช หรือทางด่วนรามอินทรา-อาจรงค์นะครับ ให้สังเกตป้ายทางออกไปยังถนน เกษตร – นวมินทร์ (ทางออก 14) ก็ให้เราชิดซ้ายเพื่อลงทางด่วนได้เลย

เมื่อลงมาแล้วเราก็จะมาอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ให้ขับตรงมาเรื่อยๆ สังเกตป้ายไปถนนประเสริฐมนูกิจ – เกษตร ก็ให้เราชิดซ้าย เพื่อเตรียมตัวเลี้ยวซ้ายตรงตลาดหัวมุมได้เลยครับ

ขับชิดซ้ายตรงมานิดเดียว เราก็จะมองเห็นป้ายไปถนนโชคชัย 4 ก็ให้เราเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกด้านหน้าได้เลยครับ

เมื่อเลี้ยวมาแล้วเราก็จะเข้ามาสู่ถนนสุคนธสวัสดิ์แล้วครับ บรรยากาศระหว่างทางเราก็จะเห็นร้านค้าร้านอาหาร และปั๊มน้ำมันอยู่เป็นระยะๆ แต่ถ้าเรายิ่งขับเข้าไปด้านในลึกๆ (เลยโครงการเข้าไปอีก) ก็จะยิ่งเจอร้านค้าเยอะขึ้นอีกครับ นับว่าเป็นทำเลที่คึกคักและอุดมสมบูรณ์ดีทีเดียว

ขับเข้ามาประมาณ 1.6 km. เราจะเจอกับซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 ก็ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปได้เลย (อาจใช้ร้านค้าหน้าปากซอย หรือป้ายโครงการที่ติดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซอยเป็นจุดสังเกตก็ได้ครับ)

ขับเข้ามาในซอยประมาณ 60 m. ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ซอยแรกทางซ้ายมือเลยครับ ก็ให้เราเลี้ยวซ้ายไปได้เลย

ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ ซึ่งถ้าใครที่ต้องการมาชมโครงการ ก็สามารถหาที่จอดว่างๆภายในซอยได้เลยครับ (บ้านตัวอย่างเป็นหลังแรกริมซ้ายสุดนะ)

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการจะเป็นชุมชนพักอาศัยสูง 2 – 3 ชั้น และยังมีที่ว่างเหลืออยู่อีกเยอะ โดยซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 นี้เป็นซอยตันนะครับ ทำให้ค่อนข้างเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ซึ่งซอยย่อยที่โครงการตั้งอยู่นี้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า ซอยค่ายมวย และสามารถสรุปทำเลได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : เป็นด้านหลังโครงการ ติดกับที่ว่าง และอาคารสูง 2 ชั้นที่อยู่ริมถนนสุคนธสวัสดิ์
  • ทิศใต้ : เป็นด้านหน้าโครงการ ติดกับซอยค่ายมวย ฝั่งตรงข้ามเป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ติดกับโกดังเก็บของสูง ประมาณ 2 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 และฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่างกับบ้านสูง 1 ชั้น

เรามาเดินดูทำเลรอบๆโครงการกันดีกว่าครับ เริ่มจากฝั่งตรงข้ามจะเป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น

ด้านขวาของโครงการลึกเข้าไปในซอยจะเป็นชุมชนพักอาศัย และเป็นซอยตัน แต่ติดกับที่ดินโครงการจะเป็นโกดังร้างสูงประมาณ 2 ชั้นครับ

ส่วนด้านซ้ายของโครงการจะเป็นถนนซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 ซึ่งด้านซ้ายจะมีทางเข้าไปในซอยได้อีกหน่อย แต่ก็เป็นซอยตันเหมือนกันครับ

ส่วนด้านขวาจะเป็นทางไปออกถนนสุคนธสวัสดิ์ และด้านหลังของโครงการก็จะเป็นที่ว่างตามภาพเลยครับ

ต่อไปผมจะพาไปเดินดูแถวๆหน้าปากซอยกันสักหน่อยนะครับว่ามีอะไรบ้าง

เริ่มจากทางขวาของซอยกันก่อนนะ ถ้าตรงไปทางนี้ก็จะไปเชื่อมต่อกับถนนนาคนิวาสได้ แต่ตรงหัวมุมของปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 นี้ จะมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ด้วยครับ สามารถเดินมาฝากท้องกันได้ง่ายๆ จากโครงการเพียง 60 m. เท่านั้นเอง

ถัดมาเป็นจะเป็นพวกร้านขายของชำ และอู่ซ่อมรถครับ ซึ่งทีเด็ดจริงๆจะเป็นร้าน ตี่โภชนา เป็ดย่างหนังกรอบ ซึ่งอยู่ตรงปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 6 ซอยข้างๆเรานี่เองครับ

เมนูของร้านนี้อร่อยทุกอย่างเลยนะ มีทั้งเป็นข้าว บะหมี่ ติ่มซำ และเป็ดปักกิ่ง บอกได้เลยว่าเวลามาทำโครงการแถวนี้ ผมมักจะต้องมาทานที่นี่ทุกครั้งเลย

กลับมาที่หน้าปากซอยกันอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เราจะมาดูทางด้านซ้ายกันบ้างครับ ซึ่งตรงหัวมุมฝั่งซ้ายของซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 ก็มีร้านอาหารอีกเช่นกัน เรียกได้ว่ามีประกบซอยทั้ง 2 ฝั่ง ให้เลือกกันได้ตามอัธยาศัยเลยครับ

แล้วถ้าเราเดินตรงมาอีกหน่อย จากในซอยโครงการประมาณ 500 m. ก็จะเจอกับเซเว่นที่ใกล้ที่สุด ซึ่งอยู่ตรงปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 3 ฝั่งตรงข้ามครับ รวมถึงจะมีวินมอไซค์อยู่ข้างๆอีกด้วยนะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงเรียนสตรีวิทยา 2 ~ 800 m.
  • ตลาดหัวมุม ~ 4 km.
  • เซ็นทรัลเฟสติวัลอีสต์วิลล์ ~ 4 km.
  • เดอะคริสตัล​พาร์ค​ ~ 4.3 km.
  • CDC ~ 4.8 km.
  • ตลาดโชคชัย 4 ~ 4.9 km.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ~ 5.5 km.
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 7.8 km.
  • ตึกช้าง ~ 8.3 km.
  • ยูเนี่ยน มอลล์ ~ 8.4 km.
  • เมเจอร์รัชโยธิน ~ 8.4 km.
  • โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 8.4 km.
  • SCB Park ~ 8.5 km.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ~ 9 km.
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ~ 10.1 km.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 10.9 km.

รายละเอียดโครงการ

ก่อนจะพูดถึงตัวโครงการ ผมอยากจะพูดถึงตัว Developer กันสักหน่อยนะครับ เพราะชื่อ “ชโนทัย” เราอาจไม่คุ้นหูกันนัก โดยถือเป็นเจ้าใหม่ในตลาดธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งความจริงแล้วก่อนหน้านี้ก็เคยมีผลงานการทำอสังหาฯมาบ้างครับ แต่ก็ไม่เคยทำโฆษณา หรือเปิดตัวที่ไหนมาก่อน ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นโปรเจคแรกครับ ที่ได้มีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ และบนเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อให้เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปมากขึ้น และในวันนี้ทาง Think of Living ก็มีโอกาสได้มาทำโครงการนี้ด้วย ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น …เราไปทำความรู้จัก Developer เจ้านี้ผ่านผลงานของเค้ากันครับ

Master Plan : ตามกฏหมาย พรบ. การจัดสรรที่ดินนั้น ถ้าที่ดินแปลงไหนที่มีการแบ่งแยกโฉนดไม่ถึง 10 แปลง ก็จะไม่เข้าข่ายเป็นโครงการจัดสรรครับ ซึ่งโครงการประเภทนี้จะไม่มีการจัดตั้งนิติบุคคล และไม่มีส่วนกลางให้ใช้ จึงไม่ต้องเสียค่าส่วนกลางเลยครับ และไม่มีถนนโครงการหรือรั้วรอบขอบชิดเหมือนโครงการจัดสรรทั่วไป คือเปิดประตูออกมาก็จะเจอกับชุมชนพักอาศัยดั้งเดิมเลย ตัวบ้านจึงจะต้องดูแลความปลอดภัยด้วยตัวเอง อาจต้องอาศัยกล้อง CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆในตัวบ้านครับ

โดยโครงการ Chanothai เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ที่มีจำนวนยูนิตเพียง 5 หลังเท่านั้น จึงเป็นโครงการที่ไม่เข้าข่ายการจัดสรรที่ดิน แต่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่ง Master Plan ของโครงการจะมีการวางผังแยกออกเป็นคู่ 2 หลังติดกับ 1 คลัสเตอร์ และ 3 หลังติดกันอีก 1 คลัสเตอร์ ทำให้ทาวน์โฮม 4 ใน 5 ยูนิตนี้ กลายเป็นหลังแปลงมุมที่มีพื้นที่สวนข้างบ้านเพิ่มเติมขึ้นมา อีกทั้งยังทำให้ภายในบ้านสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้น เพราะได้ช่องแสงเพิ่มอีก 1 ด้านด้วยครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • รั้วรอบบ้านสูง 2.2 เมตร
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor และ CCTV ทุกหลัง
  • ประตูเข้าบ้านติดตั้ง Digital Door Lock ของ Hafele ทุกหลัง

แบบบ้าน

คำว่า “ชโนทัย” มีความหมายว่า ความรุ่งเรือง ถือเป็นชื่อมงคลที่ถูกนำมาตั้งเป็นทั้งชื่อโครงการ และชื่อของ Developer ซึ่งโปรดักส์ตัวนี้เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น ที่ภายนอกมีการใช้ระแนงไม้มาตกแต่ง facade ทำให้ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นและความเป็นธรรมชาติมากๆเลยครับ แต่จริงๆแล้วผู้ออกแบบได้แนวคิดมาจาก ความสูงของระดับหลังคาที่ไม่เท่ากัน และการสลับไป-มา ของหลังคาบ้านที่พักอาศัยดั้งเดิมในย่านนี้นั่นเองครับ โดยถูกนำมาลดทอนให้มีความทันสมัยและเรียบง่ายมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดูสวยงามแล้ว ยังมีประโยชน์ในแง่ของฟังก์ชันที่ช่วยกรองแสงเพื่อลดความร้อน และยังช่วยพรางสายตาเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัยได้อีกด้วยครับ

แบบบ้านของโครงการนี้จะมีแค่แบบเดียวนะครับ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 176 ตารางเมตร ขนาดพื้นที่ 21.9 – 31.6 ตารางวา ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 3 ห้องนอน และ 2 ที่จอดรถ โดยพื้นที่ชั้นแรกจะเป็นส่วน Common area ครับ จะยาวต่อเนื่องกันตั้งแต่ห้องนั่งเล่น โต๊ะทานอาหาร และครัวเปิด ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดนี้จะล้อมรอบไปด้วยผนังกระจก ทำให้ได้แสงสว่าง และมีพื้นที่เชื่อมต่อกับสวนธรรมชาติภายนอกที่เราจัดไว้ได้ด้วยครับ หรือจะออกไปใช้งานที่ลานซักล้างหลังบ้านก็ได้นะ จะซักจะตากผ้าได้หมด หรือถ้าใครที่ต้องการต่อเติมเป็นพื้นที่ครัวไทยเพื่อทำอาหารจริงจังก็สามารถทำได้อีกเช่นกัน

แต่จุดที่ผมอยากให้สังเกตจริงๆคือ ลักษณะของการวางบันไดครับ ซึ่งจะมีทางขึ้นอยู่ด้านหน้าบ้าน และตรงยาวขึ้นมาเป็นเส้นเดียว ก่อนจะหักเลี้ยวอีกครั้งที่ชั้น 3 โดยการทำบันไดในลักษณะนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่การใช้งาน ทำให้ชั้น 1 และชั้น 2 สามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ใช้สอยได้อย่างเต็มที่ มีระยะดูทีวีหรือการวางเตียงต่างๆที่กว้างมากขึ้น สามารถจัดอะไรได้อีกเยอะเลยครับ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็น Master Bedroom แบบเต็ม Floor มีทั้งระเบียง Walk in closet และห้องน้ำขนาดใหญ่ มีความเป็นส่วนตัวและครบครันในห้องเดียว แต่จุดที่แปลกจริงๆก็คือ การที่มีห้องเก็บของอยู่ในห้องนี้ด้วยนั่นเองครับ ส่วนชั้นที่ 3 จะมีห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง โดยจะใช้ห้องน้ำร่วมกันตรงกลาง สามารถเปิดเข้ามาได้จากในห้องนอนทั้ง 2 เลยครับ ซึ่งของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมพร้อมๆกันเลยดีกว่า

เริ่มกันที่ทางเข้าบ้านจะเป็นประตูเหล็กบานเฟี้ยมสีขาว ที่สามารถเปิดออกได้กว้างทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อให้รถเข้า-ออกได้สะดวก โดยประตูลักษณะนี้จะมีกลอนหลายตัว ทำให้การเปิด-ปิดลำบากกว่าแบบประตูบานเลื่อนนิดหน่อย อาจต้องตากแดดหรือเปียกฝนกันบ้างครับ

รวมถึงไม่มีประตูเล็กสำหรับคนเดินเข้าแยกมาให้ด้วย แต่ถ้าทุกคนลองสังเกตดูดีๆ ที่ดินของบ้านนี้จะยกสูงขึ้นจากถนนซอย ทำให้เวลาฝนตกแล้วเกิดน้ำไม่ท่วม น้ำจะไม่ไหลเข้าสู่ตัวบ้านง่ายๆแน่นอนครับ

พื้นที่จอดรถเป็นแบบ Slab on Ground ไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้นะครับ แต่จะปูด้วยพื้น Concrete Stamp ที่สวยงามและแข็งแรงทนทานมาก มีความกว้าง 5 m. สามารถจอดรถได้ 2 คัน ซึ่งถ้าใครที่เป็นคนรักรถ ไม่อยากให้ลูกรักต้องตากแดดตากฝน ก็สามารถทำหลังคาโรงรถเพิ่มเติมได้เลยครับ

นอกจากนี้ทางโครงการก็มีการเว้นช่องว่าง ระหว่างรั้วบ้านและพื้นที่จอดรถออกจากตัวบ้าน เพื่อป้องกันรอยร้าวและความเสียหาย ที่จากการทรุดตัวของพื้นที่จอดรถในอนาคตเอาไว้ให้แล้วครับ รวมถึงด้านบนจะมีการ Drop ฝ้าและซ่อนไฟเอาไว้ให้แบบนี้เลยด้วย

ด้านซ้ายเป็นพื้นที่สวน ซึ่งโครงการจะปูหญ้าให้แบบนี้ และมีต้นแคนาต้นใหญ่บริเวณหน้าบ้าน 1 ตัน กับต้นไทรเกาหลีริมรั้วทั้งหมดแบบนี้อีกด้วย

ด้านซ้ายของประตูบ้านจะมีช่องเก็บของเล็กๆ พร้อมประตูเหล็กให้แบบนี้ด้วยครับ ขนาดประมาณ 0.7 x 1.6 m. สามารถเก็บอุปกรณ์ทำสวนที่ตรงนี้ได้นะ

ทางด้านขวาก็จะมีตู้เก็บของบานใหญ่ ที่มีหน้าบานสีขาวปิดให้เรียบร้อยแบบนี้ ภายในมีขนาด 0.90 x 1 m. สามารถเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด หรืออุปกรณ์รถยนต์ก็ได้ครับ

ประตูทางเข้าบ้านเป็นขนาด Oversize สามารถเปิดได้ 2 ด้านเลย โดยประตูหลักจะกว้าง 90 cm. ซึ่งเวลาที่เราต้องการขนของชิ้นใหญ่ๆ ก็สามารถเปิดประตูเล็กขยายเพิ่มอีก 60 cm. รวมเป็น 1.5 m. ได้ครับ โดยประตูนี้เป็นบานไม้สักแท้ทั้งชิ้น และมีกรอบวงกบเป็นไม้เต็งครับ

รวมถึงจะติดตั้ง Digital Door Lock ของ Hafele แบบนี้มาให้ด้วยนะ สามารถรองรับระบบรหัสผ่านและ Key Card ได้ ส่วนระบบอื่นๆภายในบ้านที่จะแถมมาให้ด้วยก็คือ Magnetic & Shock Sensor ที่จะติดอยู่ตามประตูหน้าต่างของชั้น 1 และติดกล้อง CCTV ให้บริเวณหน้าบ้านและหลังบ้านอีก 2 จุดครับ

เข้ามาด้านในเราจะเจอพื้นที่ Foyer ก่อนครับ ขนาดประมาณ 0.95 x 1.7 m. ซึ่งจะอยู่ต่ำกว่าระดับของพื้นที่ในบ้าน ช่วยกันฝุ่นหรือสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปเลอะด้านใน ซึ่งเราสามารถถอดรองเท้าวางไว้ตรงนี้ได้ ด้านข้างมีตู้ที่ทางโครงการจะ Built in หน้าบานปิดมาให้แบบนี้อีกด้วย ด้านในมีขนาด 0.4 x 1 m. สามารถทำเป็นชั้นวางรองเท้าเพิ่มเติมได้เลยครับ

และเมื่อเรามองเข้ามาในบ้านจะเจอกับพื้นที่ Common area ที่โปร่งโล่งมากๆ โดยเฉพาะฝั่งซ้ายมือผมนี้จะเป็นช่องแสงสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.7 m. ยาวต่อเนื่องกันไปจนถึงหลังบ้านเลยทีเดียวครับ พื้นจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินสีเข้มแบบด้าน ซึ่งมีความสวยงาม ดูไม่สกปรกง่าย อีกทั้งเวลาเดินยังได้ผิวสัมผัสหยาบๆเป็นธรรมชาติอีกด้วยครับ

เรามาเริ่มกันที่ฟังก์ชันแรกกันก่อน บริเวณหน้าบ้านจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เอาไว้รับแขกได้ด้วย มีระยะดูทีวีอยู่ที่ 3.5 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 50 – 60 นิ้ว กับชุดโซฟาตัวใหญ่ๆได้สบายๆ ซึ่งถ้าเรามองไปที่หน้าบ้านก็จะเห็นช่องแสงทั้งจากประตูและหน้าต่าง เวลามีแขกไปใครมาก็จะได้มองเห็นได้ หรือเวลาจะเปิดประตูก็จะได้ไม่เปิดชนกัน

ซึ่งสิ่งที่ผมชอบจริงๆคือการเลือกใช้ขนาดของช่องแสงได้เหมาะสมครับ เนื่องจากทาวน์โฮมทั่วไปจะมีข้อจำกัดของช่องแสงที่จะมีได้แค่ด้านหน้าบ้านและหลังบ้านเท่านั้น จึงมักจะทำประตูทางเข้าหน้าบ้านเป็นบานเลื่อนกระจกแบบเต็มผนัง เพื่อให้ได้ช่องแสงส่องเข้ามาในตัวบ้านมากที่สุด แต่พอเป็นโครงการนี้ที่เป็นบ้านแปลงมุมเกือบทุกยูนิต ซึ่งจะได้แสงสว่างและความโปร่งโล่งจากด้านข้างอยู่แล้ว จึงทำช่องแสงหน้าบ้านไม่ใหญ่มาก พื้นที่ในบ้านจึงไม่เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ

ส่วนช่องหน้าต่างขวามือถ้ายังจำกันได้ มันคือ “ช่องเก็บของ” ที่เราเห็นกันด้านนอกนั่นเองครับ แต่พอมาอยู่ในบ้านแบบนี้ นอกจากจะใช้เป็นที่วางของได้แล้ว ยังสามารถขึ้นไปนั่งเล่น กลายเป็นมุมอเนกประสงค์ไปในตัวได้อีกด้วยนะ

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่โต๊ะทานอาหารและครัวเปิดครับ ซึ่งถ้าใครที่ต้องการกั้นพื้นที่ตรงนี้ให้กลายเป็นครัวปิดก็สามารถทำได้นะ แต่ผมคิดว่าปล่อยเอาไว้โล่งๆให้พื้นที่ได้เชื่อมต่อกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วครับ ส่วนครัวไทยก็ค่อยต่อเติมที่หลังบ้านเพิ่มแทนได้

ครัวด้านขวามือ ทางโครงการจะไม่ได้ Built เคาน์เตอร์ครัวแบบนี้มาให้นะครับ แต่จะเตรียมท่องานระบบต่างๆเอาไว้ให้พร้อมแล้ว สามารถดูตัวอย่างจากบ้านหลังนี้ไปได้เลย ซึ่งจุดที่ผมชอบก็จะเป็นช่องหน้าต่างบานเลื่อน ที่ช่วยให้แสงเข้าและเปิดระบายอากาศได้ครับ

ส่วนทางด้านซ้ายมือ จะมีพื้นที่ให้วางโต๊ะทานอาหารได้ขนาด 4 – 6 ที่นั่งแบบนี้ โดยตำแหน่งจะถูกรายล้อมไปด้วยประตูกระจก ทำให้สามารถทานอาหารไปด้วย แล้วชมวิวสวนภายนอกไปด้วยได้ หรือจะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ไว้นั่งทำงานอ่านหนังสือก็ไม่เลวนะ

ประตูกระจกบานเลื่อนนี้เป็นของแบรนด์ Trustand จาก THAI-AUST ALUMINIUM รุ่น J-Trust ซึ่งความพิเศษคือ ตามวงกบประตูจะไม่ทำมุม 45 องศา เหมือนแบบวงกบทั่วๆไป เพื่อลดการรั่วซึมของน้ำฝนเวลาสาดเข้ามา

และที่รางด้านล่างยังมีช่องระบายน้ำเสริมอีกด้วย ส่วนกระจกก็จะเป็นสีเขียวตัดแสง ที่ช่วยกันไม่ให้ความร้อนเข้าสู่ตัวบ้านมากเกินไปครับ ซึ่งเราสามารถทำพื้นที่ข้างบ้านนี้เป็นเฉลียง เพื่อออกไปนั่งเล่นแบบ Outdoor ในวันอากาศดีๆก็ได้นะครับ

ส่วนถ้าเราจะออกไปที่ลานซักล้างหลังบ้าน ก็จะมีประตูบานเลื่อนอีกชุดหนึ่งให้เปิดออกไปได้สะดวก ซึ่งถ้าเราเปิดประตูกระจกทั้งหมดนี้(รวมถึงด้านหลังโซฟาห้องนั่งเล่นด้วย) อากาศถ่ายก็จะเทได้เต็มที่ เหมือนพื้นที่ชั้น 1 นี้กลายเป็น Semi-Outdoor ไปเลย ซึ่งถ้าวันไหนที่อากาศเย็นๆ สบายๆ โดยเฉพาะหน้าหนาว เรียกได้ว่า …แทบไม่ต้องเปิดแอร์หรือพัดลมเลยครับ

และสำหรับลานซักล้างหลังบ้านก็จะเทพื้นปูนมาให้ เป็นแบบ Slab on Beam สามารถต่อเติมเป็นครัวไทยได้ อีกทั้งตัวกำแพงเองก็เว้นระยะจากตัวบ้านเหมือนด้านหน้าเลยครับ เพื่อกันรอยร้าวและความเสียหายจากการทรุดตัวในอนาคต เพราะตัวรั้วบ้านนั้นไม่ได้ลงเสาเข็มลึกเท่ากับตัวบ้านนั่นเองครับ

เงยหน้าขึ้นมามองด้านหลังของตัวบ้านกันสักหน่อย ช่องเปิดส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 3 โน่นเลยครับ ซึ่งผมก็ไม่แนะนำให้ติดตั้ง Condensing Unit แบบบ้านตัวอย่างนะ เพราะเป็นตำแหน่งที่ช่างออกไปซ่อมได้ลำบาก (ติดที่ระเบียงของแต่ละห้องก็ได้ครับ)

มองย้อนกลับเข้ามาในตัวบ้านกันอีกครั้ง ต่อไปเราจะไปดูห้องน้ำกันก่อนขึ้นชั้นบนนะครับ

ซึ่งตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ใต้บันไดหลังชั้นวางทีวี โดยของจริงเราจะได้เป็นผนังฉาบเรียบสีขาว และประตูที่ใช้ภายในบ้านทั้งหมดจะเป็น UPVC บานทึบลายไม้แบบในภาพขวามือ ซึ่งจะทนน้ำ ความชื้น และไม่เป็นเชื้อราง่ายครับ

ภายในเป็นห้อง Powder Room ขนาดประมาณ 0.9 x 2.4 m. สุขภัณฑ์ประกอบด้วยอ่างล้างหน้าของ Hafele ขนาดประมาณ 60 x 38 cm. ลึก 12 cm. พร้อม Built ตู้ด้านล่างมาให้เก็บของเพิ่มได้ มีกระจกเงาบานใหญ่ พัดลมดูอากาศ กับโถสุขภัณฑ์ของ Kohler ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามมาให้พร้อมใช้งาน

ส่วนบันไดจะอยู่ทางด้านหน้าของตัวบ้านครับ เวลากลับมาจากด้านนอกแล้วต้องการขึ้นชั้นบนเลย ก็สามารถเดินขึ้นได้ทันทีโดยไม่ต้องเดินตัดผ่านหน้าทีวี บันไดเป็นโครงสร้าง คสล. แข็งแรงทนทาน ลูกตั้ง 18 cm. ลูกนอน 25 cm. และกว้าง 85 cm. สามารถเดินได้สะดวก Top ด้านบนเป็นไม้ประสาน และตัวบันไดนี้จะตรงยาวขึ้นไปจนเกือบถึงชั้น 3 ซึ่งผมแนะนำให้ติดราวจับเพิ่มด้วยจะดีมากครับ เพื่อความปลอดภัยเวลาใช้งาน

ขึ้นมาถึงชั้น 2 จะเจอกับชานพักที่จะอยู่หน้าประตูห้อง Master Bedroom พอดี โดยทุกคนจะสังเกตได้ครับว่าโถงบันไดไม่มืดเลย เป็นเพราะมีช่องแสงถึง 2 ด้านเลยนั่นเองครับ

สำหรับพื้นที่ชั้น 2 นี้จะเป็นห้อง Master Bedroom ทั้งชั้นเลยครับ ทำให้มีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่มาก ความสูงพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.7 m. เหมือนเดิม แต่วัสดุพื้นจะเปลี่ยนเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 12 mm. แทนครับ

ด้านซ้ายของเตียงจะมีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ สามารถจัดเป็นมุมอเนกประสงค์ส่วนตัวริมหน้าต่างแบบนี้ได้เลย รวมถึงมีประตูกระจกด้านซ้ายให้เปิดออกไปยังระเบียงได้อีกด้วย

โดยระเบียงนี้มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1 x 1.85 m. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินแบบด้านกันลื่น เหมือนชั้นแรกมาให้เลยครับ ซึ่งเค้าจะมีกระถางต้นไม้ และให้ต้นไทรใบสักแบบนี้มาให้ทุกจุดที่เห็นในบ้านเลยนะ

แล้วถ้าเราหันมามองทางด้านซ้ายมือก็จะเห็นช่องหน้าต่าง ที่จะช่วยดึงแสงเข้าไปให้กับโถงบันได รวมถึงยังสามารถเปิดเป็นบานกระทุ้ง เพื่อเปิดระบายอากาศและความร้อนของตัวบ้านได้อีกด้วยนะ (โดยตัวเปิดก้านโยกจะมีรูกุญแจ ที่สามารถไขเพื่อเปิด-ล็อคได้ เพื่อความปลอดภัยครับ)

นอกจากนี้ประตูกระจกอีกด้านก็สามารถเปิดออกได้เช่นกันครับ แต่ภายนอกจะเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นฟังก์ชันให้ออกไปใช้งาน แต่จะสามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตั้งระแนงไม้ที่ทำหน้าที่เป็น facade ให้กับตัวอาคาร ซึ่งช่วยพรางสายตาและกรองแสงแดดได้อีกด้วย

มาดู Detail ของระแนงนี้กันสักหน่อยครับ ซึ่งจริงๆแล้ววัสดุที่ใช้จะเป็นไม้เทียมครับ แต่ที่อยากให้สังเกตจริงๆคือตัวน็อตที่มีน้อยกว่าจำนวนระแนงที่ยึดอยู่ นั่นเป็นเพราะเค้ามีการประกบแผ่นเหล็กถึง 2 ชั้น ให้แผ่นที่มีรูน็อตเยอะๆซ่อนอยู่ด้านใน เวลามองออกมาจากในบ้านจะได้ดูเรียบร้อยมากขึ้น ถือว่าเก็บงานได้ดีเลยนะครับเนี่ย

มองย้อนกลับเข้ามาในห้อง ต่อไปเราจะไปดูอีกด้านของห้อง Master Bedroom กันบ้างครับ

เริ่มจากประตูเล็กทางด้านขวา ไม่ใช่ประตูห้องน้ำนะครับ แต่เป็นห้องเก็บของ ซึ่งความแปลกคือ นอกจากจะอยู่ที่ชั้น 2 แล้ว ยังอยู่ในห้องนอนอีกทีหนึ่งด้วย ภายในมีขนาดพื้นที่ใหญ่มากครับ เป็นการใช้พื้นที่ใต้บันไดให้เกิดประโยชน์ สามารถเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด กระเป๋าเดินทาง หรือของที่ไม่ค่อยได้ใช้ได้เยอะเลย ซึ่งก็ทำให้เราไม่ต้องแบกของบางอย่างขึ้น-ลง ชั้น 1 บ่อยๆให้เหนื่อยอีกด้วยครับ ก็ค่อนข้างสะดวกอยู่เหมือนกัน

ติดกันทางด้านซ้ายจะเป็นทางไป Walk in closet และห้องน้ำครับ ซึ่งของจริงจะมีประตูไม้บานเลื่อนติดตั้งแยกให้เป็นสัดส่วนด้วยนะ จะช่วยกันกลิ่นหรือความชื้นไม่ให้เข้ามารบกวนพื้นที่พักผ่อนภายในได้ดีเลยครับ

ภายในจะแยกเป็นห้องน้ำและพื้นที่โล่งที่สามารถทำเป็น Walk in closet ได้ โดยจะไม่มีการกั้นประตูแยก 2 ฟังก์ชันนี้ออกจากกัน ทำให้กลายเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ อาบน้ำเสร็จก็เดินมาแต่งตัวได้ทันที แต่ก็ต้องระวังเรื่องกลิ่นและความชื้นที่จะมาโดนเสื้อผ้าในตู้ของเราด้วยนะครับ

สำหรับพื้นที่แต่งตัววัดจากขอบกระเบื้องถึงผนังจะกว้าง 1.4 m. แต่พอเรา Built in ตู้เสื้อผ้าแบบนี้ไปแล้วก็จะเหลือพื้นที่อยู่ประมาณ 80 cm. ยังสามารถใช้งานได้สะดวกอยู่ครับ ด้านซ้ายมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยให้แสงเข้า และเปิดระบายอากาศได้ด้วยนะ

ส่วนอีกด้านจะเป็นห้องน้ำครับ ซึ่งมีขนาดใหญ่ทีเดียว แบ่งฟังก์ชันออกเป็น 2 ฝั่ง สามารถใช้งาน 2 คนพร้อมๆกันได้เลย โดยพื้นที่ส่วนแห้งตรงกลางนี้จะกว้างถึง 2 m. เลยครับ และปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินแบบด้านกันลื่นเหมือนเดิมครับ

ตรงกลางเป็นอ่างล้างหน้าของ American Standard ขนาดประมาณ 50 x 45 cm. ลึก 12 cm. เป็นแบบวางบนเคาน์เตอร์ Top หินเทียมสีขาว ทนต่อพวกกรด-ด่าง หรือสารเคมีได้ดี มีที่วางของด้านข้างเหลืออีกฝั่งละ 80 cm. ซึ่งเป็นระยะมากพอที่จะทำอ่างแบบ His&Her ได้เลยนะครับเนี่ย

ด้านขวาติดฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass แยกมาให้เป็นสัดส่วน มีแถบยางช่วยกันไม่ให้น้ำไหลซึมออกมาด้านนอก และด้านบนก็มี Stopper กันกระแทกติดตั้งมาให้แล้วเรียบร้อย

พื้นที่ภายในจะลดระดับลงเล็กน้อย และมีขนาดประมาณ 1.3 x 1.4 m. ใช้งานสะดวก มีโถสุขภัณฑ์ของ Kohler ติดตั้งมาให้เช่นเคย และที่ด้านบนยังมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้ง ที่สามารถเปิดระบายกลิ่น และความชื้นได้อีกด้วยครับ

ส่วนอีกฝั่งจะเป็น Shower box ซึ่งก็จะกั้นฉากกั้นมาให้แล้วเช่นกัน ภายในมีขนาดพื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.3 x 1 m. และติดตั้ง Hand Shower มาให้พร้อมกับที่แขวนผ้าเช็ดตัว (ซึ่งเวลาอาบน้ำอยู่ ผมว่าผ้าต้องเปียกแน่ๆเลย แนะนำให้วางไว้ด้านนอกจะดีกว่านะ)

ตัวเสาของ Hand Shower สามารถปรับระดับความสูงกับองศาที่ต้องการได้ มีก๊อกน้ำแบบก้านโยกให้ใช้งานสะดวก และจะติดตั้ง Junction box สำหรับต่อเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้พร้อมแล้วครับ ที่เสามีที่วางสบู่เล็กๆมาให้ แต่ผมคิดว่ามันคงไม่พอแน่ๆ อาจต้องทำชั้นวางแชมพู ครีมนวด และครีมอาบน้ำต่างๆเพิ่มอีกทีนะครับ

ก่อนขึ้นมาที่ชั้น 3 จะมีชานพักให้บันไดหักเลี้ยวเป็นรูปตัว U เหมือนแบบบ้านทั่วไปครับ ซึ่งตรงส่วนนี้จะมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่สามารถเปิดระบายอากาศ (ที่ช่องเล็กด้านล่าง) ได้ครับ ส่วนฝ้าด้านบนก็สามารถติดตั้ง Chandelier สวยๆแบบที่เราชอบเพิ่มได้ด้วย และบนชั้น 3 นี้จะมีห้องนอนอยู่ 2 ห้องแยกออกจากกันครับ

เริ่มจากห้องนอนแรกทางขวามือก่อนนะ เป็นห้องที่อยู่ติดกับส่วนหลังบ้าน และมีขนาดเล็กที่สุด แต่ภายในก็มีพื้นที่ใช้สอยใช้งานได้สะดวก แถมยังมีช่องแสงจากประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่อีกด้วย

โดยประตูนี้สามารถเปิดออกไปยังระเบียงได้นะครับ เป็นระเบียงแคบแต่กว้าง ขนาดประมาณ 0.35 x 2.85 m. พอให้ออกไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เท่านั้น ซึ่งโครงการนี้จะไม่เน้นระเบียงมากนัก เพราะจะได้ไม่กินพื้นที่ใช้สอยภายในนั่นเองครับ

และพอวางเตียง 5 ฟุตตรงกลางห้องไปแล้ว ก็ยังมีพื้นที่ด้านข้างเหลือฝั่งละ 1 m. สามารถวางโต๊ะหัวเตียง หรือโต๊ะอเนกประสงค์เพิ่มเติมได้ครับ ปลายเตียงเหลือกว้าง 80 cm. สามารถติดทีวีแขวนผนังได้ และที่ด้านซ้ายของเตียงจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งก็เหมาะที่จะ Built in ตู้เสื้อผ้าให้อยู่ใกล้ๆกัน จะได้ใช้งานได้สะดวกแบบบ้านตัวอย่างนี้เลยครับ

ภายในห้องน้ำก็มีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกเป็นสัดส่วน และได้ของทั้งหมดตามที่เห็นในห้องตัวอย่างนี้ครับ (เลยยกเว้นของตกแต่งนะ)

พื้นที่ส่วนแห้งมีขนาดประมาณ 1.55 x 1.7 m. ใช้งานได้สะดวก และยังสามารถเข้า-ออก ได้ถึง 2 ทางอีกด้วยครับ (ทำให้ห้องนอนทั้ง 2 ห้องเหมือนมีห้องน้ำในตัว เพียงแต่ต้องแชร์กันนั่นเอง) และจะได้สุขภัณฑ์ต่างๆครบ เหมือนกับห้อง Powder Room ชั้น 1 เลยครับ ที่เพิ่มเติมมาคือผนัง Low Wall ด้านหลังที่กว้าง 22 cm. สามารถใช้วางของเพิ่มเติมได้นะ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมีขนาด 1 x 1.75 m. สามารถใช้งานได้สะดวก โดยห้องนี้จะไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นให้นะครับ แต่ภายในก็จะมี Hand Shower และ Junction box มาให้แล้วเช่นเคย

ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนเล็กที่อยู่ทางด้านหน้าบ้าน ซึ่งบริเวณโถงหน้าห้องน้ำนี้จะสามารถ Built ตู้เสื้อผ้าได้ครับ โดยจะมีพื้นที่แต่งตัวเหลือกว้าง 1.4 m. สามารถใช้งานได้สบายๆเลย และติดกันเราจะทำโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มก็ยังได้นะ

ส่วนพื้นที่ภายในห้องจะมีขนาดใหญ่ และมีช่องแสงมากกว่าห้องเมื่อสักครู่อีกครับ ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้จะมีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน อย่างแรกคือ ห้องนี้เป็นห้องเดียวที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3 m. และอย่างที่สองคือ เป็นห้องที่หน้ากว้างมากที่สุด เพราะไม่ต้องเสียระยะพื้นที่ให้กับระเบียงหรือบันไดเลยนั่นเองครับ

ซึ่งถ้าเราวางทีวีที่ฝั่งตรงข้าม แล้วนอนดูบนเตียงแบบนี้ ผมว่ามันอาจไกลเกินไปสักหน่อยครับ จริงๆแล้วระยะปลายเตียงถึงผนังกว้างถึง 3.4 m. เราสามารถเพิ่มโซฟาที่ปลายเตียงเพื่อนั่งดูทีวีดีๆได้เลยนะ โดยผมแนะนำให้ใช้โซฟาแบบไม่มีพนักพิงหลัง เผื่อเราอยากเปลี่ยนมานอนดูบนเตียง จะได้ไม่มีอะไรมาบังสายตาครับ

ด้านซ้ายของเตียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ที่เปิดออกมาระบายอากาศได้เหมือนกับส่วนของห้อง Master Bedroom ก่อนหน้านี้เลยครับ ซึ่งจะมีระแนง facade และกระถางต้นไทรใบสักมาให้ด้วยนะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 October 2019

  • ทาวน์โฮม 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 176 ตารางเมตร
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

– หลังแปลงกลางมาตรฐาน 21.9 ตร.วา ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท
– หลังแปลงมุมมาตรฐาน 31.6 ตร.วา ราคาเริ่มต้น 8.2 ล้านบาท

  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 150,000 บาท
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการ Chanothai ตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าว 71  ภายในซอยสุคนธสวัสดิ์ 8 ซึ่งเป็นย่านที่อุดมสมบูรณ์ และขึ้นชื่อเรื่องร้านอาหารอร่อยมากมายครับ อีกทั้งถนนภายในยังเชื่อมต่อถึงกัน สามารถลัดเลาะไปออกถนนใหญ่ได้หลายเส้นทาง รวมถึงมีห้างให้พึ่งพิงอยู่ไม่ไกลอย่าง Central East Ville, Crytal Park, CDC และตลาดหัวมุม ที่อยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม(หรือถนนเลียบด่วนรามอินทรา) และแน่นอนว่าอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนอีกด้วย อยู่ห่างออกไปประมาณ 3.5 km. เท่านั้นครับ และถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ภายในซอยย่อยอีกที แต่ก็เข้าไปไม่ลึกมาก และเป็นซอยตันที่มีชุมชนขนาดไม่ใหญ่มากตั้งอยู่ภายใน จึงทำให้เป็นทำเลที่เงียบสงบ ได้ความเป็นส่วนตัว และสิ่งที่ดีงามที่สุดคือ มีร้านอาหารอร่อยๆ อยู่ในระยะเดินหน้าปากซอยเท่านั้นเองครับ ส่วนเรื่องของตัวโปรดักส์ ถ้าเทียบเฉพาะโครงการที่อยู่ติดหรือใกล้กับถนนหลักด้านในอย่างสุคนธสวัสดิ์ นาคนิวาส หรือโชคชัย 4 ที่ไม่ต้องเข้าซอยไปลึกมาก โครงการนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโปรดักส์ที่โดดเด่นในเรื่องหน้าตาอาคาร และฟังก์ชันภายในที่ไม่เหมือนใคร มีระดับราคากลางๆ ถือว่าไม่แพงมากถ้าเทียบกับคู่แข่งในย่านนี้ครับ

ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : โครงการนี้ไม่ได้เข้าข่ายกฎหมายการจัดสรรที่ดิน เพราะมียูนิตไม่ถึง 10 แปลง ดังนั้นจึงไม่มีรั้วรอบขอบชิดแบบโครงการจัดสรรทั่วไป หรือป้อมยามคอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้ แต่ภายในตัวบ้านก็ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆเข้ามาช่วยเสริม ทั้งรั้วบ้านที่สูง 2.2 m. กล้อง CCTV ระบบ Magnetic & Shock Sensor และติดตั้ง Digital Door Lock ของ Hafele ให้กับบ้านทุกหลังเลยครับ ซึ่งก็ถือว่าได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยกว่าโครงการแบบเดียวกัน ที่ไม่ได้จัดสรรโดยทั่วไปครับ

การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย : ก่อนอื่นผมขอพูดถึงตัว facade กันก่อนครับ มีการทำเป็นระแนงไม้โดยได้แรงบันดาลใจมาจากหลังคาของชุมชนเดิม ซึ่งนอกจากจะสวยงามแล้ว ยังได้ประโยชน์ในแง่ของฟังก์ชันการใช้งาน ที่จะช่วยกรองแสง และพรางสายตาเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ ถัดมาคือลักษณะการวางผัง Master Plan ซึ่งแยกออกเป็น 2 คลัสเตอร์ ทำให้เกิดเป็นบ้านแปลงมุมถึง 4 ยูนิต แน่นอนว่าบ้านเหล่านี้จะมีสวน และช่องแสงด้านข้างเพิ่มขึ้นมาเกือบทุกหลัง ทำให้บ้านสว่าง โปร่งโล่ง และมีพื้นที่เชื่อมต่อกับสวนภายนอกได้มาก อีกเรื่องหนึ่งคือ ลักษณะการวางบันได ที่ใช้แบบตอนเดียวยิงตรงยาวขึ้นไปจนเกือบถึงชั้น 3 ทำให้ห้องที่อยู่บริเวณด้านหน้าบ้าน โดยเฉพาะ Master Bedroom จะมีระยะความกว้างของห้องเพิ่มมากขึ้น รวมถึงมีพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน และประตูหน้าต่างทุกจุดก็สามารถเปิดประตูขนาดใหญ่เพื่อระบายอากาศได้อย่างเต็มที่อีกด้วย ซึ่งนั่นก็คือความแตกต่างจากโครงการทาวน์โฮมทั่วไปครับ

วัสดุ : ถือว่าให้มาค่อนข้างดีครับในระดับราคานี้ ถึงแม้ว่าพื้นที่จอดรถจะไม่ได้ลงเสาเข็มมาให้ แต่ก็ปูด้วย Concrete Stamp และเว้นช่องว่างกับตัวบ้าน เพื่อกันรอยแตกร้าวจากการทรุดตัวมาให้แทน ประตูบ้านเป็นไม้สักแท้ กรอบวงกบไม้เต็ง พื้นชั้นล่างและในห้องน้ำเป็นแกรนิตโต้ลายหินแบบด้านทั้งหลัง ส่วนพื้นห้องนอนชั้นบนจะเป็นไม้ลามิเนตหนา 12 mm. สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Kohler, Hafele และ American Standard มีฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยติดตั้งมาให้เรียบร้อย แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคือกรอบประตูหน้าต่างทั้งหมดในบ้านที่สูงจากพื้นถึงฝ้า ของแบรนด์ Trustand จาก THAI-AUST ALUMINIUM รุ่น J-Trust ที่ป้องกันน้ำไหลซึมเข้ามาในบ้านได้ดี แล้วยังเป็นกระจกเขียวตัดแสงอีกด้วย

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : แม้จะไม่ใช่โครงการจัดสรรที่มีพื้นที่สีเขียวเป็นส่วนกลาง แต่ภายในบ้านแต่ละยูนิตเอง ทางโครงการก็ได้ปูหญ้า และแถมต้นไม้ให้ด้วยครับ ทั้งต้นแคนา ต้นไทรเกาหลี และไทรใบสัก เมื่อมองเป็นภาพรวมจึงทำให้ตัวโครงการมีความเป็นธรรมชาติ และได้บรรยากาศที่ดี สดชื่นมากๆครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 6.5 – 8.5 ล้านบาท, 22 October 2019

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – การเดินทางสะดวก เข้าออกได้หลายทาง ใกล้ทางด่วน ทำเลอุดมสมบูรณ์ มีของกินในระยะเดิน
  • ความปลอดภัย 7.25/10 – รั้วบ้านสูง 2.2 m. พร้อมกล้อง CCTV และระบบ Magnetic & Shock Sensor ทุกหลัง
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – เป็นแปลงมุมเกือบทุกหลัง เน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน และฟังก์ชันหน้ากว้าง facade ใช้งานได้จริง
  • วัสดุ 8/10 – ได้ตามมาตรฐานทาวน์โฮมระดับราคานี้ครับ
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว อยู่ติดถนนสาธารณะ ปลูกต้นไม้ให้
  • สาธารณูปโภค 0/10 – เนื่องจากโครงการนี้ไม่มีการจัดสรรที่ดิน และไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง จึงไม่มีการให้คะแนนในส่วนนี้ครับ
  • 7.24 / 9.00 (ไม่รวมคะแนนสาธารณูปโภค) หรือคิดเป็น 8.04 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Chanothai เหมาะกับคนที่กำลังมองหาทาวน์โฮมย่านลาดพร้าว 71 ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ เดินทางสะดวก ทำเลเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ชอบทาวน์โฮมแปลงมุมที่มีสวนข้างบ้าน และมีช่องแสงโปร่งโล่ง เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในที่กว้างขวาง และต้องมีงบประมาณ 6.99 – 8.2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 49,000 – 57,000 บาทครับ


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving