รีวิวโครงการ
The Sneak EP.183 : มิตติ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน
5 มีนาคม 2023
…วันนี้เราจะพามาชมโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่จากสัมมากรอย่าง มิตติ ชัยพฤกษ์ วงแหวน ที่เปิดตัวในทำเลนี้เป็นแห่งแรก ซึ่งเค้าพยายามแตกแบรนด์ออกมาเพื่อให้แต่ละโปรดักส์มีความชัดเจน และเป็นที่จดจำของผู้บริโภคได้ง่ายมากขึ้น โดยโครงการนี้ผมคิดว่าเค้ามีความน่าสนใจหรือ Highlights เด่นๆดังนี้
- เป็นโปรดักส์บ้านเดี่ยวที่มีดีไซน์เน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน และจำนวนฟังก์ชันเยอะ จึงมีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย
- จำนวนยูนิตไม่เยอะ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว พร้อมกระจายพื้นที่สีเขียว 3 จุดในโครงการ
- ทำเลเชื่อมต่อถนนหลักได้ 2 สาย เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง และใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก
ข้อมูลโครงการ
Mitti Chaiyapruek Wongwaen (มิตติ ชัยพฤกษ์ วงแหวน) ณ วันที่ 14 กันยายน 2565
ชื่อโครงการ | Mitti Chaiyapruek Wongwaen (มิตติ ชัยพฤกษ์ วงแหวน) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนหมายเลข 345 อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี |
ที่ดิน | 26-2-28.8 ไร่ |
จำนวนยูนิต | จำนวน 126 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
ความสูงจากพื้นถึงฝ้า | 2.6 – 2.7 เมตร |
ราคาที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ | 70,000 บาท |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2564 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2567 |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.sammakorn.co.th/project/mitti-chaiyapruek-wongwaen |
Call Center | 1427 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ทำเลเชื่อมต่อถนนหลัก 2 สาย และเข้าออกได้หลายเส้นทาง ช่วยประหยัดเวลาในการกลับรถเข้า-ออกเมืองได้ดี
- ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก สามารถเดินทางไกลๆได้สะดวก
พิกัด Google Maps : 13.945369, 100.443300
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ มิตติ ชัยพฤกษ์ วงแหวน ตั้งอยู่ในย่านนนทบุรี-บางบัวทอง ในซอยถนนหมายเลข 4021 ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนน 345 และถนนชัยพฤกษ์ อีกทั้งยังใกล้กับวงแหวนกาญจนาภิเษกที่ใช้เดินทางเข้า-ออกเมืองไกลๆได้สะดวก รวมถึงสามารถข้ามแม่น้ำผ่านทางสะพานพระราม 4 เพื่อมาทำงาน และใช้ชีวิตอยู่แถวปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะได้อีกด้วย
โดยความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ก็จะมีทั้ง ร้านสะดวกซื้อภายในซอยใกล้ๆกับโครงการ และมีซูเปอร์มาร์เก็ตบริเวณ HomePro ราชพฤกษ์ / Lotus บางบัวทอง และ Central WestGate เป็นหลัก หรือจะมาเดินห้าง Robinson Lifestyle Mall ที่เพิ่งมาเปิดใหม่สดๆร้อนๆ ซึ่งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ใกล้ๆกับโครงการก็ได้
ความน่าสนใจของถนนหมายเลข 4021 คือสามารถเข้า-ออกได้หลายทางมากๆ โดยเฉพาะบริเวณทางลอดใต้สะพานฝั่งถนน 345 ที่จะช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถไกลๆได้นั่นเองครับ ซึ่งจะมีเส้นทางหลักๆดังนี้
การเดินทางขากลับมายังโครงการ (ระยะทางประมาณ 800 m.)
1. มาจากวงแหวนกาญจนาภิเษก-บางบัวทอง : เป็นถนนฝั่งขาเข้าเมืองที่สามารถกลับรถเพื่อลอดใต้สะพาน และตรงมายังโครงการได้เลย
2. มาจากทางถนนราชพฤกษ์-รังสิต : เป็นถนนฝั่งขาออกที่สามารถเบี่ยงซ้ายออกจากเส้นทางหลัก เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 4021 และตรงมายังโครงการได้
การเดินทางขาออกจากโครงการ (ระยะทางประมาณ 750 m.)
3. มุ่งหน้าไปวงแหวนกาญจนาภิเษก-บางบัวทอง : เมื่อออกจากซอยแล้วจะสามารถเลี้ยวขวา เพื่อไปกลับรถเข้าสู่เส้นทางหลักของถนน 345 มุ่งหน้าไปทางวงแหวนกาญจนาภิเษกต่อได้เลย
4. มุ่งหน้าไปถนนราชพฤกษ์-รังสิต : จากปากซอยเราสามารถตรงไป เพื่อลอดใต้สะพานไปฝั่งตรงข้ามที่เป็นถนนขาเข้าเมือง และกลับเข้าสู่เส้นทางหลักของถนน 345 มุ่งหน้าไปทางราชพฤกษ์-รังสิตต่อได้เลย
5. ฝั่งถนนชัยพฤกษ์ : อีกด้านหนึ่งของถนนหมายเลข 4021 จะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนชัยพฤกษ์ได้ โดยมีระยะทางประมาณ 3 km. สามารถขับตรงเข้าเมืองเพื่อข้ามสะพานพระราม 4 ไปยังปากเกร็ด-แจ้งวัฒนะได้สะดวกเลยครับ
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
แน่นอนว่าจะต้องเป็นวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 4.8 km. สามารถเข้าเมืองไปทางบางใหญ่-บางแค-พระราม 2 หรือจะออกเมืองไปทางบางปะอินก็ได้ครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่าง และก็จะมีโครงการเพื่อนบ้านของสัมมากรเองที่เคยมาบุกเบิกเอาไว้ก่อนแล้ว จึงทำให้บริเวณนี้มีร้านสะดวกซื้อต่างๆมาตั้งอยู่บ้าง และมีบรรยากาศที่ไม่เปลี่ยวเลย เพราะถนนเส้นนี้จะมีรถขับผ่านอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากมีการใช้เป็นทางลัดเชื่อมต่อถนน 345 และถนนชัยพฤกษ์นั่นเอง โดยรอบโครงการจะสามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่าง
- ทิศใต้ : ติดกับ โครงการสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน
- ทิศตะวันออก : ติดกับ คลองคันแอนและถนนสาธารณะ
- ทิศตะวันตก : เป็นด้านหน้าโครงการ ติดกับ ถนนหมายเลข 4021 และฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่าง
เรามาเดินดูรอบๆกันสักหน่อยครับ เริ่มจากด้านซ้ายของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปยังถนน 345 ซึ่งถัดไปอีกประมาณ 210 m. ก็จะมีเซเว่นตั้งอยู่ด้วย
ส่วนด้านขวาของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปถนนชัยพฤกษ์
และถัดออกมาประมาณ 120 – 140 m. ก็จะมี CJ Supermarket และ Mini BigC ตั้งอยู่บริเวณก่อนถึงโครงการสัมมากร อเวนิว
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- CJ Supermarket ~ 120 m.
- Mini Big-C ~ 140 m.
- 7-eleven ~ 210 m.
- โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ ~ 4.1 km.
- ตลาดนัด 18 คอร์ท ~ 5.7 km.
- อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ชัยพฤกษ์ ~ 6.3 km.
- ตลาดสดบางบัวทอง ~ 6.7 km.
- เดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์ ~ 8.3 km.
- เซ็นทรัล เวสต์เกต ~ 11.1 km.
- อิเกีย บางใหญ่ ~ 11.1 km.
- เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ~ 17.2 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลปากเกร็ด 2 ~ 6.7 km.
- โรงพยาบาลบางบัวทอง ~ 6.9 km.
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ~ 10.7 km.
- โรงพยาบาลกรุงไทย ปทุม ~ 11.1 km.
- โรงพยาบาลชลประทาน ~ 12.4 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนประสานสามัคคีวิทยา ~ 700 m.
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ ราชพฤกษ์ ~ 4.4 km.
- โรงเรียนนานาชาติดีบีเอส ~ 6.3 km.
- โรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้า นนทบุรี ~ 8.5 km.
- โรงเรียนนนทบุรีวิทยาลัย ~ 8.8 km.
- โรงเรียนปากเกร็ด ~ 11.2 km.
- โรงเรียนสวนกุหลาบนนทบุรี ~ 11.8 km.
- โรงเรียนชลประทาน ~ 11.8 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- ยูนิตไม่เยอะ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
- บ้านส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ในซอยตัน สามารถขับวนรถได้สะดวก ไม่ต้องเสียเวลากลับรถ
- กระจายพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ 3 จุด สามารถใช้งานได้อย่างทั่วถึง
- พื้นที่สีเขียวกระจายตัวเยอะดี อนาคตแลดูจะร่มรื่นและสดชื่นมากขึ้น
…“มิตติ” โครงการแบรนด์ใหม่ล่าสุดจากสัมมากร ที่เค้าได้พยายามแตกแบรนด์ออกมาจากโครงการก่อนๆที่เรารู้จักกันดีอย่าง “สัมมากร อเวนิว” เพื่อให้เป็นที่จดจำได้ง่ายสำหรับกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น โดย “มิตติ” จะเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ที่จับกลุ่ม Segment ระดับกลาง-บนของเค้านะครับ
ซึ่ง “มิตติ ชัยพฤกษ์ วงแหวน” ก็ถือเป็นโครงการแรกของแบรนด์นี้อีกด้วย และในอนาคตก็คาดว่าจะมีโครงการใหม่ๆ และแบรนด์ใหม่ๆทะยอยเปิดตัวออกมาให้เราได้ชมกันอีก จะเป็นอย่างไรบ้างก็รอติดตามกันต่อไปครับ
ผังโครงการจะเป็นลักษณะตอนลึกยาวเข้าไปด้านใน มีขนาดที่ดินทั้งหมด 26-2-28.8 ไร่ และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 126 ยูนิต ถือเป็นโครงการที่ยูนิตไม่เยอะและเป็นส่วนตัวพอสมควรครับ โดยปัจจุบันเค้าจะเริ่มเปิดขายเฟสแรกที่อยู่บริเวณตรงกลางก่อน ซึ่งจะเป็นโซนบ้านเดี่ยวทั้งหมด ส่วนเฟสที่อยู่ด้านในสุดจะเป็นโปรดักส์บ้านแฝดที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา (รอสอบถามข้อมูลกับโครงการอีกครั้ง)
ความน่าสนใจของผังโครงการนี้คือ บ้านส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ในซอยย่อยที่เป็นซอยตัน จึงทำให้สามารถขับรถวนได้ง่าย และไม่ต้องเสียเวลากลับรถในซอย แต่ก็อาจมีรถเพื่อนบ้านขับผ่านบ่อยครั้งอยู่สักหน่อย จึงทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลงอยู่บ้าง (หากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัว ก็ลองเล็งๆบ้านที่อยู่ในซอยดูก็ได้ครับ ซึ่งถือเป็น Rare Item ที่มีให้เลือกไม่เยอะมากนัก)
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางเค้าจะกระจายเอาไว้ 3 จุด ให้ลูกบ้านได้ใช้งานกันได้อย่างทั่วถึง โดยตัวอาคาร Clubhouse จะอยู่บริเวณด้านหน้าสุด เอาไว้เป็นส่วนต้อนรับและใช้รับรองแขกได้ด้วย ส่วนด้านในก็จะเป็นสวนสาธารณะต่างๆ ซึ่งข้อดีของการกระจายสวนแบบนี้ก็คือ เวลาขับรถอยู่ในโครงการเราจะได้ขับผ่านพื้นที่สีเขียวบ่อยครั้ง เลยทำให้รู้สึกร่มรื่นและสดชื่นมากขึ้น รวมถึงยังสามารถมาใช้งานได้สะดวกขึ้นอีกด้วยนะครับ
เริ่มต้นกันที่ซุ้มประตูทางเข้าโครงการ จะมีดีไซน์เป็นทรง Modern ซึ่งจะแบ่งทางเข้า-ออกกันชัดเจน และมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง โดยสิ่งที่ผมชอบก็คือ เค้าจะมีระยะถอยร่นมาจากถนนสาธารณะพอสมควร เวลามีรถรอต่อคิวแลกบัตรกับพี่ยามอยู่ ก็จะได้ไม่ติดยาวจนออกไปถึงถนนใหญ่ด้านหน้านั่นเองครับ
ระบบการเข้า-ออกจะใช้ AI จดจำป้ายทะเบียนรถ ซึ่งถ้าเป็นลูกบ้านไม้กั้นกระดกก็จะเปิดให้อัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน แต่ถ้าเป็น Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามก่อน และในตอนกลางคืนเค้าก็จะปิดประตูเหล็กรางเลื่อน เอาไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อความปลอดภัยครับ
เข้ามาภายในเราจะเจอกับถนน Main ที่มีเกาะกลางปลูกต้นไม้ไว้ดูร่มรื่น ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นอาคาร Clubhouse ที่อยู่ติดกับซุ้มประตูทางเข้าเลยครับ
Clubhouse เป็นอาคาร 2 ชั้นสไตล์ Modern แบบเรียบๆ ซึ่งจะมีฟังก์ชันใช้งานให้เลือกทั้งแบบ Outdoor / Semi-Outdoor และ Indoor
เริ่มกันที่พื้นที่นั่งเล่นแบบ Open Space ที่เปิดผนังรับลมเย็นๆทั้ง 2 ด้าน พร้อมด้วยฝ้าเพดานสูงโปร่งแบบ Double Space สามารถมานั่งทำงานชิลๆได้ เพราะเค้าจะมี Wi-Fi ฟรีให้ใช้งานด้วย รวมถึงยังใช้เป็นพื้นที่รับรองแขกได้ด้วยนะครับ (จะได้ไม่ต้องพาเข้าไปในบ้านให้เสียความเป็นส่วนตัว)
ถัดเข้ามาตามทางเดินเราจะเจอกับห้องน้ำด้านซ้ายมือ ซึ่งจะมีให้ใช้งานทั้งห้องน้ำชาย-หญิง และห้องน้ำสำหรับผู้พิการ
ภายในจะมีอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ แต่จะไม่ได้มีห้องอาบน้ำให้ใช้งานนะครับ ดังนั้นลูกบ้านก็อาจต้องเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า และกลับไปอาบน้ำที่บ้านแทนนะ
ติดกันก็จะเป็นจุดล้างตัวก่อนลงสระแบบนี้ครับ
ส่วนตรงปลายสระนี้จะเป็นสระเด็ก ที่แยกออกมาจากสระหลักอย่างเป็นสัดส่วน และมีความลึกอยู่ที่ 0.5 m. พร้อมทั้งมีจุดให้ผู้ปกครองได้นั่งดูแลน้องๆได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
ส่วนสระหลักจะมีขนาดประมาณ 20 x 4 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง โดยจะเป็นสระแบบกลางแจ้ง ดังนั้นจึงแนะนำให้มาใช้งานตอนเย็นๆจะเหมาะกว่านะครับ
ส่วนด้านข้างของสระก็จะมี Day Bed ให้ได้นั่งเล่นพักผ่อนริมสระกันได้ โดยเราอาจต้องรอให้ต้นไม้เติบโตและแผ่กิ่งก้านมากกว่านี้อีกสักหน่อย เพื่อที่จะได้ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากถนนหลัก และบ้านฝั่งตรงข้ามได้มากกว่านี้นะครับ
อีกด้านหนึ่งของอาคาร Clubhouse จะมีบันไดที่สามารถเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ได้ครับ
ด้านบนจะเป็น Fitness ที่ให้อุปกรณ์มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งผมคาดว่าเพียงพอต่อการใช้งานของลูกบ้านทั้งหมดได้สบายๆเลยครับ
โดยสาย Cardio อย่างลู่วิ่งและเครื่องปั่นจักรยานจะอยู่ติดกับผนังกระจก และสามารถชมวิวภายนอกสวยๆได้แบบนี้ ในขณะที่อีกด้านของห้องจะเป็นเครื่อง Weight Training สำหรับสายเล่นกล้าม
สุดท้ายจะเป็นภาพบรรยากาศของถนน Main ที่จะมีเกาะกลางสำหรับปลูกต้นไม้ ทำให้มีความร่มรื่นและสดชื่น ส่วนบรรยากาศของบ้านในซอยเฟสแรกก็จะเป็นตามภาพที่ 2 ซึ่งจะสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า ที่ดินของบ้านจะมีการถมสูงกว่าถนนในโครงการเสียอีก จึงวางใจได้เปราะหนึ่งว่าน้ำจะไม่ท่วมเข้าบ้านได้ง่ายๆแน่นอน
นี่เป็นภาพบรรยากาศจำลองของสวนสาธารณะด้านใน ปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ต้องรอดูในอนาคตอีกครั้งนะครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse
- Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 4 x 20 m. และแบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.5 m.
- Fitness
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 3 จุด รวมประมาณ 1-1-13.25 ไร่
- สนามเด็กเล่น
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 7 จุด 13 ตัว
- รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 17 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
- Wi-Fi ฟรีที่คลับเฮ้าส์
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก ระบบ AI จดจำป้ายทะเบียนรถเข้า-ออกโครงการ
แบบบ้าน
Highlights :
- แบบบ้านมีดีไซน์เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในโดยตัดพื้นที่ระเบียงออก ลดขนาดฟังก์ชันที่ไม่จำเป็นลง และนำไปเพิ่มพื้นที่ส่วนกลางกับห้องนอนให้กว้างขวางแทน
- บ้านเดี่ยวหลังใหญ่สุดมีฟังก์ชันค่อนข้างเยอะ ทั้ง Foyer / พื้นที่อเนกประสงค์ / ห้องนอนชั้นล่าง และห้องเก็บของถึง 2 ห้อง
- บ้านเดี่ยวหลังเล็กมีฟังก์ชันยืดหยุ่น สามารถทุบผนังเชื่อมต่อห้องนอนเล็ก กลายเป็น Master Bedroom ที่ 2 ได้ด้วย
- โครงสร้างบ้านก่ออิฐมวลเบา สามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย
ปัจจุบันโครงการนี้มีแบบบ้านเดี่ยวให้เลือก 2 แบบนะครับ ซึ่งยังคงเป็นแบบบ้านเดิมสมัยแบรนด์สัมมากร อเวนิว ที่ค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอยู่แล้ว โดยจะเป็นบ้านโครงสร้างก่ออิฐมวลเบา ทำให้สามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย ประกอบด้วย
- Emmaline บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 136.41 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ - Merak บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 53.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 176.93 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
นอกจากนี้ในอนาคตก็จะมีโปรดักส์บ้านแฝดให้เลือกด้วยนะ โดยตอนนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา หากใครสนใจก็สามารถติดตามข่าวสาร และสอบถามกับทางสัมมากรได้อีกครั้งนะครับ
- Merak บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 53.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 176.93 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือ “พื้นที่ใช้สอย” และ “จำนวนฟังก์ชัน” ซึ่งถือว่าให้มาเยอะดีมากๆครับ โดยเฉพาะใครที่ต้องการพื้นที่เก็บของที่เป็นสัดส่วนเยอะๆ เค้าก็จัดให้มีห้องเก็บของขนาดใหญ่แยกมาให้ทั้งชั้นบนและชั้นล่างเลยทีเดียว
แปลนชั้น 1 เราจะเห็นการให้น้ำหนักสัดส่วนพื้นที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเค้าเลือกที่จะลดขนาดครัวและห้องน้ำ ให้เหลือเพียงพอต่อการใช้งานเท่านั้น และนำพื้นที่ไปเพิ่มให้กับฟังก์ชันอื่นๆที่เป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันของคนในครอบครัวอย่าง Common Area
และยังมีห้องนอนชั้นล่างให้สามารถทำเป็นห้องผู้สูงอายุ หรือปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการทำ Foyer แยกออกมา ซึ่งเหมาะกับคนที่อาจมี Collection รองเท้าเยอะๆ และต้องการพื้นที่จัดเก็บอย่างเป็นสัดส่วนนั่นเองครับ
แปลนชั้น 2 จะมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง โดยห้องนอนที่อยู่ด้านหน้าบ้านจะมีขนาดใหญ่ จนสามารถมีพื้นที่ Walk-in Closet เป็นของตัวเองได้เลยทีเดียว และมีพื้นที่อเนกประสงค์ตรงโถงบันได ที่เราสามารถกั้นทำเป็นห้องเพิ่มเติมได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีห้องเก็บของที่เป็นสัดส่วนแยกออกมาต่างหากอีก
ที่เป็นแบบนี้เพราะเค้ามีการออกแบบฟังก์ชันได้ดีตั้งแต่ต้นครับ โดยหากสังเกตดีๆเราจะเห็นว่า บนชั้น 2 นี้จะไม่มีระเบียงเลย แถมห้องน้ำก็จะมีขนาดแค่พอดีกับการใช้งานเท่านั้น รวมถึงการวางตำแหน่งบันไดไว้ด้านหน้าสุดแบบนี้ ก็ช่วยประหยัดพื้นที่บันไดบนชั้น 2 ให้เหลือเป็นเพียงรูปตัว I แบบยาวๆ ไม่ไปกินพื้นที่ห้องส่วนอื่นๆเลยนั่นเอง
เริ่มกันที่พื้นที่จอดรถด้านหน้าบ้านจะมีความกว้างประมาณ 5 m. สามารถจอดรถ 2 คันได้แบบพอดีๆ โดยพื้นของจริงจะเป็นพื้นปูนแบบ Slab on Ground แยกโครงสร้างออกมาจากตัวบ้าน ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าอนาคตพื้นทรุดตัวแล้วจะส่งผลกระทบต่อตัวบ้าน
ทางเข้าบ้านจะมี 2 ทางด้วยกันนะครับ โดยจุดแรกจะเป็นประตูบานทึบที่มาพร้อมกับ Digital Door Lock ให้มาเป็นมาตรฐานแบบนี้
ซึ่งข้อดีของประตูนี้คือ จะอยู่ใกล้กับจุดจอดรถมากที่สุด และเราสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้โดยยังคงอยู่ใต้ชายคาบ้าน ทำให้ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝนนั่นเองครับ
ภายในเป็น Foyer ที่กว้างประมาณ 1.5 m. ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆนะครับ แต่ทางโครงการก็ได้ Built-in มาให้ดู ว่าเราสามารถทำเป็นตู้เก็บรองเท้าได้หลายคู่แบบแบบนี้ รวมถึงยังสามารถแบ่งเป็นพื้นที่นั่งใส่รองเท้าสะดวกๆด้วย
ส่วนทางเข้าอีกด้านหนึ่งจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ กรอบอลูมิเนียม Powder Coat สีดำ มีตัวล็อคแบบ 2 ชั้น พร้อมกระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง
โดยพื้นของจริงจะเป็นสนามหญ้า ไม่ได้เป็นชานพักแบบบ้านตัวอย่างนะครับ ซึ่งเราสามารถทำเพิ่มเองได้ หรือจะดีไซน์สวนให้มีทางเดินหินสวยๆไปเลยก็น่าสนใจดี
เข้ามาภายในเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อไปจนถึงด้านหลังบ้านโน่นเลย โดยพื้นชั้น 1 จะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาดใหญ่ พร้อมฝ้าเพดานฉาบเรียบสูง 2.6 m.
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ ช่องแสงของเค้าอาจไม่ได้เยอะมากนัก โดยจะมีเพียง 3 จุดเท่านั้น ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ภายในบ้านสว่าง แต่อาจไม่ได้โปร่งโล่งเต็มที่มากนัก
โดยเฉพาะหลังโซฟาจะเป็นผนังทึบทั้งหมด แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่งคือ เราจะได้ความเป็นส่วนตัวจากเพื่อนบ้านมากขึ้น รวมถึงยังสามารถติด/แขวนของต่างๆที่ผนังเพิ่มได้อีกด้วย
พื้นที่ส่วนแรกจะเป็นชุดโซฟานั่งเล่น สามารถใช้โซฟาขนาดใหญ่แบบหลายที่นั่งได้สบายๆ รวมถึงยังใช้รับรองแขกได้อีกด้วย โดยจะมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2.7 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร โดยสามารถใช้โต๊ะขนาดใหญ่ 6 – 8 ที่นั่งได้สบายๆ หรือจะวางตู้เก็บของด้านข้างเพิ่มอีกก็มีพื้นที่เหลือเฟือ ส่วนตรงกลางบ้านจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ที่สามารถเปิดออกไปยังสวนข้างบ้านได้ครับ
โดยพื้นที่ข้างบ้านเราก็สามารถปลูกต้นไม้ และจัดสวนได้ตามต้องการเลยนะ ซึ่งขนาดของพื้นที่จะขึ้นอยู่กับแต่ละแปลงไม่เหมือนกัน (มาตรฐานจะกว้างประมาณ 2 – 3 m.) และของจริงจะมีการปูพื้นหญ้ามาให้เป็นมาตรฐานครับ
กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง ซึ่งอีกด้านหนึ่งจะมีโถงทางเดินแยกออกไปยังฟังก์ชันอื่นๆ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากพื้นที่ Common Area มากขึ้นครับ
ภายในประกอบด้วยห้องเก็บของใต้บันไดขนาดใหญ่ด้านขวามือ รวมถึงมีพื้นที่ Foyer ก่อนหน้านี้ด้วย ส่วนซ้ายมือจะเป็นครัวกับห้องน้ำ และตรงกลางจะเป็นห้องนอนชั้นล่างตามลำดับ
เริ่มกันที่ห้องครัวปิดที่สามารถทำอาหารได้จริงจัง โดยจะมีขนาดพื้นที่กว้างประมาณ 1.3 m. ให้ใช้งานแบบพอดีๆ
นอกจากนี้ยังมีการ Built เคาน์เตอร์ครัวมาให้ 2 ฝั่ง Top เคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตที่สวยงามดี แต่เวลาใช้งานจริงก็อาจต้องระวังเป็นคราบได้ง่าย เนื่องจากเค้าจะมีรูพรุนตามธรรมชาติที่เยอะนั่นเองครับ
และสิ่งที่ชอบคือ ตู้ต่างๆจะมีหน้าบานปิดมาให้เรียบร้อย และไม่ต้องเสียเวลาไปทำเอง (หรือใครจะทำตู้แขวนด้านบนเพิ่มอีกก็ได้) รวมถึงยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ทั้ง 2 ฝั่ง แต่อาจต้องติดโช้คเพิ่มอีกสักหน่อย จะได้เปิดออกค้างได้กว้างๆมากกว่านี้ เพื่อการระบายอากาศที่ดีมากขึ้น (หรือจะเปิดประตูไปเลยก็ได้)
บริเวณหลังบ้านจะเป็นลานซักล้าง ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นปูนแบบ Slab on Ground โดยเราอาจปูเป็นพื้นกระเบื้องให้เต็มพื้นที่ไปเลยก็ได้ครับ จะได้ล้างทำความสะอาดง่ายและใช้งานได้เต็มที่มากขึ้นนั่นเอง
ถัดมาจะเป็นห้องน้ำที่มีขนาดประมาณ 1.7 x 1.6 m. ซึ่งจะเป็นพื้นที่รวมกับส่วนอาบน้ำที่มีขนาด 1 x 0.9 m. เพื่อรองรับการใช้งานจากห้องนอนชั้นล่างได้นั่นเอง และเราะสามารถติดฉากกั้นอาบหรือม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองได้นะครับ
โดยสุขภัณฑ์ภายในห้องจะเป็นของ Kholer ที่เราจะได้เหมือนบ้านตัวอย่างทั้งหมดเลย ยกเว้นแค่กระจกเงาจะเป็นแบบธรรมดาไม่ได้มีไฟส่องสว่างนะ
ห้องนอนชั้นล่างมีขนาดประมาณ 2.6 x 3.65 m. มีขนาดค่อนข้างใหญ่ดี และแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้เป็นสัดส่วน สามารถปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ตาม Lifestyle ของครอบครัวได้สบายๆ เช่น ห้องทำงาน ห้องดูหนัง ห้องเล่นเกมส์ เป็นต้น
หรือเราอาจทำเป็นห้องผู้สูงอายุสำหรับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้ครับ ซึ่งมีขนาดใหญ่มากพอที่จะวางเตียง 5 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือ 50 – 60 cm. ให้ขึ้น-ลงเตียงได้สะดวก รวมถึงมีพื้นที่ให้ทำเป็นมุมแต่งตัวได้สบายๆอีกด้านหนึ่งด้วย
สำหรับบันไดทางขึ้นจะอยู่บริเวณหน้าบ้านนะครับ ซึ่งจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก และปิดผิวด้วยไม้จริง จึงมีความแข็งแรงทนทานดี มีความกว้างประมาณ 90 cm. พร้อมราวจับเพื่อความปลอดภัยตลอดทาง
โดยบริเวณนี้จะมีช่องแสง 2 จุด ซึ่งก็สว่างเพียงในตอนกลางวันดีครับ แต่ผมแนะนำให้ติดไฟส่องสว่างบนฝ้าเพดานเพิ่ม เช่น โคมไฟระย้า เพื่อที่ตอนกลางคืนจะได้สว่างและใช้งานบันไดได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
ขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะเจอกับพื้นที่อเนกประสงค์ที่อยู่ตรงโถงบันได ซึ่งทำให้บรรยากาศดูกว้างขวางและโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ โดยความสูงของฝ้าเพดานชั้นบนจะอยู่ที่ 2.8 m. และปูพื้นด้วยไม้ลามิเนตสวยงาม
โดยพื้นที่อเนกประสงค์นี้มีขนาดประมาณ 2.6 x 2.6 m. สามารถจัดเป็นมุมพักผ่อนสำหรับครอบครัว เป็นมุมทำการบ้านของลูกๆ หรือจะกั้นผนังทำเป็นห้องพระเป็นสัดส่วนเลยก็ได้ ซึ่งก็แนะนำให้ใช้เป็นผนังกระจกเพื่อความโปร่งโล่งของพื้นที่นะ
ห้องทางซ้ายมือจะเป็น Master Bedroom ที่ภายในมีขนาดใหญ่มาก กว้างประมาณ 3.1 x 6 m. สามารถแบ่งพื้นที่ใช้งานให้เป็นสัดส่วนได้สบายๆ
พื้นที่ด้านในสุดจะเป็นส่วนของเตียงนอน สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้ใช้งานขึ้น-ลงได้สบายๆ รวมถึงมีช่องแสงถึง 2 ด้าน ทำให้ได้ความสว่างโปร่งโล่ง และยังระบายอากาศได้ดีขึ้นอีกด้วย
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นพื้นที่แต่งตัวหน้าห้องน้ำ ซึ่งมีขนาดใหญ่และเราสามารถกั้นให้เป็นสัดส่วนแบบนี้ได้
ภายในห้องน้ำมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ ซึ่งจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องอื่นๆเล็กน้อย ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.45 x 2 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.45 x 0.9 m. สามารถกั้นกระจกหรือติดม่านพลาสติกเพิ่มได้เอง
สุขภัณฑ์ทั้งหมดยังเป็นของ Kholer พร้อมเจาะช่องวางของในผนัง ซึ่งเราอาจเพิ่มชั้นวางของเองก็ได้ รวมถึงยังมี Junction Box ให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้ด้วยครับ
อีกด้านหนึ่งของบนชั้น 2 จะมีห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง พร้อมห้องน้ำ และห้องเก็บของที่อยู่ติดกับบันไดทางขวามือ มีขนาดประมาณ 1.3 x 1.6 m. ทำให้กลายเป็นบ้านที่สามารถเก็บของได้เยอะมากๆครับ
โดยไอเดียของห้องเก็บของนี้ที่ผมคิดไว้คือ จะเหมาะกับคนที่มีของเยอะอยู่แล้ว ซึ่งอาจไว้เก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือถ้าใครที่ทำธุรกิจส่วนตัว และจำเป็นสต๊อกสินค้าไว้ที่บ้านก็ยิ่งเหมาะเลยครับ
ติดกันจะเป็นห้องนอนไซส์กลางที่อยู่บริเวณด้านหน้า ซึ่งก็เป็นอีกห้องที่มีขนาดใหญ่มาก กว้างประมาณ 3.7 x 4.3 m. เหมาะกับลูกคนโตมากๆ มีพื้นที่รอบเตียงให้ใช้สอยได้เยอะเต็มที่
ทีเด็ดคือทางด้านขวาของห้องจะมีพื้นที่เว้าเข้าไปในผนัง ซึ่งเราสามารถทำเป็น Walk-in Closet กั้นประตูเป็นสัดส่วนจริงจังได้แบบนี้เลยครับ
โดยพื้นที่ภายในจะกว้างประมาณ 1.55 x 2.45 m. ของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆให้เรามา Built-in เพิ่มเอง ซึ่งไอเดียหนึ่งที่ผมเคยเห็นการแต่งบ้านของสัมมากรโครงการอื่นก่อนหน้านี้คือ กรณีที่เราไม่ได้ใช้งานห้องเก็บของที่อยู่ข้างๆก่อนหน้านี้ ก็สามารถทุบผนังเพื่อเชื่อมต่อขยายเป็นพื้นที่แต่งตัวขนาดใหญ่ของห้องนอนนี้ได้เลยครับ
ส่วนห้องนอนเล็กสุดจะอยู่บริเวณด้านหลังบ้าน มีขนาดประมาณ 2.65 x 3.75 m. สามารถใช้เตียงขนาด 3.5 – 5 ฟุตได้ครับ เหมาะที่จะเป็นห้องนอนลูกคนเล็ก หรือถ้าใครมีลูกคนเดียวก็อาจปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้
และอีกด้านก็มีพื้นที่เหลือพอให้ทำเป็นมุมแต่งตัวแบบนี้ได้ด้วย
สุดท้ายคือห้องน้ำที่จะใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ภายในมีขนาดและลักษณะคล้ายกับห้องน้ำชั้นล่างก่อนหน้านี้เลยครับ (กว้างประมาณ 1.65 x 1.8 m.) ได้สุขภัณฑ์จาก Kholer และอาจติดฉากกั้นหรือม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองนะ
- Emmaline บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 136.41 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
เป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กของโครงการ ที่มีลักษณะฟังก์ชันคล้ายๆกับบ้านหลังใหญ่สุด แต่จะมีขนาดที่เล็กลงมา และตัดฟังก์ชันบางส่วนออก เพื่อยังคงให้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยในฟังก์ชันหลักที่กว้างขวางเหมือนเดิม
แปลนชั้น 1 จะยังคงมี Foyer และห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งาน เพียงแต่จะมีขนาดที่เล็กลงบ้าง และปรับตำแหน่งบันไดให้ไปอยู่ด้านหลังบ้าน เพื่อที่ห้องนั่งเล่นจะได้กว้างเต็มที่เหมือนเดิม ส่วนครัวก็จะเล็กลงนิดหน่อย แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานครับ
แปลนชั้น 2 เค้าจะตัดพื้นที่อเนกประสงค์และห้องเก็บของออกไป รวมถึงจะไม่มีระเบียงเหมือนเดิมครับ เพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยในห้องนอนหลักทั้ง 3 ที่กว้างขวางแบบนี้ โดยที่ห้อง Master Bedroom จะมี Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องจะต้องใช้งานห้องน้ำร่วมกันที่ด้านนอก แต่ที่น่าสนใจคือ เราสามารถทุบผนังตรงกลางออก เพื่อเชื่อมต่อห้องนอนเล็กให้กลายเป็น Master Bedroom ที่ 2 ได้ด้วยนั่นเอง
โดยแบบบ้านหลังนี้จะมีบ้านเปล่ามาตรฐานให้ได้ชมกันด้วยนะครับ ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปชมบริเวณหน้าบ้านกันก่อนว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
เริ่มกันที่ประตูรั้วบ้านจะเป็นเหล็กรางเลื่อนแบบตอนเดียว ซึ่งทำให้ใช้งานได้สะดวกดีมากๆ อีกทั้งเรายังสามารถติดตั้งเป็นประตูอัตโนมัติได้ง่ายอีกด้วย
ส่วนพื้นที่จอดรถก็จะกว้างประมาณ 5 m. ให้สามารถจอดรถได้แบบพอดีๆ เป็นแบบ Slab on Ground แยก Joint ออกจากโครงสร้างบ้านแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าหากพื้นดินทรุดตัวแล้วจะส่งผลต่อตัวบ้าน รวมถึงเราอาจต่อเติมหลังคาพื้นที่จอดรถเพิ่มเองได้อีกด้วยครับ
อ่านบทความ >> ต่อเติมพื้นและหลังคาที่จอดรถ ต้องใช้งบเท่าไหร่?
และด้านหน้าบ้านก็จะมีช่องทิ้งขยะที่สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ด้าน ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้กับเจ้าของบ้าน และพนักงานเก็บขยะได้เป็นอย่างดี
กลับมาที่บ้านตัวอย่างกันครับ โดยบริเวณด้านหน้าจะมีทางเข้าบ้าน 2 จุด เหมือนกับบ้านหลังใหญ่ก่อนหน้านี้เลยนะ
เพียงแต่ขนาดพื้นที่ภายในจะเล็กลงนิดหน่อย โดยตรง Foyer จะกว้างประมาณ 2 m. แต่ก็ยังสามารถ Built เป็นชั้นวางรองเท้าและที่นั่งให้ใช้งานได้สะดวกเหมือนเดิมครับ
Common Area จะมีขนาดใหญ่และเชื่อมต่อยาวไปจนถึงด้านหลังบ้านเหมือนเดิม โดยความลึกของบ้านอาจน้อยลงนิดหน่อย เลยทำให้จัดเฟอร์นิเจอร์แล้วดูเต็มพื้นที่มากขึ้น
ซึ่งพื้นที่ส่วนแรกจะเป็นที่วางโซฟานั่งเล่น มีระยะดูทีวีกว้าง 2.8 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้สบายๆ ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ และมีความสูงฝ้า 2.6 m.
ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ที่นั่ง พร้อมทั้งประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไปยังสวนด้านข้างบ้านได้เหมือนเดิม
อีกด้านหนึ่งของบ้านจะเป็นโถงทางเดินแยกออกไปยังฟังก์ชันต่างๆ ซึ่งพอบันไดย้ายมาอยู่บริเวณนี้ ก็เลยทำให้เราสามารถขึ้น-ลงชั้น 2 ของบ้านได้สะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยลัดจากทาง Foyer ไม่ต้องเดินผ่านหน้าทีวีที่อาจมีแขกอยู่นั่นเองครับ
สำหรับห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างจะมีขนาดประมาณ 2.6 x 3.5 m. สามารถปรับเป็นฟังก์ชันอื่นๆได้ตามต้องการ เช่น บ้านตัวอย่างนี้ทำเป็นห้องออกกำลังกาย หรือเราอาจทำเป็นห้องทำงาน และห้องดูหนังเล่นเกมส์ก็ได้
ติดกันจะเป็นห้องครัวปิดที่สามารถทำอาหารได้จริงจัง โดยพื้นที่ภายในจะกว้างประมาณ 90 cm. ให้ใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับเคาน์เตอร์ครัวที่ Built-in มาให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
และลานซักล้างที่อยู่หลังบ้านของจริงจะเป็นพื้นปูน Slab on Ground มาให้แบบนี้ครับ
ถัดมาจะเป็นห้องน้ำที่กว้างประมาณ 1.8 x 1.7 m. แบ่งเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1 x 0.9 m. สามารถติดฉากกั้นหรือม่านพลาสติก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นเลอะทั้งห้องได้นะครับ ส่วนสุขภัณฑ์ต่างๆก็จะเป็นของ Kholer ครบเหมือนเดิม
บันไดจะเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมปิดผิวด้วยไม้จริง มีความแข็งแรงทนทาน กว้างประมาณ 90 cm. พร้อมมีราวจับให้เดินปลอดภัย และห้องเก็บของขนาดใหญ่ใต้บันได
โดยช่องแสงจะมีเพียงช่องเดียวทางด้านข้างเท่านั้น ซึ่งก็เพียงพอต่อการใช้งานตอนกลางวัน และยังได้ความเป็นส่วนตัวจากเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันอีกด้วย ส่วนพื้นชั้นบนจะเป็นไม้ลามิเนต และมีความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.8 m.
ห้องนอนแรกทางขวามือจะอยู่บริเวณด้านหลังบ้าน และมีขนาด 3.15 x 3.5 m. โดยหากใครที่มีลูกแค่คนเดียวก็อาจปรับเป็นห้องพระ ห้องทำงาน หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ครับ
ติดกันจะเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งอยู่ตำแหน่งทางด้านหน้าบ้าน มีขนาดประมาณ 2.8 x 5.1 m. เหมาะที่จะเป็นห้องนอนลูกคนโต ซึ่งกว้างมากพอที่จะแบ่งพื้นที่เตียงนอน และพื้นที่แต่งตัวออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วนได้สบายๆ รวมถึงเราสามารถทุบผนังทางขวามือ เพื่อเชื่อมต่อกับห้องนอนเล็กก่อนหน้านี้ ให้กลายเป็น Master Bedroom ที่ 2 อีกห้องเลยก็ได้ครับ
ส่วนอีกด้านหนึ่งของโถงบันไดจะเป็นห้องน้ำและ Master Bedroom
เริ่มที่ห้องน้ำทางซ้ายมือจะใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กทั้ง 2 ภายในแบ่งฟังก์ชันไว้อย่างเป็นสัดส่วนดี มีพื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.35 x 1.5 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1 x 1.2 m. ตามลำดับ
สุดท้ายคือห้อง Master Bedroom ซึ่งจะกินพื้นที่หน้าบ้านกว้างถึง 3.8 m. ทำให้มีพื้นที่ใช้งานรอบเตียงได้สบายๆ
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็สามารถจัดเป็นมุม Walk-in Closet หน้าห้องน้ำได้เลยครับ
ภายในห้องน้ำส่วนตัวจะแบ่งฟังก์ชันไว้เป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์ต่างๆจาก Kholer ครบ
โดยขนาดพื้นที่ใช้สอยจะใกล้เคียงกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ประกอบด้วยพื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.25 x 1.7 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1.4 x 0.9 m. ตามลำดับ
ส่วนบ้านเปล่ามาตรฐาน เพื่อนๆสามารถคลิกชมภาพบรรยากาศจาก Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
มิตติ ชัยพฤกษ์ วงแหวน ราคา ณ วันที่ 14 กันยายน 2565
- Emmaline บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 50.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 136.41 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท - Merak บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 53.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 176.93 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ
– ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท - ค่าจอง แบบบ้าน Emmaline = 10,000 บาท / แบบบ้าน Merak = 30,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 30,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 70,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : ทำเลเชื่อมต่อถนนหลัก 2 สายคือ ถนน 345 และถนนชัยพฤกษ์ จึงสามารถเข้า-ออกได้หลายทาง ไม่ต้องเสียเวลากลับรถไกลๆ จะขับเข้าเมืองก็สะดวก หรือจะไปใช้วงแหวนกาญจนาภิเษกก็ได้ โดยมีระยะทาง 4.8 km. ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆกับโครงการ จะมีทั้งร้านสะดวกซื้อที่อยู่ห่างไม่กี่ร้อยเมตร มีโลตัสตรงบางใหญ่ โฮมโปรและโรบินสันตรงราชพฤกษ์ หรือถ้าเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆก็จะมี Central WestGate และ Central แจ้งวัฒนะ เป็นต้น
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : ซุ้มประตูด้านหน้าโครงการมีป้อม รปภ. ที่ดูแลตลอด 24 ชม. พร้อมทั้งใช้ระบบ AI จดจำป้ายทะเบียนรถเข้า-ออกโครงการ ซึ่งสะดวกสบายคล้ายกับ Easy Pass บนทางด่วน รวมถึงยังมีกล้อง CCTV ติดตั้งไว้ทั้งด้านหน้าและพื้นที่ส่วนกลางเป็นมาตรฐานครับ ส่วนภายในบ้านจะไม่มีระบบความปลอดภัยใดๆให้ อาจต้องติดตั้งเพิ่มเติมเองนะ
การออกแบบโครงการ : มีเพื่อนบ้าน 126 ยูนิต ถือเป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มากครับ ค่อนข้างเป็นส่วนตัวดีทีเดียว ซึ่งการวางผังของบ้านแต่ละหลังส่วนใหญ่จะไม่ได้อยู่ในซอยตัน ทำให้สามารถขับรถวนได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลากลับรถในซอย แต่ความเป็นส่วนตัวก็อาจลดลงอยู่บ้าง เพราะมีเพื่อนบ้านขับรถผ่านบ่อยขึ้นนั่นเองครับ ซึ่งบ้านหลังที่อยู่ในซอยย่อยนั้นก็นับว่าเป็น Rare Item ที่มีให้เลือกไม่เยอะมากนัก
รวมถึงส่วนกลางก็จะมีการกระจายตัวอยู่ 3 จุด ทำให้สามารถใช้งานกันได้อย่างสะดวกและทั่วถึง โดยผมชอบที่เป็นการกระจายพื้นที่สีเขียวด้วยในตัว ทำให้บรรยากาศโดยรวมในอนาคตจะรู้สึกร่มรื่นและสดชื่นมากขึ้น เพราะเรามีโอกาสได้ขับรถผ่านสวนอยู่บ่อยครั้งนั่นเองครับ
การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : แบบบ้านของโครงการนี้จะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในเป็นหลัก โดยตัดระเบียงออกไป และลดขนาดฟังก์ชันที่ไม่จำเป็นอย่างครัวและห้องน้ำลง ให้เหลือเพียงพอใช้งานได้สะดวกเท่านั้น แล้วนำไปเพิ่มให้กับพื้นที่ส่วนกลางและห้องนอนให้กว้างขวางแทน รวมถึงบ้านทุกแบบยังมีห้องชั้นล่างให้ทำเป็นห้องผู้สูงอายุ หรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเพิ่มฟังก์ชัน Foyer ที่ไม่ค่อยได้เห็นในโครงการอื่นๆเข้ามาให้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บรองเท้าเป็นสัดส่วนเยอะๆนั่นเอง
โดยแบบบ้าน Merak ที่เป็นหลังใหญ่สุด จะเด่นในเรื่องฟังก์ชันที่เยอะ เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการห้องนอน 4 ห้อง พร้อมทั้งมีพื้นที่อเนกประสงค์ด้านบนให้ใช้งานเพิ่มอีกด้วย แต่ที่น่าสนใจคือเราจะได้ห้องเก็บของขนาดใหญ่ถึง 2 ห้อง ทำให้เหมาะกับคนที่อาจมีของเยอะๆ หรือมีธุรกิจที่ต้องสต๊อกสินค้าไว้ที่บ้านด้วยนั่นเอง ส่วนแบบบ้าน Emmaline ที่เป็นหลังเล็กจะเด่นในเรื่องฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้ง่าย โดยเฉพาะห้องนอนเล็กทั้ง 2 ที่เราสามารถทุบผนังออก และเชื่อมต่อพื้นที่กลายเป็น Master Bedroom ที่ 2ได้นั่นเองครับ
วัสดุ : โครงสร้างบ้านก่ออิฐมวลเบา สามารถทุบ/ต่อเติมได้ง่าย พื้นที่จอดรถและลานซักล้างเป็นแบบ Slab on Ground แยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน ได้ประตูเหล็กรางเลื่อนที่ใช้งานง่าย และเคาน์เตอร์ครัวที่ Built-in มาให้เป็น Top หินแกรนิต ซึ่งโดยภาพรวมอาจรู้สึกว่าเราได้ช่องแสงน้อยสักหน่อย แต่ก็เป็นเพราะเค้าต้องการให้ภายในบ้านมีความเป็นส่วนตัว และเปิดให้แสงเข้าเพียงแค่ที่จำเป็นเท่านั้น โดยเราจะได้เป็นกระจกเขียวตัดแสงทั้งหลัง และมี Digital Door Lock ที่ประตูหน้าด้วยครับ
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : ปัจจุบันโครงการยังไม่มีสวนสาธารณะให้ชมนะครับ แต่หากเราลองมาวิเคราะห์จากผังดูแล้ว จะเห็นว่าเค้ามีการกระจายพื้นที่สวนเอาไว้ถึง 3 จุด ซึ่งภาพรวมก็จะทำให้เวลาขับรถผ่านไป-มา ก็จะรู้สึกเขียวขจีและสดชื่นมากขึ้น โดยเฉพาะตรงถนน Main ที่มีการปลูกต้นไม้ตรงเกาะกลาง ที่คาดว่าอนาคตหากต้นไม้โตเต็มที่ก็น่าจะร่มรื่นมากขึ้นครับ
สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆครบ โดยหากเทียบกับจำนวนยูนิตแล้วผมถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน โดยอาคาร Clubhouse จะประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่น สระว่ายน้ำ และ Fitness ส่วนในอนาคตก็จะมีสวนสาธารณะและสนามเด็กเล่น ให้ใช้งานกันได้ที่เฟสด้านในด้วยครับ แต่จะเป็นอย่างไรและน่าใช้งานแค่ไหนก็ต้องรอดูของจริงกันอีกที
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 5 – 7 ล้านบาท, 14 กันยายน 2565
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ทำเลเชื่อมต่อถนนหลัก 2 สาย เข้า-ออกได้หลายทาง ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นกระดก รปภ. 24 ชม. ระบบ AI จดจำป้ายทะเบียนรถ
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวาง ฟังก์ชันหลากหลายและยืนหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ง่าย
- วัสดุ 7.5/10 – โครงสร้างก่ออิฐมวลเบา ทำเคาน์เตอร์ครัวให้ ที่จอดรถ Slab on Ground
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – กระจายสวนเอาไว้ 3 จุด พร้อมลูกต้นไม้ที่เกาะกลางถนนหลัก
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ฟังก์ชันหลักๆครบ และเพียงพอต่อการใช้งานของจำนวนยูนิต
- 7.58 / 10.00
มิตติ ชัยพฤกษ์ วงแหวน เหมาะกับใคร
โครงการ มิตติ ชัยพฤกษ์ วงแหวน เหมาะกับคนที่มองหาบ้านเดี่ยวย่านนนทบุรี-บางบัวทอง ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก โดยเน้นบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในเยอะ ห้องหลักๆมีขนาดกว้างขวาง ฟังก์ชันใช้งานเยอะปรับเปลี่ยนได้ง่าย ซึ่งเป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มากนัก พร้อมส่วนกลางที่เพียงพอให้ใช้งาน มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 5.99 – 6.99 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 42,000 – 49,000 บาทขึ้นไป
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc