รีวิวโครงการ
BoomTharis | รีวิวบ้าน Park Heritage Phatthanakan : Flagship 100 ล้าน ของสัมมากร
27 มกราคม 2023
Park Heritage พัฒนาการ Flagship project โครงการใหม่จาก “สัมมากร” ที่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาหันมาสร้างโครงการในระดับ Super Luxury ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างโครงการก่อนหน้านี้ก็จะเป็น Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา ค่ะ ซึ่ง Park Heritage พัฒนาการ โครงการใหม่นี้ตั้งอยู่บนทำเลที่เรามองว่าใกล้ใจกลางเมืองมากกว่าเดิม เพราะอยู่ในซอยพัฒนาการ 20 หรือพัฒนาการตอนต้น ห่างจากท้ายซอยทองหล่อเพียง 4 กม. โครงการนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกันค่ะ
- ทำเลใจกลางเมือง : ซอยพัฒนาการ 20 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ใกล้เอกมัย, ทองหล่อ เดินทางสะดวก ไปขึ้นทางด่วนได้ง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมค่ะ
- ความเป็นส่วนตัว : แม้จะอยู่ใจกลางเมืองแต่ก็ไม่วุ่นวาย เพราะโครงการจะอยู่ในซอยรองไม่พลุกพล่าน และมีเพียง 32 หลัง การแบ่งผังเป็น Cluster zone ทำให้ในแต่ละโซนได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
- พื้นที่ใช้สอยเยอะ : ตัวบ้านจะเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น สร้างเต็มที่ดิน 60 – 133 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอยในบ้าน 471 – 778 ตร.ม. ถือว่าเยอะกว่าโครงการจัดสรรส่วนใหญ่ก็ว่าได้นะคะ เป็นบ้านที่ได้ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน ที่จอดรถรองรับ 3 – 5 คัน ได้ลิฟต์ในตัวทุกหลัง และมีสระว่ายน้ำให้ใน Type M, L
- ร่มรื่นไปด้วยพื้นที่สีเขียว : แม้ว่าจะเป็นบ้านที่สร้างเต็มที่ดิน แต่โครงการก็ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวรอบๆ ให้สมกับชื่อ Park Heritage ค่ะ โดยมีทั้งอุโมงค์ต้นไม้ และ ต้นไม้ที่จัดมาให้ภายในตัวบ้าน โดยออกแบบให้มีหลากหลายระดับ ได้ทั้งความร่มรื่น และ สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่ใช้งานด้วย
ที่นี่เหมาะกับคนที่อยากได้บ้านหลังใหญ่ ใจกลางเมือง โดย Park Heritage พัฒนาการ นี้มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 49 – 95 ล้านบาทค่ะ รายละเอียดโครงการจะเป็นอย่างไร ไปอ่านรีวิวกันต่อเลย
ข้อมูลโครงการ
พาร์ค เฮอริเทจ พัฒนาการ (Park Heritage Pattanakan) ณ วันที่ 18 November 2022
ชื่อโครงการ | พาร์ค เฮอริเทจ พัฒนาการ (Park Heritage Pattanakan) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอสเซท โปรกรุ๊ป จำกัด |
SEGMENT CLASS | SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอยพัฒนาการ 20 แยก 8 เขตสวนหลวง |
ที่ดิน | 12 – 3 – 55.5 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 32 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ราคาเริ่มต้น | 49 – 95 ล้านบาท |
เริ่มก่อสร้าง | 2564 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | 2568 |
เว็บไซต์โครงการ | www.sammakorn.co.th/project/park-heritage-phatthanakan |
Call Center | 1427 |
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.7275668 , 100.6036789
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
ที่ตั้งของ Park Heritage พัฒนาการ จะอยู่ในซอยพัฒนาการ 20 ซึ่งเป็นพัฒนาการตอนต้น เรียกว่าใกล้เมืองมากที่สุดจากเหล่าบรรดาโครงการที่เปิดตัวบนถนนพัฒนาการนี้ด้วยค่ะ
ทำเลบ้าน Luxury ที่ใกล้เมืองมากที่สุด
พัฒนาการตอนต้น เป็นอีกโซนที่มีโครงการบ้านระดับ Super Luxury เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เราจะเห็นกันอีกไม่ต่ำกว่า 5 โครงการที่มาเปิดในรอบปีนี้ด้วยนะ เหตุผลที่ทำเลนี้กลายมาเป็นอีกหนึ่งทำเลทองของโครงการบ้าน Luxury คงหนีไม่พ้นตัวทำเลที่เรียกว่าใจกลางเมือง (ถ้าเทียบกับโซนที่มีบ้านราคาสูงอย่างเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา หรือว่า กรุงเทพกรีฑา… พัฒนาการตอนต้นสามารถ access ไปยังเอกมัย, ทองหล่อ หรือว่าถนนสุขุมวิทได้สะดวกกว่า) และเป็นทำเลที่อยู่ใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วน นอกจากนี้ก็รายล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ทั้งภายในซอยพัฒนาการเอง หรือว่าบนถนนพัฒนาการ ดังนั้น ทำเลนี้จึงเป็นทำเลที่เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์คนเมือง ชอบความสะดวกสบายในการเดินทาง และการใช้ชีวิตค่ะ
พัฒนาการ 20 VS. พัฒนาการ 32
เมื่อเทียบกับโครงการที่เปิดในละแวกเดียวกับ Park Heritage จะอยู่ในซอยพัฒนาการ 20 ส่วนโครงการอื่นๆ จะอยู่ในซอยพัฒนาการ 32 ทั้ง 2 โครงการนี้สามารถเชื่อมถึงกันได้ และเชื่อมต่อไปยังซอยอ่อนนุชได้นะ เพียงแต่พัฒนาการ 20 จะอยู่ช่วงต้นกว่า ถ้ามาจากราม 24 ขึ้นอุโมงค์ข้ามถนนพระราม 9 มาก็เลี้ยวขวามาเข้าซอย 20 ได้เลย (แต่ถ้าอยู่ซอย 32 ก็จะต้องเลี้ยวซ้ายไปยูเทิร์นแถวถนนศรีนครินทร์ซึ่งรถจะติด กินเวลามากกว่า) ในอีกแง่ เมื่อออกจากโครงการวิ่งเข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซอย 20 ก็จะไม่ต้องผ่าน 3 แยกที่เลี้ยวขวาไปยังราม 24 ทำให้ประหยัดเวลาอีกเช่นกัน ส่วนบรรยากาศของซอย 20 นั้นจะมีความเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยเดิม ส่วนซอย 32 แทบจะเป็นซอยที่สร้างใหม่ มีแต่บ้านจัดสรร หาอาหารการกินได้ยากกว่าซอย 20 ค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
โครงการ Park Heritage พัฒนาการ จะอยู่ในซอยพัฒนาการ 20 แยก 8 ซึ่งแยกตัวมาจากถนนหลักในซอย 20 อีกที ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 1.2 กม. ภายในซอยพัฒนาการ 20 แยก 8 นี้เป็นซอยตัน ทำให้รถที่เข้าออกถนนหน้าโครงการมีไม่เยอะ ได้ความสงบค่ะ นอกจากนี้จะใกล้กับหมู่บ้านผกามาศ ซึ่งเชื่อมกับซอยปรีดีฯ ไปยังถนนสุขุมวิท 71 ได้ (มีการเก็บค่าผ่านทาง)
บรรยากาศซอยพัฒนาการ 20 แยก 8 (หน้าโครงการ)
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- HomePro พระราม 9 ~ 4.3 km.
- Donki Mall ~ 4.7 km.
- 72 Courtyard ~ 5 km.
- The Common ทองหล่อ ~ 5.1 km.
- J-Avenue ~ 5.2 km.
- The nine พระราม 9 ~ 5.6 km.
- ธัญญาพาร์ค ~ 6 km.
- Emporium ~ 7.7 km.
- EmQuartier ~ 8.4 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 4.7 km.
- โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 5.8 km.
- โรงพยาบาลรามคำแหง ~ 7.1 km.
- โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 7.2 km.
- โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 7.8 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนนานาชาติเอกมัย ~ 4.1 km.
- โรงเรียน ดิ อเมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก ~ 6 km.
- โรงเรียนนานาชาติ บางกอก เพรพ ~ 6.1 km.
- โรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี วิทยาเขตบางกอกซิตี้ ~ 6.5 km.
- Regent’s International School Bangkok ~ 6.5 km.
รายละเอียดโครงการ
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดบ้านในระดับ Luxury Segment ถือว่าเติบโตสูงเป็นอย่างมาก หลายๆ Developer ชั้นนำของประเทศไทยก็ต่างปั้นแบรนด์หรือสร้างโครงการเพื่อมาตอบความต้องการของตลาดกลุ่มนี้ สัมมากรเองก็เช่นกัน… โดยสัมมากรถือเป็นบริษัทที่หลายคนคงคุ้นชื่อ ก่อตั้งบริษัทมามากกว่า 50 ปี จากประสบการณ์ตรงนี้ หลายคนก็คงไว้วางใจในบ้านจากสัมมากรนะคะ
Park Heritage ถือว่าเป็นแบรนด์ Top สุดจากสัมมากรในปัจจุบันก็ว่าได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสัมมากรได้เปิดตัวโครงการระดับ Super Luxury ที่มีชื่อว่า Providence Lane เอกมัย-รามอินทรา มาแล้ว 1 โครงการในย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ซึ่งทั้งคู่ตัวบ้านจะออกแบบมาสไตล์ modern ดูทันสมัย แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างที่ต่างกันอยู่คือ โครงการ Park Heritage จะสร้างบนที่ดินใหญ่ขึ้น ทำให้ได้ส่วนกลางที่ใหญ่ขึ้น และเน้นพื้นที่สีเขียว ตรงกับชื่อของโครงการค่ะ
Multidimensional Integration
แนวความคิดในการออกแบบโครงการมาจากการนำเอาธรรมชาติ มาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรม (ART+ARCHITECH+NATURE) ออกมาเป็นบ้านที่สามารถส่งต่อให้กับคนในครอบครัว จากรุ่นสู่รุ่นได้ ทั้งการออกแบบบ้านสไตล์ Modern Classic ที่อยากให้เป็นบ้านที่ไม่ดูเก่าไปตามกาลเวลา (Timeless design) และอยู่ในทำเลใจกลางเมืองที่สะดวกสบายในการใช้ชีวิต รวมไปถึงยังเป็นบ้านที่สามารถอยู่อย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติได้ด้วย
โดย Park Heritage พัฒนาการ นี้ จะสร้างบนที่ดินขนาดเกือบ 13 ไร่ มีทั้งหมด 32 หลัง ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เยอะมาก และมีการออกแบบแบ่งเป็น Cluster Zone เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัย
สร้างความเป็นส่วนตัวด้วย Cluster Zone
สำหรับโครงการระดับ Super Luxury ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบโครงการค่ะ ใน Park Heritage พัฒนาการ นี้จะมีการวางตำแหน่งบ้านให้แยกจากกันเรียกว่า Cluster zone ลองดูจาก master plan รูปข้างล่างนะ
เมื่อเข้าโครงการมาเราจะเจอกับพื้นที่ Clubhouse ก่อนที่ด้านหน้าโครงการ และจะมีทางเดินรถเป็นอุโมงค์ต้นไม้เป็นถนนหลัก (ซึ่งมีสวนหย่อมเป็นจุดปลายตาของถนน) จากถนนเส้นนี้เองจะแจกไปยังบ้านแต่ละโซนซ้าย-ขวา ทำให้ในแต่ละโซนได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แม้กระทั่ง Zone B ที่ดูจะมีจำนวนบ้านเยอะสุด 11 หลัง แต่ถนนหน้าบ้านแต่ละหลังก็ใช้ร่วมกันไม่เกิน 4 หลังเท่านั้นค่ะ การออกแบบเช่นนี้ก็จะทำให้แต่ละโซนได้ความเป็นส่วนตัว (Privacy) มากขึ้นนะ
หน้าที่ของต้นไม้ภายในโครงการ
Park Heritage พัฒนาการ ได้รับการออกแบบโดย “สถาบันอาศรมศิลป์” บริษัทออกแบบชื่อดังของไทย ซึ่งรับหน้าที่ออกแบบทั้งตัวบ้าน และผังบริเวณต่างๆ เช่น Cluster Zone ที่เราเล่าไปก่อนหน้า โดยอาศรมศิลป์ได้ออกแบบไปถึง Landscape ภายในโครงการด้วยค่ะ ซึ่งต้นไม้ที่อยู่ภายในโครงการนี้ ล้วนมีหน้าที่ต่างๆ ดังนี้
- ให้ร่มเงา เช่น ต้นจามจุรี , อุโมงค์ต้นไม้ที่ถนนหลัก
- Art Sculpture เช่น ต้นจิกน้ำ, ต้นหมากเม่า เป็นต้นไม้ที่มี form หรือรูปร่างที่สวยงาม เป็นจุดปลายตา
- ชื่อมงคล มีคุณค่าทางด้านจิตใจ เช่น ต้นฉนวนทอง
ต้นไม้ใหญ่เป็นวงเวียนที่ทางเข้าโครงการ
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ
ทางเข้าโครงการของ Park Heritage พัฒนาการ มีดีไซน์ที่เรียบง่าย มีแนวกำแพงซึ่งเป็นผนังทึบโทนสีขาว ผสมกับ Landscape ที่เป็นต้นไม้สีเขียว และตรงจุดที่เป็นทางเข้า-ออกโครงการนั้นก็จะเน้นเส้นโค้งเว้าเข้าไป จุดที่เราชอบคือดีไซน์เรียบง่ายก็จริง แต่มีการเก็บรายละเอียดของความโค้งของผนัง การย่อมุมต่างๆ ที่เรียบร้อย เมื่อรวมกับต้นไม้ที่จัดวาง ทำให้เกิดร่มเงาบนผนังสีขาวดูกลมกลืนกันดีเลยค่ะ
ทางเข้าออกถูกขับเน้นด้วย Form ของเส้นโค้งจากแนวหลังคา และผนังด้านข้างที่เป็นสีขาว
Clubhouse ที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณทางเข้า
แบรนด์ Park Heritage จะไม่ใช่แบรนด์ที่มีขนาดเล็กมาก แต่เป็นแบรนด์ที่มีจำนวนยูนิตพอกับการเป็นโครงการจัดสรร สามารถสร้างพื้นที่ส่วนกลางที่มาใช้งานร่วมกันได้
ในโครงการระดับ Super Luxury ที่เราเห็นหลายๆ โครงการ จะให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ทำให้จำนวนยูนิตภายในโครงการมีไม่เยอะ ไม่จำเป็นที่จะต้องก่อสร้าง Clubhouse ขนาดใหญ่ก็ได้ (เพราะในบ้านออกแบบให้มีลิฟต์หรือสระว่ายน้ำในตัวแล้ว) แต่สำหรับ Park Heritage พัฒนาการ จะเป็นโครงการที่มีจำนวนยูนิตเยอะขึ้นมาหน่อย (32 หลัง) แต่สร้างความเป็นส่วนตัวด้วยการจัดให้บ้านแยกออกจากกัน (Cluster zone) และเป็นโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งานค่ะ
โดยพื้นที่ส่วนกลางหลักจะเป็นอาคาร Clubhouse สูง 3 ชั้น ตั้งอยู่ที่หน้าโครงการเพื่อให้สะดวกในการเข้าถึงทั้งลูกบ้านและแขกที่มาเยือน แต่อาศัยแนวต้นไม้ (Landscape) ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่ใช้งานของ Clubhouse ด้วย
หน้า Clubhouse จะมีพื้นที่จอดรถอยู่ ส่วนอาคาร Clubhouse จะอยู่ด้านหลังแนวกำแพงต้นไม้ ทำให้เราไม่เห็นคนที่ใช้งานด้านใน
ชั้น 1 ของอาคารจะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ ส่วนชั้น 2 (ห้องกระจกทางขวามือ) จะเป็นห้อง Fitness ค่ะ การออกแบบ Clubhouse ไม่ต่างจาก Art Gallery เท่าไหร่ มีความสวยงาม และคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวเข้าด้วยกัน เช่น ตัวสระว่ายน้ำจะยกระดับให้สูงขึ้นจากแนวทางเดิน หรือ ห้อง Fitness ที่เลือกใช้กระจกสีเข้ม พรางสายตาจากคนที่อยู่ด้านนอกได้
ที่ปลายทางเดินของชั้น 1 จะมีห้องอเนกประสงค์ตั้งอยู่ค่ะ
โดยแนวทางเดินก็จะออกแบบให้มีทั้งต้นไม้, water feature และ hardscape ที่เป็นหินล้างผสมๆ กัน ดูมีมิติที่เพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากการเลือกใช้ต้นไม้สีเขียวเพียงอย่างเดียวนะ
Multipurpose Room
ห้องอเนกประสงค์นี้เป็นห้องฝ้าเพดานสูงที่มีกระจกล้อมรอบถึง 3 ด้าน แต่เมื่อเข้าไปใช้งานจะไม่ได้รู้สึกร้อนมาก เนื่องจากด้านนอกจะมีแนวต้นไม้ให้ร่มเงาอยู่ ทำให้เราสามารถนั่งพักผ่อน จิบเครื่องดื่ม สบายๆ ได้ในขณะที่มองออกไปเห็นต้นไม้ที่อยู่ภายนอก
โดยห้องนี้เรามองว่าสามารถใช้รับรองแขกที่ไม่ได้สนิทสนมมาก ไม่อยากเชิญไปที่บ้าน หรือว่าเป็นห้องที่พ่อแม่มานั่งรอลูกๆ ว่ายน้ำได้ค่ะ
ภายในห้องจะมีฝ้าเพดานสูงโปร่ง
อาคาร Clubhouse ของที่นี่จะมีการเล่นระดับอยู่ค่อนข้างเยอะ เพื่อให้แต่ละฟังก์ชันอยู่คนละระดับ(สายตา) เพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลามาใช้งานได้
ในส่วนของวัสดุ เราจะเห็นว่าพื้น ผนัง ส่วนใหญ่จะเน้นโทนสีขาวเป็นหลัก แต่จะไม่ได้เป็นผนังทาสีขาวเรียบๆ จะเป็นการใช้วัสดุที่มีชื่อว่า หิน travertine มาใช้ (ทั้งโครงการและตัวบ้าน) ซึ่งตัวหินนี้จะไม่ได้เรียบทั้งแผ่น แต่จะมีรอยปรุอยู่บ้าง ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ก็ยังมีความ Classic ภายในตัว (ในระยะยาวก็ยังคงสวยงามเพราะความเป็นธรรมชาตินี้ด้วยค่ะ)
สระว่ายน้ำ
ตัวสระว่ายน้ำของที่นี่จะเป็นสระแบบ Semi-outdoor มีหลังคาปกคลุมบางส่วน สามารถใช้งานได้แทบจะทั้งวันเลยค่ะ โดยตัวสระที่ Clubhouse นี้จะมีขนาดใหญ่กว่าสระว่ายน้ำที่อยู่ภายในบ้าน ใครที่ต้องการมาว่ายน้ำออกกำลังกาย ก็สามารถมาใช้งานตรงนี้ได้นะคะ
แนวทางเดินข้างสระว่ายน้ำ
ตัวสระออกแบบมาร่มรื่นพอสมควร มีต้นไม้ใหญ่ขนาบข้างสระเป็นร่มเงาให้กับตัวสระได้ และสร้าง Space ที่ให้ความรู้สึกปิดล้อม เพิ่มความเป็นส่วนตัว โดยยังได้ใกล้ชิดธรรมชาติอยู่ค่ะ
ห้องน้ำ
เดินลงมาจากชั้นที่เป็นสระว่ายน้ำจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำค่ะ โดยจะแยกชาย-หญิงไว้ให้ และแบ่งพื้นที่ด้านในให้มีทั้งห้องสุขา และ ห้องอาบน้ำภายในตัว เผื่อใครที่อยากอาบน้ำ ล้างตัวหลังออกกำลังกายหรือว่ายน้ำก็มาใช้ได้เลยค่ะ
ห้องน้ำที่ Clubhouse
พื้นที่อเนกประสงค์
และเมื่อเดินขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ จะมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ค่ะ ตรงนี้จะเป็นพื้นที่แบบ Semi-outdoor หรือพื้นที่ภายนอกอาคารที่มีหลังคาปกคลุม สามารถมานั่งเล่นได้ เหมาะกับคนที่ไม่อยากอยู่แต่ในห้องแอร์ ก็มาเปลี่ยนบรรยากาศนั่งเล่นชมสระว่ายน้ำที่ตรงนี้ได้ค่ะ
พื้นที่อเนกประสงค์
Fitness
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับห้องออกกำลังกาย โดยอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้จะเป็นของ Techno Gym อุปกรณ์ออกกำลังกายชั้นนำระดับโลก มีทั้ง cardio และ strength หลากหลายประเภทให้ใช้งานค่ะ
ห้อง Fitness
Business Lounge
ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของ Clubhouse จะมีโซน Business Lounge อยู่ค่ะ โดยจะแบ่งเป็นห้องประชุม 2 ห้อง 2 ขนาด เลือกใช้เป็นห้องสำหรับประชุมงานของคุณพ่อคุณแม่ได้ หรือจะเป็นห้องสำหรับทำงานกลุ่มของลูกก็ได้เช่นกันค่ะ
Business Lounge
Golf Simulator Room
ข้ามมาอีกฝั่ง ห้องสุดท้ายจะเป็น Golf Simulator Room สนามกอล์ฟจำลองที่ทำให้เราได้ออกรอบแม่อยู่ภายในหมู่บ้าน แถมยังไม่ต้องกลัวสภาพอากาศร้อนอีกด้วยค่ะ
Golf Simulator Room
นอกจากอาคาร Clubhouse ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักแล้ว ยังมีอีกโซนพื้นที่สีเขียวที่ใช้ชื่อว่า The Heritage Garden อยู่ด้านในค่ะ (สุดทางอุโมงค์ต้นไม้ซึ่งเป็นถนนหลักของโครงการ)
นอกจากพื้นที่ส่วนกลางที่ได้แล้ว ทางโครงการจะมีบริการ Concierge Service ให้มาด้วยค่ะ บริการที่ได้ เช่น
- บริการช่วยเหลือเรื่องการย้ายบ้าน เคลื่อนย้ายสิ่งของ
- บริการช่วยจัดหาแม่บ้านเข้าทำความสะอาด
- บริการช่วยแนะนำ จัดหาร้านอาหารตามความต้องการของลูกบ้าน และบริการช่วยจองร้านอาหาร
- บริการช่วยจองตั๋วหนัง ตั๋วเครื่องบิน หรือการแสดงต่างๆ
- บริการช่วยจัดหา Organizer จัด Event หรือปาร์ตี้ต่างๆ
- บริการช่วยจัดหาดอกไม้เพื่อคนสำคัญของลูกบ้าน
- บริการช่วยเรียกแท็กซี่
- บริการช่วยรับพัสดุกรณีที่ลูกบ้านไม่อยู่บ้าน
- บริการรับเรื่องแจ้งซ่อม รับข้อเสนอแนะต่างๆ
* บริการต่างๆ อาจมีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก ระบบน้ำเกลือ
- ฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์จาก Techno Gym
- ห้องอเนกประสงค์
- ห้องประชุม
- Golf Simulator
- The Heritage Garden แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ Sunken, Lounge Terrace, Water Yard
- Concierge Service
ระบบรักษาความปลอดภัย
- Access Card เข้า-ออกโครงการ
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- CCTV 24 จุดทั่วโครงการ
แบบบ้าน
MODERN CLASSIC
แบบบ้านภายในโครงการ Park Heritage พัฒนาการ ถูกออกแบบมาในสไตล์ Modern Classic ด้วยความที่ต้องการให้เป็นบ้านที่สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ แบบบ้านจึงนำเอาความเรียบง่ายสไตล์ Modern มาเป็นจุดเด่นหลัก แต่ก็ไม่ต้องการให้ออกแบบมาหวือหวาหรือดูทันสมัยมากเกินไป อยากให้ดู Classic ไปตามกาลเวลา กล่าวคือ เมื่อผ่านไปอีก 10 ปี 20 ปี บ้านหลังนี้ก็ยังดูสวยงามเหมือนเดิมค่ะ
ภายในโครงการ Park Heritage พัฒนาการ จะมีแบบบ้านให้เลือกอยู่ 3 แบบ รายละเอียดดังนี้
สัดส่วนของแบบบ้านที่มีจำนวนเยอะภายในโครงการนี้คือ Type M และ L ตามลำดับ ส่วนแบบบ้านเริ่มต้น Type S นั้นจะมีอยู่เพียง 3 หลังเท่านั้นค่ะ
จุดเด่นของบ้านภายในโครงการนี้คือเป็นบ้านสร้างเต็มที่ดิน และ สูงถึง 3 ชั้น ซึ่งโดยทั่วไปถ้าเป็นบ้านหน้ากว้าง มักจะสร้างเพียง 2 ชั้น แต่ถ้าเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ก็มักจะที่ดินไม่ได้ใหญ่มาก แต่ภายใน Park Heritage พัฒนาการได้ทั้งบ้านหน้ากว้าง และบ้าน 3 ชั้น คือได้ทั้งที่ดินใหญ่และพื้นที่ใช้สอยที่เยอะด้วย
แม้ตัวบ้านจะมีลักษณะที่สร้างเต็มที่ดิน แต่ก็ได้ออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวเอาไว้ทั่วตัวบ้าน ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน หรือตามระเบียงต่างๆ เพื่อให้คนที่อยู่ภายในบ้านได้มองออกมาเห็นพื้นที่สีเขียวต่างๆ และก็ยังมีพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่แบบ Semi-outdoor ให้ได้นั่งเล่นใช้งานด้วย ถือว่ามีการคำนึงถึงการใช้สอยพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคารเอาไว้ให้ แม้จะเป็นแบบบ้านที่สร้างเต็มที่ดินนะคะ พูดง่ายๆ คือเราแทบจะไม่ต้องจัดสวนเพิ่มเติมเลย ทางโครงการเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสำหรับแต่ละส่วนเอาไว้ให้เป็นมาตรฐานแล้ว
และเมื่อเป็นบ้านที่สูง 3 ชั้นแล้ว เพื่อความสะดวกในการใช้งาน บ้านทุกแบบก็จะมีลิฟต์ภายในตัว รองรับการใช้งานของผู้สูงวัยหรือการขนของหนักขึ้น-ลงบ้านด้วย นอกจากนี้ในบ้าน Type M และ L จะมีสระว่ายน้ำภายในตัวมาให้ด้วยค่ะ
ในรีวิวนี้เราจะมีบ้านตัวอย่างมาให้ดู 2 แบบ คือ Type L และ Type M ซึ่งแต่ละแบบจะมีผังที่แตกต่าง และ การเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ ตัวบ้านมาตรฐานจะขายเป็นบ้านเปล่าหรือ Fully Fitted ให้เจ้าของบ้านเลือกตกแต่งภายในให้เหมาะกับความชอบหรือสไตล์ของตัวเองได้เต็มที่ บ้านแต่ละหลังจะเป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ
TYPE L
ขอเริ่มที่บ้านหลังใหญ่กันก่อนเลย Type L เป็นบ้านขนาด 778 ตร.ม. บนที่ดิน 100 ตร.วาขึ้นไป (104 – 133 ตร.วา) ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 Entertainment Room / 1 ห้องพระ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้านสำหรับ 2 คน / 5 ที่จอดรถ / รองรับ EV Charger พร้อมลิฟต์ และ สระว่ายน้ำส่วนตัว โดยบ้านแบบนี้ราคาเริ่มต้น 85 ล้านบาท
ตัวบ้านจะเป็นบ้านที่สร้างเต็มที่ดิน ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยแบบจัดเต็ม ชั้น 1 จะเป็น Common area แบ่งเป็นห้องรับแขก พื้นที่กินข้าว Pantry , ชั้น 2 จะเป็นห้องนอน และพื้นที่สำหรับครอบครัวที่ได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย , ส่วนชั้น 3 จะเป็นห้องนอน และ ห้องอเนกประสงค์ค่ะ
จุดเด่นของบ้านแบบนี้สำหรับเราคือเป็นบ้านที่มี Extra space เยอะมาก ทั้งแบบที่กั้นไว้เป็นห้อง และแบบที่ไม่ได้กั้นเอาไว้ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้จะเป็นพื้นที่ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของแต่ละสมาชิกภายในบ้าน เช่น เราอาจจะทำห้องทำงาน หรือ ห้องอ่านหนังสือไว้ที่ชั้น 2 และจัดชั้น 3 ไว้เป็นห้องออกกำลังกาย ส่วนห้องที่ไม่ได้กั้นเอาไว้ก็จัดเป็นมุมดูหนัง เล่น Game เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้มาทำกิจกรรมร่วมกันได้ค่ะ
รายละเอียดวัสดุภายในบ้าน Type L
- Window Frame : Frametek
- ประตูทางเข้า : Tostem พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock
- พื้นชั้น 1 : หินอ่อน White Venus (หรือเทียบเท่า)
- พื้นห้องนอน : Engineering wood หนา 14 มม. ลาย Oak Wood (หรือเทียบเท่า)
- พื้นห้องน้ำ : กระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อน
- พื้นที่จอดรถ : กระเบื้อง Porcelain ลายหิน
- ระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) : แลกเปลี่ยนอากาศและกรองอากาศที่จะเข้ามาภายในบ้าน
- ระบบ Home Automation : CCTV, Door – Window Sensor, Smoke Sensor
- ระบบ EV Charger : Junction เตรียมระบบไฟฟ้าเพื่อติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟ 3 เฟสซึ่งแยกจากระบบไฟฟ้าที่ใช้ในตัวบ้าน
- ชุดครัวฝรั่ง แบรนด์ Dada นำเข้าจากอิตาลี
- Top เคาน์เตอร์ : หินอ่อน
- Built-in : Oven, Microwave, Hob&Hood, Fridge จาก Kuppersbusch
- Fitting : Gessi
- Sink : Blanco
- ชุดครัวไทย : Stainless
- ลิฟต์ : Schneider
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ : American Standard
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
หน้าบ้าน
ตัวบ้านออกแบบมาในสไตล์ Modern Classic มีการนำเอาหิน Tarvertine มาใช้ Cladding หรือเป็นพื้นผิวของผนัง ทำให้เป็นสีขาวที่มีลายและร่องรอยของหินอยู่ และพอเป็นวัสดุแบบนี้ก็จะดีกว่าผนังที่ทาสีขาวเรียบๆ กล่าวคือเมื่อเวลาผ่านไปสีของพื้นผิวก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา แต่ก็จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหมือนกับหินตามธรรมชาติ ไม่เห็นเป็นคราบเลอะหรือรอยร้าวเมื่อเทียบกับผนังทาสีทั่วไปค่ะ
หน้าบ้าน Type L
ในแง่การออกแบบ ผนังทึบที่เราเห็นจะเป็นเหมือน Facade หรือหน้ากากของอาคาร โดยจะมีผนังตัวบ้านอยู่ด้านในอีกชั้น ทำให้ฟังก์ชันที่อยู่ด้านหลังผนังทึบตรงนั้นอาจจะเป็นหน้าต่างที่เราสามารถรับแสง ระบายอากาศ และรับลมได้ ในขณะที่ได้ความเป็นส่วนตัวจากการออกแบบต้นไม้ที่อยู่ด้านหน้าบ้าน และ Facade นี้… เมื่อเราเดินอยู่หน้าบ้าน เราจะไม่เห็นกิจกรรมที่อยู่ด้านในของตัวบ้านเลยค่ะ
ชั้น 1 : มีฟังก์ชันอะไรบ้าง…
ที่ชั้น 1 นี้เปรียบเสมือน Common area ที่ทั้งคนในบ้าน และแขกที่มาเยือนสามารถใช้ร่วมกันได้ โดยตัวบ้านจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งกลางบ้านหรือโถงทางเข้าหลักจะออกแบบให้โปร่งโล่ง (มีฝ้าเพดานสูงเชื่อมชั้น 2) และยังเชื่อมพื้นที่ภายในบ้านเข้ากับพื้นที่ภายนอกบ้านที่เป็น Court อยู่ทางด้านหลังด้วย
ตัวสระว่ายน้ำจะวางอยู่ทางฝั่งหลังบ้าน ขนานไปกับความยาวของตัวบ้านเลยค่ะ ทำให้ทุกฟังก์ชันหลักที่อยู่ชั้น 1 นี้สามารถมองเห็นวิวที่เป็นสระว่ายน้ำและสวนทางฝั่งหลังบ้านได้
การออกแบบที่จอดรถก็น่าสนใจเช่นกัน โดยบ้านแบบนี้สามารถจอดรถได้ทั้งหมด 5 คัน แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งเช่นกัน ฝั่งที่จอดได้ 3 คันเหมาะกับเจ้าของบ้านที่ขับรถเข้าออกบ่อยๆ เพราะสามารถให้แม่บ้านมาช่วยถือของไปเก็บยังครัว หรือจะเดินขึ้นบันไดซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกันได้ ส่วนอีกฝั่งที่จอดได้ 2 คัน ก็อาจจะใช้เป็นที่จอดรถของแขก เพราะเดินเข้าบ้านไปยังห้องรับแขกได้สะดวกค่ะ
สำหรับแบบบ้านนี้จะวางส่วน Service ไว้ฝั่งเดียวกัน ประกอบไปด้วยครัว ห้องแม่บ้าน บันได ห้องน้ำ เพื่อให้แม่บ้านใช้งานได้สะดวก และไม่รบกวนห้องรับแขกที่อยู่อีกฟากของตัวบ้านด้วย
ที่จอดรถ
บ้าน Type L จะแบ่งที่จอดรถออกเป็น 2 ฝั่งค่ะ ขนาด 8 x 5 เมตร และ 5.5 x 5 เมตร ทั้ง 2 ฝั่งจะมีการเตรียมระบบสำหรับติดตั้ง EV Charger เอาไว้ให้ โดยจะเป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่แยกจากระบบไฟของตัวบ้านเลยค่ะ บ้านไหนใช้รถ EV ก็สามารถเลือกติดฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็ได้นะคะ
ที่จอดรถบ้าน Type L
ทางเข้าบ้าน
จากที่จอดรถทั้ง 2 ฝั่งสามารถเดินมายังประตูทางเข้าบ้านที่อยู่ตรงกลางได้สะดวก โดยประตูนี้จะเป็นชุดประตูของ Tostem ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้พร้อม
ทางเข้าบ้าน Type L
ด้านหน้าประตูทางเข้าจะมีการจัดสวนและลงต้นไม้ใหญ่เอาไว้ให้ นอกจากจะเพิ่มความเขียว ความร่มรื่นให้กับบ้านแล้ว ยังช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วยค่ะ
โถงทางเข้า
เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้านจะเจอกับ Foyer หรือโถงต้อนรับกันก่อน เป็นส่วนที่ได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume เชื่อมต่อกับทางเดินที่ชั้น 2 ของตัวบ้านได้
Foyer
Pool Deck
จากโถงทางเข้าหรือว่า Foyer มองเข้าไปด้านในจะเป็นพื้นที่นอกอาคาร เป็นเฉลียงบ้านริมสระว่ายน้ำที่เราเรียกว่า Pool Deck ค่ะ
Pool Deck จะมีขนาดประมาณ 3.3×3.7 เมตร เป็นพื้นที่ที่เราสามารถเรียกได้ว่าเป็น Court แบบ Semi-outdoor กลางบ้าน พื้นที่ขนาดนี้สามารถจัดเฟอร์นิเจอร์พักผ่อนริมสระว่ายน้ำได้ และเป็นส่วนที่มีหลังคาคลุม ไม่ร้อนมากด้วยค่ะ
Pool Deck
สระว่ายน้ำ
ระบบที่ใช้ของสระว่ายน้ำ จะเป็นระบบเกลือ ซึ่งจะแตกต่างจากระบบคลอรีนหรือว่าระบบเกลือนะคะ โดยจะเป็นน้ำที่ใกล้เคียงกับน้ำจืดเลย อาศัยนวัตกรรมที่เกี่ยวกับประจุไอออนมาช่วยทำให้น้ำสะอาด ควบคุมแบคทีเรียได้ ดีต่อผิวและสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ โดยสระว่ายน้ำของบ้าน Type L นี้จะกว้าง 2.5 เมตร และยาว 12 เมตร อยู่ทางฝั่งหลังบ้าน ได้ความเป็นส่วนตัวดีค่ะ
สระว่ายน้ำ
Living Area
สำหรับ living area นี้สามารถใช้เป็นห้องนั่งเล่น หรือว่าห้องรับแขกได้ค่ะ ตำแหน่งจะแยกตัวจากส่วนอื่นเลย สามารถคุยธุระแบบเป็นทางการได้นะ โดยห้องนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่ประมาณ 5.9 x 5.9 เมตร มีผนังกระจกอยู่ 2 ฝั่ง เปิดไปทาง Pool deck และสระว่ายน้ำ บรรยากาศเปิดโล่งสบายๆ
Living area ชั้น 1
Dining & Kitchen
เดินมายังอีกฝั่งของตัวบ้าน ทางฝั่งนี้จะเป็นพื้นที่กินข้าวและครัวฝรั่ง (Western Kitchen) ค่ะ พื้นที่ฝั่งนี้ขนาดเท่ากับ Living area ก่อนหน้าเลย
มุมกินข้าวก็สามารถเชื่อมต่อกับ Pool Deck ที่เป็น court ใจกลางบ้าน และ สระว่ายน้ำได้ค่ะ ในบ้านตัวอย่างจัดชุดรับประทานอาหารแบบ 10 ที่นั่งเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ดูระยะต่างๆ ก็ถือว่าใช้งานได้สบายนะคะ สามารถจัด Party ชวนเพื่อนกลุ่มใหญ่มาได้เลย
ในส่วนของ Western Kitchen ทางโครงการก็จะมี Built-inมาให้ทั้งสองฝั่ง เป็นชุดครัวจากแบรนด์ Dada ซึ่งนำเข้ามาจาก Italy เคาน์เตอร์ตรงกลางที่มีลักษณะเป็น island นี้ก็ได้ Top ของเคาน์เตอร์ก็เลือกใช้หินอ่อน พร้อมกับอุปกรณ์ครัวอย่างเตาไฟฟ้า+เครื่องดูดควัน เตาอบ ไมโครเวฟ ตู้เย็น ก็เลือกใช้ของ Kuppersbusch เป็นครัวฝรั่งที่ดูดีน่าใช้งานเลยค่ะ (ในบ้านแต่ละแบบดีไซน์ครัวฝรั่งนี้ก็จะแตกต่างกันนะ)
Western Kitchen ในบ้าน Type L
Service zone
ก่อนที่จะไปดูชั้น 2 เราจะพาเดินไปยังพื้นที่หลังครัวฝรั่งกันค่ะ ส่วนนี้เราของเรียกว่าเป็น service zone หรือพื้นที่ทำงานของแม่บ้านนะ เดินจากครัวสุดทางเราสามารถ Built-in เป็นชั้นวางของหรือที่เก็บรองเท้าได้ (มีประตูเชื่อมกับที่จอดรถพอดี)
หักเลี้ยวมาจะเจอกับตำแหน่งของโถงลิฟต์ ซึ่งข้างๆ กันจะเป็นห้องน้ำค่ะ โดยห้องน้ำที่ชั้น 1 นี้จะมีอยู่ห้องเดียว มีลักษณะเป็น Power Room (ไม่มีส่วนอาบน้ำ) รองรับการใช้งานที่ชั้น 1 โดยเฉพาะ
ลิฟต์ที่ให้มาจะเป็นลิฟต์ของ schneider ซึ่งเป็นรุ่นที่นำไปใช้กับคอนโด Low Rise ได้เลย (ส่วนใหญ่มักจะเห็นเป็นลิฟต์บ้านขนาดเล็กค่ะ)
ผ่านห้องน้ำมาทางขวามือจะเจอกับห้องครัวอีกห้องค่ะ ตรงนี้จะเป็นเหมือนครัวไทยที่ใช้ทำอาหารได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวกลิ่น/ควันไปรบกวนคนที่อยู่ภายในบ้าน หรือ กลิ่นจะติดกับเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะ
สำหรับเราครัวไทยที่ให้มาก็ค่อนข้างพิเศษเลยค่ะ เพราะเป็นครัว Stainless เราไม่เคยเห็นบ้านเดี่ยวไหนให้แบบนี้เลยนะ ซึ่ง Stainless มักจะเป็นชุดครัวที่ใช้ในร้านอาหารมืออาชีพ มีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่าย แต่ก็จะมีราคาสูงด้วย นอกจากนี้ประตูที่เชื่อมกับห้องครัวไปยังนอกบ้านก็เป็นของ Tostem รุ่นที่ปรับให้เป็นมุ้งลวดระบายอากาศได้ด้วยค่ะ เป็นครัวที่ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้งานจริงเลย (functional)
บันได
ตำแหน่งบันไดจะถูกจัดให้อยู่มุมของบ้านค่ะ เปิดวิวไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านหลังได้ โดยดีไซน์บันไดของบ้าน Type L นี้ก็จะแตกต่างจากบ้าน Type อื่นนะคะ Mood&Tone จะเป็นหินอ่อนสีขาวกับราวกันตกเหล็ก + มือจับไม้ ดู Classic
บันไดบ้าน Type L
ชั้น 2 : มีฟังก์ชันอะไรบ้าง…
ชั้น 2 ถือว่าเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัว โดยจะมีห้องนอนอยู่ 2 ห้อง และ Extra Space ค่อนข้างเยอะเลย ส่วนที่น่าสนใจเช่น Extra Space ที่กั้นเป็นห้องปิดทางฝั่งหน้าบ้าน ตรงนี้จะเรียกว่า Entertainment room จัดเป็นห้องดูหนังแบบเก็บเสียงได้ หรือใครจะทำเป็นห้องทำงานที่ต้องการสมาธิก็ได้ค่ะ
ที่ชั้นนี้จะมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นหรือ Living area อยู่ ซึ่งเป็นส่วนที่เหมาะสำหรับครอบครัวมานั่งเล่น ดูทีวีร่วมกัน ดังนั้นนักออกแบบเลยจัดให้มี Pantry เล็กๆ อยู่ที่ชั้นนี้เอาไว้ด้วย เพื่อจะได้เป็นมุม snack area วางตู้เย็น, coffee station ทำขนมหรือเครื่องดื่มง่ายๆ กินกันที่ชั้นนี้ด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีมุมเล็กๆ อยู่อีกมุมเรียกว่า Library ซึ่ง Living area และ Library นี้จะล้อมรอบ Court กลางบ้านเอาไว้ สามารถมองลงไปยัง Pool Deck และสระว่ายน้ำได้ เป็นมุมที่กว้าง และสร้างความเชื่อมต่อให้กับพื้นที่ส่วนต่างๆ ของบ้านได้ค่ะ
Living area
ห้องนั่งเล่น (Living area) ตรงนี้เรามองว่าเป็นใจกลางบ้านที่แท้จริงเลย เพราะอยู่ที่ชั้น 2 และอยู่ตรงกลาง เป็นส่วนที่ทั้งครอบครัวมาใช้งานได้ง่าย (เพราะเป็นทางผ่านก่อนเข้าห้องนอนของตัวเอง) เป็นพื้นที่พักผ่อนที่เหมาะให้สมาชิกมานั่งเล่น พูดคุยกันในบรรยากาศสบายๆ และได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ
Living Area ชั้น 2
Lift & Pantry
ติดกับ Living area จะเป็นโถงลิฟต์และส่วน Pantry ค่ะ
Pantry มีขนาดประมาณ 2.8×3.1 เมตร ถือว่ามีขนาดใหญ่เลย เป็นมุมสำหรับเก็บของ วางตู้เย็น ขนม เครื่องดื่ม snack bar ต่างๆ ได้อีกจุด เวลานั่งดูทีวีเพลินๆ แล้วอยากทำ Popcorn กินเล่นก็ไม่ต้องเดินลงไปชั้นล่าง หรือตอนดึกๆ อยากหาของว่างกินก็เดินจากห้องนอนมาเปิดตู้เย็นได้สะดวกเลยค่ะ
ติดกับ Pantry จะมีห้องน้ำอยู่อีกห้อง เป็น Powder room (ไม่มีส่วนอาบน้ำ) เอาไว้รองรับแขกที่ขึ้นมาใช้งานห้องนั่งเล่นที่ชั้นนี้ โดยตัวห้องน้ำก็ออกแบบให้มีกระจกบานใหญ่ ดูโปร่ง สว่างน่าใช้งานค่ะ
Entertainment Room
ก่อนที่จะไปดูห้องนอน เรามาดูห้องที่เรียกว่า Entertainment room กันดีกว่า ห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีขนาดประมาณ 4.25 x 5.25 เมตร เป็นห้องปิดที่ไม่มีห้องน้ำในตัว ทำให้จัดเป็นห้องดูหนัง เล่น Game แบบที่เราสามารถควบคุมแสง – เสียง ภายในห้องได้เต็มที่ หรือถ้าใครอยากได้ห้องทำงานส่วนตัวแบบที่ไม่มีใครรบกวนก็สามารถใช้ห้องนี้เป็นห้องทำงานได้เช่นกัน
Entertainment Room
Bedroom 1
มาดูภายในห้องนอนกันบ้างค่ะ ห้องนอนทุกห้องภายในบ้านจะเป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่ทำเป็น Walk-in Closet และมีห้องน้ำภายในตัว อย่างห้องนอนแรกนี้สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้สบาย และเพิ่มชุดโซฟาพักผ่อนบริเวณปลายเตียงได้ด้วย
ตำแหน่งห้องจะอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน ได้ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ แต่ไม่ร้อน เพราะจะมี Facade ช่วยกรองแดดอีกชั้นค่ะ
นอกจากพื้นที่ Walk-in Closet ที่เตรียมไว้ให้แล้ว ภายในห้องน้ำก็ออกแบบมาพิเศษ มีระเบียงภายในช่วยเพิ่มความสว่างและระบายอากาศ นอกจากนี้ก็มีมุมสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้ง แต่งตัวเสร็จสรรพภายในห้องน้ำเลยค่ะ
ส่วนห้องนอนที่ 2 ของชั้นนี้จะอยู่อีกฝั่งของบ้านค่ะ โดยจะมีทางเดินที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างสองฟากของบ้านเข้าด้วยกัน โดยทางเดินนี้สามารถมองลงไปยัง Foyer ทางฝั่งหน้าบ้านได้ และ มองไปยัง pool deck ด้านหลังบ้านได้ด้วยค่ะ
pool deck ฝั่งหลังบ้าน
Library
หน้าห้องนอน 2 จะมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ค่ะ ตรงนี้ขอเรียกว่า Library นะ เราสามารถจัดชั้นหนังสือ และ มุมนั่งอ่านหนังสือได้ โดยพื้นที่ตรงนี้มองลงไปก็จะได้วิวสระว่ายน้ำด้วย เป็นอีกมุมเล็กๆ ที่จัดเป็นพื้นที่สำหรับทำงานอดิเรก ออกกำลังกาย หรือจัดเป็นห้องพระก็ได้ค่ะ
Library
Bedroom 2
ห้องนอนต่อมาเป็นห้องที่ใหญ่พอสมควร (ใหญ่รองจาก Master Bedroom เลย) ซึ่งห้องนี้จะได้ระเบียงส่วนตัวภายในค่ะ
ห้องนี้เป็นห้องขนาดใหญ่ สามารถจัดวางฟังก์ชันอย่างโซฟาพักผ่อน มุมทำงานเพิ่มเติมนอกเหนือจากเตียงนอนได้เลย
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับทางเดินที่เราสามารถ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางของได้
ห้องน้ำภายในห้องนอน 2 นี้มีขนาดใหญ่ และสว่างมาก เนื่องจากผนังฝั่งหนึ่งจะเป็นกระจก
ชั้น 3 : มีฟังก์ชันอะไรบ้าง…
ขึ้นมาที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของบ้าน จะมีห้องนอนรองอีก 1 ห้อง, ห้องอเนกประสงค์ และห้องนอนใหญ่ Master Bedroom ที่เรียกว่าเป็นห้องชุดขนาดใหญ่กินพื้นที่เกินครึ่งของชั้นนี้เอาไว้
ความพิเศษเรามองว่าอยู่ที่ห้องนอนใหญ่ที่ประกอบไปด้วย ห้องนั่งเล่น + ห้องนอน + ห้องแต่งตัว + ห้องน้ำ เอาไว้ด้วยกัน เป็นเหมือนอาณาจักร ส่วนตัวเลยก็ว่าได้ค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 3 เราจะเจอกับแนวทางเดิน ที่ทางขวามือเป็นระเบียงขนาดใหญ่ ส่วนทางซ้ายมือเราสามารถทำ Built-in เป็นชั้นวางของ หรือเป็นผนังที่เอาไว้จัดวางงานศิลปะได้
Balcony
ฟังก์ชันที่ชั้น 3 นี้จะไม่ได้มีส่วนที่เชื่อมต่อกับ court กลางบ้านเหมือนที่ชั้น 1, 2 แล้วค่ะ แต่จะได้พื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่แทน (ขนาดประมาณ 2.9×2.9 เมตร) จัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบ outdoor เป็นมุมนั่งเล่นขนาดใหญ่ และปลูกไม้กระถางเพิ่มความร่มรื่นให้กับตรงนี้ได้ และได้ความเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ
Balcony
Bedroom 3
ห้องนอนที่ 3 เป็นห้องนอนรองห้องสุดท้ายของบ้านหลังนี้แล้วค่ะ โดยห้องนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่เช่นเคย layout จะคล้ายกันกับห้องนอน 1 นะ สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ มีมุมจัดโซฟาพักผ่อนภายในตัว เพียงแต่ห้องนี้อยู่ชั้น 3 จะเป็นห้องที่ไม่มีระเบียง แต่สามารถชมวิวทางหน้าบ้างได้แทนค่ะ
ปลายเตียงจัดโซฟาพักผ่อนส่วนตัวได้
Layout ห้องนอนนี้สามารถจัดพื้นที่ Walk-in Closet ส่วนตัวได้ค่ะ
Multi-Purpose Room
ติดกับห้องนอนรองจะมีห้องอเนกประสงค์อยู่ค่ะ ห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่า Entertainment room ที่ชั้น 2 นะ แต่เป็นห้องที่เราจัดเป็นห้องพระได้
ส่วนห้องนอนใหญ่จะอยู่ติดกับ Balcony ค่ะ
Master Bedroom
ห้องนอนใหญ่ของบ้าน Type L นี้เรียกได้ว่าเป็นห้องชุดดีๆ ได้เลยค่ะ ภายในจะประกอบไปด้วยหลายโซนหลายห้องแยกฟังก์ชันกันไป มีทั้งห้องนั่งเล่น/ทำงาน ห้องพักผ่อน/ห้องนอน ห้องแต่งตัว และห้องน้ำ นอกจากนี้จะมีห้องเซฟอยู่ด้วยค่ะ (แต่เราขอไม่ระบุว่าอยู่ตรงไหนในภาพนะ เนื่องจากความปลอดภัยด้วยค่ะ)
ส่วนแรกของ Master Bedroom จะเป็น Living Room ค่ะ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มีขนาดใหญ่ประมาณ 5×6 เมตรเลย เป็นขนาดที่จัดโซฟาพักผ่อนชุดใหญ่ได้ มีมุมทำงานภายในตัว เป็นห้องที่ลูกๆ สามารถมานั่งเล่นกับพ่อแม่ได้
Living room ใน Master Bedroom
ส่วนต่อมาคือ Bedroom ค่ะ เป็นห้องที่หันออกทางฝั่งหน้าบ้าน ได้วิวเต็มๆ มีขนาดใหญ่มากเช่นกัน จัดวางมุมอ่านหนังสือภายในห้องนอนได้ หรือจะ Built-in พื้นที่เก็บของรอบๆ ก็ทำได้เต็มที่เลยค่ะ
Bedroom ใน Master Bedroom
ส่วนห้องแต่งตัวหรือว่า Walk-in Closet ถือว่ามีขนาดใหญ่เช่นกัน พื้นที่ราวๆ 5×5 เมตรได้ จัดตู้วางเครื่องประดับตรงใจกลางห้อง มุมแต่งหน้าแต่งตัว และ Built-in ตู้เสื้อผ้ารอบๆ เหมือนกับบ้านตัวอย่างได้เลย
Walk-in Closet ใน Master Bedroom
ส่วนห้องน้ำ Master Bedroom แน่นอนว่าต้องยกระดับมากกว่าห้องน้ำอื่นๆ โดยจะมีทั้งอ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้า 2 ฝั่งเป็นแบบ His & Her แยกฝั่งใช้งานกันได้สบาย
อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เป็นแบบลอยตัวอยู่ใจกลางห้อง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นทั้งหมดของบ้านแบบใหญ่สุดของโครงการ นับว่าพื้นที่แต่ละฟังก์ชันให้มากว้างขวาง จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย แม้เป็นบ้านเดี่ยวที่สร้างเต็มพื้นที่แต่ก็รู้สึกได้ว่าแต่ละพื้นที่คำนึงถึงมุมมอง ความเป็นส่วนตัว และวิวต่างๆ เอาไว้ได้อย่างดี ในแต่ละห้องนอนก็สามารถอยู่ได้ตั้งแต่เด็กยันโต หรือถ้าต้องแต่งงานก็เพิ่มจำนวนสมาชิกอยู่ร่วมกันได้สบายๆ ด้วยค่ะ
TYPE M
บ้านตัวอย่างแบบต่อมา เป็นบ้าน Type M หรือขนาดกลางของโครงการ Park Heritage พัฒนาการนี้ เป็นแบบบ้านที่มีจำนวนเยอะที่สุดภายในโครงการเลยค่ะ
พื้นที่ใช้สอยบ้านหลังนี้จะอยู่ที่ 568 ตร.ม. บนที่ดิน 71 – 100 ตร.วา ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 ห้องพระ / 1 พื้นที่อเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / รองรับ EV Charger พร้อมลิฟต์ และ สระว่ายน้ำส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 59 ล้านบาท
บ้านแบบนี้จะมีเป็นบ้านที่ถือว่าฟังก์ชันครบครัน ถ้าเทียบกับบ้าน Type L แล้วจะตัดห้องอเนกประสงค์ต่างๆ ออกไป แต่ห้องสำคัญ อย่าง common area ที่ชั้น 1 , Family area ที่ชั้น 2 และห้องนอนยังอยู่ครบ รวมไปถึงยังได้ลิฟต์และสระว่ายน้ำภายในตัวอยู่ค่ะ
ชั้น 1 จะเป็น Common area ที่ประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่นฝ้าเพดานสูง พื้นที่กินข้าวที่เชื่อมต่อกับครัวฝรั่ง ทั้งโซนนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำที่วางขนานกับตัวบ้านไปทางฝั่งด้านหลัง ส่วนพื้นที่ Service อย่างครัว, ห้องน้ำ, บันได และห้องแม่บ้านจะถูกวางไว้ชิดฝั่งที่จอดรถของบ้าน ชั้น 2 เป็นส่วนพักผ่อนของครอบครัว จะมี Family area อยู่ตรงกลาง และได้ห้องนอนรอง 2 ห้องวางไว้ฝั่งหน้าบ้าน ชั้น 3 นั้นจะเป็นห้องนอน 2 ห้องค่ะ
รายละเอียดวัสดุภายในบ้าน Type M
- Window Frame : Frametek
- ประตูทางเข้า : Tostem พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock
- พื้นชั้น 1 : กระเบื้อง Porcelain
- พื้นห้องนอน : Engineering wood หนา 14 มม. ลาย Oak Wood (หรือเทียบเท่า)
- พื้นห้องน้ำ : กระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อน
- พื้นที่จอดรถ : กระเบื้อง Porcelain ลายหิน
- ระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) : แลกเปลี่ยนอากาศและกรองอากาศที่จะเข้ามาภายในบ้าน
- ระบบ Home Automation : CCTV, Door – Window Sensor, Smoke Sensor
- ระบบ EV Charger : Junction เตรียมระบบไฟฟ้าเพื่อติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟ 3 เฟสซึ่งแยกจากระบบไฟฟ้าที่ใช้ในตัวบ้าน
- ชุดครัวฝรั่ง แบรนด์ Dada นำเข้าจากอิตาลี
- Top เคาน์เตอร์ : หินอ่อน
- Built-in : Oven+Microwave, Hob&Hood, Fridge จาก Kuppersbusch
- Fitting : Gessi
- Sink : Blanco
- ชุดครัวไทย : Stainless
- ลิฟต์ : Schneider
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ : American Standard
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
หน้าบ้าน
สำหรับบ้านแบบนี้จะมีหน้าตาบ้านแตกต่างไปจาก Type L แต่ยังคงเป็นสไตล์ Modern Classic อยู่ และมีการนำเอาหิน Tarvertine มาใช้กรุผนังที่ Facade ของบ้านด้วย โดยตัว Facade ที่เป็นผนังกรุหินนั้นจะอยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน ส่วนชั้น 3 จะเปิดโล่ง ทำให้หน้าบ้านดูมี Layer ที่เหลื่อมกัน มีมิติน่ามองด้วย นอกจากนั้นการออกแบบที่ให้ชั้น 3 เปิดโล่งไม่มี facade ก็คิดมาจากความเป็นส่วนตัวที่ว่า คนที่เดินอยู่บนถนนหน้าบ้าน มองเข้าไปไม่เห็นพื้นที่ภายในชั้น 3 อยู่แล้ว จึงออกแบบเป็นหน้าต่างกระจกได้เต็มที่ค่ะ
หน้าบ้าน Type M
ชั้น 1 : มีฟังก์ชันอะไรบ้าง…
ชั้นล่างของบ้านมักจะเป็น common area และ service area โดยบ้านแบบนี้จะมีหน้าบ้านที่แคบกว่า Type L ที่จอดรถจึงมารวมกับอยู่ฝั่งเดียวเลย รวม 4 คัน จากข้างบ้านฝั่งที่จอดรถนี้ เดินเข้าไปก็จะเป็นส่วนแม่บ้าน และทางเข้าไปยังครัวไทยที่อยู่ด้านหลัง เวลาซื้อของสดกลับบ้านก็ใช้เส้นทางนี้ได้เลยค่ะ
ส่วน Common area นี้จะประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่น กินข้าว และ ครัวฝรั่ง จัดเป็น open plan ยาวต่อเนื่องกัน ซึ่งจะวางขนานไปกับสระว่ายน้ำที่วางตัวยาวอยู่ทางด้านหลังบ้านด้วย นอกจากนี้ยังมีการดีไซน์ส่วนนั่งเล่นให้มีฝ้าเพดานสูงโปร่งแบบ Double volume ทำให้ดูหรูหราและโปร่งสบายไปในตัว
ที่จอดรถ
ที่จอดรถของบ้าน Type M จะจอดรถได้ 4 คัน ขนาดที่จอดรถอยู่ที่ประมาณ 10.75×5.25 เมตร มี Junction รองรับการติดตั้ง EV Chareger มาให้ ซึ่งจะเดินระบบไฟ 3 เฟส แยกจากระบบไฟของตัวบ้านอีกทีค่ะ
ที่จอดรถบ้าน Type M
ทางเข้าบ้าน
ส่วนทางเข้าบ้านหลักจะอยู่ทางด้านข้าง มีสวนเล็กๆ อยู่ทางด้านหน้า และมีหลังคาปกคลุมเรียบร้อย ตัวประตูทางเข้าจะเป็นของ Tostem และติดตั้ง Digital Door Lock เอาไว้ให้ด้วยค่ะ
ทางเข้าบ้าน Type M
จะเห็นว่า ตั้งแต่ที่จอดรถและประตูทางเข้าถูกออกแบบให้มีความทึบทั้งหมด เพื่อเพิ่มความ privacy ให้กับคนที่ใช้งานภายในบ้านด้วยนะคะ คนที่ผ่านไปมาด้านนอกจะไม่เห็นกิจกรรมที่อยู่ภายในบ้านเลย
Foyer
ผ่านประตูเข้ามาภายในบ้าน เราจะเจอกับโถงต้อนรับหรือว่า Foyer อยู่ เป็นโถงที่มีพื้นที่ประมาณ 2.85×3.75 เมตร มีมุมสำหรับทำเป็นที่เก็บของ (Built-in เป็นชั้นวางรองเท้าก็ดีนะคะ) และยังมีมุมสำหรับวางเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟาพักคอย หรือวางของตกแต่ง sculpture หรืองานศิลปะตรงนี้ได้ค่ะ
Common area
เข้ามาภายในบ้านจะเป็น Common area ประกอบไปด้วย พื้นที่นั่งเล่น กินข้าว และครัวฝรั่ง เป็นพื้นที่โล่งต่อเนื่องกันแบบ open plan โดยขนาดส่วนนี้จะกว้างประมาณ 4.25 เมตร และยาวเกือบ 10 เมตรเลยค่ะ
พื้นที่ส่วนนี้จะเปิดวิวไปยังด้านหลังบ้านที่เป็นสระว่ายน้ำ และมีจุดเด่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่นจะออกแบบให้มีฝ้าเพดานสูง บรรยากาศส่วนนี้จึงดูโปร่ง โล่ง ด้วยค่ะ
Living area บรรยากาศโปร่ง โล่ง พื้นที่ประมาณ 4.25 x .4.75 เมตร
Dining & Western Kitchen
พื้นที่กินข้าวนั้นจะอยู่ในระดับฝ้าเพดานปกติ สามารถจัดโต๊ะกินข้าว 6-8 ที่นั่งสบายๆ สามารถชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้านได้
ติดกันจะเป็นครัวฝรั่งซึ่งจุดนี้ทางโครงการจะทำมาให้ เป็นแบรนด์ Dada นำเข้าจากประเทศอิตาลี ได้ทั้งเคาน์เตอร์ทางด้านหลังและ island ตรงกลาง ส่วนที่เป็น island นี้จะได้ Top เป็นหินอ่อน อุปกรณ์ครัวที่ได้ก็จะได้อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน เตาอบ+ไมโครเวฟ และตู้เย็นที่ Built-in มาเป็นส่วนหนึ่งของครัว จาก Kupperbusch
Dining และ Western kitchen
สระว่ายน้ำ
ด้านหลังของบ้านจะสระว่ายน้ำค่ะ ตัวสระจะมีขนาด 2.85×7.7 เมตร ครอบครัวไหนมีลูกเล็กก็มาว่ายน้ำเล่นทำกิจกรรมด้วยกันได้ตรงนี้ โดยตัวสระจะเลือกใช้ระบบเกลือ
จากครัวฝรั่งก็เดินออกไปยัง Pool deck และสระว่ายน้ำได้
Services area
ด้านหลังของครัวฝรั่งจะมีแนวทางเดินไปยังครัวไทยและห้องน้ำของชั้นนี้ โดยห้องน้ำจะเป็นแบบ Powder room ไม่มีส่วนอาบน้ำค่ะ
ส่วนครัวไทยจะมีขนาดประมาณ 1.9×3.2 เมตร เชื่อมต่อไปยังสระว่ายน้ำได้ ชุดครัวจะได้เป็น Stainless
ลิฟต์ และ บันได
ด้านหลังครัวฝรั่งจะเป็นแนวทางเดิน ด้านหนึ่งจะเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งจะเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 โดยจะมีลิฟต์อยู่ตรงกลาง ตัวลิฟต์จะเป็นของ Schneider รุ่นเทียบเท่ากับที่ใช้ในคอนโด Low rise
ส่วนบันไดของบ้านแบบนี้จะดีไซน์ให้เป็นบันไดไม้ ทั้งลูกตั้ง ลูกนอน และราวจับ บรรยากาศที่ได้ก็จะดูอบอุ่นขึ้น ในขณะที่ Type L จะเป็นหินอ่อนและเหล็กนั้นจะให้อารมณ์หรูหรามากกว่าค่ะ
ตรงข้ามกับลิฟต์มีแนวผนังทึบที่เรา Built-in ตู้เก็บของเพิ่มได้
ชั้น 2 : มีฟังก์ชันอะไรบ้าง…
ขึ้นมาที่ชั้น 2 เป็นชั้นที่ส่วนตัวมากขึ้น เราจะเจอกับ Living Area ขนาดใหญ่ เป็นพื้นที่สำหรับรวมตัวของเหล่าสมาชิกในครอบครัว สามารถมองเชื่อมต่อลงไปยังห้องนั่งเล่นที่อยู่ชั้นล่างได้ นอกจากนี้ก็จะมีห้องนอนรองอยู่ 2 ห้องวางเรียงกันอยู่ทางฝั่งหน้าบ้าน
Living area
พื้นที่นั่งเล่นตรงนี้ขนาดราวๆ 5×6.5 เมตรเลยค่ะ จัดเป็นโซฟาพักผ่อนขนาดใหญ่ มุมนั่งดูทีวี เป็นพื้นที่สำหรับคนในครอบครัวมานั่งเล่นพูดคุยกัน ดูหนังหรือเล่น Game ร่วมกัน
Living area ที่ชั้น 2
Multi-purpose area
ขยับไปที่มุมด้านหลังของบ้าน จะมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ ตรงนี้มีขนาดประมาณ 2.2×3.3 เมตร เป็นมุมที่เรามองว่าจะทำเป็นพื้นที่นั่งจิบชาเหมือนในบ้านตัวอย่างก็ได้ หรือจะวางอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างเครื่องพิลาทิส หรือลู่วิ่งก็ยังไหว โดยส่วนนี้จะเดินไปยัง Balcony ที่อยู่ข้างๆได้อีก ซึ่งเป็นมุมที่เราปลูกต้นไม้ไว้ ได้ความร่มรื่นไปในตัวค่ะ
Multi-purpose area
ด้านหลังของ Multi-purpose area จะมีห้องน้ำอยู่ ซึ่งห้องน้ำตรงนี้จะเป็นห้องแบบ Powder room รองรับการใช้งานในพื้นที่ Livining area ของชั้นนี้โดยเฉพาะ
Bedroom 1
เข้ามาดูห้องนอนที่อยู่ทางฝั่งหน้าบ้านกันบ้าง ห้องแรกนี้จะติดกับบันไดเลยค่ะ เป็นห้องที่สามารถวางเตียงใหญ่ได้ จัดมุมนั่งพักผ่อนหรือทำงานส่วนตัวภายในห้องได้ด้วย
ผนังทางฝั่งหน้าบ้านจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ แต่ไม่ร้อนมากเพราะมี facade อยู่อีกชั้นช่วยบังแดดไปในตัว
walk-in closet ของห้องนี้ค่อนข้างใหญ มีขนาด 2.8x3.65 เมตร Built-in เข้ามุมเป็นรูปตัว L และเพิ่มมุมโต๊ะเครื่องแป้งภายในห้องได้
Bedroom 2
ห้องนอน 2 จะอยู่ทางด้านในเข้าไป เป็นห้องที่จัด Layout แตกต่าง เมื่อเข้าไปในห้องจะเจอกับห้องแต่งตัวและห้องน้ำอยู่ซ้ายมือก่อน ส่วนพื้นที่พักผ่อนจะอยู่ลึกเข้าไป เราชอบการจัดวางเช่นนี้นะคะ เพราะเวลามองเข้าไปจะไม่เห็นพื้นที่เตียงโดยตรง เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของห้องด้วยค่ะ
พื้นที่พักผ่อนมีขนาดกำลังดี วางเตียงนอนใหญ่และมุมพักผ่อนได้ แต่จุดที่เราว่าดีคือระเบียงของห้องนี้จะมี Pocket garden อยู่ด้านหน้าพอดี ทำให้มองออกไปจะเจอกับต้นไม้ ดูร่มรื่นและได้ความสดชื่นมากค่ะ
ห้องนอน 2
สำหรับห้องน้ำจะเชื่อมกับพื้นที่แต่งตัวค่ะ
ชั้น 3 : มีฟังก์ชันอะไรบ้าง…
ชั้นบนสุดของตัวบ้านจะเป็นห้องนอน 2 ห้องค่ะ โดยห้องนอนใหญ่จะมีจุดเด่นที่เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุดภายในบ้าน และได้ระเบียงแบบ Semi-outdoor ขนาดใหญ่ สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคารเลย
โถงหน้าลิฟต์
พื้นที่หน้าห้องนอนทั้งสองจะมีโถงหน้าลิฟต์อยู่ ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ 2.5×5 เมตรได้ จัดมุมนั่งเล่น หรือชั้นวางของได้ค่ะ นอกจากนี้ที่มุมอาคาร จะมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ ซึ่งตรงนี้ก็สามารถใช้เป็นห้องพระได้นะ หรือจะเป็นมุมสำหรับทำงานอดิเรกอื่นๆ ก็ได้ค่ะ
โถงหน้าลิฟต์
Bedroom 3
ห้องนอนรองที่อยู่ชั้น 3 เป็นห้องที่มีขนาดใกล้เคียงกับห้องอื่นๆค่ะ สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ มีพื้นที่จัดมุมพักผ่อน และมุมทำงานภายในห้อง เพียงแต่หน้าต่างของห้องที่ชั้นนี้จะเป็นหน้าต่างบานเปิดสวิงแทน สามารถเห็นวิวได้เยอะค่ะ
Bedroom 3
ส่วนห้องน้ำและ walk-in Closet จะอยู่ต่อเนื่องกัน
Master Bedroom
มาถึงห้องสุดท้ายของบ้านแบบนี้แล้ว ห้องนอนใหญ่จะมีการออกแบบให้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ และมีจุดเด่นคือได้ระเบียงใช้งานส่วนตัวขนาดใหญ่อยู่ภายในห้องด้วย
เข้ามาในห้องจะเป็นพื้นที่พักผ่อนเลย ขนาดประมาณ 4.75×6.2 เมตร จัดวางโซฟาพักผ่อนไปพร้อมๆ กับเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ ห้องนี้จะมีหน้าต่างที่เปิดไปยังด้านหลังบ้าน และระเบียงได้ ในวันที่อากาศดีๆ เราสามารถเปิดให้ลมพัดผ่านตัวห้องได้เต็มที่ค่ะ
Master Bedroom
ระเบียงภายในห้องนอนใหญ่นี้มีขนาดใหญ่เท่าห้อง 1 ห้องเลยค่ะ มีขนาดประมาณ 3x3.2 เมตร
ส่วนห้องแต่งตัวก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน ขนาด 3.85x5.15 เมตร
ในส่วนของห้องน้ำก็จะมีความพิเศษตรงที่จะได้อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ส่วนพื้นที่อาบน้ำและห้องสุขาก็จะจัดแยกเป็นสัดส่วน รวมไปถึงเคาน์เตอร์และอ่างล้างหน้าที่ให้มา 2 ชุด 2 ฝั่ง แยกกันใช้แบบ His&Her ค่ะ พื้นที่ภายในห้องน้ำมีขนาดใหญ่มาก ได้กระจกบานใหญ่ชมวิวรับแสงได้เต็มที่ บรรยากาศสบายๆ
Master Bathroom
แบบแปลน
Type S
ส่วนบ้านหลังเล็กสุดในโครงการ หรือว่า Type S ก็ถือว่าเป็นบ้านที่พื้นที่ใช้สอยและที่ดินใหญ่อยู่นะคะ เทียบเท่ากับบ้านหลังใหญ่ของหลายๆ โครงการเลยทีเดียว โดยพื้นที่ใช้สอยของบ้านแบบนี้จะอยู่ที่ 471 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ / รองรับ EV Charger พร้อมลิฟต์ส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาท
สำหรับ Type S นี้ที่ดินจะมีลักษณะเป็นแนวลึก ไม่มีสระว่ายน้ำ แต่ยังคงมีลิฟต์อยู่นะคะ รูปแบบการจัดฟังก์ชันจะแบ่งพื้นที่เป็นฝั่งหน้าบ้าน และ ฝั่งหลังบ้าน ส่วนตำแหน่งตรงกลางจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น และเส้นทางสัญจร โดยมุมมองส่วนใหญ่จะเปิดไปยังฝั่งสวนซึ่งอยู่ทางข้างบ้านเป็นหลัก เป็นบ้านที่ได้ฟังก์ชันใช้สอยครบครัน ขนาดแต่ละพื้นที่ใหญ่ และได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ค่ะ
แปลนบ้าน Type S ชั้น 1
รายละเอียดวัสดุภายในบ้าน Type S
- Window Frame : Frametek
- ประตูทางเข้า : Tostem พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock
พื้นชั้น 1 : Engineering wood หนา 14 มม. ลาย Oak Wood (หรือเทียบเท่า) - พื้นห้องนอน : Engineering wood หนา 14 มม. ลาย Oak Wood (หรือเทียบเท่า)
- พื้นห้องน้ำ : กระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อน
- พื้นที่จอดรถ : กระเบื้อง Porcelain ลายหิน
- ระบบ ERV (Energy Recovery Ventilation) : แลกเปลี่ยนอากาศและกรองอากาศที่จะเข้ามาภายในบ้าน
- ระบบ Home Automation : CCTV, Door – Window Sensor, Smoke Sensor
- ระบบ EV Charger : Junction (เตรียมระบบไฟฟ้าเพื่อติดตั้ง EV Charger ไฟ 3 เฟสแยกจากระบบไฟฟ้าที่ใช้ในตัวบ้าน)
- ชุดครัวฝรั่ง แบรนด์นำเข้าจากอิตาลี แบรนด์ Dada
- Top เคาน์เตอร์ : หินอ่อน
- Built-in : Oven+Microwave, Hob&Hood, Fridge จาก Kuppersbusch
- Fitting : Gessi
- Sink : Blanco
- ชุดครัวไทย : Stainless
- ลิฟต์ : Schneider
- สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ : American Standard
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
Park Heritage พัฒนาการ ราคา ณ วันที่ 18 November 2022
- Type S – พื้นที่ใช้สอย 471 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาท
- Type M – พื้นที่ใช้สอย 568 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 59 ล้านบาท
- Type L – พื้นที่ใช้สอย 778 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 85 ล้านบาท
- ค่าส่วนกลาง 100 บาท/ตร.วา/เดือน
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :
ที่ตั้งโครงการ Park Heritage พัฒนาการจะอยู่ในซอยพัฒนาการ 20 ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาการตอนต้น เป็นซอยที่เชื่อมต่อระหว่างถนนพัฒนาการและซอยอ่อนนุชได้ ตำแหน่งของที่ตั้งนับว่าอยู่ใจกลางเมือง ห่างจากเอกมัยและทองหล่อเพียง 4 กม. และยังใกล้กับทางด่วน สะดวกในการเดินทางเข้าเมืองไปทำงานหรือเรียนค่ะ
ในแง่ความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากทำเลที่อยู่ใจกลางเมือง ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์สูง จะเข้าเมืองไป hang out ที่โซนเอกมัย ทองหล่อก็ทำได้ง่าย จะไปเดินห้างในโซน Emquartier ก็ทำได้สะดวก ไป Community mall อย่าง The Nine พระราม 9 ก็อยู่ไม่ไกล มีตัวเลือกให้ไปเพียบเลยค่ะ
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน :
โครงการเป็นบ้านเดี่ยวจำนวนยูนิตไม่เยอะ ได้ความเป็นส่วนตัวสูง มีเพียง 32 หลัง มีระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการขั้นพื้นฐานมาให้ อย่าง รปภ. ดูแล 24 ชั่วโมง และ CCTV ที่ติดไว้ทั่วโครงการ
การออกแบบโครงการและพื้นที่ใช้สอย :
Park Heritage พัฒนาการ เป็นโครงการที่อยู่ในกลุ่มระดับ Super Luxury ทำให้การออกแบบเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ มีการดีไซน์ผังโครงการให้เป็น Cluster Zone เพื่อให้บ้านแต่ละหลังได้ความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังคำนึงถึงเรื่องดีไซน์สถาปัตยกรรมที่อยู่ภายในโครงการด้วย โดยได้บริษัทอาศรมศิลป์มาช่วยออกแบบ ซึ่งมาในสไตล์ Modern Classic เป็นบ้านที่ Timeless design ส่งต่อไปยังรุ่นสู่รุ่นได้
ภายในตัวบ้านเป็นบ้านขนาดใหญ่สร้างเต็มที่ดิน พื้นที่ใช้สอยเยอะ 471 – 778 ตร.ม. ฟังก์ชันหลักจะได้ 4 ห้องนอน ที่จอดรถ 3-5 คันขึ้นอยู่กับแต่ละแบบบ้าน และมีพื้นที่อเนกประสงค์มากน้อยขึ้นอยู่กับแบบและพื้นที่ใช้สอยภายใน โดยบ้านทุกหลังจะได้ลิฟต์ส่วนตัวและบ้าน Type M กับ L จะมีสระว่ายน้ำภายในตัว
วัสดุ :
รูปแบบการขายที่นี่จะเป็นบ้านเปล่า Fully Fitted มีครัวฝรั่งแบรนด์ Dada ซึ่งนำเข้าจากอิตาลี อุปกรณ์ครัวเป็นของ Kuppersbusch ซึ่ง Built-in มาพร้อมชุดครัว ครัวไทยได้ชุดครัว Stainless ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย ตัวบ้านจะมี Facade ซึ่งกรุด้วยหิน Tarvertine ตัวพื้นภายในบ้านมีทั้งหินอ่อน กระเบื้อง Porcelain และ Engineering Wood (ขึ้นอยู่กับแบบบ้านและฟังก์ชันห้อง) สุขภัณฑ์หลักๆ จะเป็นของ American Standard ชุดประตูทางเข้าได้ Tostem รุ่นต่างๆ ที่เลือกใช้ถือว่าดีสมราคาค่ะ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ :
แบรนด์ Park Heritage แม้จะเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวใจกลางเมือง แต่ก็เป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว (ตรงกับชื่อโครงการ) โดยทางอาศรมศิลป์ได้ออกแบบ Landscape ภายในโครงการ ทั้งอุโมงค์ต้นจามจุรี ต้นไม้ที่อยู่ Clubhouse และตัวบ้าน ให้ได้ทั้งร่มเงา ความสวยงาม และเป็นมงคลด้วยค่ะ
สาธารณูปโภค :
ที่นี่เป็นโครงการระดับ Super Luxury ใจกลางเมืองที่ให้พื้นที่ส่วนกลางใช้งานฟังก์ชันครบครัน มีอาคาร Clubhouse สูง 3 ชั้นตั้งอยู่บริเวณทางเข้าโครงการ ฟังก์ชันภายในมีทั้งสระว่ายน้ำ , ฟิตเนส , Business Lounge , Golf Simulator และห้องอเนกประสงค์ นอกจากนี้ก็ยังมี Concierge Service ซึ่งเป็นเหมือนผู้ช่วยคอยดูแลความเรียบร้อย จัดหาสิ่งต่างๆ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านอีกด้วยค่ะ
Park Heritage พัฒนาการ เหมาะกับใคร?
ด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองทำให้เรามองว่าโครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง ชอบความสะดวกสบาย เดินทางสะดวก เป็นครอบครัวที่มีลูกเรียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโซนนี้ ไปโรงเรียน เดินห้างสะดวก ประหยัดเวลาเดินทางในชีวิต
ส่วนความต้องการทางด้านตัวบ้าน ก็ยังเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นที่ใช้สอย อยากได้บ้านหลังใหญ่ที่เป็นส่วนตัว เป็นบ้านที่อยู่ได้ยาว ส่งมอบให้รุ่นลูกได้ และเป็นโครงการที่ได้บรรยากาศสงบ ใกล้ชิดกับธรรมชาติด้วยค่ะ